Chapter 12 --- ❝ความรู้สึกประหลาด ❞
------------
ร้านกาแฟข้างออฟฟิศในตอนเช้าแสนจะเร่งรีบแบบนี้คลาคล่ำไปด้วยพนักงานออฟฟิศที่ต่อแถวหาเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นเตรียมพร้อมสำหรับการลุยงานอันแสนจะหนักหน่วงตลอดทั้งวัน กลิ่นหอมกาแฟโชยกรุ่นไปทั่วร้านละมุนดีต่อใจปลุกความง่วงที่มีให้ทุเลาลงไปได้บ้าง ผมยืนรอคิวหลังจากสั่งเครื่องดื่มสองแก้วนั่นคือเอสแปรสโซ่เย็นหวานน้อยของพี่ปราบกับชาเขียวเย็นเพิ่มหวานของผม
เช้านี้ผมกับพี่ปราบมาทำงานพร้อมกัน เมื่อคืนคนตัวสูงรักษาสัญญาไว้เป็นอย่างดีไม่ก่อความวุ่นวายปล่อยให้ผมหลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกนั่นแหละถึงได้ลุกขึ้น แล้วพบว่าร่างกายกลับมาเกือบปกติดีแล้ว เปิดประตูห้องนอนไปพี่มันก็แต่งตัวครบองค์เสร็จเป็นที่เรียบร้อย
ผมขอให้พี่ปราบขึ้นไปห้องทำงานก่อน ด้วยไม่อยากเดินไปทำงานพร้อมกันเกรงจะมีเสียงนินทาเกิดขึ้นตามมาภายหลังแม้จะเลี่ยงไม่ได้ก็ตามที ผมไม่มีผลกระทบในใดๆ หรอกก็แค่นักศึกษาฝึกงานคนหนึ่งแต่พี่ปราบเป็นถึงรองประธานบริษัทคงดูไม่ดีหากมีคนรู้ว่ามาทำงานด้วยกันจะเสียการปกครองเปล่าๆ
“มาทำงานได้แล้วหรอน้องมีน” เสียงทักจากพี่จินตนาเอ่ยขึ้นขณะผมก้มกดไอจีเพลินๆ รอเครื่องดื่ม
“ครับ หายแล้ว”
“มาฝึกงานวันเดียวก็ลาป่วยซะละ แถมยังลาพร้อมท่านรองประธานอีก ไม่ได้มีนอกมีในอะไรกันใช่มั้ยคะ”
“เปล่าครับ”
“ดีแล้วแหละ อะไรที่มันอยู่สูงเกินตัวอย่าไปยุ่งเลยเนาะ พี่เป็นห่วงเลยต้องเตือน” สาบานได้ว่าเป็นห่วงจริงๆ อย่างที่พูด
“แต่ที่จริงมันก็มีเส้นกั้นบางๆ ระหว่างเตือนกับเสือกเหมือนกันนะครับ” เสียงไอ้เก้าดังมาจากข้างหลังพี่จินตนา ทำเอาคนโดนย้อนมองหน้าเหวี่ยง
“ทำไมพูดกับรุ่นพี่แบบนี้ เป็นแค่เด็กฝึกงานนะ”
“พี่ก็เป็นแค่พนักงานเหมือนกัน ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัท อย่าเก่งให้มันมาก”
“ไอ้เก้าพอแล้ว” ผมห้ามเพื่อนไว้ไม่อยากให้มีประเด็นอะไรมาก ไอ้นี่ยิ่งโหดๆ อยู่กลัวใครที่ไหน
“คิวที่ 21 ได้แล้วค่ะ” เสียงระฆังช่วยไว้ได้ทัน ผมจึงลากไอ้เก้าไปรับกาแฟที่เคาน์เตอร์ โดยมีสายตาพี่จินตนามองอย่างหมายหัว ไม่รู้ว่าตัวผมเองไปทำอะไรให้พี่แกเกลียดนักหนาพึ่งมาฝึกงานสามวันแต่โดนแซะไม่เลิก
“อ้าว ทำไมมีกาแฟด้วยละมึงไม่กินกาแฟนิอย่าบอกนะ ...” ไอ้เก้าพูดดังมากขนาดที่ว่าคนนอกร้านก็ได้ยิน ผมแอบเห็นมันเหลือบตาไปมองพี่จินตนาที่นั่งคอตรงหูผึ่ง
“ว่าแก้วนี้ของพี่ปราบตอบแทนที่เค้าไปนอนเฝ้าไข้มึงใช่ปะ”
เออนั่น!!!ไอ้เพื่อนเหี้ย หาประเด็นให้กูแล้วมั้ยละ ผมรีบลากมันออกจากร้านก่อนหายนะจะเพิ่มมากขึ้นไปกว่านี้
“คุณชบาเข้ามาพบผมหน่อย” พี่ปราบกดเรียกเลขาคู่ใจให้เข้ามาพบ ไม่นานพี่ชบาก็เปิดประตูห้องเข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะเจ้านายพร้อมรับคำสั่ง ส่วนผมนั่งพิมพ์เอกสารสรุปการประชุมให้พี่มันอยู่
“เดี๋ยวคุณโทรให้คุณช้างเข้ามาวัดตัวตัดชุดสำหรับออกงานวันเสาร์นี้ด้วยนะ”
“ได้ค่ะท่านรอง”
“แล้วหลังจากนี้ไม่ต้องซื้อกาแฟมาให้ผมแล้วนะครับ”
“ทำไมคะ ชบาทำอะไรผิดหรือเปล่า”
“เปล่า ..แต่ผมจะให้คุณธาราเค้าเป็นซื้อมาให้แทน”
พี่ปราบมองที่แก้วกาแฟก่อนจะย้ายนัยน์ตาสีดำประกายแพรวพราวนั้นมายังผมที่แกล้งทำเป็นพิมพ์งาน ทั้งที่ใจสั่นริกๆ กลัวพี่ชบาจะจับได้
“เพราะผมชอบบบบบบ”
“ชบาเข้าใจค่ะ ชบาว่ากาแฟร้านนี้น่าจะถูกปากท่านรองมาก”
“ที่สุดเลยแหละ”
แล้วทั้งเจ้านายลูกน้องก็พากันยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ ปล่อยให้ผมที่ทำเป็นยุ่งทั้งที่ไม่มีอะไรให้ยุ่งเลย กดแป้นพิมพ์รัวๆ แก้เขินไปแบบนั้นเอง
ไม่นานช่างส่วนตัวที่พี่ปราบให้คุณชบาโทรก็เข้ามาพบ ผู้ชายอ้อนแอ้นหน้าตาดีกับผู้ช่วยอีกหนึ่งคนยกมือขึ้นสวัสดีท่านรองประธานพูดคุยกันดูสนิทสนม ผมเคยเห็นพี่เขาในนิตยสารแฟชั่นทั่วไปช่างคนนี้มีชื่อเสียงในการออกแบบเสื้อผ้าให้กับเครื่องแบบของสายการบินเบอร์ต้นๆ ของประเทศ รวมถึงงานแสดงแฟชั่นใหญ่ๆ อีกมากมาย
“คนนี้หรือเปล่าคะที่จะให้ช้างตัดชุดให้” ดีไซเนอร์คนดังหันมาทางนี้ เดี๋ยวนะผมเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย
“ใช่ครับคนนี้แหละ” พี่ปราบตอบก่อนจะเรียกผมให้เข้าไปหา “มีนมานี่ก่อน”
“ครับ” ผมเดินออกจากโต๊ะทำงานไปหายืนข้างๆ พี่ปราบและคุณช้างตรงส่วนของโซฟารับแขก คุณช้างมองคล้ายสำรวจผมทั้งตัวแล้วยกยิ้มเอียงคออย่างพอใจ
“นี่คุณช้าง ดีไซเนอร์มือหนึ่งของประเทศ”
“สวัสดีครับคุณช้าง” ผมยกมือขึ้นไหว้
“แหม คุณปราบก็มือหนึ่งอะไรกันคะ ทั่วไปค่ะ ชมช้างแบบนี้ตัวลอยหมด”
“ยังไงผมฝากน้องด้วยนะครับอาจจะเป็นงานเร่งหน่อย พอดีเพิ่งนึกได้ว่าอยากให้เค้าไปด้วยหวังว่าจะไม่รบกวนคุณช้างจนเกินไป”
“ยินดีค่ะ เดี๋ยวช้างจะเนรมิตให้เลย รับรองปังปุริเย่สุดๆ ”
“ขอบคุณครับ”
พี่ปราบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ปล่อยให้คุณช้างกับผู้ช่วยจับผมหันซ้ายขวาไปตามมือและสายวัดที่ทาบไปทุกส่วน ทั้งอก ไหล่ ช่วงตัว แขน ขา จนเสร็จเรียบร้อย
“น้องมีนหน้าตาดีจังเลยนะคะ ว่างๆ ไปถ่ายรีวิวสูทให้ร้านพี่ช้างหน่อยสิ”
“มีนไม่ถนัดครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
“เสียดายจัง ถ้าเปลี่ยนใจบอกพี่นะ พี่รอ”
“ขอบคุณครับ”
พี่ช้างชวนผมให้ไปนั่งที่โซฟาพร้อมเปิดแบบสูทหลากหลายในแคทตาล็อกให้ผมเลือกว่าชอบสีไหนทรงไหนประกอบกับแนะนำเพิ่มเติมว่าผมควรจะใส่แบบไหนถึงจะเหมาะ เรานั่งคุยกันจนสรุปสีและแบบได้เรียบร้อย พี่ช้างและทีมงานจึงขอตัวกลับ
“พี่ยังไม่ได้ถามมีนเลยนะครับ ว่ามีนจะไปงานกับพี่หรือเปล่าแบบนี้เค้าเรียกมัดมือชก” ผมพุ่งไปหาพี่ปราบทันทีที่ส่งทีมงานดีไซเนอร์เสร็จ
“ทำไมต้องถาม นี่เป็นคำสั่งของท่านรองนะ คุณธารา”
“เผด็จการ บ้าอำนาจ”
“ที่สุดเลยแหละ”
ชิ!!เกลียดท่ายักไหล่กับการร้องเพลงอย่างมีความสุขนั่นจริงๆ เลยและอะไรคือการให้ผมนั่งเลือกสีชุดสูทตั้งนานสุดท้ายจบลงที่คุณช้างบอกผมว่า
‘คุณปราบเลือกให้น้องมีนเรียบร้อยแล้วค่ะ’
เที่ยงนี้ผมลงมาหาอะไรกินแถวๆ ออฟฟิศกับไอ้เก้า สาระประเด็นหลักที่มันคุยกับผมก็หนีไม่พ้นเรื่องที่พี่ปราบกับผมมาทำงานด้วยกันเมื่อเช้า ไอ้ห่านี่เสือกตาดีเห็นผมลงจากรถพี่ปราบแถวๆ ป้ายรถเมล์ก่อนถึงบริษัท
ผมว่ามาเช้ามาแล้วนะและก่อนลงก็ดูทางแล้วว่าไม่มีใคร!!มันเห็นตอนไหนหว่า
“อะไรยังไงไหนพูด”
“อะไรของมึง” ผมแกล้งตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้ ชวนให้ไอ้เก้าขมวดคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นโบกหัวผมหนึ่งทีเพื่อให้ผมหยุดตีมึนในสิ่งที่มันถาม
“เรื่องมึงกับพี่ปราบ หลายรอบแล้วนะ กูว่าไม่ปกติ”
“ก็ปกตินะ มึงคิดไปเองหรือเปล่าไอ้เก้า”
“ส้นตีนกูนิ ปกติเหี้ยอะไร นอนด้วยกันกี่รอบแล้วพวกมึงอะ ถ้ากูเดาไม่ผิดเมื่อเช้ามึงมาทำงานกับพี่มันชัวร์”
“มะ .. มึง เห็นหรอ”
“เต็มสองตา”
“อือ เมื่อคืนพี่มันค้างห้องดู แต่พี่ปราบนอนโซฟา กูนอนในห้อง”
“ร้อนตัวนะมึงเนี่ย” ไม่ได้ร้อน กูแค่รีบอธิบายเฉยๆ
“สรุปพวกมึงเป็นอะไรกันวะ”
“ก็เป็นเจ้านายกับลูกน้อง เป็นพี่ข้างบ้านกับน้องข้างบ้านไง”
“แต่กูว่าพี่มันชอบมึงชัวร์ล้านเปอร์ คนเราถ้าไม่รักไม่ชอบไม่แสดงออกชัดเจนขนาดนี้หรอกมึง มึงยังไม่ต้องเชื่อกูตอนนี้ก็ได้นะ กูเข้าใจว่ามันต้องใช้เวลา มึงอาจจะเข็ดกับความรักมามากหรือโดนพี่ปราบแกล้งบ่อยจนฝังใจแต่เชื่อกูว่าพี่มันไม่ได้มองมึงเป็นน้องแน่นอน กูกล้าเอาหุ้นบริษัทพ่อกูเป็นประกันได้เลย”
จะเป็นไปได้ยังไงกับสมมติฐานของไอ้เก้า ถึงแม้พักหลังๆ พี่ปราบจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ทำดีกับผมจนแปลกใจเท่าไหร่ก็ตาม แต่หากเทียบระยะเวลาที่มันแกล้งผม รังแกผมกับสิ่งดีดีที่พี่มันทำผมก็ยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ในตอนนี้ ที่สำคัญเขามีผู้หญิงของเขาอยู่แล้ว
ตอนบ่ายที่แสนจะง่วงเมื่อผมนั่งอยู่ภายในห้องทำงานแสนกว้างของท่านรองประธาน H กรุปตามลำดับ เหตุเพราะพี่ปราบมีประชุมกับฝ่ายบริหารผมเลยต้องนั่งแหง่วอยู่คนเดียว พิมพ์เอกสารไปตาก็เริ่มหนักเข้าไปทุกที หากพี่ปราบอยู่ตอนนี้ผมคงไม่ได้มีโอกาสง่วง เพราะคนตัวสูงจะชวนคุยไม่ก็แกล้งกวนประสาทผมอยู่เสมอ แม้บางทีที่พี่ปราบยุ่งเราต่างคนต่างเงียบก็ยังสดชื่นอยู่ดีไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ประตูห้องพี่ปราบถูกเปิดออก พร้อมกับผู้มาเยือนที่ไม่ใช่เจ้าของห้อง
ผู้หญิงสวย สูงหุ่นดีในชุดเดรสสีแดงกับกระเป๋าถือราคาแพงหยุดยืนมองผมเพ่งพิจารณา หล่อนคือผู้หญิงคนเดียวกับที่ผมเห็นเดินควงพี่ปราบร่อนทั่วห้าง ส่วนคนยืนข้างๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่จินตนาจอมแซะ
“นี่คุณเคธี่ แฟนของท่านรอง” พี่จินตนาแนะนำหล่อน พร้อมยกยิ้มแสยะใส่ผมราวสะใจ
“สวัสดีครับ ท่านรองติดประชุมครับ” ผมลุกขึ้นยกมือไหว้รับแขกของท่านรองอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม้ในใจจะโหวงๆ ชอบกล หล่อนไม่ตอบกลับอะไรนอกจากใช้สายตาเหยียดหยันผมตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า
“ชั้นรู้แล้ว ไม่ต้องบอก” เสียงนิ่งฟังดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
“คุณจะนั่งรอก่อนมั้ยครับ” หล่อนเดินไปที่โซฟารับรองแต่ยังไม่วายจ้องหน้าผมอยู่ตลอด
“ไปหาน้ำส้มให้ชั้นแก้วหนึ่งตอนนี้”
“ได้ครับ เดี๋ยวบอกแจ้งแม่บ้านให้นะครับ” เตรียมจะกดโทรแจ้งแม่บ้าน ทว่าต้องชะงักไว้แค่นั้น
“ชั้นสั่งเธอ ก็ต้องเธอที่ไปยก อย่าทำเกินคำสั่ง” นับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนจะตอบรับแล้วเดินลงไปหาแม่บ้านเพื่อเตรียมน้ำส้มให้กับแขกคนสำคัญของท่านรอง ความสวยที่ฉายอยู่บนใบหน้าไม่สามารถตัดสินเนื้อแท้ภายในของคนเราได้เลยจริงๆ กิริยาท่าทางที่แสดงออกต่อหน้าคนอื่นดูงดงาม ทว่าภายในร้ายยิ่งกว่าตัวร้ายหลังข่าวในละครที่ทาปากแดงแว่ดๆ ซะอีก
ผมกลับเข้ามาพร้อมกับน้ำส้ม แขกของท่านรองประธานนั่งหน้าเชิ่ดมองปลายด้วยหางตาในทุกก้าวย่างของผม มั่นใจว่านี่คือการเจอกันครั้งแรกระหว่างเรา (ไม่นับรวมที่ผมเคยเห็นหล่อนแล้ว) และผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เธอเกิดความไม่พอใจ แต่กลับโดนสายตาเกลียดเข้าไส้แบบนั้นมองอยู่ไม่ขาด
“น้ำส้มได้แล้วครับ” วางน้ำส้มแล้วตั้งใจจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง หลีกเลี่ยงหล่อนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าเธอไม่ชอบหน้าผมก็ไม่ควรจะอยู่เกะกะลูกตา มองนาฬิกาอีกไม่นานพี่ปราบก็คงเลิกประชุมมาหาแฟนเค้าแล้ว
“ชั้นเป็นแฟนของปราบ” หล่อนพูดขึ้นทำเอาผมหยุดชะงัก
“ทราบแล้วครับ คุณจินตนาแนะนำแล้วเมื่อสักครู่”
“ฉันต้องการให้เธอย้ายออกไปนั่งข้างนอก เป็นแค่เด็กฝึกงานจะเสนอหน้ามานั่งในห้องผู้บริหารได้ยังไง”
“บางทีน้องเค้าอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญก็ได้นะคะคุณเคธี่” พี่จินตนาเอ่ยสำทับประหนึ่งอีช้อยบ่าวรับใช้คนสนิทก็ไม่ปาน
“สำคัญ” รับมุกกันซะด้วย
“ใช่ค่ะ .. แต่เป็นสำคัญตัวผิดนะคะ” เสียงหัวเราะของผู้หญิงสองคนพร้อมสายตา ท่าทางเย้ยหยันทำผมต้องสูดลมหายใจเจ้าลึกๆ เพื่ออดกลั้นเอาไว้ ผมไม่ชอบมีเรื่องโดยเฉพาะกับผู้หญิงถ้าเลี่ยงได้ผมจะเลี่ยงและอดทนให้มากที่สุดเท่าขีดจำกัดจะรองรับไหว
“ผมเป็นคนของ H กรุป ผมทำตามคำสั่งเจ้านายที่เป็นสายตรงของผมเท่านั้นนั่นคือคุณปราบปราม ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถย้ายออกไปได้ตามที่คุณสั่ง”
“แก” เสียงแหลมดังลั่นห้อง
“ถ้าต้องการให้ผมย้ายออกไป ก็ให้ท่านรองมาบอกผมเอง”
“แกคงคิดว่าการที่ปราบเค้าเอาแกมานั่งในห้อง ใช้ให้แกไปซื้อกาแฟให้ แล้วก็รับแกมาทำงานด้วยเพราะเค้าชอบแกสินะ หวังอะไรเกินตัว อย่าคิดแม้แต่จะยุ่งกับปราบชั้นเตือนแกไว้เลย”
“หรอครับ”
“ชั้นรู้ดีว่าปราบเป็นยังไง เค้าไม่มีทางไปชอบเด็กผู้ชายหรือพวกเกย์แบบแกแน่นอน เพราะพวกแกเป็นเพศที่น่ารังเกียจ”
“ผมไม่โกรธคุณหรอกครับ จะถือว่าที่พูดมาคือคำพูดของคนไม่มีวุฒิภาวะและการศึกษา ตอนนี้โลกเค้าไปถึงไหนกันแล้ว มันหมดยุคของการเหยียดเพศแล้วครับ”
ซ่า!!!!!
หล่อนสาดน้ำส้มที่อยู่ในแก้วใส่หน้าผม หยดน้ำส้มไหลลามไปทั่วไปหน้าเลอะเปอะเปื้อนเป็นด่างดวงเสื้อนักศึกษาสีขาว ผมกำหมัดอย่างข่มอารมณ์ไม่ให้ทำอะไรรุนแรงออกมาตามนิสัยที่ไม่ยอมคน
“แก้วนี้ถือว่าเปียกน้อยกว่าน้ำบนถนนที่แกโดนวันก่อนนะ”
“เป็นคุณนี่เอง” รถคันที่เหยียบน้ำใส่ผมจนเปียกไปทั้งตัววันนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ!!แต่เกิดจากความตั้งใจ
“แล้วน้องจะทำไมหรอ” พี่จินตนาเสริมเข้ามา
“ไม่ว่าแกคิดจะทำอะไรอยู่ชั้นขอสั่งให้แกหยุด ถ้าแกไม่หยุดชั้นจะเล่นงานแกให้กระเด็นออกไปจากที่นี่เอง”
“ว้ายๆๆๆ สมน้ำหน้า”
หล่อนคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ มองเหยียดแรงอีกครั้งแล้วเดินออกไปพร้อมคนติดตาม เปิดประตูแล้วหยุดหันกลับมาเอ่ยคำพูดที่โคตรจะละครอีกครั้ง
“หวังว่ากลับมาคราวหน้าจะไม่เห็นหน้าโง่ๆ ของแกสะเหล่ออยู่ในห้องทำงานของแฟนชั้นอีกนะ”
ปัง!!!
เสียงประตูถูกปิดลง พร้อมกับความโกรธขั้นสุดที่เกิดขึ้นในใจผม เกิดมาไม่เคยมีเคยพูดจาดูถูกหรือมองเหยียดขนาดนี้มาก่อน ที่ผมอดทนไม่ตอบกลับไปเพราะเห็นว่าเป็นแฟนของพี่ปราบ หึ!! เค้าคงต้องเข้าข้างคนของตัวเองอยู่แล้ว จะมาสนใจผมทำไม
ขอบคุณตัวเองที่อดทนได้ในคราวนี้ ..... แต่คราวหน้า!!!ผมไม่รับประกัน
“เกิดอะไรขึ้นมีน ทำไมเสื้อเลอะไปหมดแบบนั้น”
พี่ปราบเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมคุณชบา พูดเสียงดังลั่นวินาทีที่เห็นผมครั้งแรก ท่าทางของพี่มันร้อนรนจะเดินเข้ามาหาผมอย่างลืมตัว ผมยกมือขึ้นห้ามมองไปทางพี่ชบา
“คุณชบาออกไปก่อน ”
“ค่ะท่านรอง”
พี่ปราบหันกลับมาหาผมอีกครั้ง!!
“เกิดอะไรขึ้นบอกพี่มาเดี๋ยวนี้”
“มีผู้หญิงมาหาท่านรองครับ บอกว่าเป็นแฟนท่านสั่งผมให้ย้ายโต๊ะออกไปข้างนอก สั่งให้ผมเลิกยุ่งกับท่าน”
“หืม”
“แล้วเค้าก็สาดน้ำส้มใส่ผม ก่อนหน้านั้นก็ขับรถเหยียบน้ำใส่จนผมป่วย”
ผมเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่คุณเคธี่กับพี่จินตนาเดินเข้ามาในห้องว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไม่ใช่นางเอกในละครที่จะมาอ้ำๆ อึ้งๆ กอดความจริงเอาไว้แล้วไปเฉลยตอนจบมันเชยไปแล้ว ในเมื่อคนของพี่ปราบทำผม พี่มันก็ต้องรับรู้ความจริง ส่วนจะเชื่อหรือไมจะจัดการยังไงต่อก็แล้วแต่ผมไม่เกี่ยวข้อง
พี่ปราบนิ่งงันไปชั่วครู่ สีหน้าเริ่มออกอาการไม่พอใจชัดเจน ดวงตาวิบดำขลับไร้ประกายใดๆ
“เคธี่หรอ”
“ครับคนนั้นแหละ”
แมร่ง!!ยังไม่ทันได้อธิบายรูปร่างครบเลยก็บอกชื่อถูกว่าเป็นใคร อย่างว่าคนเป็นแฟนกันจะเดาอะไรให้มาก แล้วผมจะโหวงๆ ทำไมวะ
“แล้วมีนได้ทำอะไรเคธี่มั้ย” ห่วงกันจังเลยเนาะ
“เปล่าครับ”
“ดีแล้ว”
“คุณเค้าเป็นแฟนท่านรอง ผมไม่กล้าแตะหรอกครับ ไม่ต้องห่วงผมยืนโง่ๆ ให้เค้าทำอยู่ฝ่ายเดียว”
ดูจากสภาพก็ไม่น่าถามแล้วมั้ย ว่าผมทำอะไรคนของตัวเองหรือเปล่า แทนที่จะถามว่าผมเจ็บตรงไหนมั้ย เค้าทำอะไรผมมากแค่ไหนไม่ใช่หรือไง
เหอะ!!แต่ก็ลืมไปว่าผมไม่ใช่แฟนพี่มัน เค้าก็ต้องปกป้องแฟนเค้าอยู่แล้วจะมาสนใจผมทำไม
แมร่งเอ๊ย!!ยิ่งคิดก็ยิ่งจุกอกแปลกๆ
“มันไม่ใช่แบบนั้นมีน”
ผมปิดเครื่องเก็บของเพราะได้เวลาเลิกงานแล้ว ปกติผมจะไม่กลับบ้านตรงเวลาขนาดนี้ แต่วันนี้ผมไม่อยากอยู่แม้กระทั่งอีกแค่เศษวินาทีเดียว ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่ปราบ ไม่อยากคุย ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น มันร้อนวูบๆ วาบๆ ใจหวิวโหวงไปหมด เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ปราบพูดออกมาแต่ละอย่าง
ความรู้สึกประหลาดมันเล่นงานผมอีกแล้วคราวนี้มันหนักกว่าคราวก่อน
คล้ายอยากจะร้องไห้ อึดอัด แต่ก็หาสาเหตุไม่ได้เลยว่าทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้
“ฟังพี่ก่อนได้มั้ย อย่าพึ่งกลับสิให้พี่ได้อธิบายก่อน”
“ผมเลิกงานแล้ว ขอตัวกลับเลยนะครับท่านรองประธาน”
ผมเดินหลบพี่ปราบที่มายืนขวางเอาไว้ไม่ให้ผมเดินออกไปโดยง่าย สองมือกวัดเกี่ยวแขนผมพัลวันวุ่นวาย โน่นไปยุ่งกับแฟนตัวเองโน่นไม่ต้องมายุ่งกับผม
“งั้นรอแปบ เดี๋ยวพี่ไปส่งจะได้คุยกันให้เข้าใจ”
“ไม่ต้องผมกลับเอง เชิญท่านไปหาแฟนท่านเถอะครับ”
“มีน มีเหตุผลหน่อยฟังพี่ก่อน” เออ!!ผมมันคนไม่มีเหตุผล
“ถ้าแฟนท่านกล่าวหาอะไรผมท่านเชื่อได้เลยนะครับ สั่งลงโทษผมได้เลย จะให้ผมย้ายออกไปข้างนอกหรือไม่ให้ฝึกงานที่นี่แล้วก็ได้ผมยินดี”
“หึงพี่ใช่มั้ย”
กึก!!!ผมหึงพี่ปราบจริงหรอ
“ท่าทางแบบนี้เค้าเรียกว่าหึง” ท่าทางแบบไหนวะ
“ผมไม่ได้หึง ผมไม่ได้เป็นอะไรกับท่าน จะหึงทำไม”
พี่ปราบดึงผมเข้าไปประกบจูบในขณะที่ผมเผลอคิดสับสนอยู่ คราวนี้มันเป็นจูบอุ่นนี่ถูกล่วงล้ำเข้าไปในปากด้วยลิ้นสาก ผมตาเบิกโพลงตกใจรีบผลักคนฉวยโอกาสออกห่าง
“ถ้าท่านจูบผมอีกผมจะต่อยให้คว่ำเลยคอยดู”
“มีนไม่กล้าหรอก มีนหึงพี่เพราะชอบพี่ มีนไม่ต่อยคนที่มีนชอบหรอกจิงมั้ย”
หมับ!!!พี่ปราบดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง
ผั๊ว !!!!
.
“โอ๊ยมีนต่อยพี่ทำไม พี่เจ็บนะ”
“อย่าฉวยโอกาสกับผมอีก เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมไม่ชอบ”
“ทำไมหึงแล้วเหวี่ยงขนาดนี้ละครับ มันน่ารักรู้มั้ย”
.
“ไปตายซะไอ้พี่ปราบ”พวกหล่อนยังไม่รู้จักลูกชายชั้นดีพอ นังธัวดีย์!!เตรียมตัวได้เลย เตือนแล้วนะ (เสียงเชฟป้อม)
นางร้ายละครไทยนิดนึง!!แต่นางมาเพื่อพลิกเกมส์นะหล่อน
มีนเป็นไรลูก!!ทำไมเหวี่ยงพี่ขนาดนั้นนนนนน