พาร์ท ๒เครื่องมือสื่อสารสั่นสะเทือนกระทบโต๊ะไม้ดังครืดคราด หน้าจอเปล่งแสงวิบวับเป็นสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้า ผมคว้ามือถือตัวจ้อยแล้วล้มแผ่ลงบนเตียงนุ่ม การแช่น้ำอุ่นช่วยให้สบายตัวจนต้องฮัมเพลงเบาๆในลำคอขณะเปิดดูข้อความ
“มาหาชั้นหน่อยสิ
ร้านที่เราเจอกันครั้งแรก”
สายฟ้า
ผมกำโทรศัพท์ค้าง
รู้สึกไม่ต่างจากเชือกไหมพรมที่ถูกดึงเล่นจนพันกันยุ่งเหยิงสักเท่าไหร่
สับสนผมอิงศีรษะกับผนังห้อง หลับตาลงอย่างอ่อนแรง
ไป หรือไม่ไป
ผมถอนหายใจแรงขณะดึงโค้ทกันลมออกจากไม้แขวน ผมก็ยังเป็นผม
ที่โง่งมกับสายฟ้าได้ทุกเรื่อง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาผมก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูกระจกติดฟิล์มสีมืด ป้ายไฟสีฉูดฉาดบอกให้แน่ใจว่ามาถูกร้าน...ผมสูดหายใจลึกก่อนจะผลักบานกระจกหนาเข้าไปในแสงสลัวนั้น
นีออนสีชมพูสว่างพอจะมองหาคนได้ไม่ลำบากนัก เสียเวลาไม่นานก็พบเจ้าของข้อความที่เรียกผมมาถึงที่นี่
สายฟ้าก็ยังเป็นนายสายฟ้าที่โดดเด่นและมีผู้หญิงมากมายรุมล้อมเอาอกเอาใจเหมือนทุกครั้ง....ตัวเลือกของสายฟ้ามีอยู่ล้นเหลือเสมอ วูบหนึ่งที่ผมอยากจะหันหลังกลับ แต่คิดอีกทีมันก็คือเรื่องปกติที่ผมควรจะชินชาได้แล้ว
ผมเดินเข้าไปใกล้ และหินที่นั่งทำหน้าเบื่ออยู่ในกลุ่มเป็นคนแรกที่เห็นผม หินสั่นหน้าทำท่าอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เพราะอาการนั้นทำให้คนอื่นพากันจ้องผมเป็นตาเดียว
“เชื่องอย่างที่คุยมั้ยล่ะ สั่งให้มาก็มา”หนึ่งคนที่ไม่แม้แต่จะปรายตามามอง คือสายฟ้าที่เจตนาพูดเสียงดังให้แน่ใจว่าผมจะได้ยิน
และผมก็ได้ยินมันอย่างที่เขาหวัง
เจ็บ อย่างที่สายฟ้าหวัง
“คงคิดว่ามาแล้วนายจะสงสารบ้างล่ะม้าง ฮ่าฮ่าฮ่า”
เพื่อนที่ดูจะเมาได้ที่คนหนึ่งโพล่งออกมาดังลั่นจนคนอื่นต้องรีบยัดแก้วเหล้าเข้าปาก
ผมบังคับตัวเองให้นิ่งสงบ....เลือกจะมาทั้งที่รู้...จะโดนหัวเราะเยาะมันก็ช่วยไม่ได้
ผมยิ้มอย่างผู้แพ้ก่อนจะตอบเบาๆ
“ครับ...ถ้าผมจะมีดีในสายตาเขาขึ้นมาบ้าง
ต่อให้ต้องคลานมาผมก็จะทำ”
ทุกถ้อยทุกคำ....ไม่ได้เคลือบแฝงการประชดประชันเสียดสีหรือตัดพ้อต่อว่า....
ผมพูดตามความคิดโง่ๆของตัวเอง.....ความคิดที่สายฟ้าช่วยพิสูจน์ด้วยรอยยิ้มเย็นชาแล้วว่า
มันไม่มีค่า
ผมยิ้มให้สายฟ้าแล้วถอยห่างออกมา
จบหน้าที่ของ
“ ตัวตลก ” แล้ว
สองขาฝืนก้าวมาได้แค่บันไดหน้าร้านก็ต้องทรุดตัวลงอย่างคนเสียศูนย์ เสียงประตูเปิดด้านหลังบอกให้รู้ว่าควรจะลุกขึ้นสักที ตรงนี้พลุกพล่านเกินกว่าจะมานั่งแสดงความอ่อนแอให้ใครมอง...ยังอายไม่พออีกหรือเรน
ผมเตรียมจะหยัดกายยืน คนมาใหม่ก็ดันไหล่ให้นั่งลงตามเดิมแล้วยองตัวลงมายื่นแก้วบรรจุน้ำสีใสให้ผม
เป็นหินนั่นเอง ใบหน้าคมขรึมไม่มีรอยยิ้ม แต่กริยาเอกเขนกตามอารมณ์นั้นสร้างบรรยากาศสบายๆได้อย่างประหลาด ผมขอบคุณน้ำใจของหินแล้วรับแก้วมาจิบตามมารยาท กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆกับรสอุ่นที่ล่วงผ่านลำคอแห้งผากช่วยให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่สิ่งที่ช่วยเยียวยาจริงๆคงเป็นมือใหญ่ที่ลูบหัวผมเบาๆโดยไร้คำปลอบโยนกระมัง
“เลิกซะไม่ดีกว่าหรือ”
ความห่วงใยในน้ำเสียงช่วยยืนยันว่าหินเป็นคนใจดีกว่าที่แสดงออก
ผมตอบหินได้ทันที...เพราะมันเป็นคำถามเดียวกันกับที่ผมถามตัวเองซ้ำซากอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“ผมรออยู่น่ะฮะ”
หินเลิกคิ้วเป็นเชิงสั่งให้ผมขยายความ ผมเสยกแก้วขึ้นจิบอีกครั้งเพื่อเรียบเรียงคำอธิบาย
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนที่เงียบเก่งกว่าพูดอย่างผม
“ผมเชื่อว่าคนเรามีขีดจำกัด....แล้วผมก็แค่รอให้ถึงขีดจำกัดนั่น....เผื่อว่าถ้าเจ็บจนทนไม่ได้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ผมอาจจะกล้าตัดใจจากคนคนนั้นเสียที”
ตาผมจรดอยู่ที่หัวเข่า ไม่กล้ามองหน้าหินตรงๆ
ผมกลัวจะได้รับแววตาสงสารมาให้รู้สึกสมเพชตัวเองอีกครั้ง
ถึงจะอยากหัวเราะแล้วบอกว่า ไม่ต้องห่วง ผมชินจนชา
แต่ผมทำได้แค่บอกลาหินด้วยรอยยิ้มหมองเศร้า
แค่บังคับน้ำตาไม่ให้ไหล ผมก็เต็มกลืนแล้ว
ยังไม่ทันก้าวขาออกเดิน ประตูบานเดิมก็เหวี่ยงเปิดพร้อมเสียงเรียกชื่อหินดังลั่น ผมคงถือโอกาสนี้ปลีกตัวกลับเงียบๆถ้าเพียงแต่ประโยคต่อมาจะไม่มีชื่อสายฟ้าอยู่ในนั้น
“หิน! ไอ้สายฟ้าล้มไปแล้ว!”
ผมกับหินช่วยกันพยุงสายฟ้าให้นอนพักบนเตียงอย่างทุลักทุเล
ตัวนายสายฟ้าร้อนเหมือนไฟ....คงเพราะเป็นหวัดอยู่แล้วยังจะเอาร่างกายไปแช่อากาศหนาวๆแถมดื่มเครื่องมึนเมา ตัวใหญ่แค่ไหนก็ทรุดได้ล่ะ
“ไอ้บ้าเอ้ย ไม่สบายยังสะเหร่อไปเที่ยวให้เพื่อนเดือดร้อนอีก”
หินบ่นปนสมน้ำหน้า ใช้ปลายเท้ากระทุ้งขาเพื่อนแรงๆอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหายตัวเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนเกร็งอยู่ในห้องส่วนตัวสายฟ้าที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสมาเหยียบ
ผมคุกเข่าลงข้างเตียงที่คนทั้งป่วยทั้งเมานอนอยู่ เอื้อมมือไปทาบสัมผัสบนหน้าผากขาวนั้นแผ่วเบา
ครู่เดียว หินก็กลับมาพร้อมผ้ากับถังน้ำอุ่นซึ่งถูกยัดใส่มือผมทันทีโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจใดใดทั้งสิ้น
“ชั้นต้องรีบกลับ ฝากไอ้สายฟ้าไว้กับนายได้หรือเปล่า”
ผมพยักหน้ารับงงๆหินจึงอธิบายตำแหน่งที่วางของใช้จำเป็นทั้งหลายให้ฟังคร่าวๆ ก่อนจะเอ่ยลาแล้วคว้าเสื้อโค๊ทเดินฉับออกไปรวดเร็วจนแทบจับต้นชนปลายไม่ถูก
เสียงปิดประตูช่วยกระแทกให้ประสาทผมหายเบลอและสำนึกได้ในเวลาเดียวกัน
ผมอยู่กับสายฟ้า....สองต่อสอง
เกือบหลุดขำตัวเองที่เพิ่งมาใจเต้นแรงเอาป่านนี้ สะบัดหัวเรียกสติสตังให้กลับร่าง
สายฟ้าป่วยอยู่เห็นหรือเปล่า ไม่ใช่เวลามาดีใจนะนายเรน สั่งตัวเองแบบนั้นแต่ผมก็หุบยิ้มไม่ลงอยู่ดี
เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อให้คนตัวใหญ่เสร็จก็มานั่งพาดแขนวางปลายคางเกยบนขอบเตียง....
ที่นี่....ตอนนี้...มันคือช่วงเวลาที่มีความหมายสำหรับผมมากมายนัก
ได้มองสายฟ้าเท่าที่อยากมอง....ได้รักสายฟ้าเท่าที่อยากรัก....
ผมไล้แตะข้างแก้มขาวเพื่อวัดอุณหภูมิ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อมืออุ่นจัดกำรอบข้อแขนของผม สายฟ้าขยับพลิกตัวให้ผมต้องกลั้นหายใจลุ้นก่อนจะนิ่งไปทั้งที่ยังพันธนาการมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย
ผมหันรีหันขวางกระวนกระวาย แรงเกาะกุมไม่แน่นหนานักแต่ผมไม่กล้าจะสะบัดหนี ตลกแย่แน่ถ้าสายฟ้าตื่นมาเห็นผมอยู่ในห้องตัวเองแบบนี้ พยายามบิดมือออกเบาๆเขาก็ดันกระชับแน่นเข้าเสียอีก
รอยยิ้มเปื้อนแก้มที่ก่ำแดงเพราะพิษไข้เหมือนชอบใจมือผมนักหนานั้นทำเอาผมใจอ่อน ล้มเลิกความคิดจะดึงแขนกลับ นายสายฟ้าที่ไร้กำแพงน้ำแข็งห่อหุ้ม...แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นคนคนเดียวกับที่ทำร้ายผมสาหัสสากรรจ์ได้หน้าตาเฉย
ผมเกือบจะหลุดขำท่าทางที่สายฟ้าดึงมือผมไปกอดแนบกับตัว ถ้าเพียงแต่สายฟ้าจะไม่พูดออกมาแค่คำเดียว
“เมฆ”คำเดียวที่ฆ่านายเรนคนนี้ทั้งเป็น
ผมกัดปากตัวเองกลั้นเสียงสะอื้นฮัก พยายามแหงนเงยหน้า....แต่น้ำสีใสก็ยังไหลลงอาบเปรอะเต็มทั้งสองข้างแก้ม
“ก้อนเมฆ”ถึงจะยกมือขึ้นปิด ซุกหน้าลงกับหัวเข่ายังไงก็ยังได้ยิน
เสียงเรียกชื่อใครอีกคนที่ผมต้องรับฟัง
เจ็บ....เจ็บ....เจ็บ....
เจ็บเหลือเกิน
“เมฆ”
ผมชื่อเรน“เมฆ”ผมชื่อเรน
“อยู่กับชั้นนะ เมฆ”
ผมชื่อเรน“อืม...หลับเถอะ...ชั้นจะ....อยู่ข้างๆนายนะ”
ผมกระชับมือตอบ กระซิบข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงสั่นระริกพลางซับเม็ดเหงื่อที่ผุดตามไรผมและแนวคางให้คนป่วยนอนสบายตัวขึ้น สายฟ้ายิ้มกว้างก่อนจะเงียบเสียงลง ลมหายใจหนักหน่วงค่อยผ่อนจนสม่ำเสมอ
ผมเบือนหน้าหนี
นี่ไงล่ะเรน....
รอยยิ้มของเขา....น้ำเสียงของเขา...ไออุ่นของเขา....
ทั้งหมดทั้งมวลที่นายเรียกร้องต้องการมาตลอด
สะใจดีไหมที่ได้มันมาทั้งหมด
แต่ไม่มีอะไรเป็นของนายเลย
สักอย่างเดียว
ผมร้องไห้ให้กับความสมหวังอันแสนโหดร้ายเงียบๆ
สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือใหญ่ที่เฝ้าใฝ่ฝัน เกาะเกี่ยวกุมมือผมไว้อย่างทะนุถนอม....ความละมุนละม่อมที่นายสายฟ้ามีเพื่อนายก้อนเมฆ....กำลังซัดกระหน่ำให้ผมเจ็บร้าวไปทั้งใจ
พระเจ้า....ท่านโกรธเกลียดผมนักหรืออย่างไร....
ถึงแกล้งประทานสิ่งที่ผมโหยหามาวางตรงหน้า แต่ไม่อนุญาตให้ครอบครองเช่นนี้
หรือท่านต้องการจะย้ำให้เจ็บ ซ้ำให้จำ
ต่อให้ดิ้นรนสักเท่าไหร่....
ผมก็ไม่เคยมีตัวตนสำหรับนายสายฟ้าคนนี้เลยสักนิดเดียว....................................................................