ตอนที่ 1 : Rabbitboy“รูปมึง” องศามองโทรศัพท์ที่ภาคยื่นมาให้ ก่อนจะคว้ามาจ้องให้เห็นชัดๆ กับตา ภาพเขากำลังหัวเราะในมือถือแก้วกาแฟยืนอยู่หน้าร้านอบอุ่น ร้านกาแฟโปรดที่เขาใช้บริการทุกวัน
“ใครถ่ายวะ” องศากดเข้าไปดูโปรไฟล์เจ้าของ นอกจากรูปกระต่ายตาแป๋วแล้วไม่มีข้อมูลใดๆ บ่งบอกว่าเจ้าของเป็นใคร มีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร
“RabbitBoy” องศาพึมพำชื่อแอคเค้าท์ พยายามนึกว่าในจำนวนคนมากมายที่เขารู้จัก ใครพอจะเป็นเจ้าของภาพถ่ายเหล่านี้ได้บ้าง
“มึงเจอได้ยังไงวะ”
“กูไม่ได้เจอกาญเป็นคนเจอ กาญมันกดเข้าไปดูแฮชแท็กชื่อร้านอาหารที่มันอยากไปเจอรูปหนึ่งถ่ายร้านสวยดี มันเลยกดเข้าไปดูเผื่อมีรูปอื่นอีก แต่ดันไปเจอรูปมึงเข้า เห็นว่าถ่ายสวยเลยส่งมาให้กูดู” กาญที่ภาคพูดถึงคือเพื่อนผู้หญิงที่เรียนคณะเดียวกัน สนิทสนมกันกับภาคระดับหนึ่ง
“ใครวะ” องศายังข้องใจไม่หาย ใครกันที่ตามถ่ายรูปเขาเพราะเมื่อกดย้อนกลับไปดูภาพเก่าๆ นอกจากรูปทิวทัศน์ รูปอาหาร รูปสถานที่ ก็มีหน้าเขานี่แหละที่หราอยู่
“ผู้หญิง?” ครามยื่นหน้าเข้ามามองโทรศัพท์ในมือองศา ช่วยวิเคราะห์อีกแรง
“ผู้หญิงพ่องมึงใช้บอย” ภาคช่วยสรรเสริญความคิดเพื่อน
“แฮชแท็ก apple of my eye ด้วยนะมึง” ภาคหัวเราะถูกอกถูกใจ เอาละเวยเพื่อนของเขาไปเป็นสุดที่รักของชายหนุ่มที่ไหนเข้า
“มึงมีแฟนบอยกับเขาด้วยเหรอวะ ฮ่าๆ” คำว่าแฟนบอยของครามทำเอาองศาสะดุ้ง รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมานิดๆ ถ้าเป็น rabbitgirl คงน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ rabbitboy เห็นทีต้องคิดหนัก
“แต่ถ่ายสวยดีนะ สวยเกือบทุกรูปโดยเฉพาะรูปมึง” ภาคหยิบโทรศัพท์ในมือองศาไปเลื่อนดู
“มึงเอาโทรศัพท์มึงมาหน่อย” ครามแบมือไปตรงหน้าองศา กระดิกนิ้วเร่งให้เพื่อนหยิบโทรศัพท์ส่งให้
“อะกูกดติดตามให้แล้ว มึงไปสืบเอาเองว่าใคร” ครามส่งโทรศัพท์คืนให้องศาหลังจากถือวิสาสะจัดการให้
“ทำอะไรไม่ปรึกษากู” องศาบ่นเพื่อนไปอย่างนั้นเพราะความจริงเขาคิดจะกดติดตามแอคเค้าท์นี้อยู่แล้ว อยากรู้ว่าเจ้าของเป็นใคร ทำไมถึงตามถ่ายรูปเขา
“เอาน่ามึงอย่าคิดมาก อย่างน้อยใช้คำว่าrabbit ก็น่าจะน่ารักพอใช้ได้ อาจจะแก้มใสๆ ฟันกระต่าย หรือตากลมโตก็ได้ใครจะรู้” ภาคปลอบใจเพื่อน
“แล้วมึงเคยเจอชื่อเชอรี่แต่ตัวอย่างกับบัวขาวไหม” ครามย้อนถามภาค
“แฟนมึงน่ะเหรอ” ภาคย้อนกลับ เป็นที่รู้กันว่าครามถูกหนุ่มร่างยักษ์แต่ใจหญิงชื่อเชอร์รี่ไล่ตามมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปัจจุบัน เป็นความรักที่ไม่มีคำว่าย่อท้อหรือยอมแพ้
“ไอ้ภาคมุกนี่กูไม่ขำ” องศาส่ายหัวให้กับบทสนทนาของเพื่อนสายตายังจับจ้องที่รูปถ่าย ภาพทุกภาพเหมือนมีชีวิต บางภาพอบอุ่น บางภาพสดใส บางภาพเศร้าสร้อย เขาชักอยากรู้ว่าคนถ่ายเป็นคนแบบไหน บุคลิกท่าทางเป็นอย่างไร
Rabbitboy นายเป็นใครกัน
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ปราณ ปราณณณ”
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็หกล้ม แล้วนี่วิ่งมาเหรอ” ปราณใช้สองมือจับไหล่พี่ชายเอาไว้ มองดูเหงื่อที่ชื้นอยู่บนไรผม
“อืม” ปัตย์พยักหน้ายืนหอบแฮกเพราะหายใจหายคอไม่ทัน
“มีอะไร ถามไปก็ไม่ตอบ” ปราณได้รับข้อความถามว่าอยู่ที่ไหนจะมาหามีเรื่องด่วน พอเขาตอบกลับไปพี่ชายกลับเงียบหาย ข้อความที่ถามต่อว่ามีเรื่องอะไรไม่มีการเปิดอ่าน
“นี่ๆ" เสียงตื่นเต้นตกใจมาพร้อมโทรศัพท์ที่ยื่นมาตรงหน้า ปราณรับมาดูก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
“เห็นไหมปราณเห็นใช่ไหม”
“เห็นสิทำไมจะไม่เห็น” ชายหนุ่มขำกับท่าทีตื่นเต้นเกินพอดีของพี่ชาย สิ่งที่ปัตย์ให้เขาดูคือหน้าจอของแอปพลิเคชันอินสตาแกรมที่มีการแจ้งเตือนเข้ามาว่ามีคนกดติดตาม และคนๆ นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน
“เราจะทำยังไงดี ตายแน่ๆ ต้องตายแน่ๆ” ปัตย์โอดครวญสีหน้าราวกับจะร้องไห้ ตากลมโตมีร่องรอยวิตกกังวล
“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า ไม่อยากให้เห็นก็บล็อกไป”
“ไม่เอาเดี๋ยวองศาเกลียดเรา”
“จะเกลียดได้ยังไง หมอนั่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นปัตย์”
“เกลียดrabbitboyก็เหมือนเกลียดเรา เราไม่อยากให้องศาเกลียด”
“เอาเข้าไป” ปราณถอนใจเบาๆ เขาไม่บ่นว่าเรื่องแค่นี้โทรมาหรือส่งข้อความมาเล่าให้ฟังก็ได้เพราะรู้จักนิสัยพี่ชายดี ถ้าอยู่ติดที่ได้ก็ไม่ใช่ปัตย์แล้ว
“เรา..เราลบแอ็คเค้าท์ทิ้งไปเลยดีไหม ลบแล้วเปิดอันใหม่”
“เฮ้ย!ไม่ต้อง บล็อกหรือลบแอคเค้าท์ก็ไม่ต่างกัน”
“ต่าง”
“งั้นก็ตามใจปัตย์ คิดดีๆ แล้วกันแต่ถ้าเป็นเราๆ จะปล่อยไว้แบบนี้ ไม่ดีเหรออย่างน้อยปัตย์ก็มีช่องทางสื่อสารกับหมอนั่น”
“อีกแล้ว ปราณชอบเรียกองศาว่านายนั่นอยู่เรื่อยเลย” จู่ๆ พี่ชายก็เปลี่ยนมางอนเขา หน้ามุ่ยๆ ทำให้ปราณอดบีบแก้มป่องๆ ไม่ได้
“หรือปัตย์อยากให้เราเอ่ยชื่อ คณะเดียวกันนะ” ปัตย์หรือชื่อจริงว่าสถาปัตย์เรียนอยู่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในขณะที่เขาชื่อจริงและชื่อเล่นเหมือนกันคือปราณ เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาตร์ คณะเดียวกับองศาผู้ชายที่ปัตย์หลงรัก
“ไม่ๆ” ปัตย์หน้าตาตื่น กวาดสายตาหวาดๆ มองไปรอบๆ ราวกับกลัวใครจะมาได้ยิน
“อีกอย่างหมอนั่นเป็นรุ่นน้องเรา ถึงจะปีเดียวก็เถอะเราเรียกได้”
“ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้” ปราณชอบต่อปากต่อคำกับพี่ชาย โดยเฉพาะเรื่ององศาเพราะปัตย์จะออกอาการมากที่สุด
“เรียกเพราะๆ สิ”
“อ๋อ อย่างสุดที่รักของปัตย์อย่างนี้เหรอ”
“ปราณณ” ปัตย์เขินหน้าแดง ฟาดมือลงบนแขนของเขาไม่ยั้ง เขินที่ไรทำร้ายน้องชายทุกที
“อย่าล้อเราแบบนี้”
“ฮ่าๆ เอาน่าอย่าคิดมาก ไปนั่งทบทวนดูว่าจะเอายังไงแต่โอกาสมีครั้งเดียวนะ ลบแล้วลบเลย นี่ยังงงอยู่ว่าหมอ..ไม่ใช่สิ น้องคนนั้นเจอแอคเค้าท์ปัตย์ได้ยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไปเรียนได้แล้ว ฟ้าใสกับนะยังไม่มาเหรอ” ปราณเดาได้เพราะไม่เช่นนั้นพี่ชายคงไม่วิ่งโร่มาหาเขาถึงคณะ
“ยังเลยแต่ใกล้ถึงแล้ว”
“อย่าตื่นเต้นจนเดินชนโน่นชนนี่ มีสติเข้าไว้”
“เราไม่ซุ่มซ่าม”
“ไม่ซุ่มซ่ามน้อยมากกว่ามั้ง ต่อไปถ่ายรูปก็ระวังๆ ด้วย พักนี้เขาคงมองหาว่าใคร”
“รู้น่า”
“สูดหายใจลึกๆ ทำใจนิ่งๆอย่าตื่นเต้นให้มาก ไม่มีอะไรหรอกเชื่อเรา” ปราณจับปัตย์หมุนตัวก่อนใช้สองมือจับไหล่ดันให้ออกเดินไปข้างหน้า
“อืม” ปัตย์สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ตามที่น้องชายบอก แต่ไม่เห็นจะช่วยอะไรเขาได้เลย ใจมันยังเต้นเป็นกลองรัว พ่อแก้วแม่แก้วลูกจะช็อคตายไหม
“ตอนเย็นเดี๋ยวไปรับที่คณะ”
“เราจะไปสนามบอล”
“งดสักวันเถอะเชื่อเรา”
“ก็ได้” ปัตย์รับเสียงหงอย วันนี้จะไม่ได้เจอกันหรือนี่ เขาแค่อยากเห็นหน้าองศาสักนิดก็ยังดี
“อย่าเพิ่งหงอย ให้มันผ่านไปหลายๆ วันก่อน เดี๋ยวก็เลิกสนใจไปเอง” มั้ง คำสุดท้ายปราณพูดในใจ ขืนพูดออกไปพี่เขาคงไม่เป็นอันเรียน
“คิดถึง”
“ไม่ต้องมาทำน้ำเสียงอ้อนแบบนั้น ทนเอา”
“ก็ได้ งั้นเย็นนี้ไปกินปิ้งย่างนะ”
“หึหึ ปัตย์เอ๊ย” ปราณอดไม่ได้ต้องขยี้ผมพี่ชายตัวเอง ทุกความเครียดของปัตย์บำบัดได้ด้วยการกิน
“ได้ ชวนฟ้าใสกับนะไปด้วยบอกเราเลี้ยงเอง”
“อิจฉาปราณจังเป็นนายแบบทำงานได้เงินเยอะ เราเป็นพี่แท้ๆ ไม่เอาไหน”
“อยากได้อะไรก็บอกเราซื้อให้”
“ไม่เอาหรอกเราบ่นไปงั้นเอง ทำไมถึงต่างกับปราณนักก็ไม่รู้ อ้วนชะมัด”
“งั้นงดกินปิ้งย่าง”
“ไม่ๆ อ้วนก็ได้” รอยยิ้มแก้มป่องตาหยีทำให้ปราณหัวเราะลั่น
“ก็ว่างั้นแหละ บอกแล้วว่าปัตย์ไม่อ้วนหรอกแค่มีเนื้อมีนวล”
“มีพุงด้วย” เจ้าของพุงลูบโชว์ให้น้องชายดู
“ฮ่าๆ นิดหนึ่งไม่เป็นไร”
“ไปจริงๆ แล้ว ตอนเย็นเจอกัน”
“อืม” ปราณปล่อยมือจากไหล่พี่ชาย ถึงปัตย์จะตัวกลมไปนิดมีเนื้อไปหน่อย แต่สำหรับน้องชายอย่างเขาๆ มองว่าปัตย์น่ารัก ถ้าองศาชอบผู้ชายก็คงดี เขาเชื่อว่าต้องชอบพี่ชายของเขาได้ไม่ยาก ปัตย์มันน่ารักน่ากอดปราณมั่นใจ
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ลบ ไม่ลบ” ปัตย์จดจ่อนิ้วลงบนโทรศัพท์ จะลบก็เสียดายองศามากดติดตามเชียวนะ ไม่ลบรึเขาก็ปอดแหกถ้าถูกจับได้จะทำอย่างไร
โครม!! แรงปะทะทำให้โทรศัพท์ในมือปลิวหวือ
“หมาแมวมันแกวกระโดด!” ปัตย์อุทานด้วยความตกใจ เขาเซไปหลายก้าวก่อนที่มือแข็งแรงจะช่วยรวบตัวเอาไว้
“หะ!!” น้ำเสียงขำๆ ของคนที่กอดเอวเขาไว้มั่น ทำให้ปัตย์ที่มีความสูงระดับไหล่ต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่เขาเดินชนหรืออาจจะชนเขา
“อุทานว่าอะไรนะ” ปัตย์อ้าปากอิ่มน้อยๆ ตากลมโตเบิกกว้าง องศา! อะ..องศา!
“ตกใจอยู่มั้ง” เสียงทุ้มๆ ของบุคคลที่สามเรียกสติของปัตย์กลับคืนมา เขารีบกระแอมกระไอเรียกเสียง ก่อนเอ่ยคำขอโทษด้วยใบหน้าที่ก้มงุด
“เจ็บหรือเปล่า ขอโทษที่ชน เห็นเดินอยู่แต่ไม่คิดว่าจะเป๋เข้ามา” อ่า สรุปคือเขาเป็นคนชน
“ว่าไงเจ็บไหม” ปัตย์รีบส่ายหน้าจนผมสะบัด เขาไม่เจ็บไม่รู้สึกอะไรสักนิดเดียว มันเบลอๆ งงๆ มากกว่า
“โทรศัพท์หล่น” เสียงบอกจากคนที่ยืนอยู่ข้างหลังร่างสูง ปัตย์รู้จักเสียงนี้ดี เสียงของภาคเพื่อนสนิทองศา
“เห็นแล้ว” ปัตย์ตาเบิกโตเป็นไข่ห่าน เมื่อเห็นว่าองศากำลังก้มลงเก็บโทรศัพท์ให้เขา แย่แล้ว! เมื่อกี้เขาเปิดแอปอินสตาแกรมเอาไว้ ถึงหน้าจอจะดับแต่ถ้ามันติดขึ้นมา! เร็วเท่าความคิดปัตย์รีบถลาลงไป ไม่ใช่แค่จับแต่นั่งทับลงไปบนโทรศัพท์ทั้งตัว องศาชะงัก ก่อนยืดตัวกลับขึ้นไปเต็มความสูง เขาตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ เจ้าของโทรศัพท์ก็ทิ้งตัวตัดหน้าเขาลงไปนั่งกับพื้น
“คือ...คือ..” เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามไรผม ปัตย์ทั้งอายทั้งขายหน้ากับสิ่งที่ทำลงไป
“ผมตกใจกลัวโทรศัพท์พัง” โว้ย! ตอบอะไรของเขา คนกลัวโทรศัพท์พังดันนั่งทับโทรศัพท์ทั้งเครื่อง แล้วน้ำหนักเขาน้อยเสียเมื่อไหร่
“แล้วมันพังไหม”
“เอ่อ..” ปัตย์ค่อยๆ งัดโทรศัพท์ออกมา เขายิ้มแหยๆ ให้กับองศาก่อนส่ายหน้าให้รู้ว่าไม่พัง ยังใช้งานได้
“รุ่นนี้แข็งแรงดีนะ” เสียงพูดกลั้วหัวเราะขององศาทำเอาปัตย์อยากมุดแผ่นดินหนี โอ๊ย ขายหน้าชะมัด
“ลุกไหวไหม” ปัตย์มองมือที่ยื่นส่งมาตรงหน้า มือขององศา! เขาจะได้จับมือกับองศา! มือขององศาจริงๆ
“ขอบใจ” ปัตย์เงอะงะแต่ก็วางมือที่สั่นเป็นเจ้าเข้าลงบนมือขององศา ร่างสูงใหญ่ดึงเข้าขึ้นอย่างง่ายดาย
“เรียนคณะนี้เหรอ ไม่คุ้นหน้า”
“ไม่ใช่ ผมแวะมาหาน้องกำลังจะกลับคณะ ผมเรียนอยู่สถาปัตย์ปีสาม” ปัตย์พูดยาวเป็นรถไฟ ไม่มีใครถามแต่เขาควบคุมคำพูดตัวเองไม่ได้
“อ้าว มึงชนรุ่นพี่” ภาคกระทุ้งสีข้างองศา
“ไม่เป็นไรๆ ผมผิดเอง ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน
“ไม่เป็นไรแน่เหรอ ทำไมดูตัวสั่นๆ“
“สบายมาก ฮะฮะ” เป็นการหัวเราะกลบเกลื่อนที่แห้งแล้งมาก หัวเราะแบบนี้ไม่หัวเราะเสียยังจะดีกว่า
“ไปล่ะ” ปัตย์ส่งยิ้มแหยๆ ทิ้งท้ายก่อนก้มหน้าก้มตาเดิน หมายจะรีบไปให้ไกลที่สุด
“เดี๋ยว”
“อะ..อะไร” ปัตย์หันไปมองคนเรียกด้วยใจที่เต้นระทึก
“ จะกลับคณะไม่ใช่เหรอ นั่นตึกคณะผม”
“อ๋อ ต้องทางโน้น" ปัตย์ชี้ไปทางด้านหน้า “ไม่ค่อยได้มาบ่อยนะ”
“ครับ” จากเสียงหัวเราะขององศา ปัตย์บอกได้คำเดียวเลยว่าคำแก้ตัวของเขามันห่วยแตก ปัตย์บังคับตัวเองไม่ให้ออกวิ่ง ถ้าเขาขออะไรได้สักอย่างตอนนี้ เขาจะขอให้องศาลืมๆ เรื่องนี้ไปเสีย จำเขาไม่ได้เลยยิ่งดีเข้าไปใหญ่
“หมากับแมวกูพอเข้าใจ มันแกวกระโดดคืออะไรวะ”
“มึงไม่ถามพี่เขาไปเลยล่ะถ้าอยากรู้นัก”
ปัตย์นึกอยากตบปากตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงสนทนาขององศากับภาคแว่วมาจากด้านหลัง คำอุทานของเขาแต่ละประโยคไม่สร้างสรรค์เลยสักนิด ดีแล้วที่องศาไม่รู้ว่ามันแกวคืออะไร เพราะมันแกวคือกระต่ายตาแป๋วที่เขาใช้เป็นรูปโปรไฟล์ rabbitboy ที่องศาเพิ่งหลงเข้ามานั่นไง
เฮ้อ ความประทับใจแรกเป็นศูนย์ ปัตย์หนอปัตย์อ้วนแล้วยังจะซุ่มซ่าม ไม่ต้องคิดไม่ต้องหวังอะไรมันอีกแล้ว
เฮ้อ นี่ถ้ามีใครจัดแข่งขันถอนใจยาววันนี้ เขาต้องชนะได้รางวัลแน่นอน เฮ้อออออออ
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin