KING ที่ 34 พบกันอีกครั้ง " ฟา เมื่อไหร่จะบอกพี่สักทีว่าเกิดอะไรขึ้น " ผมเหม่อลอยมองพี่เรียวที่ยืนอยู่ตรงหน้า วันนี้ผมมางานคอสเพลย์ และแต่งตัวด้วยชุดเมดสีขาวดำ
ผมไม่สนใจสิ่งที่พี่เรียวกำลังพูด เวลาผ่านไปเป็นอาทิตย์แล้ว และสภาพจิตใจของผมก็เริ่มดีขึ้น ผมปิดกั้นทุกอย่าง และอยู่กับเพื่อนให้มากขึ้น เลิกคิด เลิกนึกถึงวันเวลาเก่าๆ ผมว่าผมควรจะรีบหาแฟนสินะ นั่นน่าจะได้ผลดีที่สุด
ผมเดินออกไปหาบรรดาเหล่าแฟนคลับของผม และโพสท่าถ่ายรูปเช่นเคย ผมยิ้มให้กล้องรอบๆ ตัวผม รอยยิ้มจอมปลอมที่ผมสร้างขึ้นมา เพื่อหลอกหัวใจ
ผมมองไปรอบๆ ดูสิ ผมยังมีชีวิต ผมยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม ไอ้เฮงซวยนั่น ไม่ได้มีส่วนในชีวิตผมมากมาย เลิกเหรอ แล้วไงล่ะ กูสวย ไม่สิ กูหล่อขนาดนี้ จะหามาควงอีกไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ผมยิ้มให้ตากล้องที่อยู่รอบๆ หมุนตัวไปมา เพื่อให้ทุกคนได้ถ่ายรูปอย่างทั่วถึง แต่ผมที่กำลังยิ้มนั้นก็ต้องหุบยิ้มลงทันที
ผมมองสาวน้อยตรงหน้า ที่วันนี้ไม่ได้แต่งชุดคอสเพลย์เลียนแบบผมอย่างที่เคย รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นได้หายไป
ผมหันไปหาพี่เรียว และส่งสายตาให้พี่เรียวมาพาผมออกไป
" เดี๋ยวน้องฟ้าขอพักก่อนนะครับ " พี่เรียวพูดและจับมือผมให้เดินตามไป
" พี่ดูมีความสุขดีนะคะ " ผมชะงักและหยุดเดินทันทีที่ได้ยินเสียงของเด็กคนนั้นพูดขึ้น
" มีความสุข บนความทุกข์ของคนอื่น " ผมกำมือแน่น ผมไม่เข้าใจ เธอพูดเรื่องอะไร
" เธอมันจะรู้อะไร " ผมหันไปหาน้องสาวของไอ้ธีร์ ที่กำลังจ้องมองผมด้วยสีหน้าผิดหวัง
" ทำไมกันคะ ทำไมถึงทำพี่ธีร์แบบนี้ " ผมมองเด็กคนนั้นที่เริ่มร้องไห้ออกมาจนตัวโยน
" ทำอะไรงั้นเหรอ ไม่ได้ถามมันหรือไง ว่ามันนั่นแหละที่ทำอะไร! " ผมตัวสั่นด้วยความโกรธ ผมเป็นคนทำงั้นเหรอ ผมต่างหากที่ถูกกระทำ
" ไม่จริง ฮือ พี่ฟ้าโกหก " ผมไม่อยากจะต้องมาเถียงกับเด็ก ผมหันหน้าและพยายามเดินหนีมาจากตรงนั้น
" พี่ฟ้า ฮือ อย่าทิ้งพี่ธีร์เลยนะคะ หนูขอร้อง ฮึก ให้หนูทำอะไรก็ได้ " ผมมองธัญที่วิ่งมาดักหน้าผม ยกมือขึ้นพนมและร้องไห้จนตาแดงไปหมด
" พูดอะไรน่ะ " ผมที่พยายามจะลืมเรื่องนี้ไปนั้น แท้ที่จริงแล้ว ผมไม่เคยลืมมันได้เลย ผมเจ็บปวดจนจะตายอยู่แล้ว ผมทรมาน ผมเหมือนกำลังจะตายจากรักที่จบลงแบบนี้
" พี่ธีร์ ฮึก ร้องไห้ ตั้งแต่หนูเกิดมา ฮือ พี่ชายไม่เคยร้องไห้ " ผมน้ำตาไหลทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด ไอ้ธีร์ร้องไห้งั้นเหรอ แล้วทำไม ทำไมมึงถึงได้ทิ้งกูไป
" พี่ไม่ได้ทิ้งมัน ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง " ผมเช็ดน้ำตาและเดินหนีไปจากตรงนั้น ขึ้นรถตู้และปิดประตูร้องไห้อยู่คนเดียวในนั้น
ผมรู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ ที่กำลังลูบหลังของผมอยู่
" พี่เรียว ช่วยบอกผมที ว่าผมทำอะไรผิด " ผมร้องไห้และกอดพี่เรียวไว้แน่น ผมทรมานเหลือเกิน ผมไม่รู้อะไรเลย ผมไม่รู้จะทำยังไงดี
" ธีร์บอกเลิกเราจริงๆ เหรอ " พี่เรียวถามผมเบาๆ
" ครับ ผมไม่รู้อะไรเลย อยู่ดีๆ มันก็บอกว่าเราเลิกกัน " ผมสะอึกสะอื้น ผมไม่ค่อยร้องไห้บ่อยนัก นี่เป็นปีแรกที่ผมรัองไห้ และหนักมากซะด้วย
" พี่ว่าธีร์น่าจะเข้าใจอะไรผิดมากกว่านะ ทำไมไม่ลองคุย... "
" ไม่!! " ผมพูดเสียงแข็ง มันเป็นคนทำแบบนี้กับผม มันต้องสำนึกและคลานเข่ามาหาผมสิถึงจะถูก
" ฟา ก็เพราะเราก็เป็นแบบนี้ ปากแข็งจนได้เรื่องจริงๆ " ผมผลักพี่เรียว และเชิดใส่ทั้งๆ ที่น้ำตาไหลพราก
" ผมไม่ยอม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด! " นี่เป็นนิสัยแย่ๆ ของผม และมันก็จริง ผมถูกกระทำสารพัด ทำไมผมจะต้องไปง้อขอคืนดี มันเป็นคนตัดผมเอง มันบอกเลิกผมเอง ไอ้สารเลวนั่น
" พี่จะช่วยพวกเรายังไงดีนะ " พี่เรียวพูดและทำท่านวดขมับตัวเองอย่างปวดหัว
เวลาเลยเคลื่อนไปเป็นเดือน ผมในตอนนี้นั้นในที่สุดก็ได้ที่เรียนแล้ว ถึงจะเป็นมหา'ลัยที่ไม่ได้มีชื่อเสียงหรือใหญ่โต แต่มันจะสำคัญอะไร มันอยู่ที่เราต่างหาก ไม่รู้ใครกันนะที่เคยบอกผมไว้ ผมคิด ถึงมันอีกแล้ว
" น้องๆ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เข้าแถวทางนี้ค่ะ " ผมมองรุ่นพี่ในชุดนักศึกษาที่กำลังส่งเสียงเรียกน้องๆ ปีหนึ่งให้มารวมตัวกัน ซึ่งไม่ได้มีแต่คณะผมเท่านั้น แต่ทุกๆ คณะ กำลังเข้าแถวเรียงยาว เพื่อเตรียมทำกิจกรรมต่อไป
ตอนนี้ผมที่เป็นน้องใหม่ป้ายแดงนั้น ก็ถูกบังคับให้มาเข้าค่อยพักแรมเพื่อทำกิจกรรมรับน้อง แล้วทำไมจะต้องออกมานอกสถานที่ฟะ แถมเป็นในป่าอีกนะ ทั้งยุงทั้งฝุ่น โอยจะเป็นลม
ผมมองนักศึกษาปีหนึ่งร่วมรุ่นที่นั่งเรียงแถวกันด้วยหน้าตาซื่อๆ ผมหวังว่าผมคงจะได้เพื่อนสักคน ถ้าเป็นสาวๆ ก็คงจะดีมาก
' มึงเห็นน้องคนนั้นป่ะ หล่อชิบหาย หล่อแบบกูเกือบลืมหายใจ '
' คณะไหนวะ '
ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินรุ่นพี่สาวสวยสองคนกำลังพูดคุยกัน แหม ไม่ต้องชมกันขนาดนั้นก็ได้ จริงๆ ผมก็รู้ตัวอยู่นะ ผมยิ้มน้อยๆ และยืดอกอย่างภาคภูมิใจ เพราะเมื่อมองไปรอบๆ แล้ว ในลานนี้ไม่มีใครรัศมีสู้ผมได้หรอก ก็คนมันหล่ออ่ะ ทำไงได้
' คณะแพทย์ '
ผมห่อเหี่ยวทันที โธ่ พี่ครับ มันจะมีใครที่จะหล่อเกินผม ตาถั่วแน่ๆ แบบนี้
' ไม่รู้หลงมาจากไหน เห็นเขาว่าสอบได้คะแนนสูงสุดทุกวิชาเลยนะ '
' เอ้า แล้วมาเข้านี่ทำไมวะ '
ผมชะงักทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เหอะๆ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มีทาง ผมส่ายหัวไปมา บ้าไปแล้ว ระดับมันสมองแบบมัน ไม่มีทางมาที่นี่หรอก
" คือ พี่ครับ " ผมยกมือขึ้นเรียกพี่สาวคนหนึ่งที่ยืนจัดของอยู่
" ครับ ว่าไงหนุ่มน้อย " ผมยิ้มหวานทันที คนนี้สวยแฮะ
" คือ ห้องน้ำไปทาง... "
" เดี๋ยวพี่พาไปเอาไหม " ผมหุบยิ้มลงทันทีที่มีไอ้รุ่นพี่ตัวผู้เสนอหน้าเข้ามาและได้ยินเสียงโห่ฮาอีกยกใหญ่ ผมก็รู้แหละนะว่าจะเจออะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้
" เฮ้ย มึงอย่าแกล้งน้อง " ผมมองพี่สาวคนสวยที่กำลังปกป้องผม
" แกล้งที่ไหนล่ะ กำลังจะช่วยต่างหาก " ผมมองกลุ่มรุ่นพี่ผู้ชายที่กำลังจ้องมองผมตาเป็นมัน ฮึ่มม เดี๋ยวเถอะมึง ให้กูหาพวกได้ก่อนเถอะ ผมที่คิดแบบนั้นก็นึกถึงไอ้เกลอสองคนของผมทันที
ตอนนี้ไอ้นนกับไอ้เนมนั้นเรียนที่มหา'ลัยอีกที่หนึ่ง ซึ่งก็ไม่ไกลจากที่ผมเรียนหรอก ไอ้นนนั้นยอมโดนพ่อมันเฆี่ยน เพื่อที่จะได้อยู่กับเมียมันเลยทีเดียว
ไอ้เนมเล่าให้ผมฟังว่า ที่มันโกรธไอ้นนอยู่ช่วงหนึ่งนั้น ไม่ใช่เพราะมันเกลียดไอ้นน แต่มันโกรธที่ไอ้นนจะไปเรียนที่ไกลๆ แต่เสือกไม่บอกก่อนต่างหาก ไอ้นี่แม่งก็ปากแข็งเหมือนผม แต่ในที่สุดมันก็ยอมรับไอ้นน และพวกมันก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ผมดีใจกับพวกมันนะ
ในวันปัจฉิมนั้น วันที่ผมร้องไห้ที่ร้านหมูกระทะ ผมไม่ได้พูดบอกอะไรพวกมัน เพราะผมพูดไม่ออก ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้นทั้งคืน และพวกมันก็อยู่เป็นเพื่อนผม พวกมันให้กำลังใจผม พวกมันอยู่เคียงข้างผมเสมอ ผมรักพวกมันมาก ถึงพวกเราจะไม่ได้เรียนที่เดียวกัน แต่พวกเราก็เจอกันได้เสมอ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผมยิ้มได้ หลังจากที่ระทมทุกข์มานาน
ผมเดินมาเข้าห้องน้ำและไม่สนใจเสียงผิวปากกวนตีนของไอ้พวกรุ่นพี่พวกนั้น และไม่ใช่แค่รุ่นพี่ ผมสังเกตว่ามีปีหนึ่ง หลายคนที่แอบมองผมเช่นกัน แบบนี้ผมจะรอดไหมนะ แล้วอาบน้ำรวมกูจะทำยังไงละเนี่ย
ผมเดินมาที่อ่างล้างมือ และวักน้ำขึ้นล้างหน้าล้างตาซะหน่อย วันนี้แดดร้อนมาก สงสัยต้องลงครีมกันแดดเพิ่มแล้วมั้ง
' กริกๆๆๆ '
ผมมองเสียงแปลกๆ ที่ดังขึ้นที่พื้น ใกล้ๆ กับที่ผมกำลังยืนอยู่ ผมมองแหวนวงหนึ่งที่กำลังกลิ้งอยู่บนพื้น และหยุดลงที่รองเท้าของผม
ผมมองไปที่ห้องน้ำห้องหนึ่งที่ยังคงปิดประตูอยู่ สงสัยเจ้าของคงอยู่ในห้องนั่นแหละ ผมก้มลงและหยิบแหวนสีเงินวงนั้นขึ้นมา ซึ่งมันค่อนข้างหนัก แบบนี้ทองคำขาวสินะ ผมรู้สึกว่ามันดูคุ้นตาแปลกๆ ผมจ้องมองมันใกล้มากขึ้นอีกนิด...
" ขอโทษครับ แหวนของผม... " ผมชะงักจ้องมองภาพตรงหน้า ผมถือแหวนวงนั้นไว้ในมือ และรีบขว้างมันออกไปใส่คนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ผมวิ่งออกมาจากห้องน้ำนั้นสุดชีวิต เป็นไปไม่ได้ ทำไมกัน ทำไมถึงอยู่ที่นี่
ผมนั่งลงที่เดิมเพลิงก้มหน้าลงกับหัวเข่า ผมพยายามลืมใบหน้านั้น ใบหน้าของคนที่ทิ้งผมไป ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ แต่ไม่ใช่เพราะคนคนนั้น แต่บนแหวนนั่น แหวนที่มันไม่เคยถอดออกมา แหวนที่มันพกติดตัวไว้เสมอ
บนแหวนนั้น ด้านใน มีตัวอักษรสลักอยู่
F A - H
ตัวอักษรสามตัวเล็กๆ บนสิ่งของที่มันเก็บไว้ไม่เคยห่าง ผมเพิ่งได้รู้ ว่ามันหมายความว่ายังไง
" นาย " ผมรีบเช็ดน้ำตาและหันไปมองคนที่กำลังเรียกผมอยู่
" ผ้าเช็ดหน้าไหม " ผมมองผู้ชายที่นั่งข้างๆ ผม ที่กำลังยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้
" ไม่ เอ่อ ขอบใจนะ " ผมที่ตอนแรกก็กะว่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อผมมองไปยังกลุ่มนักศึกษาปีหนึ่งแถวที่ห่างออกไป ผมก็ได้เห็นไอ้หอกนั่น ที่เพิ่งเดินมาและนั่งลงในแถวไกลๆ เหอะ กูอยากถลกหนังหน้ามึงจริงๆ
ผมหยิบผ้าเช็ดหน้านั้น และขยำกำแน่นในมือ ฮึ่มม โกรธมาก อยากทำร้าย อยากทำลายชีวิตคนอื่นนน
" ฮ่ะๆ นายน่ารักจัง " ผมมองไอ้คนตรงหน้าที่กำลังยิ้มหวาน นี่มึงไม่ได้ดูอารมณ์กูเลยเหรอ
ผมมองไอ้คนข้างๆ นี่ และพิจารณาดูดีๆ หน่วยก้านใช้ได้ กล้ามแขนเป็นมัดๆ หน้าตา หล่อน้อยกว่าผมนิดนึง ดูนิสัยน่าจะดีมั้ง ถ้าดูจากเมื่อกี้ิ เอาวะ ตีสนิทสักคน หาพวกเอาไว้ไม่เสียหาย เผื่อมันจะช่วยผมได้
" ชื่อฟา " ผมพูดและยื่นมือออกไปให้มันจับ
" ผมจุนฮะ เรียกคังจุนก็ได้ อายุ 18 ปี พ่อผมเป็นคนเกาหลี แม่เป็น... "
" ดีจุ่น " ผมพูดตัดบทมัน แม่งพูดมากชิบน่ารำคาญ
" จุนครับ " ผมมองมันที่กำลังส่งยิ้มหวานอีกระรอก พอสักทีกูจะเบาหวานแดกตายแล้ว
' น้องคนนั้นไง โอยกูจะเป็นลม '
' หล่อมากกก กรี๊ด '
ผมเบะปากมองพวกรุ่นพี่ผู้หญิงที่กำลังจ้องมองไอ้นักศึกษาแพศยาตาเป็นมัน ความรู้สึกของผมนั้นหลากหลาย ผมรู้สึกอุ่นใจเล็กๆ ข้างในหัวใจ เพราะว่ามันอยู่ที่นี่งั้นเหรอ ผมกำลังดีใจที่ได้เจอมันใช่ไหม แต่ผมก็ไม่อยากใจอ่อนหรอก มันทำผมเจ็บมาก ผมจะต้องใจแข็งเข้าไว้ มันอาจจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ได้ เพราะตลอดเวลาที่ผมอยู่คอนโดนั้น มันก็ไม่เคยกลับมาหาผม ไม่เคยมาเลยสักครั้ง ไม่ว่าผมจะเฝ้ารอมันแค่ไหน
" คนสวย น้ำไหมครับ " ผมเหลือบมองแก้วน้ำที่ร่อนอยู่ตรงหน้าผม หนอย
" สวยพ่อง " ผมพูดเบาๆ และทำเป็นไม่สนใจ
" ปากดีด้วยวะ ไม่รู้จะใช้ปากเก่งไหม " ผมมองพวกรุ่นพี่ที่โห่ฮา และทำท่าหัวเราะชอบใจ เดี๋ยวนะ ผมว่าผมจำมันคนนึงในคนกลุ่มนั้นได้ ไม่จริงนะ นี่มันอะไรกันวะเนี่ย
" ไอ้ธีม เด็กมึงปากดีชิบหาย " ผมก้มหน้าลงต่ำ ธีมงั้นเหรอ นี่ผมเลือกเรียนผิดที่จริงๆ สินะ
ผมมองพี่ชายไอ้แฟนเก่าของผมที่กำลังเดินเข้ามาและมองผมด้วยความประหลาดใจ
" นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย ลัคกี้ " นี่มันเวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย
" ผมว่าพวกพี่พูดแหย่แรงไปหน่อยนะ ฟาเขาเป็นผู้ชายนะครับ ทำตัวน่ารังเกียจ " ผมมองไอ้จุ่นเพื่อนใหม่ผมที่พูดด่ารุ่นพี่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
" เหอะ ทำเป็นปากดี มึงก็อยากจะงาบเหมือนกันละสิ "
" เฮ้ยๆ พวกมึงไปคุมทางโน้นป่ะ " ผมมองรุ่นพี่ผู้หญิงไซส์ยักษ์คนหนึ่งที่เดินมาและชี้หน้าด่ากลุ่มผู้ชายเสียงดัง อื้อหือ ซาบซึ้งใจสุดๆ
ผมยิ้มหน้าบานและแลบลิ้นให้ไอ้พี่ธีมที่กำลังถูกเพื่อนๆ ลากไป เป็นไงละมึง ทำเป็นเก่ง ก็แพ้ปากผู้หญิงอยู่ดีแหละ
" ขอบคุณนะครับ พี่คนสวย " ผมพูดพลางส่งยิ้มหวาน
" แหม ไอ้ตัวเล็ก ปากหวานนะเรา ถ้ามันทำอะไรบอกพี่ พี่จัดการเอง "
" คร๊าบบ " ผมยังคงส่งยิ้มให้ทัพหน้าของผม แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย
" ฟา นายเป็นผู้ชายใช่ไหม " ผมหันควับทันทีที่ถูกถามแบบนั้น มึงง ไอ้จุ่น ถามแบบนี้หมายความว่าไงฟะ
" ก็ผู้ชายดิ จะดูไหม "
" ดู เฮ้ย ไม่ใช่ คือแบบว่าเอาจริงๆ นะ นายดูดีมากเลยอ่ะ แบบพวกนักร้องเกาหลี ที่หน้าสวยๆ อ่ะ เลยสงสัย " ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยืดทันที มึงนี่ตาดีแท้
" กูผู้ชาย เกลียดผู้ชาย " ผมพูดเน้นคำว่าเกลียด และหันไปมองไอ้ตัวที่กำลังนั่งทำหน้าเคร่งเครียดอีกห้าแถวถัดไป ถึงมันจะไม่ได้มองมาทางผมก็เถอะ
" ฮ่ะๆ โอเค " ไอ้จุ่นยิ้มหวานหยดย้อยอีกระลอกอย่างเป็นมิตร
หลังจากนั่งตากแดดหน้าดำนั้น ในที่สุดก็ได้เข้าร่มสักที ผมมองดูตัวเลขที่จับสลากได้ในมืออย่างเหนื่อยหน่าย แม่งให้แบ่งทีมอีก แต่ก็นะ ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว เพราะกูไม่มีเพื่อนสักคน
" เย้ ได้อยู่กับฟาด้วย " ผมมองไอ้จุ่นที่วิ่งเข้ามาหา และมอง...
แม่งเอ้ย กูอยากเปลี่ยนกลุ่ม ผมเดินหนีไอ้หอกธีร์ทันทีที่มันเดินเข้ามารวมกลุ่มด้วย แต่มันก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ผมหรอก ผมแอบมองมันที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสีหน้านิ่งเฉย เหอะ ผมอยากกลับบ้านชะมัด ไอ้กิจกรรมบ้าๆ นี่เมื่อไหร่จะจบสักทีฟะ
หลังจากจับสลากแบ่งกลุ่มเสร็จแล้ว ผมก็เดินเป็นแถวตอนเรียงหนึ่งเพื่อเข้าฐานต่างๆ ผมมองพระอาทิตย์ที่ส่องแสงแรงกล้า เฮ้อ มันมีกี่ฐานกันวะเนี่ย หิวข้าวแล้วนะ
ผมเดินมารั้งท้ายขบวนกับไอ้จุ่น มองไอ้หัวหน้าทีมที่ถูกเลือกโหวตโดยอัตโนมัติ เหอะ ไม่ว่ามันจะไปที่ไหน ก็ไม่แคล้วต้องเป็นหัวหน้าสินะ ก็แม่งราศีผู้นำจับขนาดนั้น ก็ไม่แปลกหรอก
และในที่สุดก็ถึงฐานแรก ผมมองพวกรุ่นพี่สาวในฐานที่มองไอ้ธีร์ตาเป็นมัน ไม่ใช่แค่รุ่นพี่ แต่พวกสาวๆ ในกลุ่มก็แทบจะงาบมันลงไปแดกเช่นกัน
" ฐานนี้ไม่มีอะไรมาก แค่ทุกคนต้องแดนซ์จนกว่าพี่ๆ จะพอใจ " ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตั้งท่าเตรียมแดนซ์ทันที มาเลยไอ้แบบนี้น่ะถนัดนัก แต่เดี๋ยวนะ ผมมองไอ้ธีร์ที่ยืนตัวแข็งทื่อ ทั้งๆ ที่เพลงเริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งก็เป็นเพลงง่ายๆ ที่ท่าแปลกๆ พวกพี่นั้นจะร้องให้ฟังก่อน และให้พวกเราร้องตาม ซึ่งก็เคยได้ยินอยู่ ทั้งไก่ย่าง ทั้งนกกระยางถ่างขา และอะไรอีกหลายๆ อย่าง และก็เหมือนเดิม ไอ้หอกธีร์ยังคงยืนแข็งทื่อไม่ออกท่าทางใดๆ ทั้งๆ ที่ผมนั้นเต้นกระพือมากกว่าใครๆ แม่งจะผ่านไหมเนี่ย
" ผ่านค่าา เต้นกันดีมากเลย " ผมมองรุ่นพี่ที่ทำตาเล็กตาน้อยมองมัน แหม แค่มันยืนหล่อก็ผ่านเลยเนอะ หมั่นไส้ว่ะ
" มีคนกินแรงเพื่อน ให้เต้นใหม่เถอะครับ " ผมพูดด้วยใบหน้ากวนบาทา ไม่ได้มองหน้ามัน และผมพูดเรื่องจริ๊ง
" ไม่ได้เคร่งขนาดนั้นหรอกจ้า " อ่าว โถๆ แม่งเข้าข้างมันเฉย แบบนี้จะให้เชื่อถือได้ยังไงละเนี่ย
" ฟารู้จักหัวหน้ากลุ่มเหรอ " ไอ้จุ่นถามขึ้นขณะเดินเปลี่ยนฐานต่อไป
" ไม่รู้ กูไม่รู้จักมัน " ผมรีบพูดออกมาเสียงดัง แม่งทำไมถึงถามวะ
" นายรู้จักธีร์จริงเหรอ " นั่นไงล่ะ พวกผู้หญิงที่อยู่ท้ายๆ แถวหันมาถามผมอย่างตื่นเต้น
" ก็บอกไม่รู้ไง " ผมพูดพลางทำหน้าบูด
" โธ่ เสียดาย ธีร์ไม่ยอมพูดกับใครเลย คนอยากรู้จักกันจะตาย " ผมเลิกคิ้วขึ้น อย่างนั้นหรอกเหรอ แต่ก็ไม่แปลกหรอก ที่โรงเรียนเก่ามันก็แบบนี้ ทำเป็นหยิ่ง ขี้เก๊ก ขี้บ่น...
ผมที่คิดแบบนั้นก็คอยแต่จะนึกถึงเรื่องเก่าๆ อีกแล้ว มันชอบบ่นผม แต่ก็ทำให้ทุกอย่างให้ผม มันชอบทำอะไรเกินตัว เวลาตั้งใจแล้วก็จะจริงจังกับทุกสิ่ง มันไม่เคยยุ่งวุ่นวายกับใคร แต่กับผมแล้ว มันจะชอบมาขลุกอยู่กับผม พวกเราไม่เคยต้องห่างกัน ผมชอบมองมันที่กำลังทำครัว มันทำกับข้าวอร่อยมาก มันชอบ...
ผมที่เดินอยู่นั้นก็หยุดเดินไปดื้อๆ ผมมองมันที่กำลังเดินอยู่หน้าแถว มันไม่ได้สนใจผมเลยสักนิด แล้วทำไมกัน ทำไมมึงถึงใส่แหวนที่มีชื่อกูอยู่
" ฟา! " ผมมองไอ้จุ่นที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
" มีอะไรเหรอ จะเป็นลมหรือเปล่า " ไอ้จุ่นพูดพลางควักยาดมออกมา
" กูไม่เป็นไร " จริงๆ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรนั่นแหละ ผมเดินอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมอยากกลับ ผมไม่น่ามาอยู่ที่นี่เลย
ผมมองแถวที่กำลังเดินต่อไป และตัดสินใจนั่งลงที่ใต้ร่มไม้ใกล้ๆ ผมรู้สึกแย่อีกแล้ว ผมไม่อยากเห็นหน้ามันเลย
" เป็นอะไร " ผมชะงักทันทีที่เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และพบว่าคนที่ทำให้ผมอ่อนแรงแบบนี้ มันกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
ผมจ้องมองมันที่สีหน้านิ่งเฉย ในแววตาของมันดูสงบและเยือกเย็น เหมือนดั่งตอนที่ผมเจอมันและได้คุยกับมันครั้งแรกในคาเฟต์หลังโรงเรียน
" ฟาดูจะไม่ค่อยสบาย " ไอ้จุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมนั้นก็พูดตอบแทนผมทันที
" ไม่ได้ถาม " ไอ้ธีร์หันไปทำหน้าตาน่ากลัวมองไอ้จุ่น ทำไมมึงจะต้องดุคนอื่นด้วยวะ
" เป็นตระคริว ขอพักแปบ " ผมพูดและหันหน้าหนีไปทางอื่น ถ้าผมด่ามันตอนนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะไอ้จุ่นไม่รู้เรื่องผมกับมัน
" นายไปก่อนเลย เดี๋ยวผมจะอยู่กับฟา... "
" ไม่ต้อง! " ไอ้จุ่นพูด และโดนตวาดใส่ทันที ผมมองไอ้จุ่นที่เริ่มขมวดคิ้วและทำหน้าไม่พอใจไอ้ธีร์
" นายมีอะไรกับผมป่ะ พูดจาน่าโมโหชะมัด " ไอ้จุ่นค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและจ้องมองไอ้ธีร์อย่างไม่สบอารมณ์ ไอ้จุ่นนั้นตัวเตี้ยกว่าไอ้ธีร์เล็กน้อย แต่เดี๋ยวนะ ผมขมวดคิ้วจ้องมองไอ้ธีร์ มันผอมลงหรือเปล่านะ ผมจำได้ว่า เมื่อก่อนมันตัวใหญ่กว่านี้
" ไม่มี แต่อยากมีก็จัดให้ได้ " ผมมองไอ้ธีร์ที่ทำท่าหาเรื่องคนอื่นเต็มที่ นี่มันไม่ใช่นิสัยมึง มึงเป็นบ้าไปแล้วหรือไง
" น้องๆ ทำอะไรกันคะ เดินต่อไปค่ะ พวกพี่ๆ รออยู่ที่ฐานต่อไป " ผมมองรุ่นพี่คนหนึ่งที่วิ่งมาเร่งพวกเรา
" มึงไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกูตามไป " ผมพูดบอกไอ้จุ่นที่กำลังจ้องมองไอ้ธีร์ ผมไม่เข้าใจเลย ไอ้ธีร์มันโมโหอะไรของมัน
" ไปได้แล้ว " ผมมองไอ้ธีร์ที่พูดเสียงดังบอกไอ้จุ่นและเดินออกไป
ผมมองมันที่เดินออกไปไกล ถ้าเป็นมันเมื่อก่อน มันคงจะไม่ยอมทิ้งผมเอาไว้แน่ ผมนึกถึงใบหน้าของมันตอนที่คิดว่าผมกำลังร้องไห้ มันรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาและทำสีหน้าที่บ่งบอกว่ามันเป็นห่วงผมมากแค่ไหน ซึ่งตอนนั้น ผมดีใจมากเหลือเกิน ผมอมยิ้มทันทีที่คิดถึง แต่มันคงไม่มีอีกแล้วสินะ
ผมคงไม่มีวันได้เห็นสีหน้าแบบนั้นของคนที่รักผมอีกแล้ว