5
รักสองเรา
หลังจากกลับมาที่ห้อง โดยก่อนหน้านั้นอาร์ตกับฟิวก็พากันซื้อของเข้าห้องตามโปรแกรมเดิม แต่มันช่างเป็นการเดินด้วยกันที่เงียบที่สุดก็ว่าได้ ใครอยากได้อะไรก็หยิบ เสร็จแล้วถึงไปจ่ายเงิน ตอนนั้นฟิวเองก็เพิ่งเห็นว่าไอศกรีมรสโปรดของตนเองวางแน่นิ่งอยู่ในรสเข็นด้วยทั้งที่ไม่ได้เป็นคนหยิบมา เรื่องเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้ฟิวคลายใจได้ว่าพื้นอารมณ์คนเป็นพี่ตอนนี้ไม่ได้โกรธ แต่จะอะไรยังไงนั้นก็ต้องดูกันอีกที
เมื่อกลับมาถึงห้อง เอาของไปเก็บห้องใครห้องมันแล้วฟิวก็จัดการอาบน้ำ ถือเป็นการยืดเวลาให้อีกคนปรับอารมณ์ด้วย พอจัดการตนเองเสร็จแล้วถึงเดินมาที่ห้องข้าง ๆ เปิดประตูเข้าไปด้านในก็ไม่เห็นมีใครอยู่ จึงโผล่ไปดูที่ระเบียง
อาร์ตนอนหลับตานิ่งอยู่ที่ม้านั่งตัวยาวที่ปูฟูกไว้สำหรับนั่งเล่น ฟิวเดินเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ช้า ๆ รู้ว่าพี่ไม่ได้หลับหรอก นั่งยองลงข้าง ๆ ก่อนจะแตะต้นแขนเขย่าเบา ๆ
“พี่”
“อือ” อาร์ตครางรับแต่ยังไม่ลืมตา
“พี่ลืมตามาคุยกับผมก่อนสิ” ฟิวเอาคางเกยหน้าท้องของคนที่นอนอยู่ อ้อน เขาเรียกมันว่าอย่างนั้น
อาร์ตลืมตาขึ้นมามองเห็นตาแป๋ว ๆ นั่นจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ดึงน้องมานั่งข้างแล้ววาดแขนไปด้านหลังเหมือนกำลังโอบไว้กลาย ๆ
“พลอยเขาคืออดีต ถ้าพี่กังวลใจเรื่องนี้ก็ขอให้พี่รู้ไว้ว่าผมจะไม่เอาอดีตมาปนกับปัจจุบันแน่นอน” ฟิวพูดขึ้นมาก่อน เมื่อไม่เห็นทีท่าว่าอีกคนจะยอมเปิดปากถามอะไร
อาร์ตถอนหายใจเมื่อได้ยินน้องพูดแบบนั้น ฟิวเองก็คงกังวลใจไม่แพ้กัน เขาในฐานะที่โตกว่า แทนที่จะเป็นหลักให้น้องกลับทำน้องรวนไปด้วย
“ทุกคนต่างก็ต้องมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น พี่เองก็ใช่ แต่อดีตของพี่ ฟิวก็รู้เห็นทุกอย่าง ส่วนตัวพี่เอง... พี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฟิวเลย”
อาร์ตว่าเสียงหงอย ฟิวเลยขยับเข้าไปใกล้พี่อีกนิด อยากปลอบนะ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร มันไม่เหมือนโอ๋เด็กนี่นา นี่มันเด็กโข่งชัด ๆ
“เรื่องบางเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ผมไม่อยากจะรื้อฟื้นมันอีก แต่ถ้ามันจะทำให้พี่สบายใจขึ้น ผมก็จะเล่าให้ฟัง แต่พอฟังจบแล้วพี่ต้องสัญญาว่าจะปล่อยมันให้ผ่านเลยไป อย่าเก็บมาคิดต่อยอดเด็ดขาดนะ”
เมื่ออาร์ตพยักหน้ารับ ฟิวจึงเริ่มเล่าอดีตให้ปัจจุบันของตนเองฟัง ช่วงเวลาแห่งความรักที่แสนหวานระหว่างฟิวกับพลอยถูกถ่ายทอดให้คนฟังรู้ทุกอย่าง การพบเจอกันครั้งแรก การที่ฟิวตามจีบพลอยซึ่งเป็นรุ่นพี่ กว่าที่พลอยจะใจอ่อนยอมตกลงเป็นแฟนกัน มีฝัน มีอนาคตร่วมกัน ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูดีดูสวยงามไปหมด
พลอยอยากเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ อยากเห็นคนมีความสุขเวลาดื่มกาแฟของเธอ เธอมักจะสรรหาสูตรต่าง ๆ มาให้ฟิวชิม แต่ฟิวไม่ใช่คอกาแฟ ดื่มกาแฟก็ไม่รู้รสนอกจากขม เลยได้แต่ให้กำลังใจ อยู่กับเธอนาน ๆ เข้าเลยชงกาแฟเป็นไปด้วยอีกคน
แต่เหมือนว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็ว หรือว่าความลับมันไม่มีในโลกก็ไม่รู้ เมื่อทุกสิ่งที่ดูสวยงาม ทุกอย่างที่ฟิวคิดว่ามันคือของตัวเองมาโดยตลอดมันกลับไม่ใช่ พื้นที่ของเขามันไม่ใช่ของเขาแค่คนเดียว และคนที่เข้ามาร่วมใช้ก็คือ เอก เพื่อนสนิทของเขาเอง มันจะไม่เจ็บเท่านี้ถ้าคนที่แอบคบกับพลอยลับหลังเขาจะไม่ใช่คนที่เขาไว้ใจ คำว่าเพื่อนของเขากับเอกคงสะกดต่างกัน
“พี่รู้ไหม เหตุผลที่เพื่อนผมให้ตอนที่ผมรู้ว่ามันแอบคบกับแฟนผมคืออะไร?”
ฟิวเอ่ยถามอาร์ตเสียบเรียบแต่แฝงแววเจ็บปวดและเย้ยหยัน มือข้างที่โอบไหล่ฟิวไว้จึงลูบแขนปลอบ ๆ
“มันบอกว่ามันรักของมันมาก่อน ผมนั่นแหละที่เข้ามาแทรก พอมันคบกันก็ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ กลัวผมรู้อีก พวกมันลำบากกันมาก ๆ อะ แล้วกูไปบังคับให้พวกมึงคบกันหรือไงวะ ไอ้เหี้ย!”
ยิ่งพูดยิ่งเหมือนฟิวจะระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ อาร์ตรั้งตัวน้องเข้ามากอดหลวม ๆ ลูบหลังให้ใจเย็นลง บางทีเขาควรปล่อยให้อดีตมันเป็นอดีตแบบนั้นน่ะดีแล้ว ยิ่งไปสะกิดแบบนี้ยิ่งกลัว
ฟิวที่ยอมอยู่นิ่งให้พี่กอดปลอบท่าทางจะใจเย็นลงแล้ว เลยพูดประโยคต่อมาได้ “ผมทำให้ย่าร้องไห้ด้วย ช่วงนั้นผมทำตัวไม่ดีเลย อารมณ์ร้อน ไม่มีเหตุผล ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรดี โทษมันไปหมด เกเรก็เท่านั้น ย่าบอกย่าเตือนอะไรก็ไม่ฟัง จนย่าร้องไห้ มันเป็นความทรงจำที่แย่มาก แต่ย่าบอกว่าเพราะผมยังเด็ก แต่ผมว่ามันไม่เกี่ยวว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เพราะที่สำคัญคือผมทำให้ผู้มีพระคุณเสียน้ำตา มันเป็นบาปหนา ที่เห็นย่าพาผมไปทำบุญที่นั่นที่นี่บ่อย ๆ ก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วย บุญล้างบาปไม่ได้ แต่ผลแห่งบุญคงจะทำให้สิ่งร้ายแรงที่จะเข้ามาในชีวิตทุเลาเบาบางลงได้ ย่าบอกแบบนั้น”
“ดีแล้ว ฟิว ถึงยังไงวันนี้ฟิวก็ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เรื่องที่ผ่านมาไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะ อดีตคือสิ่งที่เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันอยู่ในมือเรา เราสามารถทำให้มันดีได้ และพี่เองก็จะทำปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด”
ฟิวยิ้มรับคำพูดที่เหมือนคำสัญญานั้น “ที่จริงมันก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทั้งหมดหรอก อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้มาเจอกับผู้ชายคนหนึ่ง”
ฟิวเงยหน้ามองอาร์ต ยิ้มให้ทั้งปากทั้งตา
“ใคร?” มาซะห้วนเชียว
“ตอนที่เจอเขาครั้งแรก ผมไม่ได้สนใจเขาหรอก แต่พอเห็นบ่อย ๆ เข้าก็ชักจะหมั่นไส้ละ เห็นควงคนนั้นคนนี้อยู่ตลอด คบใครก็ไม่เห็นนานสักคน มองไปมองมาก็ยิ่งน่าหมั่นไส้ คิดว่าตัวเองหล่อนักหรือไงก็ไม่รู้ แต่พอเจอเขาบ่อยเข้าถึงได้รู้ว่าเขาแอบชอบแฟนเพื่อนสนิทอยู่”
‘เอ๊ะ?’“ดู ๆ ไปก็น่าสงสารนะ แต่บางทีผมก็รู้สึกว่าทำไมเขาโง่จัง ต่อให้เขารักคนนั้นแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ไม่มีทางได้มาหรอก เห็นทุกครั้งก็ทำหน้าเศร้าเหมือนแมวที่บ้านป่วยใกล้ตาย ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี” ฟังไปฟังมาเหมือนจะเป็นเรื่องตัวเองนะ
“หลอกด่าพี่หรือเปล่าวะ?” อาร์ตหรี่ตาจับผิด
อีกคนทำหน้าเหลอหลาเหมือนไม่รู้เรื่อง “เปล่านะ กำลังพูดถึงผู้ชายคนนั้นอยู่ต่างหาก”
“อ้อเหรอ” อาร์ตลากเสียงยาว น้องก็พยักหน้าหงึกยืนยัน อาร์ตเลยบอกให้เล่าต่อ
“ผมบังเอิญเจอเขาบ่อยมาก ไม่รู้ว่ากรุงเทพฯมันแคบหรือยังไง เจอบ่อยชนิดที่ว่าอยากเดินเข้าไปถามคนนั้นเลยว่าไม่มีที่ให้ไปแล้วใช่ไหม ถึงได้มาให้เห็นอยู่เรื่อย”
“พาลว่ะ”
“ก็มันจริงนี่ เจอบ่อยจนจำได้อะ คิดดู”
“แอบมองเขาอะดิ ถึงได้เห็นเขาบ่อย ๆ” ชักจะสนุกแฮะ พอรู้ว่าน้องพูดถึงตัวเองแล้วมันก็รู้สึกดีสุด ๆ
“ไม่ได้แอบเลยเหอะ มองตรง ๆ เลย แต่เขาก็ไม่เห็นจะสนใจ”
“จริงอะ?” อาร์ตถามน้ำเสียงลิงโลดใจ
“โกหก”
“ฮื้มมมม” อาร์ตทำเสียงขัดใจที่น้องไม่ตามน้ำ เอาแน่กับฟิวไม่ได้จริง ๆ
“แล้วพี่อาร์ตจะสนใจทำไม ไม่ใช่เรื่องตัวเองสักหน่อย”
“ก็อยากพูดทำไมล่ะ พอเขาสนใจแล้วมาทำเฉไฉนะ” อาร์ตบีบจมูกโด่ง ๆ นั่นอย่างมันเขี้ยว
“ฮื้ออ พี่อาร์ต”
“แล้วตอนนี้ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นไงมั่ง เลิกโง่ยัง?”
“ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้เขามีแฟนใหม่อีกแล้วอะ ก็ไม่รู้ว่าแฟนคนปัจจุบันจะคบกันได้นานแค่ไหน”
“แล้วไม่คิดว่าเขาจะจริงจังกับคนนี้เหรอ บางทีเขาอาจจะหยุดอยู่ที่คนนี้ก็ได้นะ” อาร์ตแสดงความคิดเห็นเสมือนว่าเป็นคนนอก แต่อยากบอกน้องแบบนั้นจริง ๆ
“จริงเหรอ?”
“อื้อ” อาร์ตพยักหน้าให้ความมั่นใจ
“พี่อาร์ต”
“หือ?”
“พี่ว่าผู้ชายคนนั้นจะรักแฟนเขาไหม?” ถามไปแล้วก็จ้องมองอย่างรอคำตอบ
อาร์ตมองหน้าซื่อ ๆ ตาใส ๆ นั่นอย่างไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ แกล้งทำน่ะสิ
“รัก”
“มากไหม?”
แทนคำตอบอาร์ตจึงก้มลงไปปิดเสียงที่ถามไม่หยุดนั่นด้วยริมฝีปากของตนเอง ปล่อยไว้แบบนี้ได้กลายเป็นลูกไล่ไอ้หนูฟิวไปตลอดแน่ อาร์ตเอนตัวน้องให้ลงราบตามความยาวของม้านั่ง ขยับกายนิดหน่อยหาท่าเหมาะ ๆ รั้งสะโพกน้องให้เข้ามาเกยบนหน้าขา ขยับแทรกเข้าไปชิด ขณะที่ปากยังทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม
“พี่อาร์ต”
“อือ…”
“รักมากไหม?” คนนี้ก็ยังจะเอาคำตอบให้ได้
อาร์ตเงยหน้าจากการชิมร่างขาว ๆ นั้นแล้วเลื่อนไปจูบริมฝีปากน้องหนัก ๆ ก่อนขยับไปกระซิบข้างหูบางเสียงพร่า
“ที่สุด รักฟิวที่สุด”
ยิ่งได้บอกออกไปแบบนั้นอารมณ์คนพูดก็ยิ่งคุโชน ลูบไล้ เล้าโลม บดเบียดกับคนใต้ร่างแทบจะเป็นเนื้อเดียว เมื่อเกินทานทนได้ อาร์ตจึงต้องเอ่ยขอ
“ฟิว ขอนะ ได้ไหม… ให้พี่ได้ไหมครับ?”
ฟิวมองตาอาร์ต นิ่งไปนานกับคำขอนั้น ก่อนใบหน้าเรียวจะพยักช้า ๆ ตอบรับคำขอ อาร์ตยิ้ม ก้มลงไปจูบปากอิ่มอย่างขอบคุณ รั้งขาเรียวให้เกี่ยวเอวตนเองไว้ ยกแขนทั้งสองข้างของน้องให้โอบรอบคอตนเองก่อนจะอุ้มน้องขึ้นมาทั้งตัว
“พี่อาร์ต เดี๋ยวตก!”
ฟิวกอดคอคนที่อุ้มตนเองแน่น ขาเรียวก็เกี่ยวเอวคนเป็นพี่ไว้เพราะกลัวตก อาร์ตขยับตัวฟิวให้เข้าที่เข้าทาง ยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บปากนุ่มเร็ว ๆ หนึ่งที ยิ้มพรายใส่คนที่มองตาแป๋ว
“พร้อมจะเข้าหอหรือยังจ๊ะ ที่รัก?”
“บ้า”
ฟิวทุบอกคนทำทะลึ่ง แต่คนที่กำลังจะได้หยิบชิ้นปลามันไม่มีโวย นอกจากหัวเราะอารมณ์ดี พาสุดที่รักเดินฉิวเข้าห้องหอรอรักไป คืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก ที่รักจ๋า
อาร์ตอุ้มน้องเข้ามาในห้องนอน วางลงบนเตียงอย่างเบามือ ริมฝีปากได้รูปยังตามประกบติดไม่เว้นที่ว่าง ร่างสูงใหญ่ค่อยตามทาบทับ ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปทักทายและได้รับการตอบสนองเป็นที่พึงใจ อาร์ตดันขาเรียวให้งอเข่าขึ้น ก่อนจะแทรกกายเข้าไปตรงกลาง บดเบียดหนัก ๆ ตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตนเอง ทั้งยังไม่ผละห่างจากริมฝีปากอิ่มนั้นจนคนใต้ร่างร้องประท้วงในลำคอถึงได้ยอมผละห่างให้น้องได้สูดอากาศเข้าปอดบ้าง
อาร์ตยันกายขึ้นมองน้อง ร่างกายขาวเนียนบิดกายน้อย ๆ นี้กำลังจะเป็นของเขา และจะมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ครอบครอง ดวงตาคมกวาดมองทั่วร่าง สบกับดวงตากลมที่ตอนนี้หรี่ปรือเพราะแรงอารมณ์ แต่ก็ยังมีแววหวั่นให้คนมองจับกระแสนั้นได้ คนตัวโตก้มลงไปจุมพิตหน้าผากนูนเกลี้ยงแผ่วเบาซ้ำ ๆ กระซิบบอก
“เชื่อใจพี่นะ ฟิว”
แขนเรียวยกขึ้นโอบกอดเป็นการตอบรับ อาร์ตจูบแก้มคนน่ารักที่เชื่อใจเขา ค่อยรั้งขอบกางเกงนอนลงช้า ๆ ...
……
รุ่งเช้าของวันใหม่ ฟิวนอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง ผิวขาวที่โผล่พ้นผ้าห่มหนานั้นปรากฏร่องรอยจากการกระทำของอีกคนไว้ประปราย เริ่มขยับตัวซุกร่างเข้าหาความอบอุ่นเมื่ออุณหภูมิรอบกายลดต่ำลง เนื่องจากเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้สึกเจ็บหน่วงไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพียงแต่นิ่วหน้าแล้วหลับต่อไปเท่านั้น แขนเรียวพาดผ่านสิ่งที่ตนเองคิดว่าเป็นหมอนข้าง ใบหน้าซุกซบ ก่อนจะสวมกอดเอาไว้อย่างนั้น
อาร์ตมองการกระทำของน้องยิ้ม ๆ ตอนนี้เขามีความสุขจนแทบล้นอกเลยก็ว่าได้ มันอิ่มเอมบอกไม่ถูก ยิ่งตื่นมาเห็นคนในอ้อมแขนแล้วยิ่งสุขขึ้นอีกเท่าตัว เขาท่าจะหลงไอ้หนูนี่มากเกินไปแล้ว
หนุ่มผิวเข้มกระชับร่างขาว ๆ ที่ช่างตัดกับสีผิวของตนเองเหลือเกินในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น หวงแหน คำนี้มันผุดขึ้นมาในหัว ใช่ เขาหวง อาร์ตก้มมองคนที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง กดจมูกที่กลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มลื่นนั้นแล้วบอกย้ำกับตนเองในใจ
‘ฟิวเป็นของพี่แล้วนะ ของพี่แค่คนเดียว’ห้องกินข้าวภายในคอนโดมิเนียมหรู บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารบำรุงและผลหมากรากไม้นานาชนิด ฟิวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ บนหน้าผากมีเจลลดไข้แปะอยู่ และข้างกันคืออาร์ตที่จ้องมองทุกกิริยาเวลาฟิวขยับตัว มือเรียวตักอาหารเข้าปากสีหน้าเนือย ๆ กรอกตามองเพดานห้องไปมา ก่อนปากจะเริ่มพูดเมื่อกลืนอาหารที่กินเข้าไปเมื่อครู่แล้ว
“ผมว่ามันมากเกินไปแล้วนะ พี่อาร์ต”
“หือ?” อาร์ตที่เอาแต่มองน้องเพลิน ดูจะไม่ได้ให้ความสนใจคำพูดน้องสักเท่าไร
“พี่อาร์ต! มองอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวทิ่มตาบอด” ทำท่าว่าจะทิ่มจริง ๆ ถ้ายังเอาแต่มองไม่เลิก
“หึ ๆ เขินเหรอ?”
“ยังมีหน้ามาพูด แล้วไอ้เบาะเนี่ย พี่จะขนมาทำไมเยอะแยะ หา!”
ฟิวชี้เบาะรองนั่งที่ยังอยู่ในถุงของร้านค้าส่วนหนึ่ง อีกส่วนเขาก็นั่งมันอยู่นี่ไง จะซื้อมาขายต่อหรือไงไม่รู้ เห็นวิ่งหน้าตั้งออกไปตั้งแต่ไก่โห่ พอกลับมาอีกที ทั้งของกิน ทั้งยา ทั้งอะไรไม่รู้มากมายหลายสิ่งอย่าง เวียนหัวกับเขาจริง ๆ
“ก็กลัวฟิวเจ็บ รองอีกซักอันไหม พี่ว่าไม่น่าจะพอนะ”
“ไม่ต้องเลย หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!” ฟิวรีบบอกเมื่ออาร์ตทำท่าจะไปหยิบมาให้อย่างที่พูดจริง ๆ เป็นอะไรหนักหนาวะครับ “เลิกทำเหมือนผมป่วยใกล้ตายเสียทีเหอะ แค่เป็นไข้ จะอะไรหนักหนา”
“ก็พี่เป็นห่วงนี่ครับ” อาร์ตพูดน้ำเสียงออดอ้อน
“ถ้าเป็นห่วง งั้นคราวหลังก็อย่าทำอีกละกัน”
“หา!?”
ฟิวพูดหน้าเฉย แต่คนฟังนี่ออกอาการตกใจจนน่าหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด ๆ
“โหย ไม่เอาสิ พี่สัญญา ครั้งต่อไปมันจะดีขึ้น จะไม่ให้เจ็บเลยแม้แต่นี้ดเดียว!” สีหน้ายืนยันให้ความมั่นใจน้องเต็มที่
ฟิวเบ้ปากไม่เชื่อ “อย่าพูดเลย หื่น ๆ แบบพี่ไว้ใจไม่ได้หรอก”
“ฟิววว”
“บ้าบอน่า พี่อาร์ต ไม่มีอะไรกันมันไม่ถึงกับตายหรอก มากินข้าวได้แล้ว ซื้อมาเยอะจนแทบเลี้ยงได้ทั้งหมู่บ้านแล้วมั้งน่ะ”
ฟิวก็บ่นไปเรื่อย แต่คนเป็นพี่นี่สิ ทำหน้าเหมือนใกล้จะตายจริง ๆ แล้ว ฟิวทนได้ แต่พี่ทนไม่ได้โว้ย
“เพื่อนอาร์ตอยู่ไหมวะครับ?”
เสียงเรียกที่ดังมาจากหน้าห้องทำให้อาร์ตต้องละสายตาจากน้องที่ทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้า ไม่รู้ไม่ชี้กับสีหน้าเว้าวอนของเขาเลย ไม่นานเจ้าของเสียงเรียกนั้นก็เข้ามาถึงที่อาร์ตอยู่ ตี๋เทปกับวิวสุดที่รัก
เพื่อนซี้ตี๋เทปไม่ได้นัดไว้ แต่เผอิญว่างเลยแวะมาหา ตั้งแต่เข้าทำงานกันจริงจังก็ไม่ค่อยได้ไปเฮฮากันอย่างแต่ก่อน หน้าที่รับผิดชอบก็ต้องมาก่อนอย่างอื่นอยู่แล้ว ตี๋เทปเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ อาร์ต รับไหว้น้องฟิวแล้ววางของที่หอบหิ้วมาด้วยก่อนเอ่ยปากทัก
“ทำไมของกินมันเยอะแยะแบบนี้ล่ะ ของที่กูเอามาจะไม่เป็นหมันเหรอเนี่ย?”
พูดเหมือนกลัวว่าของที่ตัวเองนำมาจะไม่ได้รับความสนใจ แต่มือก็หยิบผลไม้ในจานที่วางอยู่เข้าปากไปแล้ว
เพียะ!!“ของน้อง” อาร์ตตีมือตี๋เทปที่มาแย่งของน้องฟิวกิน ก็ไม่รู้จะหวงทำไม ทำอย่างกับว่าฟิวจะกินคนเดียวหมดอย่างนั้นล่ะ
“อะไรว้า แค่นี้ทำหวง โด่ ไม่กินก็ได้ ของที่กูเอามานี่ชั้นเหลา ไม่ง้อมึงหรอก” ทำเป็นเกทับเพื่อนก่อนหันมาชวนฟิวให้กินอาหารที่ตนเองเอามาด้วย “ฟิวอย่าไปกินเลยของกิ๊กก๊อกพรรค์นี้ ต้องของพี่นี่ เด็ดสุด”
อาร์ตผลักหัวเพื่อนที่ทำตัวเป็นพีอาร์โฆษณาสินค้าชวนเชื่อเสียเหลือเกิน “พูดมากน่ามึง กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าอาหารเหลาของมึงมันจะอร่อยแค่ไหน ใช่ว่าดีแต่ปากหรอกนะ”
“ถ้าอยากรู้ก็รีบไปจัดใส่จานมาให้ไวเลยครับเพื่อน”
อาตี๋ลุกขึ้นลากเพื่อนเข้าห้องครัวไปด้วยกัน ปล่อยให้หนุ่มน่ารักทั้งสองคนคุยกันไปพลาง ๆ เมื่อเข้ามาหลบมุมในครัวเป็นที่เรียบร้อย จะหลบทำไมไม่รู้ครัวก็ไม่ได้มิดชิดออกจะเปิดโล่งด้วยซ้ำ แต่ตี๋เทปก็ยังจะหลบ ก่อนกระซิบถามเพื่อน
“ทำอะไรน้องมันวะ ถึงกับไข้ขึ้นเลยนะมึง”
“ไอ้ห่า ถามนี่เกรงใจกูบ้าง” อาร์ตทำเป็นอายที่ถูกถามโต้ง ๆ แบบนี้ อาตี๋เลยทำหน้าเซ็งใส่
“โอ๋ย ทำมาเป็นดัดจริตเขินอาย เดี๋ยวพ่อเขวี้ยงด้วยหูฉลาม”
“มีหูฉลามด้วยเหรอวะ?” อันนี้ก็ตีมึนให้เพื่อนหมั่นไส้เล่น
“ไม่มี อย่างมึงน่ะ แค่หูหมูก็หรูแล้ว”
“แสด”
“อย่ามานอกเรื่อง ตอบคำถามกูก่อน ไอ้เข้ม”
“รู้แล้วยังจะถามอีกนะมึง”
“นี่มึงทำไปแล้วเหรอ ไอ้ไวไฟ!” ตี๋เทปทำหน้ารับไม่ได้กับการกระทำของเพื่อน
อาร์ตยังสงสัย มันบ้าบอขนาดนี้ลูกน้องยังเชื่อใจมันได้อีกหรือ ก็ว่าไปนั่น เวลาทำงานกับเวลาปรกติเทปแตกต่างโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว ก็ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กนี่นะ
“พูดไม่ดูตัวเองเลยนะมึงน่ะ” หนุ่มเข้มตอกกลับเพื่อนที่ไม่ได้ต่างกันเลยไม่ว่าเรื่องอะไร สองซี้เลยหัวเราะขำกันเอง
“อาร์ต ตอนนี้มึงมีความสุขไหมวะ?”
“สุด ๆ ว่ะ” คนตอบเปิดยิ้มกว้างให้รู้ว่า ณ ตอนนี้เขามีความสุขกับปัจจุบันของเขาจริง ๆ
“หึ ๆ ดีแล้ว กูเบื่อจะเห็นมึงทำหน้าเศร้าแล้ว”
อาร์ตเงียบกับคำพูดนั้นของเพื่อน รอยยิ้มที่มีเมื่อครู่ค่อยหายไป มีเพียงความนิ่งเงียบที่ทั้งคู่ใช้สื่อสารกัน
“มึงรู้ใช่ไหม เทป ความรู้สึกกู… ตลอดมา” หลังจากนิ่งไปพัก อาร์ตถึงถามเพื่อนขึ้นมาได้ กลัวคำตอบแต่ก็อยากรู้ไปพร้อมกัน
“เออ มึงดูออกง่ายจะตายละสัส ขนาดที่รักกูยังรู้เลยมั้งน่ะ” เทปให้ความกระจ่างแก่เพื่อน
เรื่องที่ว่าวิวจะรู้หรือไม่นั้นเขาแค่คาดเดา วิวไม่ได้บอกอะไร แต่บางคำพูดหรือการกระทำบางอย่างก็พอจะตีความได้ว่าวิวก็คงพอรู้ถึงความรู้สึกของเพื่อนเขาอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะเงียบและปล่อยให้มันเป็นไปเท่านั้น
“มิน่า…” อาร์ตเปรยขึ้นมายิ้ม ๆ
“มิน่าอะไรวะ?”
“ก็ฟิวมันเคยบอกว่ากูดูออกง่าย ขนาดไม่ได้ตั้งใจมองยังรู้” อาร์ตพูดไปแล้วก็ยิ้ม ยังจำได้วันที่น้องให้กระจกมาส่องดูหน้า กวนดีจริง ๆ
“ก็ไม่ขนาดนั้น เพียงแต่มึงสำคัญไง กูเลยใส่ใจความรู้สึกมึงเป็นพิเศษ สำนึกในบุญคุณกูซะ”
เทปยักคิ้วกวน ๆ ให้เพื่อน ก่อนทั้งคู่จะหัวเราะให้กันด้วยความโล่งใจ ทุกอย่างที่ดูอึมครึมที่ผ่านมา วันนี้มันเปลี่ยนไปเพียงเพราะคนคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในชีวิตของพวกเขาจริง ๆ
“อะแฮ่ม วันนี้จะได้กินไหมครับสองหนุ่ม ปล่อยให้น้องหิ้วท้องรอนี่มันน่าไหม ฮึ”
ไม่รู้ว่าวิวเข้ามาตอนไหน แต่สองหนุ่มถึงกับสะดุ้ง ก็คุยกันเรื่องของคนที่ยืนกอดอกเอียงคอมองพวกเขาอยู่นี่นะ
“จะเสร็จแล้วครับ ที่รัก เนี่ย เทปเร่งมืออยู่”
“แค่เทใส่จานนี่มันยากมากเลยเหรอ เทป?” วิวแอบกัดคนรักเบา ๆ ตี๋เทปเลยได้แต่ยิ้มแหย ตอบโต้ไม่ได้
“ให้ไวนะครับ” วิวกำชับอีกรอบก่อนเดินออกไปข้างนอก
“คร้าบ”
พอวิวเดินออกไป สองเพื่อนซี้ก็โทษกันเอง แต่มือก็ไม่ได้หยุดทำงาน เดี๋ยวจะโดนสุดที่รักของเทปดุเอาอีก มื้อกลางวันมื้อนี้กับข้าวของตี๋เทปเลยได้เป็นพระเอก ส่วนของอาร์ตก็กลายสภาพห่อฟิล์มแน่นิ่งอยู่ในตู้เย็นแทน
หลังจากกินข้าว พูดคุยกัน พอหายคิดถึง ตี๋เทปกับหวานใจเลยขอตัวกลับ อาร์ตเดินไปส่งทั้งคู่ที่หน้าประตู ก่อนกลับเข้ามาเก็บของที่เพื่อนซี้เอามาฝากเข้าที่
“พี่อาร์ต”
“ครับ”
เสียงแหบ ๆ เรียกอาร์ตจากข้างนอก อาร์ตขานรับแต่ก็ไม่เห็นน้องจะว่าอะไรต่อจึงเดินออกมาหาเจ้าตัวยุ่งที่นั่งหน้าม่อยอยู่บนโซฟา จะพาไปนอนพักข้างในก็ไม่ยอม นี่ดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เขาถึงอยู่ดูแลน้องได้ ดูท่าพอไม่สบายแล้วจะอ้อนมากกว่าปรกติ เป็นทีแรกนี่ไม่ออกอาการหรอก สักพักนั่นล่ะถึงจะออกฤทธิ์
“ว่าไงครับ เรียกพี่ทำไม เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า?”
คนป่วยส่ายหน้า มือใหญ่อังข้างแก้มและซอกคอ เจลลดไข้เปลี่ยนแผ่นใหม่ไปแล้วก็ดูไข้จะลดลง ตัวยังรุม ๆ นิดหน่อย แต่ก็ถือว่าดีขึ้น
“ถ้างั้นจะเอาอะไรล่ะครับ หืม?”
“ก็เมื่อกี้ผมเห็นพี่เทปซื้อไอติมมาด้วย…”
‘อ้อ! รู้ละ ของโปรดคุณชายเขาเลยนี่’“ฟิวไม่สบายอยู่นะ ยังจะกินอีกเหรอ?”
“ไม่ได้เหรอ?”
เจ้าหนูทำเสียงอ้อน ยิ่งไม่สบายแบบนี้ หน้าขาว ๆ เลยออกชมพูไปเพราะพิษไข้ด้วย จนคนมองอยากจับฟัดอีกสักที แต่คงไม่ดีเท่าไร เดี๋ยวได้ไข้กลับกันพอดี
“ก็ไม่ได้น่ะสิ ไม่ต้องมาอ้อนเลย”
“พี่อาร์ต นิดเดียวก็ได้ นะ”
อาร์ตส่ายหน้าลูกเดียวเลยตอนนี้ จะลุกหนีแล้ว เดี๋ยวแพ้ลูกอ้อนคนป่วย ไม่สบายแล้วยังจะกินไอติมอีก คนเรา
“ไม่ได้ครับ เอาไว้หายแล้วค่อยกินนะ” อาร์ตพยายามต่อรองทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ผลนี่ล่ะ
“อยากกิน”
อาร์ตชะงักกับตาแป๋ว ๆ ที่มองมาเหมือนร้องขอ สีหน้าอ้อน ๆ นั่นอีก พอรู้ว่าใช้ไม้นี้ได้ผลก็ชักจะเอาใหญ่แล้วเจ้าหนูนี่ และแน่นอนว่าเขาไม่เคยปฏิเสธได้สักที
“เฮ้อ นิดเดียวนะ”
“อื้อ!” ฟิวพยักหน้ารัว ๆ อมยิ้มตาพราวที่ได้ยินคำอนุญาต ซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ใต้ใบหน้าแสนซื่อนั่นอย่างมิดชิด
อาร์ตเดินเข้าไปจัดการตักไอศกรีมมาให้น้องอย่างที่น้องต้องการ นำมาวางตรงหน้าคนที่นั่งรอ ฟิวบอกขอบคุณก่อนยกถ้วยไอศกรีมมาตักเข้าปาก เพียงแค่คำแรกที่ได้ลองลิ้ม หนุ่มน้อยก็ทำท่าว่ามีความสุขเหลือแสน
“อร่อยมาก” พอกลืนลงไปแล้วก็เม้มปากหลับตาแล้วอมยิ้มบ่งบอกว่ามันอร่อยจริง ๆ
อาร์ตนั่งดูน้องกินแล้วก็ขำกับท่าทางนั้น ทำไมนับวันเขาจะมองน้องน่ารักขึ้นทุกวันวะ
“เว่อร์”
แกล้งว่าไปอย่างนั้นทำให้น้องหันขวับมามอง ก่อนยืนยันในสิ่งที่ตนเองพูดเมื่อครู่
“อร่อยจริง ๆ นะ พี่ลองชิม…!”
ฟิวตั้งท่าจะตักไอศกรีมให้พี่ชิม จะได้รู้ว่ามันอร่อยอย่างที่พูด แต่ก็ต้องชะงักทั้งการกระทำและคำพูดเมื่อคนเป็นพี่มีวิธีชิมของตนเอง ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนเข้าใกล้แบบไม่ทันตั้งตัว ปลายลิ้นอุ่นชื้นตวัดเลียขอบปากอิ่มที่เผยอค้างเร็วไวจนน้องนิ่งอึ้งกับการกระทำนั้น ไม่ได้ขยับห่างไปไหน
อาร์ตที่ยังไม่ได้ผละห่างยิ้มเจ้าชู้ใส่ตาน้อง ก่อนยื่นริมฝีปากเข้าไปกดย้ำซ้ำอีกที
จุ๊บ!“เชื่อแล้วว่าอร่อย หวานมาก ๆ เลยด้วย”
ทิ้งท้ายให้น้องได้อายอีก เลยได้กำปั้นเน้น ๆ ทุบลงบนอกหนา แต่คนโดนทุบกลับยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใบหูของคนทุบแดงก่ำออกอย่างนั้น อาร์ตขยี้หัวคนขี้เขินอย่างเอ็นดู ก่อนลุกเดินเข้าห้องครัวเพื่อเก็บของต่อ ปล่อยให้น้องนั่งกินของโปรดตามสบายพัก
ฟิวมองตามพี่ที่ลุกออกไปแล้ว มองถ้วยไอติมในมือ ลิ้นเล็ก ๆ แลบเลียริมฝีปากของตนเอง ก่อนจะยิ้มเขินอยู่คนเดียว
....
ต่อด้านล่างค่ะ