1
เพ้อไปวันๆ
……………………………………………………………………
ผมกระพริบตาปริบๆ มองเพดานสีขาวในห้องนอน เบลอนิดๆ มึนหน่อยๆ ตามสไตล์คนเมาค้าง เมื่อคืนไปปาร์ตี้สละโสดของเพื่อนมา ทั้งกิน ทั้งเต้น จีบสาวแต่สาวเจ้าดันมีผัว เกือบกินตีนแกล้มเหล้า เคล้าน้ำตาไปแล้ว กลับมาถึงห้องเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คงจะเพื่อนหิ้วกลับมา ซึ้งน้ำใจจัง เป็นผู้ชายนี่เพื่อนสำคัญกว่าแฟนอีกนะ เพื่อนดีก็ดีไป เพื่อนเหี้ยก็เหี้ยตามเลย อยากรู้ผู้ชายจะดีจะเสียก็ดูที่เหี้ย เอ้ย ดูที่เพื่อนนี่แหละ
ปรับสภาพสติได้ผมควานหามือถือรอบตัว แต่ไม่เจอ สุดท้ายมาพบเอาว่ามันอยู่ในกระเป๋ากางเกง นาฬิกาที่หน้าจอ แสดงตัวเลขเป็นเวลาราวๆเที่ยง วันเสาร์ไม่มีงาน เลยดีไป ถ้ามีคงต้องโดนด่าชิบหายปลวก ลุกขึ้นจากเตียงได้พยาธิก็เริ่มร้องหาอาหาร มันเลยเหมือนทำให้ผมต้องจำใจจัดการตัวเองสักที พอเข้าห้องน้ำถอดเสื้อผ้า บีบครีมโกนหนวดใส่แปรงสีฟัน...
ถุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เอาใหม่ๆ บีบยาสีฟันใส่แปรง ยัดเข้าปากถูๆ ไถๆ เอาขี้ฟันออก แต่ไม่น่าจะมีมากเพราะเอาแอลกอฮอล์ล้างปากไปเยอะแล้ว เสร็จก็เริ่มเปลืองผ้าตัวเอง หันไปเหล่มองกระจกหน่อยนึง แต่ว่า... นี่มัน!!!
เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!
คิสมาร์ค!!!
เมื่อคืนนี้ ... กุ ไป ทำ อะ ไร มา วะ !!
แต่เท่าที่คิดออก...
...................................................
……
งานเลี้ยงสละโลดที่พวกผมมารวมตัวเหมือนงานเลี้ยงรวมรุ่นกลายๆ มีทั้งพวกเพื่อนสมัยมัธยม เพื่อนว่าที่เจ้าบ่าวด้วย แต่ก็ครึ่งๆ เพราะว่าที่เจ้าบ่าวมันเหนียวแน่นกับเพื่อนเก่าของมันและส่วนใหญ่เพื่อนม.ปลายก็ได้ไปเรียนต่อด้วยกันในมหาลัย
“ไอ้ตั้ม จะมีเมีย งี้ใครจะไปเที่ยวกับกูล่ะว้า” เสียงเสี่ยอายุน้อยอย่างไอ้ปาล์มพูดพร้อมชูแก้วขึ้นสูง กุล่ะหวั่นมึงจะมือลื่นทำแก้วหล่นใส่หัวกุจริงเว้ย
“ห่า กุพึ่งแต่งคนเดียว” ไอ้ตั้มว่าที่เจ้าบ่าวยิ้มแป้น ใครจะไปคิดว่าตั้มไอ้หมูอ้วน ใส่แว่น เด็กเรียน แสนธรรมดา จะได้เมียก่อนใคร ไม่สวยแต่น่ารัก แสนดี เป็นแม่บ้านแม่เรือน เรียนจบปุ๊ปก็ชิงแต่งไปก่อนเพื่อนซะงั้น ผิดกับพวกผมที่ตอนเรียนมหาลัยแสนหฤหรรษ์ หาความแน่นอนไม่ได้ อย่างไอ้ปาล์ม รูปหล่อ บ้านรวย เรียนก็ใช้ได้ นิสัยก็ใช่ว่าจะแย่ แต่สุดท้าย ตอนนี้ดันไม่มีสาวไหนเอาสักคน ผมเองก็ไม่ต่าง พึ่งเลิกกันแฟนหมาดๆ ไม่กี่เดือน อันเนื่องจากทั้งผมทั้งเธอทนกับไลฟ์สไตล์ไม่ได้ คุยกันไม่รู้เรื่อง คบแรกๆก็ดี คบไปคบมาแม่งไม่เข้าใจกุซะงั้น
“แต่งคนแรกเดี๋ยวก็มีคนที่สอง มึงแต่ง ไอ้คนอื่นก็แต่ง เศร้าเหลือเกินไอ้หอกเอ้ยยยย” ไอ้ปาล์มนั่งลงซดเหล้าเหมือนเดิม พูดปลงกึ่งจะฮา เหี้ยนี่เมาแล้วดราม่า
“แหม พูดแบบนี้เหมือนมึงจะไม่แต่งนะไอ้ปาล์ม”
“เมียกุต้อง สวย น่ารัก เป็นแม่บ้าน และเซ็กซี่ อยู่ในคนเดียวกัน” แต่ละคนที่ได้ฟังก็ฮาครืน สเป็คมันเหมือนจะขออะไรที่เป็นไปได้ยากเกินความสามารถของมันจริงๆ แต่นั่นก็เหมือนเป็นประเด็นให้แต่ละคนเผยสเป็คสาวออกมา แต่ละแบบที่นึกฝันเอาไว้บอกได้คำเดียวว่าโคตรเพ้อ แต่ไอ้ผมเองก็ไม่แพ้กัน
“ของกุนะ ...ไม่จู้จี้ ขี้บ่น ใจดี ยิ้มง่าย ทำอาหารเป็น ขับรถเก่ง รักสัตว์ ไม่ขี้น้อยใจ คอแข็ง ใจเย็น ไม่สูบบุหรี่ ดูแลเก่ง กุปรึกษางานได้ หน้าตากุไม่ฟิก แต่ขอขาวๆ สูงๆ”
พอผมพูดจบ แต่ละคนก็เงียบสักพักก่อนนะ
“กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”
พวกมึงมาหัวเราะสาวในอุดมคติกุได้ไงวะ นี่กุยังพูดมาไม่หมดนะ ยังเหลือเล็กๆน้อยๆที่กูยังไม่พูดนะ ถ้ากุได้แบบนี้กุมั่นใจว่ากุใช้ชีวิตกับคนนี้ได้แน่ๆแหละ
“มึงหาผัวเหอะ” อีแจ้เทยหนึ่งเดียวในโต๊ะพูดขึ้นมา
“หาได้กุให้หมื่นเลยจวย” เสี่ยปาล์มยกเงินขึ้นมาล่อ
“แม่มึงเอ้ยยยยยย นี่สาวในฝันกุเลยนะ มีแต่ในฝัน” ไอ้กริชว่า
“เมียกุยังไม่ได้ครึ่งสเป็คมึงเลยนะ” เจ้าบ่าวสมทบ
“มึงฮามากไอ้ธาม”
แล้วก็สารพัดเสียงฮาปนเหน็บ ไอ้ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกที่พูดๆไป พูดเองก็ฮาเองอีก แต่ผมขอบอกไว้เลยว่าถ้าเจอคนแบบนี้จริงๆ ผมจะเข้าไปจีบให้ได้เลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
คุยไปกินไปกระดกไป แปปๆก็ปวดฉี่ ผมเลยลากไอ้ปาล์มมาเข้าห้องน้ำ ระหว่างรอฉี่ ผมก็พูดขึ้นด้วยอารมณ์กึ่มๆอีกว่า
“อันที่จริงนะ กุอยากได้คนที่เค้าไม่ผูกมัด ฐานะเท่ากะกู อยู่ในสังคมแบบกูด้วยนะ”
ไอ้ปาล์มยิ้มหวานตาเยิ้ม “ไอ้ง่าวเอ้ย ฉี่แล้วไปกินล้างสมองเพ้อๆของมึงดีกว่านานๆทีจะได้เมา ขอกุจัดหนักเหอะว่ะแม่ง หุ้นตกเครียด!”
แล้วหลังจากนั้นผมก็กลับมาซด ซด ซดเรื่อยๆจนโลกทั้งโลกหายไป
................................................................
เท่าที่จำได้มีเท่านี้จริงๆ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็คือชนแก้วกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว แล้วใครมาส่งกู ไอ้ปาล์มรึก็เปล่า ไอ้ตั้มก็ไม่น่าใช่ แจ้เทยไทยก็ไม่น่า รอยจูบจะมาจากไหน แต่ว่าถ้ามาส่ง มายังไงรถกูอยู่ไหน เรื่องรอยจูบปริศนาหายไปจากหัวโดยสิ้นเชิง กุญแจรถกูอยู่ไหนเนี่ย... เหี้ย!
ผมตาลีตาเหลือรีบอาบน้ำ แทบจะล้มหัวฟาดชักโครกตาย นึกถึงรถของตัวเอง แต่พอถลามาถึงโต๊ะหน้าทีวีก็เบรกแทบไม่ทัน กระดาษโน้ตแถมฟรีที่ผมไม่ค่อยได้ใช้ถูกวางทับด้วยกุญแจรถ ข้างๆกุญแจรถมีขวดเครื่องดื่มแก้แฮงค์ที่คงวางทิ้งไว้นานแล้ว ลายมืออ่านยากแต่เป็นระเบียบเขียนด้วยปากกาหมึกซึมที่คงไม่ได้เอามาจากของผมแน่ๆ
‘ขออนุญาตขับรถมาส่งนะ คิดว่าคุณคงไม่อยากทิ้งรถเอาไว้ รถสวยมาก ผมซื้อให้อย่าลืมดื่มนะครับ ช่วยแก้แฮงค์ได้เยอะ’
เฮ้ย...ใครมาส่งกุวะเนี่ย ไม่ใช่เพื่อนที่รู้จักกันดีแน่ๆ เพราะจากลายมือและสำนวนการเขียนที่คงไม่มีเพื่อนคนไหนเขียนโน้ตให้ผมแบบนี้แน่ อายว่ะ ใครก็ไม่รู้ กุมาส่งถึงห้อง
...
ผมสั่งอาหารตามสั่งง่ายๆกินที่ข้างล่างคอนโด กินไปมองขวดเครื่องดื่มแก้แฮงค์ที่มาจากความหวังดีของบุคคลปริศนาไป โทรหาใครก็ไม่ติด เลยยังคงไม่รู้คำตอบ
“ธามเอ้ยธาม เอ้า หน้างี้ง่วงเชียวนะ” เสียงทักทายจากเพื่อนร่วมคอนโด รู้จักกันจากการทำงานนี่แหละ ค่อยมารู้ที่หลังว่าอยู่คอนโดเดียวกัน พี่แป้งแก่กว่าผมเกือบ10ปีได้ ผมนับถือเป็นพี่สาวเธอทำงานเป็นนักแปลประจำตามพวกนิตยสารต่างประเทศ ผมยิ้มแหยะๆให้
“เมื่อคืนหนักไปหน่อย ใครมาส่งก็ไม่รู้เนี่ย พี่แป้งเห็นป่ะ”
“ใครจะไปเห็นวะ ไม่ใช่แม่แก เพื่อนแกป่าว”
“ไม่ใช่อ่ะ มีโน้ตเขียนทิ้งไว้ อ่านก็รู้ไม่ใช่เพื่อน เนี่ย ซื้อแฮงไว้ให้ด้วย คนดีโคตรๆ” ผมชูขวดให้พี่แป้งดูแทบจะกระแทกหน้าพี่แก
“แหมเอาห่างๆเจ๊หน่อยก็ได้นะ เจ้ไม่ได้แฮงค์ แล้วเมื่อคืนหนุกป่ะ” นั่นแหละคำถามเธอ แต่บังเอิญไอ้ผมก็คนช่างจ้อ คราวนี้ก็เล่ามันสนุกปากเลยเท่าที่จำได้ ใส่รายละเอียดเสมอจริงประหนึ่งเจ๊แป้งได้เข้าไปร่วมวงกินด้วยอะไรก็ปานนั้น กลัวเจ๊รู้ไม่ละเอียด ไม่ลืมชอตเด็ดที่ผมประกาศสเป็คแฟนอย่างมาดมั่นด้วย ซึ่งอาการของเจ๊แป้งกลับแตกต่างออกไป เจ๊มองผมอย่างไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่
“อะไรกันเจ๊”
“อย่างกับผู้หญิง” พี่สาวที่เคารพเท้าคางมองหน้าผม
“เอ้า ก็ผู้หญิงซิ” ผมแย้งขำๆ แหม ผมไม่ได้จะกินผู้ชายด้วยกันสักหน่อย
“ไม่ เอ็งแหละ พูดจาเหมือนจะหาผัว อย่างกับสเป็คชายในฝัน โดยเฉพาะไอ้ประการหลัง ขับรถเก่ง รักสัตว์ ไม่ขี้น้อยใจ คอแข็ง ใจเย็น ไม่สูบบุหรี่ ดูแลเก่ง ปรึกษางานได้ หน้าตาไม่ฟิก แต่ขอขาวๆ สูงๆ ” สายตาที่มองมาที่ผมเริ่มแปลกขึ้นทุกที
“เฮ้ย ผมเปล่านะ” ชักจะระแวงตัวเองนิดๆ
“จริงเหรอ แน่ใจนะ ไม่แน่นะแก ไอ้คนที่เคยทำท่าจะจีบแกเมื่อตอนม.ปลาย ตอนนี้มันอาจจะกลายเป็นสเป็คแกเต็มรูปแบบแล้วก็ได้นะ” เจ๊แป้งพูดพร้อมเอาส้อมมาชี้หน้าผมอย่างกับจะพิพากษา
ขอย้อนไปหน่อยแล้วกัน ว่าตอนผมเรียนอยู่มัธยม ที่โรงเรียนชายล้วนมันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีเกย์บ้าง ตุ๊ดบ้าง เป็นเรื่องปกติ ไอ้ผมน่ะไม่เป็นหรอก แต่ตอนช่วงกำลังจะจบม.5 ล่ะมั้ง เหมือนมีรุ่นพี่ผู้ชายมาจีบ ถึงเค้าไม่ได้บอกตรงๆแต่ก็นะ การแสดงออกมันแตกต่าง ผมไม่ใช่ควาย แต่เล็กจนโตเรียนชายล้วนก็ต้องมีสกิลพอดู เข้าๆมาคุยแต่พอพี่เขาจบไปก็หายไป ผมไม่ได้สนใจอะไร ออกแนวกลัวนิดหน่อยด้วย พอดีกับเคยเล่าให้เจ๊แป้งฟัง พอมีเรื่องอะไรแนวๆนี้ เจ๊แกก็จับเข้ากับเรื่องนี้ตลอด ไม่เลิกจริงๆ
“แหมก็พูดไปได้ เหมือนอยากให้เป็นเป็นจริงๆเลยนะ เจ๊จะไม่เสียใจเหรอ ที่ผู้ชายหล่อๆแบบผมจะเป็นเกย์ไปเสียแล้วววว”
เจ๊แป้งทำหน้าเอือม “เป็นไปเถอะ สงสารคนได้แกเป็นผัว เป็นเกย์ไปเลย หาผัวให้ผัวเลี้ยงเถอะ”
“เจ๊ไม่รักกันเลย คอยดูนะ ถ้าผมเจอคนตามเป็นสเป็คที่ผมพูดไว้ทุกประการจริงๆผมจะจีบจริงๆด้วย จะเอาให้ได้เลยคอยดู ทุ่มสุดตัว”
“แรกๆก็รักอยู่ พอรู้จักแล้วรักไม่ลงย่ะ แล้วถ้าเกิดคนนั้นตรงสเป็คแต่เป็นผู้ชายล่ะ” หาข้อกังขาได้ตลอดจริงเว้ย
“เอ้ออออ ขอให้มีเหอะ ...ไม่จู้จี้ ขี้บ่น ใจดี ยิ้มง่าย ทำอาหารเป็น ขับรถเก่ง รักสัตว์ ไม่ขี้น้อยใจ คอแข็ง ใจเย็น ไม่สูบบุหรี่ ดูแลเก่ง หน้าตาดี ขาว สูง คุยรู้เรื่อง ผมปรึกษางานได้ บ้านรวยนี่ จะเพศไหน ผมก็จีบ เอาดิๆ”
“เจ๊ขอให้แกได้ผัวจริงๆ” เจ๊แป้งสวนทันควัน เป็นอันจบการโฆษณาตัวเองของผมในทันใด แต่แวบเดียว คำถามใหม่ของเจ๊แป้งก็ทำให้ผมคิดได้
“ถ้าเขาขับรถมาส่งแกถึงนี่ แล้วเค้ากลับไงวะ”
“เออ... นั่นดิ กลับไงวะ” ผมพูดตาม
“หรือจะนั่งแท็กซี่กลับ” เจ๊แป้งสันนิฐาน
“ใช่ๆ นั่งแท็กซี่กลับ” ผมคิดตาม
“หรือเค้าจะอยู่ที่นี่” เจ๊แป้งคิดได้อีก
“เค้าอาจจะอยู่ที่นี่” ผมก็นึกตาม
“แล้วแกจะพูดตามชั้นทำไมไอ้ลิงกัง”
...เออนั่นซิ ผมจะพูดตามทำไมวะ แต่คนที่มาส่งผมเขากลับไง เขาเป็นใคร มาจากไหน กันวะเนี่ย
.......................................................16.10.11