~ แมกไม้ ไอดิน กลิ่นหมอก ~
รักพัดหวน
ตอนที่ 6
เสียงรถเคลื่อนมาจอดทำให้คีตกาลละมือจากกีต้าร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อนเหลียวไปมอง
“ไอ้สิงห์โว้ย ไอ้สิงห์!” เสียงตะโกนร้องเรียกหาเจ้าของบ้านทำเอาคีตกาลขมวดคิ้ว เรียกหากันแบบนี้คงเป็นเพื่อนมากกว่าแขกทางธุรกิจกระมัง?
“เฮ้ย ขึ้นมาบนนี้เลย” สีหราชที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนหลังอาบน้ำเสร็จเท้าแขนกับระเบียงบ้านขานรับคนเรียก เสียงย่ำบันไดดังเอี๊ยดเนื่องจากผู้มาเยือนนั่นร่างสูงใหญ่ระรัวเท้าวิ่งขึ้นมา
“ไง ไม่เจอกันนาน กูโคตรคิดถึงมึงเลยว่ะ” ผู้มาใหม่ถลาเข้ากอดเจ้าของบ้านเต็มแขนบ่งบอกว่าคิดถึงมากอย่างปากว่าจริงๆ
“มึงก็เว่อร์ไปไอ้เอม เดือนก่อนเพิ่งไปกินเหล้าด้วยกันมาเอง” สีหราชยิ้มกว้างพลางตบหลังเพื่อนเสียงดังป้าบ คนบ่นว่าคิดถึงหัวเราะเสียงดังแล้วผละอ้อมกอดออก
“เอ้า ก็กูคิดถึงมึงจริงๆนี่หว่า”
“ไปๆ กินข้าวมาหรือยัง นี่ป้าแช่มเตรียมของโปรดไว้รอมึงเลยนะ” เจ้าของบ้านถามหากไม่รอคำตอบเพราะบังคับไปแล้วว่า ถึงอีกฝ่ายจะกินข้าวมาแล้วก็ต้องกินอีกเพราะป้าแช่มเตรียมอาหารไว้แล้ว
“แหม่ เล่นพูดแบบนี้ใครจะกล้าบอกว่ากินมาแล้ว” เอมหัวเราะพลางเดินไปทางห้องทานอาหาร หากต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นใครบางคนนอกเหนือเจ้าของบ้านนั่งอยู่ตรงแหย่งไม้สักตัวเขื่องในห้องรับแขก
“หวัดดี” คีตกาลเอ่ยทักก่อนเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย อิ่มเอม เพื่อนของสีหราช อิ่มเอม ชื่อที่ดูละมุนหากตรงข้ามกับรูปลักษณ์ยิ่งนัก เพราะอิ่มเอมเป็นชายร่างสูงใหญ่เกือบร้อยเก้าสิบเซน หน้าคมคิ้วเข้มเพราะมีเชื้อแขก
“หวะ หวัดดี” อิ่มเอมยิ้มแหยก่อนจะหันไปมองหน้าเจ้าของบ้าน “เฮ้ย นี่มันเรื่องอะไรกันวะ? ทำไมเขามาอยู่ที่นี่?” สีหน้าซีดเผือดของเพื่อนสนิททำเอาสีหราชขมวดคิ้ว หากไม่ได้คิดอะไรมากเพราะอิ่มเอมนั้นเป็นเพื่อนสนิทและรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับคีตกาลช่วงก่อนที่จะเลิกกันว่าเป็นอย่างไร แต่จะว่าไป...ตั้งแต่เขามาเจอกับคีตกาลอีกครั้งเขาก็ไม่ได้บอกอิ่มเอมนี่นะ เอาเถอะ เพราะมัวแต่ยุ่งๆน่ะ
แหละเลยไม่ได้บอก
“ก็...มันมีอะไรหลายอย่างน่ะ” สีหราชตอบไม่เต็มเสียง เขารู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกเพื่อนว่าคีตกาลอยู่ที่นี่ อิ่มเอมเป็นเพื่อนในไม่กี่คนที่อยู่ปลอบใจเขาตอนเลิกกันกับคีตกาล เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด
“อย่าบอกนะว่ากลับมาคบกันอีก?”
“.......”
“ไอ้สิงห์!
“เอาน่ากินข้าวกันก่อนเถอะ ป้าแช่มเตรียมไว้แล้ว ประเดี๋ยวอาหารจะชืดไปเสียก่อน” สีหราชเดินนำอีกฝ่ายไป อิ่มเอมขมวดคิ้วถอนหายใจ
“.....” คีตกาลวางกีต้าร์ในมือลงแล้วตามทั้งสองคนเข้าไปยังโต๊ะทานข้าว กีต้าร์ตัวนี้เขาไม่ได้คืนให้สีหราช อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ทวงคืน
สงสัยจะโดนทิ้งเสียแล้วกระมัง?
“เออ จริงซิ มึงจำแป้งได้ไหม?”
“แป้ง?”
“ใช่ คนที่นั่งข้างกูตอนเรียนวิชา....ตลอดอ่ะ”
“หมวยๆ?”
“ใช่ วันก่อนกูเจอเขาที่สนามบิน ถามถึงมึงด้วยนะ”
“ถามหากูทำไมวะ?” สีหราชนึกถึงเด็กสาวที่มักจะนั่งข้างอิ่มเอมตลอดทุกวิชาหนึ่ง เธอยิ้มเก่งคุยเก่งจนเขาพลอยรู้จักสนิทสนมกับเธอไปโดยปริยาย
“อย่ามาๆ เขาถามถึงมึงจะแปลกอะไร ก็เขาชอบมึงนี่”
“.......” มือขาวที่กำลังเขี่ยข้าวในจานชะงักไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะขยับต่อราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาของสองเพื่อนซี้
“มึงก็พูดไปไอ้เอม” สีหราชปรามเพื่อนเสียงนิ่ง หากสายตากลับเหลือบมองคีตกาลไม่วาง และนั่นทำเอาอิ่มเอมถึงกับหงุดหงิด
“มึงก็รู้ไอ้สิงห์ว่าเขาชอบมึง ไอ้ที่หาเรื่องมานั่งข้างกูตลอดเพราะกะจะให้กูช่วยจีบมึงไง” อิ่มเอมผละจากจานข้าวกอดอกมองเพื่อนที่เอาแต่จ้องหน้าคีตกาลนิ่ง
“พอเหอะน่ามึง”
“นี่กูชวนเขามาเที่ยวที่ฟาร์มมึงด้วยนะ”
“ไอ้เอม!” คราวนี้สีหราชละสายตาจากคนที่ก้มหน้านิ่งได้เสียที ชายหนุ่มถลึงตามองเพื่อนสนิทอย่างไม่ชอบใจ
“อ้าว ทำไมล่ะ? ตอนนี้มึงก็ไม่ได้คบใครนี่”
“....ขอตัวก่อนนะ” คีตกาลรวบช้อนพลางเอ่ยขอตัวลุกออกไปโดยไม่มองหน้าเพื่อนร่วมโต๊ะสักคน ร่างโปร่งจึงไม่เห็นว่าอิ่มเอมทำท่าไม่สบอารมณ์ยามเมื่อเขาเดินผ่าน
“ไอ้เอม!”
“ทำไม? มึงตะคอกกูทำไมห้ะไอ้สิงห์? โกรธกูเหรอ?”
“......” สีหราชกำมือแน่น เขาโกรธเพื่อนแต่ก็ไม่อยากจะโกรธ เขารู้ว่าเพื่อนทำไปทำไม
“มึงโกรธกูเรื่องอะไร?” อิ่มเอมกอดอกจ้องหน้าไม่ยอมแพ้
“ไอ้เอม กูขอ อย่าพูดถึงแป้งอีกได้ไหม?”
“ทำไม?”
“.....”
“เพราะไอ้เพลงเหรอ?”
“เอม....กู...”
“มึงนั่นแหละที่ต้องหยุดพูดไอ้สิงห์”
“......”
“อย่ามาพูดเรื่องไอ้เพลงกับกู” สีหราชมองหน้าเพื่อนที่กำลังจ้องตอบกลับมา อิ่มเอมโกรธคีตกาลมากเขารู้
“....มันคงยาก”
“หมายความว่ายังไง? แล้วนี่มึงอธิบายเรื่องที่เขามาอยู่ที่นี่ด้วยเลยนะ” อิ่มเอมคาดคั้น
“เพลงเขาอยู่ที่นี่”
“พวกมึงกลับมาคบกัน?”
“เปล่า”
“แล้ว?”
“กูกับแม่เขาเป็นหุ้นส่วนกัน รีสอร์ทที่กูขอให้มึงมาช่วยไง”
“มึงไม่เห็นบอกกูว่านั่นเป็นแม่ไอ้เพลง!”
“ก็นี่ไง พอบอกมึงก็จะโกรธแบบนี้” สีหราชถอนหายใจ
“ก็มันสมควรให้กูโกรธไหม? มันทิ้งมึงไปนะ!”
“เพลงเขามีเหตุผลของเขานะไอ้เอม” สีหราชปรามเพื่อนที่เริ่มเสียงดังขึ้น ดวงตาคมดุจ้องหน้าเพื่อนสนิทนิ่ง
“แต่....”
“ไอ้เอม!” สีหราชเอ่ยเสียงเข้ม เขารู้ว่าเพื่อนสนิทโกรธคีตกาล เขายอมให้โกรธแต่จะไม่ยอมให้ใครว่าพูดเรื่องนี้อีก
.
.
ร่างโปร่งเดินวนไปวนมาพลางกัดเล็บไปพลาง ประเดี๋ยวนั่งประเดี๋ยวลุก เรื่องในหัวตีกันจนวุ่นไปหมด นายอิ่มเอมนั่นทำอย่างกับเขาไม่มีตัวตนทั้งๆที่ฝ่ายนั้นก็เคยสนิทสนมด้วยกันกับเขามาก่อนแท้ๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงหมาหอนดังระงมขึ้น สายใจบอกว่าพรุ่งนี้วันพระคืนนี้อย่าลืมสวดมนต์ก่อนนอน เขาเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนแล้วถลาไปปิดหน้าต่าง สายลมเย็นเอื่อยพร้อมกลิ่นดอกราตรีทำเอาเขาขมวดคิ้วคำรบสอง คีตกาลยังนึกแคลงใจว่าทำไมสายใจต้องบอกให้เขาสวดมนต์ก่อนนอน หรือว่า.... ร่างโปร่งเหลียวมองรอบห้องก่อนจะคว้าหมอนแล้ววิ่งออกไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มือขาวระรัวเคาะประตูห้องคนติดกันพลางเหลียวมองรอบเรือน บ้านนี้นอนกันตั้งแต่หัวค่ำดังนั้นตอนนี้ทั่วทั้งบ้านจึงมืดสนิทชนิดที่แทบมองไม่เห็นนิ้วตัวเอง ยิ่งเมื่อเจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูคีตกาลยิ่งระรัวเคาะราวกับจะให้มันพัง
“มีอะไร?” ร่างสูงใหญ่ของสีหราชปรากฎขึ้นตรงหน้าพร้อมไฟฉายในมือ ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองคีตกาลที่กอดหมอนอยู่หน้าห้องอย่างสงสัย
“นอนด้วยคน”
“ห้ะ?” ไม่รอให้เจ้าของตอบรับร่างโปร่งของคีตกาลก็พุ่งขึ้นไปบนเตียงแล้วเรียบร้อย
“เฮ้ย อะไรวะ?” อิ่มเอมสะดุ้งกายลุกขึ้นนั่งร้องโวยวาย
“คีตกาล!” สีหราชกวาดไฟฉายใส่ผู้มาเยือน
“นอนด้วย”
“เห้ย ไอ้เพลง มึงไปนอนห้องโน้นซิวะ” อิ่มเอมโวยวาย
“ไม่ไป”
“ไอ้เพลง!
“มีอะไรหรือเปล่า?” สีหราชเป็นฝ่ายถาม
“กลัวผี”
“ห้ะ?/ห้ะ?” พอได้คำตอบสีหราชจึงได้ยินเสียงหมาหอนที่ขานรับกันเป็นทอดๆแล้วยกยิ้ม
“หมามันติดสัดหรอกมึง มึงกลับไปนอนห้องโน้นเลยนะ” คนอีกฝั่งดันไหล่คีตกาลให้ลงไปจากเตียง
“หมาบ้านมึงติดสัดฤดูนี้หรือไง?” มึงมาก็กูไป เรื่องอะไรต้องมาสุภาพใส่
“แต่เตียงมันแคบ!”
“งั้นมึงลงไปนอนบนพื้น”
“ไอ้เพลง!”
“พอๆ ทั้งสองคนนั่นแหละ สรุปพวกนายนอนที่นี่กันสองคนฉันจะไปนอนอีกห้องเอง”
“กูไม่นอนกับไอ้เพลงสองคนหรอกนะ” อิ่มเอมโวยวายอีกคำรบทำเอาเจ้าของห้องถึงกับกุมขมับ
“กูก็ไม่นอนกับมึงสองคนเหมือนกัน” นี่ก็ไม่ยอมแพ้
“โอเคๆ นอนด้วยกันที่นี่ทั้งหมดนี่แหละ” สีหราชถอนหายใจ ไม่รู้ว่าคีตกาลเกิดนึกกลัวผีอะไรขึ้นมาตอนนี้ นอนบ้านนี้มาเป็นเดือนแล้วแท้ๆ
“ฉันนอนตรงกลาง” คีตกาลวางหมอนแล้วล้มตัวลงนอนยึดพื้นที่ทันที ปล่อยให้คนตัวโตขนาบข้างซึ่งไม่รู้ว่านอนๆไปจะเผลอตกเตียงไปตอนไหน
ท่ามกลางความมืด แม้จะอึดอัดไปบ้างเพราะผู้ชายตัวโตๆสามคนนอนเบียดกันจนแทบขยับตัวไม่ได้หากคีตกาลก็ยังคงยกยิ้มมุมปาก ไอ้เรื่องกลัวผีน่ะเหรอ โกหกทั้งเพ! เขาก็แค่อยากแกล้งนายอิ่มเอมเท่านั้น โถ คิดจะทำเหมือนคีตกาลคนนี้ไม่มีตัวตนอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!
.
.
อิ่มเอมบิดกายไล่ความเมื่อยขบก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงกระดูกตัวเองลั่นกร๊อบ ชายหนุ่มเหลือบไปมองตัวต้นเหตุที่นั่งจิบกาแฟสบายอารมณ์แล้วให้นึกหมั่นไส้
“หมั่นไส้จริงโว้ย ทำตัวยังกับเจ้าของบ้าน”
“สายใจ วันนี้กาแฟของสายใจอร๊อยอร่อย” คีตกาลทำหูทวนลมแล้วพูดกับเด็กสาวข้างตัวที่ยิ้มแก้มแตก
“คุณคีย์ขา รับขนมปังเพิ่มไหมคะ?” เด็กสาวเอาใจก่อนจะเอ่ยถามอิ่มเอมที่จ้องมองมาอย่างไม่ชอบใจ “คุณเอมรับกาแฟด้วยไหมคะ?”
“ไปดูแลคุณคีย์ขาของสายใจเถอะ!”
สีหราชขมวดคิ้วมองคนหนึ่งที่นั่งจิบกาแฟ อีกคนที่ยืนกอดอกหน้าบึ้งก็ส่ายหัวแล้วเรียกเพื่อนสนิทให้มานั่ง นั่นแหละอิ่มเอมชายตัวโตแต่ขี้ใจน้อยจึงยอมเดินมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน
“วันนี้กูเข้าฟาร์มด้วยนะ”
“อืม งั้นเดี๋ยวเอารถไปละกัน”
“แต่กูอยากขี่ม้า”
“วันนี้นายเขียวไม่ได้เอาสายฟ้ามาให้”
“ก็เจ้าตัวที่อยู่ตรงต้นจำปีนั่นล่ะ?”
“....นั่นเจ้า Music ของคีตกาล”
“มึงว่าอะไรนะ?” อิ่มเอมมองหน้าเพื่อนก่อนจะหันไปจ้องอีกคนอย่างไม่ชอบใจ
“เจ้า Music เป็นม้าของคีตกาล”
“Music?” อิ่มเอมถามเพื่อนอย่างไม่เชื่อหู “นี่มึง....”
“เอาล่ะไอ้เอม ถ้ามึงจะไปฟาร์มกับกูกับรีบกินซะ” สีหราชตัดบท อิ่มเอมฮึดฮัดอย่างขัดใจหากไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก คีตกาลที่ดื่มกาแฟหมดแก้วแล้วหันไปทางสายใจ
“สายใจ เจ้า Lion กินข้าวหรือยัง” อิ่มเอมที่พยายามสงบจิตสงบใจถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง อะไรวะ? มีทั้งMusicทั้งLionเลยเหรอวะ?
“ยังค่ะ ประเดี๋ยวสายใจจะเอานมไปให้ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันเอาไปให้เอง” ว่าแล้วร่างโปร่งก็ลุกออกไปทันที อิ่มเอมหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างขอคำตอบ หากสีหราชกลับทำเพียงยิ้มมุมปากไม่ตอบอะไร
“Lion~” อิ่มเอมขมวดคิ้วเมื่อเห็นคีตกาลนั่งยองๆตรงหน้ากล่องสีน้ำตาลบังเจ้า Lionเสียมิด ไหนดูซิว่าเจ้าLionนี่มันตัวอะไร
ลูกหมาขนปุยสีน้ำตาลกระดิกหางดีใจ หลังกินนมหมดก็ตะกายขาคนให้อาหารทันทีอย่างออดอ้อน คีตกาลหัวเราะอย่างเอ็นดูก่อนจะยีหัวเจ้าตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว เจ้าขนปุยเหลือบมาเห็นผู้มาใหม่ก็กระดิกหางผละออกจากคีตกาลแล้ววิ่งไปยังคนคนนั้นทันที อิ่มเอมเบิกตากว้าง มองเจ้าขนปุยตัวเล็กสลับกับร่างโปร่งของคีตกาล
“Lion?” อิ่มเอมชี้เจ้าตัวเล็กที่ตะกายขาเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“นี่แหละLion หมาฉันเอง” คีตกาลยิ้มตาหยีโอ้อวด
“ไอ้เพลง!” อิ่มเอมตะโกนลั่นบ้าน นิ้วเรียวยาวชี้หน้าคีตกาลสั่นระริก ขายาวยกขึ้นสูง เป้าหมายคือเจ้าLionสีน้ำตาลตรงหน้า กูจะเหยียบให้ตาย!
“ไอ้เอม! มึงไปกับกู” สีหราชคว้าคอเสื้อเพื่อนสนิทแล้วลากลงบันไดไป
“ไอ้สิงห์ แม่งมันตั้งชื่อหมาให้เหมือนมึงนะ!”
“เออน่า มึงค่อยเหยียบมันวันหลัง!” สีหราชลากคอเพื่อนขึ้นรถ ขืนให้อยู่ต่อมีหวังมันกระทืบคีตกาลไปพร้อมเจ้าLionแหงๆ
คีตกาลมองคนร่างสูงใหญ่ของสองเพื่อนซี้ไปจบลับตาก่อนจะหัวเราะเสียงดัง เล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับไอ้เพลงเหรออิ่มเอม~
**********
คีตกาลเงยหน้าจากเจ้า Lion ขึ้นมองรถไม่คุ้นตาที่เข้ามาจอดใต้ร่มต้นจำปี วันนี้เลิกงานเร็วเพราะเกียรติศักดิ์เอาต้นไม้มาให้ เห็นว่าอีกสองสามวันจะหาลูกน้องมาลงต้นให้อีกทีเขาเลยกลับมาเล่นกับลูกหมา ส่วนเจ้าของบ้านพาเพื่อนสนิทไปขี่ม้าถึงไหนเขาเองก็คร้านจะสนใจ ร่างเพรียวสะโอดสะองในชุดเข้ารูปสีอ่อนก้าวลงมาจากรถคันหรู คีตกาลเลิกคิ้วเมื่อรู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะ ฉันมาหาคุณสิงห์กับคุณเอม” หญิงสาวแย้มยิ้มน่ามองเอ่ยบอกเขาที่ยังคงอุ้มลูกหมาเอาไว้บนตัก
“ไม่อยู่”
“แต่คุณเอมบอกว่า....”
“ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ จะรอไหม?” เจ้าหล่อนพยักหน้ารับ คีตกาลกัดริมฝีปากนึกอยากทึ้งหัวตัวเองนัก ทำไมเขาทำตัวได้น่าเกลียดแบบนี้นะ ปรกติแล้วเขาจะเป็นสุภาพบุรุษกับเพศหญิงแทบทุกคน บางครั้งยังลามไปถึงหนุ่มน้อยน่ารักอีกด้วย เพียงแค่นายอิ่มเอมบอกว่า....อ้อ จำได้แล้ว ผู้หญิงตรงหน้าเขาชื่อแป้งซินะ บอกว่าคุณแป้งจะมาเขาก็ทำตัวแย่ใส่อีกฝ่ายตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรกเลย
“เอ่อ คุณ?”
“เพลง” ไม่รู้ทำไม เขาถึงบอกชื่อนี้ออกไป ตลอดสี่ปีมานี้ไม่ว่าใครถามเขาว่าชื่ออะไร เขาจะบอกว่าชื่อ คีย์ตลอดแท้ๆ
“เพลง?” หญิงสาวจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนคิ้วเรียวจะขมวดมุ่น ใบหน้าสวยเริ่มซีดเผือด
“คุณไม่สบายหรือเปล่า?” คีตกาลวางเจ้า Lion ลงก่อนจะเช็ดมือแล้วเข้าไปแตะแขนขาวของหญิงสาวแผ่วเบาเพื่อให้เธอนั่งพัก
“ฉัน....”
“สายใจ ขอน้ำเย็นให้แขกหน่อย” สายใจที่เยี่ยมหน้ามามองตั้งแต่ได้ยินเสียงรถพยักหน้ารับก่อนจะออกมาพร้อมน้ำเย็นลอยดอกมะลิกับผ้าเย็น
“เอ่อ ฉันขอแก้วใหม่ได้ไหมจ๊ะ มันมีกลิ่นมะลิฉันไม่ชอบน่ะ” สายใจกลับเข้าไปเอาน้ำแก้วใหม่มาอีกครั้งก็พอดีที่สีหราชและอิ่มเอมกลับมาถึงพอดี แป้งลุกขึ้นยืนก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้ทั้งสองคน
“แป้ง มาถึงนานหรือยัง?” อิ่มเอมเอ่ยทักก่อนคนแรก ส่วนสีหราชพอเห็นว่าใครมาเยือนก็ชะงักเท้า เพียงครู่จึงเดินเข้ามาสมทบกับเพื่อน
“สักครู่นี้เองจ้ะ สิงห์ สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มสวยให้เจ้าของบ้าน ชายหนุ่มเอ่ยสวัสดีแล้วแยกตัวออกมาหาคนที่ยืนนิ่งอยู่กับเจ้า Lion
“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ?”
“คุณศักดิ์เอาต้นไม้มาส่งแล้วกลับไปหาลูกน้องที่จะมาลงต้นไม้น่ะ”
“อืม”
“.....” คีตกาลเหลือบมองใบหน้าเข้มคร้ามที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วก็ให้เสหลบตา ก่อนจะเดินขึ้นเรือนพร้อมลูกหมาตัวน้อย
“ไอ้สิงห์ ใจคอมึงจะทิ้งแขกไว้ให้กูคุยคนเดียวหรือไง?”
“เอ้า ก็แขกมึง” สีหราชตอบกลับ ทำเอาหญิงสาวหน้าซีดคำรบสอง เธอมาที่นี่ตามคำชวนของอิ่มเอม เจ้าของบ้านเขาไม่ได้ชวนเลยสักนิด
“เอ่อ เดี๋ยวแป้งกลับดีกว่า”
“เฮ้ย จะกลับยังไง นี่ก็เย็นมากแล้วนะ อีกอย่างขับรถไปมืดกลางทางละอันตรายแย่ เป็นผู้หญิงคนเดียวอีกต่างหาก หรือมึงว่าไงสิงห์” ท้ายประโยคอิ่มเอมมัดมือชกให้สีหราชต้องพยักหน้ารับ
“แป้งพักที่นี่ก่อนสักคืนก็ได้นะ”
“แต่แป้งเกรงใจ” หญิงสาวยิ้มแหย สีหราชถอนหายใจก่อนจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วบอกให้สายใจเตรียมอาหารเย็นเพิ่ม
“จะให้คุณแป้งเธอพักห้องไหนคะคุณสิงห์ ?”
“....ไปตามไอ้เขียวมาเก็บของออกจากห้องนั้นไป” สีหราชหมายถึงห้องนอนแขกอีกห้องที่เขาดันใช่เก็บของเพราะไม่คิดว่าจะมีแขกเกินสองคนมาพัก ปรกติอิ่มเอมจะพักห้องที่คีตกาลพัก แต่ตอนนี้กลับต้องการห้องเพิ่มเสียแล้ว
“แป้งหางานใหม่ได้หรือยัง เห็นว่าลาออกจากงานเก่าหรือ ทำไมล่ะ?” ส่วนใหญ่อิ่มเอมจะเป็นคนครองบทสนทนาแทบทั้งหมด เพราะสีหราชเอาแต่เงียบ คีตกาลก็นั่งเล่นแต่กับหมา
“ยังเลย เอมมีงานแนะนำแป้งไหมล่ะ?” อิ่มเอมเหลือบมองหน้านิ่งเรียบของเพื่อนแล้วยกยิ้ม
“ไอ้สิงห์ มึงว่าตำแหน่งผู้จัดการนี่แป้งจะทำได้ไหมวะ?”
“ก็คงได้มั้ง” สีหราชละสายตาจากแก้วน้ำขึ้นมองเพื่อนแล้วยิ้มอ่อนส่งให้หญิงสาว
“ถ้างั้น....ก็ให้แป้งมาเป็นผู้จัดการที่ฟาร์มมึงเลยซิ”
“ไอ้เอม” สีหราชเอ่ยปรามเพื่อนเสียงเข้ม
“ทำไมคะ สิงห์คิดว่าแป้งทำไม่ได้เหรอ?” หญิงสาวยิ้มกว้างถาม
“คือ....”
“แป้งชอบม้านะ ชอบบรรยากาศที่นี่ด้วย เคยฝันอยากทำงานแบบนี้มาตลอดเลย ถ้ายังไงสิงห์จะรับแป้งไว้พิจารณาหน่อยได้ไหมคะ เดี๋ยวแป้งเขียนใบสมัครทิ้งไว้” หญิงสาวเอ่ยยืดยาว เมื่อตอนหัวค่ำอิ่มเอมเข้ามากระซิบกับหล่อนว่าอย่าเพิ่งถอดใจยอมแพ้ ที่เห็นคีตกาลอยู่ที่นี่ไม่ได้หมายความว่าสีหราชและคีตกาลเป็นคนรักกันอย่างในอดีต เธอยังมีหวัง และยิ่งเพื่อนสนิทอย่างอิ่มเอมเข้าข้างและเชียร์เธอแบบนี้เธอเลยเดินหน้าเต็มที่
“ผมไม่อยากรับผู้หญิงเข้าทำงาน”
“แต่...”
“ที่นี่เป็นฟาร์มม้า ด้านหลังและรอบด้านเป็นไร่สวน คนงานส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น มันอันตรายเกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างแป้งนะ” สีหราชพยายามอธิบายเหตุผล
“เฮ้ย มีมึงอยู่ทั้งคนใครจะกล้าทำอะไรแป้งวะ?” อิ่มเอมเองก็ไม่ยอมแพ้ ตลอดเวลาที่นั่งคุยกันเขาแอบสังเกตคีตกาลอยู่ตลอด ฝ่ายนั้นเหลือบมองมาทางพวกเขาเป็นบางครั้ง หากส่วนมากก็เอาแต่เล่นกับหมาแต่เชื่อเถอะว่าทุกประโยคคงเข้าหูแน่นอน อิ่มเอมกระหยิ่มอยู่ในใจ
“เอาอย่างนี้แล้วกัน รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนค่อยมาคุยกันอีกทีนะ” สีหราชไม่อยากหักหน้าเพื่อนแต่ก็ไม่อยากยอมรับเลยเอ่ยยุติเรื่องนี้เสีย
อิ่มเอมเห็นมือของคีตกาลกระตุกเมื่อสีหราชเอ่ยประโยคนั้น เขาขมวดคิ้วแล้วเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่พยายามจ้องแต่แก้วไวน์ตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย น้อยครั้งที่จะเงยขึ้นมามองหน้าสาวแป้ง อิ่มเอมถอนหายใจ
เอาไงดีวะ?
**********