Go! Daddy (6)แดดอ่อนๆ ยามเช้าที่สาดส่องลงลงมาตกกระทบลงบนเปลือกตาคล้ายกับการทักทายจากดวงตะวัน แจจุงขยับกายน้อยๆ อย่างเกียจคร้าน พลางโอบแขนกระชับร่างด้านข้างเข้ามากอดไว้แน่นๆ ทั้งที่ยังหลับอยู่ แต่เมื่อสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ตนกำลังกอดนั้นมีทั้งกลิ่น ทั้งขนาด และพื้นผิวที่ไม่คุ้นเคย ดวงตาที่เคยปิดอยู่อย่างไม่มีทีท่าจะว่าจะยอมเปิดง่ายๆ นั้นก็จำต้องลืมขึ้นมา
ไม่ใช่จุงโฮ... ไม่ใช่ยุนโฮ... แต่เป็นตุ๊กตากระต่ายหน้าทะเล้นต่างหากที่กำลังกอดอยู่ เท่านี้ก็พอจะตระหนักให้ซึ้งในหัวใจได้แล้วว่า แชมป์นอนมาราธอนระดับโลก ตำแหน่งเหรียญทองยังตกอยู่ที่ คิม แจจุง ผู้นี้อย่างไม่ต้องสงสัย
"ยุนโฮ..." เท่าที่สองขาจะพาเอาร่างกายง่วงๆ เดินลงบันไดมาได้ แจจุงงึมงำเรียกชื่อเจ้าของบ้านเบาๆ ความเงียบที่ผิดปกติในยามเช้าเช่นนี้ทำเอาหัวใจวังเวงไปได้ไม่น้อย... แต่แล้วก็ไม่มีการตอบรับใดๆ จากยุนโฮ หรือแม้แต่เสียงอ้อแอ้ของจุงโฮที่คุ้นเคยก็ไม่มีให้ได้ยิน
ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคิดไปเองว่าสองพ่อลูกคงพากันออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ แจจุงจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเตรียมอาหารเช้า (ในยามเที่ยง) สำหรับสองพ่อลูกแทนที่จะเอาแต่เดินเซไปเซมาโดยไร้ประโยชน์ จุงโฮเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นแล้ว อ่านจากหนังสือคู่มือเลี้ยงลูกที่ไปจับจ่ายมากับยุนโฮเมื่อวานนี้ก็บอกไว้ ว่า นอกจากอาหารเสริมเละๆ เด็กวัยนี้ยังเริ่มที่จะกินตับบด หรืออะไรที่เคี้ยวง่ายย่อยง่ายได้แล้ว ดังนั้น...วันนี้หม่าม้าแจจะลงมือทำเมนูแปลกใหม่ให้จุงโฮ ทั้งเนื้อ ทั้งผัก จะได้โตมาแข็งแรงเหมือนพ่อ ฮิๆ
ทันทีที่ร่างบางเปลี่ยนทิศจะเดินไปที่ห้องครัวนั้น เสียงเสียงหนึ่งอันดังแว่วมาจากห้องทำงานใกล้ๆ ก็เผอิญลอยมาเข้ารูหู นางฟ้าชาร์ลีอย่างเขาจึงอดไม่ได้ที่จะกระเถิบเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะเอนหลังพิงฝาผนังทำการสอดแนม ไม่ใช่การสอดรู้อย่างที่เข้าใจกันเช่นเคย
"คุณแพ็ทครับ... คุณยุนโฮครับ..." เป็นเสียงทุ้มนุ่มหูของยุนโฮที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับกำลังสวดมนต์ "ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลจุงโฮให้ดีที่สุด อวยพรให้ผมด้วยนะครับ"
หมายความว่ายังไง? อวยพรให้ตัวเองงั้นรึ? แล้วคุณแพ็ทเป็นใคร? ยังมีใครนอกจากแม่ดวอน-มารีย์ หุ่นนางเอกหนังเอวีผู้นั้นอีกรึ? คำถามมากมายผุดขึ้นในสมองช่างสงสัยของแจจุงอย่างหยุดไม่อยู่ ร่างบางยกมือขึ้นลูบต้นคอพลางครุ่นคิดไม่หยุด ก่อนที่จะต้องสะดุ้งโหยง เพราะมือหนาๆ ที่เอื้อมมาจับหมับเข้าที่หัวไหล่
"แจจุง?" ยุนโฮอมยิ้มถาม เบิกดวงตาขึ้นเล็กน้อย
"ย..ยุนโฮ..."
"ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่หืม?"
"มะ...มะกี้ เพิ่งตื่นเลย เฉียดฉิวเลย ไม่ได้ยินอะไรเลย... สาบาน..." เอานิ้วไขว้กันไว้ด้านหลัง รีบแก้ตัวกันพัลวันจนแทบไม่มีพิรุจหลงเหลือเล้ย... แจจุงแยกเขี้ยวยิ้มแหยๆ ทำเฉไฉไปเรื่องอื่นทันทีโดยไม่ทิ้งจังหวะให้ร่างสูงได้ซักต่อ "ช..ชั้นไปทำกับข้าวก่อนนะ"
ยุนโฮมองตามแผ่นหลังบอบบางนั้นไปยิ้มๆ รวมวันนี้ก็นับเป็นวันที่สามแล้วที่มีแจจุงอยู่ด้วยกัน อยู่ในฐานะแม่ของจุงโฮ... ช่องว่างที่เคยมีก็ราวกับได้รับการเติมเต็มจากคนปากร้ายแต่ใจดีคนนี้ แม้ว่าจะได้ชื่อเป็นพ่อคนแล้ว แต่ถึงกระนั้นแล้วยุนโฮก็ยังเป็นแค่ชายหนุ่มอายุยี่สิบธรรมดาสามัญที่อยากจะ เก็บเกี่ยวอิสรภาพ ความคึกคะนองเป็นรสชาติให้กับชีวิตเหมือนๆ คนวัยเดียวกันทั่วไป ยอมรับว่าอยู่คนเดียวนั้น...เขาเหงา... อ้างว้างบ้างเป็นบางเวลา... แต่ก็คงไม่สามารถปริปากบอกใครได้เพราะหน้าที่ความเป็นพ่อที่ยังต้องแบกรับ
ไม่ใช่มีอะไรมาจุกปากหรอกถึงบอกไม่ได้... แต่เพราะไม่มีใครรับฟังต่างหากเล่าที่ทำให้ต้องเก็บงำความเหงานี้เอาไว้แต่ เพียงผู้เดียว คิดถึงตรงนี้ก็รังแต่จะทำให้รู้สึกขอบคุณแจจุงอย่างสุดซึ้ง ความว้าเหว่มันหายไปแล้วตั้งแต่มีแจจุงอยู่...นอนใกล้ๆ...ให้ได้กอด... แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆก็ตามที
"มองอะไร? ทำไมไม่ไปอ่านหนังสือ พรุ่งนี้จะสอบอยู่รอมร่อ" แจจุงที่กำลังถือกระทะแหวเข้าให้ เมื่อเงยหน้าขึ้นสบสายตาเพ้อๆ ของใครอีกคนที่ยืนพิงอยู่ตรงกรอบประตูครัว
"ยังไม่อยากให้ถึงวันสอบเลย..." ยุนโฮบ่น สีหน้าฉายแววเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
"ท..ทำไมล่ะ? ใครก็ไม่อยากสอบกันทั้งนั้นล่ะ แต่มันก็ต้องสอบ นายจะทำไงได้?" ปากถามอย่างหาเรื่อง แต่สีหน้ากลับไม่ได้ให้ความรู้สึกเช่นนั้น ปรางแก้มเนียนของแจจุงเรื่อสีเลือดสุกปลั่ง ริมฝีปากสีสดแย้มน้อยๆ ด้วยความเขินอายเมื่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณบางอย่างที่ถูกส่งผ่านมาจากสายตาของ ร่างสูง
"ก็ถ้าสอบแล้วคงไม่ได้นอนกอดแจจุงอีก"
"บ้า" ละสายตาจากการเตรียมอาหารทันที "อย่าพูดให้เกิร์ลเฟรนด์ของนายได้ยินเชียว"
"ได้ยินแล้วจะทำไม?"
"เอ๊ะ!"
"ผมไม่แคร์หรอก" ก่อนที่แจจุงจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น ยุนโฮยักไหล่ พร้อมๆ กับกลับหลังหันเดินออกจากครัวไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้แจจุงยืนไม่เข้าใจกับประโยคสุดท้ายที่ชายหนุ่มทิ้งเอาไว้ให้เป็น ปริศนาครุ่นคิดต่อ...
หากเป็นเมื่อก่อน แจจุงคงจะกระโจนเข้าไปกระชากคอเสื้อมาตะคอกใส่หน้าเรียกร้องสิทธิที่ผู้เป็น ภรรยาพึงได้รับให้มิสซาลทิสแล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ความรู้สึกในตอนนี้ กลับมีแต่ความน้อยเนื้อต่ำใจเข้าครอบงำ
ไม่แคร์งั้นหรือ? ไม่แคร์ทั้งกับหล่อนและกับชั้นใช่ไหม... ยุนโฮ?
"นี่ยุนโฮ!" แจจุงโหม่แต่เพียงศีรษะเข้าไปในห้องนั่งเล่น ฝ่ามือของเขายังคงหุ้มด้วยถุงมือกันความร้อน เรียกให้ยุนโฮที่กำลังนั่งเหยียดยาวอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ละสายตาจากหนังสือ เรียนขึ้นมามองเขา แจจุงไม่ได้ยิ้ม แววตาของเขาไม่ได้เจือความสุข ทว่ากลับมองเห็นความจริงจังและจริงใจได้อย่างชัดเจน "...แต่ชั้นก็ยังอยู่ตรงนี้" มือพลางชี้ไปทางบ้านที่อยู่ติดกัน "ยังอยู่ใกล้ๆนายนะ"
จะยังอยากกอดอยู่ไหม... อยากกอดอีกตอนไหน... ก็สุดแล้วแต่ใจนายเถอะ
.
.
.
ริมฝีปากอุ่นชื้นประทับเบาๆ ที่แนวกระดูกหลังลำคอกระตุ้นให้ร่างบางในอ้อมกอดสั่นระริก ฝ่ามือหนาที่ค่อยๆ สอดไล้ล้ำเข้ามาภายใต้เสื้อผ้าฝ้ายเนื้อละมุนลูบไล้แผ่นอกเขาเบาๆ ทำให้สติที่ใกล้จะเคลิ้มหลับตื่นขึ้นอีกครั้ง เจ้าหนูจุงโฮนอนอยู่อยู่ในเปลของเขา ไม่ได้หลับ แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ ราวกับกำลังเป็นใจให้แด๊ดดี้ กับหม่ามี้ของเขาได้อยู่กันสงบๆ ตามลำพัง
ปลายจมูกโด่งกดซับความหอมจากกลุ่มผมอ่อนนุ่มสีดำสนิท ก่อนจะลดเรื่อยลงมาขบเม้มที่ใบหูเล็กให้ได้หวามไหว ตามด้วยปรางแก้มขาวละเอียด ซอกคอเนียน ตามด้วยหัวไหล่โค้งมนซึ่งในยามนี้โผล่พ้นออกมาจากคอเสื้อที่ถูกเปิดทางไว้ กว้าง แจจุงนอนนิ่ง ไม่ได้สนองตอบกริยาใดๆ แต่ร่างกายสนองทุกสัมผัสที่ได้รับมาอย่างอ่อนโยน เขารู้ดี...นี่ไม่ใช่ความเผลอใจ หากแต่เป็นการจงใจ และยินยอมของคนทั้งคู่
ในที่สุดร่างบอบบางก็ถูกพลิกให้นอนหงาย พร้อมๆ กับที่น้ำหนักตัวของอีกคนที่แข็งแรงกว่าจะค่อยๆ ถ่ายเทลงมาที่เขา เม็ดกระดุมอันเคยปลดไว้เพียงหมิ่นเหม่ถูกเปลื้องไปจนหมด เผยให้เห็นแผ่นอกแบนราบขาวกระจ่าง ทว่านุ่มนิ่มน่าหลงใหลยามเมื่อสัมผัส นัยน์ตากลมโตกระพริบปริบในความมืด ยุนโฮเห็นแสงดาวในอัญมณีสีนิลคู่นั้น เห็นกระแสวิงวอน เห็นความต้องการที่คงไม่ต่างไปจากเขาเลย
"แจจุง..." พูดไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยจูบเบาๆ จากคนเบื้องใต้ ก่อนที่จูบหวานๆ และแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่หนักขึ้นด้วยแรงอารมณ์
"ชั้นต้องการนาย ยุนโฮ..." เสียงหวานคราง เรียกรอยยิ้มบางๆ จากยุนโฮได้ แจจุงช่างน่ารัก ยิ่งเฉพาะในบรรยากาศเช่นนี้ ผิวขาวผ่องพรรณยิ่งเรื่อสี ริมฝีปากอิ่มยิ่งเผยอเชื้อเชิญ แผ่นหลังบางแอ่นรอรับสัมผัสที่มากกว่า เลือดในกายร้อนรุ่มเรียกร้องใครบางคนราวกับคลื่นทะเลบ้าคลั่ง
ไม่ใช่แค่แจจุงหรอกที่ต้องการเขา ยุนโฮเองก็ต้องการแจจุง ต้องการทั้งร่างกาย... และหัวใจดวงนี้...
"รักผมมั้ย...โบแจ?"
ใบหน้าหวานแดงเรื่อ ริมฝีปากที่เริ่มช้ำคลี่ยิ้มอ้อน ชอบที่ยุนโฮเรียกเขาด้วยชื่อเล่น และแจจุงก็เพิ่งรู้ว่าการเรียกยุนโฮด้วยชื่อเล่นเป็นของโปรดของเขาเชียวล่ะ
"ร..รัก ชั้นรักนาย...ยุนนี่..."
คำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มพอใจ มือใหญ่ลูบไล้ต้นขาอ่อนเบาๆหยอกเย้า ก่อนจะค่อยๆแยกเรียวขาของคนข้างหน้าออกจากกัน เสื้อผ้าอันเป็นปราการด่านสำคัญในที่สุดก็ถูกขจัดไปจนหมด ยุนโฮจัดตำแหน่งตัวเองให้เข้าที่ ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน แต่ทว่าก็ถูกแจจุงครางปรามขึ้นก่อน
"ด..เดี๋ยว... มันจะเจ็บมั้ยยุนโฮ?"
"เอ๋?"
"ชั้นไม่เคยนะ" ถึงตรงนี้ ใบหน้าของแจจุงก็ฉีดสีแดงซ่านขึ้นมามากกว่าเก่า สายตาหยอกล้อของคนตัวโตทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก มือเล็กเอื้อมขึ้นเกาะไหล่ร่างสูงแล้วจิกแน่น กายสั่นสะท้านด้วยความกลัว... ครั้งแรก... ที่กำลังจะเสียเวอร์จิ้น... ก็คงต้องกลัวเป็นธรรมดา...
ยุนโฮหัวเราะ "เจ็บ...นิดเดียว...นะ"
"น..นิดเดียวแน่นะ?" น้ำตาเริ่มคลอเบ้า นึกถึงเสียงร้องของจุนซูที่เคยลอยมาเข้าหูยามดึกก็นึกหวาดขึ้นมาทันใด
"ผมจะระวัง ไม่ต้องกลัว... อย่าเกร็ง..." ยุนโฮจูบปลอบ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวดนั้นด้วยจูบลึกซึ้ง
"อ..อื้อ...อื้อ..อื้อออออออ!"
หลอกเด็ก... บอกว่านิดเดียวแต่กลับเจ็บร้าวแทบขาดใจ น้ำอุ่นๆปริ่มคลองตาจนภาพเบื้องหน้าพร่ามัว แจจุงเผลอกัดริมฝีปากล่างของยุนโฮไปเต็มคำ ลิ้นร้อนหยอกเย้า พยายามปลอบโยนทั้งที่อารมณ์กำลังพุ่งแรง แจจุงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้ร่างสูงนำเขาไปทีละก้าว ตามผู้มีประสบการณ์
"น..นาย...นายไม่เคยรู้..ว..ว่ามันจ..เจ็บ..." เสียงหวานพ้อ ถึงไม่รู้แต่ก็มั่นใจว่ายุนโฮคงไม่เคยเป็นฝ่ายที่ต้องถูกกระทำเช่นเขาแน่
"แต่ผมรู้ว่ามันจะค่อยๆหายไป" ยิ้มสว่างไสวในเงาความมืด ก้มจูบซับที่เปลือกตาสีมุก "สุดท้ายก็จะเหลือแต่ความสุข เชื่อผมเถอะ"
"อ..อื้ม..."
"ผมก็รักคุณนะแจ"
.
.
.
หนูน้อยจุงโฮเกาะห่วงยางว่ายน้ำป๋อมแป๋มอยู่ในอ่างอาบน้ำกับพี่เป็ดสีเหลือง และเป็ดพ่นน้ำสีฟ้า เจ้าหนูหัวเราะเริงร่า ดูจะมีความสุขมากเป็นพิเศษที่ได้ยึดครองอ่างกว้างๆ ทั้งอ่างเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว ในวันนี้เจ้าหนูอาบน้ำเช้าเป็นพิเศษ เนื่องด้วยคุณพ่อสุดหล่อมีภารกิจต้องไปขึ้นเขียงเข้าห้องสอบปลายภาคตอนแปด โมงเช้า และแน่นอนว่าในเช้าอันแสนสดใสคงจะได้ทานข้าวเช้าอร่อยกว่าทุกวัน... กับข้าวฝีมือหม่ามี้ ต้องอร่อยถูกปากกว่าซีลีแล็กซ์เหลืองเละเหลวเป๋วเป็นไหนๆ
ยุนโฮกับแจจุงยืนมองจุงโฮอยู่ใต้สายน้ำที่กำลังฉีดพรมบนร่างกายจากปากฝักบัว ผ่านบานกระจกใสอันพร่ามัวด้วยไอน้ำอุ่นซึ่งตีกรอบล้อมเป็นห้องอาบน้ำเล็กๆ แยกออกมา แจจุงลูบไล้เนื้อสบู่เหลวลงบนผิวของคนตัวสูง ทำความสะอาดเนื้อตัวช่วงบนให้จนถ้วนทั่ว ในขณะที่กำลังได้รับการกระทำในแบบเดียวกันซึ่งอีกฝ่ายมอบตอบกลับมาให้... ร่อยรองสีแดงช้ำยังคงไม่เลือนหายและเจนจัด... มีความสุขซะจนน่าหมันไส้...
"อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะยุนโฮ ลูกอยู่นะ!" ฟาดมือหนักๆ ไปที่ต้นแขนของอีกคนที่กำลังอุ้มยกตัวเขาขึ้น ก่อนจะดันไปจนแผ่นหลังแนบสนิทกับแผ่นกระจกด้านหลัง แจจุงตกใจรีบกระหวัดขาทั้งสองยึดสะโพกยุนโฮเอาไว้ สันชาตญาณบ่งบอกกำลังเขาว่าร่างกายที่จะระบมไม่หาย กำลังจะถูกรุกล้ำอีกรอบซะแล้ว
"จุ๊ๆ จุงโฮไม่รู้หรอก เล่นกับพี่เป็ดอยู่"
"อย่า...ยุนโฮ มันยังเจ็บอยู่เลย" บ่นระงม พลางลูบสะโพกตัวเองปอย
ยุนโฮจูบแจจุงที่ขมับ ไม่รั้งรอที่จะส่งกายเข้าไปในร่างเพรียวบางตรงหน้าให้ได้ร้องโอดโอยกันอีก ครั้ง "เจ็บไม่ได้หมายความว่าใช้การไม่ได้" ยิ้มกวนประสาท ตามด้วยยักคิ้วอีกสองสามที
"อย่าน่า..."
"อ่า...แต่ตัวคุณออกจะต้อนรับผมนะ" ยุนโฮเถียงข้างๆ คูๆ สายน้ำที่กำลังฉีดรดบนตัวไม่ได้ช่วยดับความร้อนภายในกายได้
"อย่า..."
"ทำไมล่า?" จ้องหน้าถามเสียงอ้อน
"ต่อสิ อย่าหยุด" แจจุงละล่ำละลัก ทั่วใบหน้างามงดแดงก่ำด้วยความขัดเขิน เขาโอบสองแขนรอบต้นคอของชายหนุ่ม กระชับกอดยึดหลักเอาไว้ไม่ให้ล้ม
"อ้าว...ฮ่ะๆ น่ารักที่สุดเลยแจจุง" ระริกระรี้ ก้มหอมแจจุงไปที ก่อนที่บทรักจะดำเนินไปอย่างเร่าร้อนย้ำเหตุการณ์เมื่อคืนที่ยังคงติดตรึง อยู่ไม่หาย สูตรฟิสิกส์... ทฤษฎีไฟฟ้าแรงสูง... ไฟฟ้ากำลัง... หลักการเหนี่ยวนำบ้าบอคอแตกที่เคยอัดแน่นอยู่เต็มสมองแทบกระเจิดกระเจิง ไม่สนใจแล้วว่าจะพกความรู้อะไรไปสอบ... ยุนโฮนึกหัวเราะกึกก้องอยู่ในใจ... หากวิชาการมันยุ่งยากนัก ก็ขอพกวิชารักไปสะเทือนห้องสอบกันล่ะวันนี้!
อูย...เสี่ยวซ้า...
.
.
.
บ่ายแก่ๆ คิม แจจุง แทบจะสคริปปลายเท้าตัวเบาหวิวราวกับใส่รองเท้ากีโต้ไปสอบด้วยอารมณ์แช่มชื่น ในหัวใจ เสียจิ้นไปแล้วมีความสุ๊ขขขขข...มีความสุข... ถึงแม้จะเป็นความคิดที่ค่อนข้างโรคจิตอยู่ในทีก็เถอะ ทุกความรู้สึกของยุนโฮยังคงวนเวียนป้วนเปี้ยนหยอกล้อในหัวใจให้ได้หัวเราะ คิกคักมาตลอดทาง ทำเอาน้องรหัส เหลนรหัส ส่ายหน้าให้ด้วยความเอือมระอา
คนเราพอมีความรัก... โลกก็กลับกลายเป็นสีชมพู กระดาษข้อสอบก็เป็นสีชมพู จากไม่เคยอยากจะเขียนอะไรลงไปซักตัว แต่พอเผลอแผล็บเดียวก็ระบายเต็มไปด้วยกลอนรัก อาจารย์คุมสอบหน้าเหี้ยมราวกับสมาชิกกลุ่มโจรกบฏอาบูไซยาร์ปก็ดูน่ารักขึ้น มาขนัดตา ฝูงหมาขี้เรื้อนก็ดันมองเป็นปอมเปอเรเนียนขนฟูไปซะได้ สาอะไรกับเพื่อนหุ่นถั่วงอกปลูกในที่มืดที่ร้อยวันพันปีจะพูดกันดีๆ ในวันนี้ก็นั่งคุยกันหว่านภาษาดอกไม้ แหม๊...แจจุ๊ง... ผีที่มันชอบเจาะปากแกมันโดนไล่ไปแล้วหรือไร? แกถึงได้เปี้ยนไป๋! ยูชอนล่ะตื่นเต๊ล...ตื่นเต้ลลลลล...
"หมันไส้โว้ย... ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาตั้งแต่เช้าแล้ว มีความสุขอะไรนักหนาวะแก?" ยูชอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแดกดันตามปกติ ผิดก็แต่แจจุงที่ตอบเพื่อนอย่างไพเราะเพราะพริ้งด้วยน้ำเสียงประชาสัมพันธ์ สาวตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำก็ไม่ปาน
"ไม่มีอะไรหรอกไอ้คุณเพื่อนรักยูชอน ก็แค่รู้สึกจี๊ดๆ ในหัวอกเท่านั้นเองล่ะจ้ะ" ไม่ว่าเปล่าพลางเอานิ้วจิ้มๆ เน้นๆ ไปที่อกซ้าย
จุนซูทำตาโต "แจจุง! แจจุงเป็นอะไรหรือเปล่า? ไปเช็คสุขภาพบ้างหรือเปล่า? เดี๋ยวนี้กรมสุขภาพเค้ามีโปรโมชั่นพิเศษให้เช็คร่างกายฟรีนะแจจุง ชั้นว่ามันคุ้มดี เราลองไปตรวจกันมั้ย?" นึกว่าห่วงเพื่อน ที่แท้ก็ชอบของฟรี... แม้จะแอบน้อยใจเพื่อนรักตัวเล็กอยู่นิดหน่อย แต่ในวันนี้นางฟ้าแจจุงก็ไม่ได้ถือสา
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะเพื่อนที่แสนน่ารักของชั้น" แจจุงร่ำ พลางเอื้อมมือไปหยิกแก้มยุ้ยๆ ของจุนซูอีกซักที "ก็แค่เป็นโรคหัวใจนิดหน่อย คิกๆ" และแล้วเพื่อนสาวก็ร้องออกมาพร้อมกัน ทั้งยังทำท่าประกอบ "โรคหัวใจกำเริบเลิฟ ละ..ละ..เลิฟยู อิ๊ววววววววว" ทำเอายูชอนผู้ซึ่งนั่งมองอย่างคลางแคลงมานานถอนหายใจออกมาปลงๆ... ไอ้ดูโอ้ ดูแล้วอ้วกคู่นี้ น่าจะส่งมันไปออกอัลบั้มแข่งกับลาล่า-ลูลู่ซะให้รู้แล้วรู้รอด เฮ้อ...
คิดอยู่ได้ไม่ทันไร แจจุงก็ลุกพรวดพราดขึ้นจากโต๊ะม้าหินโต๊ะประจำที่พวกเขามักมานั่งอยู่บ่อยๆ พลางก้มดูนาฬิกาจากโทรศัพท์มือถือ "นี่...เดี๋ยวชั้นกลับก่อนนะเพื่อนๆ พอดียุนโฮฝากให้ไปรับจุงโฮที่สถานรับเลี้ยง" พอพูดถึงชื่อยุนโฮเท่านั้นล่ะ ใบหน้าหวานก็ไล่เฉดสีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง วูบวาบๆ ขึ้นมาในบัดดล
"เอ้อ ตามสบายเถอะครับคุณแม่ วันนี้กระผมก็มีแผนจะพาจุนซูไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน กินปูอลาสก้ากับเนื้อปลาวาฬทะเลอยู่เหมือนกัน คุณแม่ไม่อยู่จะได้ไม่ต้องมาเป็นมารขวางคอหอยกระผมไงครับ โคตรสุขเลยครับ...โคตรสุข!" แม้น้ำเสียงจะมีถ้อยทีเสียดสีประชดประชันอย่างเต็มล้น แต่ยูชอนก็ยังคงทำหน้าทะเล้น ทำเอาแจจุงนางฟ้าชะงักไปได้หลายวิฯ
แต่แค่นั้นยังน้อย เมื่อเทียบกับดีกรีแม่พระในกระแสเลือด แจจุงยังไม่หลุดภาพนางงาม หันมายิงฟันยิ้มกว้างให้เพื่อน...ผิดแต่ยิ้ม...มันออกแนวจะกินเลือดกินเนื้อ พิกลนะนั่น "มิได้...มิได้...ไอ้เพื่อนยาก! ไปที่ชอบที่ไม่ชอบที่ไหนก็เชิญเหอะนะ ชั้นขอตัว!"
"บ๊ายบายแจจุง แล้วเจอกันนะ" จุนซูโบกมือลาเพื่อน ยิ้มจนแก้มปริ
"บ๊ายบายที่รัก กินปูเผื่อด้วยนะ แล้วอย่าลืมหาว็อทก้าซักขวดกรอกใส่ปากแฟนนายด้วย เผื่อความร้อนกับปริมาณแอลกอฮอล์ในนั้นจะช่วยเผาฟาร์มสุนัขในปากมันให้ตาย โหงไปได้บ้าง" ถลึงตาใส่ยูชอนเป็นการทิ้งท้ายอีกซักที ก่อนจะวิ่งข้ามถนนไป แต่ยังไม่วายหันมาส่งนิ้วกลางให้ลอยละลิ่วปลิวลมมาถึงยูชอน พร้อมทำปากบุ้ยใบ้ว่า 'ขอให้ก้ามปูติดคอตาย ไอ้กร๊วก!'
ยูชอนหัวเราะก๊ากๆ ที่ในวันนี้สามารถด่าทอเพื่อนได้สำเร็จโดยที่อวัยวะยังอยู่ครบ 32 เขาโอบไหล่จุนซูเข้ามาใกล้ตัวอย่างสบายอกสบายใจ เล่นเอาจุนซูต้องขมวดคิ้วอย่างงุนงง... คนอะไร๊ โดนด่าแล้วมีความสุข... จุนซูเริ่มกลัวผู้ได้ชื่อเป็นแฟนหนุ่มของตนขึ้นมาตะหงิดๆ
"ยิ้มอะไรนักหนาน่ะยูชอน?" ใช้นิ้วชี้จิ้มที่แก้มของยูชอน เสียงเล็กเอ่ยถาม
"จุนซูไม่รู้สึกเหรอ...ว่าเพื่อนเรากำลังมีความรักน่ะ?"
"อ..เอ๋? หมายถึงแจจุงน่ะเหรอ?" ทางนี้แสดงสีหน้าแปลกใจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว มองตามหลังไวๆ ของแจจุงที่เพิ่งจากไปกำลังสวิงกิ้งจิงกาเบลท่ามกลางสายลมเย็นก็อดยิ้มตามมา ไม่ได้ "จริงๆ ด้วยสินะ เหมือนคนกำลังมีความรักเลย นานๆทีจะเห็นแจจุงมีความสุขแบบนี้ซักที ดีจังเลยเนอะยูชอน"
ยูชอนพยักพเยิด "ใช่... ว่าแต่ใครกันที่เป็นผู้โชคร้าย ได้รับบิ๊กแจ็คพ็อตไปเต็มๆ"
"ต้องเรียกว่าผู้โชคดีต่างหาก" จุนซูยิ้มระรื่น สำหรับเขาแจจุงเป็นคนที่น่ารัก น่าคบ ที่สุดในโลกเสมอมา "หมู่นี้ก็ไม่เห็นพูดถึงใครเลยนี่ นอกจากยุนโฮกับเจ้าหนูจุงโฮเท่านั้นแหละที่ชมอยู่ไม่ขาดปาก ร..หรือว่า!?"
คู่รักนิ่งไปพร้อมๆกัน นัยน์ตาเบิกกว้าง ไม่กล้าที่จะเชื่อในความคิดที่จะว่าไปมันก็แทบเป็นอื่นไปไม่ได้
แล้วถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ!?
เรื่องใหญ่เชียวนะเฮ้ย...
"ร..หรือว่า..." ยูชอนละล่ำละลักปากคอสั่น จนปากล่างที่ดูจะมีความอิ่มเอิบผิดมนุษย์มนานั้นตีพั่บๆ ด้วยความตื่นตะลึง
"จ..จะ...จะ..จะเป็น..." จุนซูหน้าซีดเผือดราวกับโดนผีหลอก
"จ..........จะ...จะ...จะ..จะ...จะ...จ..จ...จะ.......จะ..จะ...จอง....... จอง...จอง.....จอง..จอง...จอง..งง..งงงง.....จะ...จอง...จอง จุงโฮ!?"
และแล้วคนทั้งคู่ก็ประสานเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมๆ กันในแบบอะแคปเปล่า เสียงสูงคน เสียงต่ำคน เสนาะโสตสะเทือนขวัญดีนักแล
"แจจุงจะพรากผู้เยาว์!! ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
แต่เอ่อ...ก็นะ...คิดไปด๊าย.......
.
.
.
แจจุงกระชับอุ้มเด็กชายจอง จุงโฮเข้ากับเอว ก่อนจะพาหอบข้าวหอบของหนีตายออกมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กอันแสนน่าขนพองสยอง เกล้าสุดๆ แม้จะยังไม่แน่ใจว่าคนเป็นพ่ออย่างยุนโฮไว้ใจเอาลูกชายที่เฝ้าฟูมฟักเลี้ยง ดูอย่างกับไข่ในหินมาฝากเลี้ยงที่นี่ได้อย่างไร แต่ในวันนี้...วันที่มีโอกาสได้มารับน้องจุงโฮกลับบ้านด้วยตัวเอง ก็ทำให้แจจุงรู้ถึงสาเหตุที่ยุนโฮพยายามหลีกเลี่ยงการมารับลูกด้วยตัว เองอย่างแจ่มชัด
นึกถึงสายตาของชายร่างกำยำบึกบึนในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงรัดติ้วไส้ติ่ง เวลาถามถึงคุณพ่อของน้องจุงโฮ ก็ชวนให้ขนอ่อนทั่วทั้งกายลุกเกรียวกราวขึ้นมาได้อีกรอบ ยังไม่พอกับน้ำเสียงของแม่เจ้าพะคุณรุนช่องอันมีอำนาจแม่เหล็กมากพอที่จะทำ ให้ขนหัวลุกจนแทบจับไข้หัวโกร๋น คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองหน้าแลหลัง กลัวจะเจอของดีดักอยู่ อูย... แจจุงกึ่งเดินกึ่งวิ่งหอบจุงโฮปุเลงปุเลงออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
เกย์เฒ่าเขย่าโลก! ไม่มีคำใดจะจำกัดความไปได้ดีกว่านี้อีกแล้ว พระเจ้ายังปราณีที่สิ่งมีชีวิตประเภทนี้ไม่กินเด็ก! ไม่งั้นล่ะก็ไม่อยากจะคิดภาพตาม... น้องจุงโฮคงนอนหงายกลายเป็นศพหมกอยู่หลังตึกซะแล้วมั้งเนี่ย... คุณแม่จำเป็นอย่างคิม แจจุงอดที่จะจินตนาการภาพตามไม่ได้
เนื่องจากสถานรับเลี้ยงเด็กที่เอาจุงโฮมาฝากไว้ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหมู่ บ้านที่พวกเขาอาศัยนัก ทำให้ใช้เวลาในการเดินเท้าไม่มาก แดดอ่อนๆ สายลมเย็นๆ ประกอบกับไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่ปลูกเรียงรายไว้ริมถนนจึงทำให้บรรยากาศน่า เดินเล่นเถลไถลเป็นที่สุด
"ฮ้า...ถึงแล้วน้าจุงโฮ" แจจุงถอนหายใจ ริมฝีปากสีกลีบกุหลาบคลี่ยิ้มออกโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นประตูหน้าบ้านถูกเปิด แง้มค้างเอาไว้... นี่ก็เพิ่งสี่โมงเย็น... ยุนโฮทำข้อสอบเสร็จเร็วกว่าที่คิด เห็นทีคงจะเคี้ยวหมู ฟาด A อีกวิชาเป็นแน่
"ดาดิ๊ ดาดิ๊"
เจ้าหนูร้องเรียกพ่อแจ้วๆ ทำท่าโบกมือโบกไม้ชอบใจใหญ่ เห็นอย่างนี้แจจุงจึงไม่ลังเลที่จะผลักประตูเข้าไป "ยุนโฮ! กลับมาแล้ว..ร...เหรอ..." แต่บุคคลที่หวังจะได้พบหาได้ใช่ยุนโฮอย่างที่คิดไว้แต่แรกเสียที่ไหน ทว่า...กลับกลายเป็นคนที่แจจุงไม่อยากจะพบหน้าเป็นที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่า ได้
"ไฮ...ฮันนี่"
"ม..มิสซาลทิส..."
//////////////////////////////////////
TBC...