ทาสรักเงารัตติกาล (Dark) Part 2 (M) “ชีวิตอันมืดสนิทของข้า...ขาดเจ้าที่เป็นดั่งแสงอาทิตย์มิได้...”
“ลูซ ลูซ เจ้าอยู่ที่ไหนลูซ” ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาข้าก็ตะโกนเรียกชื่อนี้เป็นร้อยๆ ครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อเลยแม้แต่น้อย ข้าเดินเข้าไปหา ในห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น สวนหรือแม้แต่ห้องเก็บของก็ไม่เห็นแม้เพียงเงาหรือกลิ่นอายของลูซเลยแม้แต่น้อย
ข้านั่งลงฟังเสียงการเคลื่อนไหวรอบๆ คฤหาสน์ หากแต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบสนิท เวลานี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว แต่ลูซยังไม่กลับมาทำอาหาร ข้าตื่นมาตั้งแต่หนึ่งทุ่มครึ่งร้องตะโกนหาลูซจนถึงบัดนี้ แต่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
‘ลูซ เจ้าหายไปไหนของเจ้า รู้ไหมว่าตอนนี้ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้าอยู่ รีบๆ กลับมาหาข้าเถอะ’
ข้าทำได้เพียงสวดภาวนาอยู่ในใจของให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยดลบันดาลให้ลูซกลับมา แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่นาที ก็ไม่มีแม้เพียงเสียงการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ข้าจึงเดินออกจากคฤหาสน์ตามหาลูซ
ใจข้าตอนนี้ร้อนดั่งถูกไปเผา ปากตะโกนเรียกชื่อลูซไปตลอดทาง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ
ลูซเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้แวมไพร์ไร้หัวใจเช่นข้างร้อนรนได้ถึงขนาดนี้ แวมไพร์ที่ไร้หัวใจมีชีวิตอยู่ร้อยกว่าปีเป็นทุกข์เพียงเพราะเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว
“ลูซ! ลูซ! เจ้าอยู่แถวนี้หรือเปล่า ตอบข้าด้วย ลูซ!” ทุกอย่างเงียบสนิทแม้แต่เสียงแมลงก็ไม่มี ข้าเดินฝ่าความมืดและหิมะที่เริ่มตกลงมามากขึ้นเรื่อยๆ
แก๊ก!
เสียงเหมือนข้าเหยียบอะไรบางอย่าง ข้ายกเท้าขึ้นมองดูสิ่งที่เหยียบ ก่อนที่จะเบิกตากว้างตะโกนหาผู้ที่ข้าใช้ให้เอาสิ่งนี้ไปใส่ถ่าน...
...ใช่แล้วสิ่งนี้คือนาฬิกาเรือนแรกของข้าที่ข้าใช้เงินที่หามาได้ซื้อ ก่อนที่จะถูกแวมไพร์กัดจนกลายเป็นแวมไพร์
“ลูซ! ลูซ!! เจ้าอยู่แถวนี้ใช่ไหม ตอบข้าหน่อยสิลูซ! ลูซเจ้าได้ยินข้าไหมลูซ!” ข้าเดินลงข้างทางเพื่อหาลูซ เผื่อลูซจะบาดเจ็บแล้วนั่งพักอยู่แถวนี้
แต่แล้วจู่ๆ ข้าก็ได้กลิ่นหอมหวานลอยมาแตะจมูก ข้าชะงักตัวสั่นสะท้านไปหมด สองขาเริ่มเดินตามกลิ่นนั้นไปอย่างไม่รู้ตัวภาวนาแค่ว่า อย่าให้เป็นดังที่ข้าคิด ข้าเดินเข้ามาในป่าลึกเรื่อยๆ เรื่อยๆ กลิ่นมันยิ่งเด่นชัดมากขึ้น กลิ่นหอมหวานที่ชวนให้ข้าน้ำลายสอด้วยความหิว
...เลือดสีแดงของมนุษย์ และเป็นกลิ่นเดียวกับที่ข้าเคยได้รับทุกครั้งที่กำลังทรมานจากการคลั้งของแวมไพร์
“ละ...ลูซ เจ้าอยู่แถวนี้ระ...” พูดยังไม่จบประโยค ข้าก็แทบจะทรุดตัวลงตรงนั้น ร่างเล็กที่ข้าเคยสัมผัสแตะต้องพูดคุย เมื่อเช้านั้น บัดนี้ถูกแต้มสีแดงไปทั่วร่าง ข้าเบิกตากว้างกระโจนเข้าไปหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว ดึงร่างนั้นมาซุกไว้ที่อกก่อนที่จะเขย่าและเรียกชื่อ
“ลูซ!! ลูซ!!! ลูซตอบข้าสิ ลูซอย่างหลับตา ลืมตาสิ ลูซ!!!!” ข้าเอื้อมมือแตะไปทั่วร่างที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดง เขย่าและร้องเรียก แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดส่งกลับมา
“ไม่นะลูซ เจ้าอย่าจากข้าไปเช่นนี้ เด็กน้อยของข้าลืมตาขึ้นมาสิ ลืมตาขึ้นมามองหน้าข้าสิลูซ อย่าทิ้งข้าไว้เช่นนี้ลูซ เจ้าอย่าทิ้งข้าไปสิลูซ...” ข้าพร่ำบอกร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ก่อนที่จะเอาหัวแนบกับหน้าอกด้านซ้าย...
...ไม่มีเสียงเต้นของหัวใจ...ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ...
ข้ากรีดร้อง คำรามอย่างเคียดแค้นผู้ที่ทำให้คนที่ข้ารักเป็นเช่นนี้
ตึก...
ตึก...
ตึก...
ตึก...
เสียงนี้ทำให้ถึงกับชะงัก มองดูร่างที่หลับตานิ่งและเริ่มเย็นชืดอย่างดีใจ
เด็กน้อยของข้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไป แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของข้า ข้าก็ต้องช่วยเจ้าให้ได้
ข้าอ้าปากกว้าง ก่อนที่จะฝังคมเขี้ยวลงบนซอกคอขาวเนียน แล้วดูดกลืนเลือดที่เริ่มจะไม่อุ่น
...ตึก...
เสียงหัวใจเงียบไป ข้าถอนคมเขี้ยวออก ก่อนที่จะกัดข้อมือตัวเองแล้วดูดเลือดป้อนให้กับร่างเล็ก ป้อน...
ป้อน...
ป้อน...
ครั้งแล้วครั้งเล่า.... แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงเต้นที่ยืนยันว่าเด็กน้อยของข้ายังมีชีวิต ข้ากัดลงไปบนซอกคอนั้นอีกครั้งและดูดกลืนเลือด ก่อนที่จะถอนปากออกและดูดเลือดของตนเองป้อนให้กับร่างที่นอนแน่นิ่ง
ไร้เสียงลมหายใจ....
ไร้เสียงหัวใจ...
เย็นชืด...ราวกับศพ
“ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ก๊อก! ก๊อก!! ปัง!!ๆๆๆๆ
เสียงทุบประตูทำให้หมอหนุ่มสะดุ้งเกือบแทงเข็มฉีดยาให้กับคนไข้ผิดที่ รีบวางเข็มทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ฉีดให้กับคนไข้แล้วรีบสาวเท้าไปเปิดประตูให้กับคนด้านนอกเพราะดูเหมือนว่าหากไม่รีบไปเปิดประตูอีกฝ่ายคงจะพังประตูเข้ามาเป็นแน่
“มีอะไรเหรอครับ ตอนนี้คลินิกของผมปิดละ...ลาร์ค!” หมอหนุ่มตะโกนอย่างตกใจ มองดูเพื่อนสนิทของตนเองที่กำลังอุ้มบางสิ่งที่ส่งกลิ่นหอมหวาน
“ช่วยด้วยเฮนรี่! ช่วยลูซด้วย!!!” เฮนรี่ดึงเพื่อนเข้ามาภายในคลินิกก่อนที่จะสั่งให้ไปนั่งรออยู่ที่ห้องทำงาน
“เดี๋ยวฉันตามไป นายไปรออยู่ที่ห้องทำงานฉันก่อน” พูดจบก็ไปเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในห้องถัดไป
“อลิซดูแลคนไข้แทนผมด้วยนะ” เฮนรี่วิ่งเข้ามาบอกพยาบาลสาวที่กำลังตรวจคนไข้อยู่ก่อนที่จะตะโกนสั่งอย่างรวดเร็ว
“ได้ค่ะหมอ” พอได้รับการยืนยันก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันที
เมื่อเข้ามาในห้องทำงานก็เดินตรงไปหาร่างที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ที่เตียงคนป่วยทันที มองดูร่างตรงหน้าที่ราวกับถูกอาบไปด้วยเลือด ตรงหว่างขาเต็มไปด้วยเลือดกับของเหลวสีขาวขุ่นแห้งเกราะอยู่และตรงท้องมีรอยคล้ายถูกแทง ตรงซอกคอมีรอยกัดอยู่เป็นสิบๆ แห่ง ก่อนที่จะเริ่มตรวจชีพจรแต่ต้องชะงัก
“เสียใจด้วยลาร์ค นายมาช้าไป” เฮนรี่เอ่ยด้วยเสียงเจ็บปวด มองดูเพื่อนของตัวเองที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง
...
“มะ...ไม่จริง เจ้าโกหกข้า เจ้าเป็นหมอ เจ้าต้องช่วยลูซได้สิ เจ้าช่วยลูซสิ เจ้ายังไม่ได้ช่วยลูซเลย เจ้าจับมือของลูซ แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าลูซตายแล้ว เฮนรี่เจ้าต้องช่วยลูซ เจ้าเป็นหมอนะเฮนรี่เจ้าต้องช่วยลูซได้สิ!!!!” ข้าเขย่าร่างของเพื่อนรักให้ช่วยลูซ แต่เฮนรี่กลับถอนหายใจและเริ่มเช็ดตัวให้กับลูซ “เจ้า ทำอะไรเฮนรี่!!”
ข้าตะคอกมองดูเฮนรี่ที่กำลังเช็ดทำความสะอาดร่างกายของลูซ โดยที่ยังไม่ได้ล้างแผลหรือทำแผลให้ลูซเลยแม้แต่น้อย
“ทำความสะอาดร่างกายให้กับเด็กคนนี้ อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสะอาดก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยทำพิธี...” เฮนรี่เอ่ยเสียงเรียบ ข้าชะงักกระชากร่างของเฮนรี่มาเขย่า
“ลูซยังไม่ตาย!! เจ้าต้องช่วยลูซสิเฮนรี่! เจ้าเป็นหมอนะเจ้าต้องช่วยลูซสิ!!!!” ข้าเขย่าร่างของเฮนรี่จนเฮนรี่หัวสั่นคลอนๆ เฮนรี่สะบัดตัวออกจากมือของข้า ก่อนที่จะสวนหมัดกระแทกใส่แก้มของข้าอย่างจัง
“หยุดบ้าสักที่ลาร์ค เด็กคนนี้ตายแล้ว ฉันเป็นแค่หมอฉันไม่ใช่พระเจ้า!” เฮนรี่ตะคอกใส่ข้า ก่อนที่จะเริ่มเช็ดตัวลูซอีกครั้ง
“ไม่!!!!” ข้ากระชากตัวลูซมาซุกไว้ในอ้อมกอดก่อนที่จะเอาผ้าห่มที่อยู่บนเตียงมาคลุมร่างของลูซไว้
“จะทำอะไรน่ะลาร์ค!” เฮนรี่ตะคอกก่อนที่จะกระโจนเข้ามาหาข้าทันที ข้ากระโจนหลบก่อนที่จะไปนั่งอยู่ที่มุมห้องที่อยู่หลังโต๊ะทำงานของเฮนรี่ “ปล่อยเด็กคนนั้นซะลาร์ค เด็กคนนั้นตายแล้ว!!!”
“ข้าไม่ปล่อย!!!” พูดจบก็กอดร่างของลูซไว้แน่นไม่ว่าเฮนรี่จะพยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ร่างของลูซยังอยู่ในอ้อมแขนของข้าเช่นเดิม
“งั้นก็ตามใจ! ทำใจได้เมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน!” เฮนรี่พูดจบก็เดินออกไปจากห้องอย่างหัวเสีย
ข้ากอดลูซไว้แน่น จะไม่ยอมปล่อยให้ใครเอาตัวลูซไปโดยเด็ดขาด
แม้ใครจะไม่เชื่อ แม้ใครจะว่าลูซตายแล้ว แต่หัวใจของข้ามันกลับบอกว่าอีกไม่นาน พิษของแวมไพร์ที่ข้าให้ไปจะทำให้ลูซฟื้นขึ้นมา ฟื้นขึ้นมาเป็นเช่นเดียวกับข้า ถึงจะไม่อยากให้ลูซต้องมาทนทุกข์กับเวลาที่ไม่มีวันสิ้นสุดเช่นข้า แต่ข้าก็ไม่ใจแข็งพอที่จะปล่อยให้คนที่ข้ารักจากข้าไป ทั้งๆ ที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะให้ลูซใช้ชีวิตอย่างเช่นปกติเป็นมนุษย์ทั่วไป แก่ เจ็บ ตายอย่างคนทั่วไป พอได้เจออย่างนี้ข้ากลับทนไม่ได้
ข้ากดจมูกลงบนซอกคอขาวสูดดมกลิ่นของลูซเข้าจมูก ไหวตัวไปมาราวกับกำลังกล่อมเด็กน้อย ลูซนอนแน่นนิ่งไร้การตอบรับแม้แต่เสียงของหัวใจก็ยังไม่มี ข้าเอื้อมมือลูบไล้ใบหน้าขาวที่เกรอะไปด้วยคราบน้ำตา
‘ทรมานมากสินะลูซ ข้าขอโทษที่ไม่ได้ไปกับเจ้า จากนี้ไปข้าจะอยู่กับเจ้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้าไปไหนคนเดียวอีกแล้ว’
ข้าจูบไปทั่วใบหน้าของลูซ เลียน้ำตาที่แห้งเกรอะเต็มหน้าแล้วจับมือนุ่มมากุมไว้ ตอนนี้อุณหภูมิร่างกายของข้ากับของลูซพอๆ กัน
...เย็นราวกับเกร็ดหิมะ
“นี่ จะมานั่งในห้องทำงานฉันจนถึงเมื่อไหร่กันลาร์ค ไปที่ห้องนอนฉันก็ได้” สองวันผ่านมาข้าไม่ยอมขยับตัวไปไหน นั่นอยู่ที่เดิมกอดร่างของลูซไว้แน่นเหมือนเดิม จนเฮนรี่เริ่มหมดความอดทนจึงบอกให้ข้าไปพักที่ห้องนอนของเขา
“ไม่” ข้าตอบอย่างไร้เยื่อใย ก่อนที่จะไหวตัวไปมากล่อมลูซ
“พอสักที่เถอะลาร์ค! นายต้องพักผ่อนนะ นายไม่ได้หลับมาสองวันแล้วไปพักบ้างเถอะเชื่อฉัน ส่วนเด็กคนนี่ฉันดูแลเองไม่ต้องห่วง” เฮนรี่เอ่ยอย่างเป็นห่วง ข้าเข้าใจในความหวังดีของเพื่อน แต่ว่าข้าไม่มีทางที่จะปล่อยให้ลูซออกจากอ้อมแขนแน่นอน
“ไม่ ข้าจะรอจนกว่าลูซจะฟื้น” น้ำเสียงที่หนักแน่นของข้าทำให้เฮนรี่ถึงกับเหนื่อยใจ เดินออกจากห้องไปแต่ก็ไม่วายโยนถุงเลือดมาให้ข้า
“กินซะจะได้ไม่มาตายอยู่ในคลินิกของฉัน” เฮนรี่เป็นพวกปากแข็ง แต่ก็ใจดี แถมเฮนรี่ยังเป็นแวมไพร์เช่นเดียวกับข้า อายุมากกว่าข้าเกือบสิบปี เวลาไม่มากทำให้ข้าและเฮนรี่เข้ากันได้
ข้ามองดูถุงเลือดก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาดูดก่อนที่จะป้อนเลือดที่อยู่ภายในปากให้กับลูซ แต่ก็เหมือนเดิมไร้เสียงหายใจ ไร้เสียงหัวใจ...
‘ตื่นมาเถอะเด็กน้อย อย่าหลับไปนานขนาดนี้เลย ข้ารอเจ้าอยู่นะ ตื่นขึ้นมาหาข้ามองหน้าข้า ข้ารอเจ้าอยู่นะลูซ’
เลือดที่ป้อนไหลลงเลอะแก้มของลูซ ข้าเลียคราบเลือดก่อนที่จะดูดเลือดทั้งหมดในถุงลงท้องทันที
“นี่มันอาทิตย์หนึ่งผ่านไปแล้วนะลาร์ค เด็กคนนี้ตายแล้วจริงๆ นายก็รูว่าแวมไพร์ใช้เวลาวิวัฒนาการอย่างมากก็ห้าวัน แต่นี้มันผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วนะ เด็กคนนี้ไม่มีวี่แววจะตื่นขึ้นมาเลย เสียงลมหายใจ หรือแม้แต่เสียงหัวใจก็ยังไม่มี นายหมดหวังแล้วล่ะลาร์ค ปล่อยเด็กคนนี้ไปเถอะ ให้เขาได้ไปสู่สุขคติเถอะ เชื่อฉัน” เฮนรี่บอกก่อนที่จะเอื้อมมือมาตบไหล่ของข้า “แล้วนายก็ควรพักผ่อนได้แล้ว แวมไพร์ถึงจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ก็ควรจะนอน”
“ขออีกวันเฮนรี่ แค่อีกวันเดียว ถ้าหากลูซไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ เจ้าก็เผาข้าไปพร้อมกับลูซเลย” ข้าบอกอย่างตัดสินใจ เฮนรี่ดูตกใจกับการตัดสินใจของข้า แต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะรู้ว่าคนอย่างข้า หากตัดสินใจสิ่งใดไปแล้ว ไม่มีทางจะเปลี่ยนแปลง
“อย่าทำอย่างนี้ลาร์ค เด็กคนนี้เขาคงไม่ได้ต้องการอย่างนี้หรอก เขาคงต้องการเห็นนายมีความสุข ไม่ใช่มามัวนั่งอยู่กับร่างที่ไร้วิญญาณอย่างนี้” เฮนรี่พยายามพูดเกลี้ยกล่อมข้า แต่ก็ไม่เป็นผล
“ข้าจะอยู่ได้อย่างไรในเมื่อหัวใจของข้าได้ให้ลูซไปหมดแล้ว ข้าคงอยู่ไม่ได้หากไม่มีหัวใจ"
“ก็ได้ ในเมื่อนายตัดสินใจอย่างนั้น แล้วอย่ามาเสียใจที่หลังก็แล้วกัน” เฮนรี่พูดพลางถอนหายใจ
“ข้าไม่มีวันเสียใจภายหลังแน่นอนเฮนรี่”
“กรอด...อือ...” เสียงแปลกประหลาดคล้ายเสียงร้องขู่ของสัตว์ทำให้ข้าที่กำลังเคลิ้มจะหลับในรอบหนึ่งอาทิตย์ สะดุ้งตื่นมองดูรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไร
“ฮืม...กรอดดดด...อือ...”เสียงประหลาดดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ร่างที่ข้างกอดไว้จะเริ่มขยับตัว ข้าชะงักมองดูลูซที่กำลังดิ้นเบาๆ อย่างดีใจ ความผิดหวังกับพรุ่งนี้หายไป เพราะลูซได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว
กึก!
เสียงเปิดประตูทำให้ข้าละสายตาจากร่างของลูซมองคนที่เข้ามา
“อะไรลาร์ค มองฉันอย่างนี้ทำไม ฉันยังไม่เผานายกับเด็กนั่นตอนนี้หรอกน่า รอให้ถึงคืนพรุ่งนี้ก่อนจะรีบร้อนไปไหน” เฮนรี่ที่เข้ามาเอาของบอกข้า
“เฮนรี่ลูซฟื้นแล้ว เฮนรี่ลูซฟื้นแล้ว!!!” ข้าตะโกนออกมาอย่างดีใจทำให้ร่างที่กำลังครางอยู่สะดุ้งและดีดตัวออกจากอ้อมกอดของข้า “ลูซ!!!”
“แฮ่...” เสียงครางนั้นทำให้ข้าชะงักมองสบตากับลูซ เห็นสีแดงขยายไปทั่วม่านตาสีขาวและสีฟ้าที่เคยสดใส สิ่งนี้เป็นสิ่งบ่งบอกได้เลยว่าตอนนี้ลูซนั้นได้กลายเป็น
“ผีดูดเลือด!!!!” เฮนรี่ตะโกนอย่างตกใจ ลูซหันไปมองเฮนรี่ก่อนที่จะหันมามองข้าและกระโจนเข้ามาหาข้าทันที “ลาร์ค ระวัง!!!”
เขี้ยวคมสีขาวงอกออกมาจากริมฝีปากบาง ก่อนที่จะฝังลงบนต้นคอของข้าอย่างรวดเร็ว เสียงดูดเลือดอย่างตะกละตะกลามมาพร้อมกับความเจ็บปวด
“ไม่เป็นไรลาร์ค เดี๋ยวฉันจัดการเอง!” เฮนรี่ตะโกนก่อนที่จะตั้งท่าจะกระโจนมาใส่ลูซที่กำลังดูดเลือดข้าอยู่
“อย่าเฮนรี่! อย่าเข้ามา!!!” ข้าเอ่ยปากห้ามเพราะกลัวว่าเฮนรี่จะทำร้ายลูซ
“แต่ว่าเด็กคนนี้กำลังจะฆ่านายนะ!!!"
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรใช่ไหม...ลูซ” ข้าตอบเฮนรี่ก่อนที่จะเอ่ยกับร่างเล็กที่กำลังฝังเขี้ยวอยู่บนซอกคอของข้า ข้าเอื้อมมือลูบหัวของลูซเบาๆ กอดร่างเล็กไว้และไหวตัวไปมาราวกับกำลังกล่อมเด็กที่เสียขวัญ “ไม่เป็นไรลูซ ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้หรอก ข้าอยู่ข้างเจ้าเสมอ เด็กน้อยของข้า”
ข้ากระซิบลงบนหูของลูซก่อนที่จะจูบต้นคอของอีกฝ่ายเบาๆ
แรงดูดเลือดหายไป ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดของข้าเริ่มขยับตัวและจ้องมองข้า ข้ายิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“ลาร์ค...” ลูซครางชื่อของข้าออกมาเบาๆ ก่อนที่จะซุกหน้าลงบนอกของข้าเหมือนจะร้องไห้
“ไม่เป็นไรลูซ ไม่เป็นไร ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าจะไม่จากเจ้าไปไหนอีกแล้ว” ข้าประคองใบหน้านวลขึ้นมาจูบริมฝีปาก ลูซส่งเสียงครางในลำคอและจูบตอบข้าอย่างไร้เดียงสา
ข้าเลือนมาจูบหน้าผากและแก้มนวลเนียนนั่นอย่างแผ่วเบา แต่ว่า...
“อะ แฮ้ม!! เกรงใจกันบ้างสิ นี่มันห้องฉันนะ” เสียงขัดจังหวะทำให้ข้ากับลูซหันไปมองก่อนที่เด็กน้อยของข้าจะซุกหน้าลงบนอกข้าด้วยความเขิน
ข้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับก้างชิ้นโตที่ชวางคออยู่ ก่อนตัดสินใจเอ่ยเสียงเรียบๆ ให้อีกฝ่ายรู้
“ออกไป” ข้าเอ่ยบอกคนที่ยืนอยู่ตรงประตู
“อะไรนะ” เฮนรี่ตอบอย่างไม่เข้า
“เฮนรี่ออกไปจากห้องนี้”ข้าเอ่ยปากไล่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของห้อง
“อะไรนะ! นี่มันห้องทำงานฉันนะ นายกล้าไล่ฉันเลยเหรอลาร์ค” เฮนรี่ถามพร้อมมองข้าด้วยตาขวางๆ
“ใช่”
“เอ้อ! ออกไปก็ได้ ไอ้เพื่อนเลว” เสียงตะโกนที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้ข้าหันมามองร่างเล็กที่ซุกอกข้าอยู่
“ลูซ...”
“ครับ...” ลูซเงยหน้าขึ้นมามองข้า ตวงตาใสแจ๋วที่เมื่อครู่ถูกครอบไปด้วยสีแดงบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเหมือนดังตาปกติแล้ว หากแต่ตาสีฟ้าที่เคยสวยงามตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเลือดนก
ข้ายิ้มให้กับเด็กน้อยตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยหยอกล้ออีกฝ่าย...
“มาต่อจากเมื่อกี้กันเถอะ”
“แต่...อ๊ะ!...อา...”
THE END