Chapter 18
ช่วงรอยต่อการสอบปลายภาคของขิง ก็ถึงคราวปลายภาคของดาวบ้าง เขามีสอบวิชาพื้นฐานที่เรียนรวมกับคณะอื่นๆ ส่วนวิชาประจำภาคตัวเองนั้นส่วนใหญ่เป็นสอบปฏิบัติคือทำงานส่งอาจารย์ และเปิดให้เพื่อนวิจารณ์กันในห้องนั้นเอง
ช่วงหมกมุ่นทำงาน ดาวก็เลิกหมกมุ่นเรื่องบนเตียงไปเกือบสองอาทิตย์เช่นกัน
ขิงที่เคยสนุกกับพี่เกือบทุกวัน พอห่างเรื่องแบบนี้ไปก็รู้สึกเเปลกๆ แต่เขารู้ว่าดาวค่อนข้างจริงจังกับFinal Project จึงไม่ได้งอเเงใส่ แถมยังคอยดูเเลส่งข้าวส่งขนมให้อยู่เกือบทุกคืน
เจ้าเด็กของเขาน่ารัก ดาริณรู้ดี
ขณะที่ดาริณนั่งปั้น Motion Graphic อยู่ในคอมพิวเตอร์ เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้ตัวขิงที่นั่งเล่นเกมอยู่ตรงห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มละมือจากจอยสติ๊ก แล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารไปให้พี่ที่นั่งในห้องนอน
“พ่อโทรมา”
“ขอบใจเจ้าเด็ก” ดาริณที่มัดจุกน้ำพุกลางศีรษะสมควรจะถูกเรียกว่าเจ้าเด็กมากกว่าเขาอีก ในเมื่อเข้ามาในห้องนอนเเล้ว เขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง รอเก็บโทรศัพท์ให้ดาริณ
คนตัวเล็กคุยกับพ่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฟังดูบทสนทนาเเล้วก็ดูช่างอ้อนน่ารักสมกับเป็นลูกคนเล็ก ขิงขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อดาริณพูดเรื่องวิชาสอบออกมาในชื่อที่เขาคุ้นว่าเหมือนวิชาของคณะบริหาร แต่อาจจะเป็นวิชาเลือกของดาวก็ได้ จากนั้นคนตัวเล็กก็หยุดฟังพ่อพูดบ้าง ก่อนจะร้องตะโกนดีใจอีกพักใหญ่แล้วก็วางไป
“โวยวายอะไรครับ” ขิงลุกขึ้นไปโอบรอบไหล่ดาว ก้มลงหอมเเก้มที่เริ่มจะมันเพราะนั่งทำงานอยู่หน้าคอมมาตั้งเเต่เช้า
“พ่อบอกว่ามีรายการจะไปสัมภาษณ์พ่อเเหละ”
“สัมภาษณ์เรื่อง?”
“ก็ไปรีวิวรีสอร์ท แล้วก็ทัวร์เรือยอร์ชนะ”
“ฟังดูน่าสนุก ขิงอยากไปบ้างจัง”
“ไว้ปิดเทอมพี่ดาวพาเจ้าเด็กไปเที่ยวบ้านนะ”
“คุณพ่อคุณเเม่ดุมั้ย”
ดาวส่ายหน้า
“แล้วพ่อเเม่พี่รู้เรื่องเรามั้ย”
ดาวยู่ปาก “ดาวยังไม่ได้บอก แต่เค้ารู้ว่าดาวไม่ได้ชอบผู้หญิง เพราะฉะนั้นพาเจ้าเด็กไปแนะนำได้เลยไม่เป็นไร”
“ผมกลัวโดนพ่อตาไล่ยิงจัง”
“พ่อตาอะไรเล่า ยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“ได้เสียเป็นเมียผัวกันมากี่ครั้งเเล้วครับ ต้องให้ผัวช่วยรื้อฟื้นอีกสักครั้งมั้ย”
“เจ้าเด็ก!!” ดาริณว่าเสียงดัง แล้วทำหน้าตกใจสุดขีดเหมือนพึ่งนึกถึงเรื่องคอขาดบาดตายขึ้นมาได้
“จะ เจ้าเด็ก อดอยากมากี่วันเเล้ว เจ้าเด็กยังทนไหวมั้ย”
“ดาวววววว ถ้าเจ้าเด็กบอกว่าทนไม่ไหว พี่ดาวจะให้เจ้าเด็กกินหรอ”
“ไม่อ่ะ เจ้าเด็กต้องอดทนก่อน ร่างกายพี่ไม่พร้อมโดนกระเเทก”
“ฮรือ ดาวไม่อ่อนโยนเลย”
ดาริณหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา แล้วจัดการถอดเสื้อยืดออกจากหัวดังพรึ่บ
“เฮ้ย”
แชะ! กัดปาก กดเซลฟี่กล้องหน้าในมุมที่ลึกไปถึงหน้าท้องเเบนราบ แล้วยื่นรูปพอร์นไปให้ขิง
“เจ้าเด็กไปเล่นกับตัวเองก่อนนะ”
ขิงไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองต้องโรคจิตดูหน้าดาวในมือถือ แล้วนั่งขัดจรวดตัวเองในห้องน้ำ!!
ดาวส่ง Final Project ไปแล้ว และได้รับเสียงตอบรับที่ดีตอนพรีเซ้นท์ให้อาจารย์เเละเพื่อนๆ ดู ดังนั้นคนตัวเล็กจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษและอยู่ในช่วงผ่อนคลาย
เจ้าเด็กของเขากำลังมีโครงการใหญ่เช่นกัน ขิงกำลังซ้อมเพื่อไปเเข่งขันวงดนตรีมัธยมระดับประเทศ เเละหากติดหนึ่งในสามก็จะได้ไปเข้าค่ายเก็บตัวเเละประกวดรอบชิงเเชมป์ระดับเอเชียที่ญี่ปุ่น ดาริณเเอบอยากให้ขิงได้ไป เพราะเขาเองก็ยื่นฝึกงานสตูดิโออนิเมชั่นที่นู่นไว้เช่นกัน วันประกาศผลก็ใกล้เข้ามาเเล้ว ถ้าได้รับการตอบรับละก็ จะเป็นช่วงเดียวกับที่ขิงไปเข้าค่ายพอดี
หึหึ เห็นพอร์นๆ กันไปวันๆ นี่ก็มีความจริงจังในชีวิตไม่ใช่ย่อยเหมือนกันนะ
แต่ที่ หึหึ กว่าคือ ไม่อยากจะคิดเลยว่าดาวเเละขิงอินน์เเจเปญจะยกระดับความบันเทิงไปถึงขั้นไหน เขาคงไปเดทกันที่เซ็กส์ช็อปทุกวันอ่ะ แค่คิดก็อิคึอิคึ อิไต้อิไต้ล้าววววว!
กลับไปรอเจ้าเด็กที่ห้องดีกว่า ยังเหลือชุดอะไรน๊าที่เขายังไม่ใส่
ขิงเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาวางกระเป๋าใส่เบสไว้ตรงที่ประจำแล้วหันกลับมาดูในครัว เลือดกำเดาแทบพุ่ง
“ดาว ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า” คนน้องดุ แต่ก็รีบเดินเข้าไปหาอย่างไว
“นี่ไงใส่ผ้ากันเปื้อนเเล้ว”
“พี่ต้องแยกแยะนะว่าผ้ากันเปื้อน กับเสื้อผ้ามันคนละชนิดกัน”
“พี่ใส่ Jockstrap แล้ว นับเป็นเสื้อผ้าป่ะ”
ไอสิ่งที่ดาริณกำลังพูดถึงคือกางเกงในเเบบเกือบเปลือย มีเพียงขอบผ้าชิ้นน้อยที่คอยประคองเเก้มก้นอยู่เท่านั้น และเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็ทำขิงเเทบเลือดทะลักหมดตัวได้ มันรัดเสียจนเนื้อก้นขาวอมชมพูเหมือนตูดเด็กของดาริณเป็นลูกพอดีขยำ
“นั้นก็เสื้อผ้าครับ เเต่คนทั่วไปเขาต้องใส่กางเกงที่มิดชิดทับอีกชิ้น”
“แต่พี่ไม่ใช่คนทั่วไป” ดาริณวางมือจากกระทะย่างสเต็ก แล้วหันมาใช้สองมือคล้องคออีกฝ่าย
“พี่เป็นคนพิเศษ...”
ละมือข้างหนึ่งลงมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทรงดีของอีกฝ่าย
“พี่เป็นเเฟน”
จูบใต้คาง
“พี่เป็นเมียของขิงนะ”
ซบหน้าลงไปตรงซอกคอ
“ผมเป็นศพครับพี่ ตายสงบศพสีชมพูเลยเจอแบบนี้”
ดาริณหัวเราะคิกคัก หน้าตาเศร้าๆ อ้อนๆ แบบเมื่อกี้ร่าเริงเหมือนมีเขาเเหลมๆ ของเจ้าปิศาจร้ายงอกออกมาก่อนจะหันกลับไปดูอาหารบนเตาต่อ
“ยั่วเก่งจังอ่ะคนนี้” ขิงคล้องเเขนรอบเอวอีกฝ่าย วางคางไว้ตรงหัวไหล่บางแล้วชะโงกหน้าไปดูว่าคนสวยกำลังทำอะไร
“หอมจัง”
“สเต็ก หรือเเก้มพี่” ดาริณหันมาถามแล้วกดจูบลงไปบนขมับเจ้าคนน้อง
“ดาริณหอมทั้งตัว เเต่ดาริณจะหอมเหมือนสเต็กไม่ได้นะครับ”
“แล้วสรุปว่าดาวหรือสเต็กหอมกว่า”
“ดาริณหึงหมูในกะทะหรอ”
คนพี่กดจูบลงไปแรงกว่าเดิม แล้วก็ไซร้หน้าเหมือนมันส์เขี้ยวเจ้าขิง
“พี่ก็หึงทุกอย่างที่ดีกว่าพี่ในสายตาขิง”
“ผมหลงพี่ชิปหายเเล้วเนี่ย” เขารัดเอวดาริณเเรงๆ แล้วสองคนก็หันมาหัวเราะให้กันด้วยความสุข
ขิงเดินไปเลือกไวน์ในตู้เย็นมาเปิดฉลองวันสอบเสร็จของดาริณ เขาเปิดจุกก๊อกอย่างชำนาญ แล้วรินน้ำสีเเดงเข้มลงเเก้วอ้วนสองใบ นำมาวางลงบนโต๊ะอาหาร ส่วนขวดที่ยังเหลือน้ำอยู่ก็จัดการเเช่ลงถังน้ำแข็งอลูมิเนียมวางไว้ใกล้มือ ปกติไวน์เเดงจะดื่มอุณหภูมิห้อง แต่ด้วยอากาศเมืองไทยที่ไม่ได้หนาวเย็นเเบบประเทศต้นตำรับ ขิงมองว่าเเช่ให้มันเย็นหน่อยเถอะ จะได้เพิ่มความชื่นใจ
ดาริณวางจานสเต็กที่ไม่ได้ตกเเต่งหรูหราแต่ดูน่ากินด้วยตัวเนื้อลงบนโต๊ะ ก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนออกทางศีรษะ ใช้มือจัดเรือนผมที่ยุ่งๆ เล็กน้อย
ขิงกลืนน้ำลายดังเอื้อก บางทีกูก็อยากชิมพี่เค้าก่อนชิมเนื้อเนาะ
“ไวน์ดีมั้ย ชิมหน่อย” ดาริณเดินเข้ามาพิงสะโพกตรงโต๊ะข้างๆ ที่ขิงยืนตะลึงอยู่
“อ่ะ” ขิงยื่นเเก้วให้ ดาริณยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมา
“พี่ชิมไวน์ที่อุณหภูมิปาก”
ยิ่งกว่าตาย กูได้ Fastpass ไปเเดนฉิมพลีเลยทีเดียว
ขิงกระดกน้ำเมาเข้าปาก เขาอมไว้อึกใหญ่ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปหาคนพี่ ค่อยๆ ป้อนให้ชิมทีละนิด แบบที่ปากเราเเนบชิดไม่มีอะไรเล็ดลอดออกไปได้
แต่ดาริณก็ยังกระทุ้งลิ้นขิงให้ไวน์มันกระฉอก หกย้อยผ่านริมฝีปาก คาง ลงไปถึงยอดอก ทำไม่ดาริณกินเลอะเทอะ
“หนาว” ดาริณทำท่าสั่นสะท้านราวกับตัวเองเป็นลูกนกตัวจ้อย ขิงหันไปหยิบทิชชู่มาจะซับให้
“ไม่! ระคายผิว”
มึง!! บริษัทผลิตกระดาษที่โฆษณาปาวๆ ว่าอ่อนละมุนต่อใบหน้าร้องไห้แล้ว
“แล้วอะไรที่ไม่ระคาย” เด็กชายรู้ว่าคนพี่เริ่มเจ้าเล่ห์ เขาชิดตัวเองเข้าไปใกล้ผิวอ่อนๆ นั้น
“ลิ้น”
สัสๆ ๆ ๆ ขิงสบถอยู่ในใจ พี่เขายั่วเบอร์เเรงจังว่ะ
“แต่ลิ้นผมสากนะ”
“ดี! พี่ชอบ”
“พี่เเม่ง!” ขิงทำหน้าเหมือนหงุดหงิดเสียเต็มประดา เเน่ล่ะข้าวแม่งก็หิว แล้วดาริณยังยั่วชิบหายอีก อดอยากกันมาก็หลายวัน อิน้องข้างล่างของเขาก็เต้นเเร้งเต้นกายื่นป้ายประท้วงขอออกมานอกร่มผ้าเเล้วเนี่ย
“ซับไวน์ให้พี่เร็วเลอะตัวไปหมดแล้วอ่ะขิง”
ดาริณจงใจให้มันเลอะเหอะ เห็นตาก็รู้เเล้ว ขิงใช้จูบซับเครื่องดื่มสีเเดงออกจากเนื้อกายขาวผ่อง เริ่มจากปลายคาง ร่องกระดูก แล้วก็เนินอก ปลายลิ้นค่อยๆ และเล็มไปรอบฐานสีชมพูสวย
“อึก”
จุ๊บ!
“เเห้งยัง” ขิงถาม
ดาริณส่ายหน้า ขิงจึงบรรจงโอบลิ้นไปรอบเนื้ออกอ่อนๆ นั้นอีกรอบ
อย่าว่าแต่ขิงเลย ดาริณว่างเว้นจากเรื่องแบบนี้ไปหลายวันก็จะทนไม่ไหวเอา และตั้งเเต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่จานชามถูกกวาดให้พ้นทาง เเผ่นหลังเปลือยเปล่าถูกผลักให้เอนราบไปกับพื้นโต๊ะ ขิงลากลิ้นลงมาจนถึงเเอ่งสะดือ กดจูบพลางดูดเนื้อคนพี่อย่างหิวโหย สเต็กที่ว่าอร่อยน่าจะยังไม่ฟินเท่าพุงกะทิของดาริณ
ขิงหันไปยกไวน์ขึ้นจิบอีกรอบ กลิ่นเเอลกอฮอลล์ร้อนผ่าวที่ไหลลงไปในช่องท้องทำให้เขาเริ่มมึนเมานิดๆ และอารมณ์กระเจิงไปมากขึ้น สองมือคนหล่อประคองข้อเท้าดาวให้ยกวางขึ้นบนโต๊ะ กดจูบลงไปบนทุกสัดส่วนของร่างกายที่ปากเขาจะลากป่านได้ ก่อนจะเทไวน์ลงไปที่ตรงนั้นจนดาวร้อง อ๊ะ เหมือนเคะทุกเรื่องที่กำลังถูกจับกิน!!
รสสัมผัสเย็นฉ่ำ ตัดกับโพรงปากร้อนๆ เล่นเอาดาวเเทบบ้า ขิงดูดกลืนตัวตนของดาวไปพร้อมกับไวน์ชั้นเลิศที่รินรดลงไป
“อร่อย”
เสียงทุ้มพูดชม แล้วก็ก้มลงไปซุกไซร์ชิ้นเนื้อหวานล้ำจนสะโพกดาวต้องโยกรับแบบแทบไม่ติดพื้นโต๊ะ
ดาวครางต่ำๆ แต่ทว่าเซ็กซี่มากในความรู้สึก ขิงไล้ลิ้นไปเรื่อยพร้อมทั้งบางครั้งก็เลยจนมาถึงส่วนเร้นลับด้านหลัง
“ขะ ขิง มะไม่” ดาวสั่งห้ามเสียงกระท่อนกระเเท่น
“ไม่ชอบหรอคะคนดี” คนน้องถามแต่ก็ยังไม่หยุดปรนเปรอด้วยความอ่อนโยน
“ดะ ดีเกิน ฮึก อื้อ งื้อ ฮือ” ดาวร้องไม่เป็นจังหวะเลย เมื่อขิงรัวลิ้นลงไปหนักๆ
“ฮือ..อย่าฆ่าพี่ด้วยลิ้นของเธอ”
ร่างสูงยิ้มกริ่ม เขาอุ้มเอวคนพี่ลงมาจากโต๊ะ จูบปลอบให้หายตื่นกลัว เเล้วพลิกตัวอีกฝ่ายหันหลัง ขิงกดแผ่นหลังคนพี่ให้เอนลงจนเกือบราบไปกับโต๊ะ ไวน์ในขวดเทราดลงมาบนเเผ่นหลังนวลอีกครั้ง เเล้วมันก็ไหลไปตามแรงโน้มถ่วงให้ขิงตามเก็บชิมอย่างอร่อยปาก
เนื้อนิ่มๆ แกล้มไวน์ขิงดูดซับจนมันไม่เหลือซักหยด ทิ้งรอยสีกลีบกุหลาบงดงามไว้ทั่วเนินเนื้อ ดาริณโดนจับกินของแท้ แล้วเมื่อกลางลำตัวเขาทานทนไม่ไหวแล้ว ขิงก็เลิกละเลียดชิม วางขวดไวน์ลงไปในถังเเช่ดั่งเดิม ปลดซิปกางเกงของตัวเองลง แล้วนำความร้อนรุ่ม ไปซุกลงกับสิ่งที่ระอุไม่เเพ้กัน
“อื้อ” ดาริณกัดปาก ข่วนเล็บไปกับเนื้อโต๊ะ
ขิงค่อยๆ ชักนำมันลงไป ความรู้สึกของการเสียดสีกำลังจะเกิดขึ้น เนื้อสะโพกโดนขิงใช้ฝ่ามือโอบอุ้มไว้ บางครั้งก็บีบขย้ำ บางครั้งก็ตีเบาๆ เร่งเร้าความรู้สึก
ขิงเริ่มขยับ
ดาริณห้ามเสียงไม่ไหว
ขิงขยับไวขึ้น
ดาริณเองก็เร่งเสียงตามความซาบซ่านที่พุ่งสูง
แรงสั่นที่เนื้อกระทบกัน และมันก็ถูกส่งต่อไปยังสิ่งของบนโต๊ะ จานช้อน ซ้อมมีดร้องระงม แก้วน้ำกระฉอกเเเรงจนเลอะหกออกมาภายนอก
หายใจหอบหนัก
หัวใจระรัว
หยดเหงื่อตกกระทบเเผ่นหลัง
สีหน้าทรมานแต่สุขสม
เนื้อตัวเเดงก่ำแต่ไวไปทุกความรู้สึก
ขิงถูกส่วนลึกในร่างกายดาริณหลอมละลายเป็นเถ้าถ่าน
ธารอารมณ์ถูกปลดปล่อยออกมาเปรอะเปื้อนไปทั่วซอกขา
ขิงจะถอนตัวออก แต่ดาริณส่ายหน้า
ยังไม่พอ...
ร่างกายยังต้องการกันเเละกันมากกว่านี้
(ใส่รูปพักใจ แล้วไปอ่านต่อค่ะ)
หลังจากไม่ค่อยมีเวลาให้กันมาตลอดสองสัปดาห์ เมื่อคืนกว่าจะทานมื้อเย็นกันก็ดึกดื่น เเถมดาริณยังถูกจับกินเสียจนน่วมไปหมดทั้งตัว ถ้าขิงปั้นก้อนพี่ได้ก็คงจับกลืนลงท้องไปแล้ว กลางคืนจึงเป็นเวลาหลับพักผ่อนเต็มที่ สายๆ คู่รักจึงค่อยรู้สึกตัวตื่น
ขิงลุกไปต้มไข่แล้วเวฟอาหารคลีนแบบกล่องที่สั่งมาทิ้งไว้ในตู้เย็นทุกๆ อาทิตย์ เด็กหนุ่มวัยกำลังโตเป็นแบบนี้ หากได้ใช้เเรงมากๆ ไปตอนดึก เช้ามาท้องจะร้องหนักเป็นพิเศษ ส่วนดาริณก็ได้รับอานิสงส์กินของอร่อยกับน้องไปด้วย
เมื่อรองท้องกันเรียบร้อย ขิงก็ชวนดาริณกลับมานอนเปื่อยด้วยกันที่บนเตียงต่อ มันเป็นวันหยุดที่ไม่มีเเพลนอะไรพิเศษ นอกจากใช้เวลา Cuddle กันบนเตียง ดาริณนอนให้ของเกาคางเล่นเป็นลูกเเมวเลย ผลัดกันซุกไซร้ซอกคอ กินหูกันไปมา มองตากัน หัวเราะ บอกรัก แล้วก็นอนทับกัน วนสลับกันไปแบบนี้ไม่รู้จักเบื่อ จนกระทั่ง
กริ๊ก!
เสียงปลดล็อคประตูจากด้านนอก
ดาริณตาโต ผลักขิงออกจากซอกคอตัวเองทันที แต่เจ้าเด็กยักษ์ก็รั้งข้อมือไว้ ไม่ให้คนพี่ดีดตัวลงจากเตียง
“ผมหรือเขาที่เป็นชู้”
ดาริณอยากจะเบิ้ดกะโหลกให้ไอ้เด็กที่หึงไม่รู้จักเวล่ำเวลา
“พ่อโว้ย พ่อมา คนที่เข้าห้องนี้ได้อีกคนคือพ่อ”
เท่านั้นเเหละก็โกลาหล วิ่งลงจากเตียงไปคนละทาง
“ผมต้องไปเเอบในตู้เสื้อผ้ามั้ย หรือปีนลงทางหน้าต่าง”
“พ่อโว้ย ไม่ใช่ชู้ จะหลบทำไม” ดาริณจับเเขนเจ้าเด็กที่ล่กไม่เข้าท่า
“แต่งตัวให้เรียบร้อยก็พอ”
ใช่สิ ตอนนี้พวกเขานะมีเสื้อผ้าติดตัวเเค่คนละชิ้น ดาริณใส่เสื้อ ส่วนของใส่เเต่กางเกง แถมมาจากชุดนอนเซตเดียวกันด้วยนะ เมื่อคืนนัวกันเสร็จก็หลับ เมื่อเช้าหิวๆ คว้าอะไรมาใส่ได้ก็ใส่ไปก่อน
“แล้วทำไมพ่อมาไม่บอกไม่กล่าว” ดาริณบ่นฟ่อดแฟ่ดไปพลางหยิบเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยมาสวมใส่ โชคดีที่เขาสองคนล้างหน้าแปรงฟันไว้เเล้วเลยไม่ลำบากนัก
“พี่ผมลน” ขิงเดินมือสั่นออกมาเจอดาริณที่เเต่งตัวอยู่หน้ากระจก
“หายใจลึกๆ อิน้อง” ดาริณลูบหลังเด็กตัวใหญ่แต่ใจนิดเดียว
“พ่อตานะพี่ ไม่ใช่คนทั่วๆ ไป ทำไงดีอ่ะ”
“เจอหน้าแล้วก็ยกมือไหว้ ค้อมตัวต่ำๆ แค่นั้นพอ ไม่ต้องอะไรมาก”
“ละ เเล้วผมก็เหมือนชิงสุกก่อนห่าม ปล้ำพี่ก่อนที่จะเอ่อ...คบกันอีก”
“พี่ดาวสมยอม... แต่ใจเย็นเจ้าเด็ก เรื่องบนเตียงของเราก็ไม่ต้องบอกให้พ่อรู้ก็ได้มั้ง”
“ละ เเล้ว เราออกไปจากห้องนอนด้วยกันพ่อตาผมจะไม่สงสัยหรอ”
“ถ้าเเกเรียกพ่อตาได้ไม่กระดากใจอะไรทั้งนั้น จะตื่นเต้นทำซากอ้อยอะไรห๊ะเจ้าขิง”
“กะก็กลัวพ่อเค้าไม่ยกลูกให้”
“เออ ไม่ยกให้ก็ค่อยหนีตามกันโอเค๊ ออกมาได้เเล้ว พ่อดาวรอนานเเล้วเนี่ย”
ดาวเข้าไปลากมือเจ้าเด็ก พึ่งสัมผัสได้ว่ามันเย็นเฉียบจนน่าสงสาร สีหน้าก็ไม่ดีสุดๆ ดาวถอนหายใจด้วยความเอ็นดู หนูรู๊กกกกก มาหอมหัวเหม่งทีนึงจุ๊บๆ ให้กำลังใจเเล้วต้องใจเย็นๆ จูงมือน้องออกไปด้วยกัน
เจ้าของคอนโดเปิดประตูห้องนอนออกไป ผู้ชายวัยกลางคนหน้าตาจีนเเท้คนหนึ่งยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่น พร้อมกระเป๋าสัมภาระใบเล็กๆ ลูกชายคนเล็กกระโดดเข้าไปกอดปะป๊าด้วยท่าทางเหมือนตอนสามขวบไม่มีผิด อ้อมกอดอบอุ่นตอบรับมาเช่นกัน มือใหญ่ๆ ตบบ่าลูกชายสองสามครั้ง พร้อมทั้งใช้สายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองเด็กหนุ่มไม่คุ้นหน้าอีกคนไปด้วย
ขิงกลืนน้ำลายเอื้อก ส่วนดาริณรับความอบอุ่นที่ห่างหายไปนานเสร็จก็ผละออกมา กอดเเขนพ่อไว้แล้วเเนบหน้าอ้อนเป็นท่าไม้ตาย
“ปะป๊า ดาวมีเเฟนแล้ว”
“ฮึ่ม ถ้าไม่มาเจอเองลื้อก็คงไม่บอก”
“ดาวจะพาไปให้ดูที่บ้านอยู่เเล้ว”
“ชื่ออะไร”
“ขิงครับ”
“รุ่นเดียวกัน?”
“น้องครับ” ดาวตอบ “ป๊าอย่าเสียงเข้มนักสิ แฟนดาวกลัวหมดแล้ว”
“น้องเเค่ไหน”
“น้องยังไม่จบม.6” ดาวยิ้มปะเหลาะ เเต่พ่อนั้นกุมขมับ
“ไปล่อลวงเด็กเค้ามา ระวังจะโดนจับนะอาดาว”
“เด็กมาเองหรอก ปะป๊าก็รู้ว่าน้องดาวเสน่ห์เเรงเเค่ไหน”
คนเป็นพ่อส่ายหน้า รับไหว้ขิงที่ยกมือค้างไว้ตั้งเเต่ 5นาทีที่เเล้ว และเมื่อผู้ใหญ่นั่งลงที่โซฟา ดาวนั่งตาม ขิงจึงเดินไปรินน้ำที่ตู้เย็นมาให้
“ลื้อสอบเสร็จเเล้วใช่มั้ย” พ่อถามลูกชายคนเล็กของบ้าน
“ครับ”
“ยากมั้ย”
ดาวส่ายหน้า แล้วยิ้มอ้อน “น้องดาวเก่ง น้องดาวของป๊าทำข้อสอบได้หมดเลย”
“ขี้โม้จัง” พ่อบิดจมูกรั้นๆ นั้นอย่างเอ็นดู
“ป๊าขอดูบัตรนักศึกษาลื้อหน่อยสิ”
ดาวตัวชาวาบ ทำไมอยู่ๆ พ่อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“ดูทำไมอ่ะป๊า”
“แล้วทำไมให้ดูไม่ได้”
“ไม่ใช่ให้ดูไม่ได้ รอเเป๊บนะ” ดาววิ่งเข้าไปในห้อง โชคดีที่เขาเคยทำบัตรนักศึกษาปลอมไว้ ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เอามาใช้จริงๆ
“นี่ไง” ดาริณยื่นบัตรพลาสติกแข็งไปให้บิดา
นายดาริณ พิชิตเทวากุล รหัสนักศึกษา XXXXXXXX
คณะบริหารธุรกิจ
“ป๊าขอดูเกรดหน่อยสิ”
“เกรดเทอมนี้ยังไม่ออก”
“เข้าไปดู GPA ของเทอมที่เเล้วก็ได้”
“ป๊าจะดูทำไม ป๊าเเปลกๆ นะวันนี้”
“พ่อขอดูผลการเรียนลูกผิดตรงไหน”
“คอมเสียเข้าไม่ได้”
“มือถือ เข้าเว็บมหาวิทยาลัยได้ป๊ารู้”
“ป๊า..” ดาวโอด ขิงมองสองพ่อลูกคุยกันอย่างไม่เข้าใจ แถมบัตรนักศึกษาที่ดาวยื่นให้ ก็ไม่ใช่ใบที่ขิงเคยเห็น ดาริณเรียนคณะ Digital Media, Major Computer Animation ไม่ใช่หรอ ใช่สิเพราะนั่งวาดนั่งปั้น 3D กันหลังขดหลังเเข็งอยู่ให้เห็นตลอด
ขิงคาดเดาเรื่องราวต่างๆ นานาไปในใจ พอกับดาริณที่ทำหน้าเหมือนกำลังถูกบังคับให้กินยาขม ขณะกดมือถือเข้าไปในเว็บไซต์คณะและกรอกรหัสนักศึกษา มือเรียวพยายามจะเลื่อนเร็วๆ ไปที่GPA เลยเเต่ทว่า...
“ไม่ต้องเรียนมันเเล้วไอ้คณะไร้สาระนี่!!” คุณพ่อของดาวขึ้นเสียงดัง
“ป๊า... ดาวขอโทษ”
ขิงตกใจ ดาริณน้ำตาไหลโดยไม่มีเสียงสะอื้น
“ถ้าไอ้พิธีกรรายการที่มันไปสัมภาษณ์พ่อไม่มาบอกให้รู้นี่ป๊าก็คงโง่ให้ลื้อหลอกต่อไปเรื่อยๆ สินะ”
“ป๊า...ดาวขอโทษ แต่อย่าให้ดาวเลิกเรียนเลยนะ” คนตัวเล็กทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น ขิงทนมองภาพนั้นไม่ไหวถึงกับต้องเบือนหน้าหนี
“อาดาวลื้อนี่มันเกินเยียวยา!”
ดาริณนั่งสะอื้นอยู่กับตัวเอง
“เก็บของ แล้วกลับภูเก็ตกับอั๊ววันนี้เลย”
ดาริณส่ายหน้า “ดาวไม่กลับ”
“กลับ!! นี่ป๊ากับม๊าก็ทะเลาะกันจนจะเลิกกันอยู่เเล้ว เพราะม๊าลื้อต้องช่วยลื้อโกหก”
“มะม๊าไม่เกี่ยว ดาวผิดเอง”
“รู้ตัวก็ดีไปเก็บของ เดี๋ยวนี้!!”
ดาริณไม่สามารถเถียงอะไรได้อีก เขาหลอกพ่อมาตลอดเรื่องคณะที่เรียน พ่ออยากให้เขากลับไปทำกิจการที่บ้าน ส่งให้เขามาเรียนคณะบริหารธุรกิจ เเต่ดาวรู้มาตั้งเเต่เรียน ม.ต้นเเล้วว่าตัวเองชอบอะไร เขาอ่านการ์ตูนมาเยอะ ดูอนิเมชั่นทั้งของญี่ปุ่นเเละฝรั่ง เขามีความฝันว่าวันหนึ่งจะมีชื่อตัวเองบนEnd Credits เรื่องเหล่านั้นบ้าง และดาวก็รู้ฝีมือตัวเองดี เขาเลยกล้าส่งPortfolio ไปขอฝึกงานในประเทศที่เป็นเหมือนไอดอลของเด็กๆ มาหลายยุคหลายสมัย
ดาวอยากเรียนในสิ่งที่...ผู้ใหญ่หลายคนยังไม่เปิดรับ รวมถึงป๊าของเขาด้วย
ส่วนม๊า...ก็ไม่ได้เข้าใจเท่าไหร่ แต่ม๊าเเค่สงสารทนเห็นเขาร้องไห้ไม่ไหว เลยช่วยกันเล่นละครปกปิดความลับ
ดาวลืมไปว่าความลับไม่มีในโลก
แล้วพิธีกรรายการท่องเที่ยวที่ไปบอกความจริงกับป๊าคือใคร?
เขาจะรู้มั้ยนะว่ากำลังพังโลกของดาว
การที่เขากลับไปภูเก็ตครั้งนี้ ก็หมายความว่าจะไม่ได้กลับมาเรียนอีก 3ปีที่ผ่านมาคือสูญเปล่า
ขิงเดินตามดาวเข้าไปในห้องนาน เขาอ้าเเขนรอรับคนที่ไม่ไหวมาไว้ในอ้อมกอด
“ฮึก ดาวหลอกป๊า ดาวหลอกป๊าเรื่องเรียน ฮึก ขิง”
เด็กหนุ่มลูบหลังปลอบเเผ่วเบา เขาเองก็อึ้งกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
“ดาว ฮึก ดาวยังอยากเรียน” เสียงของคนรักที่สะอื้นอย่าน่าสงสาร กับถ้อยความที่กัดกร่อนความรู้สึกนั้นทำให้ขิงเเทบขาดใจตามไปด้วย เขารู้ เขาเข้าใจได้ว่าความฝันที่แรงกล้ามันเป็นยังไง เพราะเขาเองก็เองก็มีความฝันในสายทางดนตรีเช่นกัน
ดาริณคือดวงดาวที่เจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้าเเห่งจินตนาการ
ระยิบระยับเพราะความฝันที่ส่องประกายออกมาจากตัวเอง
แต่ความฝันนั้นมันกำลังจะดับลง ดาวคงเจ็บปวดไม่ต่างกับการโดนกระชากจิตวิญญาณออกไปจากตัว
“ถ้าดาวกลับไป สถานการณ์จะเป็นยังไง” ขิงถามเพื่อหาทางหนีทีไล่
“ฮึก .. ก็ ก็คงถูกขัง ยึดโทรศัพท์ไม่ให้ติดต่อใคร จนกว่าดาวจะยอมไปสมัครเรียนใหม่”
ขิงถอนหายใจ เขาลูบหลังดาวอีกครั้ง ให้คิดหนทางช่วยตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ออก แต่มันต้องมีทางสิ ดาริณควรได้อยู่กับความฝันที่ยิ่งใหญ่ของตัวเอง
“ขิง...ดาวฝากเรื่องสำคัญได้มั้ย”
“ได้สิครับ”
“ดาวยื่นฝึกงานไว้ เค้าน่าจะตอบเมล์กลับมาเร็วๆ Password ต่างๆ ดาวเเปะไว้ที่ใต้คีย์บอร์ดคอม”
“ครับ”
“ถ้าเขาตอบรับมาจริงๆ ช่วยให้ดาวได้ไปทีนะ”
มันเป็นคำขอที่เรียบง่ายแต่ทำให้หัวใจหนักอึ้ง
“ได้สิดาว”
ถ้ามันเป็นคำขอของคนรัก ไม่ว่ายากเย็นสักเเค่ไหน ขิงรู้เพียงว่าตั้งทำมันให้สำเร็จ
“ขิง…”
“ครับ”
“แล้วถ้ามันเป็นเเบบนั้น ขิงก็ต้องชนะเเข่งวงนะ เราจะได้ไปเจอกันที่ญี่ปุ่น”
“แน่นอนดาว” ขิงรวบคนพี่เข้ามากอดแล้วจูบหน้าผากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ก่อนจะปล่อยดาวไปเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า คนตัวเล็กเอาไปเเต่ของที่จำเป็นเพราะหวังลึกๆ ว่าจะได้กลับมาที่คอนโดเห่งนี้อีก
“ขิง” ดาริณเรียก พร้อมกระเป๋าลากในมือ
“ดาวไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง แต่ถ้าไม่อยากรอดาวเเล้วก็...”
ขิงส่ายหน้า
“มาพยายามให้ถึงที่สุดไปด้วยกันก่อน ผมไม่ปล่อยมือพี่ไปง่ายๆ เเน่”
“ขอบคุณนะเจ้าเด็ก”
“พี่ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอก ยิ้มไว้นะ ผมจะต้องหาทางพาพี่กลับมาให้ได้”
ดาวพยักหน้า พวกเขากอดกันเเน่นอีกครั้ง ก่อนจะผละจากกันเพื่อออกไปเผชิญหน้ากับพ่อที่ยังนิ่งเงียบ เเต่ก็รู้ว่ากำลังหัวเสียถึงขีดสุด
ดาริณที่เคยร่าเริงจ๋องเหลือตัวนิดเดียวเลย ขิงอยากจะกอดปลอบไม่ห่าง แต่ก็รู้ว่ามันไม่ควร
“เดี๋ยวผมขับรถไปส่งที่สนามบินนะครับ” ขิงพูดขึ้น เมื่อสถานการณ์มันบีบบังคับ เขาก็ต้องเเสดงความน่าเชื่อถือออกมาบ้างเเม้จะอายุยังน้อยก็ตาม เผื่อวันหน้าที่ต้องเผชิญหน้ากับพ่อดาริณอีก จะได้คุยกันง่ายขึ้น
TBC
ช็อคเลยดิ
#ดาวอย่ายั่ว