มีคนเคยถามผมว่าผมหล่อไหม ผมตอบไปว่าผมไม่รู้สิแต่ชีวิตนี้ไม่เคยขาดหญิงที่ต่อคิวรอเข้าหาผม แต่ถ้าถามผมว่าผมเรียนเก่งไหม ผมก็ตอบว่าผมเรียนได้เกรดเอทุกวิชา และถ้าหากผมทำวิทยานิพนธ์สำเร็จ ผมก็ว่าจะเรียนต่อดร.ทันที ผมก็เลยบินมาหาเพื่อนผมถึงไร่ปลายฟ้าเพื่อทำตามแผนที่วางเอาไว้ แต่มันผิดแผนก็อีตรงที่ผมได้แฟนติดไม้ติดมือมาด้วยนี่สิ คุณคิดว่าดีไหมล่ะ ฮ่าๆๆ
ผา x ป้อม
"แบบนี้นะครับคุณป้อม....จับมันเอาไว้ให้เต็มกำมือแล้วค่อยๆคลึงค่อยๆขยำมันไปจนมันเริ่มฟูขึ้นนะครับ"
คุณ...ผา...อ๊าาาาา...ฟูแล้วครับ...
******696969696969696969696969696969696969696969******
Chapter 12
แอบปลื้ม
“บัลลาดๆ ตื่นหรือยัง”
“อืม...อือ”
“ไอ้นี่มันขี้เซาจังเลยเว้ย ไอ้บัลลาด”
“โอ๊ย...อย่ากวนกู...กูจะนอน”
“เออ นั้นมึงนอนไปเลย กูขอไปวิ่งออกกำลังกายสูดอากาศบริสุทธิ์ก่อนนะ”
“อืม...”
“อ้าว หลับไปเลยนะมึง กูไปดีกว่า”
เช้านี้เป็นวันแรกครับที่ผมออกมาวิ่งเหยาะท่ามกลางธรรมชาติสวยงามพร้อมอากาศบริสุทธิ์ให้สูดเข้าปอดอย่างสดชื่นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์โดยไม่ต้องทนสูดเขม่าควันพิษเหมือนตอนอยู่ที่กรุงเทพครับ การที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อมาหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ครับ ถ้าผมสามารถปิดเคสนี้ได้ ผมก็กะว่าจะเรียนต่อระดับปริญญาเอกเลยครับ ก็อย่างว่า คนมันไฟแรงนี่นะ แต่จริงๆแล้วผมมาที่นี่ก็เพราะเป็นห่วงไอ้บัลลาดมันด้วยล่ะครับ ผมอยากจะมาดูด้วยว่าเพื่อนผมยังอยู่ดีมีสุขอยู่หรือเปล่า พอเห็นมันโอเค ผมก็สบายใจครับ
“อากาศที่นี่แม่งโคตรสดชื่นดีจริงๆเลยว่ะ สวรรค์บนดินชัดๆ ไอ้บัลลาดนี่นะไอ้ขี้เซา มึงพลาดของดีแล้ว มัวแต่นอนหลับอุตุลูกเดียว นอนมากๆเดี๋ยวก็กลายเป็นหมูเข้าสักวัน”
ผมวิ่งไปเรื่อยๆครับ ไม่ได้รีบร้อนอะไร ก็เพราะผมอยากจะชมธรรมชาติสวยๆของไร่ปลายฟ้าไปด้วยครับ แต่พอวิ่งไปสักพักหนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครก็ไม่รู้วิ่งตามหลังผมมาครับ และตอนนี้เสียงฝีเท้านั้นก็เข้ามาประชิดผมเเล้วครับ
“อรุณสวัสดิ์ครับ ออกมาวิ่งแต่เช้าเลยนะครับ”
ใครก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็เข้ามาทักผม แต่ผมก็ไม่ได้หยุดวิ่งนะครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังเบิร์นได้ที่เลย แต่เขาก็ยังคงวิ่งตามผมมาข้างๆครับ แล้วก็เพราะด้วยความสงสัยว่าเขาคนนี้เป็นใครกันแน่ ผมจึงเอ่ยคำถามออกไปยังเขาคนนั้น
“ขอโทษนะครับ คุณเป็นใครครับ?”
“อ้อ! ผมก็ลืมแนะนำตัว ผมชื่อภูผาครับ ผมเป็นหลานคุณย่าน้องครับ เห็นคุณย่าบอกว่ามีเพื่อนคุณบัลลาดมาหาที่ไร่ของเรา ผมคิดว่าน่าจะเป็นคุณครับ เพราะผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อน”
“อ๋อ หลานคุณย่าน้องนี่เอง สวัสดีครับคุณภูผา ผมชื่อทรงยศครับ เรียกผมว่าป้อมก็ได้นะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณป้อม”
“เช่นเดียวกันครับ”
“คุณชอบออกมาวิ่งเหยาะตอนเช้าๆด้วยเหรอครับ”
“ใช่ครับ ผมว่าสุขภาพร่างกายเป็นเรื่องสำคัญนะครับ และมันก็ทำให้สมองปลอดโปร่งด้วยครับ”
“ดีจังเลยนะครับ แล้วคุณบัลลาดไม่ได้ออกมาวิ่งด้วยเหรอครับ”
“โอ๊ย ขานั้นผมปลุกมันให้มาวิ่งเป็นเพื่อนด้วยกันแล้วครับแต่มันก็นอนต่อ ผมล่ะเบื่อมันจริงๆไอ้หมอนี่”
“ดูท่าทางคุณสองคนจะสนิทกันมากนะครับ”
“มากที่สุดเลยครับ เรียกได้ว่าไอ้บัลลาดเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมก็ว่าได้”
“ว่าแต่ เราจะวิ่งไปคุยไปแบบนี้เหรอครับ”
“อ้าว ผมก็ลืม นั้นเราหยุดวิ่งแล้วไปนั่งพักก่อนก็แล้วกันครับ”
“ดีครับ”
ตอนนี้เราสองคนมานั่งพักอยู่ที่ริมทะเลสาบครับ คนที่นี่เขาดีกันจริงๆเลยครับ หนึ่งในนั้นก็คุณภูผานี่แหละ เขาเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากคนหนึ่งเลยครับ ผมสัมผัสได้จากการมองแววตาคุณภูผา ผมก็มองออกแล้วครับ
“คุณภูผาก็ชอบออกกำลังกายเหรอครับ”
“ใช่ครับ ผมรู้สึกสบายใจครับเวลาได้เสียเหงื่อไปกับการวิ่งตอนเช้าๆ”
“ท่าทางคุณจะชอบออกกำลังกายเป็นประจำด้วยนะครับ เพราะรูปร่างคุณดีมาก แค่เห็นมัดกล้ามผมก็รู้แล้วครับ”
“แต่คงไม่เท่าคุณป้อมหรอกครับ จริงไหมครับ”
“ก็น่าจะจริงครับ ฮ่าๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆ”
ผมกับคุณภูผา เราสองคนต่างคุยกันถูกคอ ชื่นชอบในอัธยาศัยซึ่งกันและกัน เราทั้งสองคนต่างหัวเราะร่วนเลยครับ
“ผมขอถามคุณป้อมได้ไหมครับ”
“อะไรหรือครับ”
“คุณบัลลาดเขามาที่นี่ แฟนเขาไม่เป็นห่วงหรือครับ”
“โอ๊ย...ไอ้บัลลาดมันโสดครับ มันรักความสันโดษน่ะไอ้นักเขียนนี่ วันๆมันก็ขลุกอยู่แต่ในคอนโดของมัน มันไม่ชอบออกไปไหนหรอกครับ แล้วอย่างนี้มันจะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนล่ะครับ แค่มันมาตั้งไกลถึงที่นี่ผมก็ประหลาดใจจะแย่แล้วครับ ยิ่งนึกยิ่งขำ ไอ้บ้าเอ๊ย ฮ่าๆๆๆ”
“เหรอครับ”
“แล้วคุณภูผาอยากจะรู้ไปทำไมเหรอครับ”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปวิ่งกันต่อดีไหมครับ”
“ไปครับไป”
เราสองคนวิ่งกันมาสักพัก คุณภูผาก็วิ่งนำทางผมมาส่งเรือนที่ผมนอนเมื่อคืนครับ
“ถ้ายังไงว่างๆก็ออกมาวิ่งด้วยกันอีกนะครับ”
“ครับ คุณภูผา”
“เอาไว้เจอกันครับ”
“ครับผม”
จากนั้นผมก็ขึ้นเรือนไปครับ พอเข้าไปในห้องก็ยังเห็นไอ้บัลลาดมันหลับอยู่เลย นี่มันคนหรือแมววะ นอนเอาโล่เลยนะมึง ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เหนียวตัวจะแย่แล้ว ผ้าขนหนูๆ อ้อ...ผ้าขนหนูอยู่นี่เอง เอาล่ะ ถอดเสื้อผ้ากางเกงในเสร็จเรียบร้อยก็โยนลงตะกร้าแล้วไปอาบน้ำดีกว่าจะได้สดชื่น กระจกๆอยู่ไหน ขอส่องกล้ามตัวเองหน่อยสิว่าไปถึงไหนแล้ว อืม...ใช้ได้เลย หุ่นลีนฟิตดีจริงๆเรา ยิ่งพอนุ่งแต่ผ้าขนหนูผืนเดียวยิ่งเห็นลอนกล้ามชัดเจน เอ๊ะ! นั่นใครมายืนอยู่ตรงนั้นน่ะ
“คุณป้อมครับ ผมภูผาเอง คุณช่วยลงมาเอาของใช้ส่วนตัวหน่อยครับ คุณย่าให้พี่อิ่มพี่เอมเอามาให้ แต่ผมเจอพี่แกกลางทางพอดี ผมก็เลยอาสาเอามาให้แทนครับ”
“ครับๆ เดี๋ยวผมลงไปเอาครับ”
คุณภูผาแกนี่ดีนะครับ อุตส่าห์วิ่งกลับมาเอาของมาให้ ผมต้องรีบวิ่งไปเอาแล้ว เดี๋ยวแกยืนรอนานจะเสียมารยาท
“มาแล้วครับ มาแล้ววววว”
พรึ่ด!
“เฮ้ยยยยย! เชี่ยยยยย...”
“คุณป้อมระวัง!”
ฟุ่บ!
โอ๊ย! ไอ้พื้นบ้า! ทำไมมันลื่นอย่างนี้วะ โชคดีนะที่ผมคว้าราวบันไดเอาไว้ได้ทัน ยังสามารถทรงตัวไม่หัวทิ่มให้อับอายขายขี้หน้าคุณภูผา ถึงแม้ว่าผมจะเซถลามาหาเขา จนเขาต้องคว้าตัวผมมาประคองเอาไว้ก็เถอะ
“เกือบไปแล้วเชียว หัวเกือบทิ่มเข้าแล้ว ขอโทษครับคุณภูผาที่ผมซุ่มซ่ามเดินไม่ระวังและก็ขอบคุณครับที่คุณจับผมไว้ทัน”
“...”
“คุณภูผาครับ เป็นอะไรไปครับ?”
“...”
“คุณภูผา หลับตาปี๋เลย ฝุ่นเข้าตาหรือครับ”
“เอ่อ...ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้ฝุ่นเข้าตา แต่...”
“แต่อะไรครับ”
“เอ่อ...คือว่า...ผ้าขนหนูของคุณมันหลุดลงมากองกับพื้นแล้วครับ”
“ผ้าขนหนู...หลุด...ลง...มากอง...กับ...พื้น...”
“ใช่ครับ”
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย! ฉิบหายแล้ววววววววววว...เชี่ยยยยยยยยยย!”
ผมนี่รีบคว้าผ้าขนหนูขึ้นมานุ่งด้วยความไวแสงเลยครับ จากนั้นก็รีบพุ่งขึ้นบนเรือนแบบไม่คิดชีวิต ทำไมวะ ทำไมต้องมาแก้ผ้าให้ผู้ชายด้วยกันเองดูแบบนี้ด้วยวะนี่กู ไอ้ป้อมเอ๊ยยยยยย โอ๊ยยยยยยย แม่ง...อยากจะวิ่งรอบสนามสักสิบรอบให้หายขายขี้หน้า อ๊ากกกกกกกกกกก...
“นั้นผมวางของไว้ตรงนี้นะครับ ผมไปละครับ”
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปครับ ได้แต่รีบวิ่งมาเข้าห้องน้ำให้เร็วที่สุด ก่อนที่หน้าของผมจะแตกละเอียดไปมากกว่านี้ เพราะแค่นี้มันก็ร้าวร่วงหล่นแทบไม่เหลือเค้าเดิมแล้วครับ คุณภูผาเองก็คงทนเห็นภาพอุจาดตาแบบนี้ไม่ไหวเหมือนกัน โอ๊ยกู! ทำไมต้องมาตกม้าตายตอนนี้ด้วยวะ นี่อุตส่าห์จะเริ่มเช้าวันแรกให้ดีๆ แม่งก็มาแก้ผ้าให้หลานชายคุณย่าดูเลย โธ่เว้ยยยยยยยยย...
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”
“เชี่ย! เสียงใครร้องวะ ใครเป็นอะไร เฮ้ย! ไอ้ป้อม เสียงมึงรึเปล่าวะ มึงเป็นอะไรของมึง เล่นทำเอากูตกใจตื่นเลย”
“เออ! เสียงกูเอง กูไม่ได้เป็นอะไร กูแค่อยากร้อง มึงไปนอนต่อเลยไป”
“โอ๊ย มึงเล่นแหกปากตะโกนลั่นจนเรือนสะเทือนขนาดนี้ กูหลับไม่ลงแล้วเว้ย”
“นั้นก็ดี มึงตื่นมาเป็นเพื่อนกูได้แล้ว ไม่รู้จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ไม่ต้องถามกูแล้วนะ กูจะอาบน้ำ”
“เป็นอะไรของมันวะ ไอ้นี่ สงสัยไปวิ่งเหยียบขี้หมามาแหงเลย ประสาทว่ะ เฮ้อ...”
“ไอ้ป้อมเอ๊ยไอ้ป้อม ทำไมมึงต้องทำตัวขายหน้าเขาด้วยวะ” ผมบ่นกับตัวผมเองขณะที่ผมเอาน้ำเย็นๆจากฝักบัวรดหัวร้อนๆของผม อย่างนี้ถ้าผมเจอหน้าคุณภูผาอีกทีแล้วผมจะทำตัวยังไงดีนี่ โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งเครียด ผ้าหนอผ้า ทำไมเอ็งต้องมาหลุดผิดที่ผิดทางด้วยวะ เฮ้อ...
หลังจากผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวรอไอ้บัลลาดมันอาบน้ำต่อครับ จนมันอาบน้ำเสร็จนั่นแหละ มันก็ออกมา
“เดี๋ยวกูพามึงไปกินข้าวเช้านะ”
“ที่ไหนวะมึง ในตัวเมืองหรือวะ ก็ดีนะเพราะกูอยากจะลองกินขนมจีนน้ำเงี้ยวแบบต้นตำรับอยู่พอดีเลยว่ะ มาถึงที่นี่ถ้าไม่ได้กินก็เหมือนมาไม่ถึงหรือเปล่าวะ ฮ่าๆๆๆ”
“โนๆๆๆไอ้ป้อม กูจะพามึงขึ้นไปกินข้าวบนเรือนคุณย่านี่แหละ ถ้ามึงไม่ได้ลองกินนะถือว่ามึงพลาดมากเลยว่ะ ไม่ใช่แค่มึงมาไม่ถึงอย่างเดียวนะ มึงยังไถลออกนอกถนนไปเลย”
“ไอ้ขี้โม้ ขนาดนั้นเลย”
“เออ กูไม่ได้โม้ เพราะบ้านนี้เขาทำอาหารอร่อยจริง โดยเฉพาะคุณภูผานะมึงที่สุดของที่สุดไปเลยว่ะ”
“คุณภูผา!?”
“เออ คุณภูผา เขาเป็นเชฟ เขาทำอาหารโคตรอร่อยเลยมึง กูได้กินอาหารที่เขาทำมาให้กูกินครั้งแรกนะ กูนี่ลืมอาหารทุกอย่างที่กูเคยกินมาทั้งชีวิตเลยว่ะ รสชาติแม่งเทียบกันไม่ติดไม่เห็นฝุ่นเลยด้วยซ้ำ กูรับรอง ถ้ามึงมีวาสนาได้กินนะ มึงจะติดใจ เพราะคุณภูผาทำอาหารเก่งและอร่อยมากก็จริง แต่เขาไม่ค่อยได้ทำบ่อยหรอกมึง”
“เออ”
“เป็นอะไรของมึงวะ กูบรรยายมาเสียยืดยาว มึงตอบกูคำเดียวว่าเออ”
“เออ”
“ไอ้นี่แม่งกวนว่ะ ไปๆกูหิวข้าวแล้ว”
“เออ”
ผมจะต้องไปเจอคุณภูผาจริงๆใช่ไหมครับ โอ๊ย ผมยังหน้าชาไม่หายเลย เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตีมึนไปเดี๋ยวเรื่องน่าอายก็ผ่านไปเอง
“มากันแล้วเหรอหนุ่มๆ ย่ารอกินข้าวอยู่พอดีเลยเชียว มาๆกินข้าวกันก่อนที่กับข้าวจะเย็นไปเสียก่อน”
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณย่า วันนี้ผมพาไอ้ป้อมมาด้วยนะครับ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ ป้อมรบกวนด้วยนะครับคุณย่า”
“จ้า มาเลย ย่ายินดี เห็นหลานๆมากินข้าวกับย่า แค่นี้ย่าก็ชื่นใจแล้ว”
“สวัสดีค่ะพี่บัลลาด”
“สวัสดีครับน้องฟ้า พี่บัลลาดขอแนะนำเพื่อนซี้พี่บัลลาดอย่างเป็นทางการนะครับ น้องฟ้าครับ พี่คนนี้ชื่อพี่ป้อมนะครับ ส่วนไอ้ป้อมสาวน้อยคนนี้เป็นหลานคุณย่าอีกคนหนึ่งชื่อน้องฟ้า”
“สวัสดีค่ะพี่ป้อม ยินดีต้อนรับพี่ป้อมสู่ไร่ปลายฟ้านะคะ”
“สวัสดีครับน้องฟ้า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“แม่อิ่มแม่เอมแล้วหลานชายฉันหายไปไหนอีกแล้วล่ะ”
“คุณๆกำลังขึ้นมาแล้วค่ะ อิ่มกับเอมไปตามมาแล้วค่ะคุณย่า”
“พูดยังไม่ทันขาดคำก็มาพร้อมกันสองคนเลยหลานชายสุดที่รักของฉัน มาเร็วพ่อตะวัน พ่อภูผา มากินข้าวพร้อมกัน มานี่มา”
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณย่า”
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“พ่อป้อม รู้จักกับหลานชายย่าหรือยังจ๊ะ มาทำความรู้จักกันหน่อยมา พ่อรูปหล่อคนนี้น่ะชื่อตะวัน เป็นหลานชายคนโตของย่าเอง”
“สวัสดีครับ ผมทรงยศหรือจะเรียกผมว่าป้อมก็ได้ครับ”
“สวัสดีครับ ผมทิพากรหรือตะวันครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ส่วนอีกคนที่รูปหล่อไม่แพ้พี่ชายชื่อว่า...”
“คุณย่าครับ เรารู้จักกันแล้วครับ ผมเจอคุณป้อมวิ่งออกกำลังกายเมื่อตอนเช้าอยู่พอดีครับ เลยเข้าไปทำความรู้จักมาเรียบร้อยแล้ว”
“อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอ ดีๆๆ ย่าจะได้ไม่ต้องแนะนำซ้ำอีกรอบ นั้นก็ตามสบายกันเลยนะ”
เวลาที่ผมเห็นคุณภูผา เหตุการณ์อุจาดตานั้นก็ตามมาหลอกหลอนผมเหมือนเป็นเงาตามตัวเลยครับ ผมนี่ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดแล้วไม่รู้จะทำหน้าตายังไงดี ยิ่งคิดยิ่งน่าขายหน้าครับ ผมได้แต่หลบสายตาคุณภูผา ไม่กล้ามองเขาตรงๆเหมือนตอนที่วิ่งเหยาะกับเขาครับ ก็คนมันอายนี่นาจะให้ทำอย่างไรล่ะครับ แต่ดูท่าทีของคุณภูผา เขาก็เฉยๆนะครับ สงสัยเขาก็ไม่ได้อยากจะมาเจออะไรแบบนี้เหมือนกันนั่นล่ะครับ ดีหน่อย หายเครียดไประดับหนึ่งแล้วเรา
“มาๆ กินข้าวกันดีกว่า วันนี้พ่อผาเขาลงครัวเองอีกแล้วนะ มาเริ่มกินกันเลย”
อยู่ดีๆไอ้บัลลาดก็เอาข้อศอกมันมากระทุ้งผมครับ เหมือนว่าจะส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้ผมรู้ตัว ถ้าไม่ผิดอะไรก็คงเป็นเรื่องรสชาติอาหารฝีมือคุณภูผาที่มันเล่าให้ผมฟังเมื่อเช้านั่นล่ะครับ
“คุณป้อมลองกินนี่ดูนะครับ ผมลองคิดสูตรใหม่ขึ้นมา คุณน่าจะชอบครับ”
คุณภูผาไม่รอช้าครับ ตักอาหารมาให้ผมได้ลองชิม ผมก็ไม่ขัดศรัทธาครับ เลยกินคำเดียวหมดเลยครับ หลังจากได้ชิมแล้วก็...
“เชี่ย!”
“...!?”...
ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียวกันหมดเลยครับหลังจากที่ผมเผลออุทานคำที่ไม่น่าจะไพเราะออกไป
“คุณป้อมไม่ชอบเหรอครับ หรือว่ามันไม่อร่อย”
อยู่ดีๆน้ำตาผมก็ร่วงลงมาครับ คือแบบว่า แม่ง!...โคตรของโคตรของโคตรของโคตรอร่อยเลยอะ แม่งคือไอ้บัลลาดมันไม่ได้โม้จริงๆด้วย ผมไม่เคยกินอาหารอะไรที่มันอร่อยได้ถึงสุดยอดเยี่ยงนี้มาก่อนเลยในชีวิต ทุกอย่างมันลงตัวไปหมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาของอาหาร รสชาติ กลิ่นหอม ส่วนผสมทุกอย่างที่อาหารจานนี้ส่งตรงมาถึงประสาทสัมผัสทุกส่วนของผม บอกได้คำเดียวเลยครับว่า...
“สมบูรณ์แบบ!”
“นั่น! ถึงกับน้ำตาไหลเลยเหรอมึง ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“ไร้ที่ติจริงๆด้วยว่ะ”
“กูบอกแล้วว่ากูไม่ได้โม้ คุณภูผาทำอาหารเลิศจริงๆ ใช่ไหมครับคุณภูผา”
“ขอบคุณครับคุณบัลลาด ถ้าอาหารที่ผมทำรสชาติดี คุณป้อมก็กินเยอะๆนะครับ”
“ครับผม”
“มีคนมาหลงสเน่ห์ปลายจวักของพ่อผาอีกคนแล้วนะ ย่าว่าแล้วพ่อป้อมต้องชอบ ฮ่าๆๆ”
“มึงอย่าเหมาหมดคนเดียวนะเว้ย เกรงใจเจ้าบ้านเขาบ้าง”
“เออ กูรู้แล้วน่ะ”
“เอ้า กินกันต่อเลย ย่ากินต่อไม่รอแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ”
หลังจากที่เราทุกคนกินอาหารจนหมดเกลี้ยง คุณย่าก็เรียกคุณตะวันเข้าไปในห้องครับเหมือนว่าจะคุยธุระกัน ส่วนน้องฟ้าก็ขอตัวไปทำการบ้านครับ ก็เหลือผม ไอ้บัลลาด แล้วก็คุณภูผา
“เดี๋ยวผาขอตัวไปช่วยพี่อิ่มพี่เอมล้างภาชนะต่างๆก่อนนะครับ”
“เฮ้ยมึง! อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ล้างถ้วยล้างชามของท่านให้เกลี้ยง”
“มึงมามุกไหนของมึงวะไอ้ป้อม”
“ก็กูว่าให้เราไปช่วยเขาทำงานบ้างก็ดีนะ”
“เออว่ะ มึงนี่ก็คิดดีทำดีเป็นเหมือนกันนะไอ้ป้อม”
“กูดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเว้ย”
“งั้นคุณผาครับ เดี๋ยวพวกเราขอไปช่วยคุณนะครับ”
“ได้ครับ ตามมาเลยครับ”
พอมาถึงในครัว เราก็ช่วยกันตั้งหน้าตั้งตาล้างจานชามที่เราเพิ่งจะกินกันหมดไปเมื่อกี้นี้ครับ รวมทั้งภาชนะอื่นๆที่ใช้ในการประกอบอาหารด้วย
“คุณภูผานี่ดีนะครับ กินเสร็จก็มาช่วยล้างด้วย”
“ก็คนที่รักจะทำอาหารก็ต้องทำให้ครบทำให้เป็นทุกอย่างนั่นแหละครับ ผมทำจนชินแล้วครับ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นภาระอะไร”
ผมฟังทั้งไอ้บัลลาดกับคุณภูผาคุยกันไปคุยกันมาจนเพลินเลยครับ มือผมก็ล้างจานไปด้วย สองคนนี้ดูแล้วเข้ากันได้ดีเลยทีเดียวครับ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรหรอกครับ เพราะไอ้บัลลาดความจริงมันก็คุยสนุกครับถ้าลองได้สนิทกับมันมากๆจริงๆ ส่วนคุณภูผาเองก็เป็นคน nice อยู่แล้วก็เลยไปด้วยกันได้ดีครับ
เพล้ง!
“โอ๊ย!”
“เฮ้ย! ไอ้ป้อมเป็นไรวะ กูได้ยินเสียงจานหล่นแตก”
“เศษจานที่แตกมันบาดมือกูว่ะเพื่อน อูย”
“ไหนๆขอผมดูแผลหน่อยครับ”
“นี่ครับ”
“ไม่เป็นไรครับ แผลยังไม่ลึกมาก ทำแผลเบื้องต้นได้ครับ ไม่ต้องถึงกับเย็บ”
“นั้นเดี๋ยวผมไปเอายากับพลาสเตอร์ปิดแผลมาให้นะครับคุณภูผา พี่อิ่มพี่เอมครับ พาบัลลาดไปเอายาหน่อยครับ ไอ้ป้อมมันโดนเศษจานแตกบาดเอาครับ”
“ค่ะๆ”
ไอ้บัลลาดมันกุลีกุจอไปหายาให้ผมใหญ่เลยครับ ผมชอบมันก็ตรงนี้ล่ะครับ เห็นเพื่อนเป็นอะไรมันไม่เคยรีรอที่จะช่วยเหลือโดยที่ผมไม่ต้องร้องขอ ผมล่ะซาบซึ้งใจจริงๆครับ ส่วนคุณภูผาก็หาผ้าสะอาดมาช่วยห้ามเลือดไม่ให้ไหลมากไปกว่านี้ครับ
“คุณป้อมเจ็บมากไหมครับ”
“ไม่เท่าไหร่ครับ อูย”
“เลือดไหลเยอะเลยครับ”
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวก็หยุดไหลไปเอง”
“ดูคุณป้อมสีหน้าแลดูซีดๆนะครับ”
“คือ...ผมไม่ค่อยชอบเห็นเลือดนักน่ะครับ แหะๆ”
ฟุ่บ!
“ถ้าอย่างนั้น คุณหลับตาแล้วกอดผาเอาไว้นะครับ แค่นี้คุณก็ไม่เห็นเลือดแล้ว คุณจะได้หายกลัวเสียที”
อะไรกัน! อยู่ดีๆก็มีผู้ชายมากอดผมครับ แล้วบอกให้ผมกอดเขากลับ
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่ต้องกลัวนะ”
“เอ่อ...ครับ”
แต่ผมก็ไม่ไหวจริงๆครับที่จะเห็นเลือดสดๆ ผมก็เลยยอมทำตามที่คุณภูผาบอกครับ
“ดีมากครับ เยี่ยมเลย อย่างนั้นแหละครับ หลับตาเอาไว้นะ ไม่เจ็บแล้ว”
มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจริงๆครับ ผมรู้สึกไม่กลัวอย่างที่เขาบอกจริงๆ ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกครับ เป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้ ขนาดผมเคยกอดบรรดาสาวสวยที่มารุมตอมผมที่ผ่านมาตั้งหลายคนก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้ครับ สงสัยจะเป็นเพราะผมกลัวเลือดด้วยนั่นแหละ มันก็เลยรู้สึกอุ่นใจเวลาที่มีคนมาดูแล ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ
“ไอ้ป้อม กูมาแล้ว รีบทำแผลเลยมึง เดี๋ยวมึงจะเป็นลมเพราะเห็นเลือดไปอีก”
“เออๆๆ ขอบใจว่ะเพื่อน”
“เดี๋ยวผาช่วยนะครับ คุณป้อมอยู่นิ่งๆนะครับ”
“เอ่อ...ครับ”
เพียงแค่ชั่วครู่ครับ คุณภูผาก็ทำแผลให้ผมเสร็จเรียบร้อยเป็นอย่างดี แถมจัดระเบียบผ้าพันแผลได้อย่างสวยงามด้วยครับ คุณภูผานี่ใส่ใจทั้งอาหารทั้งเรื่องอื่นจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
“ขอบคุณครับ คุณภูผา”
“ยินดีครับ”
ผมได้แต่ยิ้มให้เขาครับ เขาก็ยิ้มตอบผม
“คุณบัลลาด เดี๋ยวรบกวนพาคุณป้อมขึ้นเรือนดีกว่าครับ ตรงนี้เดี๋ยวผมกับพี่อิ่มพี่เอมจัดการต่อเองครับ ถ้ามือโดนน้ำแผลจะไม่หายนะครับ”
“โอเคครับ ไปไอ้ป้อม มึงนี่ซุ่มซ่ามตลอดเลยนะมึง”
“เออ”
“แล้วเจอกันครับ”
พอผมกับไอ้บัลลาดคล้อยหลังมา เราก็เริ่มคุยกันครับ
“คุณผานี่แม่งแสนดีจริงๆว่ะ มึงว่าไหมไอ้ป้อม”
“เออ”
“ใครได้เขาไปเป็นแฟนนะมึง กูว่าสบายไปทั้งชาติว่ะ ทั้งหล่อทั้งรวยแถมนิสัยยังดี พรสวรรค์เรื่องการทำอาหารก็มี ไม่ขาดตกบกพร่องอะไรเลยว่ะ มึงว่าไหม”
“เออ”
“อีกแล้ว ตอบเออคำเดียวตลอดเลยมึง เบื่อจริงๆ นี่กูคุยกับหุ่นยนต์หรือยังไงวะ ไป กลับเรือนโลด”
ผมไม่ได้ตอบอะไรไอ้บัลลาดกลับไปครับ เพราะผมกำลังมองผ้าพันแผลที่อยู่บนมือของผมอยู่และเพราะอะไรก็ไม่รู้ครับ ผมถึงได้ยิ้มให้กับผ้าพันแผลนั้นไม่ยอมหุบเสียที
TBC.
ขอเปิดตัวคู่รอง "ผา x ป้อม" อย่างเป็นทางการค้าบโพ้มมมมมมมมม! ในเมื่อมีคู่หลักก็ต้องมีคู่รองถูกมะ นักเขียนก็เลยจับคู่นี้มาจัดให้แบบไม่น้อยหน้าคู่พี่ตะวันกับน้องบัลลาดแน่นวลลลล รับประกันว่านักอ่านต้องถูกใจแน่งับบบ ในตอนต่อๆไปก็จะเล่าสลับคู่กันไปมานะเคอะ อย่าสับสนเด้อหล้า ฮ่าๆๆๆ (แต่ถ้าเกิดสลับคู่เป็นพี่ตะวันกับนายป้อมหรือพี่ผากับนุ้งบัลลาดจะเป็นไงน้าาา อิอิ รอลุ้นนาจาาาา)
นักเขียนรักนักอ่านทุกคนนะจ๊ะ บะบุย