ขอโทษที่มาแปะช้าไปหน่อยนะคะ พอดีวันนี้ที่บ้านล้างแอร์จ้ะ~
บทที่ 5
เวลาหลายเดือนที่ได้อยู่ร่วมกันกับไคริ ก่อให้เกิดความรู้สึกมากมายภายในหัวใจของชายหนุ่ม บางครั้งก็วุ่นวาย บางครั้งก็ทำให้เหน็ดเหนื่อยใจ แต่ความรู้สึกที่เหนือไปกว่านั้น กลับเป็นความอบอุ่นประหลาดที่เริ่มก่อตัวขึ้น โดยที่เขาก็บอกสาเหตุไม่ได้ว่าเพราะอะไร
นอกจากนั้น งานเขียนที่เคยติด ๆ ขัด ๆ ก็กลับราบรื่น จนได้รับคำชมจากบรรณาธิการประจำตัวว่า เขาเขียนได้ดีขึ้น และมีแฟนนิยายชื่นชอบและติดตามมากขึ้นไปอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ยังมีคนวิจารณ์ว่างานเขียนเขาไม่สมจริงอยู่เลยแท้ ๆ
โชเฮจำได้ว่า ในงานเลี้ยงประกาศรางวัลนักเขียนขายดี ที่เขาไปร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนในสำนักพิมพ์เขาถูกเพื่อนนักเขียนคนอื่นแซว เรื่องที่ว่าเขามีคนรักแล้วใช่ไหม นั่นก็ทำเอาเขาหน้าร้อนวาบ ในสมองคิดถึงภาพเด็กจอมแสบคนนั้นเป็นอันดับแรก แล้วก็ต้องรีบปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับไคริแม้แต่น้อย แต่วันนั้นก็เล่นเอาเขาใจลอยไปทั้งวัน จนหลายคนในงานพากันมองเขาด้วยความประหลาดใจไปตาม ๆ กัน
เสียงถอนหายใจจากร่างสูงที่นั่งใจลอยหน้าโน้ตบุคบนโซฟา ทำเอาเด็กชายที่กำลังเดินตรงไปหาน้ำดื่มที่ครัวชะงัก แล้วจึงเดินมานั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย ก่อนชะโงกหน้าเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรไปครับคุณโชเฮ? มีอะไรไม่สบายใจหรือครับ”
โชเฮสะดุ้งเฮือกจากภวังค์ และเมื่อเห็นไคริ เขาก็หน้าแดงวาบทันที เนื่องจากกำลังคิดเรื่องของเจ้าตัวเพลิน ๆ อยู่นั่นเอง
“หือ? เป็นอะไรครับ หน้าแดงแบบนั้น ...”
ไคริเอ่ยทัก แล้วจึงเอะใจนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนขยับร่างของตัวเองลุกขึ้น ผลักโชเฮให้พิงไปกับโซฟา แล้วจัดแจงขึ้นมานั่งตักของชายหนุ่ม เผชิญหน้าระยะใกล้ชิด ทำเอาโชเฮอ้าปากค้าง และแม้จะตกใจ แต่ก็ไม่อาจขัดขืนต่อเสน่ห์เย้ายวนของเด็กชายตรงหน้าได้ ไคริรั้งบ่าอีกฝ่ายชะโงกหน้าขึ้นไป กระซิบถามเสียงแผ่ว
“...อือฮึ กำลังคิดอะไรมิดีมิร้ายถึงผมอยู่ล่ะสิ”
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ แล้วเมินหลบสายตาของเด็กชาย ก่อนอ้อมแอ้มตอบ
“ไม่ใช่สักหน่อย ใครจะคิดอะไรแบบนั้นกันล่ะ”
ไคริหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วกระซิบเคล้าเคลียที่ติ่งหูของอีกฝ่าย
“แน่ใจหรือครับว่าไม่ได้คิด?”
สัมผัสจากลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดทำให้ชายหนุ่มหลับตาลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่ออีกฝ่ายแกล้งงับหูเขาแรง ๆ ในเวลาต่อมา
“โอ๊ย! ทำอะไรน่ะไคริ!”
เสียงหัวเราะคิก ๆ ดังจากร่างเล็ก จากนั้นเจ้าตัวจึงจัดแจงไถหน้าซุกอกกว้างอย่างประจบประแจง
“น่า ๆ อย่าโกรธสิครับ ก็เห็นคุณโชเฮทำหน้าตาน่ารัก ก็เลยอยากแกล้งแค่นั้นเอง”
“เด็กบ้า... อื้อ เดี๋ยวสิไคริจะทำอะไรน่ะ”
โชเฮท้วง เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเปลี่ยนเป็นลงมือปลดกระดุมเสื้อของเขาอย่างอารมณ์ดี แต่ดูเหมือนไคริจะทำเป็นไม่สนใจคำท้วงดังกล่าว เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม พร้อมยิ้มหวานยั่วยวน ทำเอาโชเฮต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ และปล่อยให้เด็กชายจัดแจงทำตามใจชอบไปอย่างขัดไม่ได้
ทว่า ในระหว่างที่ไคริกำลังสนุกกับการปลดเปลื้องเสื้อผ้าท่อนล่างของอีกฝ่าย เสียงกดออดหน้าบ้านที่ดังขึ้น ก็ทำเอาทั้งโชเฮ และไคริสะดุ้งโหยงแทบพร้อมกัน
“ใครมากันน่ะ”
โชเฮบอกอย่างตกใจ และอุ้มร่างเล็กลงจากตัก ก่อนจัดแจงแต่งกายให้เรียบร้อยเหมือนเดิมอย่างเร่งรีบ
“ปล่อยให้เขารอสักชั่วโมงก่อนได้ไหมครับ”
ไคริบอกอย่างหงุดหงิด ทว่า กลับถูกโชเฮดีดหน้าผากเบา ๆ
“จะทำแบบนั้นได้ไงเล่า เอ้า ทำหน้าตาให้มันดีกว่านี้หน่อยสิ”
โชเฮดุ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้างอใส่ไม่หาย เขาก็ถอนหายใจแล้วลูบศีรษะเด็กชายพร้อมเอ่ยปลอบ
“ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร จะรีบกลับมาต่อจากเมื่อครู่ให้นะ”
“จริงนะครับ!”
ใบหน้าบึ้งตึงแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มฉับพลันอย่างยินดี โชเฮหัวเราะเบา ๆ แล้วขยี้ศีรษะอีกฝ่ายแรง ๆ ทิ้งท้ายด้วยความเอ็นดู ก่อนลุกไปที่ประตู เพื่อดูว่าใครมาหาเขาถึงบ้านกันแน่ เพราะปกติแล้ว นอกจากบรรณาธิการหนังสือนิยายของเขา ก็ไม่ค่อยจะมีเพื่อนบ้านรู้จักบ้านของชายหนุ่มสักเท่าใด เนื่องจากเขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับตัวเองนัก นอกจากคนสนิทมาก ๆ เท่านั้น จึงจะรู้ที่อยู่บ้านหลังนี้
เสียงกดออดที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้โชเฮเร่งฝีเท้ามายังประตูหน้าบ้าน พร้อมตะโกนบอกด้วยความเซ็ง
“ครับ ครับ กำลังมาแล้ว”
บอกแล้วเจ้าตัวก็เปิดประตูออกมา ทว่า เมื่อเห็นใบหน้าผู้มาเยือน ก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับตกตะลึง ยืนแข็งอยู่อย่างนั้น จนอีกฝ่ายขมวดคิ้วแล้วเรียกเตือนสติ
“โชเฮ! เป็นอะไรไปน่ะ นี่ฉันเองไง อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้”
“..ซายากะ”
โชเฮเรียกชื่อของอีกฝ่ายแผ่วเบา หญิงสาวผมยาวหยักศกถึงกลางหลัง ใบหน้ารูปไข่ สะสวย เกลี้ยงเกลา แย้มยิ้ม แล้วจึงชะโงกหน้าผ่านตัวของอีกฝ่ายเข้าไปดูในบ้าน
“ไม่ได้แวะมาตั้งนาน ยังรกเหมือนเดิมไหมเอ่ย บ้านหลังนี้”
บอกแล้วเจ้าตัวก็จัดแจงถือวิสาสะเข้ามาอย่างเคยชิน โชเฮปล่อยให้หญิงสาวเข้ามาในบ้าน ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วก็รีบวิ่งมาขวางหน้าอีกฝ่ายทันที
“เดี๋ยวซายากะ เธอมีธุระอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีฉันว่าเราไปหาอะไรกินแล้วคุยกันข้างนอกแทนดีไหม!”
ซายากะขมวดคิ้วกับท่าทีลุกลนของอีกฝ่าย และขณะที่เธอกำลังพิจารณาว่าทำไมชายหนุ่มถึงมีอาการผิดปกติไปจากเดิม สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่โผล่ออกมาดู ด้วยความแปลกใจ เพราะได้ยินเสียงโวยวายของโชเฮนั่นเอง
“เอ๋! เด็กคนนั้น ใครกันน่ะ อย่าบอกนะว่าเธอไปแอบมีลูกไว้ ...”
ซายากะมองชายหนุ่มด้วยแววตาสงสัย โชเฮรีบสั่นศีรษะพลางปฏิเสธลั่นยกใหญ่
“ไม่ใช่ ๆ นั่นลูกของเพื่อนต่างหาก เขามีธุระจำเป็นเลยมาฝากฉันเลี้ยงน่ะ”
“อ๋อ มิน่าล่ะ แหม ฉันก็แปลกใจอยู่ เพราะอย่างโชเฮน่ะหรือ จะแอบไปมีลูกทิ้งไว้ โดยที่ฉันไม่รู้จริงไหม”
อีกฝ่ายพยักหน้ากับตัวเอง แล้วยิ้มส่งให้ ซึ่งก็ทำให้คนมองต้องถอนหายใจอย่างระอา
“ทำอย่างกับเกิดอะไรแล้วฉันต้องรายงานเธอทุกเรื่องอย่างนั้นล่ะ
ซายากะ”
โชเฮบ่นอุบ หญิงสาวฟังแล้วก็หัวเราะคิก ทว่า ไคริเมื่อได้ยินชื่อที่ชายหนุ่มเรียกก็ถึงกับชะงัก เพราะจำได้ดีว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง จากปากของโชเฮเอง หากแต่ตอนนั้นเป็นการละเมอโดยไร้สติของอีกฝ่าย แถมถ้อยคำที่ละเมอ ยังทำให้เขาพอจะรู้ดีอีกว่า ผู้หญิงที่ชื่อซายากะ สำคัญเช่นไรกับชายหนุ่ม
“สวัสดีจ้ะหนูน้อย ฉันชื่อ ไซโต้ ซายากะ ยินดีที่รู้จักนะจ๊ะ”
ซายากะเดินตรงมาทักทายแนะนำตัวกับไคริ ซึ่งสะดุ้งเฮือก และรีบรับคำกลับทันที
“อ่ะ ... ครับ สวัสดีครับ ผมอาซึมะ ไคริ ... เอ๊ะ ไซโต้?”
นามสกุลที่ชวนให้คุ้นหู ทำให้ไคริเหลือบมองโชเฮ อีกฝ่ายหลบตาเขาโดยอัตโนมัติ แล้วก็เป็นซายากะที่เป็นฝ่ายตอบข้อสงสัยนั้นแทน อย่างไม่คิดอะไรมาก
“ใช่แล้วจ้ะ ไซโต้ นามสกุลเดียวกับโชเฮนี่ล่ะ ก็ฉันน่ะเป็นพี่สะใภ้เขานี่ จริงไหมจ๊ะโชเฮ”
“อืม...”
โชเฮรับคำสั้น ๆ สีหน้าหม่นหมองลงเล็กน้อย หากแต่หญิงสาวมิได้สังเกต แต่คนที่จับพิรุธสีหน้านั้นได้ กลับเป็นไคริที่เฝ้าจ้องทั้งคู่อยู่เขม็ง
“เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา โชเฮก็ไม่ยอมกลับบ้าน เอาแต่บอกว่าต้องทำงาน โชจิเองก็บ่นอุบว่าน้องชายไม่ยอมกลับมาเยี่ยมบ้านเลย ทำให้ฉันรำคาญมาก เลยรับอาสามาดูความเป็นอยู่ของเขาให้นี่ล่ะ”
ซายากะบ่นเรื่อย ๆ หากกลับไม่รู้เลยว่าคำพูดของเธอจะทำให้ใครอีกคนรู้สึกเจ็บปวด จนเอ่ยพึมพำออกมาเบา ๆ
“เพราะพี่บ่นเธอถึงมาสินะ...”
“เอ๋ อะไรหรือโชเฮ?”
ซายากะที่ได้ยินไม่ชัดเอ่ยถามขึ้น เห็นเช่นนั้น โชเฮจึงยิ้มน้อย ๆ แล้วกล่าวตัดบท
“ไม่มีอะไรหรอก ก็เห็นแล้วไงว่าฉันสบายดี ก็กลับไปได้แล้วล่ะ”
“ต๊าย! คนใจร้าย! นี่ฉันอุตสาห์ลำบากนั่งรถไฟมาตั้งไกล เพื่อมาหาเธอโดยเฉพาะ เจอกันไม่ถึงสิบนาทีเธอจะไล่ฉันกลับเลยหรือไง คราวก่อนหน้านั้น ยังขอให้ค้างอยู่เลยด้วยซ้ำ!”
ซายากะโวยใส่อีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ ทว่า คำพูดของหญิงสาว ก็ทำให้ไคริ หันมาจ้องหน้าโชเฮ แล้วเปรยเบา ๆ
“โฮ่! ถ้าแบบนั้น วันนี้คุณซายากะ ก็ค้างที่นี่สิครับ เราจะได้ทานข้าวเย็นด้วยกันเสียเลย”
โชเฮหันไปมองหน้าเด็กชายที่ตีสีหน้าบึ้งตึงนิด ๆ แล้วค้อนขวับใส่เขา ก่อนจะแสร้งหันไปยิ้มหวานให้กับหญิงสาวแทน ซายากะเห็นรอยยิ้มดังกล่าว ก็ยิ้มรับ และดึงร่างเล็กไปกอดหมับอย่างเอ็นดู
“ต๊าย น่ารักจังเลยไคริคุง ฉันเองก็อยากมีลูกน่ารัก ๆ แบบนี้บ้าง แต่ก็ยังไม่มีสักที”
บอกแล้วเจ้าตัวก็ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม สีหน้าสลดลงเล็กน้อย จนโชเฮต้องเอ่ยปลอบ
“เอาน่า ...อย่าคิดมาก ถึงเวลามีมันก็มีมาเองนั่นล่ะ”
“บ้าจัง เด็กทารกนะ ไม่ใช่ของเซลลดราคาสักหน่อย!”
ซายากะสวนขึ้นมาทันควัน ทำให้คนปลอบต้องถอนหายใจ
“เธอก็นะ ... คอยขัดอยู่เรื่อยเชียว รู้งี้ไม่ปลอบก็ดีหรอก”
“ล้อเล่นน่ะ ขอบใจนะ แต่วันนี้อยู่ค้างไม่ได้หรอก เพราะคืนนี้ โชจิจะกลับมาจากต่างจังหวัดน่ะ”
เสียงหัวเราะคิกดังขึ้น ก่อนจะกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความยินดีไม่มีปิดบัง โชเฮมองอีกฝ่ายแล้วก็ฝืนยิ้มจากนั้นจึงชวนหญิงสาวคุยต่อ
“ก็นะ ... งานของพี่มันต้องออกไปดูงานข้างนอกบ่อย ๆ นี่นา”
“อืม ...ฉันเข้าใจ จะว่าไปถ้าฉันตัดสินใจแต่งงานกับโชเฮแทนก็ดีสินะ”
ซายากะบอกต่อด้วยรอยยิ้มร่าเริง ทว่า กลับทำเอาใจคนฟังปวดแปลบยิ่งขึ้นไปอีก
“ถ้าพี่โชจิมาได้ยินเข้า เดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันหรอก”
“แหม ๆ แค่ล้อเล่นแค่นี้เอง โชจิเองก็ไม่คิดมากกับเรื่องแค่นี้หรอก”
ซายากะบอกพร้อมโบกไม้โบกมือทำเหมือนกับว่ากำลังพูดเรื่องล้อเล่นกันขำ ๆ โดยไม่ได้คิดจริงจังกับคำพูดนั้นแต่อย่างใด
“หึ ... นั่นสิ”
โชเฮรับคำพลางแค่นยิ้มกับตัวเอง และหันมามองหญิงสาวที่กำลังค้นของในถุงใบใหญ่ของเธอที่หอบหิ้วมาด้วย
“ถ้าอย่างนั้น ก็นี่ นี่ แล้วก็นี่ เป็นของฝาก อ่ะ ยังมีนี่อีกอย่าง อันนี้ฉันทำเองนะ ไคริคุงชอบของหวานไหมจ๊ะ”
ซายากะที่จัดแจงหยิบของในถุงกระดาษใบใหญ่ ยัดเยียดใส่มือของโชเฮ แล้วหันมาถามเด็กชายที่ยืนฟังอยู่อย่างสงบด้วยรอยยิ้ม ไคริเงียบก่อนยิ้มหวานตอบ
“ชอบสิครับ”
“ดีจัง ฉันเองก็มั่นใจฝีมือทำของหวานของตัวเองอยู่มากเชียวนะ”
ซายากะเอ่ยชมตัวเองด้วยความมั่นใจ แต่แล้วก็มีเสียงเนือย ๆ แทรกขัดขึ้น
“ของหวานที่ใส่เกลือแทนน้ำตาลนั่นน่ะเหรอ”
ประโยคดังกล่าวทำให้คนที่กำลังยิ้มหันขวับไปทันทีอย่างไม่พอใจ
“อ๊ะ! อย่ามาเผาอดีตให้คนอื่นฟังสิ เธอนี่นะ ฉันพลาดแค่ครั้งสองครั้ง ยังเก็บไว้ล้อเลียนฉันอยู่นั่นล่ะ!”
ซายากะโวยวาย แล้วไล่ทุบตัวชายหนุ่มเบา ๆ โดยโชเฮก็ถอยไปพลางหัวเราะไปพลาง ภาพที่เห็นทำให้ไคริเผลอกำหมัดน้อย ๆ แล้วจึงตัดสินใจกล่าวตัดบท พร้อมกับแกล้งยิ้มออกไป
“เดี๋ยวผมจะไปชงกาแฟมาให้นะครับ คุณซายากะ ชอบกาแฟเข้ม หรืออ่อนครับ”
“อ๊ะ ไม่เป็นไรจ้ะ”
“ยัยนี่ไม่ดื่มกาแฟหรอก ขอเป็นน้ำเปล่าธรรมดาก็พอไคริ”
โชเฮแทรกขึ้นอย่างคนที่รู้นิสัยกันดี คำพูดนั้นของชายหนุ่มทำให้ริมฝีปากเล็กเม้มน้อย ๆ แล้วจึงแกล้งฝืนยิ้มส่งให้
“ได้ครับ เดี๋ยวผมไปจัดการให้ คุณซายากะไปนั่งคุยกับคุณโชเฮตามสบายเถอะครับ”
บอกแล้วเจ้าตัวก็เดินหายไปที่ครัว ทว่า รอยยิ้มของไคริกลับสร้างความสงสัยบางอย่างให้โชเฮ แต่ก็เพราะคำพูดของซายากะที่ดังขึ้นก็ทำให้เขาสลัดความสงสัยนั้นทิ้งไปเสีย
“เป็นเด็กที่น่ารัก มีมารยาทดีจังเลยนะ ถ้าฉันมีลูกฉันจะเลี้ยงเขาให้ได้แบบเด็กคนนี้นั่นล่ะ”
คนฟังยิ้มแห้ง ๆ กับคำพูดนั้น เมื่อหวนคิดถึงเด็กน้อยที่ต่อหน้าดูน่ารัก ราวเทวดา ทว่า ลับหลังกลับกลายเป็นปีศาจน้อยจอมวุ่น ที่คอยป่วนให้เขาปวดหัวอยู่บ่อย ๆ
“ไปนั่งพักคุยกันก่อนเถอะ ยืนคุยแบบนี้เมื่อยแย่”
โชเฮตัดบท แล้วพาอีกฝ่ายไปห้องรับแขก ซึ่งซายากะก็เดินตามไปอย่างไม่ทักท้วง และเมื่อถึงห้องรับแขก ไคริก็ยกน้ำเย็นมาต้อนรับอีกฝ่ายเรียบร้อย
------
---
-