ป๊อป&ร็อค..วงรักหน่วงตับ
Part..2
[Special & Pop]
จัดของออกจากกระเป๋าสัมภาระเก็บเรียบร้อย ไม่ลืมค้นดูอุปกรณ์เครื่องนอนนำมาเตรียมไว้มุมห้องเสร็จสรรพ อย่างน้อยผมนึกชมความเป็นระเบียบของพี่ร็อค
ไม่คิดผู้ชายสไตล์พี่เขาจะให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้ เพื่อนผมส่วนใหญ่ห้องรกตามนิสัยผู้ชาย
ผมเองถ้าไม่ได้ป้าสมแม่บ้านคอยดูแลให้ก็คงไม่ต่างกับพวกมันหรอก
แต่พี่ร็อคไม่เป็นแบบนั้น ของทุกอย่างเก็บเป็นระเบียบเนี๊ยบทุกชิ้น ดูจากแบรนด์ของใช้คงไม่ต้องพูดถึงมาตรฐานด้านราคา
สำคัญพี่เขาไม่มีวางสะเปะสะปะยุ่งเหยิงปนเปกันเลย จัดแยกไว้ดิบดีทั้งเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ แยกประเภทใส่ออกงาน
ใส่อยู่กับบ้าน ชุดเที่ยวชุดนอนอย่างเป็นหมวดหมู่ แล้วนี่กูจะรื้อค้นซอกแซกหาวิมานอะไรวะ?
ที่พูดมาทั้งหมดผมแอบรื้อค้นทุกซอกทุกมุมไม่มีเว้นว่าง รู้ว่าจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัว แต่คนเรามีโอกาสได้เห็นมุมชีวิตของไอดอล
มันก็อดไม่ได้ขอสักทีเถอะ เผื่อจะรู้เห็นในด้านที่เราไม่เคยมีโอกาสพบเจอ ไอ้เรื่องความเหมาะสมถูกต้องพับเก็บเข้าหีบซ้าาา!!
สำรวจห้องนอนห้องน้ำพอใจแล้ว ขอแค่ได้รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนผมก็เปิดประตูออกมา
ด้านนอกเงียบกริบเหมือนไม่มีใครอยู่ แปลกใจเล็กน้อยไปไหนกันหมดพวกพี่เขาหายไปไหน
ล้วงโทรศัพท์ดูเวลาปาเข้าไปบ่ายแก่ลืมทานมื้อเที่ยงเฉยเลย พอนึกได้ก็รู้สึกหิวเรื่องปากท้องสำคัญกับผมมาก
ไม่อาจทานข้าวผิดเวลาเพราะมีโรคประจำตัวคือโรคกระเพาะ พอผิดเวลาอาการจะกำเริบ
ลองได้ปวดท้องขึ้นมาล่ะก็ แม่เจ้า! โคตรของโคตรทรมาน ดังนั้นผมจึงต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง ขืนปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ต้องโดนแม่ผมดุแน่
ระหว่างเดินหาใครสักคนที่พอจะถามไถ่แก้ไขปัญหาปากท้องของผมให้ลุล่วง วนจนทั่วบ้านทั้งหลังกลับไม่พบเจอใครเลย
เหลือห้องตรงข้ามผมเลือกเป็นสถานที่สุดท้ายก่อนตัดสินใจเคาะประตูในที่สุด
“ก๊อกๆๆ!!..” เงื้อมหูรอฟังเสียงตอบรับ เงียบสนิทไร้สัญญาณใดๆ
“ก๊อกๆๆ!!..” ลองอีกครั้ง รอฟังเผื่อพี่เขาจะไม่ได้ยินเสียงเคาะของผมก็อาจเป็นได้ ผลปรากฏยังเหมือนเดิม
ยุ่งละไปไหนหมดลองจับลูกบิดหมุนปรากฏห้องล็อกไว้แน่นหนา...
[ว่าไง..ป๊อป] เสียงปลายสายตอบรับ ผมโทรหาพี่ตาลผู้จัดการวง ตามที่พี่เขาได้ให้เบอร์ไว้
“ขอโทษครับ ผมโทรมารบกวนพี่ตาลหรือเปล่า..ครับ”
[ไม่กวนหรอก..ป๊อปมีอะไรกับพี่ครับ]
“คือ..ผมไม่รู้พวกพี่ร็อคหายไปไหนกันหมด เดินหาจนทั่วบ้านแล้วไม่เจอใครสักคนเลยครับ” ผมบอกพี่เขาไปตรงๆ
[อ้าว! ไม่มีใครบอกเราเหรอ โปรแกรมบ่ายเป็นฟิตเนส ป่านนี้คงอยู่ที่ห้องฟิตเนสกันแล้วมั้ง]
“อ้อครับ รบกวนหน่อยครับพี่ ห้องฟิตเนสที่ว่าอยู่ตรงไหนหรือครับ ผมเดินดูทั่วบ้านไม่เห็นมีเลยครับ”
เดินดูจนทั่วทั้งหลัง กระทั่งสระว่ายน้ำด้านนอกก็ไปมา บ้านเดี่ยวชั้นเดียวไม่ได้มีพื้นที่ซับซ้อนอะไรมาก
ถึงรอดหูรอดตาผมไปได้ด้วยซ้ำ ถ้าหากมีห้องฟิตเนสอยู่ก็น่าจะเห็นสิ
[หึหึ! อยู่ชั้นใต้ดินครับ ห้องซ้อมกับห้องฟิตเนสอยู่ชั้นใต้ดินทางลงอยู่ในห้องอาหาร จะมีประตูเลื่อนต้องกดปุ่มสีแดง
ตรงผนังใกล้ประตูถึงจะเลื่อนเปิดออกให้เห็น..ป๊อปลองไปดูใหม่สิครับ] สตั๊นไปหลายวิ ทำไมมันลึกลับอย่างกับบ้านนักสืบ
จะว่าไปก็โทษใครไม่ได้เสียด้วย ตั้งแต่มาถึงคล้อยหลังพี่ตาลพวกพี่เขาก็เอาแต่ถกเถียงซักฟอกถึงการมีตัวตนของผม
ที่ดันร่วมชายคาในฐานะสมาชิกใหม่ของวง จึงไม่มีใครพาผมทัวร์แนะนำสถานที่ให้บ้างเลย ไม่แปลกที่ผมไม่รู้ว่ามีห้องใต้ดินอยู่
บ้านเดี่ยวชั้นเดียวปลูกชานเมืองอาณาบริเวณส่วนตัวกว้างขวางรั้วรอบขอบชิด
สมบัติบริษัทให้วงใช้เก็บตัวก่อนทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่..
“ขอบคุณครับพี่ตาล ไม่รบกวนแล้วพี่” หลังได้คำตอบ ถือโอกาสวางสายเพื่อไปปฏิบัติภารกิจตามหาสมาชิกรุ่นพี่ต่อไป
เพื่อจะขอข้าวปลาอาหารบำรุงกระเพาะก่อนโรคทรมานจะถามถึง
[ไม่เป็นไรมีอะไรโทรหาพี่ได้ พรุ่งนี้เช้าเจอกันครับ]
“ครับพี่..เจอกันพรุ่งนี้” บทสนทนาทิ้งท้ายก่อนวางสาย ในขณะขาก้าวดิ่งตรงไปยังห้องอาหาร
เพื่อเปิดประตูเลื่อนพิเศษสู่ห้องใต้ถุน เอร้ย!!! ห้องใต้ดินเทือกนั้น พานให้รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
ปุ่มที่ว่าพอนิ้วสัมผัสผนังก็เลื่อนเปิด เผยให้เห็นบันไดลงห้องใต้ดินที่มีความลึกราวสองเมตรได้
ภายในใช่จะมืดอย่างที่คิด กลับสว่างโร่แถมเย็นสบายเพราะติดแอร์ด้วย ระบบไหลเวียนของอากาศไม่ได้อึดอัดอะไร
กวาดสายตาสำรวจการตบแต่งไม่ต่างกับห้องหรู บันไดลงกว้างขวางไม่เล็กแคบเลยสักนิด
หนำซ้ำยังปูหินอ่อนสีขาวสะอาดตาตั้งแต่บันไดยันพื้น
มิน่าถึงได้เย็นสบายสดชื่นอย่างที่รู้สึกได้ มีห้องกระจกใสเรียงรายติดกันสามห้อง
ไม่นับโถงรับแขกซึ่งมีโซฟาหรูเข้าชุดเข้ามุมไว้ให้นั่งพักผ่อน ผมเห็นรุ่นพี่ร่วมวงโชว์หุ่นเฟิร์ม
กำลังเล่นอุปกรณ์เสริมสร้างกล้ามเนื้ออยู่ในห้องฟิตเนส ซึ่งครบครันไปด้วยเครื่องเล่นทันสมัย
มีทั้งลู่วิ่ง เตียงซิทอัพ บาร์ยึดข้อยืดหยุ่น พร้อมกับดัมเบลอีกมากมายหลากหลายขนาด
มองเห็นพี่เกรย์เปลือยช่วงบนมีผ้าขนหนูขาวพาดคอสวมกางเกงวอร์มสีดำ
พี่เขากำลังวิ่งเหงื่อซกจนผิวขาวล่ำมันวาว จ้องกระจกสำรวจหุ่นของตนไปด้วย
พี่คมนอนยกดัมเบล โอแม่เจ้า! แข็งแรงไปไหนยกข้างละ 10 กิโลฯ ผมเคยยก 3 กิโล ได้แค่ 5 ครั้งก็ทรุดแล้ว
พี่แกเล่นยกด้วยท่าทางสบายชิวๆ เปลือยช่วงบนนุ่งเกงวอร์มเหมือนกัน รูปร่างพอฟัดพอเหวี่ยงพี่เกรย์เลยคู่นี้
ถ้าลงนวมเป็นคู่ชกกันล่ะก็ ยากจะเดาได้ว่า..ใครเหนือกว่า?
คนสุดท้ายพี่ร็อค เหอๆ!!..นอนตรงแท่นซิทอัพโชว์กล้ามท้องแน่นๆ สาวๆ มาเห็นคงน้ำลายแตกฟองตามเป็นแถว
ปุดโธ่! ก็เล่นเรียงเป็นตับปานนายแบบก็ว่าได้ แต่ละคนรูปร่างหุ่นเหิ่นกินกันไม่ขาด
ดูดีกว่าใครก็คงหน้าตาที่พ่อแม่ให้มาเสริมน้านแหละ พี่ร็อคเขาทิ้งห่างไปหลายช่วงตัว...
เผลอยืนมองเพลิน ผมไม่ได้ขัดสนเงินทองถ้าไม่อย่างนั้นมีหวังแอบถ่ายอิริยาบถความเป็นส่วนตัว
ในมุมที่หาดูได้ยากของบอยแบนด์ดัง นำรูปไปขายเอาตังค์คงรวยอื้อซ่ารับทรัพย์เป๋าตุงกันเห็นๆ
ไม่เสียเวลาเดินรี่เข้าไปหาพร้อมรอยยิ้มไมตรีอย่างคนอ่อนวัยกว่า
ไม่มีใครคิดหยุดกิจกรรมชำเลืองหางตาแลผมสักแอะ มึนตึงใส่ตรูจริ๊งงง!!
“แหะๆ..พี่เกรย์ครับ” บุคคลที่อยู่ใกล้รัศมีสุด คือหนุ่มนักวิ่งบนลู่ จึงเนียนเข้าหาก่อนใคร
“อะไร?..” เสียงจะดุไปไหน
“คือ..ผมหิวข้าวครับ” บอกพร้อมชำเลืองสีหน้ามือเบสซึ่งกำลังมุ่นคิ้วติดกัน
ก่อนกดปิดเครื่องวิ่งผ่อนแรงโดยไม่พูดอะไร ผมได้แต่ยืนรอนิ่งจนกระทั่งเครื่องวิ่งลดความเร็วหยุดอยู่กับที่
“แล้วมึงมาบอกกูทำไม” เออ!..งงไปพักใหญ่
“ผมไม่รู้ว่าจะหาของกินได้ที่ไหน” นึกในใจถ้ารู้จะถามทำไม ผมไม่รู้เรื่องการกินอยู่ต้องทำยังไง
รู้แค่ว่าบริษัทดูแล..ตอนนี้หิวเลยเวลาทานข้าวของผมมามากพอสมควรแล้ว
“มาถามเอาป่านนี้ไม่เหลืออะไรให้แดกหรอก ต้มมาม่าในครัวไป๊” ผมยืนกะพริบตาปริบๆ เรื่องกินมาม่าไม่ใช่ปัญหา
ประเด็นคือการต้มมาม่าต่างหาก ผมไม่สามารถทำได้ ไม่เคยเข้าครัวทำเรื่องพวกนี้ ทำยังไงดีวุ้ย?
“จะมองกูอีกนานไหม..มึงหิวก็ไปทำกินเอง..ยืนหาอะไร”
“ผมทำไม่เป็นครับพี่” เงียบกริบ..หยุดกิจกรรมหมดทุกคนในทันทีพร้อมทั้งสายตาสามคู่
ต่างจ้องมาที่ผมเหมือนพบเจอตัวประหลาดเข้าแล้ว
“มึงต้มมาม่าไม่เป็น” เสียงติดจะดุของพี่คม
“ครับ” ผมไม่ได้โกหกต้มไม่เป็นก็บอก ผมไม่เคยเข้าครัวมีแม่บ้านคอยดูแลตั้งแต่เล็กจนโต
สนใจแค่การเรียน กีฬา ดนตรี นอกจากนั้นผมไม่เคยหยิบจับทำอะไรทำเองเลยด้วยซ้ำ
แปลกตรงไหนที่ผมจะทำเรื่องพวกนี้ไม่เป็น ก็เพราะผมไม่เคยฝึกทำเลยต่างหาก..
“ถ้างั้น..มึงก็ทนหิวต่อไป มื้อเที่ยงมึงไม่ออกมากิน แม่บ้านเขาเก็บปิ่นโตกลับไปแล้ว ของแห้งที่มีคือมาม่ากับไข่ในตู้เย็น
ถ้ามึงหิวก็ต้องทำเอง ทำไม่เป็นมึงก็อด พวกกูไม่ใช่ขี้ข้าจะได้ทำให้มึงแดกว่ะ..ไอ้น้อง!!!”
พี่เกรย์ตัดบทอย่างไร้ไมตรี สีหน้าพวกพี่จ้องผมเหมือนเอือมระอา ไม่เว้นแม้แต่พี่ร็อค
ซึ่งผมคิดว่าพี่เขาดูเฉยไม่แสดงความรู้สึกให้คาดเดาได้ ยังผิดคาดแววตาคมดุตำหนิ
ประมาณว่าผมกำลังกลายเป็นตัวปัญหาแล้ว
“คะ..คือพอมีของกินที่ไม่ต้องทำไหมครับ ขนมปังนมกล่องก็ได้” เสี่ยงถามอย่างนอบน้อม
น้ำเสียงติดหงอเพราะเริ่มเห็นรังสีซึ่งแผ่ปกคลุมภายในห้อง ดูมันชักอึมครึมชวนอึดอัดไปเสียแล้ว
“มึงอายุเท่าไหร่กันแน่วะ..ไอ้ป๊อป” พี่คมถามติดประชดนิดๆ
“เดือนหน้า 17 เต็มแล้วครับพี่” ผมบอกแกย้ำอีกครั้ง
“อายุ 17 ต้มมาม่าแดกไม่เป็น บ้านมึงเลี้ยงเป็นลูกคุณหนูหรือไง”
ไม่ใช่แค่ถามเฉยๆ น้ำเสียงประชดบวกสายตาหยามเหยียดส่งให้ต่างหาก
“คือ..ผมไม่เคยทำครับพี่” จะให้ตอบยังไงดีเล่า
“กูแค่อยากรู้บ้านมึงเขาเลี้ยงลูกยังไง มึงมีพี่น้องกี่คน..ครอบครัวรวยเป็นมหาเศรษฐี
ถึงขั้นไม่ต้องทำห่าอะไรงั้นดิ มึงถึงต้มมาม่าไม่เป็นหืม” คราวนี้พี่แกใส่มาเป็นชุดทีเดียว
ท่ามกลางสายตาของพี่เกรย์กับพี่ร็อคที่สื่อความหมายเห็นพ้องตามคำพูดของพี่คมด้วยเช่นกัน
“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ ที่จริงแม่ผมไม่ชอบให้กินมาม่า มีโอกาสกินก็อาศัยแอบซื้อกินในโรงเรียนเอาเองครับ”
“หา..แม่มึงไม่ซื้อมาม่าให้แดก ตกลงบ้านมึงมีตังค์ลูกคุณหนู”
“เปล่าครับพี่ แม่ผมห้ามไม่ให้กินเพราะเหตุผลมาม่าเป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่
กินมากไปไม่เป็นผลดีต่อร่างกายมากกว่าครับ”
“โด่!..ไอ้ป๊อปมึงอย่าวิชาการกับกู ชั่วโมงนี้มึงหิวต้องอาศัยมาม่าช่วยทำให้มึงอิ่มท้อง..จิ๊!”
พี่เกรย์เหยียดปากแยกเขี้ยวใส่ผมอย่างหัวเสีย
“ครับพี่ผมไม่ได้จะอะไร ปัญหาผมไม่รู้จะต้มมาม่ากินยังไงนี่ครับ”
สาเหตุที่ทำให้ต้องมายืนเจี๋ยมเจี้ยม ให้พวกคุณพี่ถากถางผมยังไงล่ะครับ
“จะยากอะไรมึงก็ต้มน้ำร้อน แกะมาม่าใส่ชามแล้วเทน้ำร้อนลงไปรอไม่ถึงห้านาทีก็แดกได้แล้ว
เรื่องง่ายแค่นี้มึงทำไม่ได้ก็ทนหิวไป” พี่คมยังใจดีอุตส่าห์อธิบายวิธีต้มมาม่าให้ฟัง ดูท่าคงรำคาญผมอยู่ไม่น้อย
“ครับพี่..แล้วผมจะต้มน้ำได้ยังไงครับ ผมใช้ครัวไม่เป็น” เงียบกริบ เสียงเข็มตกสักเล่มคงได้ยินกันทั้งห้อง
มีเพียงสายตาสามคู่ที่ให้ความรู้สึกเบื่อหน่ายรำคาญ อนาถปนสังเวชผมเสียนักหนา หลายหลากอารมณ์ที่สื่อผ่านสายตาพี่เขา
ไม่มีแววตาดวงไหนเวทนาสงสารให้ผมคาดหวังไมตรีจิต ที่พอจะช่วยแก้ไขปัญหา ช่วยผมให้อิ่มท้องได้เลยแม้แต่น้อย
“เรื่องง่ายขนาดนี้มึงจนปัญญา ยังจะมีหน้ามาเป็นมือกลองวงกู แน่ใจมึงจะไม่ทำพวกกูพังพินาศวะป๊อป
กูขอถามตรงๆ เถอะว่ะ มึงใช้เส้นเข้ามาร่วมวงกูใช่ไหม” พี่คมเป็นคนยิงคำถาม หลังเงียบกันไปครู่ใหญ่
“ผมไม่รู้จักใครในบริษัทพี่นี่ครับ ไม่มีความสัมพันธ์ให้ทำอย่างที่พี่สงสัยสักหน่อย ผมสมัครมาออดิชั่นเหมือนคนอื่น
พรุ่งนี้ผู้บริหารมาดูซ้อม พี่ก็ลองถามพวกเขาเอาเองสิครับ” ผมแนะให้พี่เขาหาคำตอบจากผู้บริหาร
“เหอะ!..มึงไม่ต้องท้ากูถามแน่ไอ้ป๊อป เรื่องซ้อมวงมึงพูดมาก็ดีว่ะ
เพื่อไม่ให้เสียเวลา มึงลองซ้อมกับพวกกูดูซิ
กูอยากเห็นฝีมือหน้าอ่อนอย่างมึงจะตีกลองให้พวกกูได้จริงอย่างที่ปากพูดหรือเปล่า
ว่าไงร็อคมึงเห็นด้วยกับที่กูเสนอไหม” พี่เกรย์พูดจบหันไปถามความเห็นพี่ร็อค
หัวหน้าวงผู้ไม่เอ่ยปากซักคำ ตั้งแต่ผมปรากฏตัวจนกระทั่งขณะนี้
นอกจากส่งสายตาดุตำหนิผมอยู่ไม่เลิกเท่านั้นเอง
“อืม..ลองดูก็ดี” สั้นๆ ได้ใจความ แล้วพี่เขาก็เดินออกจากห้องไปก่อนเป็นคนแรก
จุดหมายคือห้องติดกันเป็นห้องซ้อมมีเครื่องดนตรีครบชิ้น
“ตามมาสิ มึงจะยืนบื้ออยู่ทำไม” พี่คมหันมาตวาดใส่ผมเสียงห้วน
ค่อยเดินออกจากห้องพร้อมพี่เกรย์ ผมได้แต่ยืนมองตามพี่เขาไปพูดไม่ออก
เกิดจะมาซ้อมห่าไรกันตอนนี้ ไม่ใช่กังวลกลัวตีกลองไม่ได้ ปัญหาอยู่ที่ว่า ‘กูหิวเว้ย!’
กองทัพต้องเดินด้วยท้องไม่ใช่หรือไง รอให้อิ่มก่อนค่อยซ้อมจะไม่ว่าสักคำ
นี่เล่นเผด็จการกันไปเรียบร้อย ผมเด็กสุดในวงแถมสถานะไม่มั่นคงจะมีปากเสียงเถียงอะไรได้
นอกจากเดินตามออกไปเป็นคนสุดท้าย เพื่อไปแสดงความสามารถที่ได้จากการคัดเลือก
หาใช่ใช้เส้นสายอย่างที่พวกพี่เขากำลังตั้งข้อสงสัยถึงการมีตัวตนในวง Lucky One บอยแบนด์ดัง
ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งอยู่ขณะนี้..แต่ประการใด
ในใจแม้ผมจะต่อต้านก็ได้แค่คิด ผมไม่สามารถทำให้ตัวเองถูกตั้งแง่ไปมากกว่านี้แล้ว
แค่พวกพี่เขาไม่เปิดใจยอมรับการเข้าเป็นสมาชิกใหม่ ก็ถือเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ผมต้องทำให้พวกเขายอมรับผมให้ได้
การที่พี่เขาไม่มั่นใจความสามารถของผมถือว่าไม่ผิด ผมยังเด็กอยู่มากถ้าเทียบอายุและประสบการณ์ในระดับนี้แล้วล่ะก็
เพียงแต่ทำไมพวกเขาไม่ให้โอกาสผม แสดงความสามารถค่อยตั้งแง่วิพากษ์วิจารณ์ ผมไม่ได้คิดว่าตนเก่งเทพ
ถ้าให้เล่นกับวงอื่นที่ไม่ใช่วงนี้ ผมไม่กล้ามั่นใจจะทำได้ดี สำหรับวงของพวกพี่คือไอดอลที่แกะเพลงเล่น
ตั้งแต่เริ่มตีกลองครั้งแรก และชอบกันฝังจิตฝังใจจึงเล่นเพลงของพวกพี่เขาชนิดไม่ต้องดูโน้ตด้วยซ้ำ
นี่ต่างหากที่ทำให้ผมมั่นใจผมทำได้แน่ และต้องไม่ทำให้พวกพี่เขาผิดหวัง บางทีการลองซ้อมครั้งนี้อาจจะช่วยให้ดีขึ้นบ้าง
ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่หายไปสองอาทิตย์กว่ากันเลยทีเดียว
หลังจากมาอัพใหม่ครั้งนี้ ก็ไม่หายไปนานแล้วนะคะ
นับจากนี้ จะเว้น 3-4 วันอัพตอนเหมือนปกติตามที่เคยปฏิบัติ
อาทิตย์ละ 2 ตอนค่ะ ไม่ขาดหายไปแล้วนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ ที่ติดตามถามไถ่กันอยู่ตลอดเวลา
ช่วงแรกเริ่มต้น อย่าได้พลาดตอนเหล่านี้เป็นอันขาดนะคะ
เพราะมันคือจุดที่หนุ่มๆ เขาเริ่มพัฒนาความรู้สึกยอมรับและมีส่วนร่วมในวงกับน้องใหม่
ก่อนจะพลิกผัน ให้ความรู้สึกดีๆ กลายเป็นความรู้สึกที่คนอ่าน..หน่วงตับ!
บอกแต่แรกแล้วว่า เรื่องนี้มีเพลงและดนตรีพิเศษมอบให้ค่ะ จากใจคนแต่ง
ไม่ได้นำเพลงของนักร้องศิลปินดังที่ไหนมา ตอนนี้กำลังหาวิธีอัพเพลงอยู่
ทำไม่เป็น!!!!..ใครทำเป็นช่วยชี้แนะข้าพเจ้าด้วยเถิด
ปล.เจออีกทีวันจันทร์ที่ 28/4/57 นะคะ