ตอนที่18
“น้องเอิญเข้ากับเพื่อนใหม่ได้รึยังครับ”ผมถามน้องสาวที่อายุอ่อนกว่าห้าปีขณะนั่งรถกลับจากโรงเรียนด้วยกัน ตอนนั้นผมอยู่ม.4 ส่วนเธอเพิ่งเข้าม.1 จึงต้องปรับตัวหลายๆอย่าง น่าเสียดายที่พวกเราเรียนคนละโรงเรียนผมจึงทำได้แค่มารับเธอทุกเย็น
ผมบอกทางบ้านไว้ว่าจะพาน้องกลับแท็กซี่ด้วยกัน คนขับรถจึงรับกิตต์กลับบ้านแค่คนเดียว
ผมคิดว่าทำอย่างงี้เอิญจะสนิทกับผมมากขึ้น เพราะน้องมาอยู่ด้วยกันตั้งหลายเดือนแล้วแต่ยังถามคำตอบคำอยู่เลย แถมยังไม่ยอมมองหน้าผมตรงๆอีก
“ยังค่ะ”
นั่นไง พูดเสร็จก็เอาแต่ก้มหน้างุดๆ
“มีเพื่อนสนิทรึยังครับ”
“เพิ่งมีคนเดียวค่ะ”
“เหรอ พรุ่งนี้พี่กาจน์มีแข่งบาสด้วยนะ น้องเอิญโดดเรียนมาดูพี่กาจน์แข่งได้มั้ยครับ เดี๋ยวถึงเวลาพี่กาจน์รออยู่นอกกำแพง น้องเอิญปีนออกมาเลยนะ”
“ดะ ได้เหรอ!!”
“ฮ่าๆ เอาไว้ถึงเวลาค่อยว่ากันเนอะ เที่ยงพรุ่งนี้นะ”ผมหัวเราะร่วนเมื่อเด็กน้อยน่ารักข้างตัวทำท่าลุกลี้ลุกลน
เที่ยงของวันถัดไปผมก็มาหาเอิญที่โรงเรียนจริงๆ แต่พอผมกดโทรออกคำตอบจากปลายสายก็ทำให้ผมแปลกใจ
“ตอนนี้เอิญอยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วค่ะ พี่กาจน์รีบๆมาหาเอิญนะคะ เดี๋ยวคุณครูมาเห็น”
น้องสาวของผมลงทุนโดดเรียนด้วยตัวเองเลยเหรอ วันนั้นหัวใจของผมพองโตเหมือนลูกโป่งที่ถูกสูบลมจนเต็ม ตลอดการแข่งขันผมฟอร์มดีกว่าทุกครั้ง ทั้งเพื่อนร่วมทีมทั้งอาจารย์ต่างชมกันยกใหญ่ เสียงจากกองเชียร์กระหึ่มสนามไปหมด ผมเลยได้ใจประกาศให้ทุกคนรู้ว่า”กำลังใจดีเพราะมีเอิญมาเชียร์ครับ!!”ทุกสายตาจับจ้องไปยังน้องสาวของผม เธอหน้าแดงแจ๋ก้มหน้าอยู่อย่างงั้นจนผมเปลี่ยนชุดออกมาหน้าของเธอก็ยังไม่หายแดง
“ฮ่าๆ พี่ขอโทษ แกล้งแรงไปหน่อย ขอบคุณที่มาเชียร์วันนี้นะครับ”
วันนั้นผมดีใจมาก เพราะผมคิดว่าผมกับน้องสาวได้สนิทกันมากขึ้น
...อีกขั้น
________________________________________________
เย็นวันนั้น ผมกำลังนั่งเตะฝุ่นอยู่ใต้ตึกคณะของตัวเอง เรื่องราวที่ได้ยินจากปากของพี่เฟิร์นสร้างแรงสั่นสะเทือนในใจผมไม่ใช่น้อย ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเอิญพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้วอะไรจะเกิดขึ้น พี่กาจน์ต้องทำหน้าแบบไหนตอนเห็นคนที่พรากชีวิตแฟนตัวเองเดินวนเวียนอยู่ในบ้าน
“เห้อ...”
“ถอนหายใจอีกละ อะไรชีวิตมันจะเศร้าขนาดน๊านนนน มาๆ มองหน้าเราแล้วยิ้มให้เร๊ว”
“เหวอ!!”ทำไมเด็กอักษรคนนี้ถึงชอบโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงนักนะ ผมโดนล็อคคอจากด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัวดีนะที่ทรงตัวอยู่ไม่งั้นทั้งผมทั้งครามได้หงายหลังลงไปทั้งคู่แน่
“คิกๆ นิทานตกใจน่ารักอ่ะ ขอจุ๊บทีได้ป่ะ”
“ปล่อยนะ มันจักจี๋ โอ๊ยยย ว่าแต่มาได้ไงเนี่ย”ผมพยามดันหน้าใสๆที่พยามยื่นมาจุ๊บแก้มผมจริงๆ ยื้อยึดกันจนเสื้อผ้ายับเยินกว่าครามจะยอมแพ้ ร่างบางนั่งหอบแฮ่กๆอยู่ข้างกายผมซึ่งอยู่ในสภาพหลาถูกฟัดไม่ต่างกัน
“บอกแล้วไงว่าเลิกเรียนแล้วจะมาหา งุ่ยยยย ขี้ลืมอ่ะ น้อยใจนะเนี่ย”
“มาหาเราทำไม”
“บ๊ะ นิทานนี่โง่จังเนอะ มาหาเพราะว่าอยากเห็นหน้าไง มีเหตุผลอื่นด้วยเหรอ”
อา...มาหาเพราะอยากเห็นหน้าสินะ
ถ้าอย่างนั้นผู้ชายที่กำลังยืนมองพวกเราอยู่คนนั้นก็คงมาหาผมเพราะอยากเห็น หน้า ของผมเหมือนกันสินะ
“อุ๊ย พี่กิตต์เหรอ หล่อจัง ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้อ่ะ”เด็กอักษรท่าทางดีอกดีใจใหญ่ที่ได้เจอคนดังของมหาวิทยาลัย”คึกๆๆๆ พี่เฟิร์นไม่อยู่ซะด้วย แย่งเลยดีมั๊ยน้อ อ๊ะ ไม่ได้ๆ ตอนนี้จีบนิทานอยู่ ผู้ชายคนอื่นไม่สนหรอก”
ผมต้องเขินป่ะถามจริง
“อะไรนะ จีบอะไรกัน”พี่กาจน์รีบถามเมื่อได้ยินร่างบางพูดอะไรขัดหู
“คิกๆ ก็อย่างที่เห็น ตอนนี้เรากำลังจีบกันอยู่”
“พอเลย! ผมไม่เกี่ยวนะ เขามาเอง”ถึงมีโอกาสน้อยมากที่พี่กาจน์จะเข้าใจผิดแต่ผมก็ต้องออกตัวไว้ก่อนว่ากูไม่เกี่ยวนะเหวยยย
ทว่าพี่กาจน์กลับติดใจครามมากกว่าที่ผมคิด นัยน์ตาสีเทาอมฟ้าจับจ้องใบหน้างดงามหมดจดของครามจนเจ้าตัวยังอดประหม่า
ไม่ได้ ใบหน้าหวานเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อก่อนอ้อมแอ้มถามออกมาว่า”หง่า...มองงี้ก็เขินแย่ดิ มีไรป่าวคับสุดหล่อ”
“ชื่ออะไร”
“ห๊ะ ชื่อผมเหรอ อ๋อ ครามคับ อยู่ปี1คณะอักษร สถานะโสดแต่หัวใจมีเจ้าของแล้ว ถ้าคิดจะจีบล่ะก็หมดสิทธิ์>_<”หยั่มมาหยอกล้อพี่กาจน์ต่อหน้าข้าพเจ้า พี่กาจน์ก็อีกคน เลิกมองหน้าไอ้นี่ได้และ เริ่มหึงแล้วนะ!!
“พี่กาจน์มีอะไรรึป่าวคับ”ผมถาม
“อ้อ เปล่าๆ แค่คุ้นๆเหมือนเคยเห็นหน้าน่ะ ว่าแต่เลิกเรียนรึยัง พี่มารับ”พี่กาจน์สะดุ้งเบาๆก่อนตอบคำถามที่ทำให้ผมสงสัยหนักกว่าเดิม คุ้นๆเหมือนเคยเห็นหน้าเนี่ยนะ?
“เลิกแล้...”
“อ้าว ไม่ใช่พี่กิตต์หรอกเหรอ”เจ้าตัวดีข้างๆขัดคำผมขึ้นมาก่อน
“ใช่ๆ ท็อปซีเคร็ตของมหาลัยเลยนะ นี่พี่กาจน์เป็นพี่ชายฝาแฝดของพี่กิตต์”ผมตอบ
“โกหกน่า ผู้ชายพรีเมี่ยมขนาดนี้มี2คนในโลกเลยเหรอ!!”เด็กอักษรทำท่าตกใจตามคาด
“โลกนี้มีพี่กาจน์แค่คนเดียว”เสียงของผมอาจจะเข้มเกินไปร่างบางถึงกับสะดุ้งโหยงทำหน้าหงอยๆเหมือนลูกแมวโดนน้ำสาดใส่
“ขอโทษ”
“อ๊ะ ไม่ๆ คือเราไม่ได้ตั้งใจจะดุนะ แต่คือ...เราคิดว่าพี่กาจน์ก็คือพี่กาจน์ ไม่ใช่ใครทั้งนั้น แฮ่ๆ งงเนอะ วันนี้เรากลับก่อนละกัน คราวหน้าคงได้เจอกันอีกเน๊อะ”ผมรีบสะพายกระเป๋า อยู่ต่อไปก็เสียเวลาเปล่าๆคนในคณะที่ยังไม่กลับบ้านกลับช่องก็เริ่มมองมาทางพวกเราแล้วด้วย ขี้เกียจจะก่อประเด็นรักห้าเส้าแปดเส้าอีก สงสารพี่กิตต์เขา
ผมดันหลังร่างสูงออกมาก่อนเดินเคียงคู่กันไปยังลานจอดรถ พี่กาจน์เดินอมยิ้มมาตลอดทางจนผมอดกระแนะกระแหนไม่ได้”แหม เจอคนน่ารักเข้าหน่อยยิ้มไม่หุบเลยนะครับ”
“ถ้าคนน่ารักที่ว่าหมายถึงนิทานล่ะก็นะ พี่ชอบคำว่าพี่กาจน์ก็คือพี่กาจน์ ไม่ใช่ใครว่ะ พูดดีนะเนี่ย เอาไปเลยสองบาท”พี่เขายัดเหรียญสองบาทใส่มือผม”เพิ่งได้ทอนมาเมื่อกี้ ถึงหอแล้วฝากเก็บด้วย กลัวลืมในกระเป๋ากางเกงแล้วเอาไปปั่นซัก”
ถรุย
นึกว่าให้จริง แค่2บาทผมก็เอานะเออ
“นิทาน พี่ถามไรหน่อยสิ”พี่กาจน์เอ่ยขึ้นขณะขับรถ”หอที่เราอยู่ตอนนี้จ่ายมัดจำล่วงหน้าไว้กี่เดือน ยกเลิกสัญญาได้เลยมั้ย”
“ก็ เอ...น่าจะมัดจำไว้สองเดือนครับ ถ้ายกเลิกตอนนี้ก็เสียฟรีสองเดือนเพราะผมเซ็นต์ไว้ว่าจะอยู่ปีนึง ถามทำไมเหรอครับ”ตอนที่ผมบอกว่าจะอยู่หอคนเดียวที่บ้านค้านหัวชนฝาเลยครับ โดยเฉพาะพี่โน้ต พี่ชายสุดที่รักผู้ดีดดิ้นโวยวายบอกว่าถ้าผมไม่อยู่บ้านแล้วพี่จะแกล้งใครล่ะ
นั่นแหละเหตุผลที่ผมไม่อยู่บ้าน!!
“ว่าจะชวนย้ายไปอยู่ด้วยกันน่ะ”
“ห๊ะ!! ว่าไงนะครับ”
“นิทาน ย้ายไปอยู่กับพี่ได้มั้ย”
“ไอ้ได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่บอกเหตุผลได้มั้ย ขอเหตุผลนะครับไม่ใช่ข้ออ้าง”
“ก็เรื่องที่เราโดนแกล้งที่ตึกอิฐนั่นแหละ ตอนแรกพี่กะว่าจะย้ายมาอยู่กับเราที่หอมันจะได้ใกล้ๆมหาลัยเรา แต่พี่คิดว่ามันแคบไปหน่อย ตอนนี้พ่อขอเช่าคอนโดของลูกน้องที่บริษัทได้ในราคาถูกพี่เลยมาถามความสมัครใจของเราก่อนว่าโอเคมั้ย”
“ก็...ต้องโอเคสิครับ ได้อยู่กับพี่กาจน์ ผมดีใจจะตาย”
คนฟังยกยิ้มดีใจ แต่ผมก็อดกล่าวเสริมไม่ได้ว่า
“ขอแค่พี่กาจน์ไม่ลืมว่าผมก็คือผม มีแค่คนเดียวในโลกเหมือนกันนะครับ”ผมคือนิทาน ไม่ใช่ใครที่พี่เคยรู้จัก...
______________________________
นี่คือตัวอย่างของเด็กใจง่าย เยาวชนที่ตามอ่านอยู่อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ 555
ตอนนี้สั้นๆหน่อย เอาไว้ตอนหน้าสัญญาว่าจะมายาวๆเลย