One
(ก.) : กุหลาบ (กัด)
[พยัญชนะ]ผมยกของกล่องสุดท้ายขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่ตัวเองอยู่ หอพักของผมราคาราวๆ หกพันกว่าบาท (แน่นอนว่ามันมีแอร์ด้วย) เป็นราคาที่รวมค่าน้ำค่าไฟและค่าอินเตอร์เน็ตเอาไว้แล้วคร่าวๆ แต่มันก็ยังแพงกว่าหอพักของสระอยู่ดี
ผมไม่ใช่คนรวยอะไรนักหรอก แต่ก็ไม่เคยขัดสน ต่างจากสระ...เพราะที่บ้านค่อนข้างลำบาก สระเลยยอมทนอยู่ในหอราคาแค่สามพันกว่าบาทมาเป็นปี
ผมอยากให้เขาย้ายมาอยู่กับผมนานแล้ว เพราะเวลาไปทำรายงานที่หอพักของเขาทีไร ก็เห็นเขาบ่นว่าร้อนตลอด แถมสระยังเป็นคนเหงื่อออกง่าย ร้อนนิดร้อนหน่อยก็เหงื่อแตกพลั่กเหมือนไปอาบน้ำมา ผมเห็นแล้วก็สงสาร พยายามทู่ซี้ให้เขาย้ายมาอยู่ด้วยกันอยู่ครึ่งปี และในที่สุดผมก็ทำสำเร็จสักที แม้จะเป็นการมัดมือชกและใช้เล่ห์กลอยู่นิดหน่อยก็ตาม
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ผมเลยมัดมือชกขอยืมแรงเพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคนมาช่วยกันขนสัมภาระของสระย้ายมาไว้ที่หอผม แน่นอนว่ายืมรถเพื่อนด้วย ผมไม่มีรถส่วนตัว แม้ว่าแม่จะให้เอารถของแม่มาใช้ได้ก็ตาม แต่ผมก็เลือกที่จะไม่เอาเพราะแม่จำเป็นต้องใช้มากกว่าผม ถ้าเอามาแล้วแม่จะใช้อะไรล่ะครับ
ลิฟต์เปิดออก พอดีกับที่สระเดินมาถึง อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “หมดยังอะ”
“หมดแล้ว นี่กล่องสุดท้าย”
“มา กูถือเอง” สระยื่นมือมาจะรับกล่องใบใหญ่ในมือผมไปถือ แต่ผมเบี่ยงตัวหลบ
“ไม่ต้องหรอกน่า อีกนิดเดียวก็ถึงห้องแล้ว เดี๋ยวกูถือเอง”
“กูเกรงใจนะเว้ย มึงขึ้นลงไปขนของให้กูตั้งหลายรอบ กูแทบไม่ได้ลงไปเองเลยเนี่ย” สระบ่นหน้ายุ่งใส่ผม เท้าเอวมองหน้าผมอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ แต่สีหน้าของเขามันออกไปทางตัดพ้อมากกว่าจะโกรธกัน
ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้า “คิดมากน่า กูเต็มใจช่วย อีกอย่างมึงต้องคอยกำกับให้พวกไอ้พีมันวางของให้ถูกที่ด้วย ไม่ต้องลงไปก็ถูกแล้วปะวะ”
“มึงนี่นะ” สระไม่ได้เถียงอะไรอีกเพราะน่าจะคิดคำมาเถียงผมไม่ออกมากกว่า แต่ดูสีหน้าก็รู้แล้วว่ายังรู้สึกไม่ดี คนขี้เกรงใจนี่มันขี้เกรงใจจริงๆ เลยว่ะ หึๆ น่ารักชะมัด
ผมเอาไหล่ตัวเองกระแซะไปที่ไหล่ของอีกฝ่าย “น่า ไม่งอแงดิครับ”
“ไม่ได้งอแง”
“เหรอ หน้าหงิกแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่น่ารักหรอก”
สระกลอกตาใส่ “ก็มีแต่มึงอะที่มองว่ากูน่ารัก”
“ใครบอก ตอนนี้คนแทบทั้งมหา’ลัยเขาก็มองว่ามึงน่ารักกันหมดแล้วนะ” ผมหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเพจคู่จิ้นที่ลงคลิปของพวกเราไปเมื่อวันก่อน “ตอนนี้ไม่ได้มีแต่กูที่มองว่ามึงน่ารักแล้วอะ แย่จังเลย”
“แย่?” คนฟังทำหน้าไม่เข้าใจแทนแล้วตอนนี้
“ช่ายยย” ผมพยักหน้ารับ “กูอยากให้มีแค่กูที่ได้เห็นความน่ารักของมึง”
“...ไอ้ประสาท” สระด่าก่อนจะเดินนำลิ่วๆ ไปเปิดประตูห้อง แต่ผมเห็นนะว่าเขาหูแดงขึ้นมาด้วย
อย่าน่ารักให้มากนักดิวะ
“เอาโน้ตบุ๊ควางตรงนี้ได้มั้ยวะไอ้หระ!” ได้ยินเสียงไอ้พีตะโกนถามมาจากในห้องน้ำ
เดี๋ยวนะ...ห้องน้ำ? โน้ตบุ๊ค?
“ไอ้เหี้ยพี! โน้ตบุ๊คพ่อมึงไว้ในห้องน้ำเหรอไอ้สัส!”
“ฮ่าๆๆๆ มึงก็ไปกวนตีนมันไอ้สรพงษ์” ไอ้เจ็มเพื่อนอีกคนหัวเราะดังลั่นห้อง
ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่ก็อดจะยิ้มขำไม่ได้เหมือนกัน ไอ้พีมันชอบแหย่สระ แล้วสระก็ชอบไปต่อยตีกับมันทั้งที่รู้ว่ามันจงใจกวนประสาท
หลังจากเคลียร์ของหมดเรียบร้อยไอ้พี ไอ้เจ็ม แล้วก็ไอ้ยู (ทั้งหมดคือเพื่อนที่มาช่วยในวันนี้น่ะครับ) ก็พากันนอนแผ่หลาบนพื้นห้อง สระเดินเข้าไปนั่งยองๆ ข้างไอ้พีแล้วใช้นิ้วจิ้มแขนมัน
“แดกไรมะ เดี๋ยวกูไปซื้อให้ ตอบแทนที่มาช่วย”
“เอา!!!” ทั้งสามคนประสานเสียงกันทันที
ผมหยิบคีย์การ์ดห้องมาถือ “งั้นเดี๋ยวกูกับสระลงไปซื้อให้ อยากกินไรว่ามา”
“อะไรก็ได้ แต่ขอขนมกับน้ำอัดลมเย็นๆ ด้วย” ไอ้เจ็มตอบ
ไอ้ยูที่มักจะพูดน้อยก็ตอบแค่สั้นๆ “ขอกาแฟ”
“ไอ้พี มึงล่ะจะเอาอะไร” สระยืดตัวลุกขึ้นยืนแล้วใช้เท้าเขี่ยขามันแทน ตลกว่ะ เดี๋ยวจิ้มเดี๋ยวเขี่ย ฮะๆ
“เอาไรก็ได้”
“ตีนกูปะ ให้แดกฟรี”
ก่อนที่พวกมันจะเถียงกันไปมากกว่านี้ ผมก็ก้าวเข้าไปคว้าแขนสระแล้วลากให้เดินตามมาอย่างไว รอสองคนนี้ทะเลาะกัน กว่าจะได้ลงไปซื้ออะไรมาให้กินก็คงจะเสียเวลาไปอีกนานเลย
“สระไม่ทะเลาะกับเพื่อนครับ มาเถอะ ไปหาขนมกินกัน”
“สระไม่ได้อยากทะเลาะเปล่าวะนะ ไอ้พีมันหาเรื่องก่อน” คนน่ารักทำเสียงงอแงใส่ผมอีกแล้ว น่ามันเขี้ยวจริงๆ เลย อยากหยิกปากที่ยื่นออกมานั่นสักที
“ครับๆ ไว้ค่อยกลับมาตีกับมันนะ ตอนนี้ไปร้านสะดวกซื้อกันก่อนเนอะ”
ร้านสะดวกซื้อที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากหอผมเท่าไหร่ พอมาถึงผมก็หยิบเอาตะกร้ามาถือแล้วปล่อยให้สระเป็นฝ่ายเลือกของกินที่อยากซื้อ โดยไม่ลืมหยิบเอาน้ำอัดลมกระป๋องเย็นเจี๊ยบให้ไอ้เจ็ม แต่มาคิดดูอีกทีผมว่าผมซื้อเป็นขวดไปเลยน่าจะดีกว่า สุดท้ายผมเลยเปลี่ยนเป็นแบบขวดใหญ่ไป แล้วก็พวกน้ำผลไม้กับชาเขียว ขนมอีกสี่ห้าห่อ ขนมปังอีกสองสามชิ้น ไม่ลืมกดกาแฟให้ไอ้ยูมันด้วย แล้วเราก็ไปจ่ายเงินเมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้ว
“รับขนมปังเพิ่มไหมคะ ได้แต้มเพิ่มนะ” พนักงานหน้าคุ้นเคยยิ้มให้ผม
ผมหันไปหาสระทันที “เอามั้ย?”
“เอามาก็ได้”
นั่นคือข้อสรุป...สระเตรียมจะหยิบเงินออกมาจ่ายแต่ผมรั้งข้อมือเขาเอาไว้ แล้วหยิบแบงก์ห้าร้อยของตัวเองออกมาจ่ายแทน รวดเร็วว่องไวชนิดที่คนน่ารักข้างตัวตามไม่ทัน...สระอ้าปากหวอ มองหน้าผมด้วยสีหน้าที่เรียกว่า ‘ตัดพ้อ’ อีกแล้ว
“เฮ้ย เดี๋ยวกูจ่ายเอง วันนี้กูเป็นคนขอให้พวกมันมาช่วยนะเว้ย”
“ไม่ต้องหรอก กูจ่ายน่ะดีแล้ว” ผมส่ายหน้าทันที ดันมือที่ยื่นแบงก์ห้าร้อยเหมือนกันลงไป
“ไม่เอาดิ ของที่ขนมาวันนี้ก็ของของกูอะ มึงจะจ่ายได้ไง”
“เถอะน่า แค่นี้เอง กูจ่ายได้” ผมยักคิ้วให้สระ “กูเปย์ให้มึงจนเงินหมดบัญชียังได้เลย”
สระอึ้งจนตาค้าง ผมก็เลยอาศัยจังหวะนั้นหยิบเงินในมืออีกฝ่ายยัดใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตที่มันใส่อยู่ทันที ส่วนพนักงานสาวที่มองเราอยู่ตลอดก็ทอนเงินให้ผมแล้วอมยิ้ม เหลือบมองผมกับสระสลับไปมา ดูท่าทางเธอจะอยากหัวเราะให้กับความเหวอของสระ แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้เพราะมารยาทที่ดีของพนักงาน
ไม่แปลกล่ะนะ ก็สระของผมน่ารักน่าเอ็นดูมากออกขนาดนี้ เห็นไหมล่ะครับ
จ่ายเงินรับของและรับเงินทอนมาเสร็จ ผมก็จับข้อมือสระแล้วจูงพาอีกฝ่ายเดินออกมาจากร้านทันที ตลอดทางเจ้าตัวเงียบอยู่นาน เงียบชนิดไม่ยอมพูดอะไรสักคำ กระทั่งเรากลับมาอยู่ในลิฟต์ของหอพักผมอีกครั้งนั่นล่ะ คนน่ารักของผมถึงได้โวยวายขึ้นมาจนได้
“ไอ้นะ มึงแม่ง...พูดออกมาได้”
“ทำไม?” ผมเลิกคิ้ว ทำสีหน้ายียวนใส่ ชนิดที่สระถึงกับแยกเขี้ยวตอบกลับมา
อีกฝ่ายพ่นลมหายใจแรง “กูเป็นเพื่อนมึงนะครับ ไม่ใช่สาวสวยที่มึงต้องเปย์เพราะจะจีบ”
ผมได้แต่หัวเราะโดยไม่ตอบคำ...ให้เข้าใจว่ามันไม่มีอะไรน่ะดีแล้ว ผมยังไม่อยากให้ไก่ตื่นครับ
สระมาอยู่กับผมได้สามวันแล้ว และทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา แม้ว่าเตียงนอนจะมีแค่เตียงเดียว แต่มันก็ใหญ่พอให้เรานอนด้วยกันสองคนได้สบายๆ อาจจะมีปัญหานิดหน่อยก็ตรงที่สระเป็นคนนอนดิ้น สุดท้ายผมก็เลยต้องกอดเขาเอาไว้เวลานอน
ช่วยไม่ได้นี่นา ผมไม่อยากโดนแขนเขาฟาดหน้าครับ
“ชนะ อย่าลืมนะเว้ย เย็นนี้มีซ้อมจริง”
“ซ้อม? ซ้อมไรวะ” ผมย้อนถามเกรซ เพื่อนผู้หญิงที่มีแค่ไม่กี่คนในกลุ่ม
เกรซเท้าเอวจิกตาใส่ผม “พรุ่งนี้มึงมีร้องเพลงโชว์ในงานคณะ ลืมเหรอไอ้ห่า”
“เออว่ะ เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย” หลายวันมานี้พวกผมวิ่งวุ่นกับหลายเรื่องน่ะครับ ทั้งเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องกิจกรรมอีกมากมายหลายอย่าง ผมเกือบลืมไปแล้วจริงๆ ว่าตัวเองต้องขึ้นร้องเพลงบนเวทีของงานคณะด้วย
“ไปซ้อมด้วยนะเย็นนี้”
“ครับๆ” ผมตอบรับพลางถอนหายใจยาว ทำไมช่วงนี้งานรัดตัวผมจังเลยวะเนี่ย
เหนื่อยอะ อยากอ้อนสระจัง เฮ้อออ
พอตกเย็นเลิกเรียนตอนสี่โมงผมก็ตรงดิ่งไปที่เวทีใต้คณะทันที โดยไม่ลืมลากสระมาด้วย แม้ว่าอีกฝ่ายจะงอแงไม่อยากจะตามมาก็เถอะ
“เอากูมาทำไมอะ มึงซ้อมกูไม่ได้ซ้อมนี่”
“ก็อยากให้มา” ผมตอบ ยิ้มให้เขา “มาเป็นกำลังใจให้กูไง”
...สุดท้ายสระก็พ่ายแพ้ให้กับการอ้อนของผม เขายอมตามมานั่งดูและเตรียมน้ำเตรียมผ้าไว้ซับเหงื่อให้ผมด้วย
น่ารักฉิบหายเลยว่ะ อยากบีบแก้ม
หลังซ้อมไปประมาณสี่รอบผมก็ได้รับอิสระ ไอ้เกรซที่เป็นคนคุมเวทีนัดแนะเวลากับผมและคนอื่นๆ ที่ต้องขึ้นแสดงอีกเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้ผมได้กลับหอสักที
“เหนื่อยปะวะ” สระถาม เขายื่นน้ำเปล่าเย็นๆ มาให้ผม
“นิดหน่อย” ผมดูดน้ำอึกใหญ่ รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ แถมยังรู้สึกดีมากขึ้นเมื่อสระเอาผ้ามาซับเหงื่อให้ สีหน้าจริงจังและการดูแลเอาใจใส่ของเขาทำให้ผมโคตรจะมีความสุขเลยครับ
“กูก็รู้นะว่ามึงร้องเพลงเพราะ แต่ฟังกี่ครั้งกูก็ชอบเสียงมึงตอนร้องเพลงว่ะ”
“มันดีขนาดนั้นเลย?”
“เออดิ ฝึกอีกหน่อยไปเป็นนักร้องได้สบายเลย” สระว่า เราเดินออกจากคณะอย่างไม่เร่งรีบนัก “มึงไม่สนใจบ้างเหรอ เป็นนักร้องดังมีคนชอบเยอะแยะ เงินก็จะไหลมาเทมาด้วย”
ผมหัวเราะ เรื่องเงินดูจะเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของอีกฝ่าย...ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เอาหรอก”
“ทำไมอะ หล่อๆ อย่างมึง เสียงก็ดี เป็นได้จริงๆ นะเว้ย” สระเลิกคิ้ว
“ขอรับคำว่าหล่อเอาไว้นะ อ้อ เสียงดีด้วย แต่กูไม่อยากได้เงินอะไรขนาดนั้น เพราะกูมีเงินพอใช้อยู่แล้ว”
ได้ฟังที่ผมพูดสระก็เบะปาก ต่อยไหล่ผมเบาๆ อย่างหมั่นไส้ “เหอะ พ่อคนมีเงิน พ่อคนสายเปย์”
“อ่าฮะ กูสายเปย์” ผมไหวไหล่ “แต่ก็เปย์ให้มึงคนเดียวไงสระ”
เป็นอีกครั้งที่สระเถียงไม่ออก ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้ากึ่งเบื่อหน่ายกึ่งเขินอายนั่น...อยากจะพูดอีกครั้งว่าเขาโคตรน่ารักเลยว่ะ
“เออ ไม่พูดเรื่องเงินก็ได้ งั้นพูดเรื่องชื่อเสียง ถ้ามึงเป็นนักร้องมึงต้องโด่งดังมากแน่ๆ กูมั่นใจ”
ผมส่ายหน้า “ก็ไม่อยากดังอยู่ดีว่ะ”
“ทำไมอีกล่ะ นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอา” ไอ้ตัวน่ารักทำหน้าเอือมระอาผมเต็มทน แต่ผมกลับมองว่าแม่งน่ารักอีกแล้ว
“กูไม่ได้อยากเป็นนักร้อง ไม่ได้อยากดังซะหน่อย อีกอย่างทุกวันนี้กูก็ดังอยู่แล้วหรือเปล่า?”
สระกลอกตา “ครับผม ดังครับผม เป็นหนึ่งในหนุ่มหล่อปีสองประจำคณะ ไม่ดังได้ไงเนอะ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่ทำให้กูดังก็เพราะ...” ผมลากเสียยาว ยื่นหน้าไปหาสระแล้วยิ้มกริ่ม
“อะไร?”
“...เพราะกูได้เป็นคู่จิ้นกับคนน่ารักอย่างมึงไง”
“เงียบไปเลย เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วไอ้ห่า” สระผลักหน้าผมออก แต่ผมเห็นนะว่าหูเขาแดงเรื่อขึ้นมาอีกแล้ว หึๆ
ผมหัวเราะ ก่อนจะรั้งมืออีกฝ่ายเอาไว้แล้วชี้ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยว “มึงอยากกินบะหมี่หมูแดงไม่ใช่เหรอ”
“เออว่ะ โห กูบ่นตั้งแต่เมื่อเช้า มึงยังจำได้อีกเหรอเนี่ย”
“กูเป็นคนดีของมึงไง จำเรื่องของมึงได้ทุกอย่างแหละ”
สระหัวเราะ “เออ คนดีของกูจริงๆ นั่นแหละ”
เราเดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว ผมต้องสะกดกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ยิ้มกว้างออกมา ประโยคเมื่อกี้น่ะ...สระมันจะรู้บ้างหรือเปล่าวะว่ามันทำให้ผมใจเต้นแรงมาก แรงจนแทบจะหลุดออกมาเต้นนอกอกแล้ว
ไอ้ห่าเอ๊ย อยู่กับคนน่ารักที่แสนซื่ออย่างมันแล้วผมจะอดทนได้อีกนานแค่ไหนวะ
วันแห่งการขึ้นเวทีของจริงมาถึงจนได้
เพราะว่าเป็นกิจกรรมคณะ ก็เลยงดคลาสทุกชั้นปี ผมมาแสตนด์บายที่หลังเวทีตั้งแต่บ่ายสาม แต่ครั้งนี้ไม่ได้ลากสระมาด้วย อีกฝ่ายต้องไปช่วยรุ่นพี่ปีสามขนดอกไม้ไปตกแต่งสถานที่น่ะครับ งานของมันยังไม่เสร็จดี แต่งานจะเริ่มห้าโมงเย็นนี้แล้ว คงต้องเร่งมือหน่อยล่ะนะ
ผมอดจะเป็นห่วงไม่ได้ ก็สระน่ะขี้ร้อนจะตายไปนี่หว่า วิ่งวุ่นแบบนั้นคงได้เหงื่อท่วมตัวแล้วก็คงจะงอแงไม่เลิกแน่ๆ สงสัยพรุ่งนี้ผมคงต้องพาไปว่ายน้ำที่สระมหา’ลัยอีกแล้วล่ะมั้ง แชมป์หมู่บ้านผู้ชื่นชอบการว่ายน้ำจะได้มีความสุขมากๆ และเลิกบ่นว่าร้อน
ระหว่างรอแต่งตัวแต่งหน้า (ซึ่งผมมองไม่เห็นความจำเป็นเลยว่าจะแต่งหน้าทำไม) ผมก็หยิบเอากีตาร์ขึ้นมาซ้อมดีดไปด้วย ถึงจะจำได้แม่นแต่ผมก็ไม่อยากทำพลาดเวลาขึ้นเวที
เพลงนี้น่ะ...ผมตั้งใจเลือกมาร้องให้เขาเลยนะ
ซ้อมแล้วซ้อมอีก จนกระทั่งถูกเรียกไปแต่งหน้าแต่งตัว ชุดที่ผมใส่ไม่ได้อลังการอะไรนัก ก็แค่เสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ดบนที่ทำให้เห็นแผ่นอกรำไรๆ เท่านั้น ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนสีซีดที่ตัดกันได้ดีกับสีเสื้อ ใบหน้าไม่ได้แต่งอะไรมากนอกจากทาแป้งแล้วก็กรีดตาให้ดูคมขึ้น จากที่ตาผมคมเข้มอยู่แล้ว ตอนนี้มันก็เลยถูกขับเน้นให้ดวงตาของผมดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม
“ต่อไปเป็นหนุ่มหล่อที่เพิ่งมีรูปลงเพจคู่จิ้นของมหา’ลัยไปเองค่า แหมๆ ดิฉันแอบเห็นด้วยค่ะคุณขา ว่าคู่จิ้นของเขาก็มาให้กำลังใจอยู่ไม่ไกลจากหน้าเวที...”
ผมแทบจะชะโงกหน้าออกไปมองว่าสระยืนอยู่ตรงไหน แต่เกรซก็จับคอผมกระชากกลับมา โห นี่มึงเป็นผู้หญิงจริงๆ ใช่ไหมไอ้เกรซ! คอกูเกือบเคล็ด
“ขึ้นเวทีไปมึงก็มองเห็นมันเองล่ะน่า ห่างกันสักนิดไม่ได้เลยนะอีห่า”
ผมได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ให้กับคำแซวของอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยให้มันเช็กความเรียบร้อยบนตัวผมอีกเล็กน้อย และเมื่อพิธีกรประกาศเรียก ผมก็ก้าวขึ้นเวทีไปอย่างมั่นใจ ริมฝีปากติดรอยยิ้มน้อยๆ
“กรี๊ดดด!!!”
เสียงกรี๊ดเสียงเชียร์ดังต้อนรับ ผมหยิบเอากีตาร์ขึ้นมาก่อนจะทรุดนั่งบนเก้าอี้ที่ทีมงานเตรียมไว้ให้ แล้วเอ่ยทักทายผู้ชมด้วยรอยยิ้มหวานๆ แต่สายตาพยายามมองหาสระของผมไปด้วย
และในที่สุดผมก็เห็นเขา อีกฝ่ายยืนกอดช่อดอกกุหลาบเล็กๆ อยู่หน้าเวทีไม่ไกลนัก รอบตัวมีพวกไอ้พียืนอยู่ด้วย พอเราสบตากันเจ้าตัวก็ยิ้มกว้างโบกมือมาให้ผม ไม่ได้นำพาต่อสายตารอบข้างที่มองเจ้าตัวกับช่อดอกไม้ในมือเลยสักนิด อ่า อย่าบอกนะว่านั่นจะเอามาให้ผมน่ะ ถ้าใช่ล่ะก็...
น่ารักอีกแล้ว แม่งเอ๊ย
“เพลงที่ผมจะร้องก็คือเพลง ‘ไม่อยากจะคิด’ ของ NANTCXP ครับ จริงๆ เพลงนี้ต้นฉบับร้องสองคน แต่วันนี้ผมเอามาร้องเองแค่คนเดียว หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ”
ปลายนิ้วดีดกีตาร์เข้าสู่ท่วงทำนองที่ผมจำได้ขึ้นใจเพราะซ้อมมานานเกือบเดือน...มันเป็นเพลงที่ตรงกับความรู้สึกของผมมากที่สุด เป็นเพลงที่ผมอยากให้คนที่ผมแอบรักได้ฟัง อยากให้เขาได้รับรู้ถึงความในใจของผมที่มีต่อเขา และหวังว่าจะไม่ได้มีแค่ผมที่คิดไปเองฝ่ายเดียว
“หวั่นไหวทุกครั้งที่เธอสบตา เหมือนมีเวทมนตร์สะกดทุกครั้งที่เธอยิ้มมา อยากจะบอกว่าเธอน่ารัก...แต่ฉันก็ไม่กล้า หยุดความรู้สึกเอาไว้ แต่สุดท้ายฉันก็เผลอใจ ทุกครั้งที่ใกล้กัน ฉันก็รู้สึกดี...เธอจะเป็นเหมือกนันบ้างไหม”
ผมลุกขึ้นยืน สายตายังคงจดจ่อไปที่สระ อีกฝ่ายยิ้มหวานร้องเพลงคลอตามผม...กระทั่งผมร้องจบ เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปพร้อมๆ กับเสียงกรี๊ดและเสียงโห่เชียร์
“ก็จบไปแล้วกับเพลงไม่อยากจะคิด ที่ดูเหมือนนักร้องจะอยากมอบเพลงนี้ให้กับใครบางคนเลยนะคะ เอ๊...ใครกันน้า ที่คุณพยัญชนะสุดหล่ออยากจะสื่อสารเพลงนี้ไปให้”
“สระไง!”
เสียงใครสักคนตะโกนขึ้นมา และนั่นทำให้เสียงโห่แซวดังมากขึ้น อ้อ มันทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมอีกด้วย เมื่อเห็นว่าสระหน้าแดงแปร๊ดทันทีเพราะถูกคนรอบข้างเอ่ยแซว
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาถลึงตามองผม ก่อนจะก้มลงไปและแทบจะซุกหน้ากับช่อดอกกุหลาบ แต่พอไอ้เจ็มกระซิบอะไรสักอย่าง เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าดูตื่นตระหนกและส่ายหน้าหวืออย่างน่ารัก
อะไร...ไอ้เจ็มพูดอะไร
“สระ” ผมเผลอเรียกอีกฝ่ายออกมาผ่านไมโครโฟน
เจ้าของชื่อเบิกตากว้าง ขณะที่เสียงผู้ชมรอบด้านเงียบลงไปชั่วอึดใจ ก่อนจะดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อสระเดินมาที่หน้าเวทีช้าๆ เมื่อผมกวักมือเรียก แถมไอ้พวกเพื่อนๆ ก็พากันดันหลังเจ้าตัวให้เดินมาหาผมที่หน้าเวทีด้วย
ผมสาวเท้าไปที่ขอบเวทีแล้วนั่งยองๆ ตรงหน้าเขา โดยที่พยายามห้ามตัวเองแล้วไม่ให้ยิ้มกว้างมากเกินไป แต่ผมก็ทำไม่ได้จริงๆ เหมือนกับเพลงที่ผมร้องให้เขาเลย...พยายามจะหยุดความรู้สึกแล้ว แต่ผมก็เผลอใจทุกที
“อะ เอาไป” มันว่า พลางยื่นช่อดอกกุหลาบมาให้ผมด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก
ผมเลิกคิ้วยียวน หากแต่ริมฝีปากยิ้มกว้างไม่เลิก แกล้งถามออกไปทั้งที่ยังจ่อไมค์กับปากนั่นล่ะ “ให้กู?”
“เออดิ แต่กูไม่ได้ซื้อเองคนเดียวหรอกนะ พวกไอ้พีมันหารตังค์กะกูอะ”
ผมหัวเราะ รู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายฉิบหายเลยว่ะ “แค่รู้ว่ามีเงินมึงรวมอยู่ด้วยกูก็ดีใจแล้ว”
“อือ” มันพยักหน้ารับพลางหลุบตาหนีสายตาของผม และผมเห็นนะ...ใบหูมันแดงไม่เลิกเลย หึๆ
“ขอบคุณนะ” ผมรับดอกไม้มา ก่อนจะเด็ดเอากุหลาบสีแดงสวยออกมาหนึ่งดอก แล้วยื่นกลับไปให้เขา “อะ”
สระเงยหน้าขึ้นมาทำหน้างงใส่ผม “ให้กูทำไม?”
“ก็อยากให้”
“...?” สระยังคงมองผมอย่างไม่เข้าใจ
ผมยิ้มหวานให้เขา “นะอยากให้เฉยๆ สระรับไว้ไม่ได้เหรอครับ”
คนน่ารักแก้มแดงขึ้นมาอีกรอบแล้วตอนนี้ แต่แทนที่เขาจะรับดอกไม้ สระกลับอ้าปากกัดกลีบดอกกุหลาบในมือของผมจนติดหลุดปากไปสองสามกลีบ แล้ววิ่งหนีออกไปจากงานทันที
ทุกคนพากันอึ้ง คงมีแต่ผมที่หลุดหัวเราะดังลั่นโดยไม่สนใจว่ามันจะดังออกไมค์หรือคนในงานจะมองยังไง...ผมกดปิดไมค์ก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ
“กุหลาบมันกินไม่ได้นะสระ”
_________________
อยากจะจับสระเข้าปากแล้วกลืนลงท้อง ลูกแม่น่ารักจังเลยลูก
แล้วคุณพยัญชนะอะ หยอดเก่งเหลือเกินเนอะ : )