The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 449154 ครั้ง)

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ลองคิดเล่นๆ ถ้าไฟคู่กับพี่ธาน คงสนุกมาก ทันกันดี

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
 เราจะรอบี้อยุ่ที่ท่าน้ำทุกวันเหมือนเคย ~
ตอนหน้าจะมีฉากบู๊มั้ยนะ มากันสองคนไม่มีการ์ดซะด้วย
แย่ล่ะสิ
ปล. ตอนนี้มีเจ้ากังฟูด้วย 
อร๊ายยย มามะมาให้เจ้กอดหน่อยยยยย
 สิ่งมีชีวิตในเรื่องที่โดนคุณไฟแกล้งแล้วน่ารักน่าหยิกที่สุดก็น้องเมฆกะกังฟูนี่แหละ 5555555

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
พี่ไฟอ่อยหนักมากกกกกก

ยังไงต่อดีล่ะคะ อิอิ

สมุทรยังคงใจเย็นเล่นตามน้ำไปบ้างแต่ก็ยังคงนิ่งไว้

รักมากคู่นี้  #ไฟสมุทร

ขอบคุณเบบี้จ้า :)

ออฟไลน์ purpleguy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :pig4: ขอบคุณเบบี้ มากๆ ที่มาอย่างต่อเนื่อง...คนเราก็ต้องมียุ่งบ้าง ยังงัยก็ขอให้ผ่านสบายๆเลยละกัน  ผู้อ่านก็จะรอ  อ่านต่อไป มาต่อเมื่อใหร่ก็เมื่อนั้น นะ..สู้ๆ  :L2:

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
รู้สึกว่าสมุทรจะเริ่มแคร์ไฟขึ้นมาบ้างแล้ว แม้จะดูเหมือนไม่ชัดเจนนัก :katai3: แต่ก็อยากให้ความหวังไฟมากๆ  :laugh:



รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เป็นกำลังใจให้ครับ
การรอคอยอย่างมีความหวัง ก็ OK นะ
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ

ออฟไลน์ Qmulonimbus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากกกก เลยค่ะ อ่าน2วันรวดเดียวเลย

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
เจิมมค่ะ เดี๋ยวมาตามอ่าน :impress2:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ใครจะโดนกังฟูงับ. เปนห่วงกังฟูเดียวต้องล้างฟันฆ่าเชื้อโรคจากคนที่ไปงับมา

ออฟไลน์ Fenfen2537

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ลอยคอ. และรอคอยค่ะะ

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รอพี่ไฟกับพี่สมุทร โอ้ยเขิน :z6: :3123: :L2:

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
รอแล้วรอเล่า รอวัน รอคืน รอถึงเดือนมืด เมื่อไหร่เทอจะมา

ออฟไลน์ amito

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-0
เพิ่งตามอ่านทันค่ะ

สนุกสมเป็นเรื่องของเบบี้ รออ่านตอนหน้านะคะ

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
คิดถึงพี่ไฟ:)

ออฟไลน์ bomomorujira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คิดถึงงง มาต่อเร็วๆน้า :pig2:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:


ฝากอีโมน่ารัก ๆ ไว้ให้รู้ว่ามีคนอ่านที่น่ารัก ๆ (?) รออยู่  :laugh: คิดถึงคุณไฟกับสมุทรอีกแล้วววว


 :katai3:

ออฟไลน์ must

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ตอนที่ 21
..ไฟ..





ร้านอาแปะยิ้ม ข้าวต้มกุ๊ย


"ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เหมือนมีคนตามเรา..อยู่เลยนะ" พายุพูดเว้นวรรคด้วยน้ำเสียงปกติ  ผมฉีกยิ้มทันทีที่ได้ยินคำพูดที่แอบคิดไว้ในใจอยู่ได้สักพักหนึ่งแล้ว  ซึ่งตอนแรกปล่อยผ่านไปเพราะคิดว่าอาจจะคิดไปเองเพราะยังจับตัวตนใครไม่ได้  แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พายุพูดออกมาแบบนี้  เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ผมเชื่อในประสาทสัมผัสของพายุน่ะนะ

"ตามมาถึงนี่ สงสัยเราคงถูกให้ความสำคัญน่าดู..รู้สึกพิเศษจัง ต่อมเสียวกูเต้นตุบ ๆ เลย" ผมฉีกยิ้มกว้างเหมือนมีใครมาสะกิดต่อมเสียวที่นอนสงบนิ่งอยู่ในตัวอย่างนั้น..

“ตอนนี้น่ะ นอกจากน้องชายคนรองของมึงที่อยู่ใต้กางเกงในกู..กูก็ไม่มีอาวุธอะไรที่จะทำร้ายใครได้เลย” ผมพูดติดตลกถึงของรักของหวงเพื่อกวนพายุ  วันนี้อากาศดีจนรู้สึกดีมากจริง ๆ พายุพ่นลมหายใจทิ้ง

“เฮียช่วยพูดภาษาคนปกติบ้างจะได้ไหม” มันบ่นหน้าเครียด

“มึงสอนกูได้เหรอ” ผมย้อนถามตาใส  มันนั่นละตัวดี  พายุจ้องผมเขม็ง  ผมจึงอมยิ้มมุมปากให้นิดหน่อย

"แยกกันไป ..ทำอะไรก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน" ผมพูดแกมสั่ง  พายุพยักหน้ารับ  เข้าใจง่ายและหัวไวในเรื่องที่ผมต้องการความร่วมมือเสมอ  ผมนั่งรอ  พายุลุกขึ้นยืนทำให้กังฟูลุกตามในทันที  มันเลือกที่จะปลดสายจูงออกอย่างตั้งใจให้เป็นทั้งทีปกติเราจะไม่ทำ  กังฟูยังคงนิ่งสงบ  บางทีผมก็รู้สึกว่ามันเป็นหมาที่ฉลาดจนผมยอมใจ  ทำให้ไม่รู้สึกเสียดายเงินที่ได้ให้ไป  เมื่อพายุเดินเข้าซอยไปจนลับตาแล้ว  ผมกวาดตามองรอบตัวอย่างรักษาท่าที  ไม่มีใครในที่นี้ที่ผิดสังเกต 

"แปะครับ" ผมเรียกพร้อมกับลุกขึ้นยืน  อาแปะที่กำลังทำอาหารอยู่อย่างวุ่น ๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

"เดี๋ยวผมกลับมานะ..นี่ค่าอาหาร แต่ถ้าสามสิบนาทีผมไม่กลับมา..แปะเก็บโต๊ะได้เลย" ผมสั่งเป็นนัยยะพร้อมกับวางเงินแบงก์พันลงบนโต๊ะ  อาแปะขมวดคิ้วเล็กน้อย  แกส่ายหน้า

"เอาอีกแล้วนะอาไฟ ไป ๆ กลับมาแล้วค่อยจ่าย!" อาแปะปัดมือส่ง ๆ ไปทีอย่างเหนื่อยหน่ายคล้ายกับรู้จักงานของครอบครัวผมเป็นอย่างดี

“รอพวกลื้อ อาหารจะเย็นซะเปล่า อั๊วไม่ทำรอ” ผมยิ้มกว้างให้เพราะรักที่แกเป็นคนหัวไวอีกคน

"แปะเป็นซะอย่างนี้ พ่อผมถึงได้รักแปะไง ..ผมเองก็ด้วย" ผมยิ้มบอก  อาแปะส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายดีใจที่ได้ยิน  ผมจงใจเดินออกไปคนละทางกับที่พายุเดินไป  เราทั้งคู่รู้จักตรอกซอกซอยแถวนี้เป็นอย่างดีไปจนถึงดีมากด้วย  เรามาละแวกนี้บ่อย ๆ เพราะพ่อพามาปล่อยวิ่งแถวนี้ตั้งแต่จำความได้แล้ว  ไม่ว่าจะมาเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว  มาจนคุ้นชินแถวนี้อย่างกับวิ่งอยู่ในบ้านตัวเองอย่างนั้น 

..ยิ่งผมเดินเข้าไปในซอยลึกและเปลี่ยวมากเท่าไหร่  ก็ยิ่งแน่ใจว่ามีคนตั้งใจตามผมมาจริง ๆ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้พายุถูกตามด้วยรึเปล่า  เสียงฝีเท้ามามากกว่าสองคน  ผมเดินผิวปากฮึมฮัมยิ้ม ๆ อย่างสบายอารมณ์

"หึ..ชอบจริง ๆ อารมณ์ถูกต้อนนี่นะ" ผมส่ายหัวบ่นกับตัวเอง  ฝีเท้าเดินด้วยความเร็วปกติบ้าง  ชะลอฝีเท้าเบาลงบ้างเพื่อแกล้งหยอกคนด้านหลัง  การที่ได้เห็นพวกนั้นปฏิบัติตามมันสนุกดี  เมื่อมาถึงที่ ๆ ปลอดคน  ผมจึงตัดสินใจหยุดเดินพร้อมหันตัวกลับไป

"ไงครับพี่ชาย" ผมอมยิ้ม  ทักผู้ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมสี่คน

"พอมีลูกอมไหมครับ?" ผมถาม  ทุกคนมองหน้ากันเหรอหรา

"คนคุมความประพฤติผมเขาอนุญาตให้กินได้วันละสองเม็ดน่ะ แล้ววันนี้เขาดันไม่มา ผมติด..เลยอยากได้อีกสักเม็ด" ผมฉีกยิ้มกว้างอธิบาย   

"กูไม่ตลก" อีกฝั่งตอบมา  น้ำเสียงห้วนแข็งกร้าวผสมอยู่ในลูกตาที่ค่อนข้างระแวง

“ใจเย็น ๆ น่า พวกพี่ตั้งสี่คน ผมสิควรโมโห” ผมขยับมือขำ ๆ

"ไม่ยักรู้ว่าคนแถวนี้เขาตอนรับแขกกันแบบนี้นะครับ" ผมแซวไปอย่างนั้น  ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าพวกมันไม่ใช่คนแถวนี้แน่  ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว  หน้าตาหรือสำเนียงการพูดก็ตาม

“น้องชายผมละครับ” ผมถาม  ใช้น้ำเสียงชวนคุยสบาย ๆ

“หึ ไม่ต้องห่วงน้องมึงหรอก คิดว่าหมาจะช่วยได้รึไง” มันแสยะยิ้มตอบ  ผมมองต่ำลงพลางเบะปากให้

“ก็นะ..ผมก็ว่างั้น พี่นี่ฉลาดจัง ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะกว้าง

“วันเกิดปีก่อน น้องชายผมสั่งเนื้อจากภัตตาคารมาโลนึง มันน่ะ..กินดีอยู่ดีสุด ๆ” ผมเล่าให้ฟัง  ฟังดูตอแหลแต่กลับเป็นความจริงเสียด้วย  พายุสั่งเนื้อจากภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น  เป็นเนื้อคุณภาพดีที่จัดให้กังฟูได้กินดีสุด ๆ พายุมีวิธีการเลี้ยงหมาโดยให้อาหารสดบ้าง  สุก ๆ ดิบ ๆ บ้าง  สลับกับอาหารเม็ดที่นาน ๆ ครั้งจะเกิดขึ้น  ได้ผลตรงที่ว่ากังฟูเติบโตอย่างแข็งแรงมากทีเดียว 
 
"มาทายกันไหมว่าน้องผมหรือคนของพวกมึงใครจะล้มก่อน" ผมยักคิ้ว  เปลี่ยนน้ำเสียงในการใช้ทำให้ฝั่งตรงข้ามแสยะยิ้มออกมาคล้ายเหนือกว่า

"หึ สี่นาที" ผมวิเคราะห์  ไม่น่าเกินนี้  พวกมันยืนมองผมนิ่ง  ไร้คำพูดจนน่าแปลกใจ  ผมมองสำรวจมันหัวจรดเท้า  เมื่อผมเริ่มก้าวขาขยับตัว  มันสี่คนก็ตั้งกาดพร้อมสู้ทันที 

"อู้~ จุ ๆ ๆ" ผมอุทานด้วยน้ำเสียงหยอก ๆ พลางเดอะลิ้นเล็กน้อย  รู้สึกเสียวบอกไม่ถูก  พวกมันมองผมอย่างไม่ไว้ใจ  สายตาดูหลอกแหลก  ผมตั้งกาดบ้างแต่ไม่จริงจังนัก  เมื่อบุกเข้าหา  หนึ่งในนั้นที่ถูกผมจ้องมองก็สลับกาดไปมาคล้ายไม่แน่ใจว่าผมจะทำอะไรกับมันกันแน่ 

"หึ ๆ" ผมหัวเราะ  พร้อมกับเปลี่ยนท่าตั้งกาดเลียนแบบท่าทางลังเลของมันเมื่อครู่เพื่อล้อเลียนกวน ๆ พอมันเห็นอย่างนั้น  สีหน้าที่ลังเลเมื่อครู่นี้ก็เปลี่ยนเป็นถอดสี  อาการของผมคงไปยั่วโมโหอีกฝ่ายเสียแล้ว  ผมยักคิ้วแสยะยิ้มกว้างท้าทาย  ชี้นิ้วเข้าที่ตาตัวเอง  ก่อนชี้ไปที่มันทั้งหมดครั้งหนึ่ง  เพื่อเป็นการบอกให้มันมองไว้ให้ดีและควรตั้งสติให้มากกว่านี้  ถ้าพวกมันเป็นนักมวยที่ค่ายผม  อาการแบบนี้ผมไม่เลี้ยงไว้ให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำเด็ดขาด

..การต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อฝั่งนั้นเป็นฝั่งพุ่งเข้าหาผมก่อน  ผมล้มมันทีละคนอย่างใจเย็น  บางครั้งสองคนได้ภายในไม่กี่นาที  แม่ไม้มวยไทยไม่ที่งัดมาใช้  ส่วนใหญ่ผมจะตั้งรับและปัดป้องซะมาก  แทบไม่ได้ลงแรงจนถึงกับต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวอย่างที่ควร  ฝีมือของพวกมันถือว่าไม่เลวร้ายแต่ก็ไม่ได้ดี  ถ้าตามภาษาของพายุก็คือ "ห่วยแตก" นั่นแหละ  ถ้าพวกลูกน้องผมอยู่ก็คงสามารถจัดการได้ง่าย ๆ ภายในไม่กี่นาทีเช่นกัน

"ไม่ว่างคุยด้วยนะครับ ไว้เจอกันโอกาสหน้า" ผมบอกทิ้งท้ายและไม่คิดจะเค้นขอคำตอบด้วยว่าพวกมันเป็นคนของใคร  ศัตรูผมค่อนข้างมาก  ถามไปก็คงมีแต่จะใส่ความกันเปล่า ๆ 

พวกมันไม่มีอาวุธติดตัวมาซึ่งน่าแปลกมาก  ถ้าพวกนี้ตั้งใจจะเอาชีวิตผมพวกมันคงไม่มามือเปล่าแบบนี้  คงมีใครกำลังเล่นตลกกับผมอยู่แน่  ผมเดินย้อนกลับไปทางที่พายุไปโดยใช้ทางลัด  คิดว่าถ้ามันโดนรูปแบบเดียวกันกับผม  เส้นทางที่จะไปประจบกันได้ก็มีไม่เกินสามทางนี้  ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะจริง ๆ แล้วก็ยังไม่ไว้ใจเท่าไหร่  ถ้าได้เห็นพายุอยู่ในสายตาค่อยว่ากันอีกที  ผมใช้เวลาเดินหาพายุอยู่เกือบสามนาที  จนมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับโกดังเก็บข้าวที่หลังตลาด  พบพายุยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกังฟูที่ขนาบข้างและบุคคลแปลกหน้าจำนวนสี่คนที่ล้อมรอบมันอยู่ในอีหรอบเดียวกันกับผม  ผมยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก้มหน้าหัวเราะ  สังเกตเห็นชายอีกคนยืนมองดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ฝั่งตรงข้ามกันกับผม  ฝ่ายนั้นเองก็ไม่ทันสังเกตเห็นผมเช่นกัน

"จัดว่าเป็นมหรสพชั้นดี" ผมยิ้มกว้าง  หยิบเก้าอี้ไม้เก่า ๆ ที่วางอยู่ใกล้มือติดกับอาคารมานั่งลงอย่างสบายใจ

"เอาเลยยาหยี โชว์ของให้พวกเฮีย ๆ เขาดูหน่อย" ผมยิ้มบ่นอย่างชอบใจและไม่คิดจะเข้าไปช่วยด้วย  ถ้าพี่ธานอยู่หรือแม้กระทั่งลูกน้องผมทุกคน  มันคงตื่นตาตื่นใจกันเป็นแน่ที่ผมเลือกที่จะทำเช่นนี้  ก็นาน ๆ ครั้งจะได้เห็นเป็นขวัญตาสักทีนี่นะ  ปกติพายุมันเก็บตัวจะตายไป 

พายุสั่งให้กังฟูที่กำลังขู่คำรามจนไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้พายุเกินกว่านั้นสักคน  พอสิ้นคำสั่งจากเจ้านาย  กังฟูก็ถอยห่างออกไปสองสามก้าว  ลำตัวมันยังคงยืดตรงเตรียมพร้อมสู้อยู่ไม่ถอย  ตอนนี้พายุถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ชายตัวขนาดเท่า ๆ กับมัน  บางคนใหญ่กว่านิดหน่อย  น้องชายผมยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่และสีหน้าไม่เปลี่ยนไปในทางใดเลยแม้แต่น้อย  หน้าตายมึน ๆ ยังไงก็ยังคงตายอยู่อย่างนั้นเสมอต้นเสมอปลาย 

เสียงเพลงลูกทุ่งดังก้องมาจากทางต้นซอยซึ่งค่อนข้างดังมากจนหลังซอยนี้ได้ยินแว่ว ๆ ถนัดหู  แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความเงียบที่มีอยู่ตรงนี้ดีขึ้นนัก  ผู้ชายสี่คนตั้งกาดเตรียมพร้อมสู้  หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าหาพายุก่อนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง  เมื่อพายุปัดป้องและสู้กลับได้จึงทำให้อีกสองคนที่มองสถานการณ์อยู่เข้าไปช่วยรับมือในทันที  วิชากังฟูของมันยังว่องไวและปราดเปรียวเหมือนเคย  ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้เห็นมันในสถานการณ์เช่นนี้มาได้สักพักใหญ่แล้ว  น่าจะสามสี่เดือนแล้วละมังที่ไม่ได้พามันไปออกงานลงไม้ลงมือกับใคร 

เมื่อฝั่งตรงข้ามเห็นว่าแม้จะเข้าไปแล้วถึงสามคนแต่ก็ยังไม่สะเทือนฝีมือของพายุ  สีหน้าของพวกมันเริ่มลังเล  เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่ว  ดูเหมือนน้องชายผมมันจะเอาจริงผิดจากที่ผมแค่หยอกล้อไอ้สี่ตัวเมื่อครู่นี้เล่นซะแล้ว  หนึ่งในนั้นถูกชกจนเกือบสลบล้มไป  ดูท่าแล้วคงลุกไม่ขึ้นอีกพัก

"อ้าก!" เสียงคำรามจากพายุดังโผงขึ้น  มันปล่อยหมัดชกหนึ่งในสามคนที่เหลือ  จับล็อกแขนของอีกสองคนดึงทั้งคู่เข้าหากันสุดกำลังจนตัวของพวกมันกระแทกเข้าหากันด้วยความแรงอย่างหนักหน่วง  เป็นผลทำให้ทั้งคู่กระเด็นออกคนละทิศละทาง
 
"อู้" ผมร้องแกมหัวเราะไปพลาง  สองคนที่เหลือตั้งกาดมองพายุอย่างระแวดระวัง  พายุยืนนิ่ง  มันก้มหน้าลง  เอียงคอไปทางซ้ายเล็กน้อยสองครั้ง  ก่อนเอียงคอไปทางขวาสองครั้งพร้อมกับกวาดปลายเท้าขวาออกไปทางด้านหลังอย่างช้า ๆ เสียงปลายเท้าที่ลากพื้นไปดัง "ฟืดดดด" จนผมได้ยินชัดเจน  ครั้งนี้พายุพุ่งเข้าสู้ก่อนเหมือนอยากให้รีบจบการต่อสู้นี้ลงเสียที  หนึ่งในนั้นถูกเล่นจนน่วม  เลือดสาด  ตัวกระเด็นไปปะทะกับรถยนต์เก่า ๆ ผุ ๆ ที่จอดอยู่  คนสุดท้ายที่เหลือ  ทีแรกมันทำท่าจะหนีถอย  ทันทีนั้นกังฟูก็วิ่งกระโจนตาม 

“ชู่!” เสียงปรามดังลอดไรฟันของพายุทำให้กังฟูชะงัก  ผู้ชายฝั่งตรงข้ามที่ถูกกังฟูต้อนอยู่หน้าถอดสีจนแทบหดเหลือเพียงสองนิ้ว  ปากของกังฟูสั่นคำรามตลอดเวลา  มันเผยอปากจนเห็นเขี้ยวขาวสะอาด  เจ้าตัวคงกำลังอึดอัดจะแย่แล้วที่ไม่ได้ออกแรงเสียที

“เลือกเอา ว่าจะจบกับใคร” พายุยอมพูดเสนอออกมา  ทั้งที่ปกติมักจะไม่พูดกับคนแปลกหน้าในสถานการณ์เช่นนี้

"อึก!" อีกฝั่งกัดฟันเลือกที่จะพุ่งตัวเข้าสู้กับพายุต่อแทนที่จะเป็นกับกังฟู 

"เฮือก!" พายุคำรามในลำคออีกครั้งที่คงต้องใช้แรงอย่างมาก  มันชกซ้ายสลับขวาอย่างเร็วและแรงจนคู่ต่อสู้ตั้งตัวไม่ทัน 



ตึง !!!!   ...ฝ่ายที่เสียเปรียบตัวกระเด็นไปจนหลังกระแทกเข้ากับประตูทางเข้าโกดัง  พายุวิ่งต้อนเข้าไปอย่างไม่ลดละทั้งที่สภาพอีกฝ่ายจนมุม  หมดกำลังที่จะสู้ต่อแล้ว  มันใช้ปลายเท้าถีบดันคอหอยของอีกฝ่ายไว้เหมือนไม่ยอมให้คู่ต่อสู้ล้มลงไปทั้งอย่างนี้  ผมยิ้มมอง  เลือดของผู้ชายคนนั้นไหลออกมาทางจมูกจนเปื้อนรองเท้าของน้องชายผู้รักความสะอาด  ตามันเหลือกด้วยเพราะหายใจไม่ออก  มันจับข้อเท้าของพายุไว้เหมือนเป็นการบอกว่ามันทรมานและขอยอมแพ้  ถ้าพายุยังดึงดันที่จะทำเช่นนั้นต่อไป  อีกฝ่ายได้ขาดอากาศหายใจตายในที่สุดแน่  พายุผ่อนเท้าออกเล็กน้อยคล้ายยอมความ  แต่แล้วมันก็แกล้งเหยียบกลับเข้าไปอีกครั้ง

"หึ ๆ" ผมหัวเราะ  ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปหา


แปะ  ๆ  ๆ  ๆ   ...ผมยิ้มกว้าง  ปรบมือขึ้นอย่างดังสามสี่ทีทำให้ผู้ชายคนที่ยืนมองดูสถานการณ์อยู่เหลือบมามองผม  เขาเป็นคนเดียวที่มีสติดีครบทุกอย่าง  การที่เห็นผมและสีหน้ายังไม่เปลี่ยนไปแสดงว่าทำใจไว้ก่อนแล้ว 

"........." ผมหันหน้าไปยิ้มกว้างให้พายุ  มันมองผมตาขวางพร้อมกับนำมือขึ้นชูนิ้วกลางให้พี่ชายอย่างผมในทันที  นิ้วกลางจากน้องชายที่น่าจะหมายความว่าทำไมเห็นแล้วไม่เข้าไปช่วย  ผมพยักหน้าสั่งให้พายุรีบจัดการส่วนที่เหลือ  ทันทีนั้นมันก็ตวัดตัวเตะเข้าที่ใบหน้าอีกฝ่ายจนร่วงลงสลบภายในไม่กี่วินาที  ผมหัวเราะ  ฉีกยิ้มเดินตรงเข้าไปหาหนึ่งเดียวที่รออยู่  สำรวจมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า  หน้าตาไม่เหมาะที่จะเป็นคนเลวจริง ๆ นั่นละ  เพราะอย่างน้อยน่าจะมีกลิ่นเชื้อของคนนิสัยแบบผมอยู่บ้างน่ะนะ 

..สายตาของผมกวาดไปจนทั่วร่างกายก่อนหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงของอีกฝ่ายอย่างจงใจ  มันยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ  ผมแสยะยิ้ม  เข้าประชิดตัวและนำมือจับชายเสื้อของมันเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องได้ชัดเจน

"อู้~ ซิกแพค" ผมถลึงตาชมด้วยน้ำเสียงหยอก ๆ     

"หุ่นสวยดีนี่ครับ" ผมบอก  อีกฝ่ายทำหน้าไม่ถูก  ไม่รู้ว่านั่นตกใจหรืออะไรแน่  พายุกลับเข้ามาแต่ยืนทิ้งระยะห่างเอาไว้

"แนะนำก่อน นั่นน้องชายผมเองครับ ความภูมิใจของตระกูลเลยนะครับนั่น" ผมไม่พูดเปล่า  เข้าไปกอดไหล่มันอย่างสนิทสนิมจนอีกฝ่ายชะงักด้วยความระแวง  พายุยังคงมองเราทั้งคู่สีหน้าปกติเช่นเคย

"ใครส่งมางั้นเหรอครับ" ผมกระซิบถามที่ข้างหู  ปลายจมูกเลื่อนแตะลงที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายจนตัวมันสั่น  ปฏิกิริยาที่ทำให้ผมอดอมยิ้มออกมาไม่ได้

“นั่งก่อนสิ” ผมผละตัวออก  อนุญาตให้นั่งเก้าอี้ไม้เก่า ๆ ที่ยังคงใช้งานได้อยู่วางอยู่ใกล้ ๆ กับเราทั้งคู่  อีกฝ่ายก็นั่งลง  ผมจึงหยิบเก้าอี้ไปตั้งประชันหน้าและนั่งลงด้วยเช่นเดียวกัน   

"ไอ้ตัวนั้นชื่อกังฟู น่าเสียดายที่พี่ไม่ได้เห็นฝีมือ..ค่าตัวมันน่ะ คงแพงกว่ารถพี่ซะอีก" ผมหัวเราะบอก 

"ชื่ออะไรครับ" ผมเปลี่ยนเรื่องพูดกะหันหัน 

"ทิว" อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ 

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ..แต่ ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยมีศัตรูที่หน้าตาแบบพี่ด้วย" ผมพูด  ทิวเบนหน้าไม่ยอมสบตา  ผมเห็นด้วยหางตาว่าพายุยืนหันหลังให้ผมอย่างรู้หน้าที่ว่าควรระวังฝั่งนั้นเอาไว้ให้

"พี่คง..ไม่ได้ทำงานให้วงการผมหรอกใช่ไหม สัญชาตญาณน่ะ ดูเป็นคนปกติ" ผมจับผิดมองแต่ไม่วายส่งตาหวานเยิ้มไปให้

"..ผมดันชอบคนดีซะด้วย" ผมแสยะยิ้มมุมปากพลางเดาะลิ้นเบา ๆ



ตืด  ๆ ๆ   ...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  แน่นอนว่าไม่ใช่จากผม  มันมาจากในกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่าย  ผมนำขาไขว่ห้างนั่งมองอย่างสบาย ๆ

"รับเลยครับ ตามสบาย" ผมปัดมือบอก  แต่อีกฝ่ายยังมองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจอยู่ดี

"เร็วหน่อยครับ ผมหิวน่ะ" ผมบ่นเซ็ง ๆ ทำให้ทิวยอมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า  ผมแบมือไปตรงหน้า  อีกฝ่ายวางโทรศัพท์ลงบนมือผม  ผมยิ้มให้เล็กน้อยแทนคำขอบคุณที่เขาทำตัวว่าง่ายดี  เมื่อเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอโทรศัพท์ถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึกยาว 

"สวัสดีครับ" ผมกดรับทักปลายสาย 

"........." ปลายสายเงียบไปตามที่คาด

"ไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอครับ คุณสารวัต" ผมเปิดประเด็น  ปลายสายคือพี่ทัพไม่ผิดแน่  ชอบเล่นอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้  มีไม่กี่คนในชีวิตของผมหรอกครับ  ก็ปกติผมมักจะเป็นฝ่ายชอบเล่นไม่เข้าท่ามากกว่า

"หึ..รับสายแทนคนของกูได้ คนของกูคงไม่ได้ตายไปหมดแล้วหรอกนะ" พี่ทัพตอบ  น้ำเสียงคุ้นหูที่ต่างฝ่ายต่างจำได้ดีขึ้นใจ

"หึ..ตายเตยอะไร บ้านเมืองมีขื่อมีแป" ผมพูดห้วน ๆ ระหว่างพูดตาก็มองตรงข้ามตลอดเวลา  สำรวจมองตั้งแต่หัวจรดเท้า  อีกฝ่ายหุ่นดีไม่ธรรมดาจนแทบทำให้เสียสมาธิทีเดียว

"พี่ทิวนี่เขามีลูกมีเมียรึยัง? ผมว่าผมตกหลุมรักพี่เขาแล้วน่ะ” ผมพูดโต้ง ๆ คนที่ถูกพูดถึงหน้าถอดสี

“เฮียก็รู้..ว่าเวลาที่ผมเหงื่อออกไม่หมด มักมีอารมณ์ผิดที่ผิดทาง ขอเอาพี่เขาสักทีคงไม่ว่ากันหรอกใช่ไหม แล้วผมจะถือว่าเรื่องวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..แบบนี้ดีไหม" ผมถามออกไปตรง ๆ พูดเล่นติดตลกไปงั้น  แต่กลับทำเอาทิวตาโตแทบถลน  ปลายลิ้นถูไปตามไรฟันอย่างนึกหมันเขี้ยวขึ้นมา

"ไอ้ไฟ มึงหยุดระยำสักห้านาทีจะตายไหม!" พี่ทัพขึ้นเสียงคล้ายสุดทน

"หึ ๆ ๆ" ผมหัวเราะ

"พี่ทำแบบนี้ทำไม" ผมหยุดขำดื้อ ๆ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง  พี่ทัพเงียบลงทันที  ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้คำตอบง่าย ๆ

ผมนำขาขวาที่ไขว่ห้างอยู่ตวัดเหยียบลงไปที่ปลายเก้าอี้ระหว่างขาของทิวที่นั่งอยู่  ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นผมเหยียบไปอย่างนั้น  มันก็อ้าขาออกกว้างอย่างระแวดระวังตัวเอง  ผมช้อนตาพลางยิ้มให้  ปลายสายยังคงรักษาความเงียบเอาไว้  ผมจึงเลื่อนเท้าไปเชื่องช้าจนคนที่นั่งอยู่ถอยก้นออกหนีเท้าผมไปเท่าที่จะทำได้  เมื่อจนหนทางแล้วมันกลืนน้ำลายลงคอ  มองหน้าผมอย่างระแวง  ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และหยุดเท้าไว้แค่นั้นเพื่อให้คนตรงข้ามตายใจ  สายตาที่จับจ้องมองของผมเปลี่ยนอารมณ์  เท้าขยับเหยียบเข้าไปที่เป้ากางเกงของทิวในทันที

“สารวัตร!” ทิวอุทานหน้าเสีย  ผมฉีกยิ้มด้วยความพอใจกับปฏิกิริยาที่ได้รับ

“ไอ้ไฟ..” พี่ทัพถอนหายใจเฮือกใหญ่ปรามเหมือนรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นกับลูกน้องตน  ผมแลบลิ้นออกมากัดเล็กน้อย  ปลายเท้าขยับย้ำไปที่ส่วนสำคัญของคนตรงหน้าอย่างใจเย็นจนอีกฝ่ายอึกอักหายใจลำบาก  แกมเริ่มแดงให้เห็น

“ทั้งที่มึงบอกว่าวางมือแล้ว ที่จริงมันไม่ใช่” พี่ทัพเอ่ย

“ถอดกางเกงซะ..” ผมสั่งห้วน ๆ ทิวก้มหน้าลง 

“ไอ้ไฟ!” พี่ทัพขึ้นเสียงดังกว่าเดิม

“ไม่โทษคนอื่นสิครับ” ผมเตือนพี่แก  ย้ำเท้ากดเข้าไปที่เป้าแรงมากขึ้นเดิม  อีกฝ่ายสะดุ้งนำมือจับข้อเท้าผมไว้หน้าเสีย

“ก็ได้..กูแค่อยากให้มึงช่วย" พี่ทัพทำท่าจะตอบ  แต่การขึ้นต้นประโยคแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากรับฟังคำตอบขึ้นมา

"ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร" ผมตัดบนขึ้นโต้ง ๆ พี่ทัพเงียบลงในทันที  อีกฝ่ายคงรู้ดีว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่  เราเคยทำงานร่วมกันมานาน  อยู่กันในฐานะของพี่น้อง  ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานมานานจนรู้ตื้นลึกหนาบางกันหมด 

"อย่าทำแบบนี้อีก..” ผมพูด

“ผมคิดว่าพายุไม่น่าจะชอบ พี่ก็รู้ว่ามันไม่ชอบให้เหงื่อออกเวลาที่ไม่มีก๊อกน้ำอยู่ใกล้ ๆ ตี๋เล็กไม่ชอบ อั๊วก็ไม่ชอบด้วยเหมือนกัน" ผมพูดเรียบ ๆ อย่างไม่จริงจังนัก  เพราะถ้าจะให้ผมโกรธเรื่องแค่นี้กับพี่ทัพ  ตามจริงแล้วผมก็ไม่โกรธ  ผมชักเท้าออกจากเป้าของทิวแล้วลุกขึ้นยืน  ทิวถอนหายใจแรงคล้ายโล่งอก 

"ลื้อฟังอั๊วอธิบายก่อนได้ไหมวะ" พี่ทัพรีบพูด

"ถ้าพี่ไม่ฟังที่ผมบอก ผมก็ไม่รับประกันคนของพี่นะครับ" ผมบอก  พร้อมนำมืออีกมือที่ว่างอยู่ลูบเข้าไปที่ต้นคอของทิวพลางเกลี่ยนิ้วไปมา  เหงื่อของอีกฝ่ายเปื้อนมือผมนิดหน่อย  เจ้าของร่างกายไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองมาเลย 

"เชิญครับ ขอบคุณ" ผมไม่ฟังเสียงปลายสาย  ยื่นโทรศัพท์คืนทั้งที่ยังไม่ตัดสายกลับไปให้  ทิวรับคืนกลับไปแนบหู  พูดอยู่สองสามประโยคก่อนวางสายไป 

"ทำงานกับคนแบบนั้น เหนื่อยหน่อยนะครับ" ผมพูดบอกพร้อมตบบ่าอีกฝ่ายสองสามทีอย่างให้กำลังใจแล้วเดินออกมา

"ทำงานกับคนแบบเฮียก็เหนื่อยเหมือนกัน" พายุพูดตามหลัง 

"หึ" ผมหัวเราะชอบใจ  หยุดเดินแล้วหันกลับไปคว้าคอมันเข้ามากอด 

ผมกับพายุเดินกลับไปกินข้าวต้มที่ร้านอาแปะ  แปะทำอาหารเตรียมให้ผมสองพี่น้องใหม่แบบสด ๆ ร้อน ๆ และพายุก็ไม่ลืมที่จะสั่งเป็ดสำหรับกังฟูกลับบ้านไปด้วย  ครั้งนี้พายุเป็นคนขับกลับเพราะผมหมดอารมณ์แล้ว

"เฮีย..จะทำงานให้ตำรวจอีกเหรอ" พายุถามตะกุกตะกักขึ้นระหว่างทาง  น้ำเสียงเหมือนเกรงที่จะถามออกมา  ผมเอนเบาะรถลงเพื่อให้นอนได้สบายมากขึ้นและเท้าแขนไว้บนหัวทั้งสองข้าง

"ไม่หรอก" ผมตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มเบาเพื่อให้มันสบายใจ  พายุเป็นห่วง  ผมทราบดี  มากไปกว่านั้นตอนนี้ที่ผมไม่อยากทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างเมื่อสมัยที่พ่อยังมีชีวิตอยู่  ก็เพราะผมเป็นห่วงพวกมันมากกว่า 

"งั้นฟังเพลงนะ" มันเปลี่ยนเสียงใสขึ้นมาเลย  ผมไม่ตอบ  อยากทำอะไรก็ทำไป  สายตาเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของพายุ  มันวางอยู่ตรงใกล้กับคันเร่งและมีสายเข้า  พายุหยิบไปกดรับ  ผมหลับตาลง

"ขับรถอยู่ เดี๋ยวค่อยโทรมาใหม่นะ" พายุพูดบอกปลายสาย 

"มากับเฮียครับ" มันตอบ  ผมตงิดใจด้วยสัญชาตญาณของความเป็นพี่อย่างเร็วสูง

"ครับ ๆ" พายุขานรับแล้ววางสายไป

"ใคร" ผมถามทันที

"เพื่อน" มันตอบ

"เพื่อนท้องชนกัน?" ผมพูด  ลืมตาขึ้นมอง  พายุยังคงนิ่ง

"กูถามว่าใคร" ผมย้ำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงคงเดิม

"ยุตอบว่าเพื่อนไปแล้วไง เฮียนี่ซักเป็นอาป๊าเลย" มันขมวดคิ้วบ่น  ส่วนตัวผมค่อนข้างขี้บ่นเหมือนพ่อเพราะแม่ผมเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด  ผมก็ยอมรับนะครับว่าผมขี้บ่น  แต่ผมจะบ่นเฉพาะคนในครอบครัวและคนสำคัญเท่านั้น  ใครที่ไม่สำคัญในชีวิตเรา ๆ จำเป็นต้องใส่ใจด้วยงั้นเหรอครับ  เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เอง  ซึ่งเพื่อนสนิทผมจะรู้ดีว่าผมชอบบ่นจุกจิก  พวกมันมักส่ายหัวเสมอเมื่อไหร่ที่คนนอกที่ไม่รู้จักมาคลั่งไคล้หลงใหลผม  พวกมันมักจะทำเสียงรับไม่ได้ใส่คนที่มาชอบผมว่า "โธ่ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย" ประมาณว่าถ้าได้รู้จักตัวจริงของผมแล้วละก็คงเบือนหน้าหนีกันเป็นแน่

"กูรู้แล้วว่าเพื่อน แต่เพื่อนชื่อเหี้ยอะไรล่ะ..เสือ สิงห์ กระทิง แรด..กูขอชื่อ" ผมว่า

"ชื่อพี่ม่าน" พายุกระแทกเสียงตอบอย่างยอมความ

"ไอ้เหี้ยนี่เป็นคนรึเปล่า หรือเป็นผี..ชื่อม่าน คนเหี้ยไรชื่อม่าน" ผมแสยะปากบ่น

“แล้วไหนมึงบอกเพื่อน"

"เพื่อนรุ่นพี่ไง" มันย้อนตอบ  ทำปากยื่นปากยาว

"มันจีบมึงเหรอ" ผมถาม

"ยุไม่รู้" พายุเสียงกระแทกไม่เลิก

"มึงดูไม่ออกเลยรึไงว่าใครจีบมึง หรือไม่จีบมึง"

"อ๋อใช่..กูลืมไป มึงซื่อบื้อ" ผมว่า  พายุนั่งหน้างอหงิกเป็นกระบวยไปแล้ว

"พี่เขาชอบหมาเหมือนกัน ที่บ้านน้าพี่เขาเพาะหมาขายด้วย..ก็เลยคุยกัน" พายุอธิบาย

"หึ..หึ ๆ ชอบหมา มันเคยเจอกังฟูแล้วเหรอ" ผมถาม  พายุเงียบ  เจ้าของชื่อครวญครางในลำคอ 

"ลูกไม้ตื้น ๆ จะจีบคนอื่นแล้วบอกชอบหมา แสดงว่ามันรู้ว่ามึงรักหมา" ผมเบะปากและเอื้อมมือหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ด้านซ้ายมือมาเปิดดื่มไปบ่นไป  คิดว่าที่เดาอยู่นี่ไม่ผิดอีกด้วย

"เฮียอย่าเอาพื้นฐานตัวเองไปตัดสินใครสิ"

"โทษครับ อย่าเอากูไปเปรียบกับมัน เพราะกูไม่เคยจีบใครเพราะใช้ลูกไม้..ผมชอบหมาครับ ไม่ทราบว่าคุณชอบหมารึเปล่า โอ๊ะโอ..พอดีเลย ผมก็เลี้ยงหมาเหมือนกัน ยังไงมาดูหมาที่บ้านผมสิ แล้วก็พกถุงยางไปด้วยนะครับ หึ! ปัญญาอ่อน" ผมเล่นน้ำเสียงขึ้น ๆ ลง ๆ ตอบกลับ

"ยุไม่คุยกับเฮียแล้ว" มันย้อนด้วยน้ำเสียงเคือง ๆ
 
"คร้าบ ๆ" ผมยกมือขึ้นยอมแพ้มันเช่นกัน

"อ๋อ..กูขอบอกไว้อย่าง จุดจบส่วนใหญ่ หลังจากดูหมาแล้วก็มักจะจบที่การปี้กันน่ะนะ" ผมพูดจบก็เมินหน้าหนีทั้งที่กลั้นหัวเราะไว้สุดชีวิต  ในใจนึกและจำ "ไอ้ม่าน"


- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2016 22:30:28 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

15:10 น. บ้านเลิศประสงค์

"คุณไฟครับ เฮ้อ..ปลอดภัยก็ดีแล้ว" พี่ธานเดินหน้าตาตื่นออกมาต้อนรับทันทีที่ผมลงจากรถ

"เป็นไงบ้าง" ผมถาม  สมุทรเดินตามพี่ธานมาด้วย  เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนพี่ธานเพิ่งโทรรายงานผมว่าพี่เขาและสมุทรเองก็โดนแบบที่ผมโดนเช่นเดียวกัน 

"ปลอดภัยดีครับ" พี่ธานตอบ 

"ฝีมือพี่ทัพ" ผมบอก  พี่ธานพยักหน้ารับ 

"พวกไอ้เด่นกับไอ้เข้มเจออะไรไหม" ผมถามถึง

"ผมโทรถามแล้วนะครับ พวกมันบอกว่าทุกอย่างปกติดี" พี่ธานตอบ

"คุณพายุเป็นไงบ้างครับ" พี่ธานถามพายุที่เพิ่งเดินเข้ามา

"ลูกน้องพี่ทัพฝีมือห่วยบรมเหมือนเดิม" พายุตอบหน้าตาย  พี่ธานถึงกับกลั้นอมยิ้ม  เข้าไปลูบหัวพายุเบา ๆ อย่างเอ็นดูตามเคย  ผมหันไปมองสมุทร  เขาดูปกติดีตั้งแต่หัวจรดเท้า 

"ยินดีต้อนรับสู่โลกของฉัน" ผมยิ้มแกล้ง  ประโยคแรกเพื่อต้อนรับการพบกันในวันนี้  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ผงกหัวรับ
 
"งานที่ตลาดเรียบร้อยดีนะ" ผมถาม

"ครับ ช่างมาซ่อมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กล้องก็ติดแล้วครับ..แล้วก็ลานจอดรถที่คุณให้ปรับปรุง เดี๋ยวผมเอารูปให้ดู เก็บภาพมาเรียบร้อยแล้วเหมือนกันครับ" สมุทรรายงานแทนพี่ธาน 

"ดี" ผมพยักหน้า 

"คุณไฟจะออกไปไหนไหมครับ" พี่ธานถาม

"ตอนนี้ไม่ล่ะ ตามสบายเถอะ" ผมอนุญาตทุกคน

"ยุอาบน้ำก่อน เหนียวตัว" พายุบ่น  เดินหน้ามุ่ยตุ้ยขึ้นบ้านไป  ผมปัดมือขอตัวแล้วเดินขึ้นมาบนห้องเช่นกัน  เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด  ล้างหน้าล้างตา  หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กติดมือมาด้วยแล้วลงไปที่โรงฝึก  ขณะเดียวกันไอ้เด่นกับไอ้เข้มก็ขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจของมันเข้ามาพอดี  ผมตรงไปที่โรงฝึก  พี่ธาน  สมุทรและไอ้หินอยู่ในนั้นแล้ว  ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเตรียมออกกำลังกายกันพร้อม

"หวัดดีครับนาย หวัดดีครับพี่ธาน..พี่สมุทร!" ไอ้เด่นตะโกนเรียกอยู่ตรงทางเดินจะไปหลังบ้าน  มันสองคนยกมือไหว้พวกผม  ผมยืนนิ่งมอง  พี่ธานพยักหน้าส่ง ๆ สมุทรยกมือรับไหว้อย่างมารยาทดีก่อนที่ไอ้เด่นและไอ้เข้มจะวิ่งเข้าไปทางหลังบ้าน

"หิน..พี่บอกให้นับในใจไปด้วยไง" พี่ธานบ่นคิ้วขมวดที่เห็นว่าไอ้หินไม่ฟังสัญญาณมือจากพี่ธานในระหว่างที่กำลังบริหารกล้ามเนื้ออยู่  ผมเดินไปที่โต๊ะสนุกเกอร์  หยิบผ้าขนหนูสำหรับเช็ดโต๊ะมาเช็ดขอบโต๊ะเพราะเห็นว่ามีรอยเปื้อนอยู่นิด ๆ สมุทรกำลังเช็ดเครื่องมือออกกำลังกายอยู่เหลือบมามอง

“เดี๋ยวผมเช็ดเองครับ” อีกฝ่ายพูด  ผมไม่ตอบแต่เช็ดไปเรื่อยจนมันสะอาดตามที่ต้องการ

"คุณไปทำบุญให้คุณพ่อคุณมาเหรอครับ" สมุทรถาม  ผมหยุดมือพร้อมช้อนตาขึ้นมอง

"อือ" ผมพยักหน้าตอบแล้วนำผ้าไปใส่ตะกร้าสำหรับเตรียมซัก

"ที่เขาใหญ่เหรอครับ" สมุทรถามอีก 

"ใช่" ผมตอบ  หันกลับไปมองหน้าเขาที่วันนี้เขาถามผมมากเป็นพิเศษ  สงสัยพี่ธานคงบอกสมุทรเรื่องนี้หมดแล้ว

"วันหลัง เอ่อ..ผมขอไปด้วยได้ไหม" อีกฝ่ายถามตะกุกตะกักด้วยสีหน้าเกรงใจ   

"........." ผมเงียบ  แน่นอนว่าผมไม่คาดคิดที่จะได้ยินอะไรทำนองนี้

"วันหลังนี่มันปีหน้าเลยนะ" ผมพูดอย่างอดกวนไม่ได้

"หึ" สมุทรแสยะหัวเราะ  เรามองหน้ากันครู่หนึ่ง

“ไม่จำเป็นจะต้องทำเฉพาะวันพิเศษนี่ครับ” เขาพูด  ผมเหสายตาไปอีกทางก่อนพยักหน้าเข้าใจ

"ได้สิ..ถ้านายไม่กังวลว่าจะต้องกลับบ้านช้าแล้วครอบครัวของนายจะรอน่ะนะ" ผมบอก  เบ้ปากนิด ๆ  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ไม่ต่อว่ากลับ   

"มาแล้วคร้าบ! พร้อมมาก!!" ไอ้เด่นวิ่งกลับมาพร้อมด้วยกางเกงขาสั้นออกกำลังกายเพียงตัวเดียว  ไอ้เข้มที่เดินตามหลังมาด้วย  มันส่ายหัวที่น้องชายส่งเสียงดังทั้งที่พี่ธานมักจะปรามพวกมันอยู่บ่อยครั้ง

"พี่สมุทร สบายดีนะครับ..ได้ข่าวว่าพี่ล้มควายตายด้วยมือเปล่าตั้งสี่ตัว!" ไอ้เด่นถลึงตาโตถามสมุทรอย่างตื่นเต้น 

"หึ" ผมหัวเราะขึ้นจมูกที่ได้ยิน   

"ไม่..ประเด็นมันอยู่ที่เด่นอดดูคุณพายุต่างหากล่ะ" ไอ้เด่นกัดฟันหน้าหงอย ๆ นำมือลูบหน้าตัวเองขึ้นอย่างหงุดหงิด ๆ ไอ้เข้มเข้าไปตบหัวไอ้เด่นค่อนข้างแรง

“มึงตบหัวกูทำไม” ไอ้เด่นโวยวาย

“มึงเสียงดัง” ไอ้เข้มตอบเรียบ ๆ ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่มองทั้งที่ก็รู้ว่าไอ้เด่นหันหน้ามามองทางผมหงอย ๆ

"มันรู้ละเอียดดีนะ" ผมพูดกับไอ้เข้มเมื่อมันเดินเข้ามาใกล้

"พี่ธานบอกผมน่ะครับ แล้วมันก็เค้นความจากผมอีกที..วันหลังผมขอทำงานคนเดียวได้ไหมครับนาย ไม่ก็ขอเป็นหินแทนแล้วกัน หูผมจะหนวกอยู่แล้ว" ไอ้เข้มบ่นเบา ๆ ผมหัวเราะในลำคอเพราะชอบใจที่ไอ้เข้มบ่นน้องมันแบบนี้  ดูท่าจะเอือมระอาพอดู

"มันคงตื่นเต้นที่นาน ๆ ทีจะได้ทำงานกับพี่ชายน่ะ" ผมยิ้มกว้าง  ไอ้เข้มไม่กล้าปฏิเสธ  การแกล้งลูกน้องคือหนึ่งในงานอดิเรกของผมเช่นกัน

"ไอ้เด่น มึงจะพล่ามอีกนานไหม พี่สมุทรเขาเช็ดเครื่องมือแล้ว มึงมากระโดดเชือกเลย..ให้ไว" ไอ้เข้มเรียก  มันหยิบเชือกแล้วเดินออกไปอีกมุมหนึ่งของโรงฝึก
 
"กูจะช่วยพี่เขา" ไอ้เด่นพูด

"ไม่ต้องหรอก ไปเถอะ..เดี๋ยวพี่ทำเอง" สมุทรยิ้มบอก  ไอ้เด่นหัวเราะเขิน ๆ แล้วเดินไปเปิดเพลงทำให้สร้างสีสันขึ้นมา  ผมถอดเสื้อยืดออกเหลือแต่กางเกงขาสั้น  พร้อมกับพับขอบกางเกงมากขึ้นเพื่อให้รู้สึกสบายตัวในการขยับร่างกาย  พายุเดินออกมาจากบ้านพอดี 

"หึ..นึกครึ้มอะไรของเขา" พี่ธานพูดกับผม  ผมพยักหน้ายิ้มเห็นด้วยกับพี่แก  พายุเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้น  เสื้อกล้ามและใส่รองเท้ากีฬามาพร้อมเลย   

"คุณพายุ! หวัดดีครับ" ไอ้เด่นส่งเสียงเรียก 

"เอากังฟูออกมาเล่นด้วยได้ไหม" พายุหยุดเดินแล้วถามด้วยสีหน้าคาดหวังเมื่อนึกขึ้นได้  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นหยุดกระโดดเชือกทันควัน  ทำหน้ากระอักกระอ่วนตอบไม่ถูก

"หึ ๆ ๆ" ผมกับพี่ธานหัวเราะชอบใจ 

"ไม่ได้สินะ" พายุพึมพำหน้าหงอยไป

"กังฟูออกจะเป็นเด็กดีแท้ ๆ" มันบ่นพึมพำคนเดียวแล้วเดินตรงเข้าไปคุยกับสมุทรอย่างเจาะจงเป็นพิเศษ 

ผมเริ่มบริหารอบอุ่นร่างกาย  เสร็จแล้วก็นำเชือกไปกระโดดต่อข้าง ๆ กับไอ้เด่นโดยจับเวลากระโดดเชือกสิบห้านาทีหรืออาจเกินไปเล็กน้อย  สมุทรก็นำเชือกมากระโดดข้าง ๆ ส่วนพายุบริหารร่างกายอยู่กับพี่ธาน  เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงร่างกายอุ่นจนร้อนได้ที่  เราผลัดกันชกลม  เล่นเวทเทรนนิ่งบ้างสลับไปโดยทุกคนรู้มาตรฐานที่ควรปฏิบัติอยู่แล้ว  เมื่อผมฝึกเสร็จ  จึงนำลูกตะกร้อมาเตะลอดห่วงอยู่สักพักใหญ่ ๆ ไอ้เข้มเข้ามาร่วมด้วยจึงเตะส่งกันระหว่างผมกับมัน  พอคนอื่น ๆ ฝึกเสร็จต่างก็ตามมาเล่นร่วมด้วย  ไป ๆ มา ๆ จึงหยุดซ้อมมวย  พากันมาตั้งตะข่ายเตรียมแข่งตะกร้อเป็นทีม  พวกเราทั้งหกคนแบ่งกันจับกลุ่มจนได้เป็นจำนวนสองทีม  ทีมแรกคือผม  สมุทรและพี่ธาน  ทีมที่สองคือไอ้เด่น  ไอ้เข้มและไอ้หิน  ส่วนพายุไม่เล่นเพราะขอตัวไปซ้อมปิงปองอยู่ในโรงฝึกของมัน

"โห่ แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยครับ" ไอ้เด่นบ่น  มองมาที่ผมทั้งสามคน

"กูให้มึงเปลี่ยนไปคนนึง เอาใคร..แล้วมึงโยนของมึงมาคนนึง" ผมอนุญาต  ไอ้เด่นยิ้มกริ่ม

"งั้นผมเอานาย แล้วไอ้หิน..มึงไปอยู่ทีมนู้น" ไอ้เด่นไล่พร้อมผลักน้องเล็กเกือบกระเด็น

"ไอ้เหี้ย เอาคนอื่นที่ไม่ใช่กูสิ" ผมว่าให้  สำหรับผมจะพี่ธานอยู่หรือสมุทรอยู่ก็ได้  ฝีมือสองคนนี้พอกัน

"อ่าว นายอะ" ไอ้เด่นโวยวาย  ผมกลั้มยิ้มเอาไว้

"งั้น..พี่สมุทรเล่นเก่งรึเปล่าครับ" ไอ้เด่นถาม  สมุทรตอบไม่ตอบ  เอาแต่ยืนยิ้มอย่างเดียวเหมือนกับไม่รู้จะให้คำตอบว่าอย่างไร

"งั้นเด่นไป พี่สมุทรมาดีกว่า" ไอ้เด่นเอาตัวเองรอดในทันที



เพี้ย!!   ...ไอ้เข้มตบหัวไอ้เด่นปรามไว้ทันควัน  ไอ้เด่นหัวเราะกว้าง  ลูบหัวตัวเองเขิน ๆ

"กูไม่อนุญาต" ไอ้เข้มบอก

"เออ ๆ งั้นเอาพี่ธานก็ได้ ..แล้วมึงยืนบื้ออยู่ทำไมไอ้หิน ไปดิ!" ไอ้เด่นไล่  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ แล้วเดินไปสลับฝั่งกับไอ้หิน 

"มึงพูดกับมันดี ๆ" ไอ้เข้มบ่นที่ไอ้เด่นชอบพูดไม่เพราะกับไอ้หิน

"เอาพี่ใหญ่ไป แต่ยังมีพี่เด่นอยู่ ทีมก็แพ้อยู่ดีอะ" ไอ้หินพูดขึ้น

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมได้ยินอย่างนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาเพราะชอบคำพูดมัน  ไอ้เด่นยิงฟันทำท่าฟึดฟัดจะเข้ามาเล่นไอ้หิน  ทำให้ไอ้เข้มเข้ามาล็อกคอไอ้เด่นไว้ก่อน  ไอ้หินอมยิ้มมอง  ถูกไอ้เด่นชี้หน้ายิ้มเขินคาดโทษ 

การแข่งตะกร้อแบ่งฝั่งละสามคนในครั้งนี้  ถือเป็นครั้งแรกของบ้านเราหลังจากมีสมาชิกในบ้านคนใหม่เพิ่มเข้ามา  ซึ่งแน่นอนว่าฝั่งผมยังทำคะแนนได้ดีเหมือนเคย  ฝั่งไอ้เด่นแพ้ไม่เป็นท่า  มันก็รำไม่ดีโทษปี่โทษกลองไปเรื่อย  พอเล่นตะกร้อได้ผลแพ้ชนะเรียบร้อย  ลูกน้องผมแยกย้ายกันไปเล่นสนุกเกอร์ต่อ  ผมอนุญาตให้พวกมันพักผ่อนกันตามสบาย  ส่วนผม  พี่ธานและสมุทรแยกตัวออกมาอาบน้ำแต่งตัว  วันนี้สมุทรเปลี่ยนไปอาบน้ำที่ห้องของพี่ธานแทนเพราะถูกเจ้าของห้องชวน  ผมเข้าไปก่อกวนที่ห้องนอนของพี่ธานเป็นระยะเท่าที่จะหาโอกาสได้  ถึงมีพี่ธานอยู่ก็ไม่ได้ทำให้ผมสะทกสะท้านต่อสิ่งใดอยู่ดีน่ะนะ 

เย็นวันนี้สมุทรไม่ต้องเข้าค่ายมวย  ผมเองก็ด้วย  เพราะจะต้องนำเงินทั้งหมดที่เก็บมาตั้งแต่วันก่อนไปเข้าธนาคาร  อย่างแรกต้องไปเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้ที่ยังค้างอยู่อีกรายและนัดกันว่าจะจ่ายให้ผมในวันนี้  ผมจึงเดินทางไปพร้อมกับสมุทรเลยทีเดียวโดยให้สมุทรเป็นคนขับรถ  เสร็จจากการเก็บดอกเบี้ยก็ตรงไปที่ธนาคารในห้างสรรพสิค้าเพราะเวลานี้ธนาคารอบนอกสาขาต่าง ๆ คงจะปิดให้บริการไปเรียบร้อยแล้ว 

"ไปไหนต่อล่ะ" ผมถามหลังจากเสร็จภารกิจ  ตอนนี้ยืนอยู่หน้าปากประตูทางเข้าธนาคาร  ที่จริงสถานะผมไม่ควรถามเขานะครับและผมไม่เคยถามคำถามนี้กับลูกน้องคนไหน  แม้กระทั่งพี่ธานก็ด้วย   

"คุณมีงานต่อรึเปล่าละครับ มาถามผมทำไม" สมุทรย้อนตอบ

"เสร็จเรียบร้อยแล้ว" ผมตอบห้วน ๆ

"นายจะกลับบ้านเลยงั้นเหรอ ฉันจะได้ไปส่ง" ผมพูด

"ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้" สมุทรพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ

"ไม่เป็นไรครับ ผมไปส่งได้" ผมแกล้งตีสีหน้าและทำน้ำเสียงเลียนแบบสมุทร  อีกฝ่ายอมยิ้มออกมาคล้ายเหนื่อยใจ

"จะเลียนแบบผมทำไมครับ คุณเป็นเด็กรึไง" สมุทรว่ายิ้ม ๆ ผมเหล่ตามอง  เรายืนจ้องกันจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาสังเกตเห็น  ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนสมุทรพยักหน้ายอมความ

"แต่ผมต้องไปซื้อของก่อนนะครับ อาหารสดหมดแล้ว ถ้าคุณมีความอดทนขนาดนั้น..ก็ไปครับ” อีกฝ่ายพูด  น้ำเสียงสุภาพที่ใช้คำพูดดูหยอกล้อในนิสัยของผม  ผมอมยิ้ม  ยักไหล่ให้เล็กน้อยเป็นการบอกว่า “ตามสบาย” สมุทรเดินนำไปก่อนแต่ยังคงระยะไว้เพื่อรอผมอยู่  ผมพลางอมยิ้มไว้ในใจ  เขาคงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วผมมีความอดทนสูงขนาดไหน  ผมหมายถึง  ผมสามารถอดทนในเรื่องที่ผมต้องการจะอดทนน่ะนะ  ทำได้เสมอนั่นแหละ

สมุทรเดินนำไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต  เขาเลื่อนคนเข็นและนำทางไปอย่างรู้ดีว่าตัวเองจะต้องการซื้ออะไรบ้าง  ผมเดินขนาบข้าง  สมุทรนำไปที่แผนกอาหารสด  ผมสังเกตเห็นว่าเขามักจะหยิบซื้อเฉพาะอาหารสดที่ไม่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด  อย่างปลาแซลมอน  กีวี  หรือผักบางชนิดที่ปลอดสารพิษ

"กินดีเหมือนกันนี่" ผมชมแกมประชด  สมุทรยิ้มกว้างคล้ายยอมรับ

"ดาวชอบกิน เธอรักสุขภาพน่ะ..ผู้หญิงนี่นะ" สมุทรบอก  น้ำเสียงฟังดูแอบบ่นเล็ก ๆ ผมหัวเราะเพราะพอจะเข้าใจ  พายุก็ประมาณนี้ไม่ต่างกัน

"เมื่อวานเธอได้คะแนนสอบดีนะครับ นาน ๆ ที..ก็เลยอยากจะซื้อของดี ๆ ให้กินข้าง ก็แค่นั้น" เขาพูด  ไม่เชิงอธิบายให้ฟัง  อีกนัยหนึ่งแล้วฟังดูประชดผมกลับด้วย  ผมเลิกคิ้ว  เบะปากพยักหน้าเข้าใจ

"ก็น้องนี่นะ" ผมพูดปัดไปที  สมุทรช้อนตามามองผมเขม็ง

"อะไร" ผมถาม

"เปล่าครับ" เขายิ้มปัด

"อะไร" ผมย้ำถามอีกครั้งเพราะคาใจ  ต้องการคำตอบ  รอยยิ้มของสมุทรในตอนนี้มันแฝงไปด้วยความหมายมากมายจนน่าหมันไส้

"คุณดูรักครอบครัวผิดบุคลิก" สมุทรพูดแกมหัวเราะ  ผมชะงัก  ล้วงมือเข้ากระเป๋าเพราะไม่รู้จะตอบกลับยังไง  จะอย่างที่เขาพูดก็คงถูกละมัง  แล้วแต่คนจะวิเคราะห์

"ปลาแซลมอนติดมัน พอเอาไปทำต้มยำน่ะ อร่อยนะครับ" อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องโต้ง ๆ

"เหรอ? งั้นขออยู่กินด้วยได้ไหมล่ะ" ผมพูด  สมุทรหันมาอมยิ้มมอง  ผมอมยิ้มตอบให้เช่นกัน
   
"แต่ถ้านายกลัวว่าฉันไปแย่งกินของ ๆ น้องนายจนหมด ถ้าลำบากใจ..ฉันไม่อยู่ก็ได้นะ" ผมพูดเล่นไปงั้น  อีกฝ่ายหลุดหัวเราะและก็ไม่ได้ให้คำตอบอีกด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2016 22:39:34 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
 
ตืด  ๆ  ๆ   ...เสียงโทรศัพท์ของผมสั่น  เมื่อหยิบมาดูและเห็นว่าปลายสายเป็นพลอยจึงกดรับ

"หวัดดีครับ" ผมทัก

"สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้ คุณไฟนอนอยู่บนเตียงกับผู้หญิงหรือผู้ชายอื่นอยู่รึเปล่าคะ ถ้าใช่..ดิฉันจะได้วางสาย" พลอยพูดทักด้วยน้ำเสียงดัดจริตแกล้งผม  ผมยิ้มกว้างให้กับนิสัยทะเล้นของเธอ

"ก็ทำนองนั้นครับ ไม่เชิงอยู่บนเตียง..ตอนนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศเอาท์ดอร์นิดหน่อย" ผมกวนตอบ  หันตัวเบนเดินหนีออกมาอย่างช้า ๆ แต่ไม่ทิ้งระยะห่างจากสมุทรมากนัก

"แหม่ ปากดี๊ดีค่ะ" พลอยว่ากัด

"มีอะไร นี่กลับไทยแล้วเหรอ" ผมถามเพราะเห็นเบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์ของเธอในประเทศไทย

"กลับมาแล้ว เจอกันหน่อยไหม" พลอยถามเข้าเรื่อง

"ได้สิ วันไหนล่ะ"

"กินข้าวเฉย ๆ นะ" เธอทำเสียงเจ้าเล่ห์อย่างรู้ทัน

"แล้วใครพูดอะไรรึยังล่ะครับคุณผู้หญิง คิดเองเออเองไปมั้ง" ผมย้อนกลับ  พลอยหัวเราะคิกคัก

"งั้นเป็นมื้อกลางวัน วันพฤหัสได้ไหม..พลอยจะเสร็จจากไปเจอลูกค้าพอดี สักประมาณบ่ายโมง" พลอยบอก

"ได้ครับ" ผมตอบรับ

"โอเค..ไฟเลือกร้านแล้วกันนะ เราไม่นึกอยากอะไรเป็นพิเศษ ได้ร้านแล้วส่งมาบอกพลอยแล้วกัน" เธอสรุป  ผมชอบที่พลอยเป็นผู้หญิงง่าย ๆ ง่ายในที่นี้หมายถึง  เป็นคนเด็ดขาดและรวดเร็วในการประสานงานไม่ว่าเรื่องใด  ผมเคยนั่งฟังเธอติดต่องานระหว่างที่เราไปเจอกัน  การพูดของเธอเป็นแบบผู้หญิงฉลาดและไม่มากความ  ผิดกับผู้หญิงบางคนที่ผมสามารถฟังจากการพูดโทรศัพท์ได้ภายในเพียงไม่กี่วินาที  ก็ทราบทันทีว่าผู้หญิงแบบนั้นจะเป็นคนน่ารำคาญหรือไม่

"ครับ แล้วเจอกัน" ผมรับปากและตัดสายลง  เมื่อหันกลับไปสมุทรกำลังนำอาหารไปชั่งที่เครื่องชั่ง  เขาทิ้งรถเข็นไว้ข้าง ๆ ผม  ผมยืนมองอยู่ตรงนี้จนสมุทรเดินกลับมา  อีกฝ่ายไม่ถามอะไร  ก็แน่ละ..ถ้าเขาถามละก็คงแปลกแล้ว

"อยากกินหมึกนึ่งมะนาว ทำให้กินทีสิ" ผมพูดบอก  สมุทรเหลือบมองผมเล็กน้อยคงลังเลว่าผมพูดจริงไหม

"ไปหยิบมาสิครับ" อีกฝ่ายบอก  ผมแสยะยิ้มมุมปากนิด ๆ ที่เขากล้าสั่งผม

"แน่ใจนะว่าให้ฉันหยิบเอง" ผมเลิกคิ้วมองอย่างเจ้าเล่ห์  สมุทรถอนหายใจเล็ก ๆ ให้ได้ยินแต่สุดท้ายก็เดินไปที่ฝั่งอาหารทะเลสด  ผมจึงเป็นฝ่ายเข็นรถเข็นให้แทน  สมุทรเอื้อมหยิบถุงพลาสติกเพื่อนำมาใส่ปลาหมึก  ข้าง ๆ มีผู้หญิงวัยรุ่นในชุดนักเรียนมัธยมปลายมากันสองคน  เธอสองคนเหลือบมองสมุทรเล็กน้อย  ผมอมยิ้มแอบยืนสังเกตดู  เพราะคนที่ถูกมองอยู่ในตอนนี้ไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าเขากำลังเป็นที่สนใจ 

"........." สมุทรเพิ่งมองป้ายราคาก่อนตั้งใจเลือกปลาหมึก  ขณะเดียวกันเขาก็หันไปเห็นเด็กนักเรียนสองคนนั้น  เธอทั้งสองคนละสายตาจากสมุทรเขิน ๆ แล้วทำท่าจะเอื้อมหยิบถุงพลาสติก

"เอาถุงเหรอครับ" สมุทรถาม  มองเธอทั้งสองคนอย่างซื่อ ๆ พร้อมกับเอื้อมหยิบถุงพลาสติกให้ทันที

"ขอบคุณค่ะ" ทั้งสองประสานเสียงกันยิ้ม ๆ สมุทรอมยิ้มอย่างอ่อนโยนให้อีกตามเคย  หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเลือกปลาหมึกอย่างตั้งใจ  ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวต่ออะไรทั้งสิ้น  ทีอย่างนี้ละดันซื่อบื้อขึ้นมาเชียว  คนบ้าอะไรประหลาดเป็นบ้า 

ผมเท้าแขนไว้ที่ ๆ จับรถเข็น  ยืนรอสมุทรโดยมองเขาอยู่ไม่ห่าง  ตั้งแต่หัวจรดเท้านี่แทบไม่มีที่ติดอะไรเลยละนะ  ทั้งที่ไม่ได้จัดว่าหล่อเหลามากมายขนาดที่สาวต้องกรี๊ดสลบแท้ ๆ แต่กลับมีเสน่ห์จนแทบละสายตาไปทางอื่นไม่ได้  ผมกวาดตามองสรีระเขาอย่างไม่แคร์ว่าใครจะเห็น  กำลังได้จังหวะเหมาะที่เจ้าตัวไม่ทันระวังตัวอยู่พอดี  มองอยู่อย่างนั้นและกำลังคิดไปไกลเลยเถิด  ครู่เดียวเจ้าของร่างกายก็เดินนำปลาหมึกไปชั่งน้ำหนักแล้วกลับมา  ผมก้มหน้าหัวเราะที่ตัวเองดันคิดอะไรทะลึ่ง ๆ ทั้งที่กลางวันแสก ๆ แบบนี้  สมุทรมองผมงง ๆ

"คุณอยากได้อะไรอีกรึเปล่าครับ" เขาถาม  ผมส่ายหัวแทนคำตอบ

"งั้นผมคิดเงินเลยนะครับ" สมุทรพูด  ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง  เราเดินไปที่เคาน์เตอร์คิดเงินพร้อมกัน  ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา  คิดว่าของตรงหน้านี้ไม่น่าจะเกินหนึ่งพันห้าร้อยบาท  ที่ควรจะแพงก็น่าจะแพงค่าปลาหมึกของผมนั่นแหละเพราะตัวใหญ่เบ้อเริ่มเลย

"อะ" ผมยื่นแบงก์พันไปให้คนตรงหน้าสองใบ  สมุทรที่ยืนมองหน้าจอเครื่องคิดเงินอยู่หันมามอง

"เดี๋ยวผมจ่ายเอง" สมุทรบอก

"เอาไปเถอะน่า" ผมปัดเพราะเบื่อกับการยื่นเงินให้แล้วไม่ยอมรับแบบนี้ที่สุด

"ถือว่าครั้งนี้ผมขอเลี้ยงคุณบ้างแล้วกัน" สมุทรย้อนบอกด้วยคำพูดที่ทำให้ผมนิ่งลง 

“ฉันได้ใจขึ้นมา จะมาโทษฉันฝ่ายเดียวไม่ได้นะ” ผมแอบบ่น  เอียงคอไปอีกทางเล็กน้อยไม่มองหน้าเขา  สมุทรอมยิ้มนิด ๆ

"เงินไม่ชนเดือนจะมาโทษฉันก็ไม่ได้ด้วยเหมือนกัน" ผมบ่นลอย ๆ อีกฝ่ายคงได้ยินที่ผมพูดชัดเจน  เมื่อคิดเงินเสร็จ  ผมเห็นร้านไอศกรีมโมจิยี่ห้อดังอยู่ไกล ๆ จึงรีบสะกิดสมุทรให้เขาเดินตามมา  ผมว่าอีกฝ่ายคงสงสัยว่าผมจะไปไหนเลยเอาแต่เดินตามไม่ถาม 

"น้องนายชอบกินไอศกรีมรสอะไรกัน" ผมถาม

"แต่ฉันว่าวนิลาอร่อยสุดแล้ว" ผมพูดแล้วเดินไปยืนอยู่ที่หน้าตู้  พนักงานรีบมายืนรอต้อนรับ

"เอาวนิลาหกลูกครับ" ผมสั่ง

"แล้วก็..สตรอเบอว์เบอร์รี่สี่ลูก แล้วก็" ผมหยุดใช้ความคิด

"พอแล้วครับ ถ้าคุณคิดจะเอาไปยาหัวน้องผมน่ะนะ" สมุทรดักคอ

"ก็ถ้านายไม่ยอมบอกว่าน้องนายชอบอะไร ไม่แน่ฉันคงต้องเหมาหมดทุกรสนี่ละ" ผมยักไหล่ไม่สน

"พอคุณซื้อไป..ถ้าพวกเขาชอบ พวกเขาก็ติด ทีนี้ละก็จะร้องอยากกินอีก" สมุทรบ่น  ทำหน้าดุใส่ผมด้วย  ผมกลอกตาบน

"นาน ๆ ทีน่า ถ้าน้องนายอยากกินก็บอกฉันก็ได้ เดี๋ยวฉันพามากิน" ผมบอก  ทุกอย่างเข้าทางกูพอดี

"ไม่ครับ ผมไม่คิดว่ามันติดที่เรื่องราคาอย่างเดียว..แต่มันจะเป็นการหัดให้น้องผมติดนิสัยกินอะไรไม่เข้าท่าแบบคุณ" สมุทรว่า

"หึ" ผมหัวเราะ

"ชาเขียวแล้วกัน ดาวชอบไหม" ผมถาม  สมุทรไม่ยอมสบตา  ผมจ้องเขาไม่เลิกอยู่อย่างนั้น

"ครับ คงงั้นละมั้ง" สมุทรตอบปัดไปที 

"ชาเขียวสองครับ ช็อกโกแลตสาม แล้วก็ชาไทยสาม" ผมอมยิ้มสั่ง

"คุณไฟครับ.." สมุทรย้ำเสียงหน้าเครียด

"ก็ซื้อแบบนี้มันถูกกว่า ดูสิ" ผมชี้ไปที่ป้ายราคา

"บาทเดียวเนี่ยนะครับ!" สมุทรขึ้นเสียง  ผมกลั้นอมยิ้มเพราะหน้าเขาดูตลกดี  พนักงานหน้าเหวอเลย

"คิดมากไปได้..กินไม่หมดก็เก็บไว้กินวันอื่นสิ วันละลูก หลังจากน้องนายกลับจากโรงเรียน..กติกานี้ดีไหม" ผมโน้มน้าว  สมุทรส่ายหัวพร้อมถอนหายใจแรง  เรานั่งรอพนักงานจัดไอศกรีมโมจิใส่กล่องให้เกือบสิบนาที  เสร็จแล้วจึงเดินกลับมาที่รถ
วันนี้ผมกับสมุทรได้กลับบ้านของเขาแต่หัววัน  ซึ่งถือว่าเร็วผิดเวลากว่าปกติ  ผมไม่ช่วยสมุทรถือถุงอาหารเลยเพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของผม  ระหว่างทางเขาแวะซื้อผักที่แผงขายผักเพิ่มอีกสามสี่อย่าง  ที่บ้านนี้น่าจะกินผักกันเป็นชีวิตเพราะซื้อเยอะมากทีเดียว  เมื่อกลับถึงบ้านทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว  ดาวกลับมาจากมหาวิทยาลัยและตรงไปรับเมฆมาพร้อมกัน  ขนมไทยของยายสมุทรยังคงตั้งขายอยู่ไม่หมด  ดาวจัดการนำถุงอาหารสดตรงเข้าไปเก็บเรียงในครัว  ส่วนเมฆนั่งทำการบ้านอยู่ที่เก่าที่เดิม  สมุทรออกไปช่วยยายขายขนมด้านนอก  ยายนั่งคุยกับเพื่อน ๆ ที่มาแวะเวียนหาเธอ  มีคนมาช่วยยายตักขนมขายด้วย  ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนแถว ๆ นี้ที่สนิทสนมกันนี่ละ

"เมฆ..มาเอาน้ำไปให้พี่ไฟเร็ว" ดาวที่กำลังยืนอยู่ตรงชั้นวางน้ำกวักมือเรียกเมฆ  เมฆลุกขึ้นเดินไปหาเธอแล้วหยิบขันน้ำนำมาเสิร์ฟให้ผม  ท่าทีของมันยังเกร็ง ๆ กับผมเหมือนเดิมทั้งที่ก็เจอหน้ากันบ่อยแล้ว  เมฆชำเลืองมองผมเล็กน้อย  ผมอมยิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้  เมฆทำตากะหลับกะเหลือก  วางขันน้ำลงแล้วกลับไปนั่งที่เดิม 

"พี่ไฟชอบอาหารรสจัดไหมคะ" ดาวถาม

"เอารสที่ดาวกินเถอะครับ..พี่กินอะไรก็ได้" ผมตอบเพราะผมคงกินไม่มาก  ดูท่าแล้วที่บ้านนี้คงประหยัดกินประหยัดใช้  ถ้ามีเหลือเก็บก็คงจะนำไว้กินวันอื่นด้วย 

"ดาวกินรสค่อนข้างจัดน่ะค่ะ" ดาวยิ้มบอก  สมุทรเดินลงมาจากบนบ้านพอดี  ดาวหันไปเปิดตู้เย็น  สมุทรวางมือลงบนหัวน้องสาวแล้วลูบเบา ๆ สองคนพูดกันอยู่สองสามประโยค  ผมจับใจความไม่ได้เพราะมันเบามากอีกทั้งเห็นปากไม่ชัดด้วย  พอสมุทรพูดจบดาวก็เดินเข้าครัวไป 

"พี่สมุทร สอนการบ้านหน่อย" เมฆพูด  สีหน้าเหมือนขอมากกว่าสั่งพี่ชาย 

"การบ้านอะไรครับ" สมุทรเข้ามาถาม

"เรียงความ" เมฆตอบ

"หึ..ให้คุณไฟเขาสอนสิ เขาดูเรียงเก่งนะ..ความน่ะ" สมุทรพูดแกมประชด  ผมมองเขา

"ก็ดีนะ ถ้าฉันสอน..พรุ่งนี้น้องนายได้ดังไปทั้งโรงเรียนแน่" ผมยักคิ้วตอบอย่างไม่ยอม  สมุทรส่ายหัวน้อย ๆ

"หวัดดีครับยาย!" เสียงผู้ชายไม่คุ้นหูดังอยู่หน้าบ้าน  น้ำเสียงดูสนิทสนมกับคนในบ้านนี้เป็นอย่างดี

"อ่าว มาหาสมุทรเหรอ..อยู่ข้างในแน่ะ" ยายบอก  สมุทรที่กำลังจะเดินเข้าครัวได้ยินคนหน้าบ้านคุยกัน  เขารีบเดินตรงไปที่หน้าบ้านทันที

"สมุทร..สูงมาหาน่ะลูก" ยายเรียก 

"ครับ" สมุทรตอบ  เขาเลื่อนประตูเปิดออกไป 

"ไงมึง..เพิ่งกลับเหรอวะ" เสียงเดิมถาม  หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เงียบไปคงออกไปคุยกันไกลจากหน้าบ้านแน่แล้ว  ผมแอบลุกออกไปดูก็เห็นสมุทรยืนคุยอยู่กับผู้ชายคุ้นตาอยู่อีกฟากถนน  เพ่งพินิจมองเพราะเหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหน  ยืนนึกอยู่พักใหญ่ ๆ จนนึกออกว่าผู้ชายคนที่ชื่อสูงคนนี้  น่าจะเป็นลูกชายของลุงเสือ  เจ้าของค่ายมวยศรไกร

"คนที่ชื่อสูงนี่ใคร" ผมกลับไปนั่งที่เดิมแล้วถามเมฆออกไปตรง ๆ คนอย่างมันไม่มีปากมีเสียงหรอกครับ  ถามอะไรก็คงตอบ

"พี่สูง.." เมฆพึมพำ

"เป็นลูกของลุงเสือ" มันตอบ

"มาบ่อยไหม" ผมถามอีกเพราะก่อนหน้านี้ไม่เห็นหน้าค่าตาบ่อย ๆ

"........." เมฆพยักหน้า

"บ้านอยู่แถวนี้" เมฆขยายความให้รู้

"ชอบเขารึเปล่า" ผมถามห้วน ๆ

"พี่สูงใจดี" เมฆบอก

"เหรอ แล้วฉันล่ะ" ผมถามอีก  เมฆชะงักไป  สายตาดูลังเลจนผมอดอมยิ้มไม่ได้  เมฆหลบสายตาเขิน ๆ เหมือนไม่ต้องการให้คำตอบ  มันหยิบดินสอไปถือไว้แต่กลับไม่เขียนอะไรลงบนสมุดการบ้าน

"ฉันชอบกินไอศกรีมรสวนิลา นายชอบกินรสอะไร" ผมถาม

"ช็อกโกแลต!" เมฆยิ้มกว้าง

"แหวะ ไม่เห็นอร่อยตรงไหน รสชาติอย่างกับกินดิน" ผมเบะปากหน้าทำแขยง  เมฆชะงักไปอีกครั้ง  ผมกลั้นหัวเราะเอาไว้  ท่าทางแม่งโคตรฮาจริง ๆ

"ล้อเล่นน่า ฉันซื้อไอศกรีมมาให้..แต่นายต้องสัญญานะว่าจะกินวันละลูกเท่านั้น แล้วแบ่งพี่ดาวด้วย ไม่งั้นพี่ชายนายฆ่าฉันแน่..ตกลงไหม" ผมพูดถาม

"ฮะ" เมฆพยักหน้ารับปากทันที

"แต่ฉันซื้อรสวนิลามาซะเยอะ เอาไว้รอบหน้าฉันแก้ตัวใหม่แล้วกัน" ผมบ่นคนเดียว  เมฆผงกหัว  ไม่รู้มันผงกทำไม  อีกฝ่ายหยิบสมุดการบ้านออกมาจากกระเป๋ามาเรียงบนโต๊ะเพิ่ม  ผมนั่งมองเมฆนั่งทำการบ้านไปเกือบ ๆ สิบนาที  พลิกดูนาฬิกาไปด้วย  ในใจก็แอบนึกว่าไอ้คนที่ออกไปคุยกันมันพูดคุยอะไรกันนักหนาถึงได้ไปนานขนาดนั้น  แล้วยังมีหน้าทิ้งแขกที่อยู่ในสถานะเจ้านายไว้แบบนี้อีกด้วย 

"สวัสดีค่ะคุณยาย" เสียงใส ๆ ทักทาย  ผมจิปากอย่างนึกเซ็งขึ้นมาในทันที  เพราะน้ำเสียงที่ฟังดูใกล้ชิดขนาดนี้  ไม่ต้องเห็นหน้าก็พอจะเดาออกได้เลยว่าเป็นใคร..



..............ไฟ.............


จากผู้เขียน:
.. ช่วงนี้เบบี้ติดเรื่องทำงานเขียนหนังสือที่กำลังจัดทำอยู่ในขณะนี้  ซึ่งค่อนข้างยุ่ง  ตอน ๆ หนึ่งสำหรับนิยายเรื่องนี้ใช้เวลาค่อนข้างมาก  จึงไม่สามารถรับปากได้ว่าจะมาลงนิยายเรื่องนี้ตอนต่อไปได้เมื่อไหร่นะคะ 

ขอบคุณค่ะ
เบบี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2016 22:59:03 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ไฟนี่มันจริงๆเล้ยยยยยยยยยยยยย ทั้งเลือดเย็นและใจเย็น 555555

รอเบบี้ได้เสมอจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
น่ารัก

เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ purpleguy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :pig4: เรารอได้.......... :katai5:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
รอได้เสมอค่ะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สมุทรเนื้อหอม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด