No Sugar ตอนพิเศษ : คริสมาสสุดหรรษา
ผมไม่รู้ว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นี่ ผมคิดถูกหรือคิดผิด แต่ผมว่าน่าจะอย่างหลังนะ ผมนั่งมองเพื่อนสนิทตัวเองกำลังสนุกสนานกับการถูกจับแต่งตัว แล้วคนที่แต่งตัวให้คือใครล่ะ
“ไอ้กลอย มึงว่าแบบนี้พี่เขาจะจำไม่ได้เหรอวะ” ไอ้ป่านมันหันรีหันขวางจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองหน้ากระจก
“เออสิ มึงเชื่อกู เพราะกูมีประสบการณ์มาก่อน” ผมเลิกคิ้วมองไอ้คนอวดอ้างประสบการณ์
“ประสบการณ์อะไรของมึง” ไอ้ป่านคงคิดไม่ต่างจากผม มันเลยถามออกมา
“ตอนวันฮาโลวีน กูแต่งเป็นผีแคสเปอร์เว้ย” พูดจบไอ้กลอยมันก็ยืดคอ ทำข่มพวกผม
“แล้วพี่โชจับได้หรือเปล่าวะ” อดไม่ได้ที่จะถาม รู้สึกหมั่นไส้ไอ้ขี้อวดนัก ไอ้กลอยทำตาโตหันมองไอ้ป่านที ผมทีแล้วฉีกยิ้มอย่างมั่นใจสุดๆ
“อย่างกู” มันชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเอง “จับได้ตั้งแต่หน้าประตู ไอ้ห่า โคตรอารมณ์เสีย”
ทั้งผมและไอ้ป่านต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง ไอ้เชี่ยกลอยมันบ้าไปแล้ว ทำเหมือนโคตรเก่ง สุดท้ายก็เก่งแต่ปาก
“ไอ้เหี้ย กูก็นึกว่าเนียน” ไอ้ป่านมันเช็ดน้ำตาแล้วตบไหล่ไอ้กลอยที่มันทำหน้ามุ่ย ผมลุกขึ้นยืนแล้วไปหาไอ้เพื่อนต่างคณะ
“กูคงไว้ใจมึงไม่ได้ว่ะ” แล้วผมก็หัวเราะออกมาอีก ไอ้กลอยมันทำปากเป็ด สะบัดหน้าค้อนจนแทบได้ยินเสียงกระดูกมันลั่น “เชี่ยนี่ขี้งอนเว้ย รีบๆ แต่งเถอะ กูร้อนจะตายห่าแล้ว”
นี่ขนาดเปิดแอร์นะครับ ยังร้อนขนาดนี้
ตอนนี้พวกผมอยู่ไหนน่ะเหรอ ผมกับไอ้ป่านถูกลากมาร้านไอ้กลอยหลังจากเลิกเรียน ผมถูกมันจู่โจมถึงหน้าตึก แอบเห็นไอ้พวกเพื่อนที่หมายปองไอ้กลอยมองตาละห้อย ช่วงนี้มันน่ารักขึ้นเป็นกอง คงเพราะตัดผมทรงใหม่กับทำสีน้ำตาลอ่อน หน้าขาวมันเลยเด่นพอๆ ปากแดงมัน ไม่รู้ทรงนี้ผ่านความเห็นชอบพี่โชมาได้ยังไง
“ไม่มีความอดทนเอาซะเลย” ไอ้ป่านแขวะผม เฮ้ย มึงเป็นเพื่อนกูนะเว้ย ไหงมันตีซี้ไอ้กลอยไปซะแล้ว
มัวแต่คุยกันจนใกล้เวลาเริ่มงาน...งานที่ว่าคือปาร์ตี้วันคริสมาสครับ จัดที่บ้านพี่ฟลอยด์ อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจัด แต่พี่ฟลอยด์ยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าอยากจัดที่บ้าน แล้วพ่อก็อนุญาตด้วยเว้ย โคตรแปลกใจ ที่สำคัญคือ พี่ฟลอยด์ชวนเพื่อนตัวเองแค่คนเดียวคือพี่เกน นี่พี่เขาไม่มีคนคบเหรอวะ แต่นั่นยังไม่สำคัญพอ เพราะคนที่ถูกเชิญมา กลับกลายเป็นพี่โชและผองเพื่อน
โคตรเซอร์ไพรส์
ไม่รู้พี่ฟลอยด์ไปชวนกลุ่มพี่โชมาได้ยังไง และไม่รู้ทำไมกลุ่มพี่โชถึงยอมมา ที่แน่ๆ ผมต้องเตรียมหาที่อุดหูไว้แจกให้พ่อแม่ผมแล้วก็พ่อพี่ฟลอยด์แน่
“ไอ้เชี่ยต้อม หากมึงกลัวผัวมึงจับได้ กูมีอาวุธลับ” ผมเหล่ตามองไอ้คนบอกมีอาวุธลับที่มันเดินไปค้นเอาของข้างตู้เสื้อผ้า เห็นมันควานๆ หาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา “นี่ไงมึง”
“ฉิบหาย” ผมสบถเองครับ
สิ่งที่มันถือออกมาคือแว่นตาที่มีจมูกอันโตๆ แล้วก็หนวด มันไปหาจากที่ไหนมาเนี่ย เตรียมทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ อย่างจะก้มกราบมันจริงๆ
“มึงฉลาดมากเพื่อน” นั่น ไอ้ป่านเห็นดีเห็นงาม แถมยังเอาไปใส่เรียบร้อย
นี่มันเป็นเพื่อนผม หรือเพื่อนไอ้กลอยกันแน่วะครับ
“แล้วไอ้เชี่ยทูล่ะ มึงไม่ให้มาแต่งตัวแบบพวกกูบ้าง” เพื่อนสนิทมันทั้งคน ทำไมไม่บังคับมาด้วย แบบที่มันบังคับผมกับไอ้ป่านเนี่ย รู้สึกหลังๆ มานี้กลายเป็นผมคนเดียวที่คล้ายว่าถูกบังคับ
“ไอ้เชี่ยทูชิ่ง กูยังโมโหมันอยู่ เลิกปุ๊บเหมือนจะรู้ว่ากูคิดจะทำอะไร แม่งเผ่นกลับบ้านเฉย ตอนนี้คงไปงานกับพี่เบแล้วมั้ง” ไอ้กลอยทำปากยื่นบ่นๆ ตัวมันกับไอ้ป่านกำลังหมุนไปหมุนมาหน้ากระจก
ชอบจริงนะ ทำแบบนี้เนี่ย
เสียงโทรศัพท์ผมดังเป็นรอบล้านแปด ไม่ใช่แค่ผมหรอก ไอ้ป่าน ไอ้กลอยก็ด้วย พวกเราไม่มีใครรับสักคน คนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใคร ก็คนที่รู้ๆ กันอยู่ แต่ไอ้กลอยหนักหน่อย พี่โชคงใช้เพื่อนมันแล้วก็เพื่อนตัวเองโทรจิกด้วย ทั้งโทรทั้งข้อความ โคตรโหด
“เสร็จยังวะ ถูกโทรตามจนมือถือกูจะระเบิดอยู่แล้ว” ผมบ่น พวกมันจะส่องกระจกทำไมกันมากมาย
“เออๆ ขี้บ่นจังวะ เพื่อนมึงแม่งขี้บ่น” ไอ้กลอยหันไปสะกิดไอ้ป่าน ซึ่งเพื่อนผมมันก็หัวเราะเห็นด้วย
“งี้แหละ ไม่บ่นก็ไม่ใช่ไอ้ต้อม” ลุกขึ้นไปเตะปากเพื่อนตัวเองสักหนึ่งทีจะมีใครว่าอะไรมั้ย แม่ง
“เออกูขี้บ่น แล้วจะไปกันได้หรือยัง แต่งแค่นี้ยังไม่แน่นพออีกเหรอไอ้ห่า จะห้าโมงอยู่แล้ว รถติดอีก” อยากให้บ่นก็จัดไป ไอ้กลอยรีบคว้ากระเป๋ามาสะพายก่อนยกมืออุดหูเดินนำพวกผมลงไปด้านล่าง
นี่คือด่านแรกครับ
ชั้นล่างของที่นี่เป็นร้านอาหาร ที่จริงเคยมาสองถึงสามรอบ อาหารที่แม่ไอ้กลอยทำคืออร่อยมากจริงๆ ไม่แปลกใจที่ไอ้กลอยมันจะทำอร่อย และที่กังวลคือ ลูกค้าที่มานั่งกินข้าวเขาคงจะไม่ตกใจจนช็อคตายใช่มั้ย
ระหว่างที่ผมกังวล ไอ้กลอยมันกลับตื่นเต้นที่จะได้ทดสอบสิ่งที่มันตั้งใจคิดและบังคับพวกผมทำ พอพวกเราสามคนเหยียบพื้นชั้นล่าง บรรดาลูกค้าที่กำลังกินหรือเคี้ยวข้าวไปแล้วต่างก็ตกตะลึงนิ่งค้างไป นี่แหละสิ่งที่ผมเครียด
“โฮะ โฮะ โฮะ เมอรี่คริสมาส” ขาผมแทบก้าวไม่ออก แต่ไอ้กลอยกับไอ้ป่านกลับเดินไปอย่างไม่มีสะดุด แถมยังหัวเราะแบบลุงซานต้าอีก มือก็ล้วงเอาลูกอมที่เตรียมใส่ถุงไว้แจกตามโต๊ะคนละเม็ดสองเม็ด
ไอ้ต้อมก้าวขาไม่ออก
ไอ้ป่านที่เดินนำไปไกลไม่เห็นผมตามหลัง มันเลยวิ่งย้อนมาหาแล้วลากผมออกจากร้าน แค่นี้ผมก็โคตรอายแล้วว่ะ แม้จะมีแว่นตานี้บังหน้าก็เถอะ แต่มันละอายใจ โอ้ย ไอ้ต้อมสาบานว่าจะไม่ทำอีก
รถเก๋งของไอ้ป่านมีไอ้กลอยนั่งข้าง พวกมันสองคนคุยโม้ว่าสนุก ไม่มีใครจับได้ ที่สำคัญ มีคนขอถ่ายรูปด้วย แล้วทำไมผมถึงต้องนั่งก้มหน้าแบบนี้เนี่ย แล้วเมื่อกี้เกือบถูกตำรวจเรียกเพราะแต่งตัวแบบนี้ขับรถ ยังดีที่ไอ้ป่านมีใบขับขี่ แล้วไอ้กลอยก็โชว์ยิ้มหวานบอกจะไปงาน คุณตำรวจหน้าขาวเลยปล่อยไปแบบเบลอๆ
แล้วของจริงมาถึง รถไอ้ป่านจอดต่อท้ายรถออดี้สีขาว ดูจากตัวรถแล้วราคาคงไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลักแน่นอน ไอ้ยินไอ้กลอยเปรยเบาๆ ว่ารถพี่ซัน เพื่อนพี่โชแม่งรวยกันทุกคน ก็นะ คนรวยก็มักจะคบกับคนรวย แต่ไอ้ต้อมมันจน เดี๋ยวๆ นี่ไม่ใช่เวลามาน้อยใจโชคชะตา ผมต้องสนใจงานด้านในมากกว่า
“โคตรตื่นเต้น” ไอ้ป่านลุกลี้ลุกลนพอๆ กับไอ้กลอย มีผมคนเดียวที่นิ่ง ไม่ใช่ไม่ตื่นเต้นนะครับ แต่มันเครียดไง
“พวกมึงต้องทำตามที่กูบอกนะ ห้ามหลุดพูดกับใคร แล้วเดินเรียงกันเข้าไป อย่าให้ใครจับได้ ใครถูกจับได้ก่อนเลี้ยงเหล้าแพงที่สุดนะมึง” ไอ้กลอยกำชับเป็นร้อยรอบ ผมเลยโบกหัวมันไปเบาๆ
“ย้ำอยู่ได้ เข้าไปยัง” คือมือถือผมมันสั่นที่ขาอยู่ตลอด สั่นจนขาจะเป็นโรคร้ายอยู่แล้ว
ไอ้ป่านเดินนำหน้า ถัดมาไอ้กลอยแล้วก็ผมปิดท้าย สามหนุ่มสามมุมแต่งชุดซานตาคลอสสีแดง บนหัวมีหมวก ใบหน้ามีแว่นตาอันใหญ่ปกปิด แล้วความสูงพวกเราก็ไล่ๆ กัน ห่างไม่ถึงห้าเซ็น เลยดูเหมือนตัวเท่ากันหมด พอพวกเราก้าวเข้าไปเป็นขบวน คนด้านในที่กำลังคึกคักลองไมค์หันมามอง ทุกสายตาจ้องมายังพวกผม แทบหยุดหายใจให้ตาย
“โฮะ โฮะ โฮะ เมอรี่คริสมาส” ไอ้ป่านให้สัญญาณปุ๊บ พวกเราก็รีบหัวเราะทันที แม้เสียงผมแทบไม่ได้ยินก็เถอะ นี่ถ้าถูกจับได้ตั้งแต่แรกนะ จะเอาหัวมุดดินเลยคอยดู
“เชี่ย นั่นซานตาคลอสหรือคนแคะทั้งสามวะ” ผมหันขวับไปมองคนพูด เพื่อนพี่โชที่มีเสียงอันสุดแสนจะเพี้ยนพูดออกไมค์ครับ ทำเอาทุกคนต่างพากันหัวเราะเสียงดัง เคืองเหี้ยๆ ผมเห็นไอ้กลอยกำมือแน่น คงพยายามห้ามหมาในปากเพราะกลัวถูกจับได้
แต่สุดท้าย พวกเราก็เดินหน้าเข้างานต่อ มีเสียงหัวเราะเบาๆ ให้ได้ยิน ก็เพื่อนพี่โชนั่นแหละครับ แม่ง ว่าแต่ พี่ฟลอยด์หายไปไหนวะ
“เฮ้ย ว่าไงซานต้าแคระ” พี่หน้าดุที่น่าจะชื่อจอมโผเข้ามากอดคอไอ้ป่านครับ คงแยกไม่ออกเหมือนกันว่าใครเป็นใคร ก็เล่นแต่งตัวเหมือนกันทุกอย่าง
ไอ้ป่านไม่กล้าพูดออกเสียงเลยได้แต่ตบมือที่จับไหล่มันเบาๆ เป็นการทักทาย อีกอย่าง มันก็ไม่รู้จัก พี่จอมเหยียดยิ้มแล้วดึงไอ้ป่านออกจากแถวเรียงสาม เพื่อนผมมันพยายามกวักมือเรียกผมด้วย แต่ไอ้กลอยส่ายหน้าใส่
“เอาไงต่อวะ” ยื่นหน้าไปกระซิบถามไอ้ตัวต้นเรื่อง ไอ้กลอยมันบอกให้เดินต่อครับ เอาลูกอมไปแจกทุกคน แล้วห้ามพูดด้วย เชี่ย มันทำได้ แล้วผมละวะ แค่ถูกพี่เสียงเพี้ยนมองก็ก้าวขาไม่ออก “มึงแจกคนเดียวไม่ได้เหรอวะ”
“ไอ้เชี่ย ขึ้นหลังแมวแล้วห้ามลงเว้ย”
“หลังเสือหรือเปล่าวะ”
“พวกนี้สิ้นลายเสือแล้วโว้ย”
เอาที่ไอ้กลอยมันสบายใจครับ แล้วมันก็เดินแยกไปแจกลูกอมให้พวกเพื่อนแฟนมัน ผมก็แยกไปที่โต๊ะของพ่อแม่ตัวเอง พวกท่านหัวเราะใหญ่ ส่วนพี่ตุ้มพี่ชายผมเอาแต่ส่อง มองซ้ายมองขวาเพื่อสำรวจ ผมพยายามทำตัวนิ่งๆ ไม่แสดงอาการ แต่โคตรกลัวเลย ยิ่งหลานรักของผมเดินมาสะกิดขากางเกงเพื่อขอลูกอมอีก จะถูกจับได้มั้ยเนี่ยไอ้ต้อม
เมื่อแจกลูกอมเสร็จผมรีบชิ่งหนีให้ห่างจากโต๊ะ เพิ่งสังเกตว่าพี่ฟีนนั่งข้างพี่ของผมด้วย เหมาะกันมากที่สุดว่ะ มัวแต่สนใจพี่ชายจนมีเสียงโวยวายด้านหลังผมเลยต้องหันไปมอง
ฉิบหาย ไอ้ป่านถูกดึงแว่นตาออกแล้ว
คนดึงคือพี่เกนครับ หน้าตาพี่เขาโคตรบึ้งตึง ไม่รู้จำไอ้ป่านได้ยังไง ผมว่า พี่จอมต้องบอกแน่ ดูจากรอยยิ้มร้ายๆ ตอนดึงไอ้ป่านออกจากแถว ผมว่าพี่เขาต้องรู้ว่าคนที่พี่เขาเอาไปไม่ใช่ไอ้กลอย ผมรีบเดินไปหาซานต้าอีกคนที่ยืนตะลึงไม่แพ้ผม ไอ้กลอยมันลนลานแล้วครับ
“เอาไงดีมึง” ผมกระซิบข้างหูมัน
“ไม่รู้ว่ะ แต่เพื่อนมึงโคตรอ่อน” รีบหันไปมองแทบไม่ทัน ไอ้เชี่ยกลอยมันพูดนิ่ง แต่ท่าทางโคตรไม่เป็นปกติ “เชี่ย” ได้ยินมันสบถหลังจากหันไปมองด้านหลัง ด้วยความสงสัยเลยหันไปมองบ้าง
แจ็คพอต คนที่ตามหามาแล้ว
พี่ฟลอยด์เดินออกมากับพี่โชครับ หน้าตาไร้รอยยิ้ม ดวงตาดุสองคู่จ้องมาที่พวกผมยืนอยู่ ไอ้ต้อมต้องซวยแน่ จำได้มั้ยครับ ว่าผมเป็นโรคกลัวเสียงโทรศัพท์ หากไม่รับพี่ฟลอยด์จะมาถึงที่ แล้วนี่โทรไปหาผมกี่สาย ตายๆ ไอ้ต้อม อวสานแน่ชีวิตผมนี้
“นิ่งๆ” ไอ้กลอยพยายามบอกผม แล้วมันก็แกล้งทำตัวร่าเริง “โฮะ โฮะ โฮะ เมอรี่คริสมาส” มันเดินเอาลูกอมไปยื่นให้พี่ฟลอยด์ครับ คงคิดอยากจะทำตัวเป็นผมแน่ ไอ้นี่ไม่กลัวสายตาพี่โชเลย จ้องจะทะลุแว่นอยู่แล้ว
“มึง” เสียงพี่ฟลอยด์ครับ จ้องไอ้กลอยไม่วางตาเหมือนกัน จนผมต้องรีบเดินไปหาแล้วยื่นลูกอมให้พี่โชบ้าง โคตรสั่นเลย
“ขอบใจ” เสียงพี่โชก็นิ่งมากเช่นกัน มีขอบใจผมด้วย เห็นคิ้วพี่เขาเลิกขึ้น เพราะมือผมตอนวางลูกอมมันสั่นนั่นเอง “ว่าแต่ สนุกมั้ย”
ตายๆ อยู่ๆ พี่โชก็ถามออกมา
“นิดหน่อย” หันขวับไปมองไอ้กลอย แม่งมันเผลอพูดอะ แล้วเหมือนจะรู้ตัว มันรีบยกมือปิดปาก แต่ไม่ทันแล้วว่ะเพื่อน มึงเดินมาจนสุดทางแล้ว
“คราวหลัง หัดทำให้เนียนๆ หน่อยนะ” คราวนี้พี่โชยกยิ้มที่มุมปากแล้วยื่นแขนมาคล้องคอไอ้กลอย “เกรียนเอ้ย”
“เอาใหม่ๆ ห้ามจับได้ดิ่ แต่งตัวตั้งนาน” ได้ยินไอ้กลอยโวยวายหลังจากถูกพี่โชลากไปรวมกับเพื่อนตัวเอง เห็นไอ้ทูนั่งหัวเราะจนน้ำตาไหล
อยากสมน้ำหน้ามันนะ แต่ผมจะรอดหรือเปล่า
พอหันกลับมาจ้องคนของตัวเอง พี่ฟลอยด์ทำหน้าดุมาก ชนิดที่ขนลุกเกรียว ผมใช้นิ้วเกี่ยวแว่นตาออกก่อนยิ้มแหยๆ ให้คนตรงหน้า พี่ฟลอยด์เดินมาจนชิดกับผม
“เคยสั่งแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามไม่รับโทรศัพท์” ชัดๆ เน้นๆ ทุกคำในประโยค ไปต่อไม่ได้เลยไอ้ต้อม “พี่โทรไปกี่รอบ” ได้ยินคำถาม ผมก็รีบเอามือถือออกมาดู
“ห้าสิบห้าสาย” นี่โทรหรือจิกให้ตายเถอะ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ กลัวถูกโบกหัว ผมยิ้มแหยๆ ให้แทน
“แล้วมัวทำอะไรอยู่วะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่าถูกไอ้กลอยแต่งตัวให้อยู่ “วันนี้ไม่อยากอารมณ์เสียแท้ๆ เชี่ยเอ้ย” พี่ฟลอยด์สบถทิ้งท้ายแล้วเดินผ่านหน้าผมไปหาพี่เกนที่นั่งเขม่นไอ้ป่าน
แล้วทำไมพี่โชถึงดูไม่โกรธวะ
อ้อ ลืมไป คงจะชินกับไอ้กลอยทำอะไรแผลงๆ
ผมเดินคอตกไปนั่งที่โต๊ะครอบครัวตัวเอง พ่อพี่ฟลอยด์โทรไปเชิญมาทั้งบ้านเลย พอไปถึงก็ถูกพี่ตุ้มตบหัวซะคว่ำ นี่น้องนะเว้ยเฮ้ย
“ทำอะไรไม่รู้จักคิดนะมึง” ตาขวางใส่พี่ชายตัวเอง
“ต้อมคงอยากให้บรรยากาศคึกคักค่ะ” รีบพยักหน้าตามที่พี่ฟีนพูด ขนาดไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ยังเข้าข้างเลย
“อย่าตามใจไอ้ต้อมมากนะครับ เดี๋ยวจะนิสัยไม่ดี” พี่ตุ้มเหล่ตามองผม
“ตัวเองดีเหรอ” พูดแล้วต้องรีบหลบมือหลบตีนทันที ชอบใช้กำลังกับน้อง พ่อกับแม่เอาแต่นั่งขำ “มากันนานแล้วเหรอ” เลิกสนใจพี่ชายแล้วหันมาถามพ่อ แต่แม่พยักหน้าตอบแทน
“สักพักแล้ว ไปเปลี่ยนชุดมั้ย” แม่คงเห็นเหงื่อผมไหลที่ขมับ ก็ดีเหมือนกัน ผมโคตรร้อนเลย นี่ไม่มีแดดแล้วนะ
ผมลุกเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนชุด ที่จริงไอ้เสื้อผ้าซานต้านี่ก็ไม่ได้หนาอะไร แต่ด้านในมีชุดนักศึกษาซ้อนอยู่เลยร้อนมากกว่าปกติ พอเข้าห้อง ผมก็รีบถอดชุดออกจนเหลือแต่บ็อกเซอร์แล้วเดินยืนหน้าแอร์เพื่อคลายร้อน นานพอสมควรกว่าเหงื่อจะแห้ง แต่พอหันหลังมา เหงื่อแทบผุดออกมาอีก
“มานานแล้วเหรอ” พี่ฟลอยด์ยืนจ้องครับ สายตาโคตรดุ
“เออ” ห้วนได้อีก
ไม่รู้จะคุยอะไร พี่ฟลอยด์โหมดงี่เง่าง้องแง้งยังพอรับมือได้ แต่ไอ้นิ่งๆ แบบนี้รับมือยาก เพราะเดาอารมณ์ไม่ออก ได้ยินเสียงร้องเพลงเพราะๆ ด้านล่าง ผมก็แกล้งทำเป็นเดินไปที่หน้าต่าง
“โหย พี่ซันร้องเพลงเพราะเนอะ” หาเรื่องชวนคุย แต่พี่ฟลอยด์ยังเงียบ “ผมขอโทษ” สุดท้ายก็ต้องเอ่ย “ผมไม่ได้อยากทำหรอกนะ ไอ้กลอยมันบังคับ” ไม่ได้โบ้ยความผิดนะ แต่มันเรื่องจริง
“ปฏิเสธไม่เป็นหรือวะ” นั่นสิ ทำไมผมไม่ปฏิเสธ ไม่สิ ผมบอกปัดแล้วแต่ก็ไม่รอด
“ขอโทษ” โคตรรู้สึกผิด
“อยากแต่งแบบนี้ทำไมไม่บอกออกมา พี่หาให้ได้อยู่แล้ว” รีบเงยหน้ามองคนพูด พี่ฟลอยด์ทำหน้าบึ้ง “พี่ไม่อยากให้ต้อมแต่งแบบนี้ ถ้าแต่งก็ให้พี่เห็นคนเดียวสิ” พี่ฟลอยด์เดินไปหยิบกล่องของขวัญมายื่นให้ผม “ไว้เลิกงานค่อยแกะ”
“ของขวัญผมเหรอ” จากที่ใจเสียเริ่มชื้นมานิดๆ ยิ่งพี่ฟลอยด์ยิ้มด้วยยิ่งเบาใจ
“เมอรี่คริสมาสครับ” รอยยิ้มหล่อแบบทุกทีทำให้ผมโล่งสุดๆ ผมกระโดดกอดคอพี่ฟลอยด์ ใช้ขาหนีบเอวเหมือนลูกลิงจนถูกหัวเราะ “ไว้เราค่อยแกะพร้อมกันนะ ไปเปลี่ยนชุดเถอะ”
“อืม”
คืนดีกันแล้ว เราก็เดินลงไปด้านล่าง บรรยากาศตอนนี้คึกคักมาก พี่เฟิร์นไปเที่ยวยุโรปกับแฟน ไอ้กลอยคงเบาใจเพราะไม่ต้องเขม่นกัน ส่วนพ่อพี่ฟลอยด์เพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน มีเอกสารด่วนมาเลยต้องไปเซ็น
“เดี๋ยวๆ” เหมือนคิดอะไรออก ผมรีบวิ่งขึ้นไปด้านบน ก่อนจะวิ่งกลับลงมาด้วยอาการหอบหนัก
“ลืมอะไร” พี่ฟลอยด์ทำหน้าสงสัย ยิ่งเห็นของในมือผมยิ่งทำหน้างง “เอาสำลีมาทำไม”
“เอามาให้พ่อกับแม่อุดหู” ผมว่า พี่ฟลอยด์กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจว่าผมเอามาทำไม “หายนะกำลังมาเยือนถึงถิ่นแล้ว”
“เว่อร์ไป” ถูกผลักหัวเบาๆ แต่ผมพูดจริง
.
.
(มีต่อด้านล่าง เพราะตัวอักษรมันเกินค่า)