สวัสดีคร้าบบบบบบ FC ทุกท่านนนน ช่วงนี้ผมขยันปั่นมากเลยน้า เนื่องจากงานไม่ค่อยเยอะอะคร้าบบ สำหรับตอนนี้จะได้เครียดละคร้าบว่า อาการของผมจะเป็นยังไงบ้าง ลองติดตามอ่านเลยนะค้าบบบ
tawan : มาต่อด้วยความเร็วสูงแล้วค้าบบบบ ฮ่าๆๆ
G_U_I_N : ฮ่าๆๆๆๆ ขนาดนั้นเลยหรือค้าบบบ อ่านเรื่องผมเสร็จแล้ว ตั้งใจอ่านหนังสทอเรียนด้วยน้าาา คิคิ
โจ๊กกุ้ง : ใช่เลยค้าบ ซวยรับเบญจเพสเลยละ อิอิ
เฉาก๊วย : พักฟื้นไม่นานค้าบบบ หายเร็วจนหมอประหลาดใจเลยละ
naiyana : ใช่คับพี่ ชีวิตช่วงนั้นเจอเรื่องร้ายมากๆ คับ คงเป็นกรรมเก่า ตั้งแต่วันนั้นผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่มีเรื่องร้ายๆ แล้วคับ มีแต่คิงคองหื่นคอยทำร้ายอะ ว๊ากกก เขินนนนน ฮ่าๆๆๆๆ
thejaoil : มาต่อแล้วค้าบบบ อ่านโลดดดด อิอิ
yeyong : ฮ่าๆๆๆ ฮาด้วยเลยอะคับบบ
fullmoon217 : มาต่อให้แล้วค้าบบบ
iamao12 : ค้าบขอบคุณค้าบบบ
samuchii : ฮ่าๆๆ จะพยายามเขียนยาวๆ นะค้าบบบ ชอบของยาวเหมือนกัน ว๊ากกก เขินนนอีกกกก
Ilesa : ลองติดตามดูค้าบบบ ว่าขวางหรือเปล่าอะ อิอิ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเม้นและอ่านมากค้าบบบ
โจ้กับเป๊บ
Chapter 22 อาการวิกฤติ ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย“คือ อาการค่อนข้างหนักมาก เนื่องจากผู้ป่วยได้รับความทบกระเทือนศรีษะและช่วงหน้าอกอย่างรุนแรง เข้าสู่สภาวะโคม่านะครับ ผลการ X-Ray วิแคราะห์ด้วยเครื่อง CT Scan มีอาการเลือดคั่งในสมองครับ ปอดช้ำ และกระดูกซี่โครงร้าว ทางคณะแพทย์มีความหนักใจพอสมควร หมอจะทำการระดมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเพื่อผ่าตัดเพื่อดูดเลือดคั่งในปอดออกก่อน สำหรับสมองหมอจะหลีกเลี่ยงการเปิดกระโหลกแต่จะส่องกล้องขนาดเล็กเข้าไปและใช้เครื่องดูดเลือดคั่งออกนะครับ
สิ่งที่หมอบอกมาทั้งหมด ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ และเป๊บเอง ตกใจมากๆ หน้าถอดสีกันหมดเลยครับ น้ำตาของเป๊บไหลออกมาทันที
“แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ทางโรงพยาบาลมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ อุปกรณ์ทุกอย่างมีครบ เพียงแค่ใจของผู้ป่วยสู้ โอกาสหายเป็นปกติมีเกือบ 100% เลยนะครับ เพียงแต่ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงพอสมควรดังนั้นถ้าหากญาติเห็นด้วยหมอจะดำเนินการเลยครับ”
“คุณหมอเรื่องเงินไม่มีปัญหา รักษาเต็มที่เลยครับ อะไรที่ดีที่สุดจัดการได้เลยครับ” คุณพ่อเป๊บตอบคุณหมอ
“คุณหมอช่วยแฟนผมด้วยนะครับ” เป๊บหน้าซีดเลยครับ ฟังอาการที่คุณหมอเล่าแล้ว มันดูหนักมากๆ
“งั้นตกลงตามนี้เลยนะครับ หมอจะได้เตรียมการรักษา เชิญที่ห้องเอกสารครับ”
คุณพ่อคุณแม่ของเป๊บเดินตามหมอไปที่ห้องเอกสาร เป๊บก็ยืนเฝ้าหน้าห้องครับ สักพักฉัตรก็วิ่งมา
“ไอ้เป๊บๆๆๆๆ อีโจ้ละ มันเป็นยังไงมั่ง” ฉัตรวิ่งหน้าตาตื่นมา เจอเป๊บก็ยิงคำถามเลยครับ
“อยู่ในห้องนี้ยังไม่ออกมาเลยเมิง” เป๊บตอบด้วยอาการเหม่อๆ ครับ
“เฮ้ย ใจเย็นๆ นะไอ้เป๊บ อีโจ้มันอึด รับรองปลอดภัยแน่”
“ขอบใจมากที่ปลอบกรูนะ แต่ตอนนี้กรูเป็นห่วงโจ้มากๆ กรูผิดเองเมิง ที่ไม่ดูแลโจ้ให้ดี ฮึกๆๆ...ฮือ.....” เป๊บคร่ำครวญไปร้องไห้ไปครับ
“ไอ้เป๊บ..ทำใจดีๆ ไว้..ไม่มีใครอยากให้เหตการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรอก” ฉัตรโอบกอดปลอบเป๊บด้วยเสียงเครือๆ
“เออฉัตร กรูยังไม่ได้โทรบอกพ่อกับแม่ของโจ้เลยวะ” เป๊บบ่นเปรยๆ กับฉัตร
“ไม่ต้องห่วงกรูโทรไปบอกแล้ว ตอนนี้ทางบ้านโจ้กำลังมาที่นี่แหละ”
“จริงหรือวะ...กรูรู้สึกแย่มากเลยวะ ดูแลปกป้องโจ้ไม่ได้ พ่อกับแม่คงโกรธกรูมากๆ แน่เลย” เป๊บตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเครือๆ
“ไม่เอาน่า....อย่าคิดมากเมิง..” ฉัตรพยายามปลอบครับ
หลังจากที่ฉัตรบอกไม่เกิน ห้านาที คุณพ่อคุณแม่ และเจ้าจิม เดินกึ่งวิ่งมาหน้าห้อง X-Ray ครับ เจ้าจิมดูเป็นห่วงผมมาก วิ่งแซงพ่อกับแม่มาเลย หันมาเจอเป๊บกับฉัตร ก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“พ่อครับ แม่ครับ ทางนี้ๆ....พี่เป๊บบบบบบ พี่ฉัตรรร.......พี่โจ้เป็นไงบ้างงง...พี่โจ้อยู่ไหนครับบบบ” เจ้าจิมพูดดังๆ เรียกพ่อกับแม่ให้เดินตาม และวิ่งเข้ามาหาเป๊บกับฉัตรพร้อมทั้งถามถึงผม
“อยู่ในห้อง X-Ray นะจิม ตอนนี้อาการก็....” เป๊บตอบแบบกระอักกระอ่วน
พ่อกับแม่ของผมก็เดินมาถึงหน้าห้อง
“พ่อครับ แม่ครับ , พ่อคะ แม่คะ สวัสดีคะ” เป๊บกับฉัตรไหว้พ่อกับแม่ผมครับ
“สวัสดีลูก” พ่อกับแม่รับไหว้พร้อมกันครับ
“ลูกเป๊บ โจ้อยู่ไหน อาการเป็นยังไงบ้างลูก” คุณแม่ผมถามเป๊บครับ
“ฮึก.....ฮือ.....พ่อครับแม่ครับ ผมขอโทษ ผมผิดเองที่ดูแลปกป้องโจ้ไม่ได้ ผมขอโทษ ฮือๆๆๆ” เป๊บร้องไห้โฮเลยครับ พ่อกับแม่ผมเข้ามากอดเป๊บ
“ไม่เอาลูก อย่าคิดแบบนั้น ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหรอก” พ่อผมปลอบเป๊บครับ
“ขอบคุณครับคุณพ่อคุณแม่ ตอนนี้โจ้อยู่ในห้อง X-Ray ครับ คุณหมอบอกว่าอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง คุณพ่อคุณแม่ผมกำลังไปห้องเอกสารเพื่อลงชื่อยินยอมการรักษาครับ” เป๊บเริ่มตั้งสติได้ ก็อธิบายพ่อกับแม่ผมอะครับ
“จริงหรือลูก ห้องเอกสารอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปพูดคุยด้วย” พ่อผมถามเป๊บครับ ยังไม่ทันจะตอบ
“คุณพยาบาล รบกวนพาดิชั้นกับคุณพ่อคุณแม่ ไปห้องเอกสารของผู้ป่วยในห้อง X-Ray ด้วยคะ” มีพยาบาลคนนึงกำลังจะเดินเข้าห้อง X-Ray ฉัตรมันจิกใช้ซะงั้น
พยาบาลไม่กล้าขัดครับ เพราะฉัตรมันทำหน้าแรงๆ ใส่ (เป๊บมาเล่าตอนผมหายเจ็บแล้วนะครับ อย่างฮา) พยาบาลเลยพาฉัตร พ่อและแม่ ไปห้องเอกสาร หน้าห้อง X-Ray เหลือเป๊บกับเจ้าจิมครับ
“จิม...พี่ขอโทษนะ.....พี่ขอโทษ......ฮึกๆๆ...ฮือ....” เป๊บร้องไห้อีกแล้วครับ
“พี่เป๊บ...ใจเย็นๆ นะครับ...อย่างที่พ่อพูดไง ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้หรอกครับ” จิมโอบกอดปลอบเป๊บ
ประตูห้อง X-Ray เปิดออก เตียงรถเข็นของโรงพยาบาลนำร่างที่หมดสติของผมออกมาจากห้อง เป๊บและจิมโผเข้าหาผมครับ
“พี่โจ้ๆ เป็นไงบ้าง พี่โจ้ๆ”
“ที่รักๆ อดทนไว้นะครับ”
สารพัดจะระดมคำพูดใส่ละครับ แต่ร่างกายผมหมดสติอยู่ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นครับ
“ขอโทษนะคะญาติคนเจ็บ เราต้องพาไปห้อง OR แล้วคะ ยังไงไปรอที่หน้าห้อง OR นะคะ” พยาบาลชุดเขียวแนะนำเป๊บกับจิมครับ
เป๊บกับจิมเดินตามเตียงรถเข็นไป จนร่างกายผมเข้าไปห้อง OR ตามด้วยคณะแพทย์ประมาณ 5-6 คนเดินตามเข้าไปครับ เป๊บกับจิมยืนคอยหน้าห้องด้วยความกระวนกระวาย
สักครู่นึง คุณพ่อคุณแม่ของเป๊บกับคุณพ่อคุณแม่ของผม และผู้อำนวยการโรงพยาบาลเดินมาพร้อมกันจนถึงหน้าห้อง OR ครับ
“แด๊ด ครับ โจ้เข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงนะลูก การผ่าตัดจะผ่านพ้นไปด้วยดี” พ่อเป๊บกอดปลอบเป๊บครับ
“หลานเป๊บ สบายใจได้นะ ลุงคุยกับทีมคณะแพทย์แล้ว ยังควบคุมอาการได้ รอผลประเมินหลังการผ่าตัดอีกทีนะ” ลุงผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดให้เป๊บสบายใจครับ
“คุณทั้งสองคะ ดิชั้นกับสามี อยากจะขอคุยเป็นการส่วนตัวนะคะ ขอเชิญที่ห้องรับรองวีไอพีได้มั้ยคะ” คุณแม่ของเป๊บเชิญคุณพ่อกับคุณแม่ของผม ไปคุยส่วนตัวอะครับ
“ได้คะ , ครับ” แล้วท่านทั้ง 4 ก็เดินไปพร้อมกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล เจ้าจิมก็ขอตามไปด้วย
เวลาแห่งการผ่าตัดผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง พี่ปริมมาถึงโรงพยาบาล รีบวิ่งมาหน้าห้อง OR เป๊บก็ยังนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง
“ไอ้ตัวแสบบบบบ...เป็นยังไงบ้างงงง” พี่ปริมวิ่งเข้าไปหาเป๊บครับ
“พี่ปริม....ฮือๆๆๆ...โจ้อยู่ในห้องผ่าตัดครับ” เป๊บสวดกอดพี่ปริมแล้วร้องไห้มากมายเลยครับ
“ใจเย็นๆ นะไอ้ตัวแสบบบ ทำใจดีๆ ไว้นะ ทุกอย่างต้องดีขึ้น..เชื่อพี่นะ” พี่ปริมกอดเป๊บแน่น ปลอบให้กำลังใจครับ
พี่ปริมปลอบจนเป๊บหายเศร้า อาการดีขึ้นครับ เป๊บก็ถามพี่ปริมว่าทราบเรื่องได้ยังไง พี่ปริมเล่าว่าไปพบลูกค้าที่ประเทศอินโดนีเซีย มัมโทรบอก เลยตกใจมาก รีบหาตั๋วเครื่องบินบินกลับมาเมืองไทย จนมาถึงโรงพยาบาลนี่แหละครับ
หลังจากพี่ปริมมาไม่นาน พี่ปันก็วิ่งหน้าตั้งมาถึง
“ไอ้ตัวแสบบบ น้องสะใภ้พี่เป็นไงมั่งเนี่ย....... แล้วเอ็งโอเคนะ” พี่ปันวิ่งเข้าไปกอดเป๊บครับ
“ครับ..พี่ปัน..ตอนนี้โจ้ยังอยู่ในห้องผ่าตัดครับ”
“เอาน่าไอ้เสือ หมอเก่งๆ ทั้งนั้น หายเป็นปกติแน่นอน” พี่ปันปลอบเป๊บครับ
“แล้วนี่พี่ปันมาจากไหนครับ” เป๊บถามพี่ปัน
“เชียงใหม่นะไอ้เสือ มัมโทรบอก พี่ตกใจมาก เลยรีบบินกลับมานะ” พี่ปันตอบเป๊บ
“แล้วนี่เรากินข้าวหรือยังเนี่ย นี่มันตีสามแล้วนะ” พี่ปริมถามเป๊บด้วยความเป็นห่วง
“ไม่อะพี่ เป๊บไม่หิวนะ”
“เฮ้ยไม่ได้ เดี๋ยวล้มป่วยไปอีกคน งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อข้าวที่เซเว่นให้ ปันแกจะกินด้วยหรือเปล่า”
“ก็ดีพี่ปริม เดี๋ยวผมไปซื้อกับพี่ก็ได้” พี่ปันเลยเดินไปเซเว่นกับพี่ปริมครับ
เป๊บก็ยังนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด สักพักฉัตรก็เดินกลับมาครับ
“ไปไหนมาวะฉัตร หายไปตั้งนาน” เป๊บถาม
“โทรไปคุยกะพ่อวะเมิง กรูอยากช่วยอีโจ้มัน เลยถามพ่อว่ารู้จักหมอเก่งๆ มั้ย พ่อบอกกรูว่ารู้จัก แต่แกอยู่อเมริกาโน่น ถ้าจะให้มาก็ได้ เอาไว้ให้หมอที่นี่รักษาก่อนถ้าเปลี่ยนแปลงยังไงค่อยว่าอีกที” ฉัตรตอบร่ายยาวเลยครับ
“ขนาดนั้นเลยหรือวะเมิง...แต่ถ้าหมอที่นี่รักษาไม่ไหว...กรูอาจจะให้เมิงช่วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงเลยเมิง อีโจ้เป็นเพื่อนที่กรูรักมาก กรูไม่ยอมให้มันเป็นอะไรไปเหมือนกัน”
สักพักนึง พี่ปริมกับพี่ปันก็เดินกลับมาพร้อมของกินเต็มมือเลยครับ เป๊บแนะนำฉัตรว่านี่คือพี่ชายคนโตกับคนรอง ฉัตรยกมือไหว้ตามประสา หลังจากนั้นก็ทานข้าวด้วยกัน เป๊บกินไม่ค่อยลงครับ แต่ถูกฉัตรบังคับให้กิน แหม่ เพื่อนใครเนี่ย ดูแลแฟนเราดีจัง ฮ่าๆๆ ผ่านไปเข้าสู่ชั่วโมงที่ 3 ของการผ่าตัด คุณพ่อคุณแม่ของผมและเป๊บพร้อมด้วยเจ้าจิม เดินกลับมาเฝ้าที่หน้าห้อง OR ครับ ด้วยความที่พี่ปริมกับพี่ปันซื้ออาหารมาเยอะแยะ คุณพ่อคุณแม่ของเราสองคนรวมถึงเจ้าจิมก็ได้ทานด้วยครับ
เข้าสู่ชั่วโมงที่ 4 ของการผ่าตัด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาจากห้องผ่าตัดเลยครับ เป๊บเองก็เริ่มกระวนกระวาย ไม่ถึงอึดใจ ก็มีพยาบาลรีบผลักประตูออกมา และกำลังจะรีบเดิน...
“คุณพยาบาล ครับ แฟนผมเป็นยังไงบ้าง” เป๊บรีบเข้าไปถามเลยครับ
“เอ่อ..ใจเย็นๆ นะคะ คุณหมอกำลังพยายามช่วยชีวิตอยู่คะ คือ ตอนนี้ผู้ป่วยเกิดสภาวะช๊อกเนื่องจากการเสียเลือดภายในทรวงอก ดิชั้นขอตัวไปแจ้งการเบิกเลือดก่อนนะคะ” พยาบาลพูดจบก็รีบวิ่งไปที่ฝ่ายคลังเลือดครับ
ทุกคนที่ได้ยินสิ่งที่พยาบาลบอกมาทั้งหมด ต่างหน้าซีดและตกใจไปตามๆ กัน
“ฮึกๆๆๆๆ.....ฮือๆๆๆๆ......โจ้...อย่าทิ้งเป๊บไปนะ....ฮือๆๆๆ” เป๊บทรุดลงกับพื้น
“ใจเย็นๆ นะลูก....ทำใจดีๆ ไว้ ทุกอย่างต้องดีขึ้น เชื่อพ่อนะ...” พ่อเป๊บทรุดลงกับพื้นกอดปลอบโยนเป๊บครับ น้ำตาไหลไม่แพ้กัน
ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือต่างเสียขวัญและกำลังใจหมดแล้วครับ
ตึง...ตึ่ง...ตึ้ง....ตึ๋ง....เรียนเชิญ ศาสตราจารย์.นพ.XXX XX ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา , ศาสตราจารย์.นพ.XXX ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมผ่าตัดด้วยกล้องไมโครสโคป , รองศาสตราจารย์.นพ.XXX XXX ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหายใจ จากโรงพยาบาลศิริราช ที่ห้องผ่าตัดผู้ป่วยวิกฤติ OR ชั้นสอง ด่วนคะ” เสียงประกาศของโรงพยาบาลครับ
สิ้นเสียงประกาศได้สักระยะนึง พยาบาลคนเดิมและผู้อำนวยการโรงพยาบาลซึ่งเป็นเพื่อนของคุณพ่อเป๊บ เดินกึ่งวิ่งมาพร้อมกับ ทีมคณะแพทย์ เข้าใจว่าคือกลุ่มแพทย์ที่ทางโรงพยาบาลประกาศชื่อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากคลังเลือด พุ่งตรงมายังห้อง OR ครับ
คณะแพทย์เดินมาถึงก็รีบเข้าไปในห้องโดยไม่เปิดโอกาสให้คนที่คอยหน้าห้องทั้งหมดได้ถามเลยครับ ยกเว้นลุงผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ส่งทีมแพทย์หน้าห้องผ่าตัดเสร็จแล้ว จึงเริ่มพูดคุยกับคนที่เฝ้าหน้าห้องทั้งหมด
“คุณลุงครับ....ช่วยแฟนผมด้วยนะ....” ขวัญและกำลังใจของเป๊บดูแย่มากครับ ฉัตรแอบเล่าตอนหลังให้ฟังว่าเป๊บคุมสติตัวเองไม่ค่อยอยู่ คงจะเป็นห่วงผมมาก
“ใจเย็นๆ นะหลานเป๊บ ลุงรับรองว่า แฟนของหลานจะกลับมาเป็นปกติแน่นอน” ลุงผู้อำนวยการปลอบเป๊บครับ แล้วหันไปคุยกับบรรดาคุณพ่อคุณแม่
“ผมได้ประชุมกับคณะแพทย์ที่ทำการรักษาแล้วนะครับ อาการของผู้ป่วยค่อนข้างวิกฤติ จึงมีมติเห็นชอบให้เชิญทีมอาจารย์แพทย์ที่มีความชำนาญที่สุดในประเทศไทย เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการรักษา มั่นใจได้ครับว่า ผู้ป่วยจะต้องกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแน่นอน”
“ขอบคุณมากนะคะ คุณหมอ” แม่ผมหน้าซีด น้ำตาไหลเหมือนกันครับ กล่าวขอบคุณลุงผู้อำนวยการ
“ขอบใจมากเพื่อน...กูฝากมึงด้วยนะ....รักษาให้เต็มที่นะมึง...อะไรที่ดีที่สุด..รบกวนมึงด้วยนะ” พ่อเป๊บขอบคุณเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเครือๆ
“แน่นอนเพื่อน...ช่วยเหลือกันมาตั้งนาน เรื่องแค่นี้กูรับผิดชอบเอง” คุณลุงหมอตอบพ่อเป๊บ
“ไม่ต้องกังวลมากนะครับ สบายใจได้ ทีมแพทย์ชุดนี้เก่งมากๆ นะครับ” คุณลุงหมอไปปลอบคุณพ่อกับคุณแม่ผม
สักครู่นึง ลุงหมอขอตัวไปทำงานต่อ ทั้งหมดก็ยังรอคอยผลการผ่าตัดของผมที่หน้าห้องผ่าตัด
เวลาในการผ่าตัดเข้าสู่ชั่วโมงที่ 5 ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก กระบวนการผ่าตัดได้เสร็จสิ้นแล้วครับ คุณพ่อคุณแม่ของเราสองคนรวมทั้งทุกคน ต่างลุกขึ้น บุรุษพยาบาลเข็นเตียงที่มีร่างของผมนอนหมดสติออกมาจากห้องผ่าตัด มีเครื่องช่วยหายใจ สารพัดอุปกรณ์ระโยงระยางเต็มไปหมด คุณแม่ของผมเกือบจะเป็นลมแทบล้มทั้งยืนเลยละครับ คุณพ่อผมหน้าซีด เจ้าจิมน้ำตาไหล คนอื่นๆ ก็พลอยตกใจไปด้วย
“ที่รัก....เป็นยังไงบ้าง....ฮึกๆๆ....” เป๊บรีบพุ่งมาจับมือผมที่มีเครื่องอะไรบางอย่างหนีบเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ได้โวยวายนะครับ คือ คงช๊อกที่เห็นผมอยู่ในสภาพแบบนั้น
ทีมคณะแพทย์เดินออกมาพร้อมกัน 6 คน คุณพ่อผมเดินเข้าไปสอบถาม ทางคณะแพทย์บอกว่า
“ผลการผ่าตัดทั้งหมดเป็นที่น่าพอใจมากครับ ตอนนี้ทางคณะแพทย์ได้ทำการเย็บเนื้อเยื่อในช่องปอดเพื่อป้องกันภาวะเลือดออกแล้ว และใช้ตัวยึดกระดูกทรวงอกเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนมากไปกว่านี้ รวมถึงให้ยาลดอาการบวมของสมองและควบคุมระบบความดัน สำหรับในส่วนของอาการเลือดคั่งในสมอง ทางคณะแพทย์ได้วินิจฉัยร่วมกันแล้วว่า หากผู้ป่วยมีภาวะสมองบวมมากขึ้น อาจจะทำการผ่าตัดซ้ำอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จะต้องพักฟื้นในห้องไอซียูพิเศษ และมีแพทย์กับพยาบาลเข้ามาดูทุกๆ 15 นาทีนะครับ ดังนั้น สบายใจได้ สรุปผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจมากครับ” คณะแพทย์พูดจบก็ขอตัวกลับออกไปครับ
ทุกคนรวมถึงเป๊บต่างเริ่มยิ้มออกและสบายใจมากขึ้น ร่างกายที่หมดสติของผมถูกเข็นไปที่ห้องไอซียูพิเศษ เป็นห้องส่วนตัวขนาดใหญ่แบ่งเป็นสัดส่วน มีตั้งแต่ห้องรับแขก ห้องทานข้าว ห้องนั่งเล่น และอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบเลยครับ คือ ผมมารู้ตอนหลังว่า ค่าห้องแพงมากกกกกกๆๆ แต่ต้องทำตามเพราะคุณพ่อเป๊บสั่งครับ
เมื่อทุกคนเริ่มคลายความกังวลแล้ว ต่างก็ขอตัวกลับไปอาบน้ำ จัดการธุระส่วนตัว มีแต่เป๊บที่ไม่ยอมไปไหน จะอยู่เฝ้าผม คุณพ่อคุณแม่เป๊บ เลยบอกว่าจะให้แม่บ้านจัดเสื้อผ้ามาให้ คุณพ่อคุณแม่ผมจะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แล้วค่อยกลับมาในตอนเที่ยงๆ เป๊บก็ตอบรับปากว่าจะเฝ้าผมด้วยตัวเอง ทุกคนจึงแยกย้ายกันครับ
“ที่รัก....คุณหมอบอกว่าผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจนะ....ที่รักรีบๆ ฟื้นมาคุยกะเป๊บนะ เป๊บคิดถึง เป๊บทรมานมากนะครับ...”เป๊บจับมือผมมาจูบและ นั่งอยู่ข้างเตียงพูดกับร่างผมที่ไม่ได้สติไปน้ำตาไหลไป
“คุณคะ ขออนุญาต ตรวจผู้ป่วยคะ” พยาบาลเข้ามาตรวจผมอะครับ
“ครับๆ ได้ครับ”
พยาบาลก็วัดความดัน ตรวจตามขั้นตอนที่คณะแพทย์ได้สั่งไว้ครับ
“คุณพยาบาลครับ ผลการผ่าตัดดีขึ้นแต่ทำไมต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือเยอะแยะแบบนี้ละครับ” เป๊บถามด้วยความสงสัย คือ ไหนว่าอาการดีขึ้นแต่ทำไมเครื่องมือเพียบ
“อ๋อ คือ เครื่องมือที่เห็นทั้งหมดทางคณะแพทย์ได้สั่งไว้นะคะ สบายใจได้นะคะ เป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดคะ หากเกิดการเปลี่ยนแปลงกับระบบร่างกายผู้ป่วย จะรายงานผลไปยังห้องควบคุมที่มีพยาบาลเวรเฝ้าอยู่ จะได้ทำการรักษาได้ทันทีคะ” พยาบาลตอบร่ายยาวครับ ทำให้เป๊บอุ่นใจมากขึ้น
“คุณคะ นี่เป็นสร้อยคอพระของผู้ป่วยนะคะ ทางเราเก็บไว้ตอนที่เข้าห้องผ่าตัด” พยาบาลส่งสร้อยคอที่ห้อยหลวงปู่ทวดคืนให้เป๊บครับ
“ขอบคุณครับ” เป๊บรับสร้อยคอมา ทำให้เป๊บนึกขึ้นได้ที่หลวงตาสั่งว่าให้นำหลวงปู่ทวดติดตัวไว้ เป๊บอฐิษฐานถึงหลวงปู่ทวดคุ้มครองให้ผมปลอดภัย อฐิษฐานเสร็จก็นำสร้อยคอไปใส่ให้ผม ผมนอนหงายบนเตียง เป๊บหมุนเสร้อยคอให้รูปหลวงปู่ทวดห้อยไปด้านหลังช่วงต้นคอ (คงพอนึกภาพออกนะครับ)
ด้วยความอ่อนเพลียตลอดทั้งคืน เป๊บนั่งฟุบข้างเตียงเฝ้าผมไปจนพระอาทิตย์ขึ้น มารู้สึกตัวก็ตอนที่มีเสียงเตือนดังขึ้น
“ปิ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆ....ปิ๊บบ.........ๆๆๆๆ” เป๊บสะดุ้งตกใจตื่น พยาบาลวิ่งเข้ามาสามคน
เป๊บตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก
“พยาบาลครับ เกิดอะไรขึ้นนนน”
“ผู้ป่วยเกิดสภาวะหัวใจหยุดเต้นคะ คุณรีบออกไปก่อนนะคะ เดี๋ยวทางเราจะพยายามปั๊มหัวใจก่อนคะ ไปตามคุณหมอมาเร็ว เตรียม CPR” พยาบาลตอบเป๊บ พร้อมหันไปสั่งพยาบาลผู้ช่วยให้วิ่งไปตามหมอ สั่งให้พยาบาลอีกคนเตรียมปั๊มหัวใจ พร้อมกันเป๊บออกจากบริเวณเตียงผู้ป่วย
ต่อตอนหน้าคร้าบบบบบบบบ