Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 5
“กรี๊ดดดด พี่เขื่อนสู้ๆ”
“พี่เขื่อนค้า สู้ตายนะคะ” เสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มอยู่ในโรงยิมวันนี้กว่า 80% เป็นเสียงเชียร์ของสาวๆที่มาเชียร์เขื่อนแข่งคาราเต้โดยเฉพาะ ทั้งเด็กม.ต้น และม.ปลายต่างก็สละเวลาทานข้าวกลางวันเพื่อมาดูเขื่อนแข่งรอบคัดเลือก
‘ขนาดแค่รอบคัดเลือกนะเนี่ย ยังมากันขนาดนี้ ถ้าเป็นรอบจริงสงสัยทะลักโรงยิมแน่เลย’ น้ำนั่งดูดเป๊บซี่ในแก้วขณะนั่งวิจารณ์สาวๆที่มาเชียร์เขื่อน
“น้ำตาล ขอผมนั่งด้วยสิ” น้ำหันไปมองตามเสียงเรียก
“อ้าวอาจารย์ นั่งสิครับ” น้ำขยับที่ให้อาจารย์ปฐพีนั่งได้ พวกโมนและคู่แฝดที่นั่งถัดจากน้ำมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“แม่ง มาตอนไอ้เขื่อนไม่อยู่ ไม่แน่นี่หว่า” เทมส์พูดกับเพื่อน
“มึงว่าถ้าไอ้เขื่อนมันเห็นจะทำไงวะ อยู่ในสนามแบบเนี้ย” โมนถาม
“ไม่รู้ว-”
โครม!!!
“อ๊ากกกก!” เสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดดังมาจากสนาม ทุกคนหันไปมองทันที
“ฝ่ายดำชนะ!” เสียงกรรมการประกาศให้เขื่อนชนะทันทีที่เขื่อนจัดการเตะคู่ต่อสู้อย่างแรงจนล้มไปกระแทกโต๊ะกรรมการ ใบหน้าของอีกฝ่ายยับเยินเลือดอาบเต็มไปหมด ส่วนคนเตะน่ะเหรอ ยืนทำหน้าถมึงทึงจ้องเป๋งมาทางน้ำ
“นั่นไงมึง ผลลัพธ์ สงสารอีกฝ่ายว่ะแม่ง ซวยแท้ๆ” แทมพูดพร้อมกับมองคู่ต่อสู้ของเขื่อนที่นอนครวญครางน่าสยดสยอง
“น้ำ!! ถอยออกมาเร็ว” โมนดึงน้ำที่กำลังนั่งเหวอกับผลงานของเขื่อนให้ออกมาห่างจากอาจารย์ปฐพีโดยเร็ว
“ไอ้ซีด!!” ไม่ทันแล้ว เพราะซาตานได้เดินมาหยุดตรงหน้าของน้ำ
“ไปซื้อน้ำแร่ให้กูหน่อย” เขื่อนพูดเสียงเหี้ยม ใบหน้ามีหยาดเหงื่อเกาะพราว ดูแล้วเหมือนพวกพระเอกในหนังนักสู้ไม่มีผิด
“?” น้ำรู้สึกหน้าตึงขึ้นมาทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดดีด้วยอยู่เลย แต่มาวันนี้ กลับมาพูดไม่ดีใส่แบบนี้อีกแล้ว
“ไปหากินเอง!” น้ำตะคอกใส่และทำท่าจะลุกหนี แต่เขื่อนก็ดึงเอาไว้
“อย่ามาขึ้นเสียงกับกูนะ” เขื่อนกระซิบเสียงรอดไรฟัน เป็นเมื่อก่อนน้ำคงกลัวหัวหด แต่ตอนนี้ไม่ใช่น้ำคนเดิมอีกแล้ว
“ทำไมจะขึ้นไม่ได้ล่ะ วันนั้นยังขึ้นอยู่เลย” น้ำกระซิบกลับ แต่เน้นที่คำว่าขึ้นเป็นพิเศษ
“....” เขื่อนอึ้งพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าน้ำจะกล้าพูดเรื่องบทเรียนรักอันถึงใจที่เขาสอนน้ำเมื่อวันก่อน
“ไอ้บ้า” เมื่อเห็นว่าเขื่อนกำลังอึ้งน้ำเลยถือโอกาสด่าซ้ำ ก่อนจะรีบดึงแขนอาจารย์ปฐพีให้ไปด้วยกัน
“ไปซ้อมเปียโนเถอะครับอาจารย์” ถ้าไม่เกรงว่ามีคนอยู่เยอะ เขื่อนคงกระชากน้ำมาจับกดเสียตรงนี้นานแล้ว
“ไอ้แสบ...” เขื่อนพึมพำ
“เขื่อน กูได้ยินที่พวกมึงพูดนะ” โมนและคู่แฝดดึงความสนใจของเขื่อนกลับมา
“มึง มีอะไรกับ...น้ำแล้วเหรอ” โมนกระซิบเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
“....เออ” เขื่อนนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะตอบ พอพวกโมนได้ยินคำตอบก็ทำหน้าตาลามกทันที
“เมื่อไรวะ แล้วเป็นไงอะ ดีมั้ย” ทั้งสามคนแย่งกันถามอย่างไว
“...” เขื่อนไม่ตอบอะไร แต่ใบหน้ายิ้มกริ่มของเขื่อนเมื่อนึกถึงเรื่องนั้นก็แทนคำตอบทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
“เออ กูดีใจด้วย ว่าแต่มึงทำไงให้น้ำยอมมึงได้วะ” เทมส์ถามต่อ
“…เอ่อ .. กูบังคับว่ะ” เขื่อนอ้ำอึ้งกว่าจะตอบได้
“หา มึงปล้ำ-”
“ไอ้เหี้ย เบาๆดิวะ เดี๋ยวก็รู้กันทั้งโรงยิมหรอก” โมนอุดปากเทมส์ก่อนที่คนทั้งโรงยิมจะรู้กันหมด
“ทำไมวะ ก็มันไม่ยอม กูก็บังคับดิ” เขื่อนยังไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนต้องตกใจที่เขาบังคับน้ำด้วย
“ไอ้ซื่อบื้อ ผู้หญิงอะ เขาไม่ชอบถูกบังคับนะเว้ย แล้วทีนี้คราวหน้าเขาคงยอมมึงหรอก” โมนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเพื่อนตัวเองถึงไม่รู้จักโอนอ่อนเสียบ้าง
“น้ำมันไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ย” คู่แฝดแย้ง
“เออ ไม่ใช่ทางกายภาพ แต่ด้านอารมณ์ความรู้สึกอะ ใช่เลย” โมนหันไปเถียง
“แล้วที่ผ่านมานะ มึงก็กลั่นแกล้งเขาสารพัด แล้วพอจะเอายังไปบังคับเขา เขาคงรักมึงอะ ควายเอ๊ย” โมนตอกย้ำความซึนของเขื่อน ที่มีนิสัยขี้อาย รักแล้วไม่แสดงออก ได้แต่เอาความป่าเถื่อนมาบังหน้า
“แต่พอทำๆไปน้ำก็ยอมกูดีนะ” เขื่อนยังเถียงอยู่
“มันก็ต้องเคลิ้มบ้างแหละมึง แต่ความรู้สึกหลังจากนั้นอะ มันจะไม่รู้สึกดีหรอก” แทมพูดบ้าง
“จริงเหรอวะ...”
“เออ/เออ/เออ” เพื่อนรักทั้งสามคนประสานเสียงพร้อมกัน
“แม่ง วุ่นวายจริง” เขื่อนสบถก่อนจะลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
“น้ำตาล คิดไว้หรือยังว่าสนใจจะเรียนต่อด้านไหน” อาจารย์ปฐพีถามน้ำขณะที่เดินไปห้องดนตรี
“เอ่อ..ผมยังไม่ได้คิดจริงจังเลยครับ แค่เคยนึกเล่นๆเอง” น้ำยิ้มแหย เพราะเขายังไม่เคยคิดจริงๆว่าจะเรียนต่ออะไร
“แล้วนึกเล่นๆของน้ำตาลน่ะ คืออะไรล่ะ”
“ผมก็...แค่ชอบดนตรีน่ะครับ ผมเคยคิดไว้ ว่าอยากจะแสดงให้ทุกคนเห็นความมหัศจรรย์ของดนตรี” มีคำกล่าวเอาไว้ ว่าเวลาคนเราพูดถึงสิ่งที่รัก ดวงตาจะเป็นประกายแวววาว และก็จะดูสดใสงดงามเปล่งประกายขึ้นไปอีกเมื่อได้ทำสิ่งที่ตนเองรัก
“ผมชอบน้ำตาลตรงนี้ละ น้ำตาลที่มีดวงตาเป็นประกายเวลาพูดเรื่องความฝัน” อาจารย์ปฐพียิ้มให้น้ำตาลด้วยความเอ็นดู
“แหม อาจารย์ พูดอะไรจริงจังเชียว แหะๆ ผมก็แค่คิดน่ะครับ”
“บางทีความคิดก็เป็นแรงผลักดันให้เกิดความเป็นจริงได้นะ ไม่เคยได้ยินคำคมของไอนสไตน์เหรอ ที่เขาบอกว่า ‘ทุกสิ่งที่มนุษย์สามารถจินตนาการได้ คือความเป็นจริงที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น’ จริงมั้ย”
“นั่นสินะครับ งั้นผมจะทำให้ความคิดของผมเป็นจริงให้ได้”
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะสวีท ไปเรียนได้แล้ว” ยังไม่จบบทซาบซึ้งดี ซาตานก็มาป่วนอีกแล้ว ที่สำคัญยังทำหน้าเหี้ย(ม)โหดแผ่ออร่าอำมหิตไปทั่ว
“ไปเรียนเถอะน้ำตาล”
“ครับอาจารย์” น้ำเดินออกมาและไม่ลืมจะมองเขื่อนด้วยสายตาอาฆาต
“จะราวีอะไรผมนักหนา” น้ำขู่ฟ่อใส่เขื่อนทันทีที่เดินออกมาห่างจากห้องดนตรี
“อย่ามาขึ้นเสียง”
“ทำไมจะขึ้นเสียงไม่ได้ คนที่ไม่เคยพูดดีกับผม ไม่มีค่าพอที่จะได้รับคำพูดดีๆจากผมหรอก” เขื่อนมองคนตัวเล็กกว่าอย่างหมั่นเขี้ยว เถียงแว้ดๆแบบนี้มันน่าจับกดเสียจริง พอคิดดังนั้นเลยหยุดเดินและกระชากน้ำมาติดกำแพงก่อนยกแขนมากั้นไม่ให้น้ำไปไหนได้ ทำให้คนตัวเล็กแสดงสีหน้าตกใจออกมา
“ถ้าฉันพูดดีแบบไอ้อาจารย์นั่น แล้วนายจะเป็นเด็กดีมั้ย” เขื่อนโน้มหน้าไปใกล้หน้าน้ำ พร้อมกับเบียดร่างกายแข็งแกร่งเข้าไปแนบชิด น้ำได้กลิ่นสบู่และน้ำหอมจางๆจากเขื่อนจึงพาลนึกถึงตอนที่เขื่อนทำรักกับเขา ใบหน้าที่มีหยาดเหงื่อพราวและเกร็งแน่นด้วยความเสียวซ่าน...
“หน้าแดงทำไม คิดอะไรลามกล่ะสิ” เขื่อนถามหยอกเย้าเมื่อเห็นน้ำหน้าแดงระเรื่อ ยิ่งผิวขาวละเอียดแบบนี้ พอแดงทีก็เห็นชัดเจน
“หายใจไม่ออก ไปห่างๆหน่อย” น้ำพูดอุบอิบในลำคอ
“งั้นจะทำให้ไม่ต้องหายใจเลยดีมั้ย” เขื่อนใช้ฟันงับเบาๆที่ริมฝีปากของน้ำ คนตัวเล็กรู้สึกวูบวาบขึ้นมาจนต้องเบือนหน้าออก แต่เขื่อนก็ไม่ยอมให้น้ำหลบ กลับประคองใบหน้าของน้ำกลับมาและประทับจูบดูดดื่มลงไปแทน
“อื๊อ..” ลิ้นของเขื่อนสอดเข้ามารุกรานในโพรงปากหวานชื้น ลิ้นเล็กๆของน้ำรุกกลับโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นทำให้เขื่อยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าพูดดีด้วยๆจะเป็นเด็กดีแบบนี้นี่เอง รู้งี้พูดนานแล้ว” เขื่อนล้อน้ำที่กำลังรู้สึกโมโหร่างกายตัวเอง
“ลามกที่สุด..” น้ำละเกลียดนัก เกลียดเขื่อนที่ชอบมาตบหัวแล้วลูบหลัง เกลียดที่ชอบทำให้เสียความรู้สึก และก็เกลียดร่างกายตัวเองที่ไม่รักดี
“อืม ใช่ งั้นไปทำเรื่องลามกกันดีมั้ย หืม?” เขื่อนไม่ถามเปล่า กลับเอามือทังสองลูบไล้ไปทั่วตัวของน้ำ
“อี๊อ ไม่เอา จะไปเรียน” น้ำพยายามดันเขื่อนที่รุกรานร่างกายของเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ
“วิชาภาษาอังกฤษ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวติวให้นะ” เขื่อนยั่วเย้าให้น้ำอารมณ์เตลิดด้วยการขบเม้มที่ติ่งหูของน้ำ
“อ๊ะ!.. ไม่เอา ปละ ปล่อยนะ..” น้ำพยายามดันเขื่อนสุดแรง แต่ไม่รู้ทำไมแขนขาไม่มีแรง แถมเขื่อนก็นัวเนียติดแน่นเหมือนปลาหมึกไม่มีผิด
เพล้ง!
“!?!” ทั้งคู่ผงะทันทีที่มีเสียงของแตกดังขึ้น น้ำฉวยโอกาสนี้ผลักเขื่อนออกและรีบวิ่งหนีออกมา
“ไอ้บ้ากาม” แถมยังหันมาด่าแล้วแลบลิ้นใส่อีก
“หึหึ เดี๋ยวจะโดนไม่น้อย...” เขื่อนนึกเสียดายที่เหยื่อหนีไปได้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเสียงของแตกนั้นมาจากไหน จึงลองเดินไปดูในบริเวณใกล้ๆที่คิดว่าน่าจะเป็นต้นเสียง
แกร๊ก แกร๊ก
“...” เขื่อนมองอาจารย์ปฐพีที่กำลังเก็บเศษกระถางใส่ที่ตักผง กระถางดอกไม้ที่แขวนอยู่กับกำแพง กระถางที่ไม่น่าจะตกลงมาแตกได้ ถ้าไม่มีคนตั้งใจทำให้มันแตก
“อ้าว ยังไม่เข้าเรียนอีกเหรอนายเขื่อนขันธ์” อาจารย์ปฐพีเงยหน้ามาทักเขื่อนด้วยสีหน้ายิ้มละไม รอยยิ้มที่เขื่อนไม่เคยชอบเลย
“ก็เห็นอยู่นี่ครับ ว่าผมยืนอยู่นี่ แล้วจารย์ละครับ ไม่มีสอนเหรอ ถึงต้องหยิบกระถางมาทุ่มเล่นให้มันแตก” เขื่อนตอกกลับ
“ฮ่าๆ ผมจะเอากระถางมาทุ่มเล่นทำไมล่ะ”
“ก็เพื่อที่จะขัดจังหวะใครบางคนไงครับ”
“ขัดจังหวะงั้นเหรอ อย่าใช้คำนั้นเลย ผมก็แค่ช่วยลูกแกะตัวน้อยจากหมาป่าเท่านั้นเอง หมาป่าที่ชอบวางท่าว่าเกลียดลูกแกะ แต่เอาเข้าจริงก็คิดจะกินลูกแกะเหมือนกัน”
“แล้วอาจารย์ไม่เห็นเหรอ ว่าลูกแกะมันก็อยากจะให้หมาป่ากินเหมือนกันนะ”
“ความใคร่กับความรักน่ะ มันคนละส่วนกันนะ ต่อให้ได้ร่างกายไปแล้ว ก็ใช่ว่าจะได้จิตใจสักหน่อย” อาจารย์ปฐพีประกาศกร้าว ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มหล่อเหลาก็มีความดุเดือดซ่อนอยู่
“ต่อให้เขาแสดงออกดีๆกับคุณ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมอบใจให้คุณเหมือนกันนะ” เขื่อนย้อนกลับด้วยท่าทางที่เหนือกว่า แล้วเดินจากไปก่อนที่จะเผลอชกคนเสียก่อน อาจารย์ปฐพีมองเขื่อนด้วยความแค้น ใบหน้าอ่อนโยนแปรเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแค้น
“เขื่อน อย่าคิดนะว่านายจะได้น้ำตาลไปง่ายๆ..”
“พวกมึงเห็นน้ำมั้ย” เขื่อนถามพวกโมนที่นั่งสุมกันอยู่หลังห้องเรียน
“แหม หวงเมียมากเลยนะมึง ไม่ให้คลาดสายตาเล- โอ๊ย!” แทมยังพูดแซวไม่จบก็โดนเขื่อนฟาดกบาลเข้าให้
“ปากเสีย ไอ้เหี้ย” เขื่อนด่าเรียบๆ เพราะว่าชินกับความปากหมาของเพื่อนคนนี้มานานแล้ว
“นั่งคุยกับมะนาวอยู่นู้น” โมนบอกยิ้มๆ
“เออ แค่นั้นละ จะตอบได้ต้องกวนตีนก่อน” เมื่อเขื่อนหันไปเห็นว่าน้ำคุยกับมะนาวอยู่ก็สบายใจจึงนั่งลงบนเก้าอี้
“เขื่อนๆ ที่กูขอเบอร์มะนาวอะ เมื่อไรมึงจะให้” เป็นเรื่องที่รู้กันแค่สี่คน เรื่องที่โมนชอบมะนาว แม้แต่น้ำที่คลุกคลีกับพวกนี้ตลอดก็ยังไม่รู้
“อ้าว กูยังไม่ได้ให้มึงอีกเหรอ กูลืมตลอดเลยว่ะ แต่กูไม่ได้เอาโทรศัพท์มาอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมาบอกนะ”
ครืดดดด ครืดดด
“ไอ้ชั่ว ไหนบอกไม่เอามาไงล่ะ” โมนลองโทรเข้ามือเขื่อนและก็พบว่ามันสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงเขื่อน
“กูลืมว่ะ โทษที” เขื่อนยิ้มเจื่อน
“กูเพื่อนมึงนะเว้ย จะงกทำไมวะ” โมนตัดพ้อ เพราะเขาขอเบอร์มะนาวจากเขื่อนมาหลายครั้ง และมันก็นานมาแล้วด้วย แต่เขื่อนก็ยังไม่ยอมให้เสียที
“ก็เพราะมึงเพื่อนกูนี่ละ ถึงได้รู้ว่ามึงเป็นคนยังไง เลยไม่อยากให้มึงยุ่งกับมะนาวไงล่ะ”
“เหี้ย แค่เบอร์เอง กูอยากได้เบอร์มะนาวอ่า...” ขณะที่เขื่อนกำลังง้างเท้าจะถีบโมนนั้นก็มีเสียงพูดขึ้นเสียก่อน
“โมนอยากได้เบอร์มะนาวไปทำไมเหรอ” น้ำที่เดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงถามด้วยสายตาแป๋วแหวว
“ปละ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” โมนรีบปฏิเสธพัลวัน
“อ้าว ก็เห็นพูดอยู่มะกี้ไง” น้ำยังถามซ้ำ
“น้ำฟังผิดแล้วละ นั่งเถอะๆ เดี๋ยวอาจารย์ก็มาแล้ว” โมนกุลีกุจอจับแขนน้ำให้นั่งลง
เพียะ!
“ตีกูไมวะเขื่อน” โมนกุมมือตัวเองข้างที่ถูกตีจนแดง
“น้ำนั่งเองได้ มึงไม่ต้องจับหรอก” น้ำหน้าแดงเมื่อได้ยินที่เขื่อนพูดจึงก้มหน้างุดไม่มองม
“หวงก็บอกเดะ ไม่เห็นต้องตีเลย แม่ง” โมนบ่น ขอเบอร์ก็ไม่ให้ แถมยังโดนตีมืออีก
“หึ” เขื่อนไม่ว่าอะไรแค่ยิ้มกริ่ม ประจวบเหมาะกับที่อาจารย์เข้ามาพอดี สงครามย่อมๆเลยสงบลง
“น้ำตาลจ๊ะ เย็นนี้ว่างมั้ยเอ่ย” มะนาวชะโงกหน้ามาหาน้ำที่ก้มหน้าก้มตาเก็บสัมภาระเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วเพื่อหนีบางคนกลับบ้าน
“อื้อ ว่าง มะนาวมีอะไรเหรอ” น้ำรีบตอบรับทันที ไม่รู้ว่ามะนาวมีของดีอะไรกับตัว เวลาไปขอร้องใครมักจะไม่เคยถูกปฏิเสธเลย
“อยากจะชวนไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนน่ะจ้ะ วันนี้วันศุกร์พอดีเลยด้วย” มะนาวยืนยิ้มเอามือไขว้หลังดูน่าหมั่นเขี้ยวจนน้ำอดไม่ไหว
“อ๊ะ น้ำตาลน่ะ เดี๋ยวผมมะนาวยุ่งนะ” มะนาวร้องเมื่อน้ำเอามือขยี้ผมที่รวบไว้อย่างเรียบร้อย
“ฮะฮะ คนน่ารักทำทรงอะไรก็น่ารักน่า” มะนาวที่ทำแก้มป่องเริ่มยิ้มได้เมื่อได้รับคำชม
“ก็จริงนะ ฮิฮิ”
“มะนาวหลงตัวเองอ้ะ”
“อ๊ะ ก็ไหนน้ำบอกว่ามะนาวน่ารักไงล่ะ” เด็กสาวเริ่มทำแก้มป่องอีกครั้ง
“อะๆ ล้อเล่น ไม่งอนนะ เดี๋ยวน้ำเลี้ยงหนังนะวันนี้ ฮ่าๆ” พอได้ยินว่าจะเลี้ยงหนัง ความงอนจึงมลายหายไปกับสายลม
“กูอิจฉาน้ำว่ะเขื่อน” โมนพูดเสียงละห้อยขณะมองน้ำกับมะนาวอยู่อีกมุมของห้องเรียน
“I’m too…” เขื่อนเองก็มองทั้งคู่มานานจึงเห็นด้วยกับโมน
“ห๊ะ มึงอิจฉาน้ำเหรอ” โมนตกใจ เมื่อคิดว่าเพื่อนจะเป็นศัตรูหัวใจกับตนเอง
“เชี่ย กูเซ็งมะนาวเว้ย มาขัดขวางกูได้ตลอด...” เขื่อนยิ่งตาลุกวาวเมื่อเห็นมะนาวจับมือน้ำไปด้วยกัน มองแบบนี้แล้วเหมือนทั้งคู่เป็นแฟนกันไม่มีผิด
“อ๊าก จับมือกันด้วย กูปวดใจจจจจ” เขื่อนอาจจะไม่ได้คร่ำครวญเหมือนโมน แต่ทว่าไฟในใจที่ลุกโพลงขึ้นเมื่อเห็นน้ำจับมือกับมะนาวนั่นสิ ช่างรุนแรงนัก
‘คืนนี้เจอกันนะน้ำ’ ซาตานตัวร้ายคิดในใจอย่างหมายมั่น
‘รู้สึกยะเยือกยังไงพิกลแฮะ’ ขณะที่กำลังเดินออกจากโรงเรียนน้ำก็รู้สึกขนลุกบอกไม่ถูก
“น้ำตาล ไม่สบายรึเปล่า” มะนาวถามเมื่อเห็นว่าจู่ๆน้ำก็ชะงักขึ้นมาขณะที่กำลังเลือกหนังที่จะดูจากช่องขายตั๋วอัตโนมัติ
“เปล่าอะ น้ำรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้ สงสัยเขื่อนต้องหาเรื่องแกล้งน้ำอีกแน่ๆเลย”
“ฮะฮะ เขื่อนไม่ได้โรคจิตขนาดนั้นซะหน่อยนะจ๊ะ สงสัยน้ำตาลจะไม่ชอบเขื่อนเอามากๆเลยนะ” มะนาวหัวเราะไม่ยอมหยุด
“มะนาวเนี่ย มาขำคนอื่น อย่างนี้ต้องเอาคืนโดยการดูหนังผีซะให้เข็ด” ไม่พูดเปล่า น้ำกดเลือกไปที่หนังผีที่มะนาวไม่อยากดูทันที
“อ๊า!! น้ำตาลลล” มะนาวเต้นเร่าๆเมื่อเครื่องอัตโนมัติพิมพ์ตั๋วหนังผีออกมาสองใบ และยิ่งหวีดร้องมากขึ้นอีกเมื่อเข้าไปดูหนัง โดยมีน้ำคอยหัวเราะข้างๆตลอด
“ครับแม่ เอ๋? ป้านิลาเหรอครับ แม่เลยต้องอยู่แทน อืม ครับ ผมอยู่ได้ แม่อย่าหักโหมนะ ครับๆ” ขณะที่ไปส่งมะนาวขึ้นรถแล้ว น้ำก็กลับบ้าน แต่ตอนที่นั่งรถอยู่แม่ของเขาก็โทรมาบอกพอดีว่าจะอยู่เวรแทนเพื่อน
‘แม่เหนื่อยแย่เลย..’ ถึงแม้พ่อของน้ำจะเสียไปตั้งแต่น้ำอยู่ชั้นประถมด้วยอุบัติเหตุรถชน แต่บ้านของน้ำก็ไม่ได้ลำบาก เพราะพ่อทิ้งเงินชดเชยจากประกันภัยเอาไว้มากมาย และแม่ของเขาก็ยังเป็นแพทยืฝีมือดีที่งานยุ่งเสมอ ทำให้ครอบครัวของน้ำอยู่ได้อย่างสุขสบาย แต่เป็นเพราะความที่แม่ของเขารักงานที่ทำ จึงมักจะไม่ค่อยมีเวลาให้น้ำ
‘แม่ดีใจที่น้ำตาลเข้าใจแม่นะลูก’ น้ำไม่เข้าใจว่าพวกเด็กที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ทำไมจะต้องขาดความอบอุ่น ทำไมจะต้องบ้านแตก ทั้งๆที่พ่อแม่ก็รักตัวเองอยู่แล้ว ความรักมันไม่ได้มีรูปแบบตายตัวนี่นา
‘แม้แต่รสนิยมทางเพศก็ไม่ตายตัว..’ น้ำหวนนึกไปถึงเขื่อน แล้วก็หน้าแดงอยู่คนเดียวจนถึงบ้าน ขณะลงจากรถเมลล์แล้วเดินเข้าบ้านของตัวเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาคนที่นั่งอยู่ในสวนหน้าบ้าน
‘ใครหว่า..’ ยังไม่ทันหายสงสัย น้ำก็ต้องเหวอเมื่อร่างดำๆนั้นเดินเข้ามาหา
“เขื่อน!!” อุตส่าห์ชิ่งหนีตอนเลิกเรียน ยังไม่วายตามถึงบ้านอีกเหรอเนี่ย
“ทำหน้าเหมือนเห็นผี ไขกุญแจสักทีสิ ยุงกัด” ร่างสูงเร่งยิกๆ ดูท่าจะมานั่งรอนานแล้ว
“คะ ครับ”
“ขอน้ำอัดลมนะ” เขื่อนสั่งทันทีที่นั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มพลางมองไปรอบๆบ้าน
“อยู่คนเดียวเหรอ”
“อยู่กับแม่ครับ” น้ำตอบพร้อมกับเสียงก๊อกแก๊กที่ดังมาจากในครัว
“เฮ้ย ไหนน้ำอัดลมล่ะ” เขื่อนโวยเมื่อจิบน้ำสีแดงเข้าไปและพบว่ามันคือน้ำหวานเฮลส์บลูบอย
“ยังไม่ได้ทานเข้า ห้ามดื่มน้ำอัดลมครับ”
“เฮอะ” คนตัวโตเถียงไม่ออก สงสัยไม่ทันไรเชื้อเกลียมัวก็เริ่มจะแพร่กระจายในตัว
“เขื่อนมานี่ มีธุระอะไรรึเปล่าครับ” น้ำถามเกร็งๆขณะลงนั่งฝั่งตรงข้ามที่ห่างจากเขื่อนที่สุด
“ทำไมไปนั่งไกลขนาดนั้น”
“เอ่อ ผมถามว่ามีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
ฟึ่บ!!
“ไม่มี มาไม่ได้เหรอ” เขื่อนตอบพร้อมกับลุกไปนั่งที่ข้างๆน้ำก่อนจะยกแขนโอบไหล่น้ำให้มาชิดกับตัวเอง
“อะ เอ่อ..คือว่า เรา..” น้ำอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ มือก็พยายามดันเขื่อนที่เข้ามาใกล้ให้ออกไป
“’เรา’ อะไร ก็พูดมาสิ” ตรงกันข้าม มือของเขื่อนกลับเริ่มสะเปะสะปะ สัมผัสตรงนั้นตรงนี้ของน้ำมั่วไปหมด ยิ่งน้ำขืนตัวออก เขื่อนก็ยิ่งรุกหนัก
“เราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดจะมาบ้านของอีกฝ่ายได้บ่อยๆหรอกนะครับ!!!” น้ำตะโกนออกมาเพราะหงุดหงิดที่เขื่อนนัวเนียมากขึ้น และก็ได้ผล เขื่อนผงะไปทันที
“....” น้ำเงยหน้ามองเมื่อรู้สึกว่าเขื่อนเงียบไป แต่แล้วก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นแววตาขวางๆแบบที่บ่งบอกว่าอารมณ์เสียสุดขีด
“เขื่อ-!!” ร่างบางถูกกดจมลงไปบนโซฟาโดยมีร่างสูงทาบทับตามลงมาติดๆ ริมฝีปากบางปากถูกปิดแน่นจนเสียงไม่สามารถเล็ดลอดออกมาได้ด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนที่ประกบลงมาอย่างรุนแรงนั่นเอง
“ไม่ใช่เพื่อนสนิทงั้นเหรอ มันก็จริงนะ เพราะเราไม่ใช่ ’เพื่อน’ กันจริงๆนี่” ร่างสูงถอนริมฝีปากออกและกระซิบยั่วเย้าอยู่ที่ปากแดงระเรื่อเพราะพิษจูบของร่างบาง
“แต่นายน่ะ เป็น ‘เมีย’ ฉันนี่นะ” ร่างบางไม่ทันจะทักท้วงก็ถูกจูบอีกรอบ แต่คราวนี้ร่างสูงสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวรัดอย่างช่ำชอง
“หึหึ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ว่าตัวเองจะเป็นพวกคลั่งไคล้การจูบ แต่พอได้มาจูบคนที่ไม่ยินยอมให้สมยอมได้เนี่ย มันรู้สึกดีจริงๆ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูคนที่นอนระทวยหมดเรี่ยวแรงเพราะเจอจูบอันหนักหน่วงไปหมาด
“..บ้า..”
“หืม..อะไรนะ” เขื่อนซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นของน้ำ ริมฝีปากงับเบาๆที่ผิวเนียนของน้ำ เพราะจำได้ว่าน้ำเป็นพวกที่ซอกคอเซนส์ซิทีฟ
“อะ..โรคจิต...อ๊ะ..” ร่างบางที่ตัวอ่อนปวกเปียกยังไม่วายปากเก่งแต่ก็พูดอะไรไม่ออก เพราะตอนนี้กำลังถูกคนตัวโตรุกเร้าไปทั่วร่างกาย
“นั่นสินะ คงจะจริงอย่างที่นายว่า” เขื่อนใช้ฟันขบกัดที่ยอดอกสีชมพูของน้ำ ร่างบางบิดตัวอย่างเสียวซ่านเพราะมันทั้งเจ็บและรู้สึกดี มือใหญ่ที่ถอดกางเกงของร่างบางออกตอนนี้ได้รุกล้ำเข้าไปจนถึงช่องทางที่ปิดสนิท นิ้วเรียวยาวลูบไปมาก่อนจะสอดเข้าไปทันที
“อ๊า! ผมเจ็บนะ มะ ไม่ ปละ- อ๊ะ ปล่อยน-” ร่างบางส่งเสียงโอดครวญขาดช่วง เหมือนกับว่าทั้งรู้สึกเจ็บ แต่ก็....ชอบเหมือนกัน
“หึหึ อยากให้หยุดก็พูดให้เต็มปากเต็มคำสิ ไม่ใช่ห้ามไป ครางไปแบบนี้” เขื่อนทำสีหน้ายั่วเย้าร่างบางที่กำลังถูกนิ้วเรียวยาวชักเข้าชักออกจากด้านล่าง
“อื้อ..อะ..” ร่างบางส่งเสียงครางอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าเล็กๆนั้นดูหวานซึ้งมากขึ้นเมื่อเจือไปด้วยหยาดน้ำตาและเลือดที่สูบฉีดจนหน้าแดงก่ำ
“Shit! นายทำหน้าแบบนี้แล้วฉันมีอารมณ์สุดๆ” เขื่อนถอนนิ้วออกเพื่อปลดเข็มขัดกางเกงตนเองอย่างเร็ว
“หึ..จะบอกว่าผมทำหน้าเจ็บปวดแล้วนายมีอารมณ์งั้นเหรอ”
“ปากดีนะ Sugarboy มันเจ็บปวด แต่นายก็ชอบไม่ใช่เหรอ”
“ซาดิสม์...”น้ำเหลือบมองคนตัวโตที่สะบัดกางเกงออกจากร่าง ตามด้วยอันเดอร์แวร์ ร่างบางเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นส่วนใหญ่โตที่มันกำลังจะรุกล้ำเข้าไปในร่างของเขา
“ถ้าฉันซาดิสม์ นายมันก็มาโซคิสม์ละนะ” เขื่อนจัดให้อาวุธของตนเองไปจ่อตรงปากทางของร่างบาง มือใหญ่จับขาของร่างบางให้พาดที่ไหล่หนา ก่อนจะค่อยๆสอดอาวุธของตัวเองเข้าไป
“อา...น้ำ นี่ขนาดเปิดทางไว้แล้ว ยังฟิตอยู่เลยนะเนี่ย” น้ำเบือนหน้าหนีด้วยความอายเมื่อได้ยินที่เขื่อนพูด ใช่ว่าน้ำก็อยากจะให้มันแน่นขนาดนี้เสียเมื่อไรละ เจ็บจะตาย
“อะ!!” น้ำกัดฟันแน่นเมื่อเขื่อนสอดมันเข้ามาจนถึงครึ่งทาง ทุกสิ่งทุกอย่างอัดแน่นอยู่ภายในจนน้ำเริ่มรู้สึกรวดร้าว ทว่าในความเจ็บปวดนั้นน้ำกลับรู้สึกได้ถึงความหฤหรรษ์จางๆ
“อา...น้ำ แบบนี้หลงตายเลย” เขื่อนพูดเสียงกระเส่าก่อนจะก้มลงจูบปากน้ำ ร่างบางพยายามปิดปากแต่นิ้วมือของเขื่อนก็เริ่มขยำหน้าอกกับบั้นท้ายของน้ำอีก จนเผลออ้าปาก แล้วเรียวลิ้นของคนตัวโตก็สอดแทรกเข้ามาในปากชุ่มชื้น ลิ้นของเขื่อนสำรวจไปทั่วโพรงปากของน้ำอย่างดุดันจนกระทั่งร่างบางเริ่มหายใจไม่ออกเขื่อนก็ค่อยๆถอนริมฝีปากออก
“อ๊า!” น้ำหวีดร้องเมื่อเขื่อนแทรกกายเข้ามาจนสุดก็ถอยออกไปใหม่อีก แล้วกดเข้ามาใหม่ทีเดียวจนมิด
“มันเข้าไปสุดแล้วนะ หึหึ ดูสิน้ำตาล” เขื่อนพูดเสียงหวานเชื่อม เขื่อนจ้องมองอาวุธของตัวเองที่ผลุบเข้าออกจากร่างของน้ำด้วยแววตาลามก
“อึก..ลามก อย่ามองนะ” อายก็อาย คนอะไรหน้าด้านนัก ทำอะไรตามใจตัวเองตลอด
“หึหึ ถ่ายคลิปไว้ดีมั้ย เอาไว้ให้นายดูไงล่ะ” เขื่อนพูดทีเล่นทีจริงพลางเริ่มส่ายน้องชายของเขาวนไปวนมาและเริ่มกระแทกไปมา
มันแน่นไปหมดจริงๆ
“ไม่เอ๊า! อะ อ๊ะ..” ใบหน้าของน้ำแดงระเรื่อ ทั้งอาย ทั้งมีอารมณ์ปนเปกันไปหมด
“อา...น้ำ ดูสิ ร่างกายของนายกำลังกลืนฉันอยู่.” เขื่อนพูดเสียงสั่น มือก็ดึงน้ำให้ลุกขึ้นมาและก้มลงไปมองที่เบื้องล่าง ภาพที่เห็นคืออาวุธอันของเขื่อนกำลังขยับเข้าออกช้าๆอยู่ในตัวน้ำ
“อ๊ะ...โรคจิต ลามก.. อือ...” น้ำก่นด่าระคนเสียงครางเพราะแรงโยกของเขื่อนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำให้น้ำร้องแทบไม่เป็นภาษา
“ว่าฉันงั้นเหรอ ต้องเจอดี” เขื่อนว่าพลางกระแทกแรงขึ้นและจับตัวน้ำพลิกเปลี่ยนเป็นท่านอนคว่ำโดยสะโพกของร่างบางถูกยกรับน้องชายของเขา
“อึก...อือ....อือ.... อะ...มะ...ไม่ไหวแล้ว” น้ำครางแล้วหันไปดันเขื่อนออก แต่คนตัวโตกลับปัดมือของน้ำออกพลางเอื้อมมือมากำรอบน้องชายของน้ำ กอปรกับแรงกระแทกด้านหลังส่งผลมายังด้านหน้าทำให้น้องชายของน้ำเสียดสีกับมือของเขื่อนมากขึ้น
“อ๊ะ อือ..” น้ำรู้สึกได้ว่าตัวเองกระตุกเบาๆที่ส่วนนั้น น้ำสีขาวพุ่งกระเด็นเลอะบนโซฟา แต่เขื่อนก็ยังไม่เสร็จเสียที
“ซี้ด...I will going!!” เขื่อนพูดพลางซอยถี่ยิบ ร่างบางรู้สึกหวิวจนเหมือนสติคงจะหลุดลอยออกจากร่างแน่นอนถ้าเขื่อนทำนานกว่านี้
“อีกนิดนะน้ำตาล” เขื่อนถอนตัวออกดังพลุบ แล้วกระแทกเข้ามาเต็มแรงจนร่างบางตัวงอรับ รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นๆฉีดเข้ามาภายในและไหลออกมาตามขาอ่อน
>>>>> TBC