ราเชนทร์ – คีรี Part 5
ภาพของหรัญญ์ที่นอนป่วยหลับตาคิ้วขมวดคล้ายปวดหัวปวดตัวจนหลับไม่สนิทในเช้าวันต่อมาทำให้พวกเขาที่ตักตวงจนอิ่มเปรมรู้สึกผิดหนัก
“ทำไมไม่ห้าม” ลับหลังคนรักที่นอนพักผ่อนหลังกินข้าวเช้าและกินยาแก้อักเสบ คีรีหันไปถามราเชนทร์ที่ควรจะเป็นตัวกลางช่วยปรามระหว่างเซ็กซ์ รู้ๆ กันอยู่ว่าถ้าท่านประธานเอาจริงน่ะเป็นยังไง ดูสิ หรัญญ์แทบขยับตัวไม่ได้ ตามตัวมีรอยช้ำจากการบีบเฟ้น แม้จะไม่หนักหนามากเพราะมีคนช่วยคั่นสลับไปมา แต่ก็ทำเอาคีรีแสนปวดใจ
เมื่อคืนล่อไปสารพัดท่าพิสดาร...แทนที่ราเชนทร์จะท้วง ดันเสือกเอาด้วยซะงั้น!
“ใครจะไปห้ามไหวละวะ รัญเล่นทั้งตอดทั้งร้องครางต่อหน้าแบบฟูลเฮชดีขนาดนี้” ราเชนทร์กระซิบตอบ พวกเขากลัวคนรักจะตื่นขึ้นมาจ้องตาถลึงอีกยก เลยได้แต่ทะเลาะกันเองเบาๆ อยู่ข้างเตียงเพราะไม่กล้าลุกไปไหน “แถมให้เสียบสดอีก โคตรเจ๋งเลย”
“...ดีกว่าที่คิดนะ”
“เออ ดีกว่าที่คิดเยอะเลย”
ราเชนทร์กับคีรีมองตากัน ก่อนจะแอบชนหมัดเงียบๆ แบบรู้กันสองคน
ไอ้ตอนแรกก็กลัวจะไม่รอดอยู่หรอกหากเห็นคนรักโดนคนอื่นทำอะไรต่อมิอะไรต่อหน้าตัวเองขนาดนั้น แต่ที่ไหนได้ ยิ่งเห็นหรัญญ์ครวญครางแต่ยังพยายามปรือตามองเอื้อมมือหาอีกคนมันเหมือนโดนยั่วชัดๆ! ท้าทายความอดทนกันเห็นๆ!
คีรีเป็นคนแรกที่หลั่งในเพราะพอไม่มีคนห้ามสติก็เริ่มหลุด ใจจดจ่อแต่กับกิจกรรมตรงหน้าไม่สนเรื่องข้อตกลง ราเชนทร์เองทั้งที่ออกปากห้ามแท้ๆ แต่พอทั้งเนื้อทั้งตัวหรัญญ์เต็มไปด้วยน้ำรักเอ็กซ์แตกก็ฝังตัวเองเข้าลึกแล้วปลดปล่อยตามไปติดๆ ตอนนั้นทั้งคู่แทบจะลืมไปแล้วว่าไอ้ความรังเกียจไม่อยากจะยุ่งด้วยนั้นปลิวหายไปไหน รู้แต่จะรักหรัญญ์จนกว่าจะหมดเรี่ยวหมดแรง
และก็หมดเรี่ยวหมดแรงจริงๆ ราเชนทร์ยอมแพ้ก่อนแล้วกอดหรัญญ์ คีรีเพิ่งมาได้สติเอาตอนนั้นเลยรีบพาคนรักไปล้างตัว จากนั้นพวกเขาก็วิ่งวุ่น คอยพยาบาลหรัญญ์ที่เริ่มมีตัวร้อนกระสับกระส่าย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน แต่ถึงอย่างนั้นหน้าตาก็สดใสเปล่งปลั่งเพราะได้ยาชูกำลังชั้นดี
“วันนี้ไม่ไปทำงาน?” ราเชนทร์ถือวิสาสะความเป็นเจ้าของห้องนั่งบนเตียง จัดท่าทางให้หรัญญ์นอนใกล้ๆ แล้วคอยเกลี่ยเส้นผมเป็นระยะ
“ไม่ล่ะ” คีรีนั่งถัดออกมาบนเก้าอี้ ก้มหน้ากดโทรศัพท์ไม่หยุด คาดว่าน่าจะกำลังสั่งงานกับเลขา
“อย่าบอกนะว่านี่หยุดงานครั้งแรก?”
“ใช่”
ราเชนทร์ยกยิ้ม พอเดาได้ว่าคงเป็นการประท้วงกรายๆ ของท่านประธาน
คนที่ทำงานแทบทุกวันไม่เคยขาด ทั้งชีวิตมีแต่งาน งาน งาน ขนาดป่วยไข้ไม่สบายแค่ไหนก็ยังลากสังขารไปบริษัท แต่จู่ๆ วันนี้กลับหายหัวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เขารู้ในทันทีว่าจะต้องเกิดความวุ่นวายโกลาหลขนาดย่อมแน่นอน
“ไอ้น้องชายตัวดีนั่นไม่รีบแจ้นมาเลยรึไง”
“อืม น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ”
ต่อให้วันนี้หรัญญ์แข็งแรงสมบูรณ์ คีรีก็กะจะอู้อยู่แล้ว
ธาราธารทำให้เขาโกรธมากจริงๆ น้องชายหัวดื้อที่พยายามหาทางเข้ามาวุ่นวายในเรื่องความรัก ทำเอาคนรักของเขาต้องมาปวดหัวแถมยังลามปามไปถึงคนรอบตัวราเชนทร์อีก นี่ควรจะเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่รึไง
คีรีแทบจะเดาได้เลยว่าธาราธารไม่ยอมหยุดง่ายๆ แน่ พยายามจะใช้สังคมกดดันเขา พยายามทำให้เห็นว่าในสายตาคนนอกไม่มีใครรับได้กับความสัมพันธ์แบบนี้ มันทำให้คีรีคิด...ว่าน้องชายห่วงเรื่องผลประโยชน์ หรือห่วงว่าเขาจะทำให้สกุลเสื่อมเสียกันแน่
สุดท้ายแล้วธาราธารก็ไม่ได้ทำเพื่อพี่ชายหรอก แต่ทำเพื่อตัวเองต่างหาก!
ธาราธารไม่ยอมให้ใครพูดว่าประธานบริษัทหรือพี่ชายแท้ๆ มีแฟนเป็นผู้ชายแถมยังคบกันสามคน เจ้าตัวคงรู้สึกอับอายมากจนทนอยู่เฉยไม่ไหวล่ะมั้ง
ไม่นานบ้านของราเชนทร์ก็มีแขกมาเยือนจริงๆ
ธาราธารมาตามพี่ชายไปทำงาน ยังดีที่คนของราเชนทร์ยังรู้มารยาท ถึงให้แขกรอข้างล่างแล้วขึ้นมาตามเขาให้ไปหาเอง
“ฝากหรัญญ์ด้วย” คีรีมองคนรักที่นอนหลับด้วยฤทธิ์ยาด้วยสายตาเชื่อมั่นว่าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องมายุ่งยากเรื่องนี้อีกแน่
“ไม่ต้องให้บอกหรอกน่า” ราเชนทร์โบกมือขอไปที รายนี้ถ้าทากาวติดกับหรัญญ์ได้คงทำไปแล้ว ขนาดดูแลใครไม่เป็นเอาแต่นั่งให้กำลังใจตอนคีรีเช็ดตัวให้หรัญญ์ยังนั่งตาแป๋วมองไม่ห่าง เป็นตัวถ่วงแข้งถ่วงขาชั้นเยี่ยม ทำได้แต่ถอดเสื้อกับใส่เสื้อให้คนรักเท่านั้น
ตอนคีรีลงมาชั้นล่างพวกแม่บ้านมองเขาด้วยสายตาเปลี่ยนไป กึ่งๆ จะหน้าแดงอาจเพราะเมื่อคืนรุนแรงไปสักหน่อย...เสียงคงจะดังลงมาล่ะมั้ง
“ทำไมพี่ไม่ไปทำงาน” พอเจอหน้าน้องชายที่นั่งรอในห้องรับแขก ธาราธารก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“แล้วทำไมฉันหยุดงานไม่ได้”
“ก็พี่...พี่ไม่เคยหยุดมาก่อนเลยนี่!” ธาราธารประท้วง “เพราะคนรักของพี่ล่ะสิ เห็นมั้ยล่ะ ผมบอกแล้วว่าคบกันไปก็ไม่มีอะไรดี แถมยังเป็นตัวถ่วงอีกต่างหาก”
“ไม่เกี่ยวกับหรัญญ์”
“หรือพี่จะบอกว่าที่หยุดงานไม่ใช่เพราะเขา”
“ไม่ใช่เพราะหรัญญ์ แต่เป็นเพราะนาย ธาร”
น้องชายอ้าปากค้าง
“ตั้งแต่พี่เจอหรัญญ์จนถึงวันนี้ พี่ก็ไปทำงานและทำหน้าที่ได้ดีมาตลอด เพราะอะไรรู้มั้ยธาร เพราะพี่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้” คีรีเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงความดุดันไม่พอใจ “ส่วนคนที่ทำให้มันมาปนกันก็คือนาย ในเมื่อพูดไม่ฟัง พี่ก็คงต้องประท้วงเหมือนกัน”
“สุดท้ายพี่ก็ทำเพราะมัน”
คีรีส่ายหน้า น้องชายเขาอคติบังตาไปหมดแล้ว
“ถ้าพี่ไม่พาหรัญญไปแนะนำตัวที่งาน นายคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่มีแฟน ทุกอย่างก็คงเหมือนเดิม นายจัดการงานของนาย พี่ก็ทำหน้าที่ของพี่เหมือนทุกวัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือวุ่นวายอย่างตอนนี้”
“...”
“แต่ถ้าให้เลือกพี่ก็จะทำแบบเดิม พี่ให้เกียรตินาย ให้เกียรติครอบครัวของเรา และให้เกียรติหรัญญ์ แต่นายให้เกียรติการตัดสินใจของพี่บ้างมั้ย” คีรีว่าอย่างอัดอั้น ตลอดชีวิต เขาถูกบีบด้วยกรอบของครอบครัว ถูกกำหนดอนาคตแต่เด็ก โชคดีที่เขาชอบ และรักงานด้านนี้อยู่แล้ว จึงพยายามอย่างเต็มที่และสุดความสามารถ ไม่เคยมีใครคิดดูแคลนท่านประธานที่ทำงานอย่างขันแข็งคนนี้เพราะนับถือในความทุ่มเท “ความหวังดีของพี่กลายเป็นความหวังร้ายของนาย ถ้าแยกแยะระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัวพี่ได้เมื่อไหร่ พี่ก็จะกลับไป”
“...พี่ไม่กลัวสายตาคนอื่นเลยรึไง พี่อยู่สูงขนาดนั้น แค่เรื่องนี้ก็ทำให้เสียชื่อเสียงได้แล้ว!”
“แต่พี่ยังทำงานได้นี่”
“แล้วถ้ามีคนคิดจะใช้โอกาสนี้สั่งปลดพี่ล่ะ พี่ก็รู้ว่าในตระกูลเรายังมีคนอื่นๆ ที่คิดอยากจะมาแทนที่ประธานตลอด!”
“หึ พี่ถือหุ้นถึง 40% จากทั้งหมด และเพิ่งติดต่อเซ็นสัญญาโปรเจคใหม่อีกสามรายร่วมสามสิบล้าน ต่อให้พวกเขาอยากปลดก็ทำไม่ได้ อำนาจการตัดสินใจส่วนใหญ่อยู่ที่พี่ ถ้าไม่วางมือเตรียมการส่งต่อให้เอง ก็ไม่มีใครทำอะไรเข้ามาแทรกได้หรอก” คีรีพูดอย่างมั่นใจ “นายสนใจตัวเองเถอะ พี่ไม่มีทายาทแน่นอนแล้ว คนที่จะมาสานต่อก็คือลูกหลานของนาย ตรงนั้นยังแทรกแซงง่ายกว่าพี่เป็นไหนๆ”
ธาราธารหน้าซีด อาจเพิ่งมาคิดได้ว่าหากนับกันจริงๆ คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์น่าเสี่ยงคือตัวเองต่างหาก!
คีรีทำผลกำไรมหาศาลให้บริษัท ยังไงช่วงนี้ก็คงไม่มีใครกล้าวุ่นวาย เพราะการประกาศตัวว่าคบผู้ชายเท่ากับสละสิทธิ์ผลประโยชน์นับจากนี้โดยสิ้นเชิง แต่กับธาราธารนั้นถ้าหากแต่งงานมีลูกหลาน ก็จะได้สืบทอดต่อไป ถ้าหากพวกสายย่อยอยากยึดอำนาจขึ้นมาจริงๆ สู้ทำให้ธาราธารหมดโอกาสมีทายาทไปด้วย ยังถือเป็นงานง่ายกว่ามาฮุบกิจการเอาตอนที่คีรีควบคุมทุกอย่างไว้อยู่หมัด
ชื่อเสียงที่ท่านประธานสั่งสมมาแต่เด็กจนถึงตอนนี้อายุสามสิบปี การทำงานที่ขยันขันแข็งแต่ทุ่มเทจนไม่มีใครเทียบเท่า คือสิ่งสำคัญที่ยังทำให้บริษัทติดอันดับหนึ่งในสิบ เพราะลูกค้าต่างเชื่อว่าหากลงทุนกับคีรีแล้วจะไม่ขาดทุนอย่างแน่นอน
“กลับไปได้แล้ว”
คีรีออกปากไล่น้องชายที่ยืนหน้าซีด เพิ่งมาตระหนักสถานการณ์ความเป็นจริงเพราะมัวแต่อคติห่วงชื่อเสียงที่ไม่ช่วยทำกำไรพลางส่ายหน้า มั่นใจว่าธาราธารจะไม่สร้างเรื่องไร้สาระอีกแน่ เขาเองก็ไม่อยากจะใจร้ายหรอกนะ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมฟัง เลยต้องหยิบเอาด้านมืดขึ้นมาพูด
คีรีนึกปวดใจเหมือนกัน สายสัมพันธ์พี่น้องไม่ช่วยให้เข้าใจกันและกันในแง่ธุรกิจเลยสักนิด แทนที่จะสนับสนุนดีใจที่เขามีคนรักจริง กลับเอาแต่ขัดขวางไม่หยุดหย่อน
แต่เขาก็ก็เติบโตมาในสังคมที่เห็นแก่ผลประโยชน์เป็นหลักอยู่แล้ว
เทียบกับบ้านหลังนี้ที่ออกจะหลุดกรอบในโลกความจริงไปสักหน่อย มองเหล่าแม่บ้านที่คอยห่วงใยราเชนทร์ คีรีก็นึกอิจฉาขึ้นมาลึกๆ แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น เพราะเขาคงจะทำแบบราเชนทร์ที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ได้ ทุกคนล้วนมีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน และความภูมิใจของคีรีคือการดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอย่างไร้ที่ติ
คีรีเดินขึ้นชั้นสองด้วยสีหน้ามุ่งมั่นยิ่งขึ้น แต่พอเปิดประตูเข้าไปกลับได้ยินเสียงโครมครามและเสียงตะโกนของราเชนทร์
“มาช่วยหน่อยเร็ว!”
ภาพตรงหน้าคือราเชนทร์พยายามจับตัวหรัญญ์ที่ดิ้นขลุกขลัก คีรีรีบปิดประตูทันที ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงคนรักเพ้อพูดออกมาไม่ได้ศัพท์
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย!”
หรัญญ์ดิ้นเหมือนเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดสู้เพื่อเอาชีวิตรอด คีรีเข้าใจแล้วว่าทำไมราเชนทร์ถึงรีบส่งไม้ต่อ เพราะคนรักทั้งข่วนทั้งจิกปัดป่ายตะกายตัวเต็มที่ สภาพคุณชายแสนสำอางเลยเละตุ้มเป๊ะไปหมด คีรีเข้ามาช่วยจับตัวหรัญญ์ ตรึงแขนไม่ให้ขยับทำร้ายทั้งเขาและตัวเอง ก่อนจะคิ้วขมวดมุ่นเมื่อรู้สึกถึงอุณหภูมิร้อนจี๋น่ากลัว
“พาไปโรงพยาบาลดีกว่ามั้ย”
“ไม่ต้อง บ้านฉันมีอาจารย์หมอประจำอยู่ฝีมือดีมาก เอ่อ...แต่ต้องให้หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนติดต่อ รอเดี๋ยวนะ” เห็นคีรีจับตัวหรัญญ์อยู่หมัดราเชนทร์ก็เปิดประตูเรียกหาแม่บ้านทันที เสียงหวีดร้องดังขึ้นเมื่อเห็นสภาพคุณชายอย่างกับเพิ่งผ่านการตะลุมบอน ถ้าไม่เพราะคีรีเพิ่งเดินขึ้นมา พวกเธอคงคิดว่าคีรีกับราเชนทร์มีปากเสียงลงมือลงไม้กันไปแล้ว
“ตามอาจารย์หมอมาหน่อย รัญไข้ขึ้นสูงเพ้อไม่ได้สติเลย เร็วๆ นะ!”
“คะ...ค่ะคุณชาย” เสียงโกลาหลวุ่นวายพร้อมเสียงวิ่งตึงตัง นานครั้งจะเห็นคุณชายตะโกนสั่งไร้รอยยิ้ม วิ่งพล่านลนลานอย่างกับเป็นคนป่วยซะเอง
ราเชนทร์กลับเข้ามาในห้องช่วยจับตัวหรัญญ์ที่ยังดิ้นขลุกขลัก ไม่รู้ว่าหมดแรงหรือเพราะอะไร หลังจากนั้นไม่นานหรัญญ์ก็นอนสงบนิ่งแต่ขมวดคิ้วมุ่น
คีรีรีบเข้าไปหาผ้าชุบน้ำมาช่วยซับเหงื่อ ส่วนราเชนทร์ก็ทำหน้าที่ถนัดจับแก้ผ้าเปลี่ยนเสื้อเพื่อให้สบายตัวขึ้น
“ฉันเคยเห็นรัญเป็นแบบนี้”
“ฉันด้วย”
ราเชนทร์กับคีรีสบตากัน พวกเขาต่างมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
สภาพของหรัญญ์ที่ตะเกียกตะกายสุดชีวิต หน้าซีดตัวสั่นต้องการความช่วยเหลือ
เหมือนกับอาการของคนจมน้ำเลยไม่ใช่รึไง!
-------------------------------------------------------------
รู้จักกับเชื้อรา กับคีรีกันแล้ว ถึงตารู้จักกับหนูรัญแล้วค่ะ
ตอนนี้บรรยากาศระหว่างสองหนุ่มราบรื่นขึ้น แอบจิกกัดกันบ้างเป็นธรรมเนียมแต่แลเปิดใจให้ความช่วยเหลือกันดีนะคะ! //ชอบฉากแอบชนหมัดกัน น่าร้ากก
ปล.ความจริงที่ธาราธารกีดกันขนาดนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังนะคะ ฮุฮุ
เพจนักเขียนที่กระซิบบอกว่าตอนหน้ามีเซอร์ไพรส์แน่นอน!