“ตรงนั้นเป็นห้องพระ ยังตกแต่งไม่เสร็จ ถ้าขวัญมาอยู่ที่นี่ ขวัญเอารูปน้าลีมาไว้ในห้องนั้นนะ ให้น้ามาอยู่ด้วยกัน” คุณธนิกชี้ไปยังห้องด้านซ้ายมือซึ่งเขาไม่ได้เปิดให้ดูแต่พาเดินผ่านไปยังอีกห้อง “นี่เป็นห้องส่วนตัวของขวัญ พี่ตกแต่งไว้ให้แล้วล่ะ ไม่รู้ขวัญจะชอบมั้ย ถ้าไม่ชอบค่อยปรับเปลี่ยนทีหลังได้ แต่งบจำกัดนะ เพราะพี่ใช้เงินเก็บไปเกือบหมดแล้ว”
“โหย ไม่สปอร์ตเลย”
“ขอเก็บเงินอีกนิดครับ”
ผมหัวเราะกับท่าทีของเขา “ผมไม่มาอยู่หรอกครับ ขอบคุณคุณธนิกนะครับที่ทำให้ถึงขนาดนี้ แต่ผมยังชอบบ้านเช่าของผมอยู่”
“ก็บอกแล้วว่าพี่จะรอจนขวัญใจอ่อน งั้นห้องนี้ยังไม่ดูนะ ไว้ขวัญมาอยู่จะได้เห็นตอนนั้นเป็นครั้งแรก เวลาอะไรที่เป็นครั้งแรกจะน่าประทับใจมาก”
“นั่นสินะครับ”
“เหมือนที่พี่เป็นครั้งแรกและจูบแรกของขวัญ พี่นอนไม่หลับไปครึ่งเดือน”
“โม้แล้วครับ เพิ่งเป็นเรื่องไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เหรอ”
“อ้าว จริงด้วย แต่เหมือนนานมากเลยนะ”
ผมทุบไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะเดินตามไปยังห้องนอนใหญ่ เป็นห้องที่มีประตูไม้โอ๊คบานใหญ่หนักๆ หนึ่งบาน ทั้งห้องตกแต่งด้วยโทนสีสบายตากับเฟอร์นิเจอร์เข้าชุดกัน มีเตียงนอนขนาดคิงไซส์วางตรงกลางห้อง ผ้าม่านสีครีมบดบังหน้าต่างแต่ละบาน ใกล้กันนั้นมีโซฟาเบดน่านอนอยู่หนึ่งตัว
“ห้องนอนของเรา เตียงใหญ่ขนาดนี้ขวัญคงไม่ใจร้ายให้พี่นอนคนเดียว”
“ผมใจร้ายครับ”
“ขวัญพัฒน์” เขาครางเสียงอ่อน ทำหน้าอ้อน “พี่กลัวผียิ่งกว่าหลงซะอีก”
“ไม่ได้ผลหรอก อย่ามาหลอกผมเลย”
เขาหัวเราะ ก่อนจะพาผมไปที่ระเบียงห้องที่ถูกแบ่งกั้นด้วยกระจกบานใหญ่ ที่ระเบียงมีไม้ประดับปลูกในกระถางวางไว้ตามมุม สายลมเย็นกำลังพัดใบของมันให้ลู่ไปตามลม ผมยืนมองภาพบรรยากาศอันเงียบสงบก่อนจะถูกเขาสวมกอดจากทางด้านหลัง
“ถ้าขวัญมาอยู่กับพี่ เราจะได้มองท้องฟ้าด้วยกันทุกคืน”
ผมแกล้งทำหูทวนลมกับน้ำคำหวานของเขาพลางมองลงไปด้านล่าง “มีสระว่ายน้ำด้วยเหรอครับ”
“อืม แต่พื้นที่จำกัดก็เลยไม่กว้างมาก หลงชอบว่ายน้ำมั้ย พามันมาว่ายน้ำก็ได้”
“มันไม่ชอบครับ แต่ผมชอบ”
“งั้นลองเลยมั้ย พี่มีกางเกงว่ายน้ำ...”
“เดี๋ยวนะครับ ทำไมคุณธนิกเตรียมพร้อมล่ะ”
“เพราะพี่อยากเห็นขวัญใส่กางเกงว่ายน้ำ”
“ผมมีพุงนะ”
“วันนั้นไม่มีนี่ หุ่นดีจะตาย กอดกำลังดี”
ผมอ้วนกว่าเขมินทรา เจ้าน้องชายของผมน่ะผอมบางกว่า แบบนั้นต่างหากที่จะเรียกว่าหุ่นดี ส่วนผมที่ไม่เคยออกกำลังกาย ชอบกินแต่ของมันๆ ของหวานๆ ก็ไม่รอดพ้นการมีพุงหรอก
“ตอนนี้อะไรผมก็ดีหมดแหละครับ ลองเบื่อกันดูสิ แค่หายใจก็ยังผิดเลย”
“ไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นกับเราหรอก”
“มีสิครับ คนเราเปลี่ยนกันได้ทั้งนั้น”
“บางเรื่องขวัญก็ดื้อมากๆ เลย แต่พี่จะทำให้เห็นเองว่ายังมีคนที่ไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ อยู่”
ผมเผลอกัดริมฝีปากของตัวเอง เพราะสิ่งที่กำลังคิดทำให้หัวใจเจ็บแปลบ “งั้นตอนนี้คุณธนิกก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากคุณขิมสิครับ ถ้าคุณธนิกเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆ”
แขนที่โอบเอวผมไว้คลายออกไป ก่อนที่มือของคุณธนิกจะจับไหล่ของผมให้หันหน้าไปเผชิญกัน “ทำไมเอาแต่พูดถึงขิม ขวัญจะลืมเรื่องที่พี่ทำไม่ดีไปไม่ได้เหรอ”
ผมหลบตาเขา ไม่กล้ามองตามตรง “คุณธนิกรักเขานี่ครับ”
“มันไม่เคยเป็นความรัก ระหว่างพี่กับขิมไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอยู่”
ผมจะเชื่อใครได้ ระหว่างเขมินทรากับคุณธนิก ทั้งสองคนพูดกันคนละอย่าง น้องชายของผมเหมือนจะรักคุณธนิกมาก แต่คุณธนิกกลับพูดว่ามันไม่ใช่ความรัก หรือจะเป็นเพราะเขาแค่อยากหลอกผมเท่านั้นเอง
“แล้วทำไมถึงเผลอเรียกชื่อเขาตอนที่เรากำลังทำกันล่ะครับ”
“เพราะขวัญเหมือนเขามากยังไงล่ะ พี่อยู่กับขิมมาหลายปี พี่ยอมรับก็ได้ว่ามันเป็นความเคยชินที่เผลอเรียกออกไป แต่ขวัญจะไม่ให้โอกาสพี่เลยเหรอ”
“ผมเหมือนถึงขนาดไหนกันถึงทำให้เผลอเรียกออกมาได้ งั้นไม่ใช่เพราะผมเหมือนหรอกเหรอ คุณธนิกถึงชอบผม”
“ขวัญครับ” เขาก้มหน้าลง ให้ใบหน้าของเราใกล้ชิดกัน “ขวัญเหมือนเขาจนถ้าขวัญเจอเขาขวัญอาจจะตกใจ แต่พี่ไม่อยากให้ขวัญไปยุ่งเกี่ยวด้วย”
“ทำไมเหรอครับ”
“มันยากที่จะอธิบาย แต่พี่อยากให้ขวัญรู้ว่าขวัญเหมือนเขาแค่ภายนอก ตัวตนของขวัญต่างหากที่พี่ชอบ แค่ได้พูดคุยกันพี่ก็รู้แล้วว่าขวัญไม่เหมือนใคร”
เขาโกหกมึงอยู่แน่ๆ ไอ้ขวัญ มึงอย่าหลงเชื่อ ผมจำลองเสียงของไอ้แนนขึ้นในหัว “เหรอครับ”
“ขวัญไม่เชื่อพี่ก็ไม่เป็นไร” เขาว่าด้วยท่าทางอ่อนใจ แววตามีความตัดพ้อเล็กน้อย แต่ไม่นานก็คลี่ยิ้มออกมา “ไม่เชื่อใครง่ายๆ ก็ดีแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องห่วง”
“แม้ว่าผมจะไม่เชื่อคุณธนิกด้วยเหรอครับ”
“อืม บางทีพี่ก็พูดเอาใจขวัญไปอย่างนั้น เพราะพี่อยากให้ขวัญเป็นของพี่เร็วๆ” ใบหน้าของเขาขยับเข้าใกล้มาอีกนิด “ทำหน้าสงสัยเหรอ เหตุผลของพี่ก็เป็นแค่เหตุผลของคนลามกที่ชอบชิมความหวานของขวัญเท่านั้นเอง”
ผมปล่อยให้ริมฝีปากของเขาทาบทับลงมาโดยไม่ถอยห่าง คุณธนิกบอกว่าชอบชิมความหวาน ผมจึงให้เขาตักตวงจนพอใจ แค่จูบสองจูบคงไม่เป็นไร แนวป้องกันของผมยังไม่สั่นคลอนลงหรอก
“ขวัญของพี่หวานมากจริงๆ” เขากระซิบเสียงพร่า บดจูบลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนริมฝีปากของผมที่ถูกดูดดุนนั้นรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ทว่าการผลักไสเขาออกห่างนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากเหลือเกิน แต่แล้วระฆังหมดยกก็ดังขึ้น
ติ๊งต่อง!
เสียงออดสุดคลาสสิกดังขึ้นให้ได้ยิน คุณธนิกค่อยๆ ผละออกห่าง ความเสียดายปรากฎบนใบหน้า “พี่จะอดใจไว้ ตอนนี้ขวัญต้องกินข้าวก่อน ลงไปข้างล่างกันเถอะครับ”
ผมพยักหน้า เดินตามลงไปชั้นล่าง คุณธนิกบอกให้ผมรอที่ครัว ส่วนเขาเดินไปเปิดประตู ไม่นานก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นที่โถงทางเดิน อีกไม่กี่วินาทีต่อมาชายร่างสูงพอๆ กับคุณธนิกก็ปรากฎตัวให้เห็น เขาหอบหิ้วเอาถุงจากซุปเปอร์มาด้วย ผมจึงรีบเข้าไปช่วย
“มาครับผมช่วย”
“เป็นเด็กดีนี่หว่า” เขาหันไปพูดกับคุณธนิกด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม แต่คุณธนิกแยกเขี้ยวขู่มาให้พลางส่งสายตาบางอย่างและดูเหมือนพวกเขาจะรู้กันอยู่สองคน “โอเคๆ "
“ขวัญ นี่เพื่อนพี่ ชื่อโม” คุณธนิกแนะนำ ผมจึงรีบยกมือไหว้ เพราะยังไงก็คงอายุมากกว่าผม
“สวัสดีครับ ผมชื่อขวัญครับ”
“สวัสดีครับน้องขวัญ” พี่โมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร พลางวางถุงที่ถืออยู่ลงบนเคาน์เตอร์ “ว่าแต่จะทำอะไรกินกัน กูกินด้วยได้มั้ยธนิก ไม่เคยมีบุญปากกินกับข้าวฝีมือมึงสักที”
“ไม่ได้” คุณธนิกตวัดตามอง
“น้องขวัญ พี่อยู่ด้วยได้มั้ยครับ”
“เอ่อ...ผมว่าพี่ถามคุณธนิก”
“ฮ่าๆ ๆ” อยู่ๆ พี่โมก็ระเบิดหัวเราะออกมา “ไม่เหมือนเด็กนั่นนะ ถ้ากูถามแบบนี้คงเอามีดแทงกูไปแล้ว หึหึ”
“อย่าพูดมากไอ้โม จะกินด้วยก็ไปรอที่อื่น อย่ามาเกะกะในนี้”
“ทำเป็นเข้มเนอะ” พี่โมหันมาคุยกับผม “ขวัญอย่าไปยอมมันมากล่ะ ไอ้นี่มันเผด็จการ เดี๋ยววันดีคืนดีมันจับเราขังไว้แต่ในห้อง ระวังตัวไว้ด้วย”
“จริงเหรอครับ” ผมพอจะนึกภาพคุณธนิกทำแบบนั้นได้อยู่หรอก และคิดว่าคนอย่างเขาคงทำได้จริงๆ
“ไอ้โม! พูดอะไรของมึง ขวัญเชื่อคนง่ายอยู่ด้วย”
“ฮ่าๆ ๆ พี่โมล้อเล่นนะครับ มันไม่ใจร้ายแบบนั้นหรอก เวลามันขังมันก็ให้ออกไปเดินเล่นในบ้านบ้างครับ โอเคๆ ไม่พูดแล้ว ไปรอที่ห้องนั่งเล่นนะ”
พี่โมเดินหัวเราะอารมณ์ดีออกจากครัวไปแล้ว ในขณะที่คุณธนิกเอาแต่เสยผมด้วยความหงุดหงิด
“คุณธนิกครับ เด็กนั่นที่ว่าน่ะใครเหรอ”
“ไอ้โมมันก็พูดไปเรื่อยเปื่อย ขวัญมานี่สิครับ มาช่วยพี่ทำกับข้าว”
แม้ว่าผมจะสงสัย แต่คุณธนิกไม่มีทีท่าจะตอบคำถาม เด็กนั่นจะหมายถึงเขมินทราน้องชายของผมหรือเปล่า หรือหลังจากเลิกกันแล้ว คุณธนิกจะคบกับคนอื่นอีก ผมก็ไม่อาจรู้ได้ ไว้ค่อยไปถามกับพี่โมทีหลัง พี่โมดูจะเป็นคนคุยด้วยง่ายกว่าคุณธนิก แต่ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าเขาจะยอมบอกเรื่องที่ผมอยากรู้ไหม
“อดได้กินขวัญหลังมื้อเย็นเลย ไอ้โมต้องอยู่เป็นก้างจนดึกแน่ๆ” คุณธนิกบ่น เขาบ่นไปด้วยหั่นกุนเชียงไปด้วย ส่วนผมที่กำลังซาวข้าวก็อดยิ้มไม่ได้
“ดีแล้วครับที่พี่โมอยู่ ผมไม่อยากถูกกิน”
เห็นคุณธนิกเพิ่มแรงหั่นกุนเชียงแล้วผมก็ทำได้แค่หัวเราะ มองดูเผินๆ ก็เหมือนคนไม่มีพิษไม่มีภัย ถ้าไม่มีคดีมอมยาจนผมเสียตัว ผมก็อาจจะมองว่าเขาเป็นคนดีขึ้นมาก็ได้ ไหนจะคำพูดของเขมินทราที่บอกว่าเขาเป็นจอมโกหก ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมาในวันนี้ถ้ามันเป็นเรื่องโกหกจริงๆ ผมก็คงไม่มีอะไรจะไปสู้กับคนที่แสดงเก่งขนาดนี้ได้แล้ว
“คุณธนิกครับ”
“ว่าไงครับ”
“ข้าวผัดไข่นี่นอกจากใส่ไข่แล้วจะใส่ใจลงไปด้วยหรือเปล่าครับ” ผมขยับเข้าไปใกล้ตัวเขาแล้วเขย่งเท้าเล็กน้อยเพื่อหอมแก้มเขาเบาๆ “ผมอยากกินหัวใจคุณธนิก”
“บอกว่าไม่อยากถูกกินแต่ก็ยั่วพี่” คุณธนิกแยกเขี้ยวใส่ “ถอยไป พี่ถือมีดอยู่นะ เดี๋ยวก็ได้แผลหรอก”
“พออยากถูกกินก็โดนไล่”
“ขวัญพัฒน์ ไอ้เด็กบ้า”
ผมค่อยๆ เห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยจะได้เห็นทีละเล็กละน้อย ปกติแล้วคุณธนิกจะเอาแต่ยิ้ม แต่วันนี้ผมเห็นเขาทำหน้าโกรธ ผมเห็นเขาทำหน้าไม่พอใจ สีหน้าตอนที่คุยกับเพื่อนก็ไม่เหมือนที่คุยกับผม แล้วไหนจะตอนนี้ที่เขาเหมือนพี่ชายที่คอยดุ แล้วปากก็พร่ำบ่นที่ผมยั่วตอนเขาถือมีด
นี่ไอ้แนน...ถ้าเป็นมึง มึงจะป้องกันหัวใจจากคนแบบคุณธนิกยังไงดีวะ เพราะแค่ไม่กี่วันกูก็ทำท่าจะแพ้แล้ว หากว่านานกว่านี้คงแย่แน่ๆ
ขวัญพัฒน์: ขิม ผมไม่ทำแล้วได้มั้ย ผมคิดว่าผมทำไม่ได้หรอก
เขมินทรา: ทำไม? เกิดอะไรขึ้นเหรอ เขาทำเรื่องไม่ดีกับพี่เหรอ
ขวัญพัฒน์: เปล่า เพราะเขาทำดีมากต่างหาก
เขมินทรา: เขาทำไม่ใช่เพราะชอบพี่หรอก เขาก็แค่ทำไปอย่างนั้น
ขวัญพัฒน์: เหรอ
เขมินทรา: อย่าไปหลงเสน่ห์เขา เขาน่ะอันตรายนะ แล้วถ้าพี่ไม่ทำ พี่เองที่เดือดร้อน ผมน่ะมีคนของพ่อบุญธรรมปกป้องอยู่แล้ว แต่พี่ไม่มีใครนะพี่ขวัญ แค่ทำให้พี่ธนิกไว้ใจแล้วให้เขาพาไปพบพ่อของเขา มันไม่ยากหรอก
ขวัญพัฒน์: แต่สำหรับพี่มันยาก
เขมินทรา: พี่อาจจะยังไม่เข้าใจ อาจจะคิดว่าผมพูดเล่น
ขวัญพัฒน์: ไม่ใช่อย่างนั้นนะขิม
เขมินทรา: งั้นผมก็ไม่รู้ด้วยแล้วนะ
ขวัญพัฒน์: โอเคๆ พี่จะคิดดูอีกที
เขมินทรา: ดีครับ พี่แค่ทำเรื่องง่ายๆ แล้วเรื่องยากๆ ผมจะทำเอง อีกอย่าง...พี่ธนิกเขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบพี่หรอก เขาก็แค่ทำดีด้วยเพราะหวังอะไรบางอย่างก็แค่นั้น พี่อย่าคิดมากเลยครับ
ขวัญพัฒน์: พี่รู้ว่าเขารักขิม พี่รู้เรื่องนั้นดี
เขมินทรา: ครับ
ขวัญพัฒน์: ไว้พี่จะไลน์หาพรุ่งนี้นะ
เขมินทรา: ไม่กลับบ้านเหรอครับ จะค้างกับพี่ธนิกเหรอ
ขวัญพัฒน์: เปล่า ไม่ค้าง กลับครับ คุณธนิกจะไปส่ง เขาไม่ยอมให้นั่งแท็กซี่กลับ
เขมินทรา: อะฮะ งั้นถึงบ้านแล้วบอกผมด้วยนะครับ ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
ขวัญพัฒน์: ได้ครับ
ผมรู้สึกได้ว่าเขมินทราไม่ชอบใจกับการที่ผมอยู่กับคุณธนิกสักเท่าไร คงเพราะเจ้าตัวยังรักคุณธนิกอยู่แต่กลับปากแข็ง ไม่ยอมรับความรู้สึกที่ตัวเองมี ทำให้ผมสงสัยว่าระหว่างพวกเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้ต่อไม่ติดกันได้มากขนาดนี้
.................To be continue...................
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่า