...แค่คุณ… by แป้นพิมพ์
ตอนที่ 11
ปลดล็อกความกลัวจีบอย่างไรให้ได้แฟน บททดสอบก่อนเริ่มจีบ
วัดค่าความกลัวของคนแอบรัก
‘คะแนนของคุณคือ 0-15 คะแนน ค่าประเมินเท่ากับ คุณยังคงมีความกลัวและกังวลเป็นอย่างมาก
คำอธิบาย - รักของคุณนั้นแสนบริสุทธิ์ รักโดยที่ไม่จำเป็นต้องครอบครอง แต่ถ้าคุณคิดซื้อหนังสือเล่มนี้แล้ว แสดงว่าความความรู้สึกส่วนหนึ่งในใจของคุณอยากได้จับจองพื้นที่ในหัวใจของเขาเช่นเดียวกัน บางครั้งคุณคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว แต่ลึกๆคุณยังคงคาดหวัง แต่คุณไม่สามารถหลุดออกมาจากความกลัวที่มีได้
วิธีการบำบัดความกลัว - ในเมื่อคุณไม่สามารถไปบังคับใครได้ ก็ลองบังคับจิตใจตัวเอง เปลี่ยนความคิดมุมมองของตัวเอง แล้วก้าวออกมาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ความเสี่ยงอาจไม่ใช่ผลดี แต่ผลลัพธ์ของการเสี่ยงนั้นจะเป็นบทเรียนสอนคุณในภายภาคหน้าได้ ชนะอะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับชนะใจตัวเองได้ ลองดูค่ะ’ เสียงเพลงสันทนาการดังขึ้น เมื่อพวกเรานั่งเรียงตัวกันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับที่คณาจารย์ที่มาอยู่ในลานอเนกประสงค์แห่งนี้จะออกมากล่าวต้อนรับเหล่าพี่ทหารของกองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ที่มาให้ความร่วมมือกับกิจกรรมอาสาของมหาวิทยาลัยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโนนคำออกมากล่าวต้อนรับพวกเราทั้งหมดก่อนจะพาเหล่าพี่ทหารกับคณะอาจารย์ของมหาวิทยาลัยไปยังอาคารรับรองที่อยู่ทางด้านซ้ายของลานแห่งนี้ พร้อมกับสำรวจพื้นที่รอบๆโดยทิ้งพวกเรานิสิตปี 1 ไว้กับรุ่นพี่คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย
“สวัสดีค่ะ น้องปีหนึ่งที่น่ารักของพี่ทุกคน”
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”
“วันนี้พวกเราจะมาทำความดีกันในโครงการปันยิ้นเพื่อน้อง สร้างสุขอิ่มท้อง ณ โรงเรียนบ้านโนนคำ แต่ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปเก็บข้าวของของตัวเองที่บ้านพัก พี่ส้มในฐานะหัวหน้าสต๊าฟดูแลน้องทุกคนในวันนี้ มีกิจกรรมมาให้น้องๆได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นกว่าเก่า เราคงได้แนะนำตัวกันไปแล้วตอนเดินทางมา แต่มันยังไม่ทำให้เราไว้ใจซึ่งกันและกัน มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน นั่นเพราะเรามาจากคนละทิศละทาง ถูกไหมคะพี่หงษ์”
“ใช่ค่ะ พี่ส้ม เพราะฉะนั้นพี่จะขอให้น้องนั่งหันหน้าเข้าหาเพื่อนเพื่อทำการจับคู่กันก่อนเลยค่ะ”
ผมฟังคำสั่งที่พี่ๆเขาบอกแล้วจึงได้หันหน้าไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างกันซึ่งไม่ใช่ใครเลย เพราะผมถูกพี่แชมีลากมาตั้งแถวข้างแทนคุณตั้งแต่ต้น ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่มองผมอยู่ก่อนเช่นเดียวกัน
“เดี๋ยวเราจะสาธิตวิธีการแนะนำตัวก่อนนะคะ โรส แชมี เชิญค่ะ” พี่โรสกับพี่แชมีออกมายืนที่ด้านหน้าเตรียมพร้อมเพื่อทำการสาธิต
“อันดับแรกนะคะ ให้น้องๆโยกไปซ้ายขวาและยิ้มให้เพื่อนตามจังหวะเพลง และพอเพลงจบลง ให้น้องยกมือสวัสดีพร้อมกล่าวทักทาย สวัสดีฉันชื่อ....แล้วจับมือแบบฝรั่ง โค้งให้กันแบบญี่ปุ่นเป็นอันจบ” พี่โรสกับพี่แชมีทำการสาธิตให้ดูตามที่พี่ส้มอธิบาย
“น้องๆคงเข้าใจกันแล้วนะคะ งั้นทั้งหมดยืนขึ้นค่ะ”
เสียงเพลงและเสียงปรบมือของพี่ๆเขาดังขึ้น พวกผมก็ทำการโยกไปตามจังหวะอย่างที่พี่ๆเขาบอกไว้ก่อนหน้า
“สวัสดี สวัสดี สวัสดี วันนี้เรามาพบกันเธอกับฉันพบกันสวัสดี” ผมยิ้มให้แทนคุณและโยกตามจังหวะเพลง พร้อมกับเสียงพูดดังขึ้นหลังเพลงจบเป็นเสียงแนะนำตัวของแต่ละคน
“สวัสดี ผมชื่อยู / สวัสดี ผมชื่อคุณ” แล้วเราก็จับมือทักทายกัน จากนั้นก็โค้ง เป็นอันจบตามที่พี่ๆเขาบอก
“
รวมเงิน รวมเงินวันนี้ รวมเงินดูให้ดีอย่าให้เกินอย่าให้ขาด ผู้หญิงมีค่า 1 บาท ผู้ชายเก่งกาจ 50 สตางค์ รวมเงิน 8 บาทค่ะ”
ยังไม่ทันที่พวกเราได้ตั้งตัว พี่สันทนาการก็ทำการร้องเพลงขึ้นมาอีกรอบ ผมถูกกระชากแขนอย่่างแรงและเห็นเป็นแทนคุณที่ลากผมมาด้วย ส่วนผมคว้ามือเอร่าติดมาอีกคนด้วยความตกใจเช่นกัน พร้อมกับที่เอร่าคว้าแขนเดือนคณะวิศวะติดมาตอนไหนไม่ทันรู้ เสียงกรี๊ดของสาวๆดังไปทั่ว เมื่อเกิดการชุลมุนจากการจับกลุ่มตามเพลง
“ใครจับกลุ่มครบแล้วนั่งลงนะคะ”
มีผู้หญิงคนหนึ่งจากสีอื่นที่พวกเราวิ่งเข้ามารวมกลุ่มด้วยกำลังชี้นิ้วไล่นับจำนวน
“ครบแล้วๆ นั่งเลย” ผมกวาดสายตาดูแล้วเห็นว่ากลุ่มผมมี ผู้ชายทั้งหมด 6 คน และหญิง 5 คน รวมเป็น 11 คน
“ทีมไหนเป็นผู้หญิงล้วนหมดเลยมีไหมคะ” มีอยู่สองกลุ่มที่ยกมือขึ้น พี่ๆเขาถึงได้ทำการจับแยกกลุ่มที่มีผู้ชายเยอะไปสลับตัวจนได้กลุ่มที่มีจำนวนสมาชิกพอๆกัน
“ตอนนี้ทุกคนจะไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มที่ถูกจัดมาเหมือนตอนแรก พี่จะให้น้องๆ ตั้งชื่อกลุ่มกัน จดจำชื่อสมาชิกไว้นะคะ แล้วกลุ่มที่เราเห็นตรงหน้าจะเป็นเพื่อนที่เราจะร่วมงานด้วย โดยพี่ๆจะแจกหน้าที่ของแต่ละกลุ่มให้อีกทีค่ะ”
“หลังจากนี้ให้น้องๆไปรับสัมภาระของตัวเองที่พี่สต๊าฟประจำกลุ่มที่มา และไปเก็บที่ห้องพักตามบ้านพักที่แบ่งกลุ่มไว้บนรถนะคะ”
“เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วให้มารวมตัวกันเป็นกลุ่มของตัวเองที่นี่ค่ะ"
แทนคุณหันไปรับใบรายละเอียดจากพี่สต๊าฟคนหนึ่งที่เดินมาแจก ก่อนเขียนชื่อตัวเองแล้วส่งต่อให้ทุกๆคนเขียนใบรายชื่อจนครบ เหลือเพียงชื่อกลุ่มเท่านั้นที่ยังไม่ได้ตั้ง
“ตั้งชื่อกลุ่มอะไรดี” ผมมองคนนั้นทีคนนี้ทีโดยไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร เห็นสาวต่างคณะคนเดิมมองจ้องมาที่ผมที แทนคุณทีก่อนจะยิ้มออกมา
“เอาชื่อนี้ได้มั้ย ตัวเล็กตัวโต เพราะในกลุ่มเราก็มีทั้งคนตัวโตและก็คนตัวเล็ก”
“ได้สิ” แทนคุณพูดออกมาทำให้ผมหันไปมองหน้าเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
“จะดีหรอ ไอ้นี่มันตัวไม่เล็กนะ” ไอ้นี่ที่พ่อเดือนวิศวะนามว่าติน พูดถึงคือเอร่าที่นั่งกอดแขนเขาไม่ปล่อย
“แหม แซวกันขนาดนี้อยากเป็นผัวเอร่าหรอคะ” เดือนวิศวะไม่ตอบอะไรนอกจากสะบัดแขนเอร่าออก
“ว่าไง ยู ชื่อกลุ่มตัวเล็กตัวโตได้มั้ย” ผมมองสาวคนนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
“โอเค งั้นชื่อนี้นะ คนอื่นว่าไง” เมื่อไม่มีเสียงตอบอะไร ผู้หญิงที่ป้ายชื่อเธอพลิกอยู่นั้นก็ทำการจรดปลายปากกาเขียนชื่อกลุ่มลงไปว่า ตัวเล็กตัวโต พวกเราทั้ง 11 คนได้หน้าที่ทาสีโรงอาหารด้านนอก พอรับทราบรายละเอียดแล้วก็เอาเอกสารรายชื่อนั้นไปส่งให้กับพี่สต๊าฟและรับของสัมภาระของตัวเอง
ผมเดินตามแทนคุณที่เดินนำหน้าเพื่อไปรับของที่พี่แชมีกับพี่โรส พี่แชมีบอกว่าที่พักอยู่เลยเข้าไปด้านในเป็นอาคารเรียนใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จแต่ยังไม่ได้เปิดทำการ ซึ่งพวกเขาได้ทำการติดป้ายแบ่งไว้แล้วสำหรับห้องนอนของแต่ละกลุ่ม
ระหว่างที่เดินผมไม่ได้มองทางเลยด้วยซ้ำมองแต่แผ่นหลังของแทนคุณ แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมเดินตามมาข้างหลังถึงได้เดินช้าๆ เหมือนว่ารอผมที่ช่วงขาสั้นกว่า
“นี่”
จู่ๆเขาก็หยุดเดินทำให้ผมที่เดินตามต้องหยุดเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้า
“มาเดินข้างๆก็ได้” แทนคุณว่าแบบนั้นแต่ไม่ได้หันมามอง ผมรู้ว่าเขากำลังคุยกับผมก็ในเมื่อบริเวณรอบข้างตอนนี้ไม่มีใครเลยนอกจากเขากับผม
“มีอะไรอยากถามมั้ย” ผมหันไปมองหน้าเขา คิ้วขมวดด้วยความสงสัยว่าแทนคุณรู้ได้ยังไง
“หน้ามึงฟ้องขนาดนั้น รู้ตัวบ้างไหมว่าเป็นคนที่แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนมาก”
“จริงหรอ”
“กูโกหก”
“อ้าว”
“ล้อเล่น มึงนี่น้า พูดอะไรก็เชื่อไปหมดเลย" ผมหันไปมองหน้าแทนคุณแล้วพูดในสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดมันออกแล้ว
“แล้วคำพูดมึงมันเชื่อถือได้แค่ไหนล่ะ” แทนคุณหันมามองผมนิ่ง เขามองลึกเข้ามาในตาของผมจนเป็นผมเสียเองที่ต้องเสหลบตาเขา ก่อนเราจะเดินต่อไปยังสถานที่รับรองที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้
อาคารรับรองที่ทางโรงเรียนจัดไว้เป็นอาคารใหม่สองชั้นที่มีห้องเรียนทั้งหมด 10 ห้อง แบ่งเป็นชั้นละ 5 ห้อง โดยห้องน้ำหญิงจะอยู่ปีกขวาของชั้นและห้องน้ำชายอยู่ทางปีกซ้ายซึ่งถ้าห้องน้ำไม่เพียงพอ ทางโรงเรียนก็มีโซนอาบน้ำที่สร้างขึ้นชั่วคราวไว้รองรับที่ด้านหลังอาคาร รวมถึงถ้าอยากอาบน้ำกลางแจ้งก็มี ซึ่งเป็นบ่อดินที่ทางโรงเรียนขุดไว้สำหรับสูบน้ำมาใช้รดน้ำต้นไม้ โดยได้จากการขุดลอกธารน้ำใหญ่ที่มีต้นน้ำจากน้ำตกที่อยู่ลึกไปในป่าหลังโรงเรียนเช่นเดียวกัน
ผมยืนกวาดตามองพื้นที่ภายในห้องที่ถูกปูฟูกเอาไว้ให้อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งได้ความอนุเคราะห์จากกองบัญชาการทหารเรือภาคที่ 1 ที่เอื้อเฟื้อที่นอนและหมอนให้ทางโรงเรียนไว้บริการต้อนรับผู้มีจิตอาสาทุกคน ผมเห็นว่าแทนคุณเดินไปหยุดตรงริมกำแพงฝั่งหนึ่ง ผมที่ไม่รู้ว่าจะไปนอนตรงไหน ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“หาที่ลงไม่ได้หรอจ๊ะยู” ผมหันไปมองข้างหลังเห็นว่าเอร่าเดินมาอยู่ด้านหลัง เขามองไปรอบห้องพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่เห็นยากเลย” แล้วก็ลากผมไปหยุดอยู่ข้างแทนคุณที่กำลังคุกเข่าจัดผ้าปูนอนของตัวเองอยู่
“นี่แทนคุณ ข้างๆกันนี่ยังไม่มีคนนอนใช่มั้ยคะ” แทนคุณหันมามองหน้าผม ก่อนจะเลยไปยังเอร่า
“ยังหรอก”
“โอเค งั้นยูนอนตรงนี้นะ เดี๋ยวเอร่าจะนอนฝั่งนี้” เอร่าจัดการเสร็จสรรพ ผมถึงได้นั่งลงในจุดที่เป็นที่นอนของผม ซึ่งมันก็คือข้างกันกับแทนคุณ
ผมวางของเรียบร้อยหันไปมองแทนคุณที่กลับไปง่วนอยู่กับสัมภาระของเขา เห็นเขาหยิบไอโฟนมาหย่อนใส่กระเป๋ากางเกง แล้วลุกขึ้นยืน ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่พร้อมใช้ความคิดอย่างหนัก
ไหนว่าผมเข้าใจเขาแล้วไง ไหนว่าผมจะสู้ไง ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองยังขี้ขลาดอยู่เลย
ผมไม่แน่ใจจริงๆเลยว่าตัวเองพยายามเพื่อความรักครั้งนี้เต็มที่แล้ว
ผมหวังแต่จะให้แทนคุณเปิดใจบ้าง แล้วผมล่ะ ผมเปิดใจตัวเองให้หลุดจากความกลัวนั้นหรือยัง
เงาที่พาดผ่านผมไป ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองตามทางที่แทนคุณเดินผ่าน แผ่นหลังของอีกคนหายลับไปจากกรอบประตูห้องแล้ว แวบหนึ่งที่คำพูดของแทนคุณลอยเข้ามาในหัวของผม
“ตอนที่กูได้ยินมึงคุยกับเพื่อนมึงในร้านกูก็รู้สึกว่ากูควรทำแบบที่โรมเคยบอกกู ทีแรกกูก็คิดนะว่ามันถูกหรือเปล่า กูกำลังเล่นกับความรู้สึกของมึงหรือเปล่า แต่กูก็อยากจะลองเสี่ยง ยิ่งพอมึงบอกว่ามึงชอบกูมาสองปีแล้ว กูก็ยิ่งนึกถึงตัวเอง การที่แอบชอบใครสักคนมันทรมานกูเข้าใจมันดี กูถึงไม่อยากให้มึงทิ้งโอกาสที่กูให้ มึงเข้าใจกูยัง”
“ถ้าอยากเป็นแค่เพื่อนก็อย่าจีบให้ติด...แต่ถ้าอยากเป็นมากกว่านั้นก็พยายามให้มากๆสิ กูไม่ใช่คนใจแข็งขนาดนั้น”
“ยู....มึงชอบกูเพราะอะไร” ภาพในเฟซบุ๊คที่เขาโพสต์ถึงคนที่ทำสมุดหายครั้งนั้น การที่เขานั่งรอผม การที่เขาเอาตัวมาคลุกคลีกับผม ทั้งที่ความจริงเขาแค่เอามันฝากโรมมาคืนก็ได้แต่เขากลับไม่ทำ...นั่นเพราะ คุณเองก็อยากรู้จักผมและเขาก็พยายามเปิดใจรับผมอยู่ไม่ใช่หรือไง
จะมีก็แต่ผมที่เอาแต่คิดเองไปตลอด ต้องเป็นเขาทุกครั้งที่คอยถามว่าผมมีอะไรในใจ หรืออยากถามอะไรเขา
ทำไมถึงได้ขี้ขลาดและงี่เง่าขนาดนี้นะไอ้ยู
ผมตัดสินใจลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งตามแทนคุณไปทันที ผมรู้ว่าเขาจะไปที่ไหน ก็ในเมื่อพวกพี่ๆบอกแล้วว่าให้ไปรวมกันที่ลานอเนกประสงค์เหมือนเดิม
แต่พอออกมาจากตึกผมกลับพบว่าแทนคุณยืนอยู่ เหมือนว่าเขายืนรอผมอยู่อย่างนั้นแหละ
“กว่าจะมา”
“รอกูอยู่ จริงๆหรอ”
“ขี้แยว่ะมึง”
แทนคุณผลักหัวผมเบาๆ เมื่อเห็นว่าผมกำลังเบะปากและน้ำตาก็กำลังไหล แต่ผมห้ามมันไม่ได้นี่นา มันไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้เลยจริงๆ
เขาลากผมออกมาจากบริเวณอาคารเรียน เดินเลยมาจนถึงสระน้ำกว้างที่ด้านหลังที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเขียวขจี มองไกลเลยไปเป็นภูเขาที่เรียงรายทำเป็นไร่ขั้นบันไดดูสวยงาม แทนคุณหยุดยืนอยู่ใต้ต้นหูกวางที่แผ่กิ่งให้ร่มเงาเป็นขนาดกว้างและลำต้นสูงใหญ่
"ที่มึงถามกูว่าคำพูดกูเชื่อถือได้ขนาดไหน กูขอบอกมึงนะยู กูไม่ชอบโกหก กูเกลียดการหลอกลวง เพราะฉะนั้นทุกคำที่กูพูดมันคือความจริง"
ผมมองแทนคุณตาไม่กระพริบ น้ำตาที่ไหลเมื่อสักครู่นี้หายไปแล้ว เขายื่นบางอย่างมาตรงหน้าผม พอมองตามมือเขาถึงเห็นว่ามันคือไอโฟนของแทนคุณ
"เปิดดูสิ"
ผมรับมันมาและทำตามที่เขาบอก พอกดปุ่มหน้าจอ ภาพพักหน้าจอที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันไม่ใช่ภาพที่ผมเคยเห็น แต่มันกลับกลายเป็นภาพที่ผมวาดไว้ในสมุดที่เคยทำหาย
"กูชอบภาพนี้ที่มึงวาด"
ผมมองภาพการ์ตูนฉบับแทนคุณ เป็นภาพแทนคุณกำลังเล่นกีต้าร์ในวันที่เขาประกวดดาวเดือนเมื่อคืนวันเฟรชชี่ไนท์ กีต้าร์คือเครื่องดนตรีที่เขาชอบ เขาดูมีเสน่ห์มากยามที่เขาได้เล่นและร้องเพลง
"มึง...."
ผมนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่ผมเคยขอเขาอย่างเอาแต่ใจในคืนก่อนนั้น ไม่คิดว่าเขาจะตามใจผม
"ยู กูไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนเพอร์เฟ็คอะไร กูก็แค่คนธรรมดา กูยังคงโหยหาความรัก ยังคงต้องการใครสักคนที่เข้าใจในตัวกู พอกูคิดว่ากูเจอเขาแล้วแต่เขากลับไม่ได้ต้องการกูอย่างที่กูต้องการเขา กูพยายามวิ่งตามเขาแต่วิ่งเท่าไหร่ ก็เหมือนกูวิ่งวนอยู่ในที่เดิมๆ วิ่งไปอย่างที่กูไม่รู้ว่าปลายทางมันคือตรงไหน กูถึงลองหยุดและรับฟังว่าเขาต้องการอะไร จนสุดท้ายกูก็ยอมแพ้ แต่กูแค่ไม่ได้ถอยหลัง กูแค่หยุดยู กูอาจจะทำอะไรลงไปโดยที่มันทำร้ายความรู้สึกมึง แบบที่กูไม่รู้ตัว การกระทำ คำพูดบางอย่างกูคงไม่ชัดเจน กูขอโทษ"
คำพูดยาวเหยียดของแทนคุณมันทำให้ผมต้องขบคิดตาม มองเขาผ่านเลนส์แว่นตาแต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยชัด มันเลอะคราบน้ำตาเล็กน้อย ผมถึงถอดมันออกมาเช็ดแล้วสวมใหม่
"มึงยังมีอารมณ์มาเช็ดแว่นนะ นี่กูเคลียร์กับมึงให้เข้าใจอยู่นะเว้ย"
"ก็มันขึ้นฝ้านิหว่า"
แทนคุณส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับที่ยกมุมปากยิ้มนิดๆ มันตลกตรงไหนกัน แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้
"งั้นมึงก็ยืนยันว่า มึงกับโรมไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ"
"จะให้ย้ำอีกกี่รอบ สถานะของกูกับโรมก็เป็นได้แค่นั้น กูมีโรมเป็นเพื่อนสนิทที่คุยได้ทุกเรื่องแค่คนเดียว"
ผมขบริมฝีปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบนั้น พลางนึกไปถึงอีกเรื่องที่โรมเคยพูดไว้
"แล้วทำไมมึงต้องคอยโทรหา ตามรับตามส่งแบบนั้นทุกครั้ง ทำอย่างกับคนเป็นแฟนกัน แล้วที่โรมบอกว่า มึงกับเขากำลังเป็นญาติกันอีก"
แทนคุณเสมองไปทางอื่นเหมือนไม่อยากตอบคำถามนี้
"คุณ....มึงรู้ไหมว่าความรู้สึกของกูมันไม่ต่างกับมึงเลย การที่กูรับข้อเสนอมาจีบมึง มันก็เหมือนกูกำลังวิ่งตามมึง บางครั้งกูก็รู้สึกเหมือนจะวิ่งทันมึง บางครั้งก็เหมือนมึงกำลังวิ่งหนีกูไปอีก กูเหมือนคนวิ่งๆหยุดๆ มันเหนื่อยนะเว้ย ให้พักได้แค่นิดนึงแล้ววิ่งต่อ แล้วพอกูรู้สึกเหมือนใกล้ถึงเส้นชัย แต่ความจริงกลับไม่ใช่ เส้นชัยอยู่ตรงไหนกูยังไม่รู้"
ผมยื่นมือออกไปจับแขนแทนคุณกระตุกเบาๆให้เขาหันมามอง
"มันจะดีกว่ามั้ยวะ ถ้าเกิดว่ามึงหยุดรอให้กูได้จับมือมึงแล้ววิ่งไปด้วยกัน ไม่ต้องสนว่าจุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหน แค่กูรู้ว่าคนที่วิ่งอยู่ข้างกูคือมึง กูก็ไม่กลัวเหนื่อยแล้ว"
แทนคุณมองผมนิ่งๆ ความเงียบโรยตัวอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้นทำลายความเงียบนั้น
"พี่สาวของโรมกับพี่ชายกูกำลังจะหมั้นกัน หลังจากที่พวกเขาเรียนจบก็จะแต่งงานกันทันที วันพุธที่จะถึงนี้เรามีนัดคุยกันถึงฤกษ์วันหมั้นและการเตรียมงาน แล้วกูมารู้ทีหลังว่าโรมกับพี่กูชอบกัน พวกเขาแอบคบกันก่อนจะเลิกกันตอนจะจบม. 6 โรมเลยตัดสินใจสอบเข้าที่นี่ตามกูมาเพราะต้องการทำใจ กูไม่รู้รายละเอียดมากไปกว่านี้ แต่ที่กูรู้คือ โรมยังตัดกับพี่กูไม่ขาดพวกเขายังแอบติดต่อกันอยู่ กูถึงต้องตามติดกับเขา มึงเข้าใจกูหรือยัง"
สิ่งที่รับรู้ทำเอาผมอ้าปากค้างด้วยความตะลึง ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อน เคยได้ยินประโยคที่ว่า เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย ผมว่ามันก็ไม่ผิดไปจากคำพูดนั้นเลย
"ยู!!"
เสียงเรียกของเอร่าดังขึ้นมา พร้อมกับที่ร่างท้วมของเขาจะวิ่งมาทางที่พวกผมอยู่
"มาอยู่นี่กับคุณน่ะเอง รีบไปรวมเร็วเข้าพี่ๆเขาตามแล้ว ไปช้าเดี๋ยวโดนทำโทษ"
ผมหันไปมองแทนคุณเห็นเขายิ้มพร้อมพยักหน้าให้
"ไปกันก่อนเถอะ"
เอร่าวิ่งกลับไปแล้ว พอแทนคุณพูดแบบนั้น ผมก็รีบหันหลังเตรียมวิ่งตามเอร่าเช่นกันเพราะไม่อยากโดนทำโทษ แต่แรงกระตุกที่มือทำให้ผมหันกลับมามองแทนคุณอีกครั้ง แรงกระชับที่ฝ่ามือชวนให้ก้มลงมองตามและเห็นว่าเขากำลังจับมือผมอยู่
ผมเงยหน้ามองแทนคุณอีกครั้ง เขาส่งยิ้มโชว์รอยบุ๋มข้างแก้ม เสน่ห์ในตัวของแทนคุณที่ทำให้ผมยกยิ้มตาม
"ไม่วิ่งไปพร้อมกันหรือไง"Loading >>>
แอร๊ แอร๊
เจอกันตอนหน้า 11.2 นะ ตอนที่ 11 ขอย่อยเป็น 3 พาร์ทนะ มันยาววว 5555
พอจบตอน 11/3 แล้ว เราจะไปดูมุมของแทนคุณกันค่า
บะบุย