ต่อ...
.
ในตอนที่ผมนั่งหน้าเซ็งอยู่กับไอ้ที ก็มีกลุ่มเพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ผมไม่ค่อยชอบสายตาไอ้พวกนี้เวลามองผมเลย
แต่ที่ทำให้ผมหงุดหงิดมันเป็นเพราะคนหนึ่งในกลุ่มมันดันพูดขึ้นมา มันชื่ออะไรไม่รู้ ผมไม่ค่อยจำชื่อเพื่อนในภาคได้ซะด้วยสิ
“ไอ้กัส กูเพิ่งรู้ว่ามึงเป็น....คืนนี้สนใจติวหนังสือกับกูปะ”
“ไปไกลๆไอ้สัด ก่อนที่กูจะฆ่ามึง”
“ลืมไป มึงไม่ชอบแบบพวกกู คงจะชอบเด็กแว่นหยิมๆ5555555 เห็นในรูปจับมือกันเดินขึ้นคอนโดตอนดึกๆ สงสัยจะติวกันหนักว่ะ เป็นไงบ้างวะติวท่าไหนบ้าง”
“ไอ้เชี่ยแม่ง”
ผมทนไม่ไหวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกระชากคอเสื้อไอ้คนที่มันพูดกวนตีนใส่ผมเมื่อครู่ ถึงมันจะตัวสูงกว่าผมก็เถอะ แต่ผมไม่ยอมมันหรอก กล้าดียังไงมาพูดจาดูถูกผมถึงขนาดนี้ สนิทก็ก็ไม่ได้สนิท ไอ้ตัวทุเรศ!
ผมเห็นมันทำหน้าเหลอหลาทันทีที่ผมกระชากคอเสื้อของมัน และจ้องมันเขม็ง
“ใจเย็นๆก่อนพวกมึง”
ไอ้ทีมันพูดห้ามและรีบเข้ามาดึงตัวผมให้ออกห่าง ส่วนเพื่อนของไอ้นั่นก็เข้ามาดึงตัวและห้ามเช่นกัน ผมไม่ละสายตามองมันแม้สักนิด เพราะว่าผมกำลังโกรธ เป็นใครไม่โกรธบ้างละ พูดจาหยามเหยียดกันขนาดนี้!
ผมมันเป็นพวกขี้หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเป็นพวกไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร พวกมันคงเห็นแต่ผมยิ้มให้ บางครั้งก็ทักทาย มันคงไม่เคยเห็นผมโกรธและโมโห มีก็แต่ไอ้ทีที่มันรู้นิสัยของผมดีที่สุด
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” มันพูดและเดินออกไป
“ฝากแล้วมาเอาด้วย ไม่งั้นกูถมน้ำลายทับแน่”
“ไอ้กัสพอ!”
ไอ้ทีรีบพุ่งมาห้ามผมอีกครั้ง แน่นอนว่าผมก็กำลังพยายามจะข่มอารมณ์ให้มันสงบลงอยู่เหมือนกัน ผมเห็นไอ้นั่นมันเดินหันหลังกลับไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของมัน
ดูท่าทางมันไม่สบอารมณ์สุดๆแถมยังสะบัดมือเพื่อนที่เข้ามาโอบทิ้งอย่างไม่ใยดี ไอ้พวกขี้แพ้ชวนตี !
“ไอ้กัส”
“ไม่ต้องพูดเลย กูโมโห พวกมันพูดแบบนี้ได้ไงวะ”
“กูรู้ แต่มึงต้องใจเย็นๆลงมาหน่อย”
“พยายามอยู่ แต่ก็ขอบใจมึงมากนะไอ้ที ถ้าไม่ได้มึงห้ามเอาไว้ กูคงมีเรื่องชกต่อย ไม่ได้สอบกันพอดี”
ไอ้ทีมันมองมาที่ผมและส่ายหัวระอาจนผมหมั่นไส้ เลยผลักหัวที่มันส่ายไปมาไปอีกทาง จนมันเกือบล้มหน้าขมำไปกับโต๊ะ มันเงยหน้าขึ้นมามองและกำลังจะผลักหัวผมบ้างแต่โทษที พอดีผมไวกว่าเลยหลบได้ทัน
.
.
หลังจากที่สอบเสร็จก่อนชาวบ้านชาวช่อง เพราะมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเอาไว้ ข้อสอบก็เหมือนกับในห้องที่เรียนกันนั่นแหล่ะ มันทำให้ผมทำได้ไวขึ้น พอทำเสร็จเร็วกว่าคนอื่นเลยต้องออกมานั่งรออยู่ข้างนอกคนเดียวนี่ไง
ในขณะที่ผมกำลังนั่งรอไอ้ทีอยู่หน้าห้องสอบอย่างสบายใจ ดันมาเจอกับไอ้แก๊งเดิมนั่นเข้า ผมทำเป็นมองไม่เห็นและทำทีเดินเข้าไปในห้องน้ำเพราะไม่อยากเสวนาด้วย แต่พวกมันกลับเดินตามผมเข้ามานี่สิ ไอ้พวกนี้มันจะหาเรื่องผมอีกหรือไง
“พวกมึงมีปัญหาอะไรอีก”
ผมเปิดประโยคพูดขึ้นทันทีที่รับรู้ได้ว่าในบริเวณห้องน้ำชายไม่ได้มีเพียงแค่ผมคนเดียวอีกต่อไป เพราะมันดันมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาด้วย
“สั้นๆเลยนะ กูไม่จบ” ไอ้คนเดิมมันพูด
“กูจบ! มึงไม่จบมันก็เรื่องของมึงแล้ว”
ผมพูดเสร็จก็รีบล้างมือ และเดินสวนกลุ่มพวกมันออกมา แต่ผมเดินออกมาไม่ได้อย่างที่ใจคิด เพราะถูกเพื่อนของมันอีกคนขวางทางเอาไว้ ไอ้นี่มันตัวใหญ่ที่สุด มันบังทางมิดจนผมไม่สามารถหาซอกทางเดินออกไปได้
“เห็นเด็กร้านเหล้าคุยกันใหญ่ว่ามึงมันเด็ด อยากรู้จังว่าเด็ดยังไง”
“ไอ้พวกทุเรศ ถ้าพวกมึงไม่ถอยออกไป กูตะโกนเรียกคนข้างนอกแน่!”
“มึงชอบแบบไอ้แว่นหรอ ไร้รสนิยมสุดๆเลยว่ะ อย่างไอ้แว่นมันมีอะไรดี”
“นั่นมันเรื่องของกู”
“โอ๊ย! ไอ้เชี่ยแม่ง”
ผมกระทืบเท้าเต็มแรงใส่ไอ้คนข้างหน้าที่มันยืนขวางทางอยู่ จนมันร้องลั่น จากนั้นผมก็รีบวิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำทันที แต่หนีออกมาได้ไม่ไกลนัก
ผมดันวิ่งมาชนเข้ากับอกของใครคนหนึ่งคนตรงหน้าเข้า แม่งใครวะ มายืนขวางทางคนจะวิ่งเนี่ย
“พี่กัส?”
เสียงโคตรคุ้น ผมเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ได้คุ้นอย่างเดียวนี่มันคนกันเองเลยละ
“ไอ้แว่น!”
“พี่หนีอะไรมา”
มันชะโงกหน้ามองไปทางด้านหลังของผม และก็มีกลุ่มไอ้พวกที่หาเรื่องผมเดินออกมาจากห้องน้ำสามคน พวกมันเดินมาทางผมพอดี
แต่ไอ้คนที่มันมีปัญหากับผมดันเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆและยื่นหน้าเข้ามากระซิบกระซาบเสียงเบา
“มึงเจอดีแน่”
ผมกัดฟันกรอดกำมือแน่นและจะหันหน้าไปมอง แต่มันขยับตัวออกไปแล้วพร้อมกับมองไปที่ไอ้แว่นเขม็ง จากนั้นมันก็เดินผ่านผมและไอ้แว่นไป...
“พี่กัส...มันพูดว่าอะไร”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
ผมโกหกเพราะไม่อยากให้ไอ้แว่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไอ้คนนั้นมันมีปัญหากับผมแค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่อยากลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วยสักเท่าไหร่ เพราะดูท่าทางจากเมื่อกี้ที่มันมองไอ้แว่นแล้ว มันคงจะเล็งเอาไว้ไม่น้อยเลยละ
ทางที่ดีควรตัดปัญหาออกไปตั้งแต่ตอนนี้มันคงจะดีที่สุด
“หน้าตามันกวนตีน เหมือนคนมาหาเรื่อง”
“ช่างมันเถอะ อย่าไปยุ่งกับมันก็แล้วกัน”
ผมพูดและทำท่าจะเดินหนีเพื่อจะไปรอไอ้ทีต่อ แต่กลับถูกรั้งช่วงแขนไว้ไม่ให้เดินต่อไปได้
ผมรีบหันกลับมามองที่แขนของตัวเองและรีบสะบัดมือออกทันที พร้อมกับมองซ้ายทีขวาที กลัวคนจะมาเห็นเข้า ผมกับไอ้แว่นยิ่งเป็นประเด็นกันอยู่ด้วยช่วงนี้ กลัวจะมีคนมาแอบถ่ายผมกับมันอีก
“อย่าจับ และก็ออกไปห่างๆด้วย ถ้าไม่อยากเดือดร้อน เข้าใจหรือเปล่า”
“พี่รังเกียจผมหรอ?”
...ผมชะงัก...
ไม่ได้รังเกียจ ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ถ้ารังเกียจจะยอมให้มันทำ...ปะวะ แล้วนี่มันเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก ทำหน้าหงอยเป็นหมาเลย และท่าทางตัดพ้อนั่นมันคืออะไร?
“ไว้คุยทีหลัง กลับไปได้แล้วไป!”
“ผมมารับพี่กลับไปด้วยกัน”
“ไม่กลับ! อยากกลับก็กลับไปคนเดียวดิ”
ผมเริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะ เซ้าซี้อยู่ได้ คนก็เริ่มทยอยออกจากห้องสอบกันแล้วด้วย อีกอย่างผมไม่อยากให้ทั้งมันและก็ตัวผมเองโดนนินทาไปมากกว่านี้ เพราะแค่นี้ก็โดนจนไม่รู้จะโดนยังไงแล้ว
พอคิดได้แบบนั้นผมก็เลยรีบเดินออกมา แต่คราวนี้กลับไม่เป็นผล ไอ้แว่นมันจับแขนผมแน่นและพาเดินเข้าลิฟต์ทันที
ผมอยากตะโกนด่ามันมากแต่ด่าไม่ได้ เพราะกลัวพวกนักศึกษาที่เพิ่งสอบเสร็จและทยอยออกมาจะหันมามองกลายเป็นเป้าสำหรับนินทาอีกครั้ง ผมจึงยอมเดินตามมันมาโดยไม่ขัดขืนอะไร
เมื่อเข้ามาในลิฟต์...
“เป็นบ้าอะไรไอ้แว่น! บอกให้กลับไปไง ดื้อด้านอยู่ได้”
มันไม่ตอบแถมยังไม่มองหน้าผมด้วย ท่าทางนิ่งมาก นิ่งเสียจนผมเริ่มกลัวขึ้นมาหน่อยๆแล้ว พอลิฟต์เปิดโชคดีที่ด้านนอกไม่มีคน คงเป็นเพราะตอนนี้มันเย็นมากแล้ว
เมื่อผมไม่เห็นใครด้านนอกจึงรีบวิ่งออกมาจากลิฟต์หมายจะหนีไอ้แว่น แต่ผมหนีออกมาไม่ทันเลยโดนมันจับเอาไว้
“กลับไปกับผม”
“หอพี่ใช่ไหม”
“คอนโดผม”
“ไม่ไป! ไอ้แว่นปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย!”
“อยากให้คนลงมาจากตึกและเห็นพี่กับผมก็เชิญ เห็นว่าไม่อยากให้เห็น ผมก็เลยรีบพาออกมา แต่ถ้าพี่กับผมยังยืนเถียงกันแบบนี้ ได้เห็นกันทั้งตึกแน่”
เมื่อไอ้แว่นพูดจบมันจ้องหน้าผมเขม็ง จริงอย่างที่มันว่าถ้าผมมัวช้าลีลาอยู่แบบนี้มีหวังได้เห็นกันทั้งตึกจริงๆแน่
เอาเถอะ มันดีกว่ามายืนเถียงไปเถียงมาเป็นไหนๆ ผมจึงยอมเดินตามมันและขึ้นไปนั่งบนรถ โดยไร้ท่าทีขัดขืนเหมือนก่อนหน้านี้
ภายในรถเงียบกริบไม่มีใครเปิดบทสนทนาทั้งสิ้น มันขับออกมาจากมหาลัยนานพอสมควร ผ่านไปสักพักก็ถึงคอนโด ความจริงผมอยากจะพูดกับมันนะ แต่ทิฐิที่ผมมีมันดันสูงนี่สิเลยเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า
“ขึ้นไปข้างบน ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
ผมไม่ได้ตอบได้แต่พยักหน้าเข้าใจและเดิมตามไปโดยดี แน่นอนว่าผมค่อนข้างระแวงไม่น้อยเลยมองซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหาไอ้คนแอบถ่ายรูปวันนั้น แต่มันไม่มีใครเลย...
ผมจำได้ว่ากลางดึกแบบนั้นที่นี่แทบจะไม่มีคนด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ก็เข้านอนกันหมดแล้ว และทำไมถึงมีคนมาแอบถ่ายได้ อยากจะรู้จริงๆว่ามันคือใคร
ในห้อง...
พอผมเดินเข้ามาด้านในก็มุ่งหน้าไปทางโซฟาทันทีพร้อมกับวางกระเป๋าเอาไว้ส่วนตัวผมก็นั่งบนโซฟาตัวยาว ส่วนไอ้แว่นเดินตามเข้ามาเหมือนกัน มันมองท่าทีของผมด้วยสายตานิ่งๆ ผมจึงเปิดประโยคพูดคุยกับมันเพราะจะได้หาทางกลับหอของตัวเอง อีกอย่างถ้ามันไม่มืดมากผมก็ยังพอเรียกแท็กซี่กลับได้
“มีอะไรก็ว่ามา พูดจบแล้วจะได้กลับ”
“ผู้ชายที่ตึกคือใคร”
“พูดเรื่องของนายเซน!”
“ผมถาม”
“...เพื่อนภาค”
“ผมเห็นว่าพี่กัสหนีพวกมันออกมาจากห้องน้ำ โดนทำอะไรหรือเปล่า”
มันไม่พูดเฉยๆอย่างเดียว แต่กลับเดินเข้ามาและนั่งข้างผม จับพลิกตัวผมไปมาเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างบนตัว จนผมหงุดหงิดเลยผลักมันออกและพูดขึ้น
“ไม่โดน ไม่ต้องหา มันไม่ได้ทำอะไร”
“ไว้ใจไม่ได้ ถ้าพี่ให้ผมไปรับทุกเย็น...”
“ไม่ต้อง”
มันยังไม่ทันพูดจบประโยคด้วยซ้ำ ผมรีบตัดบทเอาไว้ก่อนที่มันจะรวบรัดตัดความ กลายเป็นมารับทุกเย็น ไม่เอาด้วยหรอก ผมไม่กลับด้วยหรอก แค่นี้ก็โดนนินทาจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“รังเกียจผมนักหรือไง!”
“รังเกียจอะไร แล้วจะขึ้นเสียงใส่ทำไมเนี่ย”
“ก็พี่ไม่ให้ผมไปรับ ไม่ให้ผมเดินข้างๆ ไม่ให้ผมอยู่ใกล้ต่อหน้าคนอื่น แล้วแบบนี้จะให้ผมคิดยังไง นอกจากคำว่ารังเกียจ”
...ผมนั่งนิ่ง...
แน่นอนผมอึ้งกับคำพูดของมันไม่น้อย ยอมรับว่ารู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ที่ผมทำแบบนั้น ถ้าผมเป็นเจ้าแว่นก็คงจะรู้สึกได้ไม่ต่างอะไรกันหรอก
ผมไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไปนอกจากนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น มองนัยน์ตาของคนตรงหน้า มันมีแต่ความน้อยใจเต็มไปหมด
ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก...ว่าทำไมต้องทำสายตาแบบนั้นมาที่ผม
ผมเผลอเอื้อมมือออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มือของผมกำลังลูบข้างแก้มของคนตรงหน้า และมันก็เอียงหน้ารับกับมือของผมพร้อมกับหลับตา ท่าทางเหมือนแมวชะมัด
หลังจากนั้นเจ้าแว่นก็เอื้อมมือขึ้นมาทาบทับกับมือของผมและจับกุมเอาไว้ ไม่ยอมให้ผมละมือออก
มือของเจ้าเด็กนี่.....ร้อนจัง....
“อ้อนอยู่หรือไง”
“ผมอ้อนไม่ได้หรอ มือของพี่กัสอุ่นมากเลย อยากอยู่แบบนี้นานๆ”
“ทำตัวเป็นเด็กไปได้”
“ก็เด็กกว่าพี่กัสอะ.....โอ๊ย! เจ็บนะพี่”
หมดอารมณ์!
นี่มันกำลังหลอกด่าว่า ผมแก่แล้วหรือเปล่าวะ ไอ้เด็กนี่ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน! มือของผมที่จากเดิมลูบแก้มมันอยู่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนเป็นบิดแก้มของมันอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องเสียงดังลั่น
สะใจโว้ย! สมน้ำหน้า!
จะบอกว่าตอนต่อไปพี่กัสน่าสงสารมาก
และจะแง้มๆให้ทายเล่นกัน
ว่าคนปล่อยข่าวลือคือใคร สำหรับตอนหน้า