#แว่นดุ : (ตอนที่ 16) จูบ ...หน้าที่ 7 [10/02/18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #แว่นดุ : (ตอนที่ 16) จูบ ...หน้าที่ 7 [10/02/18]  (อ่าน 28469 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ถ้าเซนกับใหม่เจอกันล่ะ

กัสเอาใหม่ไปนอนรวมกัน 3 คนเลยแล้วกัน  :กอด1:

ชอบบบบบบ ถามกันตอบกัน เหมือนคิดเลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เซน เอาจริงแฮะ ตามมาบ้านกัสเลย

อยากให้กัส ดุเรื่องเซนจริงๆ ตอนเขย่าถุงขนมบัวลอย
ว่า อยากเขย่า.....ก็ไปเขย่าลูกแซค(มาราคัส-เพิ่งรู้ชื่อหมือนกัน)ไป  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
มันทำให้ขนมกะทิ แกงกะทิ บูดเสียได้ง่ายๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kachettt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
    • Twitter
แว่นดุ 15
ขอโทษ




ท่ามกลางความรู้สึกอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ อากาศที่เย็นจนรู้สึกได้ว่านี่มันไม่ใช่ฤดูอื่นแต่เป็นฤดูหนาว ลมเย็นๆพัดโชยเข้ามาภายในบ้านผ่านประตูหน้าต่างบริเวณด้านข้างของตัวบ้าน ส่งผลให้ต้องยกมือขึ้นมายกกระชับเสื้อกันหนาวเพื่อปกปิดบริเวณอกและยัดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกงเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย



กัสเดินออกจากห้องของตัวเองมาได้สักพักแล้ว แม้ว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาจะมีอาการหงุดหงิดมากก็ตาม แต่ทว่าในตอนนี้เริ่มคลายความรู้สึกพวกนั้นลงไปบ้างแล้ว



“กัสว่างไหมลูก มาช่วยแม่ยกหม้อเข้าไปข้างในหน่อย”


เสียงตะโกนเรียกลอดผ่านเข้ามาข้างในบ้าน ทำให้ผมที่กำลังยืนใช้มือซุกลงที่กระเป๋ากางเกงพลันต้องรีบขยับตัวเดินออกไปตามเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ ที่ขณะนี้กำลังยืนขายของอยู่ด้านนอก



ให้ตายสิ เพราะมัวแต่คิดถึงแต่เรื่องพวกนั้น จนทำให้ลืมไปสนิทเลยว่าต้องออกไปช่วยแม่ขายของ




“ขายหมดแล้วหรอแม่” ถามออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบหม้อที่ด้านในไม่หลงเหลือขนมแม้แต่นิด เพราะบัดนี้ขนมที่ถูกบรรจุเอาไว้ก่อนหน้าถูกนำไปขายจนหมดแล้ว

“ขายหมดแล้วลูก วันนี้ขายดีมากกว่าปกติอีกนะ รู้มั้ย” แม่พูดพร้อมยิ้มจางๆกลับมา

“อย่างนี้ก็ดีสิแม่ แล้วตอนเย็นแม่จะขายอะไร เพราะเท่าที่ดูกล้วยมันหมดแล้วนะ อีกอย่างแป้งก็หมดด้วย หรือว่าแม่จะให้ผมออกไปซื้-”

“เย็นนี้แม่ไม่ขายของ พอดีน้าอุไรบวชลูกชาย แม่ว่าจะไปช่วยน้าเขาทำอาหารสักหน่อย”



ถึงกับยืนอึ้งกับคำตอบของผู้เป็นแม่ ทำไมไม่รู้มาก่อน แม่ไม่ได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้หนิ



“อะไรนะแม่ บ้านน้าอุไรหรอ แม่ก็รู้ว่าบ้านน้าอุไรไกลจะตาย แม่ไม่เห็นต้องไปเลย”

เพราะความเป็นห่วงเลยไม่อยากให้แม่ต้องไปไกลขนาดนั้น บ้านของน้าอุไรที่แม่ว่าอยู่ห่างไปอีกอำเภอหนึ่ง อีกอย่างถ้านั่งรถไป ก็เกือบสิบกิโลโน่นกว่าจะถึงอำเภอนั้น



“น้าเขามารับแม่ อีกอย่างลูกชายน้าอุไรบวชทั้งคน แม่ไม่ไปไม่ได้นี่งานบุญเลยนะ” แม่ยังคงยิ้มและตอบกลับมาอย่างสบายโดยไม่คิดอะไร

“ผมรู้ว่างานบุญ แม่ก็เป็นแบบนี้ทุกทีนั่นแหล่ะ ใครชวนทำอะไรไม่เคยปฏิเสธเขาสักอย่าง เอาแต่รับปากไปเรื่อย”  พูดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกยาว และส่ายหัวไปมาให้กับนิสัยขี้เกรงใจของแม่ 

“แต่ก็เอาเถอะ แล้วแม่จะกลับกี่โมง”

“อาจดึกหน่อยนะลูก แม่ไม่รู้จะกลับมาตอนไหน ตอนแรกแม่ก็จะให้กัสไปด้วย พอดีวันนี้น้องของกัสมาเที่ยวแม่เลยไม่อยากให้อยู่คนเดียวลำพัง ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ อยู่กันสองสามคนมันก็ย่อมดีกว่าอยู่คนเดียวเป็นไหนๆ” แม่พูดพร้อมยิ้มจางๆ

“ตัวปัญหาชัดๆ” ผมพูดเอ็ดเบาๆแต่แม่กลับได้ยิน

“กัส..แม่ไม่ชอบนะที่ลูกว่าน้องแบบนี้ แม่จะสอนอะไรอย่างนึงนะกัส เพื่อนหรือคนที่เราไว้ใจน่ะ ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆหรอกนะลูก ถ้าหากวันใดมีคนแบบนี้เข้ามาในชีวิต แม่อยากให้กัสรักษาเขาเอาไว้ดีๆ คนที่จริงใจกับเราไม่ได้มีเข้ามาให้เราบ่อยๆหรอกนะลูก”


แม่พูดประโยคที่ทำให้ผมถึงกับเงียบอีกครั้ง พร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาลูบแก้มเบาๆพร้อมยิ้มอบอุ่นที่ผมมักจะได้รับอยู่บ่อยๆ



“แม่รู้ว่าลูกของแม่เป็นคนยังไง”

“แต่..”

“ไม่มีใครดีได้ทั้งหมดหรอก ทุกคนย่อมมีทั้งดีและไม่ดีอยู่ในตัวทั้งนั้น แต่แม่รู้ว่ากัสลูกของแม่ไม่ใช่คนไม่ดี และเซนก็เหมือนกัน” แม่พูดและยิ้มจางๆพร้อมกับหันหน้าไปเก็บของต่อ


“แล้วน้าอุไรจะมารับแม่กี่โมง” ถามพร้อมกับหันหน้าไปสนใจอุปกรณ์บรรจุขนมตรงหน้าต่อ หลังจากที่พูดคุยเรื่องก่อนหน้าจนจบแล้ว

 “ประมาณช่วงบ่าย น้าอุไรโทรมาบอกแม่ตอนที่กัสพาเซนเอาของเข้าไปเก็บน่ะลูก เอ๊ะจริงสิ แล้วเซนไปไหนแล้วละ หรือว่ายังจัดของไม่เสร็จ” แม่หันหน้ากลับมาพร้อมกับขมวดคิ้วสงสัย

“อยู่ในห้องแหล่ะ สงสัยยังจัดของไม่เสร็จอย่างที่แม่บอกมาล่ะมั้ง” แม่พยักหน้าเข้าใจ


ส่วนการตอบคำถามของผม เป็นคำตอบที่ไม่ได้ใส่ใจและไม่ได้สนใจ บุคคลที่เป็นจุดสนทนาเท่าไหร่นัก นอกจากหันหลังไปหยิบหม้อเข้ามาเก็บในครัวต่อ ส่วนแม่ของผมก็เดินขึ้นไปบนบ้านเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่เก็บของหน้าร้านเสร็จ



ถอนหายใจยาวๆหลังจากที่แม่เดินแยกออกไป ผมหันกลับมาหอบหิ้วหม้อที่วางเรียงรายอยู่บริเวณหน้าบ้านเข้ามาทีละสองสามใบจนหมด แน่นอนว่าผมยังไม่ได้ล้างหม้อตอนนี้แน่นอน เหตุผลที่ปกติทั่วไปคือเพราะขี้เกียจ อย่างน้อยตอนนี้ผมกะเอาไว้ว่าจะรอให้ใหม่กลับมาก่อนและค่อยมาช่วยกันล้างทีหลัง



เพราะไอ้เด็กนั่นมันชำนาญซะยิ่งกว่าตัวผมที่เกิดมาพร้อมกับอาชีพทำขนมของบ้านหลังนี้ซะด้วยซ้ำ



จะว่าไป... ความจริงแล้ว ผมย้ายไปนอนกับไอ้ใหม่ก็ได้นี่หว่า ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาอดทนนอนกับเซนเลย






หลังจากที่ได้คิดแผนการย้ายที่หลับที่นอนจนเสร็จสรรพมาได้สักพัก จู่ๆก็มีเสียงรถบีบแตรบริเวณหน้าบ้านสองสามที แทบไม่ต้องคิดอะไรให้เยอะแยะมากมาย น้าอุไรคงขับรถมารับแม่ผมแล้วแน่ๆ


น้าอุไรเป็นเพื่อนของแม่ผม เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนผมยังอยู่ประถม แต่ที่น่าแปลกก็คือ แม่ของผมไม่น่าจะไปเป็นเพื่อนกันน้าอุไรได้เลย เพราะอะไรนะหรอ มันเป็นเพราะฐานะทางบ้านของผมกับน้าอุไรช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี่สิ



น้าอุไรเป็นเศรษฐินีประกอบกิจการโครงการบ้านจัดสรรซึ่งอยู่ในฐานนะที่รวยเอาการ เท่าที่ผมรู้มาน้าอุไรไปเที่ยวเมืองนอกทุกเดือน เดือนละประเทศออกจะได้มั้ง ซึ่งผิดกันกับบ้านของผมที่มีฐานะปานกลางค่อนไปทางจน พอมีพอกินไปวันๆเท่านั้น



อีกทั้งยังประกอบอาชีพหาเช้ากินค่ำ วันไหนขายไม่ได้ก็จำต้องเอาเงินที่อยู่ในบัญชีของพ่อที่ไม่อยากใช้เสียเท่าไหร่ออกมาใช้กินอย่างเจียดๆ อย่างที่บอกกันไป ระหว่างน้าอุไรและแม่ของผมไม่น่าจะไปรู้จักมักจี่กันได้เลยด้วยซ้ำ


แต่เหตุการณ์ที่ทำให้แม่ของผมและน้าอุไรเป็นเพื่อนที่พูดคุยถูกคอกันได้ก็เพราะน้าอุไรเคยมาเหมาขนมของแม่ผมไปจนหมดร้านและดันลืมกระเป๋าสตางค์ราคาแพงที่มีเงินเป็นก้อนๆอยู่ในนั้น



มีแม่ผมที่เป็นคนเอากระเป๋าสตางค์ไปคืนน้าอุไร และหลังจากนั้นน้าอุไรก็มาหาบ่อยขึ้น และทุกครั้งจะมาเหมาขนมกลับไป บางครั้งก็โทรมาหาให้ทำแกงส้มไว้ และน้าอุไรก็มาเอาไปกินอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่น้าอุไรมาหาก็จะเอาของกินบ้าง ของใช่ที่ไปซื้อมาจากต่างประเทศมาฝากอยู่เสมอ แลกกับอาหารที่แม่ผมพอจะทำได้



และทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้กลายเป็นความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่ใครๆก็ว่าแปลกประหลาด ระหว่างแม่ของผมและน้าอุไร






“แม่! น้ามาแล้ว” ผมตะโกนเรียกแม่ที่อยู่ด้านบนทันทีที่ได้ยินเสียงรถ

“แม่เสร็จพอดีเลย”



ผมหันไปมองแม่ที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากบันไดพร้อมกับใส่ชุดสวยสไตล์หญิงวัยกลางคนที่เขามักจะนิยมใส่กัน บริเวณแขนข้างซ้ายหิ้วกระเป๋าหนังใบสวยที่แม่รักและหวงมาก ถ้าออกงานสังคมแบบนี้ แม่ของผมไม่พลาดที่จะเอาไปอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นกระเป๋าราคาแพงที่น้าอุไรซื้อมาให้เป็นของขวัญ



“ไปดีๆนะแม่ คงไม่ได้ออกไปส่งนะ ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย” ผมรีบบอกปัดเอาไว้ก่อน เพราะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ผมไม่อยากออกไปเท่าไหร่นัก



“ออกไปสักแปบนึงสิกัส ไปให้น้าอุไรเห็นหน้าสักหน่อย” แม่พูดพร้อมกับทำคิ้วขมวดเชิงบังคับ



ว่าแล้วว่าแม่ของผมจะต้องไม่ยอมแน่ๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้อายเพราะไม่อาบน้ำหรอกนะ แต่เพราะไม่อยากออกไปเจอน้าอุไรมากกว่า รายนั้นชงผมกับลูกสาวของตัวเองหนักมาก แล้วแม่ผมก็ดันเห็นดีเห็นงามไปกับน้าอุไรด้วย



และนี่น้าอุไรคงไม่พ้นที่จะพกลูกสาวคนสวยมาด้วยอย่างแน่นอน บอกตามตรงว่าไม่อยากออกไปเลย แต่เพราะขัดแม่ไม่ได้ทำให้ต้องจำใจเดินออกไปทั้งๆอย่างนั้น






“ว๊ายยย นั่นลูกเขยฉันนี่” เสียงแหลมเสียดแก้วหูที่แสนคุ้นเคย ไม่ใช่ใครที่ไหนเพราะเสียงที่ว่าคือเสียงของน้าอุไร คนที่ผมไม่อยากเจอที่สุด

“เพลาๆหน่อยอุไร โน่นหนูดาวเขินใหญ่แล้ว” เสียงนี้แม่ผมเอง แม่ผมพูดพร้อมกับพยักเพยิดหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มไปที่หญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆน้าอุไร


ใช่...เธอชื่อดาว ตอนนี้โตเป็นสาวขึ้นเยอะกว่าปีที่แล้วเป็นไหนๆ ทั้งๆที่อยู่แค่ ม.ปลายแท้ จะว่าไปสมัยนี้เด็กโตไวมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ผิดกับตอนสมัยของผมลิบลับ กว่าจะโตกันได้ก็นั่นแหล่ะ เข้ามหาลัยก่อนถึงจะเรียกว่าโตกันแล้ว

“ดาว สวัสดีพี่กัสสิลูก” น้าอุไรเอ่ยขึ้น

“สวัสดีค่ะพี่กัส” น้องดาวที่กำลังยืนหน้าแดงรีบยกมือไหว้ผมแทบจะทันที

“สวัสดีครับ” ผมทักทายกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มตามมารยาท



เธอยิ้มหวานมาให้ผม แน่นอนว่าผมก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน แต่ผมยิ้มตามมารยาทเท่านั้นแหละ ไม่ได้ยิ้มเพราะรู้สึกสนใจทางชู้สาวอย่างที่แม่ของผมและน้าอุไรคิดกันหรอกนะ


“กัสยิ่งโตยิ่งหล่อจริงๆเลย นี่เธอเลี้ยงลูกยังไงถึงได้หล่อขนาดนี้กันเนี่ย” น้าอุไรพยักเพยิดถามแม่ของผมขณะที่ยิ้มหวานส่งมาให้อย่างไม่ขาด

“ลูกหน้าตาดีเหมือนแม่ไงจ๊ะ ไม่น่าถาม”

“โอ๊ย ฉันไม่นาถามเธอเลยจริงๆนั่นแหล่ะ”



ผมยืนมองแม่กับน้าอุไรพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปหลายนาที ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเรื่องของผมแทบทั้งนั้น และก็มีเรื่องของน้องดาวปนเปมาบ้างประปราย และใดๆทั้งหมดก็จะไม่พ้นเรื่องการจับคู่ระหว่างน้องดาวและผมอย่างแน่นอน



ได้แต่คิดและก็ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ทว่าในขณะที่ผมกำลังทำหน้าเบื่อช่วงแขนของผมกำลังถูกใครสักคนสะกิดให้ต้องหันไปสนใจ และใครคนนั้นไมใช่ใครที่ไหนเลย น้องดาวที่ยืนกำลังยืนอยู่ข้างๆผม ไม่รู้ว่าขยับมายืนใกล้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตอนแรกน้องเขายังยืนอยู่กับผู้เป็นแม่อยู่เลย



น้องดาวลูกสาวของน้าอุไร เป็นเด็กหญิงตัวไม่สูงมากนัก ถ้าวัดดูด้วยสายตา ตอนนี้ก็คงจะสูงประมาณ 160 ต้นๆได้แล้วมั้ง ผิวก็ขาว หน้าตาก็น่ารักอย่างเด็กผู้หญิงบ้านมีฐานะทั่วๆไป ผมสีดำสนิทยาวสลวย แถมยังตัดหน้าม้ายิ่งทำให้หน้าดูเด็กลงไปอีก



เท่าที่ผมกล่าวมาทั้งหมด หากเป็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกันกับน้องดาวหรือผู้ชายคนอื่น คงหนีไม่พ้นที่จะเข้ามาจีบแน่ๆ แต่ผิดกับผมลิบลับ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบผู้หญิงหรอกนะ แต่ผมแค่ไม่ได้ชอบน้องเขาแบบชู้สาวอย่างที่แม่ต้องการก็เท่านั้น



ว่าแต่น้องเขาสะกิดผมทำไมละเนี่ย


“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“หนูขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ” เด็กสาวตรงหน้าพูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆอย่างมีจริต

“เดินเข้าไปด้านใน แล้วเลี้ยวซ้ายนะ” ผมตอบพร้อมกับชี้มือบอกตำแหน่งห้องน้ำที่อยู่ในบ้านให้



หลังจากที่ผมบอกเสร็จ เด็กสาวลูกน้าอุไรก็รีบเดินเข้าไปด้านในทันที เธอดูอายๆนิดหน่อย ในขณะที่ถามทางไปห้องน้ำจากผม แต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก กลัวว่าถ้าหากผมให้ความสนใจมากไปกว่านี้มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่แม้แต่ผมเองจะไม่สามารถแก้ไขมันได้



เพราะอะไรนะหรอ ถ้าแม่จับสังเกตได้ว่าผมสนใจน้องดาว แน่นอนว่าทั้งแม่และน้าอุไรจะยิ่งจับคู่ให้มากกว่านี้แน่ เผลอๆถ้าน้องโตกว่านี้และเกิดชอบผมขึ้นมา คงจะยิ่งถูกจับให้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดอย่างแน่นอน เอาหัวเป็นประกันได้เลย






ผมยืนพิงกรอบประตูหน้าร้านมองไปที่แม่และน้าอุไร ที่ตอนนี้ยังคงนั่งจับเข่าคุยกันอย่างออกรส จนหลงลืมไปแล้วว่าจะมารับแม่ผมให้ไปบ้านตัวเอง ผมละอดที่จะทักไม่ได้เลยจริงๆ สรุปยังไงจะไปไหม หรือแค่ขับรถมานั่งคุยเล่นกับแม่ผมเฉยๆกันแน่




“แม่...สรุปคือไม่ไปบ้านน้าอุไรแล้วหรอ” ไวเท่าความคิด ผมก็พูดออกไปแทบจะทันที และหลังจากที่ถามออกไป แม่ของผมหยุดประโยคสนทนาแทบจะทันควันและหันหน้ามามองที่ผมอย่างตื่นๆ รวมไปถึงน้าอุไรก็ด้วย

“จริงด้วย แม่ลืมสนิทเลย”

“น้าด้วย โอ๊ย คุยเพลินไปหน่อย ถ้าอย่างนั้นแม่รับเอาแม่ของกัสไปก่อนนะจ๊ะ ขึ้นรถหนูดาว เอ้ะ...แล้วหนูดาวไปไหนแล้ว”



จริงสิ น้องดาวไปเข้าห้องน้ำตั้งนานแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย ตกลงหาห้องน้ำเจอหรือเปล่าก็ไม่รู้ นี่ก็เกือบยี่สิบนาทีแล้วที่ดาวเข้าไปในบ้านของผม



ไม่ใช่ว่า...


ไอ้แว่น!





“น้าอุไร เดี๋ยวผมไปตามให้เองครับ เมื่อกี้เห็นว่าขอไปเข้าห้องน้ำ” ผมรีบชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อนทันที

“ดีเลยจ้ะ ถ้าอย่างนั้นน้าจะรอกับแม่กัสที่รถ-”




น้าอุไรยังไม่ทันจะพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำ ผมก็รีบก้าวเท้ายาวๆเดินแยกออกมาและมุ่งหน้าเข้าไปยังด้านในบ้าน มันน่าแปลกตั้งแต่ที่น้องเข้ามาข้างในนานเกินไปแล้ว ปกติถ้าจะเข้าห้องน้ำก็ไม่น่าจะนานขนาดนี้



แต่นี่กลับเข้ามาและเงียบหายไปเลย ในใจของผมกำลังคิดว่า ถ้าน้องเข้ามาในบ้านและเจอกับเซนอะไรมันจะเกิดขึ้น ระหว่างตกใจกับคนแปลกหน้าในบ้านของผม กับอีกหนึ่งอย่างที่ผมไม่อยากจะคิดต่อ



ไม่ใช่ว่าผมหวงอะไรไอ้หมอนั่นหรอกนะ แต่ถ้าจะบอกว่าไม่มีความรู้สึกอะไรเลยก็จะเรียกว่าโกหกเกินไป ถ้าว่ากันตามจริงมันก็มีอยู่นิดหน่อยนั่นแหล่ะ




ผมใช้เวลาเดินเข้ามาในบ้านได้ไม่นาน ก็เจอเข้ากับสิ่งที่คิดเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าไม่อยากจะเจอที่สุด แสดงว่าภาวนาในใจมันใช้ไม่ได้ผลเลยสินะ ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือคนสองคนกำลังคุยกับอย่างออกรสแถมยังยกมือถือขึ้นมาทั้งคู่ คล้ายกับกำลังกดส่งอะไรหากันสักอย่าง



และไอ้ที่น่าเจ็บใจมากกว่าก็คือ ไอ้แว่นมันดันหัวเราะและยิ้มมีความสุขขนาดนั้น แค่เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คนสองคนจะพูดคุยกันอย่างออกรสได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ ถ้าไม่ใช่ถูกชะตากัน




ผมถึงกับยืนนิ่งมองคนสองคนตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ และดูเหมือนว่าสองคนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าผมกำลังยืนมองอยู่ตรงนี้ เพราะทั้งคู่ยังคงหัวเราะคิกคักใส่กันเหมือนเรื่องปกติ ต่างคนต่างก็มองมือถือของกันและกันไปมาจนผมรู้สึกแปลกๆในอกอย่างบอกไม่ถูก



คงเป็นเพราะว่าภาพตรงหน้าระหว่างคนสองคนมันดูเหมาะสมกันอย่างไม่มีที่ติละมั้ง




กว่าจะรู้ตัวว่ามีผมที่ยืนมองอยู่ห่างๆก็ผ่านไปเกือบนาที เวลาเกือบนาทีที่ผ่านพ้นไปเหมือนผมเป็นเพียงแค่อากาศที่ลอยผ่านพวกเขาทั้งสอง ส่วนคนที่รู้ตัวก่อนคนแรกว่ายังมีผมที่ยืนมองอยู่อย่างไม่ละสายตาไปทางไหนก็คือเซน



เซนมองมาที่ผมพร้อมกับแสดงสีหน้าตกใจไม่น้อย แน่นอนอยู่แล้วที่เซนจะตกใจ ก็ผมดันเข้ามาขัดจังหวะช่วงเวลาสานต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองไม่ใช่หรือไงละ



“พี่กัส” เสียงเรียกชื่อผมเป็นเสียงของเด็กหญิงที่ยืนอยู่ มันน่าเสียดายนิดหน่อยเพราะผมคาดหวังว่าคนที่เอ่ยเรียกชื่อของผมควรจะเป็นเซนที่มองเห็นผมก่อนเด็กหญิงคนนั้น



“พี่กัส หนูขอโทษที่เข้ามานานไปหน่อยนะคะ พอดีว่าหนูกำลังจะออกไปแล้ว” ดาวยังคงพูดต่อพร้อมกับคว้ามือถือที่อยู่ในมือของเซนเอามาไว้กับตัวเองและส่งคืนมือถือของเซนที่อยู่ในมือของตนไปให้



นั่นคงจะเป็นมือถือของดาว และทำไมมันถึงได้ไปอยู่ในมือของเซนได้ละ สองคนนี้กำลังจะทำอะไรกันแน่ ผมกลอกตาทำเป็นไม่สนใจและทำเป็นเบื่อหน่ายกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเต็มทน



ทั้งๆที่ภายในใจมันกำลังว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งจุกไปทั่วทั้งอก แต่ก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนอาการเหล่านั้นเอาไว้ภายในใจไม่แสดงมันออกมาให้ใครเห็น



“น้าอุไรให้พี่มาตามดาวกลับบ้าน” ผมตอบจุดประสงค์ที่เข้ามาในบ้านหลังจากที่ทั้งคู่แลกมือถือกันเสร็จแล้ว

“รบกวนพี่กัสแย่เลย หนูขอโทษที่เข้ามานานเกินไปนะคะ” ดาวพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆกลับมา

“ไปกันเถอะ” ผมพูดและมองดาวเพียงครู่โดยที่ไม่มองใครอีกคนที่ยืนเป็นใบ้อยู่บริเวณนั้นแม้แต่หางตา

“พี่เซน ดาวกลับก่อนนะ ไว้ดาวจะโทรหานะคะ”




โทรหาหรอ หมายความว่าไง แค่ยี่สิบนาทีนี่ถึงกับแลกเบอร์กันแล้วหรอ





“อย่าบอกเรื่องนี้กับแม่ละ” เซนพูดพร้อมกับทำสีหน้ายิ้มๆไปให้ดาว ซึ่งดาวก็พยักหน้ายิ้มๆและเดินนำผมไปก่อน แน่นอนว่าผมเดินตามดาวออกมาด้วยเช่นกัน



แต่ในหัวของผมมันกำลังตีกันจนจะระเบิดเต็มทน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งหมดทั้งมวลผมกำลังหงุดหงิดเซน หงุดหงิดทั้งๆที่มันยังไม่ได้ทำอะไรเนี่ยแหละ






หลังจากที่เดินมาส่งดาวที่หน้าบ้าน ผมรอให้ดาวขึ้นรถและโบกมือลาแม่ จนรถของน้าอุไรแล่นผ่านหน้าบ้านออกไปจนลับสายตา ผมยังคงยืนอยู่อย่างนั้นไม่ได้เดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรก



คงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงไม่ยอมเข้าไป มันมีอยู่แค่เหตุผลเดียวคือผมไม่อยากเข้าไปเจอหน้าคนข้างในบ้านสักเท่าไหร่



“จะยืนข้างนอกอีกนานไหม หรือว่าจะรอให้แม่พี่ถึงที่นู่นก่อนและค่อยเข้ามา”


“ไม่ยุ่งสักเรื่องก็คงจะไม่ตาย” ผมพูดตอกกลับไปพร้อมกับหันหน้าเข้าบ้านและทำท่าจะเดินผ่านเซนไป แต่กลับต้องหยุดชะงักเพราะอีกฝ่ายยังคงพูดคุยและต่อบทสนทนาไม่หยุด


“แม่พี่ไม่อยู่”

“แล้วไง”

“พี่อยู่บ้านแค่กับผมสองคน”

“แล้ว”

“ผมอยากเคลียร์เรื่องระหว่างเร--”

“ไม่มีคำว่าเรา”



พูดตัดบทโดยทันที โดยไม่รอให้เซนพูดจบประโยคด้วยซ้ำ มันจริงไม่ใช่หรอ เรื่องระหว่างเรามันไม่มีอีกแล้ว ผมว่าผมจบเรื่องทุกอย่างไปแล้วนะ




ทุกครั้งที่หวนคิดไปถึงเรื่องที่ผ่านมาพวกนั้น ผมมักจะเจ็บจุกไปทั่วบริเวณอกเสมอ ภายในสมองเอาแต่คิดว่าคนพวกนี้ทำแบบนี้กับผมได้ยังไง คำพูดนี้มันมักจะวนเวียนหลอกหลอนผมไปทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เรื่องราวต่างๆที่ผมประสบพบเจอจนแทบยืนไม่อยู่



เพราะแบบนี้ผมถึงได้กลับมาที่นี่ กลับมารักษารอยแผลที่มันเหวอะหวะแทบไม่มีชิ้นดีให้มันหาย ถึงแม้ว่าผมจะรู้ดีว่ามันจะต้องฝากรอยแผลเป็นเอาไว้ให้คอยนึกถึงก็ตาม แต่อย่างน้อยผมก็อยากรักษามันด้วยตัวของผมเอง



แต่ทว่าทุกอย่างตอนนี้มันกลับไปหมด เซนโผล่เข้ามาในชีวิตประจำวันของผมอีกครั้ง อีกทั้งยังเข้ามาในระหว่างที่ผมกำลังเริ่มรักษาบาดแผลของตัวเอง ผมกำลังเริ่มต้นใหม่ แต่การเริ่มต้นใหม่ของผมกลับมีคนที่เคยทำร้ายเข้ามาร่วมด้วย



จะให้คิดยังไงได้อีก





“พี่”  ผมรับรู้ได้ว่าเสียงของเซนอ่อนลงมาก เบาจนแทบไม่ได้ยินด้วยซ้ำ แต่เพราะว่ามันเงียบเลยทำให้ผมได้ยินเสียงของเซนชัดมาก

“อยากจะพูดเรื่องที่ผ่านมาหรอ”

“...”

“ถ้าอยากพูดก็พูด แล้วหลังจากนี้ก็เลิกพูดถึงเรื่องพวกนั้นได้ละ ไม่อยากเก็บไปจำไปใส่ใจอีกต่อไปแล้ว” ผมตอบกลับไปเพราะผมคิดแบบนี้จริงๆ

“ขอโทษ” 


น่าแปลกที่ตอนนี้คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเซน มันกลับทำให้ผมรู้สึกพูดไม่ออก เราทั้งสองต่างก็เงียบจนได้ยินเสียงรถยนต์ข้างนอกที่ขับผ่านไปมาอย่างชัดเจน




ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรืออะไร ทำไมผมกลับรู้สึกได้ว่าเซนพูดมันออกมาด้วยความรู้สึกจริงๆ จากความรู้สึกนิ่งอึ้งในคราแรกตอนนี้ผมกำลังรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนยกเรื่องบางอย่างออกมาจากอกได้นิดหน่อยแล้ว



ใช่....ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ




“พี่ให้อภัยผมได้ไหม” เซนพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เว้นช่วงระยะผ่านไปสักพัก


“ได้”


ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมพูดแบบนั้นออกไปจริงๆ อาจเป็นเพราะผมไม่อยากให้ความบาดหมางใจมันเข้ามาทำร้ายความรู้สึกระหว่างตัวผมกับเซนอีกแล้ว ถ้าหากว่าผมยังคงบาดหมางใจกับเซนอยู่ ความรู้สึกอึดอัดบ้าๆพวกนี้มันคงไม่มีทางหลุดออกไปได้แน่ๆ



บางครั้งคนเราก็ควรปล่อยวางมันบ้าง จริงอย่างที่ใหม่บอก...




หมับ!

“พี่พูดจริงๆนะ!”



ผมกำลังถูกสวมกอดจากด้านหลัง ซึ่งคนกำลังกอดผมเอาไว้คือเซน น้ำเสียงที่เซนเปล่งออกมามันเต็มไปด้วยความดีใจ และผมก็ดีใจเหมือนกัน ผมกำลังดีใจที่ได้ปล่อยวางเรื่องที่มันหนักอึ้งลงไปบ้างแล้ว



แต่...


ผมอยากเริ่มต้นใหม่ ผมไม่อยากสานต่อความสัมพันธ์อะไรทั้งสิ้น





“ปล่อยได้แล้ว” รอยยิ้มของผมในตอนแรกเริ่มมลายหายไปช้าๆและแทนที่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งซึ่งเป็นปกติของผม

“แน่นไปหรอ กอดหลวมๆก็ได้” เซนยังคงพูดต่อ น้ำเสียงยังคงเก็บความรู้สึกดีใจไม่มิดออกมา

“บอกให้ปล่อย” เสียงของนิ่งขึ้นกว่าเดิมจนทำให้เซนเริ่มรับรู้แล้วว่าผมไม่ได้ล้อเล่น



ช่วงแขนที่กอดตัวของผมแน่นในคราแรก ตอนนี้ค่อยๆคลายแขนออกจนผมถูกปล่อยออกมาให้เป็นอิสระเหมือนเดิม



“ไหนว่าพี่...”

“ให้อภัยแล้ว ไม่โกรธแล้ว ไม่คิดอะไรแล้ว อีกอย่างนายก็สำนึกผิดแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว” ผมตอบกลับไปพร้อมกับหันหน้าไปหา เงยหน้ามองแววของของเซนที่มันกำลังวูบไหว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเซนกำลังไม่เข้าใจ

“ผม...ผมไม่เข้าใจ เราควรจะกลับมาเป็นเหมือนเดิ-” เซนกำลังร้อนรน ผมสัมผัสมันได้ผิดกับผมที่เย็นเหมือนกับน้ำแข็ง

“บอกไปแล้วว่าไม่มีคำว่าเรา เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีทางเป็นเหมือนเดิม”



พูดจบผมก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามาในบ้านก่อน ทิ้งอีกฝ่ายให้ยืนนิ่งอึ้งอยู่ด้านนอกเพียงลำพัง ผมรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังหงุดหงิดไม่น้อย ผมเห็นท่าทางหงุดหงิดของเซนก่อนที่จะเข้ามาด้านในจนลับสายตา




เซนคงไม่พอใจที่ถูกผมปฏิเสธความสัมพันธ์อีกครั้งแน่ๆ




น้องดาวคือคายยยยยย
หน่องดาวววววววววววว

อย่าเกลียดหน่องดาวเลยนะ
ตัวชงชั้นเยี่ยมเลยคนนี้555555555





 







ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขอเดาว่าน้องดาวกับเซนน่าจะเป็นญาติกัน  :teach:

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น้องดาวต้องเป็นสาววายขายกาแฟแน่เลย ชอบชง ตึ่งโป๊ะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เอาละสิ. รออ่านต่อระครับ,,,,

ออฟไลน์ kachettt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
    • Twitter
แว่นดุ 16
จูบ




ภายในห้องนั่งเล่นบริเวณส่วนกลางของบ้าน ที่ซึ่งมีอายุอานามเกือบสามสิบปี บริเวณนี้เป็นบริเวณที่เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่ที่ไว้พูดคุยสารทุกข์สุขดิบของคนภายในบ้าน



ซึ่งในขณะนี้ผมกำลังใช้มันเป็นที่นั่งพักผ่อน เพื่อรอสมาชิกอีกคนของบ้านกลับมาจากโรงเรียน สมาชิกอีกคนที่กล่าวถึงเป็นเด็กผู้ชายตัวสูงที่เพิ่งย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ร่วมบ้านร่วมชายคาและยังมีศักดิ์เป็นน้องชายของผมด้วย



เนื่องจากถ้าใหม่กลับมาก็คงจะคลายความรู้สึกอึดอัดใจของผมในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี และตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจอยู่ในขณะนี้ก็คือเซน โดยที่หมอนั่นกำลังนั่งพักผ่อนเฉกเช่นเดียวกันกับผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก



เนื่องจากผมกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนดูโทรทัศน์อยู่ที่เก้าอี้สานตัวยาว ในขณะที่เซนนั่งเก้าอี้อีกตัวถัดไปจากผม อย่างที่ได้บอกเอาไว้ข้างต้นว่า บริเวณที่นั่งผ่อนแห่งนี้จากเดิมที่เคยเป็นสถานที่สำหรับไว้ใช้นั่งผ่อนคลายและพูดคุยกัน ทว่า ณ ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสถานที่ที่น่าอึดอัดที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้




ในตอนแรกผมจะลุกขึ้นและเดินห้องของตัวเอง แต่พอทำท่าจะลุกขึ้นยืน มนุษย์น่ารำคาญที่อยู่ด้วยข้างๆ มันก็ทำท่าจะลุกขึ้นตาม ทำให้ผมไม่สามารถลุกไปไหนได้



ครั้นจะหันหน้าไปด่าให้หยุดตามสักคำสองคำ ก็ดันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ไม่ควรจะไปเสวนาด้วยสักเท่าไหร่ ปล่อยให้มันอยู่ไปเหมือนเป็นอากาศน่าจะดีกว่า



“พี่” เสียงเรียกเบาๆทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์

“มีอะไร” ผมถามกลับไปแต่ไม่ได้หันไปมอง

“หิว”


เซนไม่ได้พูดเพียงอย่างเดียว เพราะหลังจากที่ผมได้ยินคำว่าหิวหลุดออกมา ผมถึงกับต้องหันหน้าไปมอง และก็พบเข้ากับสีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาให้เห็นว่า ขณะนี้เซนกำลังหิวจริงๆอย่างที่พูด




จะว่าไปข้าวกลางวันผมก็ยังไม่ได้กินเหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่สำหรับเซนแล้วเท่าที่ผมเห็นตั้งแต่เมื่อเช้า ดูท่าทางคงจะยังไม่ได้กินอะไรมาเลยแน่ๆ เห็นว่าหยิบจับขนมแต่ก็ไม่ได้ซื้อเพราะดันมาขออาศัยที่บ้านด้วยเสียก่อน มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เซนจะบ่นว่าหิว จนออกปากพูดแบบนี้




“ในตู้เย็นน่าจะมีของสด” ผมตอบกลับไปพร้อมกับหันหน้ากลับมาให้ความสนใจโทรทัศน์ที่อยู่ตรงหน้า



อันที่จริงผมก็หิวนั่นแหล่ะ แต่คงจะหิวไม่มากเท่าอีกคนหรอก และอีกอย่างผมกำลังรอให้ใหม่กลับมาบ้านก่อนด้วย เผื่อจะได้ชวนน้องออกไปหาอะไรกินข้างนอกแทนการทำอาหารอยู่ที่บ้านแบบเดิมๆ




ผ่านไปไม่นานดูเหมือนคนที่ทำอาหารเป็น มันกำลังทำอาหารที่ค่อนข้างส่งกลิ่นหอมเกินไป จนผมหลุดออกจากความคิดที่ว่าจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกเสียแล้ว และท้องก็ดันมากู่ร้องเอาตอนนี้อีก และต้นเหตุของความหิวของผมมันต้องเป็นเพราะไอ้กลิ่นอาหารในครัวนั่นแน่ๆ



ซึ่งในตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่บริเวณครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และผมกำลังยืนมองอาหารสองสามอย่างที่กำลังถูกจัดวางเรียงบนโต๊ะตัวยาวทีละจานอย่างไม่เร่งรีบมากนัก ดูก็รู้ว่าไม่ได้ทำเอาไว้เพื่อที่จะกินคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะอาหารแต่ละอย่างล้วนใช้ปริมาณในการทำเผื่อคนสองถึงสามคนด้วยซ้ำ



หนึ่งในนั้นมีอาหารที่ผมชอบมากเป็นพิเศษรวมอยู่ด้วย ถ้าจะบอกว่าไม่อยากกินก็จะโกหกเกินไป เพราะตอนนี้ผมขยับตัวลงมานั่งที่เก้าอี้เป็นที่เรียบร้อย โดยที่ไม่ต้องรอให้มีใครกล่าวเชิญ



“ทำเร็วดี” ผมพูดเรียบๆคลายความเงียบที่กำลังก่อตัวขึ้น ทำให้เซนที่ยืนทำหน้านิ่งผุดรอยยิ้มจางๆบริเวณมุมปากให้เห็น

“ดูเหมือนว่าจะมีอาหารที่พี่ชอบอยู่ในนี้” เซนพูดพร้อมกับส่งจานที่มีข้าวสวยร้อนๆยื่นมาทางผม

“ถือว่าฉลาด” ผมตอบเนือยๆหยิบจานข้าวมาวาง พร้อมกับตักผัดเปรี้ยวหวานตรงหน้าทันที



ในขณะที่กำลังตักอาหารเข้าปากเรื่อยๆ เซนก็ตักนู่นตักนี่ใส่จานผมไม่หยุดหย่อน ส่วนตัวมันเองแทบจะไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลยด้วยซ้ำ เอาแต่มองผมกินและก็ตักใส่จานเรื่อยๆ จนผมทนไม่ไหววางช้อนบนจานกระเบื้องเสียงดัง และจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง



“ไหนว่าหิว เป็นบ้าหรอ!?”

ผมตะคอกพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่ายจนคิ้วขมวดเข้าหากัน ยิ่งเห็นว่ามันไม่ตอบแถมยังยิ้มกลับมามันก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเขาไปใหญ่


“ถ้าไม่กินก็เอาไปเททิ้งให้หมามัน”

“กิน แต่ให้พี่กินก่อน”

“สมองกลับแล้วหรอไง” ผมลุกขึ้นยืนทันทีที่พูดจบและทำท่าจะเดินออกจากโต๊ะกินข้าว แต่กลับถูกเซนรั้งแขนเอาไว้เสียก่อน

“กินอิ่มแล้วก็จะไปเลยหรอ นั่งเป็นเพื่อนตอนผมกินก่อนดิ”


เซนว่าพร้อมกับดึงแขนและรั้งให้ผมนั่งลงที่เดิม แต่เรื่องอะไรผมจะยอม แถมตอนนี้ผมก็อิ่มแล้วด้วย จะให้มานั่งมองคนกินข้าวอย่างที่มันทำนะหรอ ไม่เอาด้วยหรอก ผมไม่ได้บ้า


“ปล่อย”

“นั่งลง”

“ถ้าไม่ปล่อย กูฟาดด้วยจานข้าวจริงๆด้วย” ผมไม่ได้พูดเปล่าแต่มือกำลังคว้าจานข้าวที่ยังคงมีเศษข้าวหลงเหลือติดจานอยู่นิดหน่อยขึ้นมา

“ผมเคยพูดไปแล้วนะว่าไม่ชอบให้พี่พูดกูมึงแบบนี้” เซนพูดพร้อมกับบีบมือที่ช่วงแขนของผมแรงขึ้นจนต้องนิ่วหน้า

“เรื่องของกู” 



หมับ!  เคล้ง!


“อื้อ อึก”


ผมถูกกระชากตัวเข้าชิดกับอกของเซนอย่างแรงจนทำให้จานที่ผมคว้าเอาไว้ร่วงลงกระแทกกับพื้นจนแตก และยังไม่ทันจะผ่านไปเสี้ยววินาที เซนก็พุ่งเข้ามาจู่โจมริมฝีปากของผมอย่างแรง


ในตอนแรกผมถูกกระแทกจูบแค่เพียงผิวเผินภายนอกเท่านั้นไม่ถึงกับสอดแทรกเรียวลิ้นเข้ามาด้านใน แต่เซนยังคงจูบอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ และพยายามที่จะแทรกลิ้นหนาเข้ามาในโพรงปาก ผมทั้งออกแรงพยายามขัดขืน ทั้งผลัก ทั้งทุบเพื่อไม่ให้เซนแทรกลิ้นเข้ามาได้ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความพยายามโง่ๆเท่านั้น



ตอนแรกผมตกใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า แต่พอถูกสัมผัส โดยสัมผัสที่ผมคุ้นเคยมาเป็นอย่างดี จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมคล้อยตามอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน จนในที่สุดก็ไม่มีแม้แต่การขัดขืน


ผมยอมให้เซนแทรกเรียวลิ้นเข้ามาในโพรงปากอย่างว่าง่าย สมองและภาพตรงหน้าที่ผมเห็นเริ่มพร่าเบลอจนแทบมองไม่ชัดว่าอะไรเป็นอะไร มือที่เคยตกหล่นอยู่ข้างลำตัว ขณะนี้มันกำลังวางอยู่บริเวณท้ายทอยของคนตรงหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เพียงแค่เซนที่เป็นฝ่ายรุกเร้าผมเท่านั้น แต่เป็นผมด้วยที่ตอบสนองอีกฝ่ายเช่นกัน


“อือ อึก อื้อ”


ในขณะที่ผมกำลังคล้อยตามไปกับรสจูบที่ห่างหายไปนานของร่างสูงใหญ่ตรงหน้า มือหนาของเซนก็ค่อยๆลูบไล้ลงมาบริเวณช่วงเอวไล่ลงมาจนถึงสะโพก และไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆจนเกือบถึงก้น




   ตึง!


ทว่าทั้งผมและเซนกลับต้องชะงักและหยุดการกระทำจาบจ้วงทันที เพราะขณะนี้ในบ้านของผมไม่ได้มีเพียงแค่สองคนอีกต่อไปแล้ว ทั้งผมและเซนถอนริมฝีปากออกจากกันและหันหน้าไปมองบุคคลที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ผมเห็นท่าทางของเซนกำลังหงุดหงิดไม่น้อยคล้ายกับคนโดนขัดใจ



แต่สำหรับผมกลับไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้ผมกำลังตกใจกับคนที่ผมกำลังมองอยู่มากกว่า ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายว่าอีกฝ่ายจะเห็นอะไรบ้าง แน่นอนว่าทุกการกระทำที่ผมกับเซนเพิ่งทำผ่านพ้นไปเมื่อครู่ ไม่มีทางลอดผ่านสายตาของเด็กคนนั้นไปได้แน่ๆ



ผลั่ก!


“มึงทำอะไรพี่กู!”



ไวกว่าความคิด เพียงแค่ผมถอยห่างออกมาจากเซนเพียงก้าวเดียว ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็ถลาพุ่งตัวเข้าไปกระชากคอเสื้อของเซนอย่างไว และปล่อยหมัดข้างขวากระแทกลงที่ใบหน้าเซนอย่างแรงจนล้มลงไปนอนกับพื้น


ใหม่ทำท่าจะขยับตัวลงไปกระแทกหมัดที่สองซ้ำอีกครั้ง แต่ไม่ทัน เพราะเซนไวกว่า เซนพุ่งตัวขึ้นมาและกระแทกหมัดกลับไปอย่างรวดเร็ว จนผมที่กำลังยืนอึ้งมองเหตุการณ์ตรงหน้ารีบถลาตัววิ่งเข้าไปห้าม


“ไอ้เวร มึง!” 

“หยุดนะ!”


ผมรีบพุ่งเข้าไปห้ามเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แต่ไม่ทันเสียแล้ว เนื่องจากเซนคร่อมทับเด็กชายสวมชุดนักเรียนมอปลายและต่อยไปที่ใบหน้าถึงสองครั้ง


“เซน หยุด! บอกให้หยุดไง!”


ผมเอื้อมมือทั้งสองข้างออกไปผลักคนด้านบนออกและดึงเด็กชายชุดนักเรียนที่กำลังนอนอยู่ขึ้นมายืนข้างลำตัว พร้อมกับเอาตัวเองเข้าไปยืนบัง



“มันต่อยก่อน เมื่อกี้ก็เห็นไม่ใช่ไง!” ร่างสูงตรงหน้ายืนมองมาทางผมด้วยสายตากรุ่นโกรธไม่ยอมง่ายๆและทำท่าเอาเรื่องไม่หยุด


เซนยังคงมองมาทางผมอย่างไม่ละสายตา ในแววเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ผมรู้ว่าเซนกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะในขณะนี้ผม

กำลังยืนปกป้องน้องที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง


“มันต่อยก่อน พี่ก็เห็น”

เซนพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงเบาลงกว่าครั้งแรก คงเป็นเพราะค่อยๆสงบสติอารมณ์ของตัวลง พร้อมกับใบหน้าที่คลายความโกรธลงบ้างแล้ว

“ใหม่ มากับพี่”


ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะหันหน้าไปหาใหม่ที่ยืนอยู่ข้างหลังแทน พร้อมกับเอื้อมมือเข้าไปคว้าข้อมือหนาของเด็กนักเรียนที่ยืนนิ่งด้านหลังให้เดินตามมา





    หมับ!
“จะไปไหน” ต้นแขนอีกข้างของผมถูกรั้งไม่ให้เดินออกไป และคนที่รั้งก็คือเซน ที่กำลังยืนมองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจ ว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้


“จะพาน้องไปทำแผล” ผมตอบกลับไปเสียงเรียบ สายตาก็มองไปที่ข้อมือของตนเอง คล้ายจะให้อีกคนที่กำลังจับอยู่ ปล่อยมันออก


    “ผมก็มีแผล ไม่เห็นหรือไง” เซนพูดและปล่อยมือข้างที่จับผมเอาไว้ พร้อมกับใช้มือที่ใช้จับข้างนั้นยกขึ้นไปชี้บริเวณหน้าด้านซ้ายของตัวเอง


“รออยู่ที่นี่”


ผมส่ายหัวให้กับการกระทำเหมือนเด็กที่เซนแสดงออกมาให้เห็น พร้อมกับเดินจูงข้อมือของใหม่ออกมาและตรงดิ่งไปยังห้องของตนเอง ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะว่าจะทำแผลให้กับใหม่ก่อนและหลังจากนั้นค่อยออกไปทำแผลให้เซนทีหลัง ขืนทำแผลพร้อมกันทั้งสองคน มีหวังได้ต่อยได้ตีกันอีกแน่ๆ



ในตอนแรก ผมโกรธมากที่เซนทำรุนแรงกับใหม่ขนาดนั้น แต่พอหยุดคิดทบทวนเหตุการณ์ดูให้ดีอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เซนพูดกระแทกเสียงใส่ผมว่าตนเองไม่ได้เริ่มก่อน ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เซนบอก จะกล่าวโทษว่าเซนผิดคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะถ้าใหม่ไม่เริ่มต่อยเซนก่อน เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น



หลังจากนี้ ไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะมองหน้ากันติดอยู่ไหม เพราะการพบกันครั้งแรกก็มีเรื่องมีราวกันเสียแล้ว




“ทำไมใหม่ไปต่อยพี่เขาแบบนั้น” 


ผมถามคำถามที่อยากรู้มากที่สุดในตอนนี้ออกไปเพื่อหาคำตอบจากเด็กที่นั่งอยู่ตรงหน้า รอคอยให้ผมทายารักษาบาดแผลบริเวณข้างแก้ม


“เมื่อกี้พี่โดนมันบังคับใช่หรือเปล่า” ใหม่ไม่ได้ตอบคำถามของผม แต่กลับเลือกที่จะตั้งคำถามกับผมแทน


แต่คำถามที่ถามผม มันดันเป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบสักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าผมไม่สามารถหาคำตอบได้ แต่เพราะผมรู้คำตอบดีต่างหาก ว่าแท้จริงแล้วผมไม่ได้ถูกบังคับเลยแม้แต่น้อย


“ว่ายังไงละพี่ จริงๆแล้วพี่โดนมันบังคับใช่ไหม ถ้าใช่ผมจะไปเอาเรื่องมัน” ใหม่ว่าและทำท่าจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งเนื่องจากผมไม่ยอมตอบ



“นั่งลงเลย ไม่ต้องลุกออกไปไหนทั้งนั้น พี่ไม่ได้โดนบังคับ”



ทั้งห้องเงียบลงทันทีหลังจากที่ผมพูดจบ ใหม่ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อจากนั้น เอาแต่มองมาที่ผมไม่ยอมละสายตาไปทางไหน สายตาที่ใหม่มองมามันกำลังสื่อให้ผมเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเสียใจ ผมยอมรับว่าการกระทำแบบที่ผมทำกับเซนมันไม่ใช่เรื่องที่จะรับกันได้ทุกคนขนาดนั้น



แน่นอนว่าใหม่ก็คงจะตกใจไม่น้อยที่จู่ๆผมดันยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมากับบุคคลเพศเดียวกันแบบนี้




“ขอโทษนะ คือพี่---”


“พี่ชอบมันหรอ”


ผมไม่สามารถให้คำตอบได้ ผมเลยเลือกที่จะไม่ตอบ และหันไปสนใจทายาบริเวณข้างแก้มของใหม่แทนการตอบคำถาม โชคดีที่ใหม่ไม่ได้เซ้าซี้เพื่อเอาคำตอบกับผมต่อและปล่อยให้ผมทายาอย่างว่าง่าย



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรทำไมผมถึงไม่พูดปฏิเสธออกไป แต่กลับเลือกที่จะเงียบและไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนพวกนั้นแทน


ในสมองก็พยายามนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา แต่ภาพที่กำลังฉายชัดอยู่ในโสตประสาทดันเป็นภาพที่ผมกำลังจูบกับเซนในห้องครัวเมื่อครู่แทบจะทั้งหมด


ผมไม่ค่อยอยากจะยอมรับสักเท่าไหร่ว่าตัวเองมันดันไปรู้สึกดีกับเซนง่ายๆแบบนี้ ทั้งๆที่ก็ผ่านเรื่องราวพวกนั้นมาแล้วแท้ๆ ผมเที่ยวอุตส่าห์พูดตัดขาดความสัมพันธ์เสียขนาดนั้น แล้วจู่ๆเพียงแค่โดนจูบไปครั้งเดียวกลับไปหักล้างความคิดพวกนั้นไปเสียหมด


พอนึกถึงความจริงพวกนี้ขึ้นมา แทนที่จะรู้สึกสับสน กลับกลายเป็นรู้สึกน่าหัวเราะเยาะตัวเองชะมัด
   


“ผมรู้คำตอบของพี่แล้วล่ะ” จู่ๆใหม่ก็โพล่งพูดออกมาท่ามกลางความเงียบ


“คำตอบ คำตอบอะไร”


ผมยังคงงุนงงอยู่นิดหน่อยว่าตอนนี้เราทั้งสองกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ เพราะเราทั้งสองเว้นช่วงสนทนาไปได้สักพักแล้ว จนทำให้ผมคิดว่าการสนทนาก่อนหน้านี้มันได้จบลงไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น


“ช่างมันเถอะ ว่าแต่เขาเป็นใคร ทำไมถึงได้เข้ามาอยู่ในบ้านได้ละครับ หรือว่าแวะเวียนมาหาพี่เฉยๆ”


“เป็นรุ่นน้องที่มหาลัย พอดีว่าเซนมาเที่ยวน่ะ บังเอิญเจอกันที่หน้าร้านพอดีและตอนนี้ก็ยังหาที่พักไม่ได้เลยขอมาอยู่ด้วย” ผมตอบกลับไปพร้อมกับเอื้อมมือไปเก็บของที่ใช้ทำแผลเข้ากล่องลงดังเดิม


“บังเอิญหรือตั้งใจกันแน่ เอ่อ เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ใหม่รีบปฏิเสธทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นไป ผมได้ยินทั้งหมดนั่นแหล่ะ แต่แค่ไม่แน่ใจว่าใหม่พูดเล่นหรือตั้งใจกันแน่


เพราะคนอย่างเซนไม่มีคำว่าบังเอิญหรอก ทำไมผมจะไม่รู้



“แล้วคืนนี้มัน ...ไม่สิเซนไรนั่นนอนที่ไหนหรอครับ” ทันทีที่ได้ยินคำถามจากใหม่ ผมถึงกับนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบคำถามออกไปด้วยความอึดอัดใจ


“นอนห้องพี่” ผมหันหน้าไปมองอีกฝ่ายที่จู่ๆก็เงียบไป


“เป็นอะไรหรือเปล่า”


“เปล่าครับ”


ใหม่ไม่พูดเพียงอย่างเดียวแต่ทำท่าจะลุกขึ้นด้วย ผมไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดสักเท่าไหร่ และยิ่งต้องมารู้สึกอึดอัดแบบนี้กับใหม่ผมยิ่งไม่ชอบ



ใหม่เป็นคนหนึ่งที่ผมค่อนข้างรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ใกล้ๆ ถึงแม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่อะไรหลายๆอย่างในตัวของใหม่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะแบบนั้นผมถึงได้ไม่อยากให้ตัวเองต้องมามีปัญหากับใหม่ไปด้วยอีกคน


“เดี๋ยวก่อน จะไปไหน” ผมจับข้อมือของอีกฝ่ายทันทีที่ทำท่าจะลุกขึ้น


“พี่ทำแผลเสร็จแล้วนี่ครับ”


“ใหม่...”


“พี่ช่วยตอบคำถามของผมมาข้อนึงได้ไหม” ใหม่หันหน้ากลับมาหาผมอีกครั้ง ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ผมกำลังรอให้อีกฝ่ายถามคำถามผม


“พี่กับคนที่ชื่อเซนเป็นอะไรกัน”
 
“.....พี่กับน้อ-“

“พี่กับน้องเขาไม่จูบกันหรอกนะพี่”


พอได้ฟังประโยคนั้นแล้วผมรู้สึกขมขื่นใจแปลกๆ ภายในใจของผมนึกอยากจะตอบอีกฝ่ายกลับไปบ้างว่าถ้าไม่เป็นผมไม่มีทางเข้าใจหรอก แต่แล้วผมกลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำเดียว ทำได้แต่เพียงหลบเลี่ยงประเด็นไปเป็นเรื่องอื่นแทน


“พี่ว่าเราคุยเรื่องอื่นกันเถอะ”


“ถ้าแม่พี่รู้เรื่องนี้ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เอานะ” ใหม่พูดพร้อมกับถอนหายใจและเดินนำผมออกมา ในขณะที่มือของผมยังคงจับที่ข้อมือของใหม่อยู่ไม่ยอมปล่อย


“เดี๋ยวสิใหม่”



ทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อใหม่เปิดประตูห้องและพบกับเซนที่กำลังยืนรออยู่หลังบานประตู ผมไม่รู้ว่าเซนรออยู่หน้าห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ และได้ยินสิ่งที่ผมกำลังคุยกับน้องไปถึงไหนบ้าง


ตอนนี้ผมให้ความสนใจแค่เพียงว่า ใบหน้าของเซนยังคงมีแผลจากการถูกต่อยอยู่ และยังไม่ได้รับการรักษาอะไรเลยแม้แต่นิด


“ยืนฟังคนอื่นคุยกันหรอครับพี่” ใหม่ว่าพร้อมกับกอดอกและมองไปที่เซน

“...” เซนไม่ได้ตอบแต่เบนสายตามาที่ข้อมือของใหม่และค่อยๆกวาดสายตามองมาที่ผม


ผมรีบปล่อยมือออกจากข้อมือของใหม่ทันที และหลบสายตาเพื่อที่จะได้ไม่เห็นสายตาคู่นั้น ไม่ใช่ว่าผมกลัวแต่เพราะผมไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก เพราะเท่านี้มันก็เกินพอแล้ว


“เป็นเด็กอย่าแก่แดดให้มันมากนัก ถ้าไม่อยากเข้าไปนอนในคุกก็ทำตัวให้มันดีๆหน่อย” เซนหันหน้าไปมองใหม่อีกครั้งและพูดประโยคท้าทายเสียงเข้ม


“ส่วนพี่ ผมเคลียร์ทั้งคืนแน่”


เซนหันหน้ามาทางผมอีกครั้งและก้มหน้าลงมาพูดเสียงเบาข้างๆหู ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องและปิดประตูเสียงดังทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยู่ด้านนอก




จูบเปลี่ยนความรู้สึกมั่กๆ
ใครว่าเซนมันสโต๊กเกอร์บ้าง นี่ว่ามันสโต๊กเกอร์นะ

ถ้าเคยมีโมเม้นชอบคนๆนึงมากๆและอยากรู้ว่าคนๆนั้นชอบอะไร
ชอบกินอะไร พื้นฐานครอบครัวเป็นแบบไหน เราจะเข้าใจเซนเป็นอย่างดีเลย

เซนมันก็แบบนี้แหล่ะจ้า อย่าตกใจที่จู่ๆนางก็รู้โน่นรู้นี่
5555555555555555

มีใครหมั่นไส้น้องใหม่บ้าง อย่าหมั่นน้องเลยนะ
น้องยังเด็ก น้องไม่เข้าใจฟีลชายเลิฟชาย
น้องจะค่อนข้างขัดแย้ง ทั้งๆที่ตัวเองก็ชอบผู้ชาย (เอ๊ะ!?)

เดี๋ยวตอนพิเศษ มี๊จะหาคู่ให้น้องใหม่เองนาจา
ตัดใจจากพี่กัสเสียเถอะลูกรัก 5555555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ให้รูสึกว่ากัส ไม่ค่อยได้เรื่อง
บอกแม่ว่าจะช่วยทำงาน ก็ใจลอย จนแม่เรียก ถึงได้รู้สึกตัว

เซน ก็ง้อจัง
ทั้งที่เริ่มต้นแต่แรกก็ไม่ได้ดี
พอมากิดเหตุการณ์ที่กัสจับได้ มันเลยหมดความรู้สึกดีๆ
หมดความไว้เนื้อเชื่อใจ ทำไงได้ ก็เซนเด็กจริงๆ

ใหม่ ชอบกัสใช่มั้ย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เอาล่ะสิ วุ่นวายน่าดู

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ดีกันไวไวนะ ลุ้นอยู่

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อย่างไง ๆ ก็ไม่ชอบนิสัยเซนอยู่ดี กลับรู้สึกว่าใหม่ดูจะนิสัยโตเกินตัวกว่านะ  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ในใขก็อยากเชียร์ใหม่ ทั้งๆที่เราก็ขึ้นเรือเซนแล้ว  งั้นก็ดีกันไวๆๆนะ เซนก็รักพี่กัสให้มากๆนะ เดี๋ยวก็ใจอ่อนเอง

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เคลียร์กันยังไงจ้ะทั้งคืนเนี่ย

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด