Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 64
โค้งสุดท้าย
ถ้าเปรียบการรอคอยเป็นเหมือนการแข่งรถที่มุ่งสู่เส้นชัย หากแต่มันก็ยังต่างกันตรงที่การรอคอยคือการที่อยู่เฉยๆ เพื่อให้เส้นชัยมาหาเราแทน ส่วนการแข่งรถก็คือเราจะต้องเป็นฝ่ายไปหาเส้นชัยเองไม่ว่าจะผ่านกี่เลี้ยว กี่โค้ง และระยะทางเท่าไหร่ก็ตาม ก็เหมือนตอนนี้ที่รามินทร์กำลังเฝ้ารอเส้นชัยของตนอยู่อย่างอดทน แม้ว่าวันๆ หนึ่งมันจะทรมานมากแค่ไหนก็ตาม...
สี่เดือนแล้ว...ที่เขาไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นหน้าของอินทัช แต่ที่แปลกก็คือความรักที่เขามีต่ออินทัชมันไม่ได้ลดน้อยลงเลย กลับกันแล้วมันยังคงเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ ความปรารถนาต่ออินทัชก็ยิ่งมากขึ้นๆ อีกด้วย
เขาสาบานเอาไว้เลย ว่าถ้าครบห้าเดือนเมื่อไหร่...จะไม่มีคำว่ายั้งเลย
“เป็นยังไงบ้างครับคุณราม” หิรัญเดินเข้ามาทักทายถามไถ่เจ้าของรีสอร์ทที่กำลังเดินตรวจงานอยู่ นอกจากนี้หิรัญก็เห็นว่าตั้งแต่ที่รามินทร์หาย ร่างสูงก็ทำงานแบบไม่ได้หยุดพัก จับธุรกิจใหม่ที่ตัวเองสนใจจะทำมาตั้งนานอย่างบริษัททัวร์ท่องเที่ยว ที่ตอนนี้กำลังสร้างสำนักงานอยู่ตรงที่ที่เขาได้ทำการซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้
“อ้าว? หมอเงิน มาหาขรรค์มันเหรอครับ” รามินทร์ตอบกลับด้วยคำถาม เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากหมอหนุ่มทันที ที่ตัวเองไม่ได้คำตอบ
“ทำไมไม่ตอบคำถามผมล่ะครับ”
“อ้อ! มันต้องตอบด้วยเหรอครับ ผมก็เห็นว่าหมอถามผมแบบนี้ทุกวันเลย”
“ก็ผมอยากรู้คำตอบนี่ครับ”
“งั้นหมออยากรู้ว่าร่างกายผมเป็นยังไงหรือว่าหัวใจเป็นยังไงล่ะครับ”
“แหม...คุณรามก็รู้ๆ อยู่นี่ครับว่าผมอยากรู้เรื่องอะไร”
“หึหึ...สมกับที่เป็นเพื่อนกับไอ้อินได้” ร่างสูงหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้าไปมา
“จะถือว่าเป็นคำชมนะครับ”
“ตอนนี้ใจผมทรมานมากครับ อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง อยากกอด อยากจูบ พอใจหรือยังล่ะครับหมอ ชอบตอกย้ำกันจริงๆ” ประโยคสุดท้ายแอบบ่นเบาๆ
ก็มันจริงอย่างที่พูดนั่นแหละ หิรัญกับขรรค์ชอบมาโชว์หวานให้รามินทร์รู้สึกอิจฉาแล้วก็โมโหเล่นๆ คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกดี อีกทั้งที่ผ่านมาเขาก็คอยปล่อยข่าวว่ามีคนเข้ามาจีบอินทัชบ้างล่ะ อินทัชไปกินข้าวกับคนสวย คนน่ารักที่เป็นลูกค้า แต่เขาก็เอาภาพมาทำให้รามินทร์ดูโดยที่ไม่บอกว่าเป็นใคร ทั้งหมดก็เป็นแผนการทดสอบความอดทนที่อินทัชขอให้หิรัญช่วยเท่านั้นแหละ
แรกๆ รามินทร์โมโหมาก ทั้งทำลายข้าวของแล้วก็จะไปหาถึงต่างประเทศตั้งหลายครั้ง เพราะแต่ละครั้งมันก็ชักจะเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่แค่ไปกินข้าว ก็มีภาพจับมือ กอด ที่คนอื่นดูยังไงมันก็แค่มุมกล้อง ส่วนรามินทร์นี่มองแล้วโกรธ ไม่คิดจะใส่ใจสังเกตให้มันดีๆ สุดท้ายแล้วเขาก็เอาชนะความรู้สึกโกรธพวกนั้นมาได้แล้วไว้ใจ เชื่อใจคนรักให้มากกว่านี้ จนครั้งต่อมาเป็นรูปถูกนัวเนียในผับ รามินทร์ก็พินิจภาพอย่างมีสติ แล้วก็ไม่ได้โวยวายหรือทำลายข้าวของออกมา
นับว่าทั้งหมดก็เป็นไปตามที่อินทัชต้องการเลย...
“ผมทึ่งคุณรามมากเลยนะครับ ที่คุณรามสามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนอารมณ์รุนแรงมาเป็นคนอารมณ์เย็นได้ แต่จริงๆ แล้วคุณก็จะเป็นกับคนที่สำคัญของคุณก็เถอะ แต่ถ้าคุณมาสติมากขึ้นแล้วแบบนี้ ไม่นานอินก็คงจะมาหาคุณเองนั่นแหละ”
“หมอเป็นสายให้มันใช่ไหมครับ” รามินทร์ถาม
“หึหึ แล้วคิดว่ายังไงล่ะครับ” หัวเราะอย่างมีเลศนัย แต่เพียงเท่านี้รามินทร์ก็รู้คำตอบแล้วล่ะว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ที่แท้...ทั้งหมออินทัชก็ใช้ให้หิรัญมาคอยยุยง ใส่ไฟ ซะจนสับสนไปหมด
เขาทำลายข้าวของหมดไปเท่าไหร่ ถ้าให้นับมูลค่าก็หลายหมื่นบาทเลย
“แสบทั้งหมอ ทั้งไอ้อินเลยนะครับ”
“ถ้าไม่ทำแบบนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าคุณรามจะสามารถอดทนได้”
“ผมหัวร้อนขนาดไหนหมอรู้บ้างไหมครับ แทบขาดใจตายแหนะ”
“นั่นเพราะคุณชอบคิดไปเองไงครับ ถ้าคุณใช้เหตุผล หัวคุณก็ไม่ร้อนหรอก” หิรัญพูด ซึ่งรามินทร์ก็พยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วย
ก็จริงอย่างที่หิรัญพูด ถ้าไม่มีเรื่องพวกนั้นเขามา รามินทร์ก็คงไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะผ่านมันไปยังไง จะทดสอบยังไงให้อินทัชเชื่อ...
ความเชื่อใจ...มีสติไตร่ตรองเรื่องราวมากกว่าที่จะใช้อารมณ์ และหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนจะตัดสินใจว่ามันถูกหรือผิด...
“ผมอยากจะโกรธมันนะที่เอาความรู้สึกของผมมาเล่น แต่ว่า...ถ้าไม่ทำแบบนี้ ผมก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้เหมือนกัน ขอบคุณนะครับหมอเงิน”
“ด้วยความยินดีครับ เรื่องสนุกๆ แบบนี้ผมชอบออก”
“หมอเงินติดต่อกับมันอยู่ใช่ไหมครับ มันสบายดีไหมครับ”
“ฮ่าๆ อินสบายดีครับ แต่งานก็เยอะเหมือนเดิม คงไม่มีเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นหรอกครับ แต่ก็มีคนเข้ามาหาเรื่อยๆ ทั้งสวย ทั้งหล่อก็มี เยอะแยะไปหมดเลยตามประสาคนหน้าตาดี” ไม่วายทิ้งระเบิดเอาไว้ให้รามินทร์ต้องรู้สึกกังวลอีก
ร่างแกร่งยืนนิ่งไปเลย ส่วนหมอหนุ่มพูดจบก็ขอตัวไปหาคนรักของตนที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่นักทันที ปล่อยให้เจ้านายของคนรักยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
ไม่ว่าใครก็เป็น...ต่อให้เชื่อใจกันมากแค่ไหน แต่ว่าหัวใจของคนมันก็ไม่แน่นอนเหมือนกัน ขนาดเขาทำเลวเอาไว้กับมันเยอะมากมันยังรักเขาได้ แล้วถ้ามันเจอคนที่ดีกว่านี้ล่ะ...มันจะไม่รักคนนั้นได้ง่ายๆ หรือไง
ขอร้องนะอิน...กูรักมึง กูเชื่อใจมึง...กูจะรอมึง
“ไปแกล้งอะไรคุณรามอีกอ่ะเงิน” ขรรค์ถามคนรักเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางเดินตรงมาหาตนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขเสียจนขรรค์ไม่ไว้ใจ ยิ่งสี่เดือนมานี้ หิรัญชอบแกล้งเจ้านายของเขาแบบหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
“ไม่มีอะไรนี่” หมอหนุ่มตอบพร้อมกับยักไหล่น้อยๆ
“ไม่ชื่อหรอก ก็เห็นๆ อยู่ว่าเพิ่งคุยกับคุณรามเสร็จ แล้วถ้าเงินไม่แกล้งคุณราม คุณรามจะยืนนิ่งแบบนั้นไหมล่ะ พอเถอะน่า อย่าไปทำตามที่อินขอทุกเรื่องเลย สงสารหัวอกคนรอบ้างเถอะเงิน” ขรรค์พูด ออกตัวปกป้องเจ้านายของตนอย่างเต็มที่
“หึหึ เงินก็ไม่ได้ทำตามที่อินบอกทุกอย่างสักหน่อยเพราะถ้าเงินทำทุกอย่างที่อินบอกนะ มันแรงกว่านี้อีก นี่เงินอุตส่าห์ทำให้เรื่องมันเบาลงตั้งหลายเรื่อง แล้วที่สำคัญนะขรรค์...” หิรัญเว้นเอาไว้
“อะไรหรือ?”
“ไม่ใช่แค่คุณรามคนเดียวที่เป็นฝ่ายรอนะ ทางอินเองก็รอเหมือนกัน ทั้งสองคนนี้ต่างก็รอกันทั้งคู่นั่นแหละ อินรักคุณรามมากๆ เลยนะ แต่เพื่ออนาคตที่มันดีกว่านี้ ทั้งสองต้องอดทนให้ได้”
“จะรักกันทั้งทีทำไมมันยากจังเลย” ขรรค์บ่น
“ยากสิ อย่างคู่เราก็ยาก อย่างคู่ของจักรกับน้องจอมก็ยาก ของอินกับคุณรามก็ยาก ทุกคู่เจอเรื่องยากๆ และเจอกับอุปสรรคทั้งนั้นแหละขรรค์ แต่จะเจอแบบไหน...อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คู่นั่นแหละ”
“จริงสินะ”
“ว่าแต่อีกสามวันจะเอายังไงดีขรรค์” ร่างโปร่งบางถามคนรัก
“สามวัน...วันครบรอบน่ะเหรอ เงินอยากจะทำอะไรล่ะ ดินเนอร์ใต้แสงจันทร์ไหม” ขรรค์ถามคนรัก
“จะมีพระจันทร์อยู่เหรอ”
“ไม่มีพระจันทร์แต่ก้น่าจะมีดาวนะเงิน”
“จริงๆ แล้วเงินอยากให้ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีของเราสองคนน่ะ ทั้งอิน คุณราม จักร แล้วก็น้องจอมด้วย อยากพาพ่อกับแม่มาด้วย น้องรักษ์อีก อยากจัดปาร์ตี้เล็กๆ ชวนแต่คนที่เราสนิทก็พอน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องจัดเดือนหน้าแล้วล่ะเงิน เพราะอินไม่ยอมมาเจอคุณรามก่อนห้าเดือนตามกำหนดแน่ๆ”
“นั่นน่ะสิ เอางี้ก็แล้วกัน อีกสามวันเราก็ไปเที่ยวแล้วก็ดินเนอร์แบบที่ขรรค์เสนอนั่นแหละ ส่วนงานฉลองก็ขอเป็นเดือนหน้าก็แล้วกัน อยากให้อินมาด้วยจริงๆ” หิรัญพูดบอกคนรัก ซึ่งร่างสูงใหญ่ก็พยักหน้ารับเป็นระยะ ถ้าหิรัญอยากจะทำอะไร ขรรค์ก็ไม่อยากจะขัดหรอก
ความสุขของคนรัก เขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย
“แบบนั้นก็ได้ครับ”
“งั้นก็ตามนี้เนาะ เงินจะได้โทรคุยกับอินก่อนว่าจะเอายังไง แต่ขรรค์ไม่ต้องบอกคุณรามนะ เผื่อว่าอินเขาอยากจะเซอร์ไพรส์อะไร”
“ได้ครับเงิน ขรรค์จะไม่บอกใครเลยจนกว่าเงินจะสั่ง”
“ดีมากเด็กดีของเงิน” มือขาวเอื้อมไปลูบผมดำเบาๆ ส่วนคนตัวสุงกว่าก็ย่อตัวลงมาหอมแก้มสะอาดเบาๆ อย่างหมั่นไส้...
อยากฟัดให้จมเขี้ยวเลยล่ะ
“แล้วนี่เงินมาหาขรรค์มีอะไรหรือเปล่า” ร่างสูงใหญ่ถามคนรัก
“เงินเบื่อๆ น่ะ ก็เลยมาหาขรรค์ดีกว่า”
“งั้นจะนั่งดูขรรค์ปลูกต้นไม้อยู่แถวนี้ไหมล่ะ?”
“เงินช่วยได้ไหม” ถามคนรักออกไปอย่างสนอกสนใจจริงๆ
เพราะไม่ค่อยมีเวลาให้หมอมาทำอะไรแบบนี้หรอก ยิ่งช่วงนี้หิรัญมีแผนที่จะทำคลินิกเป็นของตัวเองแถวๆ นี้อยู่ด้วย กำลังอยู่ในช่วงของการสำรวจพื้นที่แล้วก็ที่ดิน เพราะหิรัญตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตกับขรรค์ ส่วนลูกชายถ้าถึงวัยเรียนเมื่อไหร่ก็จะให้มาเรียนที่นี่ดีกว่า ไม่เสี่ยงด้วย...
“อยากทำเหรอ” ขรรค์เลิกคิ้วถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใบหน้าหล่อพยักหน้าแรงๆ อย่างกระตือรือร้น ซึ่งขรรค์เองก็ยิ้มออกมาแล้วจับมือคนรักให้เดินตามกันไปตรงจุดที่เขากำลังจะเอาต้นไม้ลง
ความรักที่เป็นไปแบบเรื่อยๆ ธรรมดาๆ ไม่มีอะไรหวือหวา มีเงินมากขนาดไหน ก็ยังใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย พวกเขาสองคนก็มีความสุขมากพออยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งบำเรอความสุขสบายอะไรมากนัก มีเท่าที่มันจำเป็นก็พอ นอกนั้นเราก็ทำเอง ปลูกเองได้ก็ทำดีกว่า นอกจากประหยัดแล้วก็ยังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย และยังสานสัมพันธ์ของเราให้แน่นแฟ้นกว่าเดิมได้อีก
“แน่ใจ? ขรรค์กลัวเงินเบื่อ”
“ได้อยู่กับขรรค์ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีความสุขทั้งนั้นแหละ ขนาดนั่งอยู่นิ่งๆ เงินยังมีความสุขเลย เพราะฉะนั้นก็ดีกว่าที่เงินต้องนั่งอยู่บ้านคนเดียวล่ะนะ”
“งั้นเราช่วยกันดีกว่านะ”
“อื้อ...”
เพราะสิ่งที่ทำร่วมกันมักมีค่าเสมอ...
...
...
“เดือนหน้าเหรอหมอ? ผมมีเดินทางไปต่างประเทศอาทิตย์หนึ่งน่ะ หมอจะจัดวันไหนล่ะครับ จะให้คุณวัลย์ดุว่ามีงานอะไรที่ยังไม่ได้ลงในตารางงานหรือเปล่า” อินทัชที่นั่งดูตารางงานของตัวเองอยู่ตอบปลายสายกลับไป
หิรัญโทรมาหาอินทัชเพื่อชวนให้ไปงานเลี้ยงปีที่สิบที่คบกัน
(อินว่างวันไหนล่ะครับ)
“อ้าว? ทำไมขึ้นอยู่ที่ผมล่ะ หมอก็จัดไปเลยสิครับ เสียเวลาเปล่า”
(ผมอยากให้มีเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างอินมาร่วมงานด้วยไงครับ)
“อ่า...งั้นก็ได้ครับ”
(แล้วนี่อินคงไม่ได้ลืมใช่ไหมว่าเดือนหน้าจะครบห้าเดือนแล้ว ตอนนี้คุณรามก็ดีขึ้นมาเลยนะครับ ทั้งนิ่งแล้วก็ใจเย็นเรื่องของอินมากแล้วด้วย)
อินทัชครางเบาๆ เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนสัญญาว่าจะไปหารามินทร์เมื่อครบกำหนด แต่เดือนหน้างานเราก็เยอะจริงๆ นั่นแหละ...ทำงานหนักจนลืมไปเลย
“จริงสินะครับ”
(ลืมจริงๆ เหรอครับ)
“ฮะๆ” ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ส่งไปเพราะพูดอะไรไม่ถูก
(คุณรามรู้มีหวังน้อยใจแน่ๆ เลยล่ะครับ)
“มันเป็นยังไงบ้างล่ะหมอ”
(เขาบอกว่าใจเขาทรมานมากครับ คิดถึง อยากกอด อยากจูบ หายไปนานๆ ระวังนะครับ เขาจะเจอคนใหม่)
อินทัชคิดตามแล้วก็กลัวขึ้นมาจริงๆ ความจริงแล้วที่อินทัชลืมไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจรามินทร์นะ คิดถึงมากๆ เหมือนกัน ทรมานเหมือนกัน ก็เลยเลือกทำงานหนักๆ วุ่นๆ ยุ่งๆ ไม่ให้มีเวลาไปนั่งคิดถึง เพราะเขาเป็นคนขี้ใจอ่อนเพราะฉะนั้นเขาก็จะไม่ตามข่าวของรามินทร์มากนัก แต่ส่งบททดสอบไปให้หิรัญบ่อยๆ ส่วนรายงานผลก็ให้แค่บอกว่าดีหรือไม่ดีเท่านั้น
ไม่งั้นใจอ่อนตั้งแต่เดือนแรกแน่ๆ
“หึหึ งั้นก็ปล่อยให้มันทนไปก่อน รอมาได้ถึงห้าเดือนจะรออีกไม่กี่วันจะเป็นไงไป”
(แล้วสรุปว่าได้วันไหนล่ะอิน)
“เดี๋ยวให้คุณวัลย์ดุให้ก่อนแล้วจะโทรกลับไปนะหมอ”
(โอเคๆ ได้เลย งั้นแค่นี้นะอิน ไม่รบกวนแล้ว ทำงานต่อไปเถอะ)
“ครับๆ กระผมจะติดต่อไปให้เร็วที่สุดนะครับ”
ร่างโปร่งวางสายจากหิรัญแล้วเดินออกไปข้างนอกหาวัลย์ลิกาเลขาของตนทันที
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณอิน”
“ช่วยดูให้หน่อยว่าเดือนหน้ามีวันไหนที่ผมจะหยุดได้ห้าวันไหม”
“ท่านจะไปไหนคะ”
“พักผ่อนน่ะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะดูให้ คุณอินเข้าไปรอให้ห้องก็ได้นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเข้าไปแจ้งอีกที ขอเวลาเช็คสักครู่หนึ่งนะคะ” อินทัชพยักหน้าเข้าใจ
“งั้นเดี๋ยวผมกลับมาก็แล้วกัน จะไปหาอะไรดื่มข้างล่าง”
“ให้ดิฉัน...”
“ไม่เป็นไร ผมอยากจะไปซื้อเอง จะได้ยืดเส้นยืดสายด้วย นั่งอยู่กับที่เบื่อแย่เลย” อินทัชรู้ว่าวัลย์ลิกาจะพูดอะไรก็เลยรีบพูดตัดหน้าไปก่อน
เลขาของเขาเองก็งานเยอะไม่ต่างจากคนเป็นเจ้านายเท่าไหร่หรอก เหนื่อยก็เหนื่อยด้วยกัน ไม่ได้นอนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน แต่ถ้าได้นอนก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป...
ไปถึงสามสิบนาทีอินทัชก็กลับมา วัลย์ลิกาก็รีบตอบร่างสูงโปร่งผู้เป็นเจ้านายทันที
“คุณอินคะ เดือนหน้าเห็นทีว่าจะไม่มีวันหยุดให้ได้ถึงห้าวันค่ะ แต่ถ้าต้นเดือนมิถุนายนเดือนถัดไปวันที่ห้าถึงสิบสามารถหยุดได้ค่ะ”
“ไม่มีเลยเหรอครับ”
“ค่ะ เพราะมีคิวงานเอาไว้ล่วงหน้าแล้วสามเดือนค่ะ ไม่สามารถเปลี่ยนกำหนดการต่างๆ ได้แล้วค่ะคุณอิน”
“โอเคครับ งั้นวันที่ห้าถึงสิบไม่ต้องรับงานหรือนัดผมวันนั้นก็แล้วกัน เอาหลังจากห้าวันนี้เป็นต้นไปได้เลยครับ ผมจะหยุดพัก”
“ได้ค่ะคุณอิน”
“งั้นทำงานต่อเถอะครับ ผมขอตัวก่อน”
“ค่ะ”
อินทัชกลับเข้าห้องทำงานไปแล้วต่อสายหาหิรัญทันที...
“ว่าไงครับอิน” หิรัญที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่กับคนรักรับสายของอินทัชทันที ขรรค์ให้ความสนใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปกินข้าวของตัวเองต่อ
(เดือนหน้าไม่ได้เลยครับ แต่ต้นเดือนถัดไปได้ วันที่ห้าถึงสิบผมจะหยุดวันนั้นครับ)
“เหรอครับ แบบนี้คุณรามลงแดงตายแน่ๆ เลย”
(ก็ให้มันรอต่อไปเถอะครับ ดีออกจะได้เซอร์ไพรส์ด้วย)
“แต่มันนานไปหรือเปล่าครับ ตั้งอีกสามเดือนแหนะ สงสารคุณรามแย่!!” หิรัญพูดเสียงดังผิดปกติ ประโยคของร่างโปร่งทำให้ปลายสายรู้สึกสงสัยว่าทำไมหิรัญถึงพูดแบบนั้น
(อะไรครับเนี่ย?)
“คุณรามแอบฟังอยู่ครับ” หิรัญกระซิบเสียงเบา ก่อนจะพูดเสียงดังขึ้นมาอีก “โห...นานไปแล้วล่ะครับ รวมๆ แล้วก็แปดเดือนเลยนะครับ สงสารคุณรามออก” หิรัญยังคงแสดงละครต่อไป โดยมีปลายสายหัวเราะออกมาน้อยๆ กับความขี้แกล้งของหิรัญ
ส่วนรามินทร์ที่ยืนฟังอยู่ก็ใจแป้ว ใจหดหู่ไปแล้วเรียบร้อยที่ได้รู้ว่าอินทัชไม่ว่าอีกสามเดือนเลย แต่พอคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายหาก็น่าจะได้เพราะมันครบกำหนดห้าเดือน เขามีสิทธิ์ คิดแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างใจชื้นหน่อยๆ หากแต่ก็ถูกฉุดลงเหวอีกครั้งกับคำพูดของหิรัญที่พูดออกมา
“อะไรนะครับ!! แบบนี้ก็ไม่ให้คุณรามไปหาด้วยสินะครับ อ๋อ...ให้ผมบอกคุณรามไปเลยว่ากติกาเดิมใช่ไหมครับ”
(ฮ่าๆ ไม่คิดว่าหมอจะขี้แกล้งขนาดนี้นะครับ)
“นิดหนึ่งน่า” แอบกระซิบตอบเบาๆ แต่การกระทำดังกล่าวก็ไม่รอดพ้นหูและตาของคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหรอก...
ขรรค์ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่คิดจะขัดคนรัก ปล่อยให้หิรัญสนุกกับการแกล้งเจ้านายของเขาต่อไป ทางนี้ไม่เห็นหรอกว่าเจ้านายของตนอยู่แถวนี้ แต่การที่คนรักของเขาพูดแบบโอเวอร์ขนาดนี้แสดงว่ากำลังแกล้งอยู่
การพูดแบบนี้มันผิดวิสัยของหิรัญสุดๆ เพราะฉันถ้าไม่ใช่คนที่รู้จักดีจะไม่สึกถึงความผิดปกตินี้หรอก
“พอได้แล้วเงิน กินข้าวๆ” ขรรค์รีบเรียกคนรัก ซึ่งใบหน้าหล่อก็พยักหน้ารับน้อยๆ แล้วเอ่ยลาคนปลายสายเสียงดัง...
“โอเค ตามนั้นก็ได้อิน แค่นี้ก่อนนะ อีกสามเดือนเจอกัน!!” ร่างโปร่งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วลงมือทานข้าวเที่ยงต่อ ส่วนรามินทร์ก็รีบเดินหนีออกไปจากตรงนั้น
มันไม่ใช่ความรู้สึกโกรธ โมโห...
แต่มันผิดหวัง...เหมือนว่าเส้นทางที่เขากำลังเดินอยู่นี้มันพังจนต้องเปลี่ยนเส้นทาง ซึ่งเส้นทางนั้นก็ดันเป็นเส้นทางอ้อมที่ทำให้เส้นชัยมันไกลกว่าเดิม...
“ฮ่าๆ”
“ไปแกล้งคุณรามทำไมน่ะเงิน คิดถึงจิตใจของคุณรามบ้างสิ”
“เอาน่า มันเป็นการฝึกความอดทนไงขรรค์ เงินก็แค่ช่วยเท่านั้นเอง”
“เฮ้อ...จริงๆ เลยนะ”
“หึหึ...ขรรค์ไม่รู้อะไร” คนรักพูดเป็นนัย ทำให้ขรรค์เกิดความรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา ว่าไอ้ที่บอกว่าเขาไม่รู้ เขาไม่รู้เรื่องอะไรกันแน่ เพราะขรรค์มั่นใจว่าตัวเองรู้จักกับรามินทร์ดีกว่าที่หิรัญรู้จักแน่ๆ
“อะไร?” ใบหน้านิ่งๆ แสดงถึงความสนใจอย่างเต็มที่
“ก็คุณรามเขาเป็นคนรักแรง เกลียดแรงใช่ไหมล่ะ”
“อื้อ...แล้วยังไงล่ะเงิน”
“พอคุณรามเขาอดทนมากๆ เก็บกดมากๆ เวลาได้ปลดปล่อย ขรรค์ก็คิดดูสิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ร่างโปร่งทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ตอนแรที่เขาฟังขรรค์ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่พอเห็นหน้าของคนรักเท่านั้นแหละ ขรรค์รู้เลยว่า สิ่งที่หิรัญพูดมา มันหมายุคงเรื่องอย่างว่าทั้งหมด
“เงิน!! ทำไมถึงพูดจาแบบนี้ล่ะฮึ?” ขรรค์ทำหน้าดุคนรัก ซึ่งหมอหนุ่มก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย กลับกันแล้วยังยิ่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเพิ่มอีกด้วย
ขรรค์ชอบทำเป็นอายเวลาที่หิรัญพูดถึงเรื่องใต้สะดือ ทั้งๆ ที่พอตอนทำก็ทำไม่ยั้ง รุนแรงยิ่งกว่าคำพูดที่เขาพูดออกมาอีก แบบนั้นล่ะไม่อาย...
“ฮ่าๆ ก็เงินพูดจริงนี่นา คนที่เงินแกล้งไม่ได้มีแค่คุณรามสักหน่อย เงินเองก็แกล้งอินด้วยเหมือนกัน ตอนที่อินมานะ เงินว่าอินต้องลุกไม่ขึ้นแน่ๆ เพราะฉะนั้นเราต้องจัดกันวันแรกที่อิน จักรแล้วก็น้องจอมมาถึงเลยก็แล้วกันเนอะ ส่วนวันอื่นๆ ก็คงต้องปล่อยให้เขาสองคนอยู่ด้วยกัน...” หมอหนุ่มวกกลับมาเรื่องงานของเราสองคนได้อย่างแนบเนียน ซึ่งทำเอาขรรค์เองก็หันมาสนใจเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน
“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ”
“เงินโทรชวนแล้ว เดี่ยวจะโทรบอกวันที่ไป งั้นวันนั้นต้องสนุกแล้วก็มีความสุขมากแน่ๆ เลยล่ะ”
หิรัญนึกภาพวันนั้นเอาไว้ในหัวอย่างมีความสุข ทุกคนที่เขารักจะมาพร้อมหน้าพร้อมตากันร่วมแสดงความยินดีกับความรักของพวกเขา แล้วก็กว่าจะผ่านอุปสรรคจนได้อยู่ด้วยกัน จริงๆ แล้วอาจจะรียกว่างานแต่งงานก็ได้ แต่ก็ไม่ได้มีพิธีอะไร แค่จะทำบุญบ้านในตอนเช้า แล้วก็มีเลี้ยงฉลองเฉพาะคนที่ชวนมาเท่านั้น
แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับเราสองคนแล้ว...
...
...
...
มีต่อ