ภาค 11 คืนวันเสาร์ เข้าเช้าวันอาทิตย์
เขาว่ากันว่า ความสดใสร่าเริงของเด็กมักจะเป็นมนตราพลังวิเศษทำให้ผู้ใหญ่ลืมปัญหา ลืมสิ่งที่กังวลหรือแม้กระทั่งลืมความโกรธ ฉันทัชเองก็ตกเป็นเหยื่อของเวทมนตร์นั้นเช่นกัน ในขณะที่ฉันทัชโมโหแทบขีดสุด จนอยากจะจ้างมือปืนไปยิงปาณัสม์ทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น เด็กหญิงศราลักษณ์ก็เข้ามาเยียวยาจิตใจของคุณอาจันทร์ให้เย็นลง ราวกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยไปตามลำธาร
ฉันทัชลืมความรู้สึกที่เกิดขึ้นในคอนโดเสียหมดสิ้น เมื่อหลานสาวแสนสดใสชวนอาจันทร์เล่นเกมส์บอร์ดอย่างสนุกสนาน ยอมรับว่าเจ้าเกมส์บอร์ดนี้ช่วยให้สมองของชายหนุ่มได้หยุดพักเรื่องแย่ๆ มาเจอกับความสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
กระทั่งได้เวลาเข้านอนของเด็กหญิง สองอาหลานต่างสายเลือดกอดหอมจนพออกพอใจแล้ว น้องปัณณ์จึงยอมหลับไปแต่โดยดี เวลานี้ฉันทัชจึงว่างที่จะมาจับโทรศัพท์อีกครั้ง ข้อความมากมายถูกส่งผ่านมาทางแอปพลิเคชันสีเขียว ฉันทัชจึงค่อยๆ กดเข้าไปดูทีละข้อความ
Yo!! : เบื่อว่ะ อยากเปลี่ยนงาน
-AorAae- : เป็นอะไรไอ้โย ก็เพิ่งเปลี่ยนงานมาไม่ใช่เหรอ
MethaVee
: ใช่ ถูกอย่างนังอ้อพูด ไอ้โย ที่ใหม่แกยังไม่ผ่านโปรเลยไม่ใช่เหรอวะ
Praewa : เป็นอะไรอยากเปลี่ยนงาน
Yo!! : ไม่รู้ว่ะ พูดยาก งานมันก็ดีนะเว้ย แต่รู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่
Praewa : ยังไง
Praewa sent a photo
-AorAae- : อีนี่อวดลูกอีกละ เออๆ ทำไมวะไอ้โย ไหนเหลามาดิ๊
MethaVee
: น้องใยไหม ไว้ป้าจะไปเที่ยวหานะ ลูกนังแพรน่ารักเหมือนเคย ช่างต่างกับแม่มันลิบลับ ไอ้โย มึงช่วยเล่ามาเร็วๆ ถ้ายังอมพะนำอยู่จะไม่ฟังแล้วนะ
Yo!! : คืองี้ งานมันได้แหละ กูทำได้ กูเข้าใจ เรื่องงานกูไม่ติดอะไร แต่เพื่อนร่วมงานดิ พวกมึงเข้าใจปะ ว่ากูเป็นผู้ชาย แต่พอกูไปนั่งทำงานในดงผู้หญิง เขาก็พากันคิดว่ากูคงเป็นตุ๊ดแต๋วอะไรแบบนี้ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นไง พวกมึงก็รู้
-AorAae- : ไม่ กูไม่รู้ มึงไม่ได้เป็นตุ๊ดเหรอ
MethaVee
: พอๆ นังอ้อ นี่ก็อีกไปแซวไอ้โย ดูมันจะเครียดจริงอยู่นะเว้ย
Praewa : ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้เรียนอักษร คณะที่หาชายแท้ยากล่ะ
Yo!! : ยากอะไร ก็ไอ้เทมส์ไง มันก็เรียนเหมือนกู
-AorAae- : ขอโทษว่ะเพื่อน อย่างไอ้เทมส์ กูไม่อยากจะนับว่ามันเป็นชายแท้
CHAN_P : นินทาเราเหรอ
ฉันทัชอ่านมาถึงบรรทัด อดไม่ได้ที่จะต้องแสดงตัวออกไป กลุ่มเพื่อนของเขามีสรรพนามการเรียกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเสียจริง
โย หรือ Yo!! เนี่ยเป็นชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ชอบผู้หญิงจนแทบจะคลั่งไคล้ แต่เพราะมาเลือกเรียนคณะอักษรศาสตร์ จึงไม่แปลกที่จะถูกเหมาว่าไม่ได้มีใจเป็นชาย
อ้อแอ้ หรือ -AorAae- สาวเปรี้ยวประจำกลุ่ม ติดจะปากหมาด้วยซ้ำ
เม เมธาวี หรือ MethaVee
สาวห้าวประจำกลุ่ม มีเรื่องอะไรบอกเจ๊เม เดี๋ยวเจ๊จัดให้
ส่วน แพรวา หรือ Praewa น่าจะพอรู้จักกันแล้วใช่ไหม ดูจะมีสติสมประกอบมากที่สุดในที่นี้
-AorAae- : ยังไม่ทันจุดธูปเรียกเลย มันมาได้ไงวะ
CHAN_P : อย่าลืมส่งเครื่องเซ่นเป็นเงินมาด้วยล่ะ เลขที่บัญชีนี้
CHAN_P sent a photo
MethaVee
: ไอ้นี่ ตั้งแต่ออกมาทำงาน งกเป็นบ้า
CHAN_P : เออ แล้วขอบอกไว้เลย เราเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายเฉยๆ เว้ย ผิดหรือไง
-AorAae- : กูไม่นับ ไว้มึงยอมมานอนกับกูเมื่อไหร่ กูถึงจะยอมรับ
ฉันทัชยิ้ม ตั้งแต่ปีหนึ่ง เจอหน้ากันครั้งแรก อ้อแอ้ก็จะจับเขาทำสามีเสียแล้ว โชคดีที่เขาไหวตัวทันได้แพรวามาคอยกันท่าให้ จึงรอดมาได้
CHAN_P : คงต้อง...ชาติหน้า
-AorAae- : โอ๊ย เจ็บ
Praewa : นอกเรื่องกันไปใหญ่ ไอ้โย สรุปจะเอาไง
MethaVee
: เจอหน้ากันดีกว่า มันไม่ได้ฟีล
Yo!! : เอาๆ กูเอา
-AorAae- : วันไหน
CHAN_P : เลือกมาละกัน เราได้หมด
ฉันทัชตอบเพียงเท่านั้นเพราะอีกสักพักแหละ เพื่อนของเขาถึงจะได้ข้อสรุป พอเข้าสู่ช่วงวัยทำงานแล้ว มันไม่ใช่ว่าปุบปับจะนัดเจอก็สามารถทำได้เลย บางคนติดงาน ติดประชุม อยู่ทำโอ ยิ่งคนมีครอบครัวแล้วอย่างแพรวากับเมธาวีก็อาจจะต้องถามความเห็นของคนร่วมบ้านอีก
เขาเลื่อนนิ้วมือขึ้นไปเพื่อไล่ข้อความด้านล่าง จึงเจออีกหนึ่งชื่อที่คุ้นตา
อ้าว ทักมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
CHAN_P : ครับ?
David Lee : โอ้โห ผมทักคุณไปตั้งแต่เช้า นึกว่าคุณจะไม่ตอบเสียแล้ว
CHAN_P : ขอโทษทีผมเพิ่งเห็นน่ะ
David Lee : สำหรับคุณแล้ว ผมไม่โกรธหรอก ขอแค่คุณยังคุยกับผมก็พอ
CHAN_P : มุกเลี่ยนๆ อีกแล้วนะครับ
David Lee : ผมพูดจริงๆ นะครับ แล้วผมมีสิทธิ์จีบคุณนะ คุณไม่ได้แต่งงานจริงเสียหน่อย หลอกผมเสียได้
CHAN_P : แล้วทักมา มีอะไรหรือเปล่า
David Lee : อ้อ คุณเห็นข้อความข้างบนที่ผมส่งไปไหม
ฉันทัชเลื่อนข้อความขึ้นไปอ่าน จึงเห็นว่า เดวิด หลี่ หรือ หลี่หยางเซิง ลูกชายท่านประธานหลี่ ทักมาถามว่า ฉันทัชหรือเยว่ซิน คนนี้จะมาฮ่องกงวันไหน
อ้อ...อาจจำกันไม่ได้ คนคนนี้คือที่ฉันทัชเจอกับอีกฝ่ายครั้งแรกที่ผับในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้วน่ะ หลังจากที่ฉันทัชทำงานกับก้องภพก็ได้พบพ่อหนุ่มหน้ามนคนนี้บ่อยขึ้น
CHAN_P : ครับ เห็นแล้ว
David Lee : คุณจะมาเมื่อไหร่ครับ
CHAN_P : ผมไม่รู้ว่าจะมีการไปฮ่องกงเร็วๆ นี้ด้วย
David Lee : คุณต้องมาแน่นอนอยู่แล้ว ผมอุตส่าห์บอกให้พ่อชวนทั้งบอสคุณและคุณมาด้วยเลยนะ
CHAN_P : หืม?
David Lee : อย่าทำเหมือนจับผิดผมสิครับ ผมคิดถึงคุณนะ อยากให้คุณมานะ เยว่ซิน
CHAN_P : เรียกเทมส์จะสะดวกกว่านะครับ
David Lee : เมื่อไหร่จะใจอ่อนกับผมเสียที รู้ไหม ผมชอบคุณจริงๆ นะ
CHAN_P : เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
David Lee : เอาล่ะๆ ผมจะตื๊อจนกว่าคุณจะใจอ่อน ถ้าคุณได้วันที่แน่นอนแล้วต้องบอกผมด้วยนะครับ
CHAN_P : ตกลงครับ
David Lee : ผมคิดถึงคุณนะ
CHAN_P : ฝันดีครับ
ฉันทัชสลับไปดูกลุ่มเพื่อนว่าตกลงเรื่องวันที่ได้หรือยัง ผลว่าเพื่อนของเขายังเลือกวันที่ไม่ได้เลย ชายหนุ่มอมยิ้มให้กับความวุ่นวายที่เขาไม่นึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย
เรื่องที่ลูกของประธานหลี่มาชอบพอในตัวเขานั้น อินทัชยังไม่รู้เรื่องและฉันทัชก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง เพราะโอกาสที่หลี่หยางเซิงจะได้แสดงออกว่าชอบเขาต่อหน้าอินทัชนั้นยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย อินทัชรับรู้แค่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกหลานบ้านไหนก็เท่านั้น
เขานึกถึงข้อความของคุณชายหลี่ที่ถามว่าเมื่อไหร่เขาจะใจอ่อน นั่นสิ คนจะใจอ่อนได้นั้นต้องเกิดจากอะไร ความรู้สึกที่เรียกว่ารักใช่หรือเปล่า เพราะถ้าไม่รักก็คงไม่มีวันใจอ่อนใช่ไหม
ในอดีตปาณัสม์ตามจีบเขาหนึ่งปี ช่วงเวลาพอๆ กับคุณชายหลี่นี่แหละ ในตอนนั้นตัวฉันทัชมีบินตลอด โอกาสเจอกันน้อย ส่วนปาณัสม์เรียนอยู่ที่นิวยอร์ค โอกาสยิ่งเจอกันนั้นยากเพิ่มขึ้นไปอีก สมัยก่อนยังไม่มีโทรศัพท์ที่ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน ต้องอาศัยเทคโนโลยีอันสุดแสนจะเชยมาออนสไกป์หรือเอ็มเอสเอ็น จะคุยกันแต่ละทีนั้นยากเย็นแสนเข็ญ
แล้วทำไมเขาถึงรับรักปาณัสม์ ทำไมถึงยอมตกลงเป็นแฟน
ฉันทัชอยากจะหัวเราะออกมา ก็เพราะความรักไง
...
“ทำไมไม่ให้ไปรับที่ทำงาน” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่มานั่งลงข้างกายอินทัชที่กำลังนั่งอยู่ในร้านประจำของเจ้าตัว
“ไม่เป็นไร ขี้เกียจรอ”
“แน่ใจ หรือกลัวเป็นข่าว?”
“ฉันไม่ได้ดังขนาดนั้น”
“นางแบบโกอินเตอร์นี่น่ะเหรอ ไม่ค่อยดัง” ทางนั้นย้อนถามกลับ
“คุณก้อง มีเรื่องอะไรถึงนัดฉันมาที่นี่” อินทัชไม่อยากเสียเวลา จึงเดินหน้าเข้าสู่คำถามทันที
“กินอะไรมาหรือยัง” ก้องภพไม่ตอบคำถาม เลือกถามคำถามใหม่แทน
“กินมาบ้างแล้ว”
“สั่งอะไรมากินอีกหน่อยสิ” ชายหนุ่มพูด แต่ฟังดูเหมือนเป็นคำสั่งเสียมากกว่า
“ไม่เอา ไดเอ็ทอยู่”
“พวกสลัดหรืออะไรก็ได้ สั่งมากิน”
“นี่ พูดเข้าเรื่องเลยไม่ได้หรือไง” อินทัชปฏิเสธ
“ผมสั่งให้ละกัน” ก้องภพไม่รอคำตอบ เรียกพนักงานมาสั่งอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว อินทัชเลยต้องตามน้ำ ปล่อยเลยตามเลย
“เสร็จแล้วใช่ไหม เข้าเรื่องได้หรือยัง” อินทัชเร่งพลางสบตากับคนข้างกายนิ่ง
“กินก่อน ค่อยคุย จะรีบไปไหน”
“ฉันทำงานมาเหนื่อย อยากกลับบ้านแล้ว” หญิงสาวเอาเรื่องงานมาเป็นข้ออ้าง
“ผมรู้ว่าคุณไม่พอใจผมเรื่องน้องกาย”
“ใช่ รู้ตัวก็ดี” อินทัชยอมรับ
“เรื่องนี้ผมไม่มีคำแก้ตัวใดๆ” ก้องภพบอก
“คุณไม่เคยเห็นแววตาสีหน้าของลูกชายคุณเลยใช่ไหม ว่าเขาผิดหวังแค่ไหน แต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง เขาอายุแค่แปดขวบเองนะคุณก้อง คุณจะให้เขาเข้มแข็งเท่าคุณได้ยังไง” อินทัชพูดเสียยืดยาว
“ผมอธิบายเรื่องนี้กับลูกไปแล้ว”
“เขาเข้าใจ ไม่ได้แปลว่าจิตใจของเขาจะเข้าใจนี่ ฉันรู้ว่าคุณเป็นผู้ชายเลือดเย็นที่มีน้องกายเพียงเพื่อให้สมใจคุณแม่ของคุณ แต่แบบนี้มันไม่โหดร้ายกับเด็กไปหน่อยหรือ”
“ผมรักน้องกายนะ”
“รักแค่คำพูด ฉันถือว่าคุณไม่ได้รักลูกเต็มร้อยหรอกค่ะ!” อินทัชกระแทกเสียงในพยางค์สุดท้าย
“ไม่เอาสิ ทำประชดผมแบบนี้ ไม่น่ารักเลย”
“มันเรื่องของฉัน”
“ให้ผมทำยังไงดี ไหนคุณลองแนะนำผมหน่อย”
“คุณรู้ทุกอย่างดีอยู่แล้วคุณก้อง ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างฉันต้องมาบอกหรอก”
“งั้นหรือ”
“ใช่” อินทัชตอบโดยไม่หันไปมองก้องภพ
“ถ้าเป็นคนนอก ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ”
“เอ๊ะ! คุณ”
“จริงไหมครับ” ก้องภพยิ้ม
อินทัชไม่มีโอกาสได้เถียงกลับเพราะในจังหวะนั้นพนักงานก็นำสลัดจานใหญ่มาเสิร์ฟให้พอดี หญิงสาวจึงต้องสงบปากด้วยไม่อยากให้คนอื่นมาได้ยินว่าเขากำลังทะเลาะกับผู้ชายคนข้างๆ คนนี้
“กินเถอะ คุณอาจจะหิว เลยโมโหง่ายไปหน่อย” ก้องภพแนะนำ ในส่วนของชายหนุ่มก็มีอาหารง่ายๆ มารองท้องด้วยเช่นเดียวกัน
“คุณช่วยคิดถึงใจน้องกายบ้างก็แล้วกัน” ท้ายที่สุด อินทัชก็เสียงอ่อนลงพลางพูดในสิ่งที่เจ้าตัวคิด
“ผมจะคิดถึงใจของลูกให้มากๆ รวมถึงใจของคุณด้วย ดีไหม”
“เรื่องของฉันน่ะ ไม่เป็นไร”
“ถ้าไม่เป็นไร คุณจะโกรธผมขนาดนี้หรือ” ก้องภพยิ้มตามแบบฉบับของตัวเองให้หญิงสาว
“ช่างเถอะๆ” อินทัชจึงต้องบอกปัด เพราะไม่อยากหลงคารมและรอยยิ้มจากคนนั้น
“ให้ผมไปส่งบ้านนะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเอง”
“ดึกแล้ว ให้ผมไปส่งเถอะ ผมเป็นห่วง” มือที่จับส้อมอยู่นั้นถึงกับชะงักเล็กน้อยก่อนจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้
“ก็ได้”
“กินให้หมด เสร็จแล้วผมจะพาไปส่งบ้าน”
“อืม”
...
“เพลียแย่เลย เฝ้าหลานสองคืนติด พี่ขอเปลี่ยนเฝ้าแทนคืนวันเสาร์ก็ไม่ยอม” ชลพิกา พี่สะใภ้เปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้ามาก็เห็นปาณัสม์นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความสงสารเล็กน้อย หมดสภาพเลยน้องชาย
ปาณัสม์ตื่นขึ้นมาเห็นชลพิกา ชายหนุ่มขยับนั่งหลังตรงมากขึ้นก่อนจะตอบออกไป “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้มีธุระไปทำอะไรอยู่แล้ว พี่ปอนด์ล่ะครับ”
“คุยกับคุณหมออยู่จ้ะ เดี๋ยวคงตามมา” ไม่ทันขาดคำประตูห้องก็ถูกเปิดพร้อมกับร่างของคนที่ถูกถามหาไปเมื่อสักครู่นี้ “มาพอดีเลย”
“ไอ้ปาล หน้าแกไม่ไหวแล้ว ชัดรออยู่ข้างนอก กลับบ้านไปพักเถอะ ขอบใจมาก ที่ช่วยเฝ้าหลานให้”
“อืม หมอว่าไงบ้างพี่”
“น้องปุณณ์อาการดีขึ้นแล้ว หมอให้นอนที่นี่อีกคืน ถ้าไม่มีอะไรก็ให้กลับ”
“ครับ”
“คืนนี้พี่กับเกดอยู่เฝ้าเอง พรุ่งนี้ถ้าทุกอย่างโอเค พี่จะได้พาลูกกลับบ้านเลย”
“ครับ” ปาณัสม์ตอบงึมงำ ใกล้หลับเต็มที
“เฮ้ย ลุกไปล้างหน้า เดี๋ยวให้ชัดไปส่ง จะกลับบ้านหรือคอนโด” พี่ชายเข้ามาแตะที่ไหล่น้องชายให้รู้สึกตัว
“คอนโด” ปาณัสม์บอก
เมื่อเข้ามานั่งในรถได้ ปาณัสม์ก็หลับมาตลอดทางจนกระทั่งถึงที่บ้าน ชายหนุ่มถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งจากชัดเจน
“ขอบใจนะชัด”
“ไม่เป็นไรครับ คุณปาล”
“เดี๋ยวโทรไปถามพี่ปอนด์ด้วยแล้วกันว่าจะให้กลับไปโรง’บาล อีกหรือเปล่า”
“ครับ”
จวบจนรถยนต์คันหรูมาจอดที่หน้าคอนโด จังหวะที่จะลงจากรถ ปาณัสม์ก็นึกขึ้นได้ “อ้อ เกือบลืม”
“ครับ?”
“วันจันทร์ไปรับเทมส์ที่บ้านแต่เช้าด้วย” ปาณัสม์สั่ง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชัดเจนถามด้วยความสงสัย
“บ้านนั้นมีรถคันเดียว และยังต้องไปส่งน้องปัณณ์ด้วย”
“อ่อ จริงด้วย ได้ครับ ผมจะไปรับคุณเทมส์แต่เช้า”
“อืม มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” ปาณัสม์บอกปิดท้ายแล้วคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าลงจากรถไป
ปาณัสม์เดินเข้าห้องมาวางกระเป๋าลวกๆ ไว้ตรงไหนสักแห่ง ตอนนี้ตาของเขาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ ชายหนุ่มเดินเหมือนละเมอเข้าไปในห้องนอน คลำทางเข้าไปด้วยความเคยชิน เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม มือก็ควานเปะปะหมายจะฉวยอะไรสักอย่างที่แปะอยู่บนหัวเตียง แต่ทว่าควานหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ
เขาลืมตาโพลงด้วยความตกใจ ผุดลุกขึ้นนั่งหันหน้ามาทางหัวเตียง
“ไม่มี ไม่มี หายไปไหน” ปาณัสม์พึมพำ ใจเต้นไม่เป็นระส่ำ กระดาษแผ่นนั้นหายไปไหน เขาเลิกผ้าห่มดู ยกหมอนขึ้นก็หาไม่เจอ
สายตากวาดหาไปรอบๆ แต่ยังไม่เจอ จนกระทั่งสายตาปะทะเข้ากับกระดาษแผ่นนั้นวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เขาถึงพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“นึกว่าแม่บ้านเอาไปทิ้งเสียแล้ว”
ปาณัสม์หยิบมันขึ้นมาด้วยความถนอม พินิจดูว่าเป็นกระดาษที่เขาตามหา เขาก็ยิ้มกับมันอย่างพึงพอใจ เสร็จแล้วจึงนำมันไปวางไว้บนโต๊ะดังเดิม สงสัยกาวบนกระดาษคงจะเสื่อมสภาพเสียแล้ว ไว้จะหากล่องสักใบมาเก็บกระดาษแผ่นนี้ไว้ก็แล้วกัน
‘แล้วใครเป็นคนเก็บกระดาษมาวางไว้ตรงนี้?’…
เวลาล่วงเลยใกล้จะเข้าวันใหม่แล้ว แต่อินทัชยังไม่กลับบ้าน ฉันทัชเองก็ยังไม่นอนเพราะรอน้องสาวเช่นกัน เนื่องจากวันนี้หญิงสาวไม่มีรถยนต์ใช้เพราะยกให้เขาใช้แทน ทว่าดึกดื่นป่านนี้ยังไม่ถึงบ้าน ฉันทัชเริ่มนึกเป็นห่วง มือเรียวสวยหยิบโทรศัพท์ตั้งใจจะโทรหาน้องสาว แต่หูก็พลันได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้านเสียก่อน เขาจึงลุกขึ้น มือแง้มผ้าม่านมองผ่านทางหน้าต่างลงไป
“ขอบคุณที่มาส่ง” อินทัชบอกพลางปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว
“อืม”
“ไปนะ”
“รางวัลที่มาส่งล่ะ” ก้องภพทวงถาม
“คดีเก่า เรื่องยังไม่เงียบ ยังจะกล้าขอรางวัลอีก” อินทัชปรายตามองพลางพูดเสียงดุ
“คดีนั้นมันจบแล้วนี่ ผมก็คุยกับน้องกายแล้วไง”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึง...” อินทัชหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปก่อนจะอ่านอะไรในนั้นด้วยน้ำเสียงดังฉะฉาน “นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงควงลูกสาวนักการเมืองไปทานมื้อค่ำสุดหรูบนดาดฟ้าใจกลางกรุง”
ก้องภพหัวเราะในลำคอ “ไม่มีอะไร คอนเนคชันทางธุรกิจน่ะ”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าให้มีข่าวพวกนี้สิ”
“ดุจริง” ก้องภพหัวเราะ
“คนเจ้าชู้แบบคุณ มันไม่น่าไว้ใจ” อินทัชบอกเพราะรู้จักนิสัยของชายหนุ่มดีระดับหนึ่ง
“แต่คุณก็ยังไว้ใจให้พี่ชายคุณทำงานกับผม”
“ถ้าคุณเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายเมื่อไหร่ ฉันจะให้พี่ชายฉันลาออก” อินทัชพูดอย่างมั่นใจและแน่วแน่
“ผมคิดว่าตอนนี้ผมก็น่าจะชอบผู้ชายนะ”
“ใคร?” อินทัชมุ่นคิ้ว
“ก็คนนี้ไง” ก้องภพยิ้ม ตาเป็นประกาย
“หยาบคายมาก ฉันเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ต่างหาก” อินทัชฉุน เธอเป็นผู้หญิงเต็มตัว กล้าดีได้อย่างไรมาพูดแบบนี้ เดี๋ยวก็เจอฤทธิ์แม่เสียหรอก
“ถ้าเป็นผู้หญิง อย่างนั้นก็คงมาเป็นเมีย...เป็นแม่น้องกายได้แล้วสิ”
“ไม่เอาด้วยหรอก เป็นเมียคุณนะ ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ๆ” อินทัชพูดเสียงติดดุ เพราะปิดบังอารมณ์ในใจ ใบหน้าของเธอเริ่มซับสีเรื่อจางๆ
“นึกไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้คุณเป็นยังไง” นอกจากก้องภพจะไม่กลัวเสียงนั้นแล้ว เขากลับอยากเห็นอินทัชในสมัยก่อน
“ไม่มีอะไรให้น่าจดจำหรอก” อินทัชบอกปัด “ไปนะ ง่วงแล้ว”
“อืม ฝันดี”
ฉันทัชรีบปล่อยมือจากผ้าม่าน เมื่อเห็นคนที่รอลงมาจากรถยนต์คันนั้นเสียที เขาไม่รู้ว่าคนในรถคุยอะไรกันตั้งนานสองนาน
คนเป็นพี่รอจนได้ยินเสียงประตูเปิดห้องนอนของน้องสาวแล้ว เขาจึงยอมกลับไปนอนบนเตียงของตัวเอง
ก้องภพกับอินทัช สองคนนี้ อย่างไรกันแน่
========================================
ฉันทัชผู้ที่ตั้งใจจะเค้นถามน้องสาวหลายครั้งแต่ไม่เคยทำสำเร็จ
** เจอกันวันอังคารนะคะ
HASHTAG #ภาคต่อของความรัก