บทที่ 7 : แมวของผม...สอนเลี้ยงแมว
“ขอบคุณมากนะนิวที่ช่วย” นี่คือประโยคแรกที่ผมพูดขึ้นเมื่อกลับมาร่างเดิม
“อือ ก็เกือบไปเหมือนกัน ตอนแรกกูก็สงสัยทำไมมีเสื้อกับกระเป๋ามาอยู่หน้ารถกู แต่ดูคุ้นๆ เลยเปิดกระเป๋าดูถึงรู้ว่าเป็นของมึง ใช้เวลาคิดสักนิดก็เลยรู้ว่ามึงน่าจะเป็นแมวไป”
เมื่อช่วงเย็น ผมทำงานอยู่ดีๆ ก็รู้สึกใจเต้นผิดปกติ พอกลับมาถึงคอนโดจู่ๆ ก็กลายเป็นแมวไปทันที โชคดีที่ไม่มีใครเห็น แต่ก็โชคร้ายที่ดันกลายเป็นแมวทั้งๆ ที่อยู่นอกคอนโด จะกลับไปห้องตัวเองก็เข้าคอนโดไม่ได้ ตอนแรกผมจะส่งข้อความหาไอ้นิวเพื่อบอกให้มันมาช่วย แต่มือแมวๆ ของผมเนี่ยมันดันกดหน้าจอมือถือไม่ติด!! สุดท้ายผมเลยได้แต่คาบกระเป๋ากับเสื้อเชิ้ตไปวางไว้บนรถไอ้นิวหวังว่าถ้ามันกลับมาถึงคอนโดแล้วเห็นของอยู่บนรถมันน่าจะเดาได้ แต่ก็ต้องภาวนาอีกอยู่ดีเพราะไม่รู้ว่ามันจะเดินมาที่รถหรือเปล่า ทุกวันนี้มันก็มีสารถีคอยเทียวไปเทียวมารับส่งอยู่ จนแทบไม่ได้แตะลูกรักคันโปรดของมันมาหลายเดือน แต่ก็นะ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว มันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
พอผมเดินกลับมาหน้าคอนโดเพื่อมาเอากางเกงกับรองเท้าไปไว้ที่รถไอ้นิว ผมก็เห็นคนคุ้นหน้าเดินออกมาจากคอนโดพอดี จังหวะนั้นถ้าผมคาบกางเกงกับรองเท้านี่ไปตอนนี้เขาต้องสังเกตเห็นแน่ๆ ผมเลยรีบเอาเสื้อผ้าที่เหลือไปซุกไว้แถวพุ่มไม้ตรงนั้น แต่ด้วยความรีบร้อน กุญแจคีย์การ์ดก็เลยล่นออกมาจากกระเป๋า ผมคาบมันขึ้นมาหวังจะรีบวิ่งไปแอบแถวนี้ก่อน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วอีกฝ่ายเห็นผมเสียก่อน.... นั่นแหละแล้วผมก็โดนพาเข้ามาในห้องของอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยเต็มใจหนัก...
แต่ก็แปลกวันนี้ผมว่าผมก็ไม่ได้เหนื่อยมากอะไรนะ แต่ทำไมกลายเป็นแมวไปก็ไม่รู้
“เออว่าแต่ มึงรู้ได้ไงอ่ะว่ากูอยู่ห้องนั้น?” ผมถามขึ้นเพราะผมแค่ส่งสัญญาณบอกมันเป็นนัยว่าผมกลายเป็นแมวเองนะ ไม่ได้บอกอะไรไว้ว่าอยู่ที่ไหน
“กูไม่รู้หรอก”
“อ้าว? หมายความว่ายังไง?”
“เอาจริงต้องบอกเลยนะว่ามึงเนี่ยโชคดีมากที่กูออกจากโรงพยาบาลวันนี้ แล้วบอสต้องการเอกสารที่กูลืมไว้ในรถพอดีเลยเดินไปดู ไม่งั้นกูก็ไม่เห็นเสื้อผ้ามึงหรอก เออถ้ากูไม่เห็นเสื้อกับกระเป๋ามึงขึ้นมามึงจะทำยังไง?” ประโยคหลังมันหันมาถามผม โดยที่ยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลย
“กูก็กะซ่อนอยู่แถวนั้น รอจนกว่าเป็นคนนั่นแหละ แต่ก็เกิดเหตุนิดหน่อย แล้วสรุปมึงเจอกูได้ไง?”
“ก็นั่นแหละกูเห็นกระเป๋ากับเสื้อมึงเลยเดาได้ว่ามึงกลายเป็นแมว”
“…” ผมเงียบไม่ขัดจังหวะมันเล่า รอฟังมันให้จบ
“แล้วทีนี้กูเลยมองหามึงที่ลานจอดรถก็ไม่เจอ เลยเรียกบอสมาช่วยหา ก็ยังไม่เจอ จนฝนตก”
พอผมได้ยินถึงตรงนี้ผมเลยรีบขัดจังหวะมันขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวนะ...มึงบอกคุณธาริณเรื่องกูหรอ?”
“เปล่า~ กูไม่ได้บอก กูบอกบอสว่าเห็นแมวของมึงวิ่งอยู่เลยให้ช่วยหา บอสก็บอกให้กูโทรหามึง กูก็แถๆ ไปว่าโทรแล้วไม่รับ”
“อ่อ...ก็แล้วไป” ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจบอสของไอ้นิวหรอกนะ แต่ผมแค่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ ผมกลัวการถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด ผมไม่อยากให้ใครมองผมด้วยสายตาแบบนั้นอีกแล้ว...
“เออนั่นแหละ แล้วกูก็นึกได้ว่าถ้ามึงกลายเป็นแมว ก็ให้แมวมึงช่วยหาน่าจะช่วยอะไรได้มากกว่ากูกับบอส กูเลยขอบอสขึ้นมาห้องมึงให้เขาหาอยู่ข้างล่าง พอเข้ามาในห้องกูเลยให้เจ้าแมวสองตัวนั่นช่วยหามึง”
ผมไม่ค่อยแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยิน เพราะนิวมันรู้รหัสห้องผมอยู่แล้วจึงไม่แปลกที่มันจะเข้าไปในห้องผมได้
“โชคดีนะที่แมวมึงรู้จริงๆ กูเห็นมันวิ่งไปดมๆ ที่ห้องข้างๆ มึง เลยลองเคาะถามดู แล้วก็โป๊ะเช๊ะ!”
“เออขอบใจมากมึง เออเฮ้ยว่าแต่มึงบอกคุณธาริณยังว่าเจอกูแล้ว?” ผมนึกถึงอีกคนที่มันเพิ่งพูดถึง มันบอกว่าเขาช่วยหาผมอยู่ข้างล่าง แต่ตั้งแต่ผมเข้ามาในห้องมันจนถึงตอนนี้ ผมยังไม่เห็นมันโทรไปบอกคุณธาริณเลย ป่านนี้คุณเขาไม่รอมันแย่หรอ
“บอกแล้ววววว โทรไปบอกตอนเข้าห้องน้ำไปเอาผ้าขนหนูเมื่อกี้ไง”
“เอองั้นก็ดีไป แล้วแผลมึงเป็นไงบ้าง ตากฝนเมื่อกี้เช็ดให้แห้งรึยัง?” แล้วทำไมเมื่อกี้ต้องแอบไปคุยลับๆ ล่อๆ ในห้องน้ำด้วย?
“เรียบร้อยแล้วน่า...ว่าแต่ คนที่อยู่ข้างห้องมึงนี่ใครวะ? แล้วมึงไปอยู่กับเขาได้ไง?”
“อ่า...เรื่องมันยาว เอาเป็นว่ากูบังเอิญโดนเจอเขาเข้า แล้วเขาก็เข้าใจว่ากูในร่างแมวเป็นสัตว์เลี้ยงของกู เขาก็เลยอุ้มกูไปอยู่ที่ห้องเพราะเห็นฝนมันจะตก”
“เขาไม่รู้เรื่องมึงใช่ไหม? เขาเลยสงสัยที่กูเรียกมึงในร่างนั้นว่าพาย”
“อืม ไม่รู้ ...เขาเคยเจอกูในร่างแมวครั้งนึง ตอนนั้นกูก็แถๆ ไปว่าเป็นแมวของกูกับของมึง”
ไอ้นิวทำหน้าตกใจพลางชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ยักคิ้วขึ้นข้างนึงอย่างสงสัย
“เออมึงนั่นแหละ แล้วมึงนี่ก็นะ กูยอมใจในสกิลแถเรื่องชื่อแมวมาก หัวไวสุด”
“แน่นอนอยู่แล้ว นี่ใครครับ?! นี่คุณนิวเจ้าของฉายาลื่นเป็นปลาไหลนะครับ!!” นิวพูดพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ...ใช่เรื่องที่จะภูมิใจไหมล่ะนั่น
“เออ ยังไงก็ขอบคุณมึงมากนะ ถ้ามึงไม่มา มีหวังกูต้องเข้าห้องทางระเบียงอีกรอบแน่ๆ” ตอนนั้นเขายังคิดอยู่เลยว่ากะจะรอให้อีกฝ่ายเผลอแล้วกระโดดกลับเข้าห้องทางระเบียง โชคดีที่ยังไม่ได้ซ่อมกระจกระเบียง มันก็คงไม่ยากที่ผมจะแอบเข้าไปในห้องตัวเอง แต่นั่นแหละ จู่ๆ ผมก็วูบหลับไปเฉย ดีนะที่ไม่กลับมาเป็นมนุษย์ตอนหลับอยู่ในห้องมันธ์
“เออ ไม่เป็นไรเว้ย เพื่อนกันก็ต้องช่วยกันเปล่าวะ”
ผมพยักหน้าให้มันไปทีนึง ก่อนจะพูดต่อ “ยังไงเดี๋ยวกูกลับห้องเลยดีกว่า ขอบคุณมากนะสำหรับกางเกง เดี๋ยวกูซักมาคืน” เพราะผมเอากางเกงไปซ่อน ตอนนี้ที่นิวมันเลยมีแค่เสื้อกับกระเป๋าของผมที่วางไว้ตรงรถมัน โชคดีที่มันถือติดมาด้วย ผมเลยยืมกางเกงเลที่มันเอาไว้ใส่นอนมาใส่ก่อน
“เออ ไม่ต้องรีบ ตัวนั้นขามันสั้นแล้วกูไม่ค่อยได้ใส่หรอก”
“มึงจะด่าว่ากูเตี้ยว่างั้น?” นั่นไงสุดท้ายมันก็อดไม่ได้ที่จะหาเรื่องแซะผม
“กูเปล่าพูดนะ” มันตอบยิ้มๆ
“เออ กูไปและ ไปเจ้าไข่แดงไข่ขาวกลับห้องกัน” ประโยคหลังผมหันไปพูดกับเจ้าแมวทั้งสองที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินไปเตรียมจะออกจากห้องแล้วก็นึกได้....ผมไม่มีรองเท้านี่หว่า
“เออไอ้นิว!!”
“อะไร?!” เสียงมันตะโกนมาจากห้องนั่งเล่น
“กูขอยืมรองเท้าแตะมึงด้วยนะ” ผมตะโกนไปขอเจ้าของห้อง
“เออ เอาไปเลย อยากใส่คู่ไหนก็เอาไป” มันบอกกลับมาอย่างส่งๆ ไม่ได้สนใจผมนัก ผมก้มมองชั้นรองเท้ามันแล้วก็ต้องแปลกใจนิดๆ ทำไมมีรองเท้าสองขนาด?..ถึงจะเป็นสองขนาดที่ไม่ต่างกันมาก แต่ก็พอมองออกว่ารองเท้าบางคู่มันเป็นขนาดใหญ่กว่าไซส์ของไอ้นิว คือถึงผมจะเตี้ยกว่านิว แต่เท้าของเราก็ใหญ่เท่ากัน จะว่าเท้ามันใหญ่ขึ้นก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าเท้ามันใหญ่ขึ้นมันจะเก็บรองเท้าไซส์เดิมไว้ทำไม แถมทั้งสองไซส์มันก็ดูเป็นรองเท้าใหม่ทั้งคู่ ดูไม่เหมือนรองเท้าเก่าที่เลิกใช้แล้ว
ผมได้แต่สะบัดหัวนิดๆ ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้สิ่งที่ผมควรกังวลคือ จะมีใครบังเอิญไปเจอกางเกงกับรองเท้าผมหรือเปล่า คือถ้าเจอแค่กางเกงกับรองเท้าอ่ะผมก็ไม่กังวลหรอก แต่ผมกลัวคนเจอกางเกงในด้วยต่างหากล่ะ!!
พอผมกลับไปถึงห้อง ผมก็เห็นคุกกี้ถุงหนึ่งห้อยอยู่ตรงประตู...หืม? คุกกี้??
ผมหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่านอกจากคุกกี้แล้วยังมีกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ แปะอยู่
‘คุกกี้ตอบแทนครับ ขอบคุณสำหรับเตียงนอน โจ๊ก และข้าวผัดนะครับ’
ผมยิ้มให้กับข้อความนิดๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุกกี้นี้มาจากใคร
ผมเข้าไปในห้อง เดินไปที่ห้องครัวเพื่อจะเอาคุกกี้มาใส่โหล จังหวะนั้นเองที่ผมมองเห็นจานเปล่าที่หน้าตาไม่คุ้นเคยวางอยู่ตรงที่เก็บจาน
นั่นสิ...ผมยังไม่ได้เอาจานไปคืนเขาเลยนี่น่า... นึกได้ดังนั้นผมเลยรีบหยิบจาน เดินออกไปหาคนที่อยู่ห้องข้างๆ กดกริ่งไม่กี่ครั้งเขาก็เปิดประตู
“ผมเอาจานมาคืนน่ะครับ” ผมยื่นจานให้คนตรงหน้า
“อ่อครับ...ขอบคุณครับ”
“แล้วก็ขอบคุณสำหรับคุกกี้นะครับ” ผมกล่าวขอบคุณคนตรงหน้าไปอีกครั้ง ในใจก็ได้แต่กล่าวขอบคุณเรื่องที่ช่วยเหลือตอนเขากลายเป็นแมวเมื่อกี้ด้วย
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ได้กินคุกกี้หรือยังครับ?”
“ยังเลยครับ ผมเพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อกี้เอง นึกได้เรื่องจานเลยรีบเอามาคืน”
“งั้นหรอครับ...อย่าลืมกินนะครับ”
“ครับ”
“จริงสิ เมื่อกี้ผมเจอแมวของพายด้วย เจ้าตัวเล็กๆ สีเทาน่ะ แต่ว่าเพื่อนพายมาเอาไปแล้วได้คุยกันหรือยังครับ?”
“คุยแล้วครับ มันบอกผมเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณนะครับที่ช่วยเจ้าตัวเล็กไว้” ในที่สุดผมก็ได้ขอบคุณตรงหน้าเรื่องนี้
“เข้ามาในห้องก่อนไหมครับ?” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา ผมพยักหน้าตอบกลับไป เหมือนมันกลายเป็นปฏิกริยาอัตโนมัติไปเสียแล้ว
มันธ์หันตัวหลบเล็กน้อย ให้ผมเดินเข้าไป ผมเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟาที่อยู่ในห้องนั่งเล่น มองที่โทรทัศน์ก็เห็นอีกฝ่ายเปิดหนังเรื่องโปรดของผมค้างไว้
“มันธ์ชอบดูหนังเรื่องนี้หรอครับ?”
“ครับ เป็นหนึ่งในหนังเรื่องโปรดของผมเลย”
“บังเอิญจังครับ เรื่องนี้ก็เป็นหนังเรื่องโปรดของผมเหมือนกัน”
มันธ์ไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปในครัว ปล่อยให้ผมสนใจกับภาพยน์ในโทรทัศน์ หันมาอีกที มันธ์ก็โผล่มาพร้อมคุกกี้ในมือ
“พอดีผมยังมีคุกกี้อยู่น่ะครับ พายกินเถอะครับ” เขาว่าแล้วยื่นจานนั้นมาให้ ผมได้แต่รับมาแล้วพูดขอบคุณ
พวกเรานั่งดูหนังเรื่องนั้นกันอย่างเงียบๆ ไปสักพักอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมา
“หนังเรื่องนี้ดีนะครับ ผมชอบมาก โดยเฉพาะเจ้าแมวในเรื่อง น่ารักมากๆ”
“ใช่ครับ ผมก็ชอบมาก”
“ผมดูเรื่องนี้ครั้งแรก นี่อยากจะหาแมวมาเลี้ยงแล้วออกไปเปิดหมวกเล่นกีต้าร์แบบนี้เลย
“มันก็ดูน่าสนุกแหละครับ แต่ถ้าทำจริงผมว่าคงเหนื่อยแน่ๆ ยิ่งถ้าแมวซนๆ นี่ ยิ่งจับยากเผลอแว่บเดียวก็วิ่งหนีหายไปอีก”
“ก็จริงครับ”
“เอาจริงๆ ผมเคย พาเจ้าสองตัวไปออกทริปทำงานด้วยกันด้วยแหละ” จู่ๆ ผมก็คิดถึงเรื่องเมื่อเกือบครึ่งปีก่อนขึ้นมา
“หืม? แล้วยังไงต่อครับ?” มันธ์หันมาสนใจผม ละสายตาออกจากจอโทรทัศน์
“คือตอนนั้นผมก็เพิ่งเก็บเจ้าสองตัวมาเลี้ยงไม่นาน เจ้าอ้วนยังอายุไม่ถึงหกเดือนเลยครับ ตอนนั้นมันซนกว่าตอนนี้มากๆ วิ่งไปวิ่งมา ผลสุดท้าย ดันเล่นซนปีนต้นไม้แล้วลงไม่ได้ เดือดร้อนผมต้องปีนขึ้นไปรับมันลงมา” และแน่นอนตอนนั้นพอผมกลับมาถึงโรงแรมผมก็กลายเป็นแมวทันที และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองรู้ว่าผมเป็นแมวได้
“โห...ไม่ลำบากแย่หรอครับ? แล้วทำไมพายเอามันไปทำงานด้วยล่ะครับ?” อีกฝ่ายถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ก็ตอนนั้นผมเพิ่งรับมันมาเลี้ยงน่ะครับ ยังไม่รู้จะเอาไปฝากไว้ที่ใคร เลยพามันไปด้วย ก็คิดว่าคงไม่ลำบากอะไร แต่ใครจะไปคิดว่าจะลำบากสุดๆ ไปเลย โชคดีที่หลังจากครั้งนั้นไอ้นิวเพื่อนผมมันก็ยอมรับฝากแมวช่วงที่ผมไปออกทริป”
อีกฝ่ายได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะขึ้นมานิดๆ คงนึกภาพความวุ่นวายตอนนั้นอยู่
“แล้วเนี่ย ออกทริปรอบนี้ผมว่าผมอาจจะต้องกระเตงเจ้าสองตัวไปด้วย ก็หวังแค่ว่ามันจะไม่ซนเท่าเมื่อก่อน” ผมยังคงพูดต่ออย่างไม่หยุด
แต่พออีกฝ่ายได้ยินผมพูดดังนั้น เขาถึงกับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถามผมขึ้น
“หืม? ทำไมต้องเอาไปด้วยหรอครับ ไม่ฝากเพื่อนพายไว้เหมือนเดิมหรอ?”
“อ่า...คือพอดีอาทิตย์หน้านิวไม่อยู่น่ะครับ ผมก็กะจะเอาไปฝากคนอื่น แต่คิดๆ ดู เอาพวกมันไปด้วยดีกว่า จะฝากคนอื่นดูเจ้าสองตัวนั้นก็เกรงใจ”
“พายจะออกทริปอาทิตย์หน้าหรอครับ?”
“ครับ”
“วันไหนหรอ?”
“น่าจะไปวันเสาร์นี้น่ะครับ”
“ครับ...แล้วกลับ?”
“อ่า...อย่างเร็วน่าจะวันพุธอย่างช้าก็วันศุกร์ครับ เวลากลับยังไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับผมเขียนคอลัมน์เสร็จช้าเร็วแค่ไหน” จริงๆ ส่วนนึงก็เพราะผมจะกลายเป็นแมวมากน้อยแค่ไหนด้วยแหละ เพราะถ้าผมกลายเป็นแมวผมก็จะทำงานได้ช้าลง...
“จริงๆ พายเอาเจ้าสองตัวมาฝากไว้ที่ผมก็ได้นะ”
“หืม?”
“ก็ถ้ามันลำบาก พายก็เอามาฝากไว้ที่ผมก็ได้”
“เฮ้ย ไม่ดีกว่า มันจะลำบากมันธ์นะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ยังไงผมก็ว่างๆ แถมอยู่ห้องตลอด คอยดูแลมันได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“แต่มันธ์ไม่เคยเลี้ยงแมวไม่ใช่หรอ...มันลำบากนะ” ผมถามย้ำคนตรงหน้าอีกที
จริงๆ เรื่องเอาแมวไปฝากคนอื่นมันยากตรงที่ต้องหาคนรับฝากที่ดูแลแมวเป็นนี่แหละ การฝากแมวไว้ที่ใครสักคนมันไม่ใช่แค่ฝากแป๊ปๆ แต่มันฝากเป็นสัปดาห์ แมวมันต้องกิน ต้องถ่าย ถ้าคนดูแลไม่เป็น ผมก็เป็นห่วง แถมยังเกรงใจคนที่รับฝากด้วยที่ต้องสละเวลามาดูแลเจ้าแมว มาคอยทำความสะอาดมัน คอยให้อาหารมัน
“มันคงไม่ลำบากมากหรอกครับ ถือเป็นการให้ผมฝึกลองเลี้ยงแมวไง...อย่างที่ผมเคยบอกผมอยากลองเลี้ยงแมวมานานแล้วแต่ไม่กล้าซะที นี่ก็ถือเป็นการทดลองไปในตัว” มันธ์พูดขึ้นอย่างยิ้มๆ
“แต่ว่า...”
“นะครับ เอาเจ้าสองตัวมาฝากไว้ที่ผมเถอะ” เสียงมันธ์ออดอ้อนผมอีกครั้ง “ถ้าพายยังเป็นห่วง ช่วงเวลาไม่กี่วันที่เหลือนี้ พายก็สอนผมเลี้ยงสิครับ ผมจะได้รู้วิธีดูแลพวกมัน พอถึงเวลาที่พายไปออกทริป ผมจะได้ทำเป็นแล้วพายจะได้ไม่ต้องห่วงเจ้าสองตัวนี้ แถมจะได้ไม่ลำบากแบกพวกมันไปด้วย”
ผมได้แต่คิดตามสิ่งที่คนตรงหน้าพูด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เป็นอันตกลง
“ก็ได้ครับ งั้นผมต้องขอฝากเจ้าสองตัวนี้ในช่วงเวลาที่ผมไม่อยู่นะครับ”
“ครับ” อีกฝ่ายตอบอย่างน้ำเสียงยินดี แลดูสนุก
“งั้นมะรืนนี้มันธ์ว่างไหมครับ?”
“ว่างครับ”
“โอเค งั้นเดี๋ยววันมะรืนผมมาสอนมันธ์เลี้ยงเจ้าพวกสองตัวนี้นะครับ”
“ได้เลยครับ” มันธ์ยิ้มให้ผมหน้าระรื่น แล้วพวกเราก็หันไปดูหนังกันต่อ
พอถึงวันที่นัดกับมันธ์ ไว้ ผมก็ไปกดกริ่งเรียกห้องข้างๆ ไม่นานเขาก้เปิดประตูให้ผมเข้าไปในห้อง พอผมเข้าไปผมก็เห็นเขาเปิดโน้ตบุ๊คค้างไว้อยู่
“มันธ์ทำงานอยู่หรอครับ...ผมรบกวนรึเปล่า”
“ไม่รบกวนเลยครับ ผมใกล้เสร็จแล้ว พายรอแป๊ปนะครับ”
“อ่อโอเคครับ”
ผมนั่งลงบนโซฟาก่อนที่มันธ์จะนั่งลงตาม เขาหันไปทำงานต่อเล็กน้อยก่อนจะหันมาพูดกับผม
“เสร็จแล้วครับ”
“อ่า...ครับ จริงๆ หลักๆ ผมจะให้มันธ์ คอยดูอาหารกับน้ำเจ้าสองตัวนั้นอ่ะครับ เททิ้งไว้ก็ได้ เดี๋ยวมันก็เดินมากินเอง”
“หืม? เททิ้งไว้ได้เลยหรอครับ?”
“ครับ ส่วนอาหารกับชามข้าวเดี๋ยววันที่ผมเดินทางผมเอามาให้”
“อ่าครับ...”
“นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องห้องน้ำแมวอ่ะครับ ถ้าเจ้าสองตัวไปอึ ผมก็ต้องรบกวนให้มันธ์ช่วยตักออกจากกระบะทรายครับ แล้วถ้าทรายมันพร่องลงไปก็คอยเติม ส่วนเรื่องทำความสะอาดก็ดูว่ามีอึติดตูดติดเท้าน้องไหม ถ้ามีก็ใช้ทิชชูเปียกเช็ดครับ”
“โอเคครับ ไม่น่ายาก”
“ครับ ไม่ยากหรอก แต่ผมกลัวมันจะดื้อแค่นั้น ถ้าเจ้าอ้วนดื้อก็แค่เอาอาหารล่อ ส่วนเจ้าตัวพี่ก็อาจจะยากหน่อย เพราะมันไม่ค่อยชินคน ยังไงก็พยายามเอาใจเจ้าอ้วนนะครับ เพราะถ้าเจ้าอ้วนยอมมันธ์แล้ว เดี๋ยวเจ้าตัวขาวก็ยอมตามเอง”
“โอเคเลยครับ”
“หลักๆ ก็มีแค่นี้แหละครับ เรื่องอื่นๆ ผมจดให้ลงกระดาษนี่แล้ว” ผมยื่นกระดาษเอสี่ให้อีกฝ่าย ในนั้นก็จะมีขั้นตอนการดูแลแมวเบื้องต้นที่ผมเพิ่งบอกไป แล้วก็รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการดูแลเจ้าแมวสองตัวนั้นเพิ่มเติม “แล้วก็ยังไงถ้ามันธ์ว่างๆ ก็คอยเล่นกับมันบ้างนะครับ ทั้งสองตัวชอบให้รูปหัวกับเกาคาง แต่เจ้าตัวส้มจะชอบให้ลูบท้องเป็นพิเศษ”
“ลูบท้อง?”
“ครับ รูปเบาๆ เหมือนเกาพุงให้มันอ่ะครับ”
“แปลกดีนะครับ ผมเคยอ่านเจอบอกว่าจริงๆ แมวไม่ชอบให้ยุ่งกับท้อง”
“เจ้าอ้วนมันชอบให้เอาใจครับ จริงๆ อยากลูบ อยากจับตรงไหนก็ได้เลย มันชอบ”
“โอเคครับ”
“แล้วถ้ามีอะไรสงสัยหรือเกิดเหตุเร่งด่วนอะไรก็โทรหรือไลน์มาถามก็ได้นะครับ” ผมพูดก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปให้อีกฝ่ายแอดไลน์ เมมเบอร์ อีกฝ่ายก็รับมา กดเบอร์ตัวเองแล้วยิงเข้าเครื่องเรียบร้อย กดแอดไลน์แล้วก็ส่งคืนผม
“แล้วเจ้าตัวเล็กล่ะครับ? เจ้าตัวเล็กปกติพายกับเพื่อนพายช่วยกันเลี้ยงนี่...แล้วเพื่อนพายไม่อยู่แบบนี้ เจ้าตัวเล็กไม่มาอยู่กับพายหรอ?”
อ่า...จริงสิ ผมลืมคิดเรื่องนั้นไปเลย...
“เอ่อ...”
“…?”
“คือนิวมันเอาไปฝากแม่มันน่ะครับ แต่แค่ตัวเดียวแม่ก็ลำบากแล้ว ผมเลยไม่กล้าเอาอีกสองตัวไปฝากด้วย” ผมรีบแถไปอย่างรวดเร็ว
“โอเคครับ ยังไงถ้าลำบากให้ผมช่วยดูแลเจ้าตัวเล็กอีกตัวก็ได้นะ” มันธ์ก็ยังพูดด้วยความหวังดี
“ครับ ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ แค่เจ้าสองตัวนี้ก็ลำบากมันธ์มากพอแล้ว”
อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มตอบกลับมาเล็กๆ
“จริงสิ เดี๋ยวมันธ์ไปห้องผมนะครับ จะได้ไปเล่นกับเจ้าสองตัวนั้นสร้างความคุ้นเคย แล้วก็เดี๋ยวผมจะได้สอนวิธีตักอึออกจากทรายด้วย”
“ได้ครับ”
พอเดินมาถึงหน้าห้องผมก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ ผมเลยหันไปพูดกับมันธ์
“รหัสห้องผมศูนย์ห้าศูนย์สี่นะครับ”
“…?..”
“คือบอกไว้ก่อนครับ เผื่อวันที่ผมไม่อยู่แล้วมันธ์ต้องการอะไรเพิ่มเติมจะได้เดินมาหยิบได้”
“อ๋อโอเคครับ ว่าแต่ศูนย์ห้าศูนย์สี่...นี่วันเกิดพายหรอครับ...ห้าเมษา?”
“เปล่าครับ มันเป็นวันที่ผมเจอเจ้าสองตัวนี้น่ะ”
“อ่อ…"
พอเข้ามาในห้องผมก็ให้อีกฝ่ายไปนั่งที่โซฟาห้องก่อน ซึ่งเจ้าสองตัวนั้นก็นั่งอยู่บนโซฟาพอดี เจ้าตัวอ้วนรีบกระโดดขึ้นตักคนมาใหม่ทันที
“ว่าแต่พายเกิดวันไหนหรอครับ?” คนนั่งลูบหัวแมวจู่ๆ ถามผมขึ้นมา
“ยี่สิบสี่ธันวาน่ะครับ”
“คริสมาสต์อีฟ?”
“ครับ ทำไมหรอ?”
“ถ้าบอกว่าพายเกิดวันเดียวกับผมพายจะเชื่อไหม?”
“หืม จริงหรอครับ?” ผมตกใจเล็กน้อย เอาจริงๆ ก็จำได้ลางๆ ว่าอีกฝ่ายเกิดเดือนธันวา แต่เพิ่งรู้ว่าดันเกิดวันเดียวกับผม
“จริงครับ...งั้นวันเกิดปีนี้เรามาฉลองด้วยกันนะครับ” มันธ์จ้องผม ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นสายตาแพรวพราว
“อ่า….” จะตอบยังไงดีนะ
“นะครับ มาฉลองวันเกิดของ ‘เรา’ ด้วยกันนะครับ” ปากยกยิ้ม ตาเป็นประกาย มือก็ถือโอกาสจับมือผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ราวกับจะกดดันให้ผมตอบตกลงเท่านั้น
“ไม่รับปากนะครับ ผมต้องดูก่อนว่าวันนั้นมีงานไหม” ผมตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไป อีกฝ่ายก็ยอมปล่อยผม
“ครับ ได้ครับแต่ยังไงผมก็จะรอนะ”
ผมสอนวิธีการดูแลเจ้าสองตัวให้มันธ์ดู เผลอแว่บเดียวก็เที่ยงกว่าแล้ว คนข้างห้องเลยอาสาทำอาหารให้ผมทาน ผมก็ได้แต่ปล่อยให้เขาทำ เพราะบอกแล้วว่าฝีมือการทำอาหารของผมน่ะติดลบ....
“เอ่อ...พายครับ” เสียงเรียกดังมาจากในครัว ผมเลยเดินไปหา
“มีอะไรหรอ?”
“คือตู้เย็นพายว่างมาก....”
ก็ตามนั้นแหละ ปกติผมไม่ทำอาหารกินเอง ส่วนมากก็ซื้อข้าวจากร้านแถวคอนโดขึ้นมากินบางทีก็ซื้อจากเซเว่นเอา
ผมมองเข้าไปในตู้เย็น ตอนนี้ในตู้ผมมีเบียร์สองกระป๋อง โซดาสามขวด นมหนึ่งแพ็ค น้ำเปล่าอีกสามขวดใหญ่...แค่นี้
“คือปกติผมไม่ทำอาหารกินเองอ่ะ ตู้เย็นมันก็เลยโล่งแบบนี้”
“อ้าวแล้วปกติพายกินอะไรหรอ?”
“ก็ปกติผมก็ซื้ออะไรแถวคอนโดนี้กินแหละครับ....งั้นเราไปกินข้าวข้างนอกกันไหม?” ประโยคหลังผมหันมาเสนอทางออกให้อีกฝ่าย
“ผมว่า เดี๋ยวเราไปซื้อวัตถุดิบมาทำกันดีกว่า”
“ทำทำไมให้เสียเวลา กินร้านไม่ง่ายกว่าหรอ?”
“ก็ผมอยากทำให้พายทานนี่ครับ” ยิ้มพิฆาตใจมาอีกแล้ว...แล้วอย่างนี้ผมจะปฏิเสธได้ยังไง....
“ก็ได้...”
“งั้นไปรถผมนะครับ”
ผมได้แต่พยักหน้าให้อีกฝ่าย