เบอร์ไม่คุ้นเลยแฮะ ใครวะ “สวัสดีครับ” ทิวากาลกรอกเสียงลงไปอย่างสุภาพแม้จะไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร อืม... ทำไมจู่ ๆ ถึงได้รู้ขนลุกก็ไม่รู้สิ
(“สวัสดี คุณ... ทิวากาลใช่ไหมครับ?”)
“ครับ คุณเป็นใคร? มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?”
(“ผมชื่อเพลิงฟ้า หวังว่าคุณจะรู้จัก”) ทิวากาล is ฉิบหายแล้ว ไม่รู้จักก็บ้า เด็กแก้มกลมเพ้อถึงแทบทุกวัน อีกทั้งเพลิงฟ้าคนนี้ยังคือฝ่ายคัดค้านอันดับหนึ่งในความสัมพันธ์ของเขากับจันทร์เจ้า ฉิบหาย บอกเลยว่าฉิบหาย โทรมาทำไมวะ
“ครับ... จันทร์เจ้าพูดถึงบ่อย ๆ”
(“หึ ตอนนี้คุณเลิกเรียนแล้วและคงไม่ได้จะไปไหนใช่ไหมครับ?”) จริง ๆ แล้วทิวากาลมีโปรแกรมจะพาเด็กไปกินไอศกรีม เฮ้อ... ต้องยกเลิกหรอวะ
“ถ้าธุระของคุณสำคัญ ผมยกเลิกนัดได้ครับ” แม้จะเสี่ยงโดนงอน แต่เพิ่มข้อเสนอพาไปกินน้ำแข็งไสด้วยก็แล้วกัน...
(“ดีครับ ผมต้องการจะคุยกับคุณ”)
“ที่ไหนครับ?”
(“ร้านกาแฟ xx แถวมหาวิทยาลัยของคุณ 17:30 แล้วกัน”)
“ครับ” เมื่อเขาตอบรับคำสุดท้าย สัญญาณก็ถูกตัดไป ทิวากาลพรูลมหายใจออกมา เขารู้สึกกังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งที่เพลิงฟ้าต้องการคุยคงหนีไม่พ้นเรื่องของเด็กตากลมที่กำลังยืนมองเขาอยู่ห่าง ๆ ตอนนี้
...
“เตี้ยครับ”
“คับ?”
“มีธุระด่วน พาไปกินไอศกรีมไม่ได้แล้วครับ”
“อือ...” หงอยไปอย่างเห็นได้ชัด เข้าใจทิวา แต่ก็อยากกินไอศกรีม... แต่คงจะสำคัญจริง ๆ เพราะตอนที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก็เห็นว่าสีหน้าของคนนิสัยไม่ดีค่อนข้างเครียด
“ไว้เราไปกินด้วยกันวันหน้าเนอะ”
“ได้เยย ถ้าไม่พาไปเราจะโป้ง!!”
“โป้งชี้ก้อย” “อี๋~~~~ ขนลุก บรึ๋ยยยย”
“เกินไปละ ไปขึ้นรถได้แล้ว”
“ก็ได้ ๆ” รับคำเสียงเนือยก่อนเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ ปิดประตูคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสรรพ กดลดกระจกลงแล้วหันไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านนอก
“ขับรถดี ๆ ไว้เจอกัน”
“พี่ทิวาด้วย ไว้เจอกันคับ บั๊ยบัย”
“บาย”
ยืนมองคุณฟักทองไปจนลับตาก่อนจะไปที่รถของตัวเองบ้าง ยังเหลือเวลาอีกพอที่จะใช้ในการเดินทางจึงจะถึงเวลา เขาควรกะเวลาให้ดีเพื่อไม่ให้สาย
ฟู่! ไม่รู้หรอกว่าคุณเพลิงฟ้าต้องการจะพูดอะไรกับเขา แต่ยังไงเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน!
ในขณะเดียวกัน ณ ศูนย์การค้ายอดนิยมแห่งหนึ่ง ร่างสูงโปร่งของจริงใจก้าวเดินอย่างเรื่อยเปื่อย วันนี้จริงใจมาซื้อหูฟังอันใหม่ เพราะอันที่ใช้ประจำดันไปเผลอเหยียบแตก โง่เง่าสิ้นดี หืม... นั่นมัน... หึหึ เด็กปีศาจยกยิ้มอยากนึกสนุก เมื่อมองเห็นร่างบอบบางของใครคนหนึ่งอยู่ไม่ไกล ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา เลื่อนหารายชื่อที่ถูกบันทึกไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้วจึงกดโทรออก รอสายอยู่สักพักเจ้าของเบอร์ถึงกดรับ
(“มีอะไร!?”)
“ผมหิว”
(“หิวก็ไปหาอะไรกินสิ มาบอกฉันทำไม?”)
“คุณจำที่พูดไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนไม่ได้เหรอ ว่าจะตอบแทนผม”
(“จิ๊! อยากได้อะไรก็ว่ามา”) จริงใจยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะที่จ้องมองเสี้ยวหน้าสวยด้านข้าง ณภัคกำลังหงุดหงิดที่เขาโทรไปกวน แต่อย่าคิดว่าเขาจะสำนึกเลย
“เลี้ยงข้าวผมหน่อยสิครับคุณลูกหนี้ ตอนนี้ผมอยู่ xx คุณอยู่ที่ไหน?”
(“ฉันอยู่ที่เดียวกับนายนั่นแหละ ตอนนี้นายอยู่ตรงไหน?”)
“ข้างหลังคุณ” บอกแล้วกดตัดสาย ยักคิ้วใส่คนอายุมากกว่าที่หันมาเจอแล้วทำหน้าบึ้งจนไม่น่ามอง ณภัคอยากต่อยหน้าเด็กกวนประสาทคนนี้จริง ๆ
“อยากกินอะไรล่ะ?” แม้จะแปลกใจแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป เจ้าเด็กนี่คงจะมาเดินเล่นทั่วไปแล้วบังเอิญเจอเขาจึงโทรมากวนประสาท
ณภัคกวาดตามองเด็กตัวสูงตรงหน้าอย่างพิจารณา พอมายืนเทียบกันแบบนี้แล้วเขาถึงรู้ว่าเจ้าเด็กนี่สูงมาก สูงกว่าเขาที่อายุมากกว่าเสียอีก ไหล่ก็กว้าง แขนขาก็ยาว แถมใบหน้ายังหล่อเกลี้ยงเกลาไม่มีสิวสักเม็ดกวนใจ ผิวก็ขาวทั้งที่ขับมอเตอร์ไซค์ตากแดดตากลม ถึงจะใส่ชุดรัดกุมก็ไม่น่าจะขาวขนาดนี้นี่นา มันต้องมีผลกระทบจากแดดจากลม มลพิษในเมืองบ้างสิ
“คุณหิวหรือเปล่า?”
“อ่า... นิดหน่อย” จากทีแรกไม่หิว แต่พอโดนทักกลับรู้สึกหิวขึ้นมาเฉยเลย
“ฉันอยากกินซูชิ / ผมไม่กินปลาดิบ” ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะหันหน้าหนีและกลอกตาขึ้นฟ้าในจังหวะเดียวกัน
“ฉันอยากกิน ฉันจะกิน!”
“ก็แย่ละ”
“ไม่แย่”
“ไม่เอา ผมไม่ชอบ ผมจะกินข้าว!”
“เอ๊ะ! ฉันอายุมากกว่านะ ให้ฉันตัดสินใจสิ”
“ผมเด็กกว่า คุณต้องตามใจผมสิครับ”
“อย่าขัดใจฉันสิ”
“.........” จริงใจเงียบ ใบหน้าไร้รอยยิ้ม ดุนลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างที่ทำเป็นนิสัยเมื่อโดนขัดใจ
ณภัคเองก็เงียบเมื่อเห็นว่าเด็กตัวโตเงียบ มองคนที่เล่นโทรศัพท์ด้วยความอึดอัด และหลังจากไม่มีใครพูดอะไรอยู่หลายนาทีณภัคก็ตัดสินใจพูดออกไปก่อน “ฉันอยากกินนี่... ไม่ได้กินนานแล้ว ... ไปร้านที่ไม่ได้มีแค่ซูชิก็ได้”
ไม่เข้าใจว่าทำณภัคผู้เหย่อหยิ่งและไม่ยอมใครถึงได้มายอมเจ้าเด็กที่แทบจะไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำแบบนี้ งงตัวเองจนขมวดคิ้วมุ่น เขากลายเป็นคนสนใจคนอื่นนอกจากคนที่แคร์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถึงเด็กนั่นจะเงียบประท้วงให้อึดอัดแต่ณภัคไม่น่าจะง้อนี่นา หา!! ง้อ? ง้อเหรอ? พูดเป็นเล่น กับแฟนคนก่อน ๆ เขายังไม่เคยง้อเลยนะ แถมถ้าอีกฝ่ายงอนก็ปล่อยให้หายเอง ณภัคน่ะ โนแคร์ โนแยแส ไม่เคยสนหรอก แล้วเด็กบ้านี่มันเป็นใคร!!!
“นาย”
“ครับ?” เลิกคิ้วสูงมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ จริงใจสั่งอาหารไปหลายอย่างเพราะหิวมาก ส่วนคนตรงข้ามที่บอกว่านิดหน่อยก็สั่งไปเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นพวกซูชิและปลาดิบ แค่ได้ยินชื่อก็คาวขึ้นจมูกแล้ว
“เพื่อนฉันจะมาหา นายโอเคหรือเปล่า?”
“อาฮะ โอเคมั้ง”
“เฮ้! ตอบดี ๆ สิ”
“คุณจะถามผมทำไม ถึงบอกว่าไม่โอเค แต่คุณตอบตกลงเพื่อนไปแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นครับ?”
“ชิ!” ที่เขาถามเพราะว่าเห็นเจ้าเด็กนี่ค่อนข้างถือตัวหรอก การมีคนไม่รู้จักมาด้วยอาจจะทำให้ไม่พอใจ ไม่น่าไปถามเลยจริง ๆ ฮึย!!
“มองหน้าผมทำไมครับ?”
“มองเฉย ๆ หน้านายไม่เหมือนผัวฉันหรอก”
“เหมือนก็แย่ละ” เบ้ปากใส่เด็กตรงข้าม มองหน้าเจ้าเด็กจริงใจแล้วนึกหมั่นไส้ทุกที “แต่คุณบอกว่าผมเป็นแฟนคุณหนิ”
“ฮอล~ เรื่องมันก็ตั้งสองสัปดาห์มาแล้วหรือเปล่า เลิกพูดไปสักทีเถอะ”
“แล้วได้ผลป่ะครับ?”
“ไม่เลย ไอ้บ้านั่นยังตื้อไม่เลิก น่ารำคาญ”
“แผนโง่ ๆ แบบนั้นใครเชื่อก็แย่ละ”
“นี่นาย!!” ณภัคชี้หน้า เบิกตาโตเมื่อโดนหลอกด่า หนอย! ไอ้เด็กนี่ ชักจะกวนประสาทเกินไปแล้วนะ พอเห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากหยักณภัคก็ลืมคำที่จะต่อว่าไปเสียสิ้น กะพริบตาปริบ ๆ กับความพ่ายแพ้ของตนแล้วกอดอกหันหน้าหนี แล้วในตอนนั้นเองที่เห็นเพื่อนกำลังเดินเข้ามา เพราะณภัคหันหน้าเข้าทางประตูพอดี
“รอนาน...... ป่ะ?” ณภัคเหยียดยิ้มหลังจากเห็นอาการของเพื่อนสนิท พีทนิ่งอึ้งไปทันทีที่เห็นว่าใครคือคนที่เพื่อนต้องเลี้ยงข้าวตอบแทน เชี่ย!! อยากกรี๊ดโว้ยยยยยย น้องไฟแดงของพี่!!!
“สวัสดีครับ”
“อึ้งไรมึง ไม่เคยเห็นคนหรอ นั่งลง!” ณภัคแขวะแล้วฉุดแขนพีทให้นั่งลงข้างตน แต่เหมือนวิญญาณจะยังไม่เข้าร่างเพื่อนสนิท ถึงได้มองเด็กจริงใจตาค้าง ช็อกไปเลยสิมึง เหมือนเจ้าเด็กกวนประสาทเองก็งงไม่น้อยกับปฏิกิริยาของพีท
“ม มึง... น นั่น... น้อง น้องไฟแดงของกู...” พีทพูดเสียงขาด ๆ หาย ๆ ชี้นิ้วไปที่จริงใจ ณภัคกลอกตาขึ้นฟ้า น่าอายจริง ๆ ทำอะไรของมึงเนี่ย!!
“ตั้งสติหน่อย!” ตะโกนใส่หน้าพร้อมจับคอเขย่า พีทชักสีหน้า จิปากใส่ณภัค ก่อนจะหันไปยิ้มทำตาหวานเชื่อมให้จริงใจ เด็กหนุ่มผงะเล็กน้อย ก่อนจะขยับเอนตัวไปด้านหลังและยกแขนขึ้นกอดอกเป็นการป้องกันตัวเอง
ระหว่างนั้น พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ ทันทีที่ทุกจานวางครบ จริงใจก็จับอาวุธพร้อมแล้วเริ่มสงคราม สองเพื่อนซี้มองหน้ากัน เพราะเด็กตรงข้ามดูจะไม่แยแสอะไรเลย หิวจริงหรือรังเกียจพวกเขาวะ
“มึง... ทำไมน้องเขาน่าเอ็นดูจังวะ” กระซิบข้างหูเพื่อนสนิท ณภัคเบะปากแล้วจึงตอบกลับ
“แล้วมึงก็อยากดูเอ็นด้วยล่ะสิ”
“หยาบคาย!” พีทแหว “แต่ถ้าได้ดูก็ดีนะ คิกคิก”
โดนนินทาระยะเผาขน แม้จะพูดกันเสียงเบาแต่ห่างไม่มาก จริงใจได้ยินอยู่แล้ว อีกอย่าง นักดนตรีอย่างเขาหูค่อนข้างดีเป็นพิเศษ ขนลุกพิลึกแต่ไม่ได้นึกรังเกียจ เพียงแต่... พึมพำ
‘ก็แย่ละ’ อยู่ในใจ
“น้องจริงใจอยู่ชั้นไหนหรอคะ?”
“มอห้าครับ”
“อุ๊ย ยังเด็กอยู่เลยเนอะ”
มีค่าเทอมหรือยังจ๊ะ “ผมไม่เหมือนเด็ก ม.ปลายหรอครับ?” ถามหลังยกน้ำขึ้นดื่ม เท้าศอกกับโต๊ะหนึ่งและจ้องไปในตาของพีท ริมฝีปากสีอ่อนผุดรอยยิ้มน้อยเมื่อเห็นว่าคนอายุมากกว่าแก้มแดงระเรื่อ ผิดกับอีกคน ที่ทำหน้าเบื่อหน่าย หึหึ
“เปล่า ๆ แค่ดูเป็นผู้ใหญ่”
“อ๋อ หน้าแก่”
“ไม่ใช่ ๆ ๆ” พีทโบกมือปฏิเสธพัลวัน เขาไม่หมายความว่าน้องจริงใจหน้าแก่ เพียงแต่น้องดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุ เท่านั้นเอง! แต่พอเห็นยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากหยักนั้นก็ถอนหายใจโล่ง “ว่าแต่... น้องจริงใจมารู้จักกับมันได้ยังไงหรอ?” นิ้วเรียวที่ไปที่ณภัคตรงคำว่ามัน
“ผมว่าเพื่อนพี่น่าจะเล่าให้ฟังแล้วนะครับ”
เด็กมันร้าย!
“นาย... ไม่กินปลาดิบจริง ๆ เหรอ? อร่อยนะ” ณภัคถาม แม้เจ้าตัวจะบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่กินปลาดิบ แต่มันก็อดถามไม่ได้อยู่ดี จริงใจใช้กำปั้นปิดปากแล้วสั่นหัวเป็นคำตอบเพราะยังเคี้ยวอาหารในปากไม่หมด “ทำไมไม่กิน?”
“...คาว”
“ปลาสดไม่คาวนะคะ ไม่ลองชิมหน่อยหรอ?” จริงใจส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้ง แต่สองเพื่อนซี้ก็ยังจะพยายามให้เขาลองกินปลาดิบพวกนั้นให้ได้ เมื่อโดนเซ้าซี้หนักเข้าก็ลอบพ่นลมหายใจออกมา บอกว่าจะยอมกินก็ได้เท่านั้นแหละ สองเพื่อนสนิทก็ยิ้มกว้างดีใจ อยากกับถูกหวยงั้นแหละ และที่ยอมไม่ใช่เพราะใจอ่อนแพ้ลูกอ้อนอะไรทั้งนั้น รำคาญ
“แซลมอนแล้วกันเนอะ หึหึ” ณภัคพูดพึมพำก่อนจะคีบเนื้อปลาชิ้นหนาสีส้มขึ้นมาแล้วส่งไปตรงหน้าของเด็กอายุน้อยสุด พอเห็นอีกฝ่ายไม่ชอบก็อยากแกล้งขึ้นมา จริงใจหลับตาสงบสติและสวดภาวนาให้กับตัวเอง เขาไม่แน่ใจว่าถ้าอ้าปากรับปลาดิบโง่ ๆ นั่นเข้าไปแล้วเขาจะอ้วกออกมาทันทีหรือเปล่า
“เร็วสิ” กลอกตาใส่คนเร่ง ณภัคยื่นปลาดิบเข้าไปใกล้จนมันโดนริมฝีปากของจริงใจแล้ว พีทเองก็มองอย่างลุ้น ๆ อยู่เหมือนกัน
“อ่อก!” ทันทีที่เนื้อปลาสดสัมผัสกับลิ้น จริงใจก็แทบจะคลายมันออกมา มือหนายกขึ้นปิดปาก พยายามเคี้ยวเร็ว ๆ เพื่อที่จะกลืน ทว่าฟ้าช่างกลั้นแกล้ง ไอ้ฉิบหาย กลืนไม่ลงโว้ย!!! น้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอหน่วยและปริ่มที่หางตา รีบยื่นมือไปดึงกระดาษทิชชูสำหรับเช็ดปากออกมาหลายแผ่น ใช้มือบังริมฝีปากเอาไว้แล้วจึงคลายเนื้อปลาแซลมอนที่ใครต่อใครชอบหนักชอบหนาออก ก่อนจะรีบยกน้ำขึ้นดื่มอึก ๆ
“ขนาดนั้นเลยเหรอ...” ภัคกับพีทมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ต่างออกไปจากคราวแรก ที่บอกว่าไม่ชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงกับคายทิ้งแบบนี้
“น้องจริงใจโอเคไหมคะ?” จริงใจมองตาคนถามแวบหนึ่งก่อนจะหลับตาลง ประสานมือทั้งสองข้างแล้วเท้าศอกกับโต๊ะ จากนั้นจึงก้มหน้าลงซบมือที่ประสานกันเอาไว้
ปวดหัวเลย
ตอนที่กินครั้งแรกและครั้งล่าสุดนั้นยังไม่ขนาดนี้ แต่ว่าคราวนี้มันสาหัสมากจริง ๆ เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ฟ้าถึงโกรธน้าเจ้าตอนแกล้งเอาปลาดิบยัดปาก รุนแรงกับใจจริง ๆ แย่ แย่โคตร ๆ
“ลองอีกสักชิ้นไหม?”
“ก็แย่ละ” ณภัคหัวเราะหลังจากที่แหย่เด็กอายุน้อยกว่าได้ “พวกคุณกินเข้าไปได้ยังไง?”
“อร่อย!” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน แต่จริงใจหน้าแหยงไปแล้ว ขอปฏิญาณตนไว้ตรงนี้เลย ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จริงใจจะกินปลาดิบ ฉิบหายเถอะ
เมื่อกินอาหารกันเสร็จแล้วก็ถึงเวลาจัดการค่าเสียหาย ที่บอกว่าจะให้ณภัคเลี้ยงคือจริงใจตั้งใจแบบนั้นจริง ๆ แต่เมื่อเห็นราคาโดยรวมที่ค่อนข้างสูงแล้วจริงใจก็เปลี่ยนความคิด เขาไม่สบายใจถ้าหากจะให้อีกคนจ่ายให้แม้ณภัคจะไม่ว่าอะไรก็ตาม มันไม่ใช่สไตล์เขานี่หว่า แน่นอนว่าจริงใจงอแงจนณภัคยอมให้เขาออกส่วนของตัวเอง แล้วบอกว่าครั้งหน้าณภัคค่อยเลี้ยง ร่างบอบบางได้แต่มองด้วยหางตาและพึมพำ ไอ้เด็กเวร เสียงเบา จะบ่นกับพีทก็ไม่ได้เพราะมันเอาแต่มองเด็กไฟแดงนั่นตาเยิ้ม อีกอย่างถ้าเขาว่าน้องจริงใจของมันนะ ณภัคนั่นแหละจะโดนด่าเสียเอง
เออ! ครั้งหน้าก็ครั้งหน้า พอยอมหน่อยแล้วทำมายิ้ม ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย!
TBC
สวัสดีจ้าาาาาา พาเจ้าหมูมาสังเวย มีจักรภัคมาด้วย งุงิ
คือแบบ ทิวาพูดเพราะอ่ะ บอกเลยว่ายังไม่ชิน5555555555 ตอนหน้าจะไปเจอเพลิงฟ้าล่ะ ทิวาสู้ ๆ !!
ตอนนี้คนเขียนเปิดเทอมแล้วนะคะ อาจจะมาอัพช้าเน้อ ขออภัยล่วงหน้าด้วยจ้า
ขอบคุณคนอ่านทุกท่านนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าคับ
บั๊บบัย ♥