ตอนที่ 16
‘วันนี้กูเริ่มงานใหม่...อยากให้มึงเป็นกำลังใจให้จากบนฟ้า’
ดวงตาคมจับจ้องรูปบนหินอ่อนพลางเอ่ยสื่อสารกับคนที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้ในใจ หินแวะมาหาเพื่อนในเช้าของวันที่ต้องเริ่มต้นสิ่งใหม่ เสียงนกร้องดังเคล้าเคลียกับบรรยากาศอันเงียบสงบรอบตัว ท้องฟ้ายังไม่แจ่มจ้ามากนักเนื่องจากเป็นเวลาเพียงเจ็ดโมงเช้า
ดอกไม้เหี่ยวเฉาที่นำมาให้เมื่อครั้งก่อนถูกนำไปทิ้ง ก่อนดอกไม้ดอกใหม่จะถูกวางลงแทนที่ให้ทุกอย่างดูสดใสกว่าเดิม
ขอให้ทุกอย่างราบรื่น
--
“ใครมีอะไรไม่เข้าใจมาถามหลังเลิกคลาสได้ สำหรับวันนี้พอเท่านี้ครับ”
ร่างสูงหน้าห้องเอ่ย ก่อนลงมือเก็บอุปกรณ์การสอนของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน เสียงนักศึกษาในห้องเคลื่อนไหวและพูดคุยกันดังจอแจ จนเมื่อเสร็จเรียบร้อยหินจึงเดินออกจากห้อง จบคาบแรกไปแบบไม่มีอะไรมากนัก
“อาจารย์คะ”
เสียงเรียกทำให้สองขาแกร่งหยุดชะงัก กระทั่งคนเรียกวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าจึงจำได้ว่าเป็นนักศึกษาในคลาสเมื่อครู่
“ครับ?”
“คือ...ถ้าเกิดไอมีอะไรไม่เข้าใจขออนุญาตรบกวนถามอาจารย์ได้ไหมคะ”
ใบหน้าสวยซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างลงตัวเจือความเกรงใจอยู่เล็กน้อย
“ได้ครับ”
“แค่ถามเผื่อไว้ก่อนน่ะค่ะ วันนี้ไอเข้าใจ อาจารย์สอนดีมาก”
รอยยิ้มกว้างแสนสดใสของคนตรงหน้าทำให้คนรอบข้างที่มองมาหลงใหลได้ไม่ยาก...แต่ไม่ใช่กับหิน
สถานะที่เป็นเพียงศิษย์กับอาจารย์ไม่อาจมีความรู้สึกใดๆได้มากกว่านั้น
อีกอย่างเพราะคนตรงหน้านี้ไม่ใช่แฟน“ขอบคุณครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
ลับหลังอาจารย์หนุ่มนักศึกษาสาวก็อมยิ้มกับตัวเอง ยามสายตายังคงจับจ้องไปทางที่อีกฝ่ายเดินไปอยู่อย่างนั้น
วินาทีแรกที่อาจารย์ศิลาเดินเข้าห้องมาความรู้สึกบางอย่างก็วิ่งเข้าชนเธอจนไม่อาจปล่อยผ่านเวลานี้แล้วรอไปจนถึงสัปดาห์หน้า การเริ่มต้นพูดคุยเล็กๆน้อยๆเป็นขั้นแรกของการทำความคุ้นชินและแน่นอนว่าคนอย่างไอรดาจะไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้
ก็ให้มันรู้ว่าระดับดาวคณะอย่างเธอจะไม่ทำให้อีกฝ่ายใจอ่อน
ทางด้านหินที่เดินมากระทั่งถึงห้องพักก็วางของในมือลงบนโต๊ะให้เป็นระเบียบเพื่อเตรียมตัวไปรับอีกคน ทว่าไม่กี่นาทีจากนั้นอาจารย์คนสนิทก็เดินเข้ามาหา เสียงเคาะประตูที่เปิดอ้าเอาไว้ดังเพียงไม่กี่ครั้งพอเป็นพิธี
“เป็นยังไงบ้างคาบแรก”
“ก็ดีครับ วันนี้ยังไม่มีอะไรมาก”
“ขนาดยังไม่มีอะไรยังสอนซะเกือบเต็มเวลาเลยนะ”
เอ่ยเย้าด้วยรู้ดีว่าคนเคยเป็นศิษย์เคร่งครัดกับการเรียนการสอนแค่ไหน
“อยากให้เด็กได้อะไรไปเต็มๆ ว่าแต่อาจารย์มาหาผมมีอะไรรึเปล่า” หินถามขึ้นพลางหมุนนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา
เกือบบ่ายสี่โมงแล้ว
“อ้อ ว่าจะชวนไปทานข้าว เลี้ยงให้กับอาจารย์พิเศษคนใหม่ มีธุระที่ไหนรึเปล่า”
“ขอโทษที ผมมีนัดกับแฟนแล้ว ไว้วันหลังแล้วกันนะครับ”
หินเอ่ยปฏิเสธด้วยเพราะอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ที่ค่อนข้างสนิทชิดเชื้อ ใบหน้าคมแสดงออกถึงความขอโทษขอโพย
“งั้นไม่เป็นไรๆ วันไหนว่างก็บอก”
คนเป็นอาจารย์ยิ้มรับ ไม่มีความขุ่นเคืองหินใดๆเลยสักนิดเนื่องจากเข้าใจดีว่าตัวเองเข้ามานัดอย่างกะทันหันเกินไป
“ได้ครับ ยังไงวันนี้ผมไปก่อน สวัสดีครับ”
“หวัดดีๆ”
ท่าทางรีบร้อนนั้นทำให้คนแก่หัวเราะพลางส่ายหัวน้อยๆ เรื่องของหนุ่มสาวแบบนี้เขาเข้าใจเพราะตัวเองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาก่อน
--
16.37 น.
แกร๊ก
ประตูห้องทำงานถูกเปิดเข้ามาโดยไม่มีการเคาะก่อนตามมารยาทเกือบทำให้เจ้าของห้องหลุดเสียงเอ่ยถาม กระทั่งเงยหน้าขึ้นเห็นคนที่เดินเข้ามาเต็มตาทุกคำพูดที่กำลังจะว่ากล่าวตักเตือนจึงถูกกลืนลงคอ ปากกาในมือถูกวางทิ้งลง เอกสารบนโต๊ะกลายเป็นสิ่งไม่สำคัญในทันใด
“ไหนบอกจะมาห้าโมงไง”
ร่างบางผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปหาคนตัวโตอย่างรวดเร็ว
“กลัวคนแถวนี้คิดถึง”
คนพูดยกยิ้มมุมปากยามทอดสายตามองคนที่สูงถึงเพียงปลายคางตรงหน้า
“ไม่ใช่ว่าคิดถึงกูมากจนต้องรีบมารึไง”
ใบหน้าสวยเชิดขึ้นด้วยท่าทางนางพญา ไม่ยอมแพ้อีกคนโดยง่ายแม้ว่าความจริงจะเป็นตามที่หินพูด
ยอมรับเลยว่ารอเวลาเลิกงานมาทั้งวัน
“หึ ถามตัวเองที่เป็นคนงอแงเถอะ”
“ใครงอแง”
เสียงหัวเราะทุ้มดังขึ้นในลำคอเมื่อเจ้าตัวเอ่ยถามกลับได้อย่างหน้าตาเฉย นิสัยไม่ยอมแพ้ในตอนนี้ช่างแตกต่างจากเด็กขี้งอแงและขี้อ้อนในวันนั้น น่าหมั่นไส้เสียจนหินอยากลองนึกแกล้ง
“ถ้าไม่มีใครงอแงคิดถึงกูก็ดี อาจารย์ที่มหาลัยนัดไปทานข้าว จะมาบอกว่าวันนี้คงไม่ได้ไปกับมึงแล้ว”
เพียงเท่านั้นใบหน้าของแฟนก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งอย่างไม่อาจเก็บอาการ ความรู้สึกหลากหลายโถมเข้ามาในอก ทั้งโกรธ น้อยใจ ไม่พอใจ และอีกมากมาย
ปฏิกิริยานั้นเกือบทำให้หินหลุดยิ้มทว่าแรงทุบบนอกที่ซัดเข้ามารวดเร็วและรุนแรงก็ทำให้เจ็บจนสะอึก
“งั้นมึงก็ไปเลย จะไปไหนก็ไป”
มากกว่าแรงบนฝ่ามือคือความเกรี้ยวกราดทางแววตาและน้ำเสียง คนไม่ได้ตั้งตัวมึนงงอยู่ชั่วครู่ หากแต่เมื่อตั้งสติได้อีกคนก็หมุนตัวก้าวฉับๆไปทางด้านหลังจนต้องรีบก้าวตาม กระทั่งแฟนหยุดนิ่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน สายตาจับจ้องออกไปยังภาพวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพนอกบานกระจกอย่างสะกดกลั้นอารมณ์
“แฟน”
หินลองเอ่ยเรียกแต่คนถูกเรียกไม่แม้แต่จะมีปฏิกิริยาตอบรับ มือหนาที่วางแตะลงบนไหล่เล็กก็โดนสะบัดออก
คราวนี้คนขี้แกล้งได้แต่ถอนหายก่อนจะขยับเข้าไปโอบกอดแฟนเอาไว้จากทางด้านหลัง
เล่นจนได้เรื่อง
“ปล่อย”
คำสั่งมาพร้อมกับการพยายามดิ้นหนี แต่ท่อนแขนแกร่งจึงรัดแน่นขึ้นจนสุดท้ายแรงขืนตัวนั้นจำต้องหยุดนิ่ง
“กูล้อเล่น ปฏิเสธเขาไปแล้วก่อนจะรีบมาหามึง”
คนโกรธใช่ว่าจะหายเมื่อได้ยินคำอธิบาย ยิ่งรู้ว่าอีกคนล้อเล่นกับความรู้สึกยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
ไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้ทั้งที่อยากกอดอยากอ้อน ในเมื่อโดนแบบนี้ใครจะไม่โกรธได้ลง
“สนุกเหรอที่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึกกู”
คนฟังถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินประโยคที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าเจือไปด้วยความเสียใจ ใบหน้าคมซบลงกับไหล่เล็กพลางพรมจูบไปทั่วหลังใบหูของคนในอ้อมกอดเป็นการขอลุแก่โทษ
ทั้งที่เป็นช่วงเวลาที่ดีแท้ๆ
“ขอโทษ”
ไม่มีคำเอ่ยออดอ้อนแก้ตัวอะไรยืดยาวให้มากความ เมื่อผิดก็กล่าวขอโทษออกไปโดยไม่ลังเล
นานหลายนาทีที่แฟนใช้เวลาสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ขณะที่แรงโอบรัดจากด้านหลังก็ไม่แม้แต่จะคลายลง สัมผัสบางเบาจากริมฝีปากได้รูปยังคงทาบทับไปทั่วหลังคอ
“พอแล้ว” เอ่ยห้ามพร้อมทั้งหมุนกายกลับไปหาคนด้านหลัง “ห้ามเล่นแบบนี้อีก กูโกรธเพราะกูเสียใจ มึงสัญญาเอาไว้แล้ว”
“กูเข้าใจ ขอโทษที่เล่นโดยลืมคิดถึงความรู้สึกมึง”
หินเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิด แววตาคมที่หม่นแสงลงทำให้คนมองถอนหายใจ เพียงเท่านั้นก็ใจอ่อนยวบยาบลืมเลือนความรู้สึกก่อนหน้าจนหมดสิ้น ก่อนจะโถมตัวเข้าไปกอดอีกคนเอาไว้ทั้งตัว
“ยินดีกับงานใหม่ของมึง ขอให้การทำงานราบรื่นทุกอย่าง”
ตั้งใจจะเอ่ยประโยคนี้ตั้งแต่อีกฝ่ายเข้ามาแต่เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่เลยทำให้เกิดบรรยากาศไม่ค่อยดีนักขึ้นเสียก่อน
คำอวยพรที่หินยิ้มรับพลางกอดตอบอีกคนแน่นขึ้น เกิดความอุ่นใจกับการใส่ใจสิ่งเล็กๆน้อยๆของแฟนจนข้างในฟูฟ่อง
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเพราะ ปล่อยเลยกูจะไปดูเอกสารต่ออีกหน่อย จะได้รีบกลับ”
แฟนผละตัวออกห่างยามในอกรู้สึกแปลกๆกับคำพูดไม่คุ้นชินนั้น ราวกับขัดเขินพิลึกจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
ใช่ว่าไม่ชอบคนพูดเพราะแต่อยู่ด้วยกันก็พูดปกติก็ได้
“งั้นเดี๋ยวกูนั่งรอ”
คำพูดบอกจะนั่งรอทว่าอ้อมแขนแกร่งที่คล้องอยู่รอบเอวกลับไม่มีทีท่าจะขยับออกจนต้องเอ่ยท้วง
“จะนั่งรอก็ปล่อยสิ”
พอพูดออกไปก็เห็นคนตรงหน้ายกยิ้มอยู่ชั่วครู่จากนั้นสัมผัสบางเบาก็ทาบทับลงมาบนริมฝีปาก พลางแนบนิ่งอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนจะผละออก ทิ้งเพียงความอุ่นร้อนไว้เท่านั้นแล้วขยับถอยห่าง
แฟนมองตามร่างสูงที่หมุนตัวเดินไปทางโซฟาตัวใหญ่ด้วยความเข่นเขี้ยว เมื่ออีกฝ่ายชอบเล่นงานกันด้วยความอ่อนโยนแบบเมื่อครู่ กระทั่งหินเลิกคิ้วถามเพราะยังเห็นร่างบางยืนนิ่ง คนต้องดูเอกสารต่อเลยได้สติแล้วก้าวไปทรุดตัวลงบนเก้าอี้ทำงาน
--
“อะไร”
เสียงทุ้มถามขึ้นเมื่อกลับมาถึงห้องหลังจากไปทานข้าวและซื้อของกันได้ไม่กี่นาที แฟนก็ยื่นถุงบางอย่างมาตรงหน้า
“ของขวัญ” มือเล็กขยับเร่งเร้าให้หินรับไปจนสุดท้ายชายหนุ่มก็ไม่อาจปฏิเสธ
“ของขวัญอะไร”
หินยังคงถามต่อด้วยความสงสัยขณะที่อีกคนก็ทรุดกายนั่งลงข้างตัว ก่อนใบหน้าสวยจะพยักเพยิดแล้วบอกให้ลองเปิดดู
เทปสีใสที่ปิดปากถุงเอาไว้ถูกแกะออก กล่องอะไรบางอย่างในนั้นถูกหยิบออกมา และเมื่อพบว่ามันถูกห่อเป็นของขวัญอย่างดีจึงหันหน้าไปหาคนข้างตัว
“แกะสิ”
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อแฟนยังไม่ยอมเฉลยโดยง่าย จากนั้นมือหนาจึงเริ่มดึงโบว์ออกแล้วค่อยๆแกะกระดาษที่ห่อโดยรอบ ใช้เวลาไม่นานนักสิ่งนั้นก็ปรากฏ ก่อนจะแน่ชัดมากขึ้นยามหินเปิดกล่องออกดูของข้างใน
“ของขวัญวันเริ่มงานใหม่ของมึง”
ปากกายี่ห้อดังแสนหรูซึ่งถูกสลักชื่อไว้ปลายด้ามคือของขวัญที่ตั้งใจมอบให้กับอาจารย์คนใหม่ แฟนไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้วว่ามันสามารถถูกใช้งานให้เป็นประโยชน์ต่อหินได้
“ขอบใจ แต่ทีหลังไม่ต้องก็ได้ แค่คำอวยพรกูก็พอใจแล้ว”
หินปิดกล่องปากกานั้นลงแล้วเอาวางไว้บนโต๊ะพลางหันกลับมาหาคนข้างตัว
“กูอยากให้ อีกอย่างมันก็เป็นอะไรที่มึงใช้งานได้”
คำตอบนั้นทำให้หินยกคนตัวเล็กกว่าขึ้นมานั่งตักโดยที่เจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ต่างฝ่ายต่างยังคงอยู่ในชุดทำงาน แต่เวลานี้ไม่มีใครคิดจะไปอาบน้ำหรือทำอะไรทั้งสิ้น
“เอาใจกูแบบนี้หวังผลอะไรหรือเปล่า” หินแกล้งหรี่ตาลงถาม
“กูต้องหวังผลอะไร”
คนถูกถามเอ่ยตอบพร้อมทั้งยกมือขึ้นคล้องลำคอแกร่งตามความเคยชิน เมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสองการพูดคุยโดยไร้ซึ่งการแนบชิดแทบจะไม่มีเลยสักครั้ง
ต่างฝ่ายต่างเคยชิน
“ก็เผื่อไปทำอะไรผิดไว้”
“กูไม่ใช่มึง ไม่รู้ว่าวันนี้ไปอ่อยนักศึกษาคนไหนไว้หรือเปล่า”
“หึ สอนเสร็จก็รีบไปหามึงขนาดนั้นจะได้ทันอ่อยใคร”
“ถึงทันก็ไม่มีสิทธิ์อ่อย” น้ำเสียงและแววตาของคนพูดมีแววเตือนอยู่กลายๆ
“มึงก็เหมือนกัน”
หินตอบกลับ มั่นใจในตัวเองว่าจะไม่ทำอย่างนั้นแต่กับคนบนตักแล้วไม่ค่อยมั่นใจนัก
ถึงแฟนจะไม่ได้อ่อยแต่รูปลักษณ์และหน้าตาของเจ้าตัวก็เหมือนอ่อยคนไปทั่ว คาริสม่าแผ่กระจายจนผู้ชายหลายคนจับจ้องแม้เดินอยู่เคียงกัน อย่างเช่นตอนไปห้างเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า
“ถ้าอ่อยมึงล่ะ ได้หรือเปล่า”
ปากเอ่ยถามแต่นิ้วแสนซนกลับขยับไล้ไปตามแผงอกโดยไม่คิดรอคำตอบ
สัมผัสที่เล่นงานไปตามร่างกายทำให้ลมหายใจของหินถูกพรูออกมาแผ่วเบา นึกอยากจับเด็กขี้ยั่วพลิกลงใต้ร่างแล้วทรมานให้หมดแรงในทันใด แต่ถ้าทำอย่างนั้นคงไม่สนุกเท่ากับการทรมานอีกฝ่ายอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เพราะคิดดังนั้นหินจึงใจเย็นรอกระทั่งกระดุมเสื้อถูกเล่นงาน เม็ดแรกผ่านไปกระทั่งถึงเม็ดที่อยู่พอดีกับขอบกางเกง สาบเสื้อที่ไร้ซึ่งอะไรรั้งเข้าไว้ด้วยกันหลุดลุ่ยไปคนละทาง ก่อนแฟนจะขยับตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วดึงชายเสื้อส่วนที่เหลือออกจากกางเกง พลางปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายนั้นให้เรียบร้อย
เมื่อเสร็จแล้วใบหน้าสวยก็โน้มลงมาใกล้ ระยะห่างระหว่างกันสั้นลงจนลมหายใจหลอมรวมเป็นหนึ่ง ทว่าวินาทีที่ริมฝีปากกำลังจะแตะสัมผัสกันแฟนกลับเป็นฝ่ายหยุดชะงัก
“อาบนั้นก่อนแล้วค่อยมาต่อดีกว่า เหงื่อออกมาทั้งวัน”
พูดจบร่างเล็กก็ขยับลงจากตัวแล้วก้าวไปทางห้องนอนอย่างรวดเร็ว ทิ้งคนถูกยั่วให้กัดฟันกรอดไว้ด้วยสภาพไม่เรียบร้อย ก่อนหินจะรีบผุดลุกขึ้นแล้วก้าวตาม ขณะคาดโทษอีกคนอยู่ในใจ
จะเล่นให้ยับ
“อึก อื้อ”
การจู่โจมพรวดพราดเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้แฟนจุกจนร้องแทบไม่ออก
การอาบน้ำที่เพิ่งผ่านพ้นไปต้องเรียกว่าใช้เวลาน้อยกว่าทุกครั้ง ผ้าเช็ดตัวก็ถูกอีกคนปัดผ่านร่างเพียงไม่กี่ที จากนั้นจึงถูกหินอุ้มมาวางบนเตียง เริ่มต้นอะไรต่อมิอะไรรวดเร็วจนแทบตั้งสติตามไม่ทัน
จะโทษใครได้ในเมื่อตัวเองยั่วให้อีกคนเป็นแบบนี้เอง
“ยะ อย่าเพิ่ง”
เมื่อหินตั้งท่าจะขยับคนซึ่งยังไม่ทันได้ปรับตัวจึงเอ่ยบอกเสียงสั่นแต่คนใจร้อนไม่คิดฟัง ส่วนร้อนจัดถูกดึงออกก่อนจะตอกตรึงกลับเข้าไปหนักแน่น เต็มแรง
“อื้อ”
ร่างบางโยกไหวสั่นคลอนตามแรงกระทั้น ความคับแน่นอึดอัดค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเสียววูบ ทว่าขณะความรู้สึกกำลังพุ่งสูงขึ้นร่างกายก็ถูกจับเปลี่ยนท่าไปอย่างรวดเร็ว
ร่างเล็กเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่า สองแขนค้ำยันอยู่กับเตียง ก่อนหินจะตามมาแนบชิดจากทางด้านหลังพร้อมทั้งสอดความใหญ่โตร้อนจัดเข้ามาแล้วสานต่อความร้อนแรงจากเมื่อครู่
ท่าทางที่เปลี่ยนไปทำให้ร่างกายสอดประสานกันได้ลึกขึ้นจนริมฝีปากสีสดถูกขบกัดเลือดแทบซิบเพื่อกลั้นเสียงร้อง มือบางกำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ ฝ่ามือใหญ่จับสะโพกของแฟนเอาไว้ทั้งสองข้าง บังคับจังหวะขยับกายให้เป็นไปอย่างที่เจ้าตัวต้องการ
เมื่ออารมณ์กระสันพุ่งสูง ร่างกายก็อ่อนแรงเพราะความเสียวซ่านจนในที่สุดแขนเรียวก็ไม่มีแรงพอจะรับน้ำหนัก ร่างกายส่วนบนจึงทิ้งซบลงกับเตียง ส่วนล่างโก่งโค้งให้อีกคนเล่นงานได้ถนัดมากขึ้น
หากแต่ต่อมาสะโพกสอบที่กระแทกกระทั้นรัวเร็วกลับลดจังหวะลงเป็นเชื่องช้าแต่ยังคงความหนักแน่น หินโน้มตัวลงไปหาคนที่แนบใบหน้าอยู่กับเตียง ปากร้อนพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังบางอย่างไม่เร่งรีบ
“อื้อ!”
เสียงร้องขัดใจเริ่มดังขึ้นเมื่อหินไม่ยอมขยับเร็วไปกว่านั้น สะโพกบางที่ตั้งท่าจะขยับเองก็ทำไม่ได้อย่างใจต้องการเพราะถูกฝ่ามือของอีกคนรั้งเอาไว้แน่น ยิ่งมือสากจากการเล่นดนตรีข้างหนึ่งสอดเข้ามาบีบบี้เม็ดตุ่มไตกลางอกที่ชูชันแฟนยิ่งรู้สึกอยากได้มากกว่านั้น
ไม่พอ มันไม่พอ
“หะ หิน”
เสียงเรียกชื่อสั่นพร่าเรียกร้อยยิ้มพรายให้จุดขึ้นบนในหน้าของคนตั้งใจแกล้ง หินรั้งกายบางให้ยืดขึ้นตั้งตรง เลื่อนมือขึ้นมาจับลำคอเล็ก บังคับให้ใบหน้าของแฟนแนบชิดอยู่กับหน้าของตัวเองก่อนจะไล้ปลายลิ้นซอกซอนไปตามหูเล็ก จนขนอ่อนของคนถูกเล่นงานลุกซู่ ขณะสะโพกก็ยังคงแกล้งขยับช้าๆ จากนั้นมืออีกข้างก็ฟ้อนเฟ้นไปทั่วแล้วจบลงที่แก่นกายเล็กสีระเรื่อ
“อ๊ะ”
โดนเล่นงานทั้งบนและล่างพร้อมกันทุกทางไม่อาจสะกดกลั้นเสียงร้อง กระทั่งในที่สุดหินก็หยุดขยับสะโพก ทำเพียงแช่ค้างเอาไว้อย่างนั้น พลันเล่นงานแฟนด้วยแค่สัมผัสจากมือและลิ้น
“ไม่เอา...หิน ขยับ”
ร้องขอด้วยความทนไม่ไหวเนื่องจากเพียงเท่านี้ไม่อาจพาไปถึงฝั่งฝัน เสียงหอบกระเส่าเต็มไปด้วยความต้องการ หยาดเหงื่อร้อนไหลโซมกายจากการต้องอดกลั้น
“อยากให้กูขยับเหรอ”
“อื้อ” เมื่อได้ยินคำตอบคนตัวโตก็ขยับเข้าออกเพียงหนึ่งครั้งจนเสียงร้องขัดใจดังขึ้นกว่าเดิม
“ก็ขยับแล้วไง”
มือหนายังคงไล้ไปมาบนแก่นกายเล็ก บ้างก็ขยับกอบกุม แล้วผละออกไปลูบไล้ส่วนอื่นอยู่อย่างนั้น
“อะ อีก” เพียงแค่จะขยับเองหินก็เลื่อนมือมาตรึงสะโพกเอาไว้ ไม่ยอมให้เคลื่อนไหวได้ตามอำเภอใจ
ริมฝีปากได้รูปพรมจูบไปทั่วหลังคอก่อนจะไล่จูบลงมาตามลาดไหล่ สัมผัสนั้นแสนอ่อนโยนแต่แฟนต้องการยิ่งกว่านั้นจนก่อเกิดความรู้สึกอึดอัดไปทั่วร่าง
อึดอัดจนน้ำตาคลอ
“พี่หิน อย่าแกล้ง”
สุดท้ายคำร้องขอก็หลุดออกมาจากปากเมื่อแค่จูบและการลูบไล้ไม่เพียงพอ
เสียงคล้ายกับจะสะอื้นทำให้หินจับร่างเล็กให้นอนราบแล้วแทรกตัวไปทาบทับตรงกลาง ขยับส่วนแข็งขืนถูไถเพียงภายนอก ยามสายตาจับจ้องคนใต้ร่างแนบชิด
“เด็กขี้ยั่วต้องโดนลงโทษ”
“อื้อ ไม่ลงโทษ”
แฟนร้องออกมาอย่างหมดสภาพ ยอมหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง กลายร่างเป็นเด็กงอแงที่ไม่ได้ของเล่นจากผู้ใหญ่
“ไหน อยากได้อะไรพูดมาให้ชัดๆ”
ความฉ่ำเยิ้มจากส่วนที่ถูไถกันทำให้รับรู้ว่าอีกคนมีความต้องการมากแค่ไหน
หินเองก็ต้องการไม่ต่างกันแต่ถ้าเกมจบเร็วจะลงโทษเด็กช่างยั่วยังไง
“อยากได้พี่หิน” ยอมพูดออกมาโดยไม่รีรอ
“อะไรนะครับ” คนด้านบนแสร้งเอียงหูเข้าไปชิดริมฝีปาก บ่งบอกว่าให้อีกคนพูดซ้ำ
“อะ อยากได้พี่หิน”
เสียงหัวเราะถูกใจดังขึ้นก่อนหินจะผละกายออก ดันขาเรียวข้างซ้ายให้อ้ากว้างส่วนด้านขวาก็จับพาดบ่า ตอกตรึงแก่นกายเข้าหาช่องทางเล็กทันใด ให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายร้องขอแบบจัดหนักจัดเต็ม
เสียงครางหวานดังก้องพอๆกับเสียงของเนื้อที่กระทบกัน อีกทั้งเสียงเสียดสียังดังฉ่ำแฉะ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นเปล่งเสียงครวญจนแก้มแดงจัด คละเคล้าไปกับเสียงครางต่ำจากคนตัวโต
หนักหน่วงและยาวนาน...
“แฮกๆ”
เพียงแค่รอบสองที่ถูกเล่นงานแฟนก็หมดแรงจนทำได้เพียงนอนคว่ำหอบหายใจ ส่วนร้อนยังคงเชื่อมกันจากทางด้านหลัง เมื่อเสียงสะโพกกระทบกันพร้อมเสียงครางหยุดลง จึงมีเพียงเสียงดูดดึงไปทั่วผิวเนื้อที่ดังแผ่วเบา
ความนุ่มหยุ่นของกลีบปากร้อนแตะแต้มลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง ราวกับหินบรรจงจูบกระดูกแต่ละข้อไปจนกระทั่งถึงเอว ก่อนแฟนจะสะดุ้งเบาๆเมื่อแรงขบกัดนั้นเกิดขึ้นที่บั้นท้าย
“หมดแรงแล้วเหรอ” หินเอ่ยถามยามวกกลับมาจูบที่หลังคอชื้นเหงื่อ
“อื้อ” คนหมดแรงได้แต่ครางรับ
“หึ แค่รอบที่สองเอง”
แต่เป็นสองรอบที่ถูกเล่นงานอย่างหนักหน่วง!
แฟนอยากจะตะโกนตอบกลับไปแต่ไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปาก ปล่อยให้อีกคนลูบไล้ ตะโบมจูบ กอดกระชับร่างกายของตัวเองอยู่อย่างนั้น
“จุ๊บ จุ๊บ เหนื่อยก็นอนซะ”
หินไม่คิดแกล้งอะไรอีกเพราะรู้ดีว่าสองรอบเมื่อครู่มันหนักหน่วงสำหรับอีกคนมากแค่ไหน
ประโยคนั้นทำให้แฟนเอียงหน้ามาหาเชื่องช้า ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดหินก็แนบเรียวปากลงมาปิดกั้นก่อนจะไล่จูบไปทั่วข้างแก้ม
“ตะ แต่มึงยัง...”
รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่แข็งขืนอย่างแจ่มชัดเมื่อมันคับแน่นอยู่ในร่างกาย จำได้ว่ายามตัวเองปลดปล่อยหินยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ
“กูจัดการตัวเองได้ มึงนอนเถอะ”
ถึงจะมีความต้องการมากแค่ไหน แต่หินก็ไม่เห็นแก่ตัวที่จะตั้งหน้าตั้งตาปลดปล่อยตัวเองโดยไม่สนใจอีกคน
ตัวเขาไม่ต้องไปทำงานพรุ่งนี้แต่แฟนยังคงต้องไป
“แต่...” คนที่กำลังจะเอ่ยพูดถูกปิดปากด้วยจูบลึกซึ้งบ่งบอกว่าหินไม่ต้องการฟังคำใดๆ
“นอน เดี๋ยวกูจะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้”
สัมผัสยุบยับตามแก้มผละออกห่าง ก่อนบางอย่างซึ่งแทรกอยู่ในร่างกายกายจะถูกดึงออกไปจนเกิดเสียงร้องของแฟนเนื่องจากการเสียววูบ จากนั้นจึงได้ยินเสียงถอดถุงยางในวินาทีต่อมา
“...”
“ถ้าดื้อ คราวหน้าจะโดนกูแกล้งอีก”
คนที่ขยับลงมายืนข้างเตียงเอ่ยขู่ทิ้งท้าย จากนั้นจึงเดินด้วยร่างกายที่ไร้สิ่งปกปิดไปทางห้องน้ำ ขณะที่แฟนได้แต่ทอดสายตามองตาม คิดถึงความทรมานนั้นแล้วก็นึกขยาด บวกกับความเหนื่อยอ่อนที่ถาโถมจึงทำให้สติดับวูบลงไปในไม่กี่วินาที
ร่างสูงกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับอ่างเล็กๆในมือ เตียงนอนยวบลงตามน้ำหนักเมื่อหินทรุดตัวนั่งลง อ่างน้ำถูกวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนผ้าจะถูกบิดจนหมาดแล้วค่อยๆไล่เช็ดไปตามตัวคนหลับ
บางอย่างซึ่งยังคงมีความต้องการปวดหนึบเมื่อได้สัมผัสและเห็นร่างกายขาวเนียนตรงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นหินก็ข่มใจกัดฟันเช็ดตัวให้แฟนทุกซอกทุกมุมจนเสร็จ จากนั้นผ้าห่มผืนใหญ่ที่ถูกปูรองคราบคาวก็ถูกเปลี่ยนเป็นผืนใหม่ เมื่อคลี่คลุมร่างที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยแล้วจึงได้เวลาจัดการตัวเอง
--
เปลือกตาหนาปิดแน่นเข้าหากันเมื่อความรางเลือนระหว่างความฝันและความจริงเล่นงานในห้วงนิทรา ความอุ่นร้อนชื้นแฉะกำลังครอบครองแก่นกาย ทว่าคนกำลังหลับไม่แน่ใจนักว่านี่คือฝันหรือคือสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
หินพยายามต่อสู้กับความง่วงงุน สติที่ดำดิ่งลงไปกับความมืดถูกกระชากกลับ ดวงตาคมลืมโพลง ปรับสายตากับความสลัวอยู่สักพักจึงได้เห็นว่ามีบางอย่างขยับอยู่ตรงกลางกาย
“แฟน!”
เสียงเรียกชื่อดังขึ้นโดยไม่ต้องคิดว่าเป็นใครเมื่อหลับเคียงข้างไปกับอีกคน คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ปากยังคงครอบครองส่วนนั้น
“ทำอะไร” หินเอ่ยถามเสียงพร่า ความง่วงและความมึนงงตีกันไปพร้อมๆกับความเสียวซ่าน
“ไถ่โทษเมื่อคืน”
ผละริมฝีปากออกก่อนเอ่ยตอบ ทว่าจากนั้นก็ใช้ปลายลิ้นตวัดเลียจนคนถูกปรนเปรอเสียววูบ
“ไม่ต้องทำ อืม กลับมานอน”
ถึงจะเอ่ยห้ามแต่ความต้องการที่ถูกปลุกเร้าในยามเช้าแบบนี้ก็ไม่อาจปฏิเสธสัมผัสของแฟนได้จนหลุดเสียงครางต่ำ
ลิ้นและปากเล็กไม่คิดหยุดตามคำที่อีกคนบอก นอกจากจะไม่ฟังแล้วแฟนยังทำมากกว่าที่ทำอยู่ด้วยการครอบปากลงจนสุดพร้อมทั้งเม้มแน่นแล้วรูดรั้งรัวเร็ว อีกทั้งมือบางนุ่มนิ่มยังเคล้นคลึงไปตามใต้ฐานเป็นการปรนเปรอไปอีกทาง
ขยับไปสักพักริมฝีปากของแฟนก็หยุดนิ่งหากแต่ลิ้นไม่ได้หยุดตาม มันขยับไล้อยู่ใต้แก่นกายซึ่งพองโตคับปาก ก่อนจะปาดเลียตวัดผ่านรอยแยกเล็กๆ พลิกแพลงโอบรอบไปมาอยู่อย่างนั้นจนคนถูกเล่นงานส่งเสียงครางห้าว เส้นเลือดตามลำคอแกร่งปูดโปน
ยิ่งหินส่งเสียงมากเท่าไหร่คนทำยิ่งได้ใจเล่นงานหนักขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งสะโพกสอบเกร็งกระตุกบ่งบอกว่าใกล้ถึงปลายทาง แฟนจึงเร่งปาก ขยับเร็วๆอีกเพียงไม่กี่ครั้งความต้องการของหินก็ถูกปลดปล่อยออกมาเป็นน้ำสีขุ่น ซึ่งถูกดูดกลืนทำความสะอาดให้จนหมด
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งชั้นในและกางเกงนอนก็ถูกรั้งขึ้นมาไว้ที่เดิม
“หายกัน”
คนที่ปีนขึ้นมานอนบนตัวเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้มพร่างพราว หินใช้เวลาปรับลมหายใจให้เป็นปกติอยู่สักพักก่อนจะพลิกตัวให้อีกฝ่ายมาอยู่ใต้ร่าง
“ซนนักนะ”
“ไม่ชอบเหรอ” แขนเรียวยกขึ้นคล้องในตำแหน่งที่คุ้นเคย ใบหน้าสวยยิ้มกริ่ม
“ระวังจะได้โทรลางานฉุกเฉินอีก”
“แล้วใครกลัว”
“ที่โดนไปเมื่อคืนไม่เข็ดใช่ไหม”
เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางขยับหน้าเข้าหาซอกคอบาง กลิ่นหอมหวานของครีมอาบน้ำที่แฟนใช้ลอยกรุ่นให้คนชอบซุกซบดอมดมพรมจูบไปทั่ว
“ทำไมต้องเข็ด”
ท่อนแขนเรียวโอบรัดแผ่นหลังกว้างที่เปลือยเปล่าเข้าหาตัวเองให้มากขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ความใส่ใจของหิน...
“ขี้ยั่วอะไรขนาดนั้นวะ”
คนถูกว่าหัวเราะร่วนพร้อมทั้งขยับเอียงคอเปิดทางให้อีกคนจูบได้ตามใจ
“พี่หิน”
คำเรียกขานนั้นทำให้คนได้ยินชะงักกึก ใบหน้าคมผละออกห่างจากความหอมตรงหน้าเชื่องช้า ดวงตาเกิดคำถามถึงคำที่ไม่คุ้นชิน
จุ๊บ
“ขอบคุณนะ”
สัมผัสบางเบาเกิดขึ้นก่อนคำพูดนั้น คนไม่ทันตั้งตัวยังคงมึนงงกระทั่งร่างเล็กบดเบียดกายเข้าหาคลอเคลีย ริมฝีปากของแฟนแตะแต้มไปทั่วลาดไหล่
“เป็นอะไร”
หินถามขึ้นพลางสอดแขนโอบรัดแผ่นหลังคนใต้ร่าง จากนั้นจึงออกแรงรั้งจนกลายเป็นตัวเองนั่งพิงหลังกับพนักเตียงโดยมีแฟนซบอยู่กับอก
“เปล่า”
“ท่าทางมึงแปลก คำพูดด้วย ขอบคุณอะไร”
แฟนผละใบหน้าออกห่างแล้วเงยขึ้นมอง ส่วนหินก็ก้มหน้าลงมาสบสายตา
“ทุกอย่าง...ขอบคุณทุกอย่างเลย”
“...”
“ดีใจที่มึงเข้ามาในชีวิต รู้ใช่ไหม”
ดวงตาคู่สวยวาววับในความมืด ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดให้คนตรงหน้ารับรู้อย่างลึกซึ้ง
การกระทำเมื่อคืนมันสั่นไหวใจของแฟนจนกลายเป็นของหินไปหมดแล้วทั้งดวง ไม่เหลือแม้เศษเสี้ยวที่อยู่กับตัวเอง
“เหมือนกัน ดีใจที่เป็นมึง”
แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมแฟนถึงพูดถึงอะไรแบบนี้ แต่ความรู้สึกที่ไม่ต่างกันก็ถูกเอ่ยออกไปให้รับรู้ ก่อนฝ่ามือหนาจะสอดเข้ากับมือเล็กแนบแน่น
แฟนเอียงหัวพิงกับแผ่นอกกว้างพลางทอดสายตามองมือของตัวเองและอีกคน
“ห้ามปล่อยมือน้องนะ” ร่างเล็กเอ่ยออดอ้อนชนิดที่โลกของคนถูกอ้อนเอียงวูบ
หากคำว่าพี่หินสั่นไหวใจกันได้มากเท่าไหร่ คำว่าน้องก็เล่นงานได้รุนแรงกว่านั้นไปอีกหลายเท่า
“พี่สัญญา”TBC.
ตอนนี้เป็นตอนที่ไม่มั่นใจมาก ไม่ได้เขียนมาสักพักแล้วก็กลัวมันจะออกมาฝืดมากเลย
มันโอเคไหม ใครอ่านแล้วเป็นยังไงบอกโซแอลบ้างน้า ขอกำลังให้กับคนที่ทำข้อสอบไม่ได้&คนป่วยคนนี้ด้วยนะคะ ฮืออออ
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ