#28 (30%)
“ย้ำอีกทีอีกสองวัน เราจะไปค่ายวัน 3 วัน 2 คืนนะครับน้อง วันมะรืนเจอกันที่หน้าตึกนี้ เวลา 7 โมงตรง อย่าสายจะดีมาก! มาถึงแล้วต้องมาเช็คชื่อกับพี่ๆ ก่อนถึงจะขึ้นรถได้ น้องคนนี้ที่ติดธุระ ไปไม่ได้จริงๆ ให้มาคุยกับพี่หลังจากเสร็จการประชุมนี้ แต่ถ้าไม่ได้ไปยังไงน้องก็ต้องได้ซ่อมนะครับ ยกเว้นกรณีที่น้องต้องเข้าโรงพยาบาลถึงจะไม่ได้ซ่อม ใครมีคำถามยกมือขึ้นได้ครับ”
“...” จะหลับแล้ว
“ไม่มีนะครับ งั้นแยกย้ายได้ครับ”
ในที่สุด! ผมลุกขึ้นยืนก่อนใครเพื่อน ก่อนจะรีบดึงอินให้ลุกขึ้นตามไวๆ แล้วเดินไปที่หน้าตึก “อิน เลง่วง เลง่วงมากๆ เลย”
“รีบกลับคอนโด”
“เลต้องไปนอนก่อน ไม่งั้นได้หลับในแน่เลย”
“เว่อร์” อินว่า “แต่ทำไงดี เราไปส่งเลไม่ได้ด้วย มีงานต่อ”
“งานๆๆ จะทำงานอะไรนักหนาเนี่ย” ผมบ่น “ไหนบอกว่าชอบเลไง แค่นี้ก็ไม่ส่งไม่ได้”
ผลัก!
“โอ๊ย! ผลักหัวเลทำไม”
“ถ้าไม่คิดจะจริงจังก็อย่ามาให้ความหวัง” อินถอนหายใจ เขาว่าผมไปงั้นแหละ เพราะสุดท้ายแล้วอินก็หาทางออกให้ผม “เดี๋ยวเราโทรบอกเพื่อนให้มารับเล เอาไหม”
“ฮืออ เพื่อนคนไหนอะ ไม่เอานะ”
“อ้าว งั้นก็ไม่มีใครไปส่งแล้ว”
ผมเบ้ปาก “เดี๋ยวเลขับกลับคอนโดเองก็ได้”
“แน่ใจนะ” อินทำหน้ากังวลนิดหน่อย “เลดูง่วงมาก”
“อือๆ ไหวอยู่หรอก” หวังว่าจะเป็นอย่างนั้้นนะ
ผมแยกกับอิน แล้วเดินไปที่รถด้วยสภาพง่วงๆ ประตูรถเปิดออก ผมก้าวเข้าไปนั่งด้านใน ก่อนจะสะบัดหน้าไล่ความง่วงออกไป ให้ตาย ทำไมถึงได้ง่วงขนาดนี้
หวังว่าจะขับรอดไปถึงคอนโดนะ
ปี๊ดดดดดดดด!
เอี๊ยด!
ปัง!
เฮือก!
ผมสะดุ้งแล้วลืมตาขึ้น ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด สิ่งที่สัมผัสได้มีแต่แอร์เย็นๆ และห้องมืดที่มีแสงรำไรจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา
นี่ฝันเหรอ?
ผมบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกออกจากเตียง แต่พอออกจากห้องแล้วถึงกับต้องชะงัก เพราะสายตาบังเอิญหันไปเจอนาฬิกาแล้วพบว่านี่มันหกโมง… เช้า
“...”
OMG!
จะหลับยาวอะไรขนาดนั้น!
ถึงจะฝันว่ารถชนก็เถอะ แต่เมื่อวานผมก็คุ้นๆ ว่าขับรถมาถึงคอนโด จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนแล้วหลับเลย นึกไม่ถึงว่าจะหลับไม่ตื่นนานจนถึงวันใหม่ แล้วตอนนี้ตัวผมก็ยังใส่ชุดนักศึกษาตัวเมื่อวานอยู่เลย
ทำไมเลเป็นคนแบบนี้ล่ะ
ผมเบ้ปาก แล้วรีบไปอาบน้ำกำจัดความซกมก กระทั่งกลายร่างออกมาจากห้องด้วยสภาพหอมฟุ้งแทน ผมเดินไปที่ห้องครัว จัดการทำอาหารง่ายๆ เป็นอาหารเช้า ทำเสร็จอินก็เดินออกมาจากห้องด้วยสภาพพร้อมไปเรียน เขาหรี่ตามองเหมือนประหลาดใจ
“วันนี้ไม่ปลุกติวอะ” ผมทัก เพื่อพยุงการเรียนของผมก่อนที่มันจะตกต่ำไปมากกว่านี้ ปกติแล้วอินจะปลุกผมลุกขึ้นมาติวทุกเช้า แต่วันนี้ไม่
“เข้าไปแล้ว แต่เห็นใส่ชุดเดิมนอนทั้งอย่างนั้นเลยคิดว่าเลคงจะเหนื่อยมาก ก็เลยไม่ปลุก”
“เราง่วง” ผมวางไข่กระทะที่ทำเสร็จมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว ก่อนจะกวักมือเรียกอิน “มากินเร็ว”
ร่างบางเดินมานั่งที่เก้าอี้ อินพูดกับผมขณะราดซอสลงบนไข่กระทะ “เลดูเหนื่อยๆ นะ”
“เหนื่อยทุกวันนั้นแหละ”
อินไม่ได้ว่าอะไรต่อ เรารีบกินข้าวก่อนจะขับรถคนละคันออกไปเรียน เรื่องแปลกเรื่องที่หนึ่งคือวันนี้ผมเรียนพอรู้เรื่องกับเขาบ้าง เรื่องแปลกเรื่องที่สองคือวันนี้สามสหายนั้นไม่ได้มาเรียน ผมเก็บความสงสัยเอาไว้คิดว่าเจอกันเมื่อไหร่ค่อยถาม เพราะพรุ่งนี้ยังไงเราก็จะได้ไปค่ายด้วยกันอยู่แล้ว
เรียนเสร็จ อินขอตัวไปทำงาน ส่วนผมไปหาอะไรทำกับพี่กรีนเนื่องจากถูกอีกฝ่ายชวน ผลสรุปของเราคือเกมเซ็นเตอร์ เล่นจนเหนื่อยแล้วพี่กรีนถึงพาผมมานั่งกินไอติม
“แฟนพี่กรีนไม่ว่างเหรอ ถึงได้มาชวนเลเนี่ย” ผมแซว
“แหม แฟนพี่มันก็ไม่ว่างตลอดนั่นแหละครับ คนอื่นเขาถึงคิดว่าพี่ไม่มีแฟนไง เห็นมันบอกว่าวันนี้มีงานใหญ่ที่คลับพี่ฮิม”
“อ๋อ” ผมครางรับไม่ได้ถามอะไรต่อ จนกระทั่ง...
“น้องเลดูเหนื่อยๆ นะ” เสียงทุ้มทัก ช่างคลายกับประโยคที่อินพูดกับผมในตอนเช้าจนนึกสงสัย
“เลแปลกไปเหรอ”
“น้องเลไม่ได้แปลก แค่ดูเพลียๆ”
ผมรับไอศกรีมรสสตอเบอร์รี่เข้าปาก “ก็ดูแต่ละเรื่องที่เข้ามาในชีวิตเลสิ”
“อ่า ฮ่าๆ นั่นสินะ เมื่อวานคนอื่นเขาพูดกันสนั่นเลยว่าน้องเลมีเรื่องกับเดวานิเทศ”
“เขาพูดกันต่อไหมว่าเพราะอะไร”
“เหมือนเขาจะพูดกันว่าเพราะเลหวงพี่ฮิม”
“...”
“ก็แต่ก่อนตัวติดกันตลอด แต่ช่วงนี้ดันไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย คนอื่นเขาเลยสงสัยว่าพี่น้องมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
“อ่า” ผมพยักหน้ารับ ส่วนใหญ่คนอื่นยังคิดว่าผมกับพี่ฮิมเป็นพี่น้องกัน มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่ามันไม่ใช่ อย่างช่วงที่เคยคบกัน เราไม่ได้ป่าวประกาศ แต่ผมว่าช่วงนั้นแก็งโรซารี่เริ่มรู้แล้วว่าผมกับพี่ฮิมไม่ใช่พี่น้องกัน เราอยู่ด้วยกันนานเกินกว่าที่คนเป็นแฟนกันควรจะเป็น และความสัมพันธ์ของเรามันมีหลายสถานะ แต่ไม่รู้ว่ามันมาสิ้นสุดอยู่ที่สถานะ ‘ห้ามรู้จักกัน’ ได้ยังไง
ผมเรียกแบบนั้น เพราะในใบสัญญามันระบุว่าเราจะตัดขาดต่อกันถาวร ผมแปลได้ว่ามันคือการห้ามรู้จักกันในทุกสถานะ
“น้องเล” พี่กรีนเรียกอีกฝ่ายเขย่าตัวผมแรงๆ “ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ได้”
“...”
“พี่ไม่ชอบให้น้องเลเหม่อเลย”
“เลบังคับตัวเองไม่ได้” ผมถอนหายใจ “เลอยู่นิ่งเลก็เหม่อ อยู่ไม่นิ่งเลก็เหนื่อยนี่”
“ผ่อนคลายหน่อยไหม”
“ยังไงครับ” ผมเท้าคางมองด้วยความสงสัย
“วันนี้มีงาน” พี่กรีนว่า “งานใหญ่ด้วย งานวันเกิดไอ้ซี เพื่อนเรียนบริหารของพี่เอง ไม่รู้ว่าน้องเลจะรู้จักหรือเปล่า”
“อืม ไม่แน่ใจแฮะ”
“มันจัดงานเลี้ยงวันเกิด สถานที่พี่ยังไม่แน่ใจ แต่งานน่ะใหญ่แน่ เพราะบ้านมันรวย” ผมมองหน้าพี่กรีน “ถ้าน้องเลอยากไปเดี๋ยวพี่จะไปรับที่คอนโดน้องอิน”
“เลไปได้เหรอ”
“พี่ว่าไอ้ซีมันยิ่งกว่าเต็มใจเลยล่ะ” พี่กรีนหัวเราะก่อนจะโน้มใบหน้ามากระซิบที่ข้างหูผม “มันชอบน้องเล”
ผมกระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วลองถามดู “รวยแค่ไหนเหรอครับ”
“พูดแบบนี้แสดงว่าสนใจใช่ไหมเนี่ย”
“ไม่รู้สิ”
“ไม่เท่าไหร่ แค่ลูกเจ้าของสายการบิน”
20.49 น.
สุดท้ายไปจนได้
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจ หันซ้ายหันขวาแล้วมองตัวเองในกระจก
ผมอยู่ในชุดเสื้อสีดำตัวใหญ่ ผ้าลื่น ข้างหนึ่งปาดไหล่ลงมานิดหน่อยจนเผยให้เห็นไหล่ขาวๆ ของผม กางเกงเป็นกางเกงขายาวสีดำตามปกติ ไม่ได้รัดอะไรมาก ผมใส่โชคเกอร์สีดำตรงคอ มันมีกระดิ่งห้อยเอาไว้ด้วย ตอนเดินเลยได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งเล็กน้อย มีกำไลข้อมือสีเงินและต่างหูรูปกากบาทเป็นพร็อพเสริมอีกนิดหน่อย ทรงผมไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากติดกิ๊ฟที่เป็นรูปเครื่องหมายกากบาทเข้ากันกับต่างหู
“โอเคไหมเนี่ย” ผมพูดกับตัวเอง ยิ่งถูกพี่กรีนขอร้องว่าขอให้แต่งตัวดูดีอยู่ด้วย คือตอนที่ผมบอกว่าจะไปด้วย เราสองคนก็เลยไปซื้อของขวัญกัน ผมเลือกเข็มขัดแบรนด์ดังเป็นของขวัญ แต่พี่กรีนไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้เพื่อนตัวเอง สุดท้ายเจ้าตัวก็เลยหันมามองผมแล้วขอร้องให้ผมเป็นของขวัญที่พี่กรีนจะให้เพื่อนแทน
หยุด! ของขวัญที่ว่าไม่ใช่การที่ผมถูกส่งไปเป็นคู่นอนหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ ไหนๆ ผมก็จะไปอยู่แล้ว พี่กรีนเลยขอให้ผมแต่งตัวให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เจ้าตัวบอกว่าอย่างให้พี่ซีตะลึงตอนเห็นผม เพราะพี่เขายังไม่รู้ว่าผมจะไปงานวันเกิดเขา ส่วนของขวัญของพี่กรีนก็คือการที่อีกฝ่ายพาผมไปงานวันเกิดพี่ซีได้นั่นแหละ
“โอเคแล้วแหละ” ผมพูดให้กำลังใจตัวเองเป็นจังหวะเดียวกันที่โทรศัพท์สั่น พี่กรีนไลน์มาบอกว่าจอดอยู่หน้าคอนโดแล้ว ผมรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ กล่องของขวัญพี่ซีหรือพวกของจำเป็นใส่ในกระเป๋า ก่อนจะเขียนโพสอิสบอกอินว่าจะไปงานวันเกิดพี่ซีกับพี่กรีน อันที่จริงผมไลน์ไปบอกอินแล้วล่ะว่าจะไป เจ้าตัวบ่นนิดหน่อยเพราะพรุ่งนี้เราจะต้องไปค่ายกันแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร ส่วนเรื่องค่าย ผมจัดกระเป๋าเอาไว้เรียบร้อย แล้วก็พยายามย้ำกับตัวเองด้วยว่าวันนี้อย่าดื่มเยอะ
ผมสะพายกระเป๋า ปิดห้องแล้วลงลิฟต์มาขึ้นรถที่หน้าคอนโด พี่กรีนชะงักตอนเห็นผม นัยน์ตาคมไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะนิ่งไป ผมเสียความมั่นใจนิดหน่อย
“มันไม่โอเคเหรอ” หรือผมแต่งน้อยเกินไป ?
“อ่า ไม่ๆ น้องเล” พี่กรีนนิ่งค้างไปอีกครั้ง “ให้ตาย! ขนาดพี่เองก็เป็นรับนะแต่…”
“หือ” ผมเอียงคอมอง พี่กรีนพูดอะไรเลไม่เข้าใจ
“พี่ว่าวันนี้เลอย่าอยู่ห่างพี่จะดีกว่านะ”
“โอเคๆ” ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นรอ แต่ไม่ถึง 20 นาทีเท่านั้น รถก็จอดสนิท
“ถึงแล้วครับ” พี่กรีนว่า ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วลงจากรถ พอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นสถานที่แล้วถึงกับต้องสบถในใจ
เวร
ทำไมผมถึงไม่รู้จักการเชื่อมโยงบ้างเลยนะ สามสหายที่ไม่มาเรียน แฟนพี่กรีนที่บอกว่าวันนี้มีงานใหญ่ และงานฉลองวันเกิดของพี่ซีที่ต้องจัดใหญ่แน่ๆ เพราะเป็นถึงลูกเจ้าของสายการบิน สามอย่างนี้ถ้าเอามารวมกันแล้วสามารถบอกสถานที่อย่างเด่นชัดได้เลยทีเดียว
คลับพี่ฮิม
คลับแรกที่ผมได้เข้าและยังเป็นคลับแรกที่ผมคิดว่าจะไม่เข้าไปอีก
“น้องเล ทำไมนิ่งไปเป็นอะไรหรือเปล่า” พี่กรีนถาม “พี่ก็พึ่งมารู้มามันจัดที่คลับของพี่ฮิม ถ้าน้องเลไม่โอเค ไม่ต้องเข้าก็ได้นะ ถ้าอยากกลับเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
กับพี่กรีน ถึงเราจะสนิทกันในระดับนึง แต่อีกฝ่ายคงจะยังไม่รู้เรื่องราวระหว่างผมกับพี่ฮิมมากนัก ถ้ารู้ ผมมั่นใจว่าร่างสูงจะไม่พาผมมาแน่ๆ
ผมไม่ได้โกรธพี่กรีน
“ไม่เป็นไรครับ มาแล้วก็เข้าไปเถอะ” ผมว่า
ในสัญญามันบอกว่าให้ผมตัดขาดจากพี่ฮิม แต่มันไม่ได้บอกซะหน่อยว่าผมจะเข้าคลับของเขาไม่ได้
พี่กรีนจูงมือผมเดินเข้าไปด้านใน แต่ก่อนจะเข้าพี่กรีนโดนตรวจบัตร ทว่าผมไม่ พนักงานตรวจบัตรก่อนเข้าคลับยังเป็นคนเดิม เขาดูแปลกใจที่เห็นผม ร่างสุงในชุดสูทสีดำยังคงโค้งให้ผมเหมือนครั้งก่อน แต่ว่าคราวนี้หลังจากโค้งปุ๊บเจ้าตัวก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาพูดปั๊บ นั่นทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อย
พี่กรีนพาผมเดินเข้ามาด้านใน เพลงมันส์ถูกเปิดดังลั่นคลับ สิ่งแรกที่ผมทำคือมองไปรอบตัวแล้วภาวนา
หวังว่าวันนี้ผมจะผ่อนคลาย ไม่ใช่เครียดหนักกว่าเดิม
(30%)
น้องเลเริ่มปลงจริงๆ แล้ว ระดับลูกเจ้าของสายการบินนี่ก็ไม่ธรรมดาน้าาาาา
#วิศวะแดนแฟนมีเกียร์ (ไม่ใช่สระเอสองตัวนะ)
twitter ; @_mdreds