เสือไบ:the series (ตอน 38)
วันนี้เป็นวันที่ผมลาพักร้อนวันแรก ตื่นขึ้นมาเฮ้อรู้สึกแย่(มันเป็นความรู้สึกเหมือนผมอกหักครั้งแรกอย่างไงอย่างงั้นเลย). เมื่อคืนเฝ้าคิดเรื่องที่ผมทำลงไปทั้งคืนเลย...คิดว่าผมทำผิดมากไปเหรอเปล่า ยิ่งได้เห็นพี่พีสภาพแบบนั้น มันยิ่งตอกย้ำความผิดที่ผมทำลงในจิตใจผมมากขึ้น ผมทำอะไรลงไปนี่...ผมทำแบบนั้นกับพี่พีได้ไง.... แต่อีกเสียงหนึ่งมันสะท้อนมาว่า......ถ้าไม่ทำแบบนี้อีกหน่อยผมอาจจะทำร้ายแกมากกว่านี้ก็ได้ ผมนั่งสงบจิตสงบใจสักพัก ผมตัดสินใจทำไปแล้ว..ผมก็ต้องเตรียมพร้อมรับผลของการกระทำที่ผมได้ทำไป... ผมจะมาเสียใจไปทำไม ในเมื่อผมเองแหละที่ตัดสินใจทำไป.... ทำไปทั้งๆ ที่คิดแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีประโยชน์ที่มาคิด มาใคร่ครวญแบบนี้ (นิสัยผมก้อแบบบนี้แหละ) แต่อย่างที่ผมบอกแหละ ผมรักพี่พี....แม้จะเป็นความรักในอุดมคติ แต่มันก็เป็นความรัก ผมผูกพันธ์กับแกมากมาก จะให้มาเลิกคิดเลิกผูกพันง่ายๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
วันนี้ผมไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอะไร เป็นวันลาพักร้อนของผม แต่วันนี้ทั้งวันผมจะทำอะไรดีล่ะ ถ้าไม่หาเรื่องทำภาพของพี่พีคงจะมาหลอกหลอนผมทั้งวันแน่เลย ภาพในอดีตต่างๆ ภาพที่ผมเจอเมื่อวาน เฮ้อ มันทรมานจริงๆ (ฮ่าฮ่า ขอบรรยายโดยใช้เพลงนะ... มุขเดิม)
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=blueberrycpie&month=11-2005&date=17&group=11&gblog=60ตื่นขึ้นมาด้วยความตั้งใจ จะทำอะไรที่ยังค้างคา
อยากทำตัวให้มันวุ่นวายจนกว่า วันจะผ่านเลยไป
เช็ดฝุ่นตามแจกันล้างจาน และจัดห้องนอนให้มันดูใหม่
จัดดอกไม้พรวนดินรดน้ำเล็มใบ วันนี้คงยาวนาน
ผ่านเวลามาเกินเที่ยงวัน ถึงทำอะไรที่เป็นเรื่องราว
แต่ที่ทำลงไปก็เปลืองแรงเปล่า ยังไม่ลืมความหลัง
ทั้งที่ทำอะไรเรื่อยไปไม่หยุด ไม่ยอมให้ใจมันว่าง
แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยสักอย่าง ยังทุรนทุราย
ก็ในใจฉันมันยังรักเธอ มันยังฝังใจ มันยังไม่ลืม
เกลียดที่หัวใจที่ยังฝังจำ ที่ยังฝังใจ ที่ยังไม่ลืม
ไม่เข้าใจทำไมยังเป็นแบบนี้
เกือบเที่ยง ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย.. เฮ้อ ทำไมจะทำอะไรสักอย่างมันยากมันเย็นแบบนี้ จะนั่งดูทีวีก้อไม่มีสมาธิ ผมเหลือบไปเห็นแร๊กเก็ตเทนนิส หยิบมันขึ้นมาดู โหฝุ่นจับเพียบเลย นี่ผมไม่ได้ตีเทนนิสมานานเท่าไหร่แล้วนี่ ร่วมๆ สามปี เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะผมโดนทฤษฎีความใกล้ชิดเล่นงานล่ะซิ เทนนิส เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรัก.....แต่ผมก็ยอมทิ้งมันเพื่อไปหาอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรักมากกว่า แต่ตอนนี้ผมทิ้งสิ่งนั้นมาแล้วผมก็เลยกลับมาหามัน (ฮ่าฮ่า ถ้ากีฬาเทนนิสเป็นคน ผมคงโดนมันงอนหรือด่าผมน่าดู หนีไปแล้วจะกลับมาทำไมอีก ไปไม่รอดล่ะซิถึงซมซานกลับมาแบบนี้ ฮ่าฮ่า)
ผมมองที่ด้ามจับเป็นขุ๋ยแล้ว.. เฮ้อเดี่ยวคงต้องไปเดินเดอะมอลล์ซื้อที่พันกริฟมาเปลี่ยนแล้ว เย็นนี้จะได้ไปตีที่คอร์ท(คอร์ทเทนนิสที่ปากเกร็ดก้ออยู่ใกล้บ้านพักผม) ดีเหมือนกันออกไปข้างนอกบ้างจะได้เห็นผู้คน จะได้ลืมสิ่งที่มันติดตาติดใจแบบนี้ .....
หลังจากสามสิบนาทีผ่านไปผมมาถึงเดอะมอลล์แล้ว เดินซื้อที่พันกริฟ ซื้อเสร็จไม่รู้จะทำอะไรดี เฮ้อ จะดูหนัง ก็คิดถึงคนที่เคยมาดูด้วย จะนั่งกินอะไรก็คิด คิดอีกแล้ว.... ผมเลยมานั่งมองวิวที่หน้าเดอะมอลล์ จุดนี้จะมีคนเข้าคนออกเยอะมองๆ ไปก็เพลินดี..เด็กเทคนิคจับกลุ่มคุยกัน คู่หนุ่มสาวกำลังสวีทกัน ผู้ชายผู้หญิงกำลังโทรศัพท์หาเพื่อน เจ้าหน้าที่กำลังโบกแท๊กซี่ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะนั่งมองภาพต่างๆ เหล่านี้ได้นานขนาดนี้(ร่วมๆ สามชั่วโมง)
กำลังเพลินๆ ตื๊ดๆ เสียงโทรศัพท์ผมดัง..... อ้าวไอ้กายโทรมานี่หว่ะ.
"ว่าไง หายไปเลยนะมรึง" ผมทักทายมันก่อน
"กรูไปต่างจังหวัดมา มรึงว่างเปล่าคืนนี้หาเหล้าแด ...ก กัน"
"คืนนี้เหรอ ไม่ดีกว่าหว่ะ กรูไม่ว่าง"
"ไรฟะ กรูอยากเจอมรึงนะ"
"ไว้วันอื่นล่ะกัน ช่วงนี้กรูไม่ว่างจริงๆ" ผมโกหกมันไป ช่วงอกหักแบบนี้ ดื่มเหล้ามันจะทำให้ผมสติแตก
"อือ ไม่เป็นไร เดี่ยวกรูชวนคนอื่นก็ได้ แค่นี้นะเฟ๊ย เซ็งหว่ะ"
"อือ บาย" มันวางหูไปแล้ว...
ตอนนี้ผมไม่อยากดื่มเหล้า เหตุผลน่ะเหรอ ก็เพราะตอนที่ผมอกหักจากยัยกระเหรี่ยงครั้งแรกผมเกือบจะฆ่าตัวตายแล้ว..ก็เพราะดื่มเหล้านี่แหละ ...(ใครงง ไปหาอ่านตอนเก่าๆ เองนะครับ)
ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราเวลาอกหักหรือเสียใจทำไมต้องใช้เหล้าเป็นตัวช่วย มันช่วยได้จริงเหรอ ดื่มไปก็เมา เมามาแม้มันจะทำให้หลับ... ทำให้ลืม แต่หลังจากนั้นล่ะ หลังจากที่ตื่นขึ้น มันก็จำทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิมน่ะแหละ...
แล้วถ้าถามว่าทำไมผมชอบดื่มเหล้า ผมไม่ได้ชอบเหล้า ขมจะตายแต่ผมชอบบรรยากาศในการดื่ม ชอบบรรยากาศแบบมิตรภาพ เพื่อนฝูง คนรัก...(ถ้าเปลี่ยนเหล้าเป็นนม หรือเป็นน้ำอัดลมล่ะ ผมว่าก็ทำได้นะ แต่มันคงดื่มได้ไม่นานเท่าดื่มเหล้าหรอก) เหมือนในโฆษณาล่ะมั๊ง อยู่ได้นาน ก็สนุกได้นาน ใครเค้าจะดื่มนม หรือน้ำอัดลมยันเช้าได้ล่ะ ฮ่าฮ่า
ห้าโมงแล้วผมกลับมาจากเดอะมอลล์ตอนนี้มันเหมือนเดิมอีกแล้วแฮะ ภาพต่างๆ มันไหลเข้ามาอีกแล้ว ... เฮ้อ ทำไมเป็นแบบนี้ฟะ.... อยากลืมแต่มันก็กับจำ...หลังจากเปลี่ยนที่พันกริฟแล้ว อาบน้ำแต่งตัวชุดกีฬา สะพายแร๊ตเก็ตเทนนิสเดินทางไปคอร์ทเทนนิส ลงมาที่ลานจอดรถ (ฮ่าฮ่า ไม่มีรถหรอกครับ มีแต่จักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ คันเดียว)โห บีเอ็มเอ็กซ์ผม ฝุ่นเขรอะ ยางแบน เฮ้อ คงต้องเดินไปแล้วแหละ...(ระยะทางไม่ไกลนะครับ ประมาณ 300 เมตร) ระหว่างเดินไป ช่วงนี้เบลอๆ มันเป็นอาการของคนอกหักอย่างไงอย่างงั้นเลยแหละ ใกล้ถึงคอร์เทนนิส แล้ว
เอี๊ยด...........................! เสียงรถมอเตอร์ไชด์เบรก......
ผมสะดุ้งตกใจ เฮ้อ ผมเหม่อๆ อยู่ ตายละหว่า ตอนนี้ผมยืนอยู่กลางถนนเลย เดินตัดหน้ามอเตอร์ไซด์
"เอ๊ย อยากตายเหรอไง ครับ เอก อยู่ๆ เดินตัดหน้ารถผม...." มีเสียงด่ามาด้วย อ้าวพี่พันนี่เอง
อะแน่....คงสงสัยล่ะซิ....ว่าเค้าเป็นใคร แนะนำตัวละครตัวนี้ก่อนนะครับ
พี่พันเป็นเพื่อนที่ตีเทนนิสด้วยกัน ผมรู้จักพี่พันก่อนรู้จักพี่พีรู้จักตอนไปตีเทนนิสที่คอร์ทนี้ตอนปีสี่ หน้าตาแกดีนะ สูง 185 ซม. หุ่นประมาณคล้ายภราดร หน้าตาก็ประมาณ คีนูรีฟเมืองไทย...หล่อ ล่ำ นิสัยดี แต่แกขี้เก๊กบ จะประมาณพี่พี ไม่ค่อยพูด แกทำงานที่เดียวกับผม แต่คนละตึกกัน แกไม่ได้จบปริญญาตรี จบ ประมาณ ปวส.ที่จังหวัดมหาสารคาม.....
"ลมอะไรพัดมานี่ หายไปนาน"
"ลมไม่ได้พัดมาหรอกพี่ เดินมาครับ จะแข่งแล้ว ต้องมาซ้อมหน่อย เดี่ยวแพ้พี่อีก" ฮ่าฮ่า มีมุขด้วยผม ช่วงนี้มันต้นเดือนพฤศจิกายน ครับ ใกล้แข่งกีฬาหน่วยงานแล้ว(ประมาณ 13 -15 ธันวาคมของทุกปี)
หลังจากที่วอร์มอัพร่างกายและน๊อคบอร์ดประมาณ 15 นาที ผมก้อมาน๊อคบอลกับพี่พัน เฮ้อไม่ได้ตีมาเกือบๆ สามปี ตอนนี้ ไม่เนท ก้อรั้ว แต่ผมก็พยายาม จะฟื้นฟอร์มเก่าๆ ให้คืนมาโดยเร็ว...น๊อคประมาณ 30 นาที พี่กวางกับพี่ต้น มาขอเล่นเซทด้วย ผมอยู่ข้างพี่พัน ส่วนพี่กวาง กับพี่ต้นคู่กัน (คอร์ทที่นี่เค้านิยมเล่นเซทกันแบบคู่ไม่เล่นเดี่ยวเพราะสมาชิกมันเยอะ) เล่นกันไปอย่างสนุกสนาน ฟอร์มผมก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ เล่นวันแรกอะนะจะให้มันดีได้ไงล่ะ อีกอย่างใจผมมันยังว้าวุ่นกับเรื่องพี่พีอยู่ด้วย.....จนกระทั่ง ...มาถึงซอร์ตนี้ พี่กวางตีลูกโด่งมาที่ฝั่งผมกับพี่พัน ลูกมันมาตกอยู่ใกล้ๆ ผม ผมจะหลบไปด้านซ้าย พี่พันเตรียมจะตบลูก แต่มันเร็วมากๆเลย ครับ ผมจะหลบให้แกตบ แต่ .......
เปรี้ยง......
พี่พันตบโดน แต่ไม่ได้โดนลูกเทนนิส แต่โดนหัวผมเต็มๆ โดนที่ประมาณ ปลายคิ้ว ศรีษะด้านขวาแหละ... หลังจากที่สิ้นเสียง แล้ว ผมมองเห็นดาวมยุรี เอ๊ย ดาว เต็มหัวผมไม่หมด มึนสุดๆ...... ผมเอามือกุมศรีษะไว้ตอนนี้ต้องนั่งยองๆ แหละ.... เจ็บมากๆ พี่พัน พี่ต้น พี่กวาง รีบวิ่งเข้ามาดูผม...
"เป็นไงบ้าง ขอโทษครับ ไม่นึกว่าจะโดนหัว " พี่พันขอโทษผม
"ไม่เป็นไรมากพี่ มึนๆ พักแป๊บนะพี่ ดาวเต็มหัวแล้ว" ผมนั่งยองๆ รอให้มันหายมึน มือก็กดตรงหางคิ้วตรงที่โดนแร๊กเก็ตฟาดเมื่อกี๊ ตอนนี้เริ่มเจ็บแล้วด้วย.. หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจผมก็หายมึนแล้ว.. แต่เดอะเกมส์มัสโกออน ยังเล่นไม่จบเซ็ทเลย ไงก็ต้องเล่นให้จบ กำลังสูสี
"เล่นต่อได้เลย พี่" ผมลุกขึ้นมาแล้ว เตรียมพร้อมที่จะไปเสิร์ฟลูก..กำลังจะโยนบอลขึ้น มีน้ำสีแดงๆ หยดแหมะๆ บนบ่าด้านขวาผม .... เลือดผมออกจากแผลเมื่อกี๊แหละตอนนี้มันหยดลงแหมะๆ ผมเห็นเลือดแล้วแทบจะลมใส่...(ฮ่าฮ่า ปกติผมกลัวเลือดอยู่แล้ว แค่เห็นลมมันจะใส่ทุกที)
"เอก เลือกคุณไหล ครับ มีแผลแตกด้วย เอานี่ผ้าเช็ดหน้ากดแผลไว้ ไปโรงบาลดีกว่า ผมไปส่ง" พี่พันยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผมครับ ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูก... เห็นเลือดทีไรเข่าอ่อนทุกที
"ครับ" เหมือนว่าง่าย ผมเดินตามพี่พันไปขึ้นมอเตอร์ไซด์ เป็นอันว่าเซ็ทนั้นยกเลิกไป ผมรีไทร์เพราะได้รับแผลแตก(แอลตาซิลทำไมไม่ได้จ่ายให้ผมบ้างนี่)
ระหว่างทางไปโรงพยาบาล (ไม่ไกลนะแค่สามร้อยเมตร) ผมเผลอไปซบแผ่นหลังพี่พันเข้าแฮะ เฮ้อ ก็คนมันทำอะไรไม่ถูกนี่ครับ มือขวาเอาผ้าเช็ดหน้ากดผล มือซ้ายกอดเอวแก ....ไม่ถึงสองนาทีก็ถึงโรงพยาบาล โหผมโดนเย็บแปดเข็มแหละ เฮ้อ ครั้งแรกจริงๆ ที่มีแผลแตก ตอนนี้ผมเลยเป็นอินทรีย์คิ้วขาว (ขาวเพราะมีผ้าปิดแผลปิดที่หางคิ้วด้านขวา ฮ่าฮ่า)
หลังจากจ่ายเงินค่าเย็บแผล และรับยาแล้ว ผมกับพี่พันก้อกลับไปที่อคอร์ทเทนนิสอีกครั้ง
"เลิกดีกว่า ครับ "
"อ้าวทำไมล่ะพี่ พี่เล่นเถอะ ผมกลับบ้านได้"
"ไม่ดีกว่า ครับ ผมทำคุณเจ็บนะ มา... ไปบ้านผม เดี่ยวผม ทำข้าวต้มให้กิน จะได้กินยา ที่ได้มา"
"ครับ" เฮ้อ ไม่รู้จะปฎิเสธแกไปทำไม ตอนนี้ผมต้องการกำลังใจอยุ่แล้วนี่... พี่พันกับเผมเก็บแร๊กเก็ตเสร็จก็ออกมาจากคอร์ทเทนนิสเลยเราไปสโมสรกันก่อน (ซื้อพวกเครื่องข้าวต้ม และน้ำเต้าหู้ ) ซื้อเสร็จก็ไปบ้านพี่พันเลย...
มาถึงบ้านพี่พันแล้ว.. บ้านพี่พันเป็นบ้านพักราชการเหมือนกัน แต่เป็นประมาณบ้านพักชั้นโท(สองชั้น ประมาณบ้านไม้ เก่าๆ คล้ายๆ เทาว์เฮ้าส์ แต่เป็นไม้ อายุน่าจะเลย 20 ปีขึ้น อยู่ใกล้กับโรงเรียนของหน่วยงานที่ผมเคยเรียนและหลังโรงพยาบาลชื่อเดียวกับหน่วยงานของผม)
"โห พี่ อยู่คนเดียวไม่กลัวเหรอครับ ทั้งเงียบ ทั้งเปลี่ยว ทั้งไกลผู้คน" ผมบอกแกหลังจากที่ผมกับแกมาถึง..
"ทำไงได้ล่ะ ขอได้แค่นี้ จะเหมือนเอกได้ไงล่ะครับ ได้แฟลต" อ้าวประชดผมอีก ความจริงผมว่าได้บ้านดีกว่าได้แฟลตนะ พื้นที่ความเป็นส่วนตัวมันต่างกันเยอะ
"ครับ" ไม่อยากเถียงไรกับแก.....
แกเเก็บอุปกรณ์กีฬาไปเก็บขั้นบนส่วนผมนั่งรอแกอยู่ที่โต๊ะรับแขกแหละ แกเดินมาอีกที....
"ไปหลังบ้านกัน เดี่ยวผมทำข้าวต้มเครื่องให้กิน" แกเดินนำผมไปแล้ว.... ผมเดินตามไป
หลังจากที่เตรียมอุปกรณ์ เครื่องปรุง เฮ้อ คล่องแคล่ว จริงๆ ไม่น่าเชื่อมันขัดกับหน้าตาที่เข้มๆ หล่อๆ ของแกไงไม่รู้...
"กินได้แน่เหรอพี่ ฮ่าฮ่า" ผมแซวแก ครับ ทีแรกไม่อยากจะเชื่อครับ ว่าจะทำเป็น ผมคิดว่าแกน่าอยากจะทำเพื่อไถ่บาปที่ทำให้ผมได้แผล...
"โหอยากมาดูถูกผมนะเอก ผมทำกับข้าวกินคนเดียวทุกเย็น"
"จริงเหรอพี่ ดีจัง ว่างๆ ผมแวะมาฝากท้องด้วยดีกว่า" ฮ่าฮ่า ....
"เอาเลย ผมกินคนเดียว มันเหงาอยู่แล้ว มาได้เลย แต่ต้องหลังจากเล่นเทนนิสแล้วนะ"
"ได้พี่ ผมไม่เกรงใจนะ" หลังจากนั้นไม่นาน เฮ้อ ข้าวต้มเครื่องฝีมือพี่แกก้อมาอยู่หน้าผม หอมฉุ่ยเลย สีสันนี่ไม่ต้องพูดถึง น่ากิน(พูดจากใจจริงนะครับ ผมยังจำติดตาได้ดีเลย)
"มากินกันได้แล้ว อ้าวนี่ น้ำเต้าหู้ กินกับข้าวต้ม"
"โหสูตรไหนล่ะนี่ พี่ กินน้ำเต้าหู้กับข้าวต้ม" ผมงง เกิดมาก็ไม่เคยกินแบบนี้
"เปล่าหรอก ผมกินทุกเย็นแหละน้ำเต้าหู้ กินแล้วมันมีประโยชน์นี่ กินแล้วหน้าใส ดีกว่ากินเหล้าซะอีก" เฮ้อ ก็ถูกของแก.....
ผมตักข้าวต้มใส่ปากคำแรก โหอร่อยจริงๆ ไม่น่าเชื่อ แกยิ้มๆ
"เป็นไงครับ ใช้ได้เปล่า นี่เครื่องปรุง" แกยื่นพริก น้ำปลา มะนาวมาให้ผม
"ไม่ต้องหรอกพี่ รสชาด กำลังดีครับ ไม่ต้องปรุง" เป็นข้าวต้มที่ผมคิดว่าอร่อย อีกชามหนึ่ง อาจจะเพราะเห็นพี่พันตั้งใจทำด้วย และอีกอย่างมันก็อร่อยจริงๆ
กินเสร็จดื่มน้ำเต้าหู้ที่พี่พัน ใส่แก้วให้ผม ฮื้อ อิ่ม..หลังจากนั้น สักระยะผมก็กินยาตาม โดยพี่พันเป็นคนจัดยาจัดน้ำให้ เฮ้อ ......แกทำให้ผมคิดมากเลยครับตอนนี้ (คิดไรไม่บอกนะครับ)
"รีบกลับเปล่า ครับ นั่งดูโทรทัศน์ก่อนนะ เดี่ยวผมไปส่ง ขอตัวอาบน้ำก่อนนะ" แกบอก พร้อมเดินไปเปิดโทรทัศน์ให้ผมดู
"ครับ พี่" พี่พันเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำแล้ว ผมนั่งดูทีวีไปพลางๆ เฮ้อ บรรยากาศยามนี้มันวังเวงไงไม่รู้ มันไม่เหมือนบ้านผม ที่ค่อนข้างเปลี่ยว ได้ยินเสียงจิ้งหรีดจั๊กจั่นร้องด้วย....ดูไปตามันจะหลับเอาคับ เพราะฤทธิ์ยาบวกกับออกกำลังกายวันแรกและบวกกับการที่ผมไปนั่งเตร็ดเตร่หน้าเดอะมอลล์หลายชั่วโมงเลยทำให้ผมเพลียๆ อีกอย่างผมเสียเลือดด้วยมั๊งวันนี้.....
พี่พันออกมาจากห้องน้ำมาแล้ว... โหผมกำลังจะหลับๆ อยู่ตอนนี้ผมหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเลย ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะพี่พันแหละ แกออกมาจากห้องน้ำนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว (เฮ้อ ไม่เกรงใจแขกบ้างเลยนะพี่) มีกล้ามอกด้วยแฮะ เห็นแล้วแมนจริงๆ แต่เดี๋ยวครับ ที่กลางอกแกมีแผลด้วยแหละ เหมือนเอาเนื้อมาปะที่อกแบบนั้น....
"แผลอะไรเหรอพี่ ใหญ่จัง" ผมชี้ไปที่แผงหน้าอกของแก
"หน้าอกมันเป็นซีส น่ะ ต้องผ้าตัด หมอก็เลยตัดส่วนนี้ไป แล้วเอา หนังที่ขา มาปะ" แกชี้ให้ดูรอยตัดหนังตรงต้นขา..เห็นแล้วสยอง แต่ตอนนี้ผมเสียวน่ะ พี่พันเล่นยกขาตอนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
"ครับ"
"รอแป๊บนะ จะเสร็จแล้วไปใส่เสื้อก่อน " ไม่ถึงสิบนาที แกก็ออกมา และหลังจากนั้นแกก้อขี่มองเตอร์ไซต์ไปส่งผมที่บ้านผม ผมอยากจะอยู่ต่อ แต่มันง่วงจริงๆ แล้วช่วงนี้ผมกำลังว้าวุ่นใจอยู่ด้วยไงครับก็เลยกลับ...
"พรุ่งนี้ไปตีเทนนิสอีกเปล่า" แกถามผมหลังจากที่ถึงตึกผมแล้ว...
"โหพี่ เป็นอินทรีคิ้วขาวแบบนี้นะพี่ พักก่อน ครับรอแผลหายก่อน"
"งั้นสองทุ่มพรุ่งนี้ผมมารับนะครับ ไปกินข้าวบ้านผม เดี่ยวทำของอร่อยให้กิน"
"จะดีเหรอพี่ ผมเกรงใจครับ"
"เอาน่า สองทุ่มนะ เดี่ยวมารับถึงห้อง เตรียมตัวไว้ล่ะกัน เออ ขอเบอร์ไว้ด้วย เผื่อไว้.." หลังจากที่ผมให้เบอร์แล้วแกก็นั่งมอเตอร์ไซด์กลับ ผมเดินขึ้นห้องไป ......
ตอนนี้ ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น..... อาการเบลอๆ เมื่อตอนกลางวันตอนี้เริ่มหายไป... ภาพของพี่พันเริ่มเข้ามาแทนภาพของพี่พีแล้ว (ฮ่าฮ่า ต้องมีมิตรรักนักอ่านว่าผมแน่ๆเลยครับว่าทำไม ผมถึงเป็นแบบนี้ เฮ้อ ผมขอตอบด้วยคำถามนะครับ ....ว่า....ทำไมผมต้องทนกับความเจ็บปวดแบบนั้นด้วยล่ะ ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บ...สู้ลืม แล้วเริ่มต้นใหม่ไม่ดีกว่าเหรอจะมัวมาจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดไปทำไม)