ตอนที่ 31 คนยิ่งมากเรื่องยากยิ่งเยอะ 18/02/2558
ขวดเบียร์เล็กในมือถูกยกขึ้นจบ รสชาติขมปร่าแล่นผ่านคอ แสงสว่างจากตู้แช่ขนาดเล็กในห้องทำให้ห้องที่สลัวด้วยแสงจากโคมไฟสว่างขึ้นไปอีกนิดก่อนจะมืดลงอีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าเผลอเปิดตู้เย็นนานเกินควร เดี๋ยวเบียร์ที่เอาไปแช่ใหม่ก็เย็นไม่ทันกันพอดี
“เฮ้อ”เผลอทอนหายใจออกมารอบที่เท่าไหร่ของวันก็สุดจะนับ มีคนเคยพูดว่ายิ่งถอนหายใจมากก็จะยิ่งแก่ไวและจากเหตุการณ์ในวันนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองคงแก่ขึ้นไปอีกหลายปี อะไรบางอย่างที่เจ้าเฟอร์ดินมันเรียกว่าตีนกาคงชัดขึ้นอีกหลายเส้น
“แกจะหลับไปอย่างนี้อีกนานแค่ไหนหึ เจ้าหมา”อดจะเอาก้นขวดเบียร์เคาะหัวเจ้าตัวที่นอนหลับยึดเตียงเขาสบายใจด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ แต่จะไปโทษใครนอกจากตัวเขาเองที่ดันทะลึ่งขอมันมาจากหมอ พอขอมาได้ก็ไม่รู้จะเอาหมายักษ์ขนาดมันไปทิ้งไว้ตรงไหน จะทิ้งไว้พื้นก็ดูจะทารุณเกินไปนิด ทิ้งไว้โซฟาก็ดูจะเกะกะขว้างทางนั่ง ถ้าจะเอามาไว้ในห้องนอนก็มีแค่ห้องเขากับเจ้าเฟอร์ดิน เลิกความคิดที่จะไปฝากไอ้หมาบ้าไว้ที่ห้องไอ้เด็กนั้นได้เลย ยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด ขนาดเฟอร์ดินเจ้าเด็กที่เขาไว้ใจได้มากขนาดนั้นยังไม่ฝากไม่ได้ แล้วเขาจะไปฝากใครได้อีกหละ ดอนงั้นเหรอ ไม่มีทางเพราะเป็นผู้ชายคนนั้นเองนั้นแหละที่เอ่ยปากบอกให้เขาทิ้งมันไปซะ
“......ถ้ามันรักษาได้ก็รักษาอย่าปล่อยให้เรื้อรัง แต่หากมันรักษาไม่ได้ก็ตัดมันทิ้งไปซะ รอยแผลนั้นไม่เข้ากับหน้าของนายหรอกนะ” รอยแผลบนหน้าที่ไม่มีจริง กับบางสิ่งหรือบางคนที่เขาหิ้วกลับมาด้วย แค่ดอนยอมให้เขาเอามันมาอยู่ในบ้านหลังนี้มันก็มากเกินไปแล้ว
“ฉันจะทำยังไงกับแกดีนะ ไอ้หมาโง่”เส้นผมสีน้ำตาลที่ยาวจนปิดเปลือกตาไปข้างหนึ่งถูกปลายนิ้วของคนที่นั่งอยู่ข้างๆปัดมันขึ้นไปจนเผยให้เห็นคิ้วหนา และขนตายาวบนเปลือกตาที่ปิดสนิทนั้น ทำไมเขาถึงใจอ่อนให้มันตามมา ทำไมกันนะ
“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ”เสียงเรียกจากประตูห้องฉุดเรียกให้คนที่กำลังจมอยู่ในหวงความคิดลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริง
“อืม เดี๋ยวตามไป”คนที่มาเรียกปิดงับประตูลงอีกครั้ง ทำให้เผลอฉุกใจคิดได้ว่ามันลืมที่จะเคาะประตูหรือเขาใจลอยจนไม่ได้ยินเสียงเคาะกันแน่ อันตรายเกินไปแล้ว มาเฟียที่ปล่อยตัวเองให้ใจลอยแบบนี้ไม่ดีเลยสักนิด
“แกทำอะไรกับฉันกันนะไอ้หมาโง่”เผลอบ่นทิ้งท้ายให้คนบนเตียงก่อนจะก้าวยาวๆลงไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อเผชิญหน้ากับใครอีกคนที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้
“แกมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”
“ความจริงผมว่าจะชวนคุณดื่มสักหน่อย แต่เหมือนจะไม่ทันแล้วสินะ”ตาสีเขียวอมฟ้าทอดมองขวดเบียร์ในมือเขาก่อนจะยกแก้วเบียร์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง
“แกคิดว่าฉันจะเชื่อเรื่องชวนดื่มไร้สาระของแกรึไง”คนพูดทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยกขาขึ้นวางบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าด้วยความเคยชิน
“อ่า นั้นสินะครับ เป็นคุณคงไม่เชื่ออยู่แล้ว”
“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา อย่าอ้างนู่นนี้มันน่ารำคาญ”
“งั้นเข้าเรื่องเลยนะครับ ผมแค่อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”ขวดเบียร์ที่กำลังจะยกขึ้นดื่มหยุดค้างอยู่ท่าเดิม บทจะให้มันตรง มันก็ตรงอย่างเหลือเชื่อ
“ผู้ชาย แกหมายถึงใครซาเวียร์งั้นเหรอ”
“ถ้าเขาคือคนที่คุณอนุญาตให้นอนบนเตียงก็คนนั้นหละครับ”ทำไมเขาถึงได้รู้สึกนะว่าน้ำเสียงมันเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็นั้นแหละมันจะไม่พอใจเรื่องอะไรหละ ก็ในเมื่อนั้นมันเตียงเขา เขาจะให้ใครนอนเขาก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตมันนี่
“ไอ้คนที่นอนบนเตียงฉันนะมันชื่อซาเวียร์ แกมีปัญญาอะไรรึไง”
“มีแน่นอนครับ”
“หืม อย่าบอกนะว่าเรื่องนอนบนเตียงฉัน”คาเซอริโอเย้าเล่นขำๆ
“นั้นก็เรื่องหนึ่งครับ แต่ก็มีเรื่องอื่นด้วย”
“อ่าห่ะ คิดเล็กคิดน้อยเป็นผู้หญิงไปได้แกนี่ เตียงนั้นมันก็เตียงฉันจะให้ใครนอนมันก็เรื่องของฉัน”
“แต่คุณไม่เคยให้ผมนอนเลยนะครับ”
“แกเป็นเด็กทารกรึไงถึงต้องนอนกับพ่อแม่นะห่ะ”
“แล้วถ้าตอนนี้ผมจะขอนอนจะให้ผมนอนด้วยไหมหละครับ”
“จะมานอนเบียดกันทำไมตั้ง 3 คน”
“ถ้าหากไม่มีผู้ชายคนนั้น คุณจะให้ผมนอนด้วยไหมหละครับ”ประโยคสนทนายาวเหยียดที่เหมือนการโต้วาทีหยุดชะงักลงเหมือนปิดสวิตซ์ ดวงตาสองสีจ้องมองสบกันก่อนที่คนอายุมากกว่าจะเป็นฝ่ายหลบสายตา แสร้งยกเบียร์ในมือขึ้นจิบแทน หากไม่มีซาเวียร์จริงๆเขาจะให้ไอ้เด็กบ้าตรงหน้าขึ้นไปนอนร่วมเตียงด้วยรึเปล่านะ แค่คิดก็ขนลุกพรึบไปทั้งตัวแล้ว แล้วทำไมเขาถึงยอมให้เจ้าหมานั้นเข้าไปนอนร่วมเตียงและหลายครั้งที่มันมากกว่าการนอนร่วมเตียงกันแบบธรรมดา
“นี้แกจะมาเถียงกับฉันเรื่องนอนร่วมเตียงอะไรพวกนั้น งั้นเหรอ”
“เฮ้อ ผมก็แค่ถามไปอย่างนั้นเองหละครับ เอาเถอะเรื่องจริงๆที่ผมอยากถามคือคุณหายไปไหนมาต่างหาก”ดวงตาสีเทามองสบคนถามก่อนจะเล่าวีรกรรมที่ตัวเองไปก่อมาให้เจ้าเด็กตรงหน้าฟัง แน่นอนว่ามันเป็นวีรกรรมแบบเดียวกับที่เล่าให้ดอนฟัง เขากำลังโกหก โกหกทั้งดอนและกำลังโกหกเจ้าเด็กตรงหน้าด้วยอีกคน
“คุณบาดเจ็บแล้วหนีไปซ่อนตัว ส่วนคนที่ช่วยคุณไว้คือไอ้คนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของคุณตอนนี้”
“ก็ทำนองนั้น”คาเซอริโอตอบรับเสียงเรียบ พยายามจะไม่ใส่ใจกับคำเรียกที่เจ้าเด็กตรงหน้าใช้เรียกใครบางคน
“คุณโกหก”ดวงตาสีเทามองสบคนพูดก่อนจะยกขวดเบียร์ขึ้นจิบด้วยท่าทางสบายๆไม่เดือดร้อนที่ถูกจับได้
“ก็นับว่าแกฉลาด”
“คุณ ทำไม ไม่สิ คุณคงไม่ได้บอกดอนแบบนี้หรอกใช่ไหมครับ”
“หึ เสียใจด้วยเจ้าหนู ฉันบอกดอนแบบที่บอกแกทุกอย่าง”
“คาโล นี่คุณ”ร่างสูงถลามาตรงหน้ามือแข็งแรงสองข้างกำแน่นที่ปกเสื้อออกแรงกระชากจนอึดอัด ดวงตาสองสีประสานกันเหมือนจะมองลึกลงไปให้เห็นถึงบางสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ภายใน ก่อนที่คนอายุน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายถอนหายใจยอมแพ้กลับไปนั่งในที่ตัวเองในที่สุด
“ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับคุณดี”
“ก็แค่พูดสิ่งที่แกคิดออกมา คิดยังไงก็พูดออกมาแบบนั้น”คาเซอริโอตอบเสียงเรียบยกเบียร์ขึ้นมาจิบอีกครั้ง ราวกับไม่สนว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเขากับไอ้เด็กตรงหน้าเกือบจะได้ออกกำลังกายกันยามดึก แต่บางทีลูกผู้ชายคุยกันด้วยกำปั้นมันอาจจะง่ายกว่าพูดกันด้วยปาก
“งั้นผมถามได้ไหมว่าคุณรู้สึกยังไงกับ ไอ้บ้าที่คุณปล่อยให้มันนอนบนเตียง”
“นี่มันร่วมอยู่ในเรื่องที่ฉันต้องตอบแกใช่ไหม”
“ใช่ครับ และมันก็เป็นคำตอบที่สำคัญมาก ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำบางอย่างลงไป”แน่นอนว่าตอนท้ายประโยคมันแผ่วเบาซะจนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับมันอย่างเขาไม่ได้ยิน คิดยังไงกับมันงั้นเหรอ ดูเหมือนเขาจะถามตัวเองด้วยคำถามทำนองนี้มาหลายต่อหลายครั้ง ใช่ เขาถามตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแต่กลับไม่เคยได้คำตอบเลยสักครั้ง ไม่เคยเลย
“ฉันไม่รู้”
“หึ ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะครับ”
“ฉันขอใช้สิทธิเปลี่ยนคำถามได้ไหม”
“ก็ได้ครับ งั้นผมถามใหม่ คุณจะให้ไอ้บ้านั้นอยู่ที่นี้ในฐานะอะไรกัน”
“แกแน่ใจนะว่าเปลี่ยนคำถามใหม่แล้ว”
“แน่ใจครับและหวังว่าครั้งนี้คุณจะไม่ตอบผมว่าไม่รู้อีก เพราะถ้าหากคุณตอบแบบนั้นผมอาจต้องถามคุณว่าคุณยังจำได้รึเปล่าว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร มีหน้าที่อะไรและกำลังทำอะไรอยู่”
“เหอะ นี่แกคงไม่ได้กำลังสอนฉันอยู่ใช่ไหม”
“ผมก็ได้แต่หวังว่าตัวเองไม่ต้องทำอะไรแบบนั้น”
“มันจะมากไปหน่อยไหมไอ้ลูกหมา”
“หึ ผมยินดีทำครับ หากมันทำให้คุณจำได้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรกันแน่ คุณรู้รึเปล่าว่าคุณเปลี่ยนไป คุณไม่เหมือนเดิม คุณโกหกผม คุณโกหกดอน”
เพล้ง
“ฉันไม่ได้บอกแกเพื่อให้แกมาตวาดฉันแบบนี้นะไอ้เด็กเวร”ขวดเบียร์ที่ขว้างกระทบผนังแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ขวดเบียร์ที่ขว้างเฉียดหน้าเจ้าเด็กอวดดีไปเพียงนิด
“แล้วทำไมคุณไม่บอกความจริงกับดอนไปหละครับ คุณโกหกดอนทำไม”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจโกหกดอน ฉันไม่มีวันโกหก ฉันไม่มีวันทรยศผู้ชายคนนั้น”
“แต่คุณก็ทำไปแล้วไม่ใช่รึไงครับ”
“ไอ้เด็กเวร”
พลั่ก
หมัดหนักๆกระทบข้างแก้มคนอ่อนกว่าตรงหน้า ใบหน้าขาวขึ้นรอยเปื้อนสีแดงที่ไม่นานคงปล่อยเป็นช้ำ เลือดสีสดไหลออกมาตามมุมปาก
“นานแล้วนะครับที่ไม่ได้โดนคุณต่อยแบบนี้”
“ก็เพราะแกยั่วโมโหฉัน”คนที่เพิ่งกระโดดข้ามโต๊ะไปวางมวยกับเด็กถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ
“ผมแค่พูดความจริง แต่มันคงเป็นความจริงที่คุณไม่อยากฟัง”
“เด็กอย่างแกจะมาเข้าใจอะไร”
“แต่เด็กอย่างผมก็เป็นคนที่รักคุณและห่วงคุณที่สุดไม่ใช่หรือไงครับ”ดวงตาสีเขียวอมฟ้ามองสบคนอายุมากกว่า ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักอย่างสุดแสน
“ผมเป็นห่วงคุณนะครับ ผมไม่อยากให้คุณทำผิดไปมากกว่านี้ หากถอนตัวได้ก็ถอนตัวซะ ผมไม่อยากเสียคุณไป”อ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดแผ่นหลังเขาแน่น แน่นจนเขาเผลอจูบขมับมันไปเบาๆก่อนที่ขยี้ผมนั้นจนฟู
“ไปนอนได้แล้วไป พรุ่งนี้แกต้องไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่รึไง”
“ผมเป็นห่วงคุณนะ”
“อืม ฉันรู้ไปนอนได้แล้ว”อ้อมแขนที่รัดแน่นยอมผละออกในที่สุด คาเซอริโอขยับไปยืนข้างๆเปิดโอกาสให้ไอ้เด็กที่ถูกเขาคร่อมมานานสองนานได้เป็นอิสระ
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“ราตรีสวัสดิ์”คาเซอริโอตอบรับเสียงเรียบโดยไม่ได้หันไปมอง เขาเหนื่อยจนอยากจะพัก เครียดจนอยากจะหาอะไรมาคลายเครียดสักหน่อย บุหรี่ก็ดีนะ แล้วมันยังอยู่ไหมนะ เจ้าเด็กนั้นยังซื้อมาเขาเหมือนเดิมรึเปล่า
“คาโล”เสียงเรียกแผ่วเบาจากด้านหลังทำให้คนที่อยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองหันกลับไปตามเสียงเรียก หมาปีศาจในร่างคนยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบันไดทางขึ้นชั้น 2
“ตื่นแล้วเหรอ ตื่นนานรึยัง แกหิวรึเปล่า”เปิดปากถามไปเพื่อทำลายความเงียบแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับมาจากคนที่ถูกถาม มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ
“นั้นสินะ ฉันก็ลืมไปว่าแกไม่เข้าใจที่ฉันถามอีกแล้ว”ปลายเสียงสั่นไหว ไม่หนักแน่นเหมือนที่เคยเมื่อคิดได้ว่าคนตรงหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดอีกต่อไปแล้ว หรือบางที่เขาควรจะคิดเรื่องการสอนภาษามันแบบจริงๆจังๆสักทีนะ หากคิดที่จะอยู่ที่นี้ไปนานๆ บางทีเขาควรจะสอนมันพูด
“คาโล”เจ้าของเสียงเรียกเดินตรงมาด้านหน้า ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองตรงมาทางเขาและเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายหลบตาและเดินหนีมือที่พยายามคว้าเขาเข้าไปกอด
“แกคงหิวแล้ว ฉันหมายถึงกินนะ”คาเซอริโอทำท่าทางเหมือนหยิบบางอย่างเข้าปากซึ่งเจ้าหมาตรงหน้าก็ทำเพียงพยักหน้ารับเบาๆเท่านั้น ก็ดีที่อย่างน้อยมันยังเข้าใจภาษาใบ้ของเขาหละนะ
“อ๊า รอเดี๋ยวนะฉันก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเฟอร์ดินมันทำอะไรไว้บ้าง โอ้นี้ไงสเต๊กกินได้ใช่ไหม ว่าไง”มือชูกล่องใส่เนื้อสเต๊กที่ค้นเจอในตู้เย็นไปทางเจ้าหมาที่ยืนอยู่ด้านหลังและอีกครั้งที่มีเพียงการพยักหน้ารับ
“คิดว่าคงกินได้หละนะ”มือวางกล่องใส่เนื้อหมักลงบนเคาเตอร์ครัวก่อนจะหันไปจับกระทะตั้งเตาใส่เนยไว้เตรียมพร้อมก่อนจะหย่อนชิ้นเนื้อลงไป แม้เขาจะไม่ถนัดทำอาหารแต่คิดว่าทอดสเต็กแค่นี้คงไม่ใช่ปัญหา
“แกชอบแบบไหนหละ สุกไปเลยหรือสุกปานกลางดี แต่ฉันว่าแกคงกินได้ทุกแบบนั้นแหละนะ”
“คาโล”อีกครั้งที่มันเรียกชื่อเขาแต่ครั้งนี้ที่ต่างออกไปคือมันกอดเขาได้สำเร็จ แขนแข็งแรงสีน้ำผึ้งสอดมากอดเขาจากด้านหลัง ปลายคางที่มีเคราจางๆซบลงที่ไหล่ก่อนออกแรงรัดช่วงเอวเขาแน่นจนเจ็บ เจ็บแน่นที่หัวใจ บางทีหากเขาปล่อยแขนนี้ไปเขาจะยังเจ็บอยู่ไหมหรือไม่รู้สึกอะไรเลยกันแน่
“ปล่อยเถอะ เดี๋ยวเนื้อไหม้หมดพอดี ไปนั่งรอที่โต๊ะดีกว่า”สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายแกะมือมันออกลากเอาตัวใหญ่ๆนั่นไปทิ้งลงบนโซฟาโดยไม่ยอมสบตากับดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น บรรยากาศรอบตัวอึดอัดจนเผลอคิดไปว่าหากเปิดหน้าต่างออกบ้างจะดีไหมแต่ทั้งหมดนั้นก็เพียงความคิดจนกระทั่งเนื้อบนเตาเสร็จ ท่าทางก็ดูดีน่าจะกินไป
“เรียบร้อย เบียร์สักหน่อยไหม”จานอาหารที่มีเพียงสเต๊ก 1 ชิ้นถูกวางลงตรงหน้าหมาปีศาจในร่างคน เบียร์ในมือถูกยื่นไปเสริมเมื่อมันพยักหน้ารับก่อนเขาจะยกเบียร์อีกขวดขึ้นมาจิบ นี้เขากินไปกี่ขวดแล้วนะ
“ทำไมไม่กิน อร่อยนะเฟอร์ดินนะทำอร่อย อ๋อ ลืมไป”มือขาวตามเชื้อชาติลากจนอาหารมาไว้ตรงหน้าของตัวเองก่อนจะลงมือตัดเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆแล้วยื่นกลับไปตรงหน้าอีกครั้ง เหมือนจะมีครั้งหนึ่งที่มันเคยบอกเขาว่าไม่ถนัดใช้มีดตัดชิ้นเนื้อ
“กินซะ”รอยยิ้มกว้างถูกจุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้มนั้นอีกครั้งก่อนจะลงมือทานอาหารของตัวเองช้าๆ บรรยากาศที่หนักอึ้งเหมือนจะเบาบางลงนึกดีใจที่ไม่ได้ไปเปิดหน้าต่างแบบที่นึกเอาไว้
“เสร็จแล้วก็ไปนอนกันเถอะ”จานอาหารที่หมดไปแล้วถูกคว้าไปวางบนอ่างรอคนมาล้างก่อนจะลากเอาเจ้าหมาตัวโตที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนเด็กเข้าไปด้วย ตอนที่ขึ้นมาถึงชั้นบนประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็ปิดสนิทไม่มีแสงไฟลอดออกมา คงนอนไปแล้ว
“แกอาบน้ำได้รึยังนะ แผลหายดีแล้วใช่ไหม”เมื่อจัดการลากเอาเจ้าหมาตัวโตไปปล่อยไว้ในห้องน้ำเสร็จ เจ้าของห้องก็ง่วนกับการเดินหาผ้าขนหนูผืนใหม่และเสื้อให้เจ้าหมาปีศาจร่างยักษ์ใส่ แต่เสื้อตัวไหนๆของเขาก็เหมือนมันจะใส่ไม่ได้ทั้งนั้นแล้วเขาเองก็ไม่ใจด้วยว่ามันจะยอมใส่ไหมเมื่อเขาไม่เคยเห็นมันใส่เสื้อผ้ามาก่อน
“คาโล”
“หืม”เจ้าของชื่อเผลอตอบรับไปด้วยความเคยชินก่อนที่ตัวจะลอยวืดไปกองอยู่บนเตียงไม่นานก็ถูกทาบทับด้วยร่างหนาและริมฝีปากที่ประกบลงมาอย่างรุนแรง ริมฝีปากที่บดลงมาบนปากเขามันไม่มีความอ่อนหวาน มันมีเพียงความปรารถนาความต้องการที่ทำให้เขาสั่นสะท้านเมื่อนึกถึง จนต้องออกแรงผลักมัน
“ปล่อยฉันซาเวียร์”
“คาโล #%$ คาโล”ริมฝีปากหนาละจากริมฝีปากหันไปซุกไซ้ลำคอ ฝ่ามือทั้งสองข้างบีบขย้ำไปตามร่างกาย สัมผัสที่จาบจ้วงและรุนแรง
“ฉันบอกให้ปล่อยไงวะ”เข่าข้างหนึ่งกระทุ้งเข้าเต็มท้องคนด้านบน เพียงชั่วขณะที่มันจุกเขาก็รีบผลักมันออก ยันกายขึ้นบนเตียงแต่ฝ่ามือหนาก็คว้าหมับเข้าที่แขน สัญชาตญาณสั่งให้ฟาดมือไปด้านหลัง ฝ่ามือกระทบเข้ากับคอหนา ดวงตาสีน้ำตาลวาวโรจน์ ตัวหนากระโจนเข้าหา โถมทับจนเขาล้มไปกองกับพื้น ริมฝีปากจู่โจมเข้าที่ลำคอเมื่อเขาเบี่ยงหน้าหลบ ดิ้นรนขันขืนสัมผัสในครั้งนี้ สัมผัสที่ทำให้เขาหวาดกลัว มันกำลังทำให้เขาหวาดกลัวสัมผัสจากมัน
“ปล่อยฉัน ซาเวียร์ ฉันบอกให้แกปล่อยหูแตกรึไงวะ”
“คาโล เกิดอะไรขึ้นคุณเป็นอะไรรึเปล่า”เสียงทุบประตูโครมๆด้วยความร้อนรนจากคนร่วมบ้านอีกคนทำให้หมาป่าตรงหน้าชะงักเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาถดตัวไปข้างหลังมือสอดเข้าที่ด้านหลังโทรทัศน์เครื่องบางคว้าเอาบางอย่างสีดำเมื่อมออกมาไว้ในมือ
“ฉันไม่เป็นอะไรแกไปนอนเถอะ”
“คุณแน่ใจนะ เปิดประตูให้ผมหน่อย”
“ฉันบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นสิวะ ไปนอนได้แล้ว”คาเซอริโอตวาดลั่นมือที่ถือปืนไว้สั่นระริกจนต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาช่วยประคองไม่ให้มันสั่นไหว เสียงหน้าห้องเงียบไปก่อนจะตามด้วยเสียงฝีเท้าและเสียงบานประตูที่ปิดลง
“หยุดอยู่ตรงนั้นซาเวียร์ อย่าเข้ามา อย่าคิดว่าฉันไม่กล้ายิงแก”คาเซอริโอพูดเสียงเบาน่าแปลกที่เสียงเขามันสั่นจนหน้าใจหาย ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองสบตาเขาก่อนจะมองเลยไปยังมัจจุราชสีดำในมือของเขา แต่มันก็ไม่ได้หยุด มันยังคงคลานมาหาเขาช้าๆ
“ฉันบอกให้หยุดไม่ได้ยินรึไง”คาเซอริโอตวาดซ้ำแต่คนตรงหน้ากลับทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงเขา ขาสองข้างยังคงคลานเข่าเข้ามาหาเขาช้าๆมือมันข้างหนึ่งเอื้อมออกมาข้างหน้าแต่ก่อนที่ปลายนิ้วนั้นจะได้สัมผัสลงบนตัว ด้ามปืนก็พาดออกไปเต็มแรง
ฝ่ามือสีน้ำผึ้งข้างนั้นชะงักก่อนจะปล่อยลงข้างตัวเหมือนคงหมดแรง ร่างนั้นหยุดชะงักกลับไปนั่งนิ่งอยู่ตรงหน้าพร้อมหยดเลือดสีแดงสดที่ไหลลงมาจากขมับซ้าย ไหลเอื้อยลงมาจากแผลที่เขาเป็นคนทำ
“สงบสติอารมณ์ของแกซะ”คาเซอริโอผวาลุกขึ้นเปิดประตูด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะก้าวออกข้างนอกแล้วปิดประตูลง ความเงียบสงบกลับมาเยือนอีกครั้งเงียบจนเขาไม่ได้ยินเสียงใดๆนอกจากเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงของตัวเอง
กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน นางมารทำการอัพรวดเดียวเพื่อให้ทันกับฝั่งนู่น หลังจากตอนนี้จะเป็นการอัพคู่ขนาน สองเว็บในครั้งเดียวนะคะ
เหตุผลที่ต้องรีบเนื่องจากเรื่องกำลังจะจบแล้ว และนางมารกำลังดำเนินการเรื่องการรวมเล่มจึงไม่อยากให้ค้างคา
ในตอนนี้เหตุการณ์ก็เข้มข้นอีกแล้วคงต้องติดตามกันต่อไปว่าตอนจบจะเป็นยังไง ไม่นานเกินรอแน่นอน ขอบคุณนักอ่านที่ยังติดตามทุกท่านคะ