ตอนจบ I don’t love you
“ปาปา”
“ปาปา”
เสียงร้องของทารกที่ลืมตาดูโลกได้หนึ่งปีดังก้องอยู่ภายในเปลนอนสี่เหลี่ยม
คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวออกห่างจากผู้คน แม่ของเด็กน้อยคนนี้จากไปตั้งแต่ทารกน้อยลืมตาดูโลกเหลือแต่ผู้ชายตัวโตที่ติดเหล้าร่ำร้องหาแต่ภรรยาที่จากไป มันไม่ดูดำดูดีทารกน้อย ปล่อยให้หิวและร้องไห้จมน้ำตาจนเงียบไปเอง
แวมไพร์หนุ่มที่ครอบครองที่ดินติดกันได้แต่สอดส่องผ่านหน้าต่างยามค่ำคืน ดักลาสจ้องมองชีวิตน้อยๆที่เริ่มจะปลิวหายไป
ตอนที่เขาก้มหน้าลงจะอุ้ม หมายตาเป็นอาหารมื้อดึกแต่เพียงแค่จับตัวของเจ้าเด็กจ้ำม่ำผิวขาวชมพู ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสจับจ้องมาไม่ห่าง
งดงามมาก
เสียดายหากว่าเด็กคนนี้จะต้องหายไปจากโลก
“ปาปา”
“หืม…”
“ฮึ..ฮึกกก มัมมัม”
เด็กน้อยร้องไห้จ้า คราวนี้เจ้าตัวโตไม่ได้เข้ามาดูแลเด็กน้อยอีก เขาจึงเฝ้ารอจนแน่ใจแล้วว่าผู้ให้กำเนิดคนนั้นไม่มีวันมาเลี้ยงดูอุ้มชูสิ่งมีขีวิตน้อยๆได้อีกต่อไป
มันตายไปแล้ว ฆ่าตัวตายไปแล้ว…ดี นั่นทำให้ดักลาสมีมื้อดึกหนักท้องไปโดยปริยายจึงอารมณ์ดีมาก
อาจเป็นเพราะความเหงา…ความเดียวดายมากว่าร้อยปีรอนแรมเปลี่ยนแผ่นดินอาศัยมากว่าครึ่งชีวิต ดักลาสเหนื่อยซะแล้ว
พอที!
“ไง เจ้าหนู ฉันชื่อดักลาส”
“อืม…ปาปา”
“เคลวิน…ต่อไปนี้เธอเป็นเคลวินของฉัน”
ชื่อนี้ไม่มีที่มา ดักลาสแค่นึกอยากตั้งชื่ิอพอจ้องมองใบหน้าน้อยๆขาวอมชมพูในเปลเด็กแล้วก็คิดว่าเคลวิน เหมาะสมดี
เสียงใสหัวเราะออกมา มือป้อมปัดป่ายขึ้นสูงเล่นกับกระดิ่งกลมๆที่ห้อยอยู่เหนือเปล
“มา มาหาดักลาส”
แวมไพร์รูปหล่อเอื้อมไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นในอ้อมกอดสัมผัสอบอุ่นพร้อมเสียงหัวใจเต้นตุบๆบอกถึงการมีชีวิต…ชีวิตตัวน้อยๆ
ดวงตากลมสีฟ้ากระจ่างจ้องมองไม่กะพริบ ยื่นแขนมาหามือจิ๋วๆแตะสัมผัสที่ปลายคางไล่มาที่ริมฝีปากส่งเสียงเอาะแอะอย่างน่ารัก
“ปาปา”เด็ดน้อยพูดงึมงำ
“ข้าไม่ใช่ปาปาแต่เป็นดัก-ลาส”
“ปาปา”เด็กน้อยยิ้มเห็นเหงือกสีแดง
“ดัก…ลาส”แวมไพร์หนุ่มเน้นยด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่เคยแม้เขาจะส่งสายตาอ่อนโยนเท่าไรก็ไม่เป็นผล
“ปาปา อือ..ปาปา”เด็กน้อยชูมือ หัวเราะคิกคักกับตัวเองบ่นเสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์ ดักลาสถอนหายใจ
“อา…ปาปาก็ปาปา ข้าเป็นปาปาให้เจ้าก็ได้ เจ้าเป็นของข้าแล้ว”
ดักลาสยื่นมืออีกข้างกุมมือน้อยไว้แผ่วเบากลัวว่าจะทำให้เจ็บ ใบหน้าขาวซีดปรากฎร่องรอยของความสุขขึ้นบ้าง
หวังว่าเคลวิลจะทำให้ข้ามีความสุข
ดักลาสเฝ้าประคองวัยกระเต๊าะกระแตะของเคลวินมาโดยตลอด ทั้งคอยประคบประหงมดูแล ตอนที่เคลวินน้อยพยายามเดินด้วยสองขา ปีนป่ายโซฟาตัวเตี้ยพยายามเดินหน้าก้าวเท้ามาหาเขา สองเท้าเปล่าเปลือยอ่อนนุ่ม สองขาโอนเอนพยายามอย่างหนักที่จะมาหา ‘ดัดดี๊’
เคลวินน้อยพยายามออกเสียงว่าแด๊ดแต่ก็ได้ขัดเท่านี้ ดักลาสรู้สึกว่าฤดูใบไม้ผลิมาเร็วกว่าปกติ ทั้งที่แวมไพร์กระหายเลือดอย่างเขาไม่มัวมาสนใจวันเวลาและความสวยงามของฤดูกาล
ทว่าเป็นเพราะเคลวิน…เคลของเขา
เคลวินในวันเจิดจรัสนั้นเริ่มต้นที่ตอนเก้าขวบ เมื่อจู่ๆก็มีคนแปลกหน้าติดต่อผ่านคุณครูว่าสนใจเคลวินให้เป็นแคสติ้งนักแสดงเด็กในซีรีส์เรื่องหนึ่ง
เคลวินอยากไป
เคลวินมีโลกของตัวเองมานานแล้ว เพื่อนๆ ชีวิตสนุกสนานในโรงเรียนต่างจากชีวิตที่บ้าน
ดักลาสไม่ออกมาให้เคลวินเห็นหน้าตอนสว่าง เขาออกล่าตอนกลางคืนเวลานั้นเคลวินเข้านอนไปแล้ว
เคลวินชื่นชอบเป็นที่สนใจ การถูกจับจ้องผ่านฝูงชนและหน้ากล้องเป็นเรื่องสนุก…นั่นทำให้เด็กน้อยของดักลาสเริ่มโผบิน…และโตพอที่จะเรียนรู้
“คุณจับมือผมทำไม?”
“พ่อที่ไหนมานอนกอดลูกทั้งคืนแบบนี้?”
คำถามร้อยแปดพุ่งเข้าหาแวมไพร์หนุ่มไม่รู้จักจบสิ้น เขาจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้า เคลวินอายุสิบห้าปีแล้ว โตพอที่จะเรียนรู้ว่าพฤติกรรมแบบไหนคือพ่อลูกทั่วไปปฏิบัติต่อกัน
ดักลาสหลุดยิ้มไม่สะทกสะท้านกับคำถามวุ่นวายเหล่านี้
“ทำไมจะกอดไม่ได้ล่ะ เมื่อก่อนข้ากับเจ้าต่างนอนกอดกันทั้งคืน”
“นั่นมันตอนเด็กๆ”เคลวินหน้าแดงเพราะถูกพูดถึงอย่างกับเด็กน้อยๆ
ทั้งๆที่เขาโตแล้ว และรู้จักเรื่องอย่างว่ามากขึ้น จนรู้พฤติกรรมแปลกๆกับดักลาส คนที่เขาเรียกว่าพ่อมาตั้งแต่จำความได้
“อืม แล้วยังไงล่ะ ต้องการอะไร”
“ผมอยากย้ายไปอยู่กับเพื่อน อย่างน้อยผู้จัดการจะได้สะดวกที่จะเข้ามาพูดเรื่องงาน”เคลวินตอบ เหลือบมองดักลาสที่นิ่งราวกับรูปสลัก
ช่วงที่เข้าวงการใหม่ๆ เคลวินแทบจัดการตารางงานไม่ได้เพราะดักลาสไม่ยอมให้จ้างผู้จัดการ พยายามให้เขาออกจากบริษัทให้ได้ แต่เขาไม่ยอม
“…อยู่ที่นี่ก็ได้ ข้าไม่มาวุ่นวายด้านนอกหรอก”
“บ้าเหรอ อย่างกับบ้านผีสิง ถ้าถูกพวกปาปาถ่ายได้จะทำยังไง แค่นี้ก็แทบจะไม่ได้เปิดหน้าต่าง เดินออกนอกบ้านแล้ว”เคลวินขมวดคิ้ว เหลียวมองไปรอบๆห้องใต้หลังคา ภายในห้องไม่มีเครื่องใช้ทันสมัย มีแค่โลงศพไม้อันใหญ่สลักลายโกธิคพิถีพิถัน
เชิงเทียนเก่าตั้งอยู่เหนือโลง ที่พื้นมีน้ำตาเทียนหยดเป็นชั้นหนา ห้องหลังนี้เก่าซ่อมซ่อไม่ได้ทำความสะอาดมาเนิ่นนานแล้ว เคลวินแทบไม่อยากขึ้นมาแตะต้องของของดักลาส…
พวกที่ไม่ใช่มนุษย์…ไม่ใช่ว่าเคลวินรับได้ แต่เพราะเคยชิน ดักลาสไม่เคยปกปิดหน้าตาซีดๆ ดวงตาสีดำสนิทไร้แวว ร่างกายกำยำในชุดสูทแบบเก่า ดูขัดตาไปหมด
“ไม่ได้! อย่าลองดีกับข้าเคล”
เพราะคำขู่ขวัญ ครั้งสุดท้ายที่เคลวินถูกดักลาสทำโทษเพราะความดื้อรั้น คือถูกมัดมือและเท้าแน่นก่อนถูกโยนใส่เข้าโลงศพ ปล่อยให้นอนหายใจรวยรินอยู่อย่างนั้นจนกว่าเคลวินจะยอมร้องไห้บอกว่า ‘สำนึกผิดไปแล้วยกโทษให้เคลวินด้วย'
นั่นมันบ้าขัดๆ เคลวินเม้มปาก เหลือบมองไปยังโลงศพอีกหลังที่วางอยู่ชิดมุมห้องหยากไย่ขึ้นเต็มไปหมด
มันคือครั้งสุดท้ายที่เคลวินเดินเข้ามาขอย้ายออก
…
หลังจากนั้น ดักลาสก็ทำพฤติกรรมคลุมเครือต่อไป เคลวินหวาดกลัวอยู่ลึกๆ แม้รู้ดีว่าดักลาสไม่มีทางทำร้ายเขาได้ลง
“คุณทำแบบนี้ทำไม”กลางดึกคืนหนึ่งหลังจากที่เคลวินกลับจากการถ่ายภาพยนต์ที่ต่างเมือง พอล้มตัวนอนลงเตียง เขาสะลึมสะลือตื่นมาพบว่าดักสากำลังกอดเขาแน่น เท่านั้นไม่พอ มือเย็นๆลากไล้ไปทั่วลำตัวจนน่าขนลุก เคลวินตกใจแต่ไม่ได้ดิ้นรน
“หืม…แค่คิดถึง เจ้าหายไปเป็นเดือน ข้าตามติดเจ้าไปได้ที่ไหนกัน”ดักลาสพึมพำอยู่กับต้นคอของเคลวิน เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีขมวดคิ้วแน่น เกร็งไปทั่งร่างเมื่อถูกเขี้ยวคมขบกัดที่ท้ายทอย
“ผมทำงานนี่…”เคลวินพึมพำ ขณะที่ท่อนแขนเย็นเยียบเจ้ามาโอบรัดรอบเอว เคลวินไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
เคลวินเบื่อกับพฤติกรรมของดักลาสเต็มทนเขาไม่ใช่เด็กๆที่ไม่รู้ว่าความต้องการของดักลาสคืออะไร
ช่วงที่เคลวินถูกดันให้เป็นดาราดาวรุ่ง หากดักลาสออกล่าเหยื่อมนุษย์ เคลวินก็ออกล่าความสำราญจากสิ่งเสพติด
เขาคิดว่าช่วงรุ่งโรจน์นั้นผ่านไปอย่าวรวดเร็วเหมือนการอาหารหมดอายุ พอหมดระยะเวลาก็ถูกเขี่ยทิ้ง
ภาพลักษณ์ของเขาขายได้น้อยลง งานแสดงหดหาย เขาจึงหันไปรับงานถ่ายหนังนอกกระแสหวังคำวิจารย์แต่กลับไม่เป็นผล
เคลวินโทษดักลาสที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ทำตัวห่วยแตก เป็นดาราตกกระป๋องอย่างรวดเร็ว
ดักลาสเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขามากขึ้น ทำตัวเหมือนนักบุญ ทั้งที่ดักลาสเข้าไปเหยียบโบสถ์ของคริสต์ได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ
เดาว่าพระคริสต์คงไม่ต้อนรับอมนุษย์อย่างดักลาสแน่ๆ เคลวินเคยคิดตลกๆว่ากริชเงินที่ตู้โชว์ของวิหารคริสต์มีอิทธิฤทธิ์พอจะปักลงหัวใจของดักลาสให้หลับใหลไปชั่วนิรันดร
…
แวมไพร์หนุ่ม ปรากฏร่างในความมืดความเคลื่อนไหวภายในบ้านชั้นล่างทำให้เขาออกจากการนอนหลับ เมื่อเดินผ่านบันไดยาวเขาเห็นเคลวินกลับมาบ้านนั่งดื่มไวน์เกือบหมดขวด
“เป็นอะไร”คำถามง่ายๆที่ไม่มีคำตอบกลับมา
“สุดท้ายเจ้าก็กลับมาหาข้า”ดักลาสผุดยิ้ม ต่อให้เด็กหนุ่มคนนี้เตลิดหายไป ไม่นานก็ซมซานกลับมาเอง
“หึ….”เคลวินตวัดตามองอย่างไม่พอใจ
“ทำไมหายไปนานนักล่ะ ได้ข่าวว่าเจ้ากำลังแย่”
เคลวินไม่ตอบ เพียงแค่เอนตัวลงนอนกับโซฟานิ่งๆราวกับหมดแรง
“มีตรงไหนที่ข้าดูแลเจ้าไม่ดีหรือเคล ออกไปคราวนี้นานกว่าครั้งก่อนๆ ทำไมกัน”
“ดูแล? อย่าพูดแบบนี้มันน่าขนลุก”
“ไม่ว่าจะแบบไหนมันก็เหมือนกันนั่นล่ะข้าเคียงข้างเจ้ามาตั้งแต่ยังตัวน้อยๆ”ดักลาสเอ่ยถวิลหาช่วงเวลาเยาว์วัยของเคลวิน ตอนเด็กๆอีกฝ่ายว่าง่ายเลี้ยงไม่ยาก ซ้ำยังติดเขาแจ แต่พอโตเข้าหน่อยก็ผลักไสไล่ส่ง
“แล้วแบบนี้คุณยังทำได้ลง คอยกอดจูบลูกตัวเองอีกหน่อยก็คงเอาผมแล้ว วิปริต”
“เคลวิน!”ดักลาสขึ้นเสียง
“ทำไมก็มันเรื่องจริงนี่…”เคลวินยิ้มเยาะ รู้ดีว่าดักลาสเป็นคนแบบไหน ไม่สิ…เป็นแวมไพร์เป็นอมนุษย์ ทั้งๆที่เขาควรจะรังเกียจแต่กลับอดทนยอมอยู่กับดักลาสมาจนอายุสิบเก้าปีเพราะไม่อยากทิ้งคนที่เลี้ยงดูมา
เคลวินเกิดความสงสัยว่าดักลาสคิดเลี้ยงเขาเอาไว้เพื่อสนองความใคร่หรือว่าต้องการเก็บไว้แล้วรอเชือด
“ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด”
“หึ แล้วเป็นแบบไหนล่ะ”
เคลวินในวัยรุ่นคิดท้าทายดักลาสอยู่ประจำแต่ครั้งนี้ความอดทนของเขาลดลง ร่างสูงกำยำของดักลาสขยับรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถมายืนอยู่ต่อหน้าเคลวิน
ฝ่ายนั้นอ้าปากตกใจดวงตาสีฟ้าสวยเบิกกว้างไม่ทันจะส่งเสียงก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้น
“ดัก—"
ดักบาสคว้าลำคอของอีกฝ่ายไว้ดึงให้เข้าหาพร้อมกับก้มลงบดเบียดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงขบกัดให้ช้ำเลือด ลิ้นร้อนลากไล้ไปทั่วเรียวปากก่อนจะบีบปลายคางของเคลวินไว้แน่น
“อึก…”
มอบจูบล้ำลึกให้ เคลวินแทบหายใจไม่ออกเพราะความตกใจ เมื่อร่างกายหายใจติดขัดจึงสงบลง ไม่ได้ตอบโต้
ทว่าดักลาสจูบหนักหน่วงพยายามรุกเร้าให้กระหายไปด้วยกัน
รสเลือดคลุ้งไปทั่วเคลวินหายใจแรงเปิดรับจูบของผู้ชายที่เลี้ยงดูจนเติบโตหรือเคยเรียกว่าพ่อมากว่าสิบห้าปี
“อืม” ดัดลาสไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปง่ายๆ สองมือลูบลงข้างตัวจับแขนสองข้างของเคลวินไว้แน่น ขณะที่ตะโบมจูบไม่หยุด
เสียงลมหายใจผะแผ่วผสานเสียงจูบหนักแน่น
“เคล…”
“เห็นไหมล่ะว่าคุณมันก็แค่เก็บผมไว้สนองเซ็กส์”
ดักลาสจ้องมองนัยน์ตาสีฟ้านิ่งๆ ดวงตาที่เคยงดงาม…
ความเงียบปกคลุมทั่วห้องก่อนที่ดักลาสจะเดนกลับไปยังห้องใต้หลังคาของตนเองเงียบๆ ทิ้งให้เคลวินยืนเช็ดเลือดที่มุมปากอย่างเงียบงัน
นับแต่นั้นมาดักลาสไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกแต่เคลวินรู้ดีว่าอีกฝ่ายยังวนเวียนอยู่ในบ้าน เพราะตกดึกทีไรก็มีเสียงกุกกักจากห้องใต้หลังคาทุกที
เมื่อไม่มีคนคอยคุม เคลวินเหลวไหลมากกว่าที่เคย สิ้นสุดอาชีพการแสดงเมื่อเขาถูกถ่ายภาพได้ เป็นภาพของเขากับดักลาส คงเป็นปาปาฯที่ตามติดบ้านละแวกนี้
เคลวินเบื่อหน่าย ไม่กลับไปที่คฤหาสน์หลังนั้นอีก ตราบใดที่ดักลาสยังอยู่ เขาจะไม่ซมซานกลับไปซุกใต้ปีกแวมไพร์แก่ๆนั่นอีก
ใครจะรู้ว่าเคลวินจะมีจุดจบเช่นนี้ อุบัติเหตุนั่นร้ายแรงพอจะทำให้เขาตาย
ท่ามกลางความรวดร้าวไปทั้งร่าง กลิ่นคาวเลือด และร่างไร้สติของเคลวินถูกปลุกด้วยสัมผัสบางอย่าง
ความเจ็บปวดจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะและท่อนขา สติที่พร่าเลือนเห็นเงาร่างดำทะมึนของใครสักคน ทีแรกเคลวินคิดว่าเป็นยมทูต จนกระทั่งแรงกัดที่ลำคอทำให้ได้สติ
กลิ่นเก่าๆของดักลาส…
ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองใบหน้าไร้สีเลือด ดวงตาสีดำสนิทนั่นเต้นระริกด้วยความกระหาย
“ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
“ไม่… ผม…”เคลวินพูดไม่ออกเมื่อแรงกัดรุนแรง พร้อมกับลิ้นของดักลาสที่เลียไปทั่วบาดแผลและดื่มกินเลือดของเขาอย่างกระหาย ตอนนั้นเขาคิดว่าดักลาสจะฆ่าเขาด้วยการดื่มเลือดจนหมด
“ฆ่าผมเลย”
“ไม่…ข้าจะมอบชีวิตและรักนิรันดรให้”สิ้นเสียงดักลาสกัดข้อมือตนเองจนเลือดไหลทะลักก่อนจะยื่นมาตรงหน้าให้เลือดไหลรินลงริมฝีปากของเคลวิน แต่เขาขัดขืน
“เคล!”
ดักลาสบีบปากให้อ้าออกก่อนจะปล่อยให้เลือดไหลลงโพรงปากไปชั่วครู่ จากนั้นก็ประกบปากลงมาดูดกลืนน้ำลายและเลือดไปด้วยส่วนหนึ่งไหลลงคอของเคลวินไปอย่างห้ามไม่ได้
ความทรงจำดำมืด เขาสิ้นสติทว่าในความฝันเขาเห็นภาพทารกตัวน้อยในอ้อมแขนของดักลาส
…เขากำลังถูกจองจำด้วยแวมไพร์แก่ๆ ที่ไม่อยากให้เขาตาย…เพราะอะไรกัน?
…
สัมผัสหนักหน่วงจากท่อนล่างขยับเข้าออกที่ความคับแคบจนร้อนผ่าว เคลวินสะดุ้งตื่นมาพบกับความหรรษาจากคนด้านบนที่ตะโบมเข้าใส่ราวกับอดยาก
“อือ….เบาๆ”เคลวินย่นหน้าเมื่อถูกทาบตัวลงมาแนบสนิท ลิ้นและฟันของดักลาสวนเวียนที่หน้าอกขบกัดที่จุดสีอ่อนจนช้ำ
“เคล…ข้ารักเจ้า”ถ้อยคำวนเวียนจากแวมไพร์หนุ่มร้อยปี เคลวินได้ยินมาหลายปีจนเอียนไปหมด
แรงกระทั้นถี่เข้าใส่แรงๆจนเสียงครางที่กักกลั้นไว้หลุดรอดตามมาด้วยจูบเจ็บแสบที่บดเบียดเข้าหาอย่างกระหาย
ท่อนล่างรัดแน่น เคลวินหลับตาเมื่อร่างกายปล่อยความสุขออกมา พร้อมๆกับดักลาสที่กระแทกตัวลงมาไม่หยุดก่อนจะคำรามข้างหูพร้อมรอยกัดเพิ่มอีกหนึ่ง
เคลวินหายใจหอบ ผละออกจากดักลาสแต่ถูกรวบมากอดแน่น
“นอนกอดสักเดี๋ยว ข้าอยากกอดเจ้า”ดักลาสเอ่ยรั้งเอวของเคลวินเข้าหา ซุกหน้าลงที่ไหล่ของอีกฝ่าย
เคลวินแค่ถอนหายใจ ชีวิตอมตะหรือ? หลังจากได้ทบทวนตัวเองอยู่นานเขาพบว่าชั่วชีวิตคงเป็นที่ระบายอารมณ์ให้ดักลาสไปตลอด
การออกล่าเมื่อคืนก่อน ทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน ทั้งที่จริงเขาเป็นแค่ผู้ชม ส่วนดักลาสเป็นคนลงมือ เป็นภาพที่ไม่น่าดูนักไม่ต่างอะไรกับพวกฆาตกรนักหรอก ดักลาสมีวิธีกำจัดร่างของเหยื่อ คือการเอาไปฝังที่สุสาน ความเคลื่อนไหวในเงามืดของพวกแวมไพร์คือข้อได้เปรียบ
เคลวินนอนหายใจเป็นจังหวะ อยู่ๆก็นึกถึงเรื่องในวัยเด็ก ขณะที่นึกอยากกลับห้องของตัวเองขึ้นมา
“ไปไหน”เมื่อเคลวินขยับร่างลุกก็มีเสียงร้องถามทันที
“กลับห้อง…”เคลวินตอบเรียบๆเรียกความสงสัยแก่ดักลาส
“แค่จะไปเอาของ…”เคลวินว่า ก่อนจะผละออกจากดักลาสทันที ควานหาเสื้อขึ้นมาสวมแล้วเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น เคลวินเดินหายไปยังห้องใต้หลังคา ที่อาศัยเดิมของดักลาส
นานแล้วที่ไม่ได้เข้ามาเหยียบห้องหลังนี้ แค่ผลักประตูเข้าไปก็เจอกับความอับและฝุ่นละออง เขาจำได้ว่าเคยเอาของมาซ่อนที่นี่
เดินไปที่โลงศพไม้ที่ชำรุด จำได้ว่าเขาเป็นคนทำลายมันเอง ตอนนั้นยังโกรธดักลาสมากและรับไม่ได้ที่ตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ราวกับว่าไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง ความไวต่อแสงและเสียงรอบๆตัว
เคลวินไม่คาดหวังการมีชีวิตยืนยาวด้วยวิธีเช่นนี้ เขายอมรับไม่ได้…
เขาเดินมาหยุดหน้าโลงไม้ก่อนจะเลื่อนฝาโลงออก ภายในโลงมีร่องรอยผุกร่อนและยังมีกล่องไม้เล็กๆหนึ่งกล่อง
ดักลาสไม่ได้เข้ามาวุ่นวายที่ห้องใต้หลังคานานแล้ว ยิ่งโลงศพเก่าๆ แบบนี้แทบไม่แตะต้อง เขาจำได้ว่าตอนเด็กๆคะนองมากไป นึกสนใจเรื่องตำนานการฆ่าแวมไพร์ เขาไม่ได้คิดจะฆ่าดักลาส
แต่ว่า….คำพูดของอีกฝ่ายที่ว่าจะหลับใหลไปด้วยกันนั้นจริงหรือเท็จ
เคลวินเอื้อมไปหยิบสิ่งของด้านในออกมาเปิด เจอกริชเงินเก่าๆมีรอยสนิมขึ้นจนเขาไม่แน่ใจว่า กริชเล่มนี้จะใช้งานได้จริง
เสียงเคลื่อนไหวจากทางด้านหลังดังขึ้น เคลวินสะดุ้งตกใจ กำด้ามกริชไว้แน่น
“ทำอะไร”
ฉึก!
กริชเงินปักลงกลางอกของดักลาส ใบหน้านั้นว่างเปล่าไปชั่วขณะ ก่อนที่ดวงตาสีดำจะฉายความรู้สึกออกมาความเสียใจผิดหวัง
ภาพตรงหน้าคือเคลวิน เคลของเขา…อีกฝ่ายแทงกริชใส่หน้าอกของเขาแรงพอจนมันมิดด้าม ฝ่ายนั้นเซถอยหลังไปด้วยท่าทีตระหนก
“เจ้าคิดจะฆ่าข้าหรือ..แล้ว.. เจ้าลงมือทำจริงๆ”ดักลาสเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่มีความโกรธเกรี้ยว เหลือแค่ความโรยแรงทว่าดักลาสยังรู้สติดี
“…ทำไม”
เคลวินจ้องมองอย่างเสียใจ ความรู้สึกแปลกๆก่อเกิดโดยทันที เขาตกใจที่กล้าลงมือโดยไม่ยั้งคิด กริชเงินเก่าแก่ดูท่าจะเป็นของอุปโลกน์ของคริสตจักร
เคลวินแค่ลองเสี่ยงเท่านั้น…เท่านั้นจริงๆ เขาส่ายหน้า ดวงตาฉายความหม่นเศร้าวูบเดียวก่อนเป็นประกายด้วยบางสิ่ง
“เพราะเหตุใด”
“….ไม่อยากอยู่กับคุณ”เคลวินเอ่ยออกไป ความรู้สึกส่วนหนึ่งของตัวเขา แม้ไม่ใช่ทั้งหมด เขามองดักลาสอย่างเต็มตา อีกฝ่ายใบหน้าบิดเบี้ยว กัดฟันแน่นไม่ได้ดึงกริชออกปล่อยมันปักคาไว้อย่างนั้นตอกย้ำว่าเคลวินเป็นคนลงมือแทง
“ข้ารักเจ้า!”ถ้อยคำนั้นสะท้อนก้อง แต่มาถึงใจเคลวินได้เพียงเล็กน้อย เขารู้…แต่…
“ไม่จริง คุณแค่รักร่างกายของผม คุณต้องการแค่เซ็กส์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราเหมือนตัวอะไรสักอย่าง เหมือนพวกกระหายไม่รู้จบ ..ผมไม่อยากอยู่แบบนี้ไปตลอดกาลหรอกนะ…สู้ดี..”เคลวินเม้มปาก กำมือแน่นอย่างอดทน ส่ายศีรษะไปมาอีกครั้ง ไม่ได้หรอก…ให้เขาอยู่แบบนี้ ตายเสียดีกว่า
“อะไร เจ้าพูดอะไร”ดักลาสขยับเข้าหาแต่เคลวินถอยห่าง เน้นย้ำว่าที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร
“คุณน่าจะรู้ …วิธีที่สามารถปลดปล่อยเราได้…หลับใหลไปตลอดกาลไงดักลาส ไม่ดีหรือไง”เคลวินว่า ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตอยู่…
แม้ว่าดักลาสจะดีต่อเขามาก แต่ทุกครั้งเขามองไม่เห็นสิ่งอื่นใดนอกจากความใคร่ และความยึดติด ข้ออ้างสารพัด
“..ข้าอยากอยู่กับเจ้านะเคล จะตายไปด้วยกันก็ได้…เจ้ายอมให้ข้าตายข้างเจ้าได้หรือไม่ นอนโลงเดียวกับเจ้าไปตลอดกาล”ดักลาสเอ่ยยืดยาว หากว่ามีวันนั้นเขาพร้อมจะตายและหลับใหลไปพร้อมกับเคลวิน ทว่าเขากลัวว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกในขณะที่เคลวินหนีเขาไป…
ดักลาสยอมไม่ได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรักใคร่ในตัวเคลวินมีมากขึ้น หรือเพราะเขาแก่แล้วอยากได้ใครสักคนไว้ร่วมทุกข์ร่วมสุข …อยากให้เป็นเคลวิน คนที่เขามอบชีวิตให้ถึงสองครั้งสองครา
แต่เคลวินกลับทำลายอีกรอบ!
“…มีวิธีหรือไง”เคลวินส่ายหน้าเป็นเรื่องประโลมโลกสินะ เขาจ้องมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ดักลาสดูผิดหวัง
“ข้าไม่เกลียดหรือโกรธเจ้าหรอก…ต่อให้เจ้าฆ่าข้าได้จริง…”ดักลาสเอ่ยพึมพำ ค่อยๆขยับเดินไปหาเคลวิน จ้องเข้าไปในแววตาคู่นั้นอย่างค้นหา รักหรือไม่รัก? ดักลาสไม่แน่ใจ
“…ทำไมล่ะ รักผมมากหรือไง”เขานึกตลกขึ้นมา ตลอดเวลาที่อยู่กับดักลาส ไม่เคยมีช่วงเวลาที่รักหวานซึ้งก่อนหน้าที่เป็นมนุษย์ เขาแทบไม่ได้พูดจาดีๆด้วย แต่ดักลาสกลับดึงรั้งไม่ปล่อย
“คงเพราะดวงตาสวยๆของเจ้า เสียงเรียกหาข้า…ปาปาของเจ้าน่ะ…พูดไปเจ้าก็จำไม่ได้”ดักลาสยิ้ม เขายอมรับว่าคิดไม่ดีกับทารกน้อย ทีแรกอยากได้อาหารต่อมาเขาต้องการเด็กน้อยเคียงข้าง มันผิดด้วยหรือ เคลวินไม่เหลือใครแล้ว
“…”เคลวินเงียบ แววตาดูสับสน
“ไปอยู่ที่อื่นเถอะ ไปยังที่ที่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข เริ่มต้นใหม่กับข้า”ดักลาสเข้าถึงตัวเคลวินก่อนจะโถมค่อยๆเอียงตัวกอดไว้แน่นๆ กริชด้ามเก่ายังปักร่างไว้
แวมไพร์ร้อยปีราวกับหมดแรงทิ้งน้ำหนักตัว กอดเคลวินไว้แน่น ภาพเด็กน้อยที่เขาประคองให้เติบโตด้วยวิถีมนุษย์นั้นประดังประเดเข้ามา น้ำตาจากแวมไพร์เช่นเขาคงไม่มี ทว่าดวงใจที่ตายไปแล้วกลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
เคลวินนิ่งงัน คิดอะไรไม่ออกนอกจากสัมผัสอบอุ่น…น่าแปลกที่มันอุ่น เขายิ้มเยาะ เริ่มต้นใหม่?
“พูดบ้าๆ”
“ข้าขอโทษ…”ดักลาสเอ่ย จำได้ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมา เขาไม่เคยได้เอ่ยคำขอโทษ ขอโทษที่ทำให้เคลวินเป็นเหมือนกับเขา…เพื่อความสุขของเขาเอง
เคลวินนิ่งเงียบ แรงกอดรัดมากขึ้นทำให้รู้สึกถึงด้ามกริชทิ่มมาที่หน้าอกของเขาได้ ‘ขอโทษหรือ…'
“ข้าเห็นแก่ตัวเอง แต่ข้าไม่อยากเสียเจ้าไป…ข้าที่เฝ้าดูเจ้ามานาน ยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้เคลของข้าจากไป…ทั้งๆที่ข้าควรจะได้ดูแลเจ้าให้มากกว่านี้ ทำให้มีความสุขมากกว่านี้ ข้าขอโทษ…ได้โปรดอยู่กับข้าเถิด อยู่เพื่อข้า”ถ้อยคำของดักลาส ยังไงก็ไม่อาจทิ้งความปรารถนาลงได้
แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์เช่นเขายินยอมจะอยู่เคียงข้างมนุษย์ตัวน้อย จนกระทั่งก้าวผ่านความตายมาได้ไม่เท่าไหร่…แต่เคลวินคิดหลับใหล…
“ข้าไม่ได้รักเจ้าขนาดนั้น ข้าอาจรู้สึกเกลียดเจ้าขึ้นมาอีก เจ้าทนได้หรือ”เคลวินตอบช้าๆ สื่อสารกับดักลาสให้เข้าใจ
“…ทนได้…เจ้าก็เป็นเช่นนี้มานานแล้วไม่ใช่หรือไง”ดักลาสหัวเราะไร้อารมณ์ ยังคงกักกอดเคลวินไว้ ราวกับกลัวหลุดหาย
เคลวินขมวดคิ้ว ลังเลใจอยู่ท่วมท้น วันนี้เขาฝันถึงเรื่องเก่าๆ.. เขาคิดว่าตัวเอง 'เกลียด'ดักลาสในตอนนั้นมาก เพราะการกระทำของอีกฝ่าย ในตอนนั้นสถานะระหว่างกันยังมีความเป็นผู้ปกครองและลูก
ถ้าหากว่าในตอนนั้น เคลวินไม่เลือกเส้นทางการแสดง…เขาอาจจะยังเป็นเคลของดักลาสไปตลอดกาล
เสียงทุ้มต่ำดังข้างหู ฉุดดึงให้ตื่นจากห้วงความคิด
“…รัสเซีย ไปรัสเซียกับข้าเถิด”
“…รัสเซีย?”เคลวินถามลอยๆ
“..บ้านเกิดข้าเอง…เจ้าไปกับข้าเถิดเคล ที่ไซบีเรียจะทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้น…”
ดักลาสพึมพำ ที่นั่นมีหมู่บ้านในป่า อากาศหนาวและหิมะจะทำให้แวมไพร์อย่างพวกเขาตื่นทั้งสว่างและดึกดื่น ใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็น ก่อกองไฟ ออกล่าสัตว์ วิ่งเล่นบนหิมะ โดยที่ไม่ต้องหวาดระแวงสายตาจากผู้คน
นานเท่าใดที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านั้น
ดักลาสถอยจากร่างของเคลวินกวาดสายตามองไปทั่วใบหน้าของชายหนุ่ม ยื่นมือไปลูบข้างแก้ม ความเย็นชื้นสัมผัสติดปลายนิ้ว ดวงตาสีเทาซีดไม่ปรากฏอารมณ์ใด
“เคล…”ดักลาสเอ่ยเรียกแกมขอร้อง
“…ตลอดไปเลยหรือ”เคลวินถามเสียงแหบพร่า เขาจะมีวันเบื่อหน่ายชีวิตในไซบีเรียไหม ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำยังไง ย้ายเมืองไปเรื่อยๆน่ะหรือ…
“…ถ้าเจ้ายังเบื่อ…เราไปตามหากริชเงินดีไหม…หากว่าถึงวันนั้น…สัญญากับข้าว่าจะหลับใหลไปพร้อมข้าจริง”
ดักลาสเอ่ยเรียบๆทว่าในใจสั่นไหว เขาอยากอยู่กับเคลวิน
...ร่างของแวมไพร์หนุ่มแข็งทื่อ เคลวินหลุบตาต่ำลง ยังคงมองด้ามกริชที่ปักอยู่กลางอกไม่ละสายตา เขาคิดใคร่ครวญตามข้อเสนอของอีกฝ่าย
เคลวินผงกศีรษะ อยู่ไปก็เหนื่อยเปล่าชีวิตในแอลเอก็วนเวียนไปมาเขาเบื่อจะแสดงละครอีกต่อไปแล้ว
“เอาสิ…ไปไซบีเรีย…ถ้าหากว่าข้าเบื่อจนอยากตายขึ้นมาอีก ก็ไปตามหากริชด้วยกัน”เคลวินตัดสินใจ อยู่ต่อไปอีกหน่อยคงไม่แย่นัก ไม่แย่เท่าที่เป็นอยู่ รับมือกับความรู้สึกปั่นป่วนของตนเองไปเรื่อยๆ
“…ขอบคุณเคล…ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี”…ไม่ให้เจ้ารู้สึกเบื่ออีก…เพราะข้ายังอยากอยู่ต่ออีกยาวนาน..
กับคนที่รัก แต่คำว่ารักของดักลาส เคลวินกลับไม่เชื่อถือ…นั่นมันน่าเจ็บปวดกว่า เขาจึงจะทำให้ดี ทำให้เคลวินรัก
ขณะที่เคลวินอยากจะละทิ้งดักลาสซะที อยากจะเกลียดดักลาสให้เท่าที่ควรเกลียด
และเคลวินก็อยากจะรักดักลาสให้มากเท่าที่จะยอมรับได้
มันจะเป็นไปได้ไหมที่เขาจะสามารถรู้สึกได้หนึ่งอย่าง เลือกมาแค่รักหรือเกลียด
หากตอบได้เขาคงตอบว่าเกลียด มันคงง่ายกว่ามากจริงๆ
.
.
[END]
- - - - - - - - - - - - - - - -
มาต่อแล้วจ้า ตอนนี้จบเท่านี้แหละ
การเกลียดใครสักคนง่ายกว่ารักจริงๆนั่นแหละ เคลวินคงคิดอย่างนั้น
ขอบคุณค่า