ห้องตรวจที่๑. น.พ สิบทิศ
คลินิกมารักษ์ คือสถานที่รักษาผู้คนที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆแต่ผู้ป่วยจะสามารถเลือกห้องตรวจได้เองตามที่ต้องการ คลินิกอื่นอาจจะรักษาโรคทั่วไป แต่คลินิกของเราจะเน้นรักษาโรคทางเพศและแน่นอนว่าเรารับประกันว่าคุณจะหาย หากใครต้องการรักษากับคลินิกมารักษ์ คุณจะต้องรักษากฎของเรา 3 ข้อ
1 ห้ามนำเรื่องวิธีการรักษาของเราไปเผยแพร่จนเกิดความเสียหาย
2 ห้ามถือครองหมอไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิทธิ์โทรหา ไม่มีสิทธิ์หึงหวง และไม่มีสิทธิ์ใดๆในตัวของหมอ
3 ห้ามหลงรักหมอเด็ดขาด!!
ถ้าหากเซ็นสัญญาข้อตกลงของทางคลินิกแล้วล่ะก็ ทางคลินิกจะโทรไปเพื่อยืนยันวันและเวลาเพื่อเข้าพบรักษาภายใน 24 ชั่วโมง แต่กฎก็เหมือนข้อห้าม และเมื่อยิ่งห้าม!! มันก็เหมือนยิ่งยุ!! ผู้คนมักจะเดินเข้าไปในคลินิกตรงหน้าผมนี้ ผมไม่รู้ว่ามีอะไรดีนักหนา แร่ละคนก็ใช่ว่าจะป่วยอะไรขนาดนั้น เพราะแต่ละคนที่เดินเข้าไปต่างก็แต่งหน้าแต่งตามาเสียสวยหยด นุ่งสั้นจนผมเห็นแล้วหวาดเสียแทน มันมีอะไรดีกันนะคลินิกนี้ คนแถวๆบ้านผมล่ำลือกันว่าคลินิกมารักษ์เป็นคลินิกที่มีบุคลากร(หมอ)หล่อจนแทบดิ้นตาย ผมไม่เคยเห็นหรอกครับและคงไม่คิดจะมาดักรอเพื่อจะเจอด้วย มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นในชีวิตผมนี่ครับ ใช่!! ผมคิดแบบนั้น จนเมื่อวันก่อน......
“หัน หันไปหาหมอเถอะนะ เชื่อผิงสิ” ผมที่นั่งกุมขมับหันไปมองผิงที่ร้องไห้ขอร้องผม มันคงจะดีกว่านี้นะ ถ้าผิงไม่ได้ทิ้งผมไป
“มันไม่มีประโยชน์หรอกผิงก็รู้ อาการของเรามันเป็นตั้งแต่วันที่ผิงทิ้งเราไป” ผมไม่ได้อยากตอกย้ำเธอ เราตกลงกันแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกันนับตั้งแต่วันนั้น ผมดีใจที่เธอเจอคนที่ใช่ ดีใจที่เธอได้พบคนดีๆ แต่....อาการของผมตอนนี้สิครับ จะว่าร้ายแรงก็ร้ายแรง จะว่าเรื่องปกติก็ใช่ ก็ของผมน่ะสิ ไอลูกชายผมมันดันไม่ยอมขึ้น ขนาดผมไปยืนอยู่หน้าสาวสวยที่โชว์นมโชว์.......ให้ผมดู ผมยังไม่มีความรู้สึกเลย มันเหมือนกับว่าผมตายด้านยังไงอย่างนั้น
“ผิงขอโทษ ฮื่อ ผิงไม่รู้ว่าหันจะเป็นแบบนี้”
“ไม่หรอก....เราแค่อธิบายให้ฟัง เราไม่ได้โทษผิง” ผมเช็ดน้ำตาที่หน้าเธอเบาๆ ผิงยังคงสวยงามเสมอสำหรับผม แม้ว่าผมจะไม่มีสิทธิ์ชื่นชมมันแล้วก็ตาม
“อย่างร้องสิครับ มันไม่ดีต่อลูกในท้องนะ”
“ผิงทำผิด ผิงทำให้หันเป็นแบบนี้!! ฮึก ฮื่อ” ผมส่ายหน้าเบาๆ ไม่อยากให้เธอโทษตัวเองเลยสักนิด ยิ่งเธอกำลังท้องกำลังใส้อยู่แบบนี้ด้วยแล้ว
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ความผิดผิงหรอก อย่าโทษตัวเองเลย ผิงทำแบบนี้หันรู้สึกไม่ดีนะ” ผมตีหน้าเศร้าให้เธอเห็นว่าทำให้ผมไม่สบายใจ ได้ผล เธอเช็ดน้ำตาเงียบกริบก่อนจะมองหน้าผมราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ หวังว่าคงจะเป็นเรื่องดี
“จริงด้วย!!!”
“อะ อะไรเหรอ” ผมแทบจะกระโดดหนีกับท่าทางของเธอ ก็แม่เจ้าประคุณเล่นแหกปากเสียดังลั่นบ้านแบบนี้ผมจะไม่ตกใจได้ยังไง
“ผิงได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังเรื่องคลินิกมารักษ์ เห็นเขาบอกว่ารับรักษาโรคทางเพศ” หะ!! มีคลินิกแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ
“มันมีด้วยเหรอผิง ไม่ใช่ว่าพื่อนผิงโกหกผิงเหรอครับ” ผมบอกไปด้วยความไม่มั่นใจ
“จริงๆนะ!! เพื่อนผิงเองก็ไปรักษาที่นั่น หายจริงๆ!!” ครับ เอาเถอะ ถ้ามันทำให้คนสวยตาโตตรงหน้าผมสบายใจ ผมจะยอมเชื่อก็ได้
“ครับๆ หันเชื่อ”
“งั้นหันไปกับผิงนะ ผิงจะออกค่ารักษาหันเอง” รอยยิ้มบริสุทธิ์ของผิงทำให้ผมยิ้มตามได้เสมอ แต่ไหนแต่ไรมาผมก็มักจะแพ้รอยยิ้มของเธอนี่ล่ะครับ
“ครับๆ”
ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางเด็กๆของเธอ ผิงมักจะทำท่าทางราวกับเด็กได้สิ่งที่ถูกใจเสมอๆ ตอนที่คบกัน
อา.......เผลอคิดเรื่องนั้นอีกแล้ว ผมมักจะลืมตัวบ่อยๆว่าหมดสิทธิ์ไปนานแล้ว ตอนนี้ผิงมีคนดูแลแล้ว และเขาก็ดูแลเธอได้ดีกว่าที่ผมทำซะด้วย ปัจจัยสำคัญของมนุษย์น่ะมันก็มีแค่เงินเท่านั้น ผมมันจนทำให้ผิงต้องมากัดก้อนเกลือกินกับผมมาตั้งนาน จนวันที่เธอมาบอกผมว่าเธอพบคนที่รักเธอและเธอเองก็รักเขา มันทำให้ผมรู้ซึ้งว่าที่ผ่านมาผิงต้องอดทนขนาดไหน ดีแล้วล่ะ ผมคิดแบบนั้นจริงๆ วันแต่งงานของผิงผมเองก็ไป ผมไปเพื่อร่วมยินดีกับเธอ แต่แค่ห่างๆเท่านั้นครับ การแต่งตัวของผมมันไม่เหมาะสมกับงานของเธอ แต่เธอก็ยังเชิญผมเข้าไป แน่นอนว่าผมไม่เข้าไปอยู่แล้วบ่ะครับไม่อยากทำให้เธอขายหน้าที่พาคนอย่างผมเข้าไป ผมจึงทำได้แค่บอกคำยินดีกับเธอด้านนอกเท่านั้น
ยินดีด้วยนะ.......หัวใจของผม ผิงลากผมมายืนอยู่หน้าคลินิกมันตลกนะครับสำหรับคนอย่างผมที่จะต้องมาให้ใครก็ไม่รู้ รักษาอาการไม่สู้ของลูกชายที่มันจะหายหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่จะขัดใจผิงก็ไม่ได้เดี๋ยวจะร้องไห้เอาอีก พูดแล้วก็ตลกดีนะครับ ทั้งๆที่ม่ำด้เป็นอะไรกันแล้วนอกจากเพื่อนแต่ผมก็ยังแพ้น้ำตาเธอเหมือนเดิม หรือเพราะใจของผมมันยังไม่ยอมเลิกรักเธอกันแน่นะ
ผมและผิงเดินเข้าไปในคลินิก ที่นี่ก็เหมือนที่อื่นๆถึงแม้ว่ามันอาจจะใหญ่และกว้างจนแบจะเรียกว่าโรงพยาบาลได้ก็เถอะ หลักๆก็มีห้องตรวจ ห้องตรวจ ห้องตรวจ ห้องตรวจ!! อะไรครับเนี่ย ทำไมมันมีแต่ห้องตรวจวะครับ กี่ห้องกันวะเนี่ย หนึ่ง สอง สาม สี่......เก้า เก้าห้อง!! ให้ตาย นี่รักษากันแบบไหนครับถึงมีห้องตรวจตั้งเก้าห้องแบบนี้ ผมมองไปรอบๆไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกเหมือนว่า ทุกคนที่มานั่งรอหน้าห้องตรวจไม่ได้ป่วยสักนิด ลักษณะมาหาหมอล้วนๆ คลินิกมารักษ์ใหญ่ขนาดนี้ หมอคงรวยน่าดู
"หันๆ มานี่สิ ไปยืนตรงนั้นทำไม” อ้าว ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเดินตรงไปที่โต๊ะของ เอ่อ พนักงานละมั้ง ก็ไม่เห็นเธอจะใส่ชุดพยาบาลนี่ครับ อาจจะเป็นพนักงานต้อนรับก็ได้ (หนักเข้าไปอีก)
“เอ้า.....ลงชื่อตรงนี้นะ ผิงจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว” รอยยิ้มของคนสวยอย่างผิงทำเอาผมเกือบจะเซ็นโดยไม่ได้อ่านแล้วไหมล่ะ ดีที่ยั้งตัวเองเอาไว้ทัน ว่าแต่ นี่มันกฎบ้าอะไรวะ
“1 ห้ามนำเรื่องวิธีการรักษาของเราไปเผยแพร่จนเกิดความเสียหาย....” ผมเงยหน้าขึ้นมองสาวชุดสีฟ้าที่ยืนส่งยิ้มที่ดูแล้วโคตรจะจริงใจ(?)มาให้พวกเรา
“ใช่แล้วค่ะ ถ้าไม่งั้นจะถูกปรับเป็นเงินสิบล้านบาทเลยนะคะ” สะ สะ สิบล้าน ใครมันจะไปกล้าทำวะ ปรับซะขนาดนั้น
“2 ห้ามถือครองหมอไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิทธิ์โทรหา ไม่มีสิทธิ์หึงหวง และไม่มีสิทธิ์ใดๆในตัวของหมอ...” หมอสวยเหรอ ผมเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ก็ยังยิ้มเหมือนเดิม เมื่อยหน้าแทนอ่ะ ผมบอกเลย
“ถูกต้องค่ะ ที่นี่หมอของเรามีสิทธิ์ขาดในตัวเองนะคะ ห้ามเก็บไว้ส่วนตัวเด็ดขาด หมอคือของสาธารณะค่ะ” สรุปเหมือนหมอไม่ใช่คน
“3 ห้ามหลงรักหมอเด็ดขาด!! ถ้าหากเซ็นสัญญาข้อตกลงของทางคลินิกแล้วล่ะก็ ทางคลินิกจะโทรไปเพื่อยืนยันวันและเวลาเพื่อเข้าพบรักษาภายใน 24 ชั่วโมง...” หลวรักหมอเนี่ยนะ หรือหมอจะสวยจริงๆ
“ใช่แล้วล่ะค่า หมอของเราขึ้นชื่อเรื่องหนังหน้า เอ้ย หน้าตามากๆเลยนะคะ พูดง่ายๆเลยว่า ทุกคนที่มารักษากับเรานั้น ล้วนถูกดูดมาจากหน้าตาหมอทั้งสิ้นเลยค่ะ” ผมเริ่มไม่อยากรักษาแล้วอ่ะ รู้สึกเหมือนผิงจะเสียเงินฟรียังไงไม่รู้ สรุปแล้วหมอไม่ได้เก่งกาจอะไร คนไข้มาเพราะหล่อ โลกแม่งน่าจะถึงกาลอวสานแล้วล่ะ ดูจากคนไข้แต่ละคนที่มานี่ อื้อหือ ไปคิดต่อเอาเอง
“หัน.....อยู่นี่นะ ผิงต้องไปแล้วละ นัดหมอสูติเอาไว้” ผมพยักหน้ายิ้มให้เธอน้อยๆ
“โอเค.....แล้วหันจะโทรหานะ”
“จ้า เชื่อฟังหมอด้วยล่ะ รู้ไหม” ผมยิ้มขำกับท่าทางขึงขังที่ผิงทำ มันไม่ได้น่ากลัวเลยกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียอีก ผิงเดินออกไปจากคลินิกแล้ว เหลือแต่ผมกับพี่เมื่อยหน้าสองคน สงสารพี่เขานะครับ ยิ้มจนแป้งบนหน้าแตกแล้วสงสัยจะยังไม่ได้พักเลย
“คุณสาว เดี๋ยวคุณช่วยโทร....นัด....” หือ อะไรหว่า ผมหันไปมองข้างๆเพราะรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาทางผม ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ กับเสื้อคลุมสีขาว หมอสินะ พอคิดได้แบบนั้น ผมก็ก้มศีรษะน้อยๆพร้อมกับรอยยิ้มทักทายและดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจมารยาทเพราะเขาเองก็ส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนกัน
“หมอทายคะ หมอทาย” หมอนิ่งไปแล้วครับ ไม่รู้เป็นอะไรตัวค้างเชียว
“อะ ครับๆ”
“เอ่อ เมื่อกี้หมอจะให้สาวโทรหาใครคะ” หมอทายยืนนึกอยู่สักครู่ก่อนจะตบหน้าผากตัวเอง
“ใช่ๆ เดี๋ยวคุณสาวโทรนัดคุณมาลินีให้มาตรวจพรุ่งนี้ตอนสิบโมงนะครับ” พี่เมื่อยหน้ายิ้มรับน้อยๆก่อนจะไม่สนใจหมออีก ส่วนผมก็ดูเอกสารตัวเองต่อไป
“มีอะไรให้ผมช่วยไหม” ผมเงยหน้าขึ้นมองหมออีกครั้ง ช่วยเหรอ
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่จะเซ็นข้อตกลงเท่านั้นเองครับ”
“แสดงว่ายังไม่ได้เลือกห้องตรวจสินะครับเนี่ย” อาว ต้องเลือกด้วยเหรอเนี่ย
“ถ้ายังไงให้ผมเป็นหมอให้ดีไหมครับ รับรองเลยว่าคุณจะหายแน่นอน” ผมลังเลนิดหน่อยแต่เหมือนเขาจะไม่ให้เวลาผมคิดเลยสักนิดเดียว เพราะคุณหมอคนนี้ดึงข้อตกลงผมคืนแล้วส่งให้สาวชุดฟ้าที่ผมเพิ่งรู้ว่าชื่อสาวไป
“คุณสาวครับ เดี๋ยวคนนี้ผมดูแลเองนะครับ”
“อะ อ๋อ ค่าพี่เข้าใจแล้ว” อย่ายิ้มแบบเข้าใจกันอยู่แค่สองคนสิ ผมไม่เข้าใจด้วยนะเนี่ย คุณหมอผายมือให้ผมเดินไปข้างๆเขา เขาพาผมมายังห้องหนึ่งซึ่งมีป้ายเขียนติดไว้ที่หน้าห้อง
**_ห้องตรวจที่๑ น.พ สิบทิศ_** “เอาล่ะครับเชิญนั่งก่อนเลย” นั่งเหรอ ตรงไหนละ ว่าแต่.....ทำไมห้องตรวจถึงมีเตียงกับหมอนได้ล่ะครับ ถ้าบอกผมว่าเป็นโรงแรมผมจะเชื่อมากกว่าอีก
“เอ่อ นั่งตรงไหนครับ” ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นเก้าอี้สักตัว
“หึหึ.....บนเตียงก็ได้ครับ” ครับ หา??? บนเตียงเนี่ยนะ แต่เอาเถอะ ก็มันไม่มีเก้าอี้ที่ไหนแล้วนี่ ผมเลยตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง อือหือ......เตียงต้องแพงแน่ๆ นุ่มตูดผมดีจริงๆ ยกกลับบ้านได้ไหมเนี่ย
“งั้นเริ่มเลยนะครับ อย่างแรกช่วยบอกข้อมูลของคุณให้ผมทราบหน่อยครับ”
“เอ่อ ผมมีปัญหาเกี่ยวกับ เอ่อ..” ยังไงดีวะ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ คุณหมอสิบทิศก็ยกมือขึ้นห้ามผมเอาไว้ไม่ให้พูดต่อ ผมก็งงสิครับ
“หึหึ...ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ๆ”
“เอ๊ะ??”
“ผมหมายถึงข้อมูลส่วนตัว อย่างเช่น ชื่อ นามสกุลอะไรพวกนี้น่ะครับ” อ้าว..... พอได้ยินแลบนั้นผมก็อายเลยครับ ก็เล่นปล่อยไก่ตัวใหญ่เลย หน้าผมนี้แดงแน่ๆดูจากความร้อนที่ผมรู้สึกได้บนใบหน้า
“อ๊ะ อ๋อ ผมชื่อชวัตร เพื่อนๆเรียกผมว่าหัน ผมอายุ26ปี อาชีพผมก็ค้าขายครับ แล้วหมอสิบทิศอยากรู้อะไรเพิ่มไหมครับ” ผมถามเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปอีกดี
“ถ้างั้น.....ตอนนี้คุณมีแฟนไหมครับ” หือ เกี่ยวกับการรักษาเหรอ เอ.....อาจตะใช่ล่ะมั้ง
“ไม่มีครับ”
“โสดมานานหรือยังครับ” ผมคำนวณอยู่สักพัก จะว่าไปผมเลิกกับผิงมาก็......
“1ปี 11เดือนครับ” หมอเลิกคิ้วขึ้นมองผม ว่าแต่หมอไม่ต้องจดเหรอ
“จำแม่นจังนะครับ ท่าทางจะฝังใจน่าดู” จึก!!! รู้สึกเหมือนใครเอามีดมาแทง อย่างว่าแหละครับ เมื่อมีคนรู้ทันคนเราก็ต้องกลบเกลื่อนด้วยอารมณ์โกรธ
“ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องของหมอนะครับ คุณหมอสิบทิศ!!” ผมจ้องตาไม่กระพริบแต่อีกฝ่ายกลับเห็นเป็นเรื่องขบขันเสียมากกว่า
“ขอโทษด้วยครับ แต่ผมต้องรู้ไว้เพราะมันอาจจะช่วยให้ผมรู้สาเหตุของปัญหาของคุณ”
“ถ้างั้นก็ได้ครับ.....”
“งั้นคำถามต่อไปนะครับ โดยปกติแล้ว คุณมักจะมีเซ็กส์กี่ครั้งต่อสัปดาห์ การช่วยตัวเองก็นับนะครับ” คะ คำถามนี้มัน ผมกัดปากหลบสายตาที่จ้องมองมาไม่หยุด รู้อยู่เต็มอกว่าหมอแค่พยายามช่วย แต่มันก็ยากนะครับที่เราจะต้องมานั่งบรรยายว่าอาทิตย์หนึ่งผมมีอารมณ์กี่ครั้ง ถ้าไม่ติดว่าผิงพามานี่ผมเดินกลับบ้านไปแล้ว
“ว่าไงครับคุณชวัตร”
“ผะ ผม เอ่อ ประมาณ 4-5 ครั้งต่ออาทิตย์ครับ” พูดไปก็อายปากจริงๆคำถามบ้าๆแบบนี้มันน่า.....
“งั้นขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ แล้วทำไมคุณชื่อหันละครับ หมูหัน หรือแค่หันครับ”
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมชื่อกังหันครับหมอสิบทิศ” หมอยิ้มก่อนจะส่ายหน้าให้ผม
“ไม่เอาสิครับ ขั้นแรกเราต้องทำความคุ้นเคยกันก่อน เรื่องจากชื่อครับ ผมจะเรียกคุณว่า
กังหัน ส่วนคุณเรียกผมว่า
พี่ทาย ดีไหมครับ” ไม่ดีได้ไหมอ่ะ ทำไมหมอชิบยิ้มแบบนั้นทุกที ผมรู้สึกอย่างกับว่าข้างหลังหมอมีใครฉายสปอตไลท์อย่างงั้นแหละ
“เอ่อ ขอเป็นหมอทายแทนได้ไหมครับ” หมอไม่ตอบ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินซะงั้น ผมจะบ้า
“หมอทายครับ คือ...”
“(. .)”
“หมอทายครับ คือผม....”
“(. .)” นี่หมอมันกวนตีนผมใช่ไหมครับ
“พี่ทายครับ”
“ครับกังหัน มีอะไรเอ่ย” (
) ผมควรกระโดดถีบหมอก่อนดีไหมครับ กวนตีนขนาดนี้
“ผมต้องรีบกลับแล้วครับ ต้องขายของต่อ”
“อ๋อ โอเคครับ ยังไงพี่รบกวนขอเบอร์ติดต่อเราด้วยนะ” ชินปากซะเหลือเกินนะ
“เดี๋ยวผมไปเขียนให้พี่สาวคนนั้นก็ได้ครับ”
พรึบ!! “(‘ ‘)” ไอหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้กับมือถือที่ถูกยื่นมาคืออะไร(วะ)ครับ
“อะ อะไรครับ”
“เบอร์กังหันไง ไม่ต้องไปเขียนข้างหน้า กังหันจะได้กลับบ้านเลย” เออ ก็จริง ผมเลยตัดสินใจกดเบอร์ให้หมอทายไปก่อนจะยื่นมือถือคืนเจ้าของไป
“ขอบคุณครับ แล้วพี่จะโทรหา อ่า.....พี่หมายถึง แล้วพี่จะโทรนัดเวลามาตรวจนะครับ” ผมพยักหน้ารับทราบ เอาเถอะครับ หมอทายแกคงไม่ค่อยจะเต็มล่ะมั่ง
“งั้น......ผมกลับได้เลยใช่ไหมครับ”
“กลับได้เลยครับ” หมอทายส่งยิ้มให้ผมและผมก็ยิ้มตอบไป มันเป็นมารยาทที่ถูกสอนเอาไว้ หมอทายดึงดันจะเดินไปส่งแต่ผมปฏิเสธไปเขาจึงยอมให้ผมกลับด้วยตัวเองแม้ว่าท่าทางจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม แต่ที่ผมสงสัยคือสายตาของพี่สาวชุดฟ้าที่มองผมด้วยแววตาแปลกๆ แม้มันจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่ผมก็ขนลุกซู่อยู่ดีเมื่อสบตากับเธอ อะไรกันนะคลินิกนี่ นอกจากการจัดห้องจะแปลกๆแล้วผู้คนที่นี่ก็แปลกเช่นกัน หรือผมไม่ควรมาที่นี่กันแน่นะ
ผมเปิดร้านตามปกติ อ๋อ...ใช่ผมเป็นพ่อค้าขายขนมหวานซึ่งเป็นสูตรที่แม่ของผมทิ้งเอาไว้ให้ก่อนท่านจะเสียไปเมื่อตอนผมอยู่มัธยม หลังจากที่เสียแม่ไปผมก็เหลือตัวคนเดียวจนต้องออกจากโรงเรียนมาขายของหาเงินเลี้ยงตัวเอง ยังดีที่ผมพอจะไปสอบเทียบจนสามารถจบม.6ได้ แต่จะให้ทิ้งร้านที่เปิดมา 10ปีมันก็ใช่เรื่องลูกค้าเองก็ใช่จะน้อยๆ ขนาดผมปิดร้านไปวันก่อนจะโดนลูกค้าบ่นกันยกใหญ่ ถามว่าผมดีใจไหม แน่นอนครับก็รายได้หลักของผมมันมาจากการขายขนมพวกนี้นี่นา
“ครับ ทองหยิบสิบบาท บัวลอย1ถุงกับกล้วยบวชชีสินะครับ ได้ครับ”
“แหม....หัน ขยันจังเลยนะพ่อคุณ” ผมยิ้มให้พี่สาที่พูดประชดแดกดันผมเพราะผมไม่ยอมปิดร้านพักผ่อนอย่างไม่คิดอะไร
“ไม่ได้หรอกครับพี่ เดี๋ยวลูกค้านอกใจผมไปซื้อร้านอื่น ผมเสียใจแย่” ตีหน้าเศร้าแบบนี่เรืองถนัดของผมเลย
“ย่ะ! ร่างกายหันเถอะจะไหวหรือเปล่า บอกแล้วให้พี่มาช่วยเป็นหุ้นส่วนชีวิตก็มาเชื่อ” ผมหัวเราะออกมากับท่าทีที่พี่สาแสดงออกมาราวกับว่าจีบผม
“นี่ครับได้แล้ว ขอบคุณที่อุดหนุนนะครับ”
“พี่หัน ลอดช่อง2ถุงกับเต้าส่วน1ถุงค่ะพี่”
“จ้าหมวย เดี๋ยวพี่จัดให้” รอยยิ้มของผมจะมีให้ลูกค้าเสมอครับ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าไม่ห่างหายไปไหน นอกจากความอร่อยน่ะนะครับ หึหึ
“หัน!!!” แย่ล่ะสิ งานเข้าแล้ว!
“อ้าว....ผิง วันนี้อยากกินขนมร้านหันเหรอครับเนี่ย” ท่าทางผิงจะเอาเรื่องนะครับ ยืนจังก้าเท้าสะเอวด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้น ผมตายแน่ๆ
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย ทำไมไม่ปิดร้านวันนี้!!” อูย.....น่ากลัว
“แหะๆ ก็หันเป็นห่วงลูกค้า กลัวพวกเขาหิว” จึ๋ย....อย่างกับแม่ผิงตัวน้อยจะยิงเลเซอร์ใส่ผมอย่างนั้นล่ะ
“แต่หันต้องไปหาหมอ!!”
“พี่หันๆ พี่หันป่วยเหรอ” เวรกรรม ลืมเลยว่าหมวยอยู่ด้วย ลูกค้าคนอื่นเริ่มหลบฉากปะทะสงครามของผมกับผิงแล้วครับ
“อะ เอ่อ ใช่ๆ” จะยังไงก็เถอะ ผมคงไม่บ้าประกาศออกไปหรอกว่าผมป่วยเรื่องเซ็กส์
“หึหึ หรือจะให้ผิงพูด บอกทุกคนเลยดีไหม” อ่ะ ลูกค้าก็ลูกค้าเถอะครับ พวกเขาก็คือมนุษย์ธรรมดา พอได้ยินแบบนั้นต่อมเผือกนี่ทำงานกันทันที หูหางกระดิกรอฟังกันเต็มที่เลย
“โอเค ปิดร้านแล้วคร๊าบบบบ”
ผมรีบเก็บของเข้าบ้านไม่สนใจพวกลูกค้าข้างนอกที่ทำหน้าทำตารางกับว่าเสียดาย เสียดายอะไรกันนะ ขนมหรือเรื่องของผม แต่ดูแล้วท่าทางจะเรื่องของผมมมากกว่า ให้ตายเถอะ เรื่องคนอื่นนี่ชอบกันจริงๆ ผมพาผิงที่ยืนงอนอยู่ข้างนอกเข้าบ้าน เหลือขไปเห็นรถของแฟนผิงแล้วมันเจ็บใจจี๊ดๆ แค่จี๊ดๆครับไม่เป็นอะไรมาก ดีหน่อยที่เขาเข้าใจถึงกล้าปล่อยเธอมาเจอผมได้ แต่ผมว่า....เขาคงเห็นง่าผิงท้องมากกว่าเลยไม่กล้าขัดใจ เหมือนผมไง ตอนนี้แทบจะหาอะไรมาพัดให้อารมณ์ที่เดือดปุดๆของเธอให้มันปลิวไป แต่ทำได้แค่ นั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอเท่านั้น นั่งรอรับชะตากรรม
กึก กะ กึก กึก กะ กึก
“ผะ ผิง อย่าเคาะนิ้วสิ เดี๋ยวก็เจ็บมือหรอก” แต่เธอมองผมดุๆหน้าผมเลยจ๋อยไปตามระเบียบ
“ไม่ต้องมาห่วงผิงเลย!! ทำไมไม่ไปหาหมอ”
“ไปมาแล้ว ในสัญญาบอกว่าต้องให้ทางคลินิกโทรหาก่อน” นั่นล่ะครับผิงถึงทำสีหน้าอ่อนลงและผมเองก็ได้หายใจหายคอคล่องขึ้น
ลา ล๊า ลา ลา ลัล ลัล ลา ~ “รับสิหัน รับเลยๆ” ผิงพยายามคะยั้ยคะยอให้ผมรับสายทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยครับว่าใครโทรมา
“ฮัลโหล”
‘สวัสดีครับ ขอสายกังหันครับ’ ผมขมวดคิ้วมองผิงที่ขมุบขมิบปากถามว่าใครโทรมา ผมเลยส่ายหน้าไป
“เอ่อ กำลังพูดสายครับผม”
‘อ้าว หันเหรอ พี่เองนะ หมอทาย’ อ่า ผมเหลือตามองผิงที่ทำหน้าอยากรู้เล็กน้อย
“ครับหมอ ว่าไงครับ”
‘อ๊ะ ไหนเราตกลงกันแล้วนี่ครับ ว่าเราจะเรียกกันแบบสนิทสนม’ “เอ่อ.....ครับพี่ทาย พี่ทายมีอะไรเหรอครับ”
‘พี่จะโทรมาถามว่าทำไมวันนี้กังหันไม่เข้ามาที่คลินิกครับ’ “อ่า คือว่าผม”
“ใครโทรมาอ่ะหัน” ผิงคงอดทนรอไม่ไหวถึงได้ส่งเสียงถามผมขึ้นมาแบบนั้น
‘.....’ “หมอทายน่ะ หมอทายโทรมาถามว่าทำไมหันไม่เข้าไปที่คลินิก” ผมพยายามอธิบายให้ผิงฟัง
‘กังหันครับ....’ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่เสียงปลายสายของหมอทายดูหงุดหงิดไม่น้อยเลย
“อ๊ะ ผมฟังอยู่ครับหมอ เอ่อ หมอถามว่าทำไมผมไม่ไปที่คลินิกใช่ไหมครับ”
‘.....ครับ’ “ก็คือ เอ่อ จากสัญญาที่ผมอ่านมาเขาบอกว่า เอ่อ ให้รอโทรศัพท์จากคลินิก ผมเลยไม่ได้เข้าไป”
‘อ๋อ จริงด้วยครับ! ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เข้ามาที่คลินิกนะครับ เราจะเริ่มรักษากัน’ “โอเคครับหมอ เอ่อ หมายถึงครับพี่ทาย พรุ่งนี้พบกันครับ”
‘หึหึ ครับ พรุ่งนี้พบกัน’ ผมวางสายจากหมอทายไปก่อนจะหันมามองหน้าผิงที่อมยิ้มมองผมแปลกๆ
“มองหันแบบนั้นทำไมอ่ะ” ผิงไม่พูดแต่กลับเล่นหูเล่นตาใส่ผมจนน่าหมั่นใส้ อะไรกันครับ ความรู้สึกของการทำตัวไม่ถูกาวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าโกหก โอ้ย.....ผมทำอะไรผิดกันเนี่ย แล้วเมื่อไหร่ผิงจะเลิกมองหน้าผมแล้วอมยิ้มแปลกๆแบบนั้นเสียที ผมอาย!!!!
ต่อด้านล่างนะคะ