คุณครูพี่มิน 23 แม้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เพราะพี่มินไม่ยอมบอกอะไรเลย แต่แพทก็ยอมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วเช็คเอาท์ในเวลาอันรวดเร็ว
หากขณะที่เขากำลังจัดการเรื่องต่างๆ พี่มินกลับเอาแต่คุยโทรศัพท์
“เราบอกต๊อดแล้ว อีก 20 นาทีมันน่าจะถึงร้าน”
“ต๊อดจะช่วยได้จริงๆ เหรอ” น้ำเสียงของไข่มุกเต็มไปด้วยความกังวลอย่างไม่ปิดบัง ก็แน่ล่ะ ลูกหายออกไปจากบ้านทั้งคนถ้ายังใจเย็นอยู่ได้สิแปลก
“ถึงต๊อดจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวนะ”
“มินรีบกลับมาสิ”
“กำลังกลับนี่ไงครับ” แพทตวัดสายตามองคนข้างกายที่คุยโทรศัพท์ด้วยเสียงหวานๆ อย่างไม่พอใจ นึกสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าพี่มินของเขาคุยกับใครทำไมต้องหวานขนาดนี้ แถมพอฝ่ายนั้นบอกให้กลับก็รีบกลับโดยไม่สนใจตนแม้แต่น้อย
ทั้งที่เมื่อกี้ยังมีความสุขกันอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้แพทกลับรู้สึกเหมือนถูกปลุกจากฝัน
“เร็วกว่านี้ได้มั้ยแพท”
“นี่ก็เร็วที่สุดแล้ว และถ้าเร็วกว่านี้จะอันตราย พี่มินรีบอะไรนักหนา”
“ก็...” ยังไม่ทันได้ตอบคำถามเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะอีกครั้ง แพทถอนหายใจออกมาก่อนละสายตาจากคนข้างกายเพื่อมองตรงไปข้างหน้า
ดูเหมือนตั้งใจขับรถแต่เชื่อเถอะว่าแพทกำลังพยายามเงี่ยหูฟังบทสนทนาน่าสงสัย
“มึงถึงไหนแล้วเนี่ย”
“กูพาเมี่ยงไปด้วยได้มั้ย”
“จะพาใครไปก็รีบไปเถอะ ตอนนี้ไข่มุกสติแตกแล้ว”
“กูตื่นเต้นว่ะ คือแบบกูไม่เจอเขามาสิบกว่าปีแล้วนะมึง ละอยู่ๆ ก็...”
“มึงอย่าคิดมากน่า ถ้าไปไม่ถูกก็โทรถามไข่มุกได้เลย” มินชิงตัดสายเองก่อนที่ต๊อดจะได้เอ่ยคำใด หากหน้าจอยังไม่ทันดับสายเรียกเข้าจากคนใหม่ก็ดังขึ้นอีก
เป็นไข่มุกอีกเช่นเคย
มินเหลือบมองแพทนิดหน่อยก่อนรับสาย
ไข่มุกสติแตกไปแล้วจริงๆ เธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมวางสาย เอาแต่โทษว่าการที่ลูกสาวหายออกจากบ้านเป็นความผิดของตัวเอง
มินปลอบใจจนไม่รู้จะปลอบอย่างไรแล้วสุดท้ายก็ได้แต่ฟังเฉยๆ
ตลอดทางเขาแทบไมได้คุยกับแพทเลย พวกเขาขับรถยาวแบบไม่แวะพัก มินแวะส่งแพทที่บ้านก่อน และขับรถออกมาโดยไม่เอ่ยคำใด
โดยไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังน้อยใจ
ทันทีที่ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแพทก็ต่อสายหาต๊อด หากคนรับสายกลับเป็นพี่เมี่ยง เพราะเกรงใจแพทจึงไม่ได้ถามอะไร หากเวลาไม่กี่วินาทีนั้นก็ยังพอให้ได้ยินเสียงบรรยากาศที่ดังผ่านมา
แพทได้ยินเสียงต๊อดปลอบใครบางคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอนและเป็นคนๆ เดียวกับที่โทรคุยกับพี่มินตลอดทาง
ไข่มุกโผเข้ากอดมินทันทีเมื่อเขาก้าวเข้ามาในร้านซึ่งตอนนี้นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใครอยู่อีกเลย
หญิงสาวสะอึกสะอื้นปริ่มจะขาดใจขณะพูดไม่เป็นภาษา แต่กระนั้นมินก็ยังเข้าใจได้ แน่ล่ะเพราะคำพวกนี้เขาฟังมาตลอดทางแล้ว
มินไม่ได้เอ่ยคำปลอบโยนใดๆ เพราะเขารู้แล้วว่ามันไม่ช่วยอะไรในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่ควรทำคือตามหาน้องสายไหม
“มุกมั่นใจใช่มั้ยว่าน้องไหมถูกเค้าพาตัวไป”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก น้ำตาที่เหือดแห้งไหลรินออกมาจากดวงตาบวมเป่งอีกครั้ง
ต๊อดมองเพื่อนสมัยมัธยมของตนที่กำลังคุยกันด้วยเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ พอมองหน้าแฟนก็พบว่าคุณหมอหนุ่มมีสีหน้าไม่ต่างจากตนแม้แต่น้อย
ไหนๆ ก็เรียกมาแล้วก็ควรเล่าเรื่องให้ฟังบ้างสิวะ
“มุกพยายามทุกวิธีแล้วแต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย”
“มันต้องมีซักวิธีสิ มุกในฐานะที่เป็นแม่มุกต้องตั้งสติแล้วค่อยๆ คิดว่ามีที่ไหนมั้ยที่เขาจะพาน้องไหมไป สถานที่ที่เป็นความทรงจำอะไรแบบนี้”
“มันจะมีที่แบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อพวกเราเพิ่งย้ายกลับมาอยู่ไทย หรือว่า...” ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยคไข่มุกก็ปล่อยโฮออกมาอีก
มินดึงเพื่อนตนเข้ามากอดอีกครั้ง ปลอบใจกันอยู่นานจนดึกดื่นจนคุณแม่ของไข่มุกเข้ามาในร้านนั่นแหละพวกตนจึงหลบฉากออกมาได้
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะมิน” ทันทีที่ทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งหน้าร้านอาหารของไข่มุกต๊อดก็ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าโดยมีคุณหมอหนุ่มยืนเคียงข้างแล้วยิงคำถามใส่
มินลังเลนิดหน่อย เพราะว่าเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเขากับไข่มุก เป็นเรื่องที่สัญญากันเอาไว้ว่าจะไม่บอกใคร แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว และเขาก็เป็นฝ่ายดึงต๊อดเข้ามายุ่งเองก็คงไม่มีทางเลี่ยงได้แล้ว
“น้องสายไหมคือใครวะ”
“ลูกสาวไข่มุก”
“ถ้างั้นก็แปลว่า...” เรื่องที่เพื่อนๆ ลือกันในกลุ่มแชทเป็นเรื่องจริงน่ะสิ
มินพยักหน้าแทนคำตอบ
“แล้วพ่อเด็กล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นมึง”
“กูบอกมึงได้แค่นั้นต๊อด กูบอกมึงมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“ไอ้มินกูเพื่อนมึงนะ”
“มุกก็เพื่อนกูเหมือนกัน มุกเขาขอไว้ว่าไม่ให้บอกเรื่องกับคนอื่น”
“มึงเห็นกูเป็นคนอื่นเหรอ มึงอย่าลืมนะว่ามึงเป็นคนดึงกูเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง”
“รู้ต๊อด เพราะกูมีแค่มึงไง คนเดียวที่กูนึกถึงก็คือมึง”
“เด็กนั่นเป็นลูกมึงเหรอ”
“เปล่า”
“ตอบกูเสียงดังๆ แบบมั่นใจๆ หน่อยดิ๊ว่าเด็กนั่นเป็นลูกมึงเหรอ”
“ไม่ใช่ สายไหมไม่ใช่ลูกมิน” ไข่มุกที่เดินออกมาพอดีเป็นฝ่ายตอบคำถามเสียงดังฟังชัดให้ชายหนุ่มทั้งสามมองไปยังเธอเป็นตาเดียว
ได้ยินอย่างนั้นแล้วต๊อดก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยเขาก็เบาใจว่าอดีตของมินจะไม่ทำให้แพทต้องเสียใจ
“แล้วเรื่องเป็นมายังไง”
“ต๊อดแค่ช่วยเราไม่ได้เหรอ ไม่รู้เรื่องของเราได้รึเปล่า”
“ก็ได้ แต่มันคาใจ แต่ถ้าเธอลำบากใจที่จะบอกก็ไม่ต้องบอกก็ได้ ถึงเราจะอยากรู้มากก็เถอะ”
“เอาไว้เจอน้องแล้วเราจะเล่าทุกเรื่องที่เธออยากรู้ให้ฟัง”
“ถ้าคนที่เอาตัวน้องไปคือพ่อน้อง เธออย่ากังวลไปเลย ยังไงซะคนเป็นพ่อก็ไม่ทำร้ายลูกตัวเองหรอก” ต๊อดไม่รู้หรอกว่าคำปลอบโยนของตนจะได้ผลหรือเปล่า แต่เชื่อเถอะว่าคำนั้นได้ใจคุณหมอสุดหล่อผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้ไปเต็มๆ
ต๊อดส่งพี่เมี่ยงกลับไปทำงานก่อนจะเข้ามานั่งล้อมวงกับคนอื่นๆ ที่โต๊ะตัวใหญ่ในร้านเพื่อปรึกษาหารือกันเรื่องนี้ เท่าที่ฟังคร่าวๆ ดูเหมือนว่าเพราะไข่มุกแจ้งตำรวจเรื่องลูกสาวถูกคนเป็นพ่อพาตัวออกจากบ้านไปบ่อยๆ และพากลับมาส่งทุกครั้งทางนั้นจึงไม่ค่อยให้ความสนใจนัก
ได้ฟังอย่างนั้นแล้วก็นึกท้อแท้ไม่เบา
แต่ก็ยังดีที่ความเป็นหัวหน้าแก็งค์เด็กแว้นซ์ทำให้ต๊อดพอมีเส้นสายอยู่บ้าง
คนที่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรต่อสายหานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาอาศัยกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อให้ช่วยเช็คกล้องวงจรปิดหารถต้องสงสัยว่าเป็นคันที่พาน้องสายไหมไป
รอกันค่อนคืนกว่าจะได้รับข่าวดี
ดูเหมือนว่ารถคันนั้นจะขับออกจากกรุงเทพมุ่งหน้าไปทางภาคอีสาน
ขณะที่นั่งรถออกนอกเมือง มินที่เอาแต่กังวลไม่รู้เลยว่าโทรศัพท์มือถือตนกำลังกระพริบเพราะมีสายเรียกเข้า
ตั้งแต่มินขับรถออกไปด้วยท่าทางเร่งรีบและเป็นกังวลแพทก็ยังไม่ได้นั่งด้วยความสบายใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว ทั้งที่อยากเป็นที่พึ่งให้แท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริงเขากลับถูกมองข้ามเป็นอันดับต้นๆ
คิดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้เลย
แพทมองมือถือที่ดับลงเมื่อไม่ว่าจะต่อสายซักกี่ครั้งก็ไร้สัญญาณตอบรับจากอีกฝ่าย
มันจะอะไรกันนักหนา เอาแต่ห่วงคนอื่นไม่ห่วงความรู้สึกแพทบ้างเลยรึไง
โกรธไปก็เท่านั้น งอนไปก็เท่านั้นในเมื่อไม่ว่าอย่างไรมินก็ไม่มีทางรับรู้ความกระวนกระวายใจของเขา ว่าจะไม่พึ่งต๊อดแล้วเชียวแต่พอถึงทางตันก็มีแค่ต๊อดที่จะช่วยกันได้
เขาต่อสายหาต๊อดอย่างไม่ลังเล และคนนั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง รอสายแค่ไม่กี่วินาทีปลายสายก็รับ
“ว่าไงมึง ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน” ต๊อดนั่นแหละได้นอนบ้างรึยัง เสียงไม่ไหวแล้ว ได้ยินอย่างนั้นก็อดเป็นห่วงพี่มินไม่ได้เลย
“ขอคุยกับพี่มินหน่อยสิ” ต๊อดเหลือบมองเพื่อนตนที่กำลังขับรถพลางพูดแบบไม่มีเสียงบอกความประสงค์ของแพท
มินรู้ดีว่าแพทต้องกำลังเป็นกังวลเรื่องเขาแน่ ก็เจ้าเด็กนั่นน่ะรักเขายิ่งกว่าอะไรดี
“แล้วทำไมมึงไม่โทรหามัน” ถึงแม้มินจะบอกให้เปิดลำโพงแต่ต๊อดก็ยังเป็นต๊อดคนชอบกวนประสาททุกสถานการณ์เช่นเดิม
“ถ้าติดต่อพี่มินได้แพทคงไม่โทรหาต๊อดหรอก”
“อะ คุยกันเองละกัน” เพราะน้ำเสียงเคร่งเครียดกว่าครั้งไหนๆ ของแพททำให้ต๊อดหยุดเล่นแล้วเปิดลำโพงให้ทั้งคู่ได้คุยกัน
“ทำไมพี่มินไม่รับสายแพท รู้มั้ยว่าโทรหากี่ร้อยสายแล้ว”
“ขับรถอยู่ครับ”
“ไปไหนกัน”
“เพื่อนมีเรื่องนิดหน่อย แต่แพทไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยว...”
“ไม่ห่วงได้ไง พี่มินคิดว่าแพทไม่ห่วงพี่มินได้เหรอ”
ไม่ได้ มินรู้จักแพทดีกว่าคนในครอบครัวอีก แต่ถึงแม้จะรู้อย่างนั้นแต่ก็อยากบอกให้เบาใจว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เลวร้าย
“มีอะไรทำไมไม่บอกแพทวะ แพทบอกแล้วใช่มั้ยว่าตอนนี้แพทเป็นที่พึ่งให้พี่มินได้แล้ว”
“รู้ครับรู้ แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของเพื่อนพี่ไง ขอพี่จัดการเรื่องนี้เองได้มั้ย แล้วถ้าคราวหน้ามีเรื่องอีกพี่จะนึกถึงแพทคนแรกเลย”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แพทจะไม่ยอมปล่อยให้พี่มินคลาดสายตาอีกแน่”
มินยิ้มรับต่างจากต๊อดที่เบะปากเป็นรูปชามคว่ำด้วยความหมั่นไส้สุดติ่ง ขนาดยังไม่รับเป็นแฟนยังหวานเวอร์วังขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าคบกันจริงจังแล้วจะหวานขนาดไหน
พวกคนไม่เคยมีแฟนก็เงี้ย
“พี่ต้องขับรถแล้วอะ ละเดี๋ยวจัดการเรื่องทางนี้เสร็จพี่จะโทรหานะ”
“แพทจะรอ”
“ไปนอนเลย”
“แพทนอนไม่หลับหรอก แพทจะรอนะ” สิ้นคำต๊อดก็ดึงมือถือกลับมาแล้ววางสาย
เสียงดังตู้ดๆ ที่ดังขึ้นทำให้แพทอดไม่ได้ที่จะก่นด่าต๊อด ทั้งที่อยากอ้อนพี่มินมากกว่านี้แท้ๆ ต๊อดนี่ขี้อิจฉาจริงๆ
“ไงอะดอกเตอร์ ไปทะเลด้วยกันไม่กี่วันกลับมาอีกทีต้องหวานกันเบอร์นี้เลยเหรอ”
“น้องมันก็แค่เป็นห่วงกู”
“ไม่มั้ง มึงอะ”
“กูทำไม”
“ถ้าจะขนาดนี้แล้ว พรุ่งนี้ก็ไปตกลงเป็นแฟนกันซะ” ไม่ต้องบอกมินก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาใช้เวลาด้วยกันในสถานะคนไม่มีสถานะมามากพอแล้ว และตอนนี้ก็ไม่มีข้อจำกัดใดมาขีดเส้นขั้นความสัมพันธ์อีก
รถยนต์คันสวยของดอกเตอร์เมฆวิ่งไปตามทางอย่างไม่หยุดพัก พวกเขาแวะเติมน้ำมันแค่ครั้งเดียวก่อนวิ่งยาวโดยมีเจ้าของรถกับต๊อดเปลี่ยนกันขับเป็นระยะ
“พอนึกออกบ้างมั้ยว่าเขาน่าจะพาสายไหมไปที่ไหน” มินเอ่ยถามขณะเอี้ยวตัวไปมองไข่มุกที่นั่งร้องไห้อยู่ด้านหลัง
น้ำตาของหญิงสาวเหือดแห้งไปแล้วหากความกังวลใจยังไม่มีท่าทีจะบางเบาลงแม้แต่น้อย
ไข่มุกกำมือแน่นขณะเค้นเอาความทรงจำเก่าๆ สมัยคบกับพ่อของน้องสายไหม แต่มันก็นานมากแล้ว อีกอย่างเธอไปอยู่ต่างประเทศก็หลายปีทำให้เป็นการยากที่จะจำสถานที่ได้ชัวร์ๆ
“มันเป็นรีสอร์ท” ต๊อดถึงกับกลอกตาเมื่อคำบอกเล่าจากหญิงสาวไม่ได้ช่วยให้การค้นหาจำกัดวงแคบลงแม้แต่น้อย
“รีสอร์ทมีเป็นพันนะไข่มุก”
“มีสวนน้ำ ที่นั่นมีสวนน้ำด้วย”
“ใหญ่มากมั้ย”
“เป็นสวนน้ำของรีสอร์ท” ได้ยินอย่างนั้นมินจึงลงมือค้นหาจากเว็บเสิร์ชเอนจิ้น ทว่ารีสอร์ทที่มีสวนน้ำก็มีมากมายเช่นกัน
กระนั้นเขาก็ยังคงค้นหาอย่างใจเย็น ผิดกับต๊อดที่จิ๊ปากแล้วจิ๊อีกเมื่อไข่มุกดูรูปที่มินยื่นให้แล้วส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
และดูเหมือนว่าความพยายามอย่างใจเย็นของมินจะเป็นผล เมื่อไข่มุกพิจารณารูปๆ นึงนานกว่ารูปก่อน
“ใช่ที่นี่รึเปล่า”
“ไข่มุกไม่แน่ใจ รูปนี่มันคุ้นๆ แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรมุก เราแวะไปดูก่อนก็ได้ ดีกว่าขับรถไปเรื่อยๆ แบบนี้” ปลอบไข่มุกเสร็จมินก็หันไปบอกทางกับต๊อดที่ดูเหมือนจะอ่อนล้าจากการขับรถพอสมควรแล้ว “ถ้ามึงไม่ไหวเปลี่ยนได้นะต๊อด”
“ก็ดีว่ะ กูแม่งจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว”
รถยังคงวิ่งไปตามจีพีเอสบอกทาง ต๊อดที่นั่งข้างคนขับหลับไปแล้ว ไข่มุกเองก็เอาแต่ก้มดูรูปในมือถือ ยิ่งเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้นมากเท่าไหร่มินก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นพิกล
ถ้าตอนนี้แพทอยู่ด้วยล่ะก็เขาต้องปลอบใจมินให้เย็นลงได้แน่ๆ
“มิน” เสียงไข่มุกดังขึ้นในห้องโดยสารอันเงียบงันให้มินมองเธอผ่านกระจกมองหลัง และก็พบว่ามีสายเรียกเข้าจากพ่อน้องสายไหม
“รับเลย” มินตัดสินใจจอดรถข้างทางเมื่อไข่มุกรับสายนั้นด้วยเสียงอันสั่นเทา
เขาจับใจความไม่ค่อยได้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกันบ้าง ได้ยินแต่เสียงก่นด่าของไข่มุกในช่วงแรก และเสียงสะอื้นในช่วงหลังก่อนสายจะถูกตัดไป
“เราต้องไปที่นั่น” ที่นั่นที่ไข่มุกพูดถึงก็คือสถานที่ที่พวกเขาตั้งใจไปในตอนแรก
กว่าจะมาถึงรีสอร์ทแห่งนั้นก็เป็นเวลาเช้าแล้ว
ไข่มุกเล่าให้ฟังระหว่างทางว่ารีสอร์ทนั่นเป็นสถานที่ที่พวกเขามาเที่ยวกันในทุกวันครบรอบ แต่เพราะถูกทำร้ายจิตใจไว้มากไข่มุกจึงไม่เหลือความทรงจำดีๆ เหล่านี้เอาไว้แม้แต่น้อย
ไข่มุกต่อสายหาอดีตสามีอีกครั้ง รอไม่นานเขาก็จูงมือน้องสายไหมออกมา
เกลี่ยกล่อมกันอยู่นานทีเดียวกว่าเขาจะยอมปล่อยลูกสาวแล้วเข้าไปนั่งเคลียร์กับไข่มุกในรถ กระนั้นทุกอย่างก็ยังอยู่ในสายตาของมินและต๊อด
ถึงแม้จะไม่อยากยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่นแต่อย่างไรก็อดห่วงไข่มุกไม่ได้อยู่ดี
“น้ามินมารับน้องสายไหมเหรอคะ” เด็กน้อยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ให้มินรู้สึกโล่งใจไปเปราะนึง
“ใช่แล้วค่ะ มาเที่ยวกับคุณพ่อสนุกมั้ย”
“สนุกมากๆ เลย เมื่อวานคุณพ่อพาน้องสายไหมไปเล่นสไลเดอร์ตรงนั้นด้วย” เด็กน้อยชี้ไปยังสไลเดอร์ตรงสระว่ายน้ำพลางเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตากลมโตที่ถอดแบบมาจากคุณแม่เป็นประกายนั่นทำให้มินเชื่อแน่ว่าอดีตสามีของไข่มุกทำหน้าที่พ่อได้เป็นอย่างดี
เขาพาน้องมาเพียงเพราะอยากใช้เวลาด้วยกันเหมือนครั้งก่อนๆ หากเพียงครั้งนี้เขาพาน้องมาไกลเกินไป
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าหากผู้ใหญ่ตกลงกันได้ก็คงเป็นผลดีต่อคนเป็นลูกสาวมากทีเดียว
“น้ามินแล้วลุงคนนั้นเป็นใครอ่า”
คนถูกเรียกว่าลุงตวัดสายตาน่ากลัวมาให้เด็กน้อยรีบวิ่งหลบหลังน้ามินของตนพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
น้องสายไหมทำแบบนั้นต๊อดก็เสียเซลฟ์สิ
อุตส่าห์เป็นที่รักของคุณหมอแต่กลับถูกเด็กแสดงท่าทีหวาดกลัวใส่ แบบนี้มันเกินไปแล้ว
“หน้าตากูดูโหดเหรอวะ”
มินก็ไม่รู้จะตอบยังไง ถามว่าโหดมั้ยก็ไม่หรอก แต่หนักไปทางไม่น่าไว้วางใจมากกว่า แต่ถึงกระนั้นต๊อดก็มีวิธีเข้าหาเด็กด้วยวิธีของตน พูดคุยกันได้ไม่นานน้องก็ยอมให้อุ้มแล้ว
ภาพตรงหน้าทำให้นึกถึงเมื่อก่อนขึ้นมา
แพทน่ะ ครั้งแรกที่เจอต๊อดก็ไม่ชอบขี้หน้ามากๆ เหมือนกัน แต่ตอนนี้สิเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย
“มึงยิ้มอะไร”
“กูขอโทรหาแพทหน่อย ฝากมึงสังเกตุการณ์ทางนี้ด้วย” ต๊อดพยักหน้ารับ กระชับอุ้มเด็กน้อยในอ้อมแขนพลางมองตามแผ่นหลังเพื่อนตนที่เดินห่างออกไป
คิดว่าป่านนี้แพทก็คงยังถูกความห่วงใยรบกวนจนไม่ได้หลับได้นอนนั่นแหละ
และก็เป็นอย่างที่ต๊อดคิด
แพทนอนไม่หลับเลย เขาผุดลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาทันทีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขั้น เมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่งแต่ถ้ายังไม่ได้กอดพี่มินเขาก็ไม่มีทางหยุดความห่วงใยที่หน่วงอยู่ในอกนี้ได้
“ได้นอนบ้างหรือยัง”
“คำนี้ต้องเป็นแพทนะที่ถามพี่มิน” แพทกรอกเสียงของคนน้อยใจลงไป
“นอนไปงีบนึงเมื่อกี้”
“ไม่ต้องขับรถเลยนะ”
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ง่วงไม่ขับสิ”
“ถ้าพี่ไม่ขับแล้วใครจะขับ”
“พี่มินอยู่ไหนเดี๋ยวแพทไปขับรถให้ก็ได้”
“จะบ้าเหรอ กว่าแพทจะมาถึงพี่ก็กลับแล้ว”
“ไม่อยากให้แพทไปเหรอ มีเรื่องที่ไม่อยากให้แพทรู้รึเปล่า”
“ทำไมคิดแบบนั้น”
“ไม่รู้สิ พอพี่มินรับสายนั้นแล้วก็ไม่สนใจแพทเลย จะให้คิดไงอะ”
“เดี๋ยวค่อยคุยกันตอนพี่กลับถึงกรุงเทพแล้วละกัน”
“แพทไม่สบายใจเลย” แพทเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา เขากลัวว่าคนที่พี่มินหุนหันพลันแล่นออกไปหาจะเป็นคนสำคัญมากกว่าตน
“พี่อยากให้แพทเชื่อใจพี่นะ”
“ถ้าอยากให้เชื่อใจกลับกรุงเทพคราวนี้ก็มาอ้อนสิครับ”
มินไม่ตอบอะไร แต่เชื่อเถอะว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เกิดมาตั้ง 30 กว่าปีไม่เคยคิดจะอ้อนใคร แต่กลับต้องมาอ้อนเจ้าเด็กที่ตนเลี้ยงมากับมือ
แบบนั้นมัน...ถ้าต๊อดรู้เข้าล่ะก็อายตายเลย
ไข่มุกกอดน้องสายไหมเอาไว้ตลอดทางจากโคราชถึงกรุงเทพคล้ายกับว่ากลัวจะถูกแย่งลูกไปอีก
ก็เข้าใจได้ล่ะนะแต่การที่เธอไม่ยอมปริปากเล่าอะไรให้ฟังซักอย่างแบบนี้ต๊อดก็ไม่พอใจเหมือนกัน อุตส่าห์อดหลับอดนอนขับรถพามาก็ควรจะตอบแทนกันด้วยการบอกความคืบหน้าอะไรบ้างสิวะ
“ไข่มุกนี่แม่งยังนิสัยแย่เหมือนเดิม” ถึงแม้ภายนอกจะดูน่ารักน่าทนุถนอมแต่ตบตาใครก็ตบไปเถอะนะอย่างไรก็ไม่มีทางตบตาต๊อดได้แน่นอน
ต๊อดน่ะโตมากับกลุ่มเพื่อนของอาเจ๊ เพราะอยู่กับสาวๆ มาตั้งแต่เด็กจึงมีตาวิเศษมองออกว่าผู้หญิงคนไหนน่ารักจริง คนไหนแสร้งทำ
“ก็ไม่แปลกนะ มึงยังนิสัยเหมือนเดิมเลยต๊อด”
“เข้าข้างต๊อดบ้างเถอะมิน”
“ขนลุกเลยเนี่ย” ไม่บ่อยเลยที่ต๊อดจะแทนตัวเองด้วยชื่อแบบนี้ ซึ่งก็ไม่แปลกที่มินจะไม่ชิน
“แล้วนี่มึงส่งกูแล้วจะกลับคอนโดเลยมั้ย”
“จะแวะไปหาแพทหน่อย”
“อย่าไปเลย ปล่อยให้มันห่วงมึงจนอกแตกตายไปเถอะ”
“ไม่ล่ะ ถ้าแพทอกแตกตายกูคงเสียใจ”
“เสี่ยวสัดเลยว่ะไอ้ดอกเตอร์ ถ้าไอ้แพทมาได้ยินเข้ากูว่ามันสำลักความหวานตายไปเลยอะ”
“ต๊อด”
“หือ ทำไมอยู่ๆ จริงจังขึ้นมาวะ”
“กูมีเรื่องจะบอกมึง”
“อะไร จะสารภาพรักรึไง” มินพยักหน้าให้ต๊อดถอยกรูด เห็นอย่างนั้นแล้วก็อดขำกับจินตนาการอันสูงส่งของเพื่อนไม่ได้เลย คิดไปถึงไหนกันล่ะเนี่ย
“กูรักแพท กูคิดว่ากูอยากใช้ชีวิตกับเขาตลอดไป”
“บอกกูทำไม มึงต้องไปบอกไอ้แพทโน่น”
“เพราะมึงเป็นเพื่อนรักกูไงกูก็เลยอยากให้มึงรู้เป็นคนแรก”
ต๊อดไม่รู้จะตอบคำใด ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตนเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของมิน แต่เมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเพื่อนก็อดซาบซึ้งใจไม่ได้เลย นั่นแหละ และอยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาซะงั้น
“มึงร้องไห้ทำไมเนี่ย”
“ไม่รู้อะ อยู่ๆ แม่งก็ไหล กูห้ามไม่ได้เลย”
“ซึ้งอะดิ”
“อือ มึงอย่าทำแบบนี้อีกนะเว้ย กูไม่ชอบ”
“ขี้แยว่ะต๊อด ตอนพี่เมี่ยงบอกรักมึงร้องไห้ด้วยป่ะเนี่ย”
“เสือกว่ะดอกเตอร์” ต๊อดว่าพลางเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ เหมือนเด็ก เพราะแบบนี้ล่ะมั้งพี่เมี่ยงถึงได้ตกหลุมรักต๊อดจนถอนตัวไม่ขึ้น
มินเองก็อยากมีความรักดีๆ แบบนี้บ้างเหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาคาดหวังในตัวแพทหรอก ที่จริงแค่มีแพทอยู่ด้วยกันนั่นก็ดีแสนดีแล้ว
“เอาไว้เดี๋ยวกูเล่าเรื่องไข่มุกให้ฟังวันหลัง” มินบอกเมื่อต๊อดลงจากรถไปแล้วให้เจ้าตัวชะโงกหน้าเข้ามามุ่นคิ้วไม่เข้าใจ
“ไหนมึงบอกว่าเป็นความลับ”
“ไข่มุกรู้ว่ามึงอยากรู้ก็เลยอนุญาตให้รู้ได้”
“แล้วไม่คิดว่ากูจะไปเล่าให้คนอื่นฟังรึไง”
“นั่นมันก็เป็นความรับผิดชอบของมึงแล้ว”
“กูไม่ฟังได้มั้ยวะ”
“แล้วแต่นะ กูมีเวลาให้มึงตลอดช่วงปิดเทอมนี้ อยากฟังเมื่อไหร่ก็โทรมา”
ต๊อดถอนหายใจออกมา อยากรู้ก็จริงแต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าวันนึงเขาจะไม่เผลอตัวเอาความลับนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง คิดไปคิดมานี่มันอย่างกับแบกอะไรก็ไม่รู้ว่าบนบ่าโดยใช่เหตุเลยนี่หว่า
[TBC]เราโคตรชอบความเพื่อนของต๊อดกับมินเลยค่ะ
เพื่อนที่มีอะไรก็อยากเล่าให้กันฟัง ถึงต๊อดจะไม่ค่อยเอาไหนก็เถอะ
อย่าเพิ่งโกรธพี่มินกันนะที่ทิ้งเจ้าแพทมาแบบนี้ พลีสสสสสสส
#คุณครูพี่มิน