คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว  (อ่าน 31533 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 14 {Up.091018}
«ตอบ #60 เมื่อ09-10-2018 22:09:40 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ครูพี่มินใจร้าย  แอบไปกับหนุ่มอื่น  ทิ้งพี่แพทไว้   อิอิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 14 {Up.091018}
«ตอบ #61 เมื่อ09-10-2018 22:59:26 »

พี่มิน ชอบแพทแต้ก็กลัวๆ   :serius2: :really2:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 14 {Up.091018}
«ตอบ #62 เมื่อ10-10-2018 02:01:33 »

พี่แพทสู้ ๆ ทำข้อสอบให้ได้คะแนนดี ๆ แล้วขอรางวัลกับคุณพี่มินซิ เผื่อจะช่วยได้  :hao3:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
«ตอบ #63 เมื่อ19-10-2018 21:00:00 »

คุณครูพี่มิน 15



เป็นเวลาเกือบเย็นกว่าแพทจะออกมาจากตึกวิศวะ

“แพทไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอ” ส้มโอชวนอีกครั้งและแน่นอนเป็นอีกครั้งที่แพทปฏิเสธให้หญิงสาวชักสีหน้าใส่ก่อนจะเดินตามเพื่อนคนอื่นๆ ไปอย่างอ้อยอิ่ง

แพทไม่ได้มองตามเพื่อนที่กำลังมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัย เขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วมุ่งหน้าไปยังตึกคณะสังคมศาสตร์

รู้ทั้งรู้ว่าถึงแม้จะถ่อมาหาถึงที่ดอกเตอร์เมฆก็คงไม่ให้เขาช่วยอะไรทั้งนั้นแต่ก็ยังมากับความคิดที่ว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก แต่เอาเข้าใจทุกอย่างกลับไม่เป็นดังหวัง

นอกจากไม่ยอมให้ช่วยตรวจข้อสอบแล้ว ยังไล่กลับบ้านด้วยท่าทีเฉยชาสุดๆ ให้แพทต้องกลับมานั่งหงอยเป็นหมาเหงาที่อู่ของต๊อดครึ่งค่อนวัน

“ต๊อดๆ พี่มินเคยปรึกษาต๊อดเรื่องความรักบ้างมั้ย” เจ้าของอู่ซ่อมรถที่วันนี้ค่อนข้างว่างละมือจากโทรศัพท์มือถือแล้วหุบยิ้มก่อนจะหันมาคุยกัน

“ไปรู้ไปเห็นอะไรมาอีกล่ะ”

“เมื่อคืนพี่มินออกไปกับผู้ชายคนนึง บอกว่าชื่อพิพัฒน์ พี่มินเคยเล่าเรื่องเขาให้ต๊อดฟังบ้างมั้ย”

“ไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งชื่อ” ความจริงก็คือมินไม่ค่อยเอาเรื่องที่มหาวิทยาลัยมาเล่าให้ต๊อดฟังเท่าไหร่หรอก

พอได้ยินอย่างนั้นแล้วแพทก็ค่อยโล่งอกหน่อย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า...

“พี่มินชอบผู้ชายแบบไหนเหรอต๊อด”

“มันอาจจะชอบผู้หญิงก็ได้นะ”

“แบบนั้นก็ดีสิ”

“หืม” ต๊อดแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินคำของแพท ให้อีกฝ่ายต้องรีบอธิบาย

“ก็ถ้าพี่มินชอบผู้หญิง อย่างน้อยผู้ชายคนเมื่อคืนก็ไม่ใช่คู่แข่งของแพทไง อีกอย่างช่วงนี้แพทก็ไม่เห็นว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ พี่มินเลย”

“ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มีซักหน่อย”

“ต๊อดพูดแบบนี้หมายความว่าไง”

“เปล่า กูก็พูดไปเรื่อยนั่นแหละ อย่าใส่ใจเลย” พูดออกมาขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่มาบอกให้ไม่ต้องใส่ใจเนี่ยนะ ใครจะไปคิดน้อยได้อย่างต๊อดล่ะ

“พูดมาขนาดนี้แล้วอะต๊อด มีอะไรก็บอกกันสิ”

“จะให้กูบอกอะไรล่ะ มันไม่มีอะไรให้บอก”

“ตาล้อกแลกขนาดนี้จะไม่มีอะไรได้ยังไง”

“กูไม่รู้หรอกนะว่ามินมันชอบคนแบบไหน แต่คนที่มันไม่ชอบมากๆ เลยคือคนนิสัยแบบมึงเนี่ย” แพทสตั๊นไปเลยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“คนแบบแพทมันเป็นยังไงอะต๊อด”

“ทำตัวให้มันเป็นผู้ใหญ่กว่านี้หน่อย” แพทมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว ที่ยังทำตัวเป็นเด็กๆ ก็แค่เวลาอยู่กับพวกผู้ใหญ่ที่เคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็กเท่านั้น แน่นอนว่าหนึ่งในผู้ใหญ่เหล่านั้นมีพี่มินอยู่ด้วย

ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่เวลาอยู่ต่อหน้าพี่มินอย่างนั้นเหรอ

ก็คงไม่ยากเกินไป













ตลอดชั่วโมงเรียนวันนี้แพททำให้มินประหลาดใจไม่น้อย

จะว่าอย่างไรดี ปกติเจ้าเด็กนั่นต้องเอาแต่นั่งเท้าคางมองเขาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่วันนี้กลับตั้งใจเรียนโดยไม่วอกแวกเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าก็เคร่งขรึมกว่าครั้งไหนๆ

ไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้แพทเปลี่ยนไป แต่ตั้งใจเรียนก็ดี

“ทุกคนเช็คคะแนนสอบแล้วใช่มั้ยครับ”

เสียงตอบว่า ‘ใช่’ ดังอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

“พอใจรึเปล่าครับ”

คราวนี้เสียงแตกเป็นสองฝ่าย และดังอื้ออึงหนักกว่าเมื่อครู่อีก

“ผมยังไม่ค่อยพอใจเลย คิดว่าทุกคนจะทำคะแนนได้ดีกว่านี้ซะอีก อาจจะพลาดที่ตัวผมเอง ยังไงฝากทุกคนช่วยประเมิณกันหน่อยได้มั้ยว่ามีตรงไหนที่ผมต้องปรับปรุงบ้าง เดี๋ยวชั่วโมงหน้าจะมีกล่องมาวาง ทุกคนหย่อนกระดาษลงกล่องได้เลย”

“อาจารย์น่าจะบอกแนวข้อสอบก่อนสอบนะคะ” นักศึกษาหญิงคนนึงยกมือขึ้นก่อนว่า

แพทหันไปมองด้วยความสนใจ เธอคนนั้นหน้าตาสะสวยมากทีเดียว มากจนคิดว่าหนุ่มๆ อาจจะตกหลุมรักทันทีที่ได้สบกับดวงตากลมโตของเธอ

“ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าพวกคุณเรียนเพื่อสอบเฉยๆ โดยที่ไม่สามารถนำไปใช้จริงได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนครับ”

เธอหน้าจ๋อยไปเลย เห็นอย่างนั้นแล้วแพทก็ได้แต่นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ

“แทนที่จะหวังให้ผมบอกแนวข้อสอบ เรามาช่วยกันหาวิธีการสอนที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจบทเรียนได้ง่ายไม่ดีกว่าเหรอ หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกคนนะครับ”

สิ้นประโยค อาจารย์เจ้าของวิชาก็เก็บเอกสารมากมายของตนมาถือไว้แล้วเดินออกจากห้องก่อนใครเพื่อน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องปกติของดอกเตอร์เมฆ เพราะทุกครั้งเขาจะรอจนกว่านักศึกษาออกจากห้องหมดแล้วค่อยเก็บของออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย

พูดถึงคะแนนสอบแล้วแพทก็เศร้า

อีกแค่นิดเดียวคะแนนก็จะถึง 80% แล้วแท้ๆ

“ดอกเตอร์ครับ” คนถูกเรียกหยุดฝีเท้าที่โถงบันได เมื่อเอี้ยวตัวไปมองก็พบกับแพท ในมือของนักศึกษาหนุ่มมีกล่องไม้ใบเล็กอยู่

“ว่าไง”

“ผมดูคะแนนสอบแล้ว”

“อ่อ ไม่ถึง 80%”

“ครับ ผมมาทำตามสัญญา”

“น่าเสียดายนะ อีกแค่ไม่ถึง 0.5% แท้ๆ”

“ดอกเตอร์ปัดขึ้นให้หน่อยไม่ได้เหรอครับ”

“ทำแบบนั้นได้ที่ไหน”

อยากจะงอแงขอร้องอ้อนวอนแทบขาดใจ แต่คำของต๊อดที่บอกว่าพี่มินชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ก็ฉุดรั้งเอาไว้ กระนั้นสีหน้าก็แสดงออกชัดเจนว่าเสียดายมากแค่ไหน

กล่องไม้ถูกยื่นมาตรงหน้าอย่างอ้อยอิ่ง พอมินยื่นมือไปรับแพทกลับไปยอมปล่อย กลายเป็นว่ายื้อกันอยู่อย่างนั้น

“ร่ำลากันพอรึยัง”

“พอก็ได้ครับ” แม้จะไม่อยากปล่อยมือแต่อย่างไรก็ต้องตัดใจยอมปล่อยอยู่ดี

“ฝากถือหน่อยสิ” เอกสารต่างๆ ถูกยื่นมาให้แพทรับมาถือไว้ ขณะที่สายตาจับจ้องกล่องนั้นด้วยความอาลัยอาวรณ์

มินเปิดกล่องออก เขาแทบไม่เชื่อสายตา คูปองสะสมความดีในกล่องนี่มันเยอะเกินกว่าที่เขาคาดเดาเอาไว้ เขาละสายตาจากของในมือเงยหน้ามองเจ้าของมันด้วยสายตาอ่านยาก

“อึ้งไปเลยล่ะสิ” อย่างน้อยถ้าหลังจากนี้จะไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีก แพทก็อยากให้พี่มินรู้ว่าเขาพยายามเพื่อมันมากแค่ไหน

“โกงรึเปล่า”

“ไปถามแม่ได้เลย แพทไม่เคยโกง แม่บอกว่าคนขี้โกงเป็นคนเลว”

“ทั้งที่ตอนเป็นเด็กดูเหมือนจะเป็นเด็กดีแท้ๆ”

“อะไรอีกล่ะ ตอนนี้แพทก็...” ไม่กล้าพูดว่าเป็นคนดีเต็มเสียง เพราะแพทรู้ว่าเส้นทางระหว่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ขาวสะอาดขนาดนั้น

ทั้งไปแว้นซ์ ทั้งทะเลาะวิวาท ดื่มเหล้าตั้งแต่อยู่ม.ต้น แถมยังโดดเรียนเป็นว่าเล่น

“อันนี้พี่คืนให้ เอาไว้ใช้ยามจำเป็นนะ”

คูปองสะสมความดีจำนวน 5 ใบถูกส่งคืนมาแลกกับเอกสารที่ฝากไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อเทียบกับคูปองมากมายในกล่องนั้น ที่อยู่ในมือแพทตอนนี้ถือว่าน้อยนิดจนแทบจะไร้ความหมาย แต่สำหรับแพทพวกมันเปรียบเสมือนโอกาสที่พี่มินหยิบยื่นให้เพื่อเขาจะได้ใช้มันเพื่อเอาแต่ใจตัวเองในซักวัน

“เย็นนี้พี่มินไปไหนไหมครับ”

“ไม่นะ”

“ไปฟังไอ้เซียนร้องเพลงด้วยกันมั้ย”

“อันนี้ใช้คูปองสะสมความดีรึเปล่า”

“ไม่ครับ”

“ขอคิดดูก่อน เดี๋ยวเย็นๆ บอก”

“งั้นแพทไปส่งที่ตึก”

“ไม่เป็นไรหรอก มีเรียนต่อไม่ใช่เหรอ”

“งั้นเจอกันเย็นนี้”

“ไม่แน่นะ ผมอาจจะปฏิเสธก็ได้”

พี่มินไม่ปฏิเสธหรอก แพทมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นด้วยซ้ำ ถ้าตั้งใจจะปฏิเสธจริงๆ พี่มินไม่ใช้เวลาคิดเยอะหรอก เผลอๆ อาจจะพูดออกมาตรงๆ ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ













“เซียนร้องเพลงเพราะดี”

เห็นไหมล่ะบอกแล้วว่าพี่มินไม่มีทางปฏิเสธแพท แต่มาร้านเหล้าทั้งทีกลับไม่ยอมดื่มเหล้าแม้แต่นิดเดียว น่าเสียดายชะมัด ทั้งที่แพทอยากเห็นพี่มินตอนเมามากขนาดนั้นแท้ๆ

“แต่เซียนชอบเล่นกีตาร์มากกว่าครับ”

“ก็ดีนะที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แล้วแพทล่ะ”

“วกมานี่ได้ไงอะ” คนที่ทั้งชีวิตนี้ไม่รู้ว่าความฝันของตนคืออะไรทำเป็นมองไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงการตอบคำถาม

“คนเรามันต้องมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตนะ”

“แพทก็มีนะเป้าหมายชีวิต”

“อะไรล่ะ”

“พี่มินไง”

“พระเอกลิเกสัดๆ” คำพูดเลี่ยนๆ ของเพื่อนตนที่ไม่ได้ยินบ่อยๆ ทำเอาเซียนแทบจะขย่อนมื้อเย็นออกมา เห็นอย่างนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ถึงตนจะสนิทกับแพทแค่ไหน ก็มีมุมอื่นที่เพื่อนสนิทไม่มีทางได้เห็น แต่ก็ดีแล้วที่ไม่เห็น

“ถ้ากูเป็นพระเอกลิเกก็คงดังระดับไชยา มิตรชัยแหละ”

“รู้จักไชยา มิตรชัยด้วยเหรอเรา”

“คุณยายเป็นแม่ยก นี่แพทก็กลัวอยู่นะว่าคุณแม่อาจจะเจริญรอยตามคุณยาย”

“ถ้าท่านทำแล้วมีความสุขก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แพทน่ะเคยห้ามคุณแม่ได้ที่ไหน”

“ดราม่าเฉยไอ้เวร” เซียนว่าพร้อมตบหัวเพื่อนฉาดนึงให้แพทลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ เกือบจะหันไปอ้อนพี่มินแล้วแต่ก็คิดได้ก่อนว่าต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่เข้าไว้

ทั้งหมดพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยระหว่างทางเดินสู่ลานจอดรถ วันนี้มินอาสาไปส่งทุกคนเองแต่แผนที่คิดเอาไว้ก็พังไม่เป็นท่าเมื่อพบว่ารถที่จอดไว้เฉยๆ ถูกชน

“ไอ้เวรตัวไหนวะ”

หนุ่มนักศึกษาทั้งคู่มองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อคนที่สุภาพตลอดเวลาอย่างมินสบถอย่างหัวเสีย เท้าในรองเท้าหนังเงาวับเตะเข้าที่ล้อรถเพื่อระบายอารมณ์ทีนึง ท่าทางพวกนั้นทำให้แพทนึกได้ว่าพี่มินน่ะก็เป็นมนุษย์คนนึง มีความรู้สึกเหมือนพวกเขานี่แหละ ไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหนเลย

“พี่มินดูกล้องหน้ารถสิครับ เซียนว่ามันน่าจะบันทึกภาพตอนนั้นไว้ได้”

และก็จริงอย่างเซียนว่า ภาพในกล้องหน้ารถปรากฏทะเบียนรถคันที่ชนชัดเจนทีเดียว

“ซวยซ้ำซวยซากจริงๆ” มินยังบ่นไม่เลิกขณะรอประกัน

“นั่นสิ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งชนมา” แพทสำทับ

“ควรจะไปทำบุญบ้างนะผมว่า” คราวนี้เซียนเสนอ

“ทำบุญก็ไม่ช่วยอะไรหรอก ในเมื่อคนเรายังทำอะไรด้วยความประมาทอยู่แบบนี้”

“สาธุ” สองหนุ่มประนมมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงก่อนจะหัวเราะออกมาให้คนที่หัวเสียมีรอยยิ้มขึ้นมาหน่อย

มินนึกขอบคุณทั้งคู่จากใจจริง ถ้าตอนนี้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวคงเอาแต่โกรธและหัวร้อน ไม่มีทางที่จะยิ้มได้แบบนี้อย่างแน่นอน

นั่นก็เป็นสิ่งยืนยันแล้วว่าการที่เขาเลือกกลับมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดแต่อย่างใด













เพราะอุบัติเหตุคืนนั้นทำให้มินต้องกลับมาใช้บริการรถสาธารณะอีกครั้ง

ช่วงนี้มินใช้บริการแอปพลิเคชั่นเรียกรถแท๊กซี่จนกลายเป็นลูกค้าประจำไปแล้ว

วันนี้หลังจากสอนเสร็จ ระหว่างที่กำลังกดปุ่มเพื่อเรียกรถอย่างทุกวัน พิพัฒน์ก็เดินเข้ามาหา

“กำลังจะกลับบ้านเหรอครับดอกเตอร์” มินหยุดนิ้วที่กำลังแตะลงบนหน้าจอแล้วเงยหน้าขึ้นทักทาย

“คุณพิพัฒน์ก็กำลังจะกลับเหรอครับ”

“ใช่ครับ อ่อ เมื่อกี้ก่อนที่ผมจะออกมาเห็นนักศึกษาที่เคยปรึกษาเรื่องงานวิจัยกับดอกเตอร์มารออยู่”

“จริงด้วย เกือบลืมไปเลย ขอบคุณครับถ้าไม่เจอคุณพิพัฒน์ป่านนี้ผมคงกลับถึงบ้านแล้ว”

“ดีใจที่เจอผมงั้นเหรอครับ” คำที่ไม่คิดอะไรของดอกเตอร์เมฆแต่มันกลับทำให้คนฟังรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เพราะถ้าไม่เจอคุณพิพัฒน์ผมต้องแย่แน่ๆ เลย”

“ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นตึกด้วยกันเลยมั้ยครับ”

“อ้าว เมื่อกี้คุณพิพัฒน์บอกจะกลับบ้านแล้ว”

“พอดีเพิ่งนึกได้ว่าลืมของ ว่าจะกลับไปเอาซักหน่อย เอกสารในมือนั่นให้ผมช่วยถือมั้ย ท่าทางหนักน่าดูเลย” พิพัฒน์ยื่นมือมาแต่ก็ถูกปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรครับ ผมถือจนชินแล้ว”

“ดอกเตอร์ไม่คิดจะให้โอกาสผมบ้างเหรอครับ”

กล้าดียังไงมาใช้สายตาออดอ้อนมองพี่มินของแพท เด็กหนุ่มที่ตั้งใจมารับคนไม่มีรถขับกลับบ้านแต่ดันมาเจอภาพบาดใจจังๆ กำมือแน่นขณะซ่อนตัวหลังเสามองภาพนั้นอย่างไม่ค่อยพอใจ

แพทจำได้ว่าคุณคนนี้คือคนที่พี่มินออกไปด้วยในคืนนั้น ชื่ออะไรนะ พิพัฒน์หรืออะไรซักอย่างที่แพทไม่อยากจำให้เปลืองสมอง

ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูเหนือกว่าแพทจนนึกหวั่นใจ

ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ยินหรอกว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ดูจากสายตาคุณคนนั้น ดูจากท่าทางลังเลของพี่มิน คงถึงเวลาที่แพทต้องทำอะไรซักอย่าง

“ดอกเตอร์ครับ” ทั้งคนถูกเรียกว่าดอกเตอร์ทั้งคนไม่คุ้นหน้าต่างหันมายังต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน

ทันทีที่ก้าวเข้ามาใกล้แพทก็ถือโอกาสฉวยเอกสารในมือมินมาถือเอาไว้เอง คนที่อยู่ๆ ก็ถูกแย่งเอกสารไปทำหน้าเลิกลั่ก เลิกคิ้วสูงมองแพทเพื่อขอคำตอบ

“กลับกันเลยมั้ยครับ”

“หืม เรานัดกันไว้เหรอ” คำถามของดอกเตอร์เมฆทำแพทเสียหน้ามาก และยิ่งตอนที่มองไปยังบุคคลที่ 3 ซึ่งยกยิ้มเยาะนิดๆ ก็ยิ่งคิดว่าครั้งนี้ต้องเอาชนะให้ได้

“ผมก็มารับดอกเตอร์ทุกวันนี่ครับ” แต่ดอกเตอร์ไม่ยอมกลับด้วยซักวัน อุตส่าห์ไปหาหมวกกันน็อคมาให้ก็แล้วยังไม่ยอมใจอ่อนเลย จงเกลียดจงชังมอเตอร์ไซค์อะไรนักหนาก็ไม่รู้

ที่จริงแพทจะหงายคูปองสะสมความดีก็ได้ แต่อย่างที่รู้ว่ามันมีน้อย เพราะงั้นก็เลยคิดว่าเก็บไว้ใช้สอยอย่างประหยัดน่าจะดีกว่า

“แต่น่าเสียดายจังเลยนะครับที่วันนี้ดอกเตอร์ต้องไปกับผม” พิพัฒน์ที่เงียบมาซักพักเอ่ยขึ้นพลางยื่นมือมาตรงหน้า “ส่งเอกสารพวกนั้นคืนมาเถอะครับ”

แพทไม่ส่งเอกสารคืนทันที เขามองไปยังมินคล้ายกำลังปรึกษาแต่คนเป็นดอกเตอร์กลับไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา

ผิดหวังชะมัด ทั้งที่คิดตั้งแต่ออกจากบ้านมาแล้วว่าต้องถูกปฏิเสธอีกแน่ แต่พอมาพบว่าตนถูกปฏิเสธเพราะเขาจะไปกับคนอื่นก็รู้สึกผิวหวังมากๆ เลย

ท้ายที่สุดแล้วแพทก็จำต้องส่งเอกสารคืน ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกมาอย่างคนขี้แพ้

มินมองตามแผ่นหลังกว้างที่ห่อลงจนลับสายตา

พักหลักมานี้แพทไม่ค่อยมาวอแวนัก วันนึงเจอกันแค่ตอนที่น้องมารับพอถูกปฏิเสธก็กลับบ้านไปโดยไม่ตื๊ออะไร ท่าทางที่แสดงออกก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น โดยรวมแล้วก็ดีแต่มินกลับไม่รู้สึกดีเลยซักนิด ถ้าตื๊ออีกซักหน่อยก็จะยอมกลับด้วยแล้วแท้ๆ เด็กโง่

“ญาติดอกเตอร์เหรอครับ”

“ญาติ?” มินหันไปมองพลางทวนคำถามก่อนตอบ “เปล่าครับ”

“เป็นนักศึกษามอเรารึเปล่า”

“ใช่ครับ ปี 3 แล้วแต่ยังทำตัวเป็นเด็กๆ อยู่เลย”

“เขาดูผิดหวังมากเลยตอนที่ถูกดอกเตอร์ปฏิเสธ สงสัยจังว่ามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน” มินตกใจนิดหน่อยกับคำถามตรงไปตรงมาของพิพัฒน์ ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบดั่งเช่นปกติ

“เคยเป็นเด็กในปกครองครับ แต่ตอนนี้ก็คงอยู่ในฐานะอาจารย์กับลูกศิษย์ล่ะมั้ง”

“ค่อยโล่งอกหน่อย” พิพัฒน์ยิ้มด้วยใบหน้าคลายกังวล

“เรื่องอะไรครับ”

“อย่างน้อยเด็กนั่นก็ไม่ใช่คู่แข่งของผม” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่สายตาที่ทั้งคู่มองกันมันชวนให้หวั่นใจอยู่ไม่น้อย อย่างไรซะก็ต้องจับตาดูเด็กนั่นเอาไว้ให้ดี

“แข่งเรื่องอะไรกันล่ะครับ”

ถามออกไปแล้วจึงคิดได้ว่าพิพัฒน์หมายถึงคู่แข่งในแง่ไหน

มินหยุดเดินเมื่อพวกเขาก้าวผ่านประตูอัตโนมัติเข้ามาในตึก หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับคนข้างกาย มองอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง

“ถ้าคุณพิพัฒน์หมายถึงคู่แข่งในแง่นั้นล่ะก็ อย่าคิดจะแข่งเลยครับ”

คนที่อยู่ๆ ก็ถูกปฏิเสธทั้งที่ยังไม่ได้สารภาพความในใจหยุดเดินแล้วมองดอกเตอร์เมฆด้วยสีหน้าที่สลดลงนิดหน่อย หัวใจในอกซ้ายที่พองโตมาจนถึงเมื่อครู่ก็ห่อเหี่ยวลงในทันที

“คุณพิพัฒน์เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีครับ ถ้าพูดแบบเห็นแก่ตัว ผมก็จะบอกว่าผมไม่อยากเสียเพื่อนร่วมงานดีๆ ไปเพราะเรื่องแบบนั้น”

“แต่ว่าผม ผมไม่ได้รู้สึกกับดอกเตอร์แค่เพื่อนร่วมงาน”

“ครับ” ดอกเตอร์เมฆตอบรับเต็มเสียง “ถึงจะไม่มีกฏข้อไหนห้ามแต่ผมคิดว่าอย่างไรก็ไม่เหมาะและไม่มีทางเป็นไปได้ครับ”

พิพัฒน์กำมือแน่น มีคำมากมายที่อยากจะเอ่ยแต่ก็ไม่สามารถพูดมันอย่างตรงไปตรงมาได้

เขาจ้องมองใบหน้าจริงจังของดอกเตอร์เมฆด้วยสายตารักใคร่อยากไม่ปิดบังเป็นครั้งแรก หากอีกฝ่ายกลับไม่มีวี่แววหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

ถ้าจะให้ตัดใจตอนนี้ล่ะก็...พูดง่ายเหลือเกิน ถ้าปฏิบัติง่ายอย่างปากว่าก็คงดี

“ดอกเตอร์ใจร้ายจังเลยครับ” คนถูกหาว่าใจร้ายน้อมรับคำแต่โดยดี “ผมยังไม่ได้เริ่มจีบดอกเตอร์ด้วยซ้ำ ยังไม่ได้บอกความในใจ ยังไม่ได้แสดงให้เห็นว่าผมชอบดอกเตอร์มากแค่ไหน ไม่คิดจะให้โอกาสกันบ้างเลยเหรอครับ”

“ไม่มีประโยชน์ที่จะให้โอกาส เพราะไม่ว่าอย่างไรผมก็คิดกับคุณพิพัฒน์เกินกว่าเพื่อนร่วมงานไม่ได้”

“เพราะอะไรครับ เพราะดอกเตอร์มีคนที่ชอบอยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ”

“ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกเหตุผล”

“ถ้าดอกเตอร์ไม่บอก ผมก็จะไม่หยุด”

“อย่าดื้อรั้นให้มันมากเลยครับคุณพิพัฒน์ เพราะความดื้อรั้นของคุณอาจจะพาความเดือดร้อนมาให้พวกเราในซักวัน”

“ผมไม่กลัว” พิพัฒน์ยังคงแสดงความดื้อรั้นอย่างตรงไปตรงมาไม่เหมือนคนที่ดอกเตอร์เมฆเคยรู้จักแม้แต่นิดเดียว

ความรู้สึกรักทำให้คนๆ นึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในเสี้ยววินาทีได้จริงๆ

ดอกเตอร์เมฆถอนหายใจ ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างน้อยพิพัฒน์ก็เคยเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี อย่างน้อยก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กันถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถรับมันเอาไว้ได้ก็ตาม

หากบอกความจริงไป ทุกอย่างก็จะจบแค่ตรงนี้ใช่หรือเปล่า

ดอกเตอร์เมฆชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบคำถามที่เจ้าตัวคิดว่าจะทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี

“ถ้าคุณพิพัฒน์จะแข่ง ผมก็จะบอกว่าเด็กนั่นเป็นคู่แข่งที่หน้ากลัวมากครับเพราะเขาเป็นเหตุผลที่ผมกลับมาที่นี่”

ใช่อย่างที่คิดไม่มีผิด คู่แข่งเป็นแค่เด็กมหา’ลัย ไม่มีอะไรน่ากลัวแม้แต่นิดเดียว แต่คำพูดของดอกเตอร์เมฆกลับทำให้เด็กนั่นเหนือกว่าเขาทุกประการ

“คุณปฏิเสธผมเพราะว่าผมเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่กลับคิดจะสานต่อกับเด็กนั่นทั้งที่มันเป็นนักศึกษาของตัวเอง ไม่คิดว่ามันย้อนแย้งไปหน่อยเหรอ”

“นั่นสินะครับ ย้อนแย้งจริงๆ แต่เพราะผมรักเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร ผมก็ยังรักอยู่ดี”

“มีอะไรที่ผมสู้เด็กนั่นไม่ได้”

ในเมื่อพิพัฒน์เอาความจริงทุกข้อในใจมาคุยกันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ดอกเตอร์เมฆต้องปิดบังความในใจอีกแล้ว

“เขาเป็นรักแรกของผม เป็นคนที่ทำให้ผมมีทุกวันนี้ เป็นคนที่รอคอยแม้ว่าจะไม่รู้เลยว่าผมจะกลับมารึเปล่า ผมคือทุกอย่างของเขา เช่นเดียวกัน เขาเองก็เป็นทุกๆ อย่างของผม”

พิพัฒน์นิ่งฟังพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจ

รอคอยอย่างนั้นเหรอ

“ผมเองก็รอดอกเตอร์มานานแล้วเหมือนกัน ผมเองก็ควรจะได้รับสิ่งตอบแทนที่ว่านั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” พิพัฒน์สวนขึ้นทันควันพร้อมกับความจริงที่พรั่งพรูออกมา

ดอกเตอร์เมฆมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ จำได้ว่าพิพัฒน์เคยบอกว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน แต่นั่นก็เป็นความทรงจำของพิพัฒน์เพียงคนเดียวเพราะเขาจำอะไรไม้ได้เลย

“ที่ร้านอาหารไทยในวันที่หิมะตกหนักมาก ผมคือคนไทยที่มินชวนเข้าไปในร้านแล้วหาชาให้ดื่ม”

ดอกเตอร์เมฆครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่พิพัฒน์เล่า

ที่ร้านอาหารไทย พวกเราพนักงานทุกคนถูกเจ้าของร้านสั่งสอนให้มีน้ำใจ ทุกวันที่หิมะตกหนักหากเจอใครที่ดูเหมือนจะทนกับสภาพอากาศอันย่ำแย่ไม่ไหวก็สามารถเปิดประตูต้อนรับพวกเขาถึงแม้จะไม่ใช่ลูกค้าก็ตาม ส่วนเรื่องชา แน่นอนว่าเจ้าของร้านก็สั่งเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่พิพัฒน์คนเดียวทีได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น วันๆ นึงในวันที่หิมะตกมีคนมากๆ ถูกช่วยเหลือ ทั้งมินและเพื่อนพนักงานเสิร์ฟจำไม่ได้หรอกว่าเคยช่วยใครไว้บ้าง

เขาควรจะบอกความจริงให้พิพัฒน์ได้รู้ ถึงแม้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายผิดหวังก็ตาม

“ขอบคุณคุณพิพัฒน์ที่จำผมได้ แต่ขอโทษจริงๆ ที่ผมจำคุณไม่ได้เลย”



[-TBC-]



ฮ็อตเหลือเกินค่ะดอกเตอร์ แต่คุณผู้อ่านไม่ต้องห่วงนะคะ

พี่มินบอกแล้วเนอะว่ารักแพท แต่ตาแพทเนี่ยสิ ยังไม่รู้อะไรเลย สงสารเขานะคะ

แวบมาคุยกันได้ที่ #คุณครูพี่มิน เด้อ







ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
«ตอบ #64 เมื่อ20-10-2018 02:24:18 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...พี่แพทน่าจะอยู่แอบฟังบทสนทนาก่อนนะ  ไม่น่ารีบคอตกกลับบ้านก่อนเลย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
«ตอบ #65 เมื่อ20-10-2018 02:56:14 »

คุณพี่มินอ่ะ ทำพี่แพทหูตก หางตก อีกล่ะ  :serius2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
«ตอบ #66 เมื่อ20-10-2018 13:22:47 »

 :pig4:  นึกว่าจะไม่ได้ยินคำว่ารัก

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
«ตอบ #67 เมื่อ22-10-2018 08:55:38 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
«ตอบ #68 เมื่อ22-10-2018 09:48:10 »

สงสารพี่แพท คงจะเสียใจมาก

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
«ตอบ #69 เมื่อ22-10-2018 11:06:41 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
« ตอบ #69 เมื่อ: 22-10-2018 11:06:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
«ตอบ #70 เมื่อ22-10-2018 20:34:32 »

หวังว่าพิพัฒน์จะยอมรามือแต่โดยดี ไม่เอาไปโพทนาว่าอาจารย์กับนักศึกษารักกัน
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 16 {Up.261018}
«ตอบ #71 เมื่อ26-10-2018 20:29:16 »

คุณครูพี่มิน 16



ไหนต๊อดบอกว่าพี่มินชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ไง นี่แพทก็พยายามทำตัวเคร่งขรึมขึ้นมากแล้ว อ้อนก็ไม่อ้อน แต่พี่มินก็ยังไม่สนใจกันอยู่ดี

ทั้งที่เคืองพี่มินขนาดนั้น แต่แพทก็ตัดใจกลับบ้านไปทั้งอย่างนั้นไม่ได้

ไม่รู้แหละ อย่างน้อยก็อยากเห็นกับตาว่าพี่มินยอมให้คุณคนนั้นไปส่งบ้านจริงๆ

เห็นแล้วอย่างไรล่ะ แอบดูเอง เจ็บเอง นักเลงพอ

ขณะกำลังนั่งเล่นเกมส์รออยู่นั้น พี่มินก็ส่งข้อความมา ใจความประมาณว่า ‘มารับหน่อย’ แพทแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาลุกขึ้นยืน ชะเง้อเข้าไปในตึกก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินตรงมา

แพทเก็บมือถือเข้ากระเป๋าโดยไม่ตอบข้อความแล้วโบกมือเรียก

บนใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มกว้างกว่าครั้งไหนๆ ความหนักอึ้งในอกถูกยกออกไปแล้วเมื่อพี่มินส่งยิ้มกลับมา

อะไรกัน ขี้โกงชะมัด

“รออยู่นี่ตลอดเลยเหรอ”

“ไม่ได้รอซักหน่อย” โธ่คนปากแข็ง

“จะลองเชื่อดูก็ได้” มินว่ากลั้วขำถึงแม้จะบอกว่าเชื่อแต่สีหน้าและน้ำเสียงมันตรงข้ามกับคำพูดโดยสิ้นเชิงเลยนี่นา

“ก็ได้ๆ ยอมรับก็ได้ว่ารออยู่ตรงนี้ตลอดเลย”

“ดีจัง”

“กินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่า” ท่าทางโอนอ่อนผิดปกติทำให้อดสงสัยไม่ได้แม้แต่น้อย

“ผมสบายดี”

“ขอวัดไข้หน่อยสิ”

“หยุดเลย” ทุกการกระทำจำต้องหยุดลงเมื่อมินยกมือขึ้นมาดันหน้าผากของแพทที่กำลังจะแนบลงมาเอาไว้ ทั้งที่คิดว่าจะดื้อดึงกว่านี้ซะอีกแต่น่าแปลกที่แพทยอมผละออกไปง่ายๆ

“รีบกลับเถอะครับ เดี๋ยวจะติดฝน”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พบว่ามีกลุ่มเมฆสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงฝนห่าใหญ่น่าจะเทลงมา













รถมอเตอร์ไซค์เคลื่อนตัวออกไปแล้ว หากพิพัฒน์กลับยังไม่ละสายตาไปจากถนนเบื้องหน้า

คนที่เพิ่งถูกปฏิเสธความสัมพันธ์มาหมาดๆ เจ็บแปลบไปทั้งอก ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆสีดำทมึนปกคลุมไปทั่วบริเวณในยามนี้ก็คงไม่ต่างจากตัวเขาซักเท่าไหร่

ในเมื่อดอกเตอร์เลือกที่จะปฏิเสธความสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใย ไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ทั้งที่เขาเองก็ผูกใจเอาไว้กับดอกเตอร์มาตั้งหลายปี เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อเพื่อจะได้พบกันอีกครั้งเมื่อทราบว่าอีกฝ่ายจะย้ายมาสอนที่เดียวกัน

อุตส่าห์คิดว่าการที่โลกของพวกเขาหมุนมาบรรจบกันอีกครั้งเป็นเรื่องของพรหมลิขิตแท้ๆ แต่สุดท้ายมันก็จบลงทั้งที่ยังไม่มีโอกาสได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ

ทุกเรื่องเกิดจากความใจร้ายของดอกเตอร์เมฆทั้งสิ้น

ถ้าหากต่อจากนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะก็ ให้รู้ไว้เลยว่าทั้งหมดเป็นผลจากความใจร้ายของดอกเตอร์ทั้งสิ้น













ฝนเทลงมาระหว่างทางก่อนถึงคอนโดแค่ไม่กี่นาที

ด้วยสภาพที่ไม่สามารถมองเห็นถนนเบื้องหน้าได้ แพทจึงจำต้องจอดรถหลบฝนใต้สะพาน เพราะถ้าขืนดันทุรังขี่รถฝ่าฝนไปก็มีแต่จะเปียกกับอันตราย

“เปียกหมดเลย” แพทว่าพลางสางผมตัวเองลวกๆ พลางบิดชายเสื้อที่เปียกชุ่มจนน้ำไหลออกมาเหมือนผ้าที่เพิ่งเอาออกจากเครื่องซักผ้ายังไม่ได้ปั่นแห้ง

ขณะที่แพทเปียกจนชุ่มโชกไปทั้งตัว มินกลับแค่ชุ่มๆ จะเปียกมากหน่อยก็แค่แขนเสื้อกับขากางเกงบางส่วนเท่านั้น

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาหลบหลังแพทอยู่ตลอดเลย

เห็นสภาพตนและน้องก็อดคิดไม่ได้ว่าแพทโตมากแล้วจริงๆ โตพอที่จะปกป้องใครซักคนได้แล้ว และคนๆ นั้นก็คือมิน คิดไม่ออกเลยว่าถ้าน้องเลือกปกป้องคนอื่น เขาจะรู้สึกอย่างไร

ไม่เอาด้วยหรอก ไม่อยากถูกทอดทิ้งอีกแล้ว

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นครับ” มินสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อแก้มถูกสัมผัสด้วยมือเย็นเฉียบ “หนาวเหรอ”

“เปล่า”

“แต่แพทหนาวมากเลย”

“ต้องไม่สบายแน่ๆ ถึงห้องแล้วต้องรีบอาบน้ำ กินยาเลยนะ”

“ตอนนั้นพี่มินไม่ได้กินยาก่อนนอนใช่มั้ย”

“ตอนนั้น” มินทวนคำ ซักพักทีเดียวกว่าจะนึกได้ว่าตอนนั้นที่แพทพูดถึงคือเมื่อไหร่กัน













ทั้งที่คุณแม่ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าลืมพกร่มด้วย เพราะกรมอุตุฯ ประกาศว่าจะพายุที่กำลังจะเข้าจีนส่งผลให้ฝนตกในประเทศไทยบางส่วน แต่เพราะความดื้อรั้นเชื่อแต่ตัวเองว่าตอนเช้าแดดแรงขนาดนั้นไม่มีทางที่ฝนจะตกลงมาหรอก และนั่นก็เป็ฯความคิดที่ผิด

ทั้งที่เมื่อกี้แดดยังแรงจนต้องหรี่ตาเดินแท้ๆ แต่อยู่ๆ ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาให้ทั้งเขาและน้องแพทวิ่งหาที่หลบฝนเป็นพัลวัน ป้ายรถเมล์คนก็ล้นแล้ว ที่พึ่งสุดท้ายคือร้านขายเครื่องเขียนที่ตั้งอยู่ห่างออกไป

กว่าจะวิ่งมาถึงก็เปียกโชกทั้งตัว

แต่ถึงแม้จะเปียกไปทั้งตัวเด็กน้อยกลับเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างก่อนยื่นมือเล็กๆ ออกไปรองน้ำฝนที่กำลังตกลงมา

“หนาวมั้ย”

“ม่ายหนาว” น้องตอบพลางส่ายหน้า

นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่คุยกันแล้วน้องแพทไม่ยอมมองหน้า ดวงตากลมโตบนใบหน้าน่ารักกำลังจับจ้องไปยังสายฝนเบื้องหน้าอย่างสนอกสนใจ

มินนั่งยองๆ ลงข้างกัน ทอดสายตามองไปข้างหน้าเลียนแบบน้องเผื่อว่าจะมองเห็นบางอย่างที่คนโตกว่าอย่างเขามองข้ามไป

และก็จริงดั่งคาด

หยดน้ำที่ตกกระทบพื้นคอนกรีตแล้วกระจายออกเหมือนดอกไม้บานไม่เคยได้รับความสนใจจากมินหรือแม้กระทั่งผู้คนอันเร่งรีบในเมืองแห่งนี้ แต่มันกำลังสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กน้อยไร้เดียงสา

ของไร้ค่าสำหรับบางคนอาจจะเป็นของมีค่าสำหรับอีกคน

นานทีเดียวกว่าฝนจะหยุดตก

“กลับบ้านกันเถอะครับ” มือเล็กถูกคว้ามาจับ และแทนที่จะเดินตามคนเป็นพี่อย่างเช่นทุกครั้งแต่น้องแพทกลับไม่ยอมเดิม

ใบหน้าน่ารักแหงนเงยมองท้องฟ้า ริมฝีปากเล็กอ้าออกคล้ายตกใจให้มินมองตาม

“รุ้งกินน้ำนี่นา”

“รุ้งกิงน้ำคืออะไรฮะคุงคูงพี่มิง” เด็กน้อยถามอย่างสงสัยใคร่รู้

ถ้าตอบไปว่ารุ้งกินน้ำเป็นปรากฎการทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลังฝนตกเมื่อแสงแดดส่องผ่านละอองน้ำในอากาศทำให้เกิดเป็นสีต่างๆ ทั้งหมด 7 สี น้องคงไม่มีทางเข้าใจแน่ๆ

“ก็ที่น้องแพทมองอยู่นั่นแหละครับคือรุ้งกินน้ำ”

“รุ้งหิวน้ำเหรอฮะ” มินส่ายหน้าให้กับความไร้เดียงสา

“มันขึ้นหลังฝนตกครับก็เลยเรียกว่ารุ้งกินน้ำ”

“เพราะว่ารุ้งกิงน้ำ ฝงก็เลยหยุดตกเหรอฮะ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้แหละมั้ง” รู้ว่าไม่ใช่วิธีการตัดบทสทนาที่ดี แต่พูดตามตรงคือมินไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องอย่างนี้ให้เด็กวัย 5 ขวบเข้าใจได้อย่างไร

“พี่แพทก็อยากกิงน้ำเหมืองกังน๊า”

“ต้องเดินไปตรงโน้นนะครับ” ร้านสะดวกซื้ออยู่ถัดไปอีกประมาณ 3 ตึก ด้านหลังป้ายรถเมล์

“ขอกิงโคล่าได้มั้ย”

“ไม่ได้ครับ”

“ทำไมอ่า พี่แพทอยากกิงนี่นา มังอาหร่อย ซ่าๆ ด้วย” ต้องโทษต๊อดคนแรกเลย มินห้ามแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังแอบเอาโคล่าให้น้องดื่มจนได้ เป็นไงล่ะทีนี้ ติดใจเลย

“เด็กดีต้องไม่งอแงนะครับ”

“พี่แพทไม่ได้งอแงซักหน่อย คุงคูพี่มิงแหละที่งอแง”

“พี่มินงอแงยังไงครับ”

“ก็งอแงไม่ให้พี่แพทกิงโคล่างาย ไม่น่ารักเลย”

“แล้วไม่รักเหรอครับ” น้องทำหน้ายุ่งยากใจครุ่นคิด

“รักสิ พี่แพทรักคุงคูพี่มิงที่สุดในโลกเลยนะ”

“พี่มินก็รักน้องแพทครับ”

คำบอกรักในตอนนั้นก็ไม่ต่างจากการทักทาย ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยแต่ก็ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้รับมัน













“ให้แพทแวะร้านขายยามั้ย กินยาดักไว้เลยเดี๋ยวก็ไม่สบายอีก”

“แพทเปียกกว่าพี่อีก”

“แพทแข็งแรง”

นั่นสินะ ตอนนั้นที่เปียกฝนด้วยกันก็มีแต่มินคนเดียวที่ไม่สบายจนล้มหมอนนอนเสื่อ

“จะว่าไปก็เสียดายเนอะ ฝนดันตกตอนกลางคืนก็เลยอดเห็นรุ้งกินน้ำ” ฝนซาลงแล้ว แพทเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ปราศจากดวงดาวแล้วถอนหายใจออกมา

“ฝนตกตอนไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ”

“ใช่ แพทก็ไม่ชอบ”

“ทำไมล่ะ”

“เดี๋ยวพี่มินไม่สบายไงครับ”

“แพทนั่นแหละที่จะไม่สบาย”

“บอกแล้วไงว่าแพทแข็งแรงมาก” ว่าแล้วก็ถลกแขนเสื้อขึ้นโชว์กล้ามให้คนอายุมากกว่าหัวเราะออกมา

คุยกันเรื่อยเปื่อยจนฝนหยุดตกค่อยขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านกัน

แพทจอดรถที่หน้าคอนโด ช่วยถอดหมวกกันน๊อคแล้วตั้งใจจะกลับบ้าน ทว่ากลับถูกอีกคนยื่นมือมาจับแขนเพื่อรั้งกันเอาไว้

ไม่เอาน่าพี่มิน แพทกำลังห้ามใจอยู่นะ

“ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิแล้วค่อยกลับ”

“ไม่เป็นไร...”

“แพทแข็งแรง” มินพูดดักคอเอาไว้ก่อนยื่นมือไปดึงกุญแจรถมาถือไว้เอง

“เป็นห่วงแพทขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ก็ต้องเป็นห่วงสิ”

“คืนกุญแจมาก่อน”

“ไม่”

“แล้วแพทจะเอารถไปจอดยังไงครับ” นั่นสิ คิดได้อย่างนั้นจึงยอมคืนกุญแจรถแต่โดยดี













ไฟในห้องนอนสว่างขึ้นทันทีที่เจ้าของห้องก้าวผ่านประตูเข้ามา มินถอดรองเท้าแล้วเก็บไว้บนชั้นวางอย่างเคย แพททำตามบ้าง ก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณห้องอีกครั้ง

มาครั้งก่อนก็เอาแต่แกล้งเจ้าของห้องจนไม่ได้สังเกตเลยว่าเฟอร์นิเจอร์บางอย่างถูกเปลี่ยนแล้ว

คนเป็นแขกก้าวตามเข้ามาอย่างเก้ๆ กังๆ นึกแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่ไม่คุ้นชินกับห้องนี้ทั้งที่เมื่อก่อนก็มาอาศัยหลับนอนอยู่เป็นเดือน

“ใช้ห้องน้ำก่อนได้เลย” ผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าชุดนึงถูกส่งมา ทันทีที่รับมากลิ่นหอมประจำกายของพี่มินก็ลอยเตะจมูก

ดีจัง แพทรู้สึกโชคดีมากที่วันนี้ฝนตก

ชักจะชอบฤดูฝนขึ้นมาแล้วสิ

“พี่มินล่ะ พี่มินก็เปียกเหมือนกัน”

“ถ้าเป็นห่วงก็รีบใช้ห้องน้ำรีบออกมาสิ” มินตอบขณะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกไม่สนใจสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองตน

จะบอกว่าเชื่อใจก็ได้ แพทน่ะถึงจะเป็นเด็กห่ามๆ หน่อยแต่ก็มีความเป็นสุภาพบบุรุษมากทีเดียว

มินพรูลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง

คิดว่าตัวเองโชคดีมากที่อย่างน้อยก็ยังมีแพทให้โทรหาหลังจากผ่านเรื่องราวไม่คาดฝันมา

ใครจะไปรู้ว่าพิพัฒน์คิดกับตนแบบนั้น ตลอดมาก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะแสดงออกถึงความสนใจในเชิงชู้สาว และถึงแม้จะปฏิเสธไปแล้วก็ตาม แต่สัญชาตญาณก็พร่ำร้องบอกว่าเรื่องมันไม่มีทางจบง่ายๆ แน่

ทั้งที่คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายหลังจากตรากตรำลำบากลำบนอยู่ต่างประเทศมาหลายปีแท้ๆ แต่กลับมาเจอเรื่องแบบนี้ซะได้

บางทีการเป็นคนดีมีน้ำใจนี่มันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีเท่าไหร่เลยแฮะ

ขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น แพทใส่เสื้อผ้ามินได้พอดีเลย แต่กางเกงเหมือนจะขาเต่อไปหน่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา แพทน่ะชอบกลิ่นหอมๆ นี้มากเลย ใส่เสื้อผ้าชุดนี้แล้วรู้สึกเหมือนว่าถูกพี่มินกอดเอาไว้อย่างนั้นแหละ

คิดแล้วก็เขิน

แพททิ้งตัวลงบนโซฟา หยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีที่กำลังฉายละคร ไม่เคยรู้เลยแฮะว่าดอกเตอร์เมฆติดละครกับเขาด้วย นึกว่าอ่านแต่หนังสือวิชาการซะอีก แต่แพทน่ะตั้งแต่ไม่ค่อยสนิทกับแม่ก็ไม่ได้ดูละครอีกเลย เพราะว่าดูละครทีไรความทรงจำช่วงนั้นก็มักจะชัดเจนขึ้นเสมอ

ที่จริงแล้วมันเป็นความทรงจำที่ดีนะ แต่แปลกที่ความทรงจำดีๆ นั้นกลับทำให้เจ็บปวดซะอย่างนั้น ไม่ยุติธรรมเลยว่ามั้ย

แพทละความสนใจจากทีวีตรงหน้า เขาเดินเข้าไปในห้องนอนของมินอย่างถือวิสาสะ จำได้ว่าถ้าเปิดม่านออกจะเห็นวิวกรุงเทพยามค่ำคืนอันสวยงาม

พรึ่บ!

ทันทีที่เปิดม่านแพทก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อวิวทิวทัศน์อันสวยงามถูกบดบังด้วยสายฝน

มันตกลงมาอีกแล้ว

แพทถือวิสาสะนั่งลงบนเตียง ทอดสายตามองฝนภายนอกนั้นอย่างเลื่อนลอย

“ฝนตกอีกแล้วเหรอ”

“กลับบ้านไมได้แน่เลย” แพทยู่ปากพลางส่งสายตาออดอ้อนหากมินก็ทำเป็นเมินแล้วพูดเรื่องอื่น

“ทำไมไม่เป่าผมให้แห้งล่ะ มีไดร์ฟเป่านะ”

“พี่มินเป่าให้หน่อยสิ”

“โตแล้ว ทำเองสิ”

“ทั้งที่เมื่อก่อนตามใจแพททุกอย่างแท้ๆ”

“ก็ตอนนั้นแพทยังเด็ก”

“นั่นสินะ ตอนนี้แพทโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สงสัยอะว่าโตพอจะเป็นแฟนพี่มินรึยัง”

“เอาเวลาไปตั้งใจเรียนหนังสือเถอะ”

“ต้องรอจนเรียนจบเลยเหรอถึงจะยอมเป็นแฟนกันน่ะ”

“มานั่งนี่สิ” แพทขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ เจ้าของห้องทั้งที่ไม่รู้เลยซักนิดว่าพี่มินเรียกทำไม และก็ถึงบางอ้อเมื่ออีกฝ่ายยืนด้วยเข่าแล้วช่วยเช็ดผมให้จริงๆ ทั้งที่ผมตัวเองก็ยังไม่แห้งเหมือนกัน

ถึงปากจะเอาแต่ปฏิเสธ แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความใจดีของพี่มินก็ยังคงไม่จืดจางแม้แต่น้อย

“พี่มินโป๊อะ” คนถูกทักไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย เสื้อนอนที่สวมอยู่ก็ปลดกระดุม 2 เม็ดอย่างปกติ แพทนั่นแหละที่คิดทะลึ่งไปเอง

“คิดเยอะ”

“พี่มินนั่นแหละคิดเยอะ”

“คิดอะไร”

“ไม่รู้สิ แต่มองหน้าก็รู้แล้วว่ากำลังคิดมาก มีเรื่องไม่สบายใจใช่มั้ยล่ะ”

“ช่างสังเกตุ”

“นี่ชมหรือด่าว่าเสือก แต่ยังไงก็ช่างเถอะ แพทจะคิดซะว่าพี่มินชม”

“คิดเองเออเองเก่ง”

“พี่มินมีอะไรก็เล่าให้แพทฟังนะ เมื่อก่อนแพทพึ่งพี่มินเยอะมาก ตอนนี้แพทโตแล้วแพทอยากเป็นที่พึ่งให้พี่มินบ้าง”

“เป็นเด็กดีจังนะ”

“ตกลงจะให้แพทเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่เนี่ย”

“ในสายตาพี่ แพทก็ยังเป็นเด็กเหมือนเดิมแหละ”

“อะไรวะ” แพทบ่นอุบ ไม่ค่อยเข้าใจมินที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวก็บอกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเดี๋ยวก็บอกว่าเป็นเด็ก งงแต่ก็อยากแสดงให้เห็นว่าแพทไม่เด็กแล้วนะครับ

มินเบิกตากว้างกำผ้าขนหนูไว้แน่นในวินาทีที่ถูกคนเด็กกว่ากดร่างลงบนเตียง สายตาอ่อนโยนไร้เดียงสาเหมือนกวางน้อยเปลี่ยนเป็นสายตาแบบสัตว์ป่าที่พร้อมจะกระชากเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ ยอมรับว่าตกใจมากแต่เพราะเป็นผู้ใหญ่จึงได้แต่ข่มความรู้สึกนั้นเอาไว้ด้วยความเรียบเฉย

แต่แพทน่ะโตแล้ว โตพอที่จะสังเกตุเห็นแววตาสั่นระริกที่ไม่อาจซ่อนเร้นได้

ความรู้สึกเหนือกว่าทำให้เขายกยิ้มร้ายกาจอย่างไม่รู้ตัว ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้มินแสดงความหวาดหวั่นออกมาชัดเจน

“แพทโตแล้วนะ”

“ตัวหนักขนาดนี้ก็คงเป็นผู้ใหญ่แล้วแหละ”

“เป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่แค่ตัวใหญ่นะ อย่างอื่นก็ใหญ่ด้วย”

“ทะลึ่ง” มินเบือนหน้าหนีเมื่อเผลอกดสายตาลงต่ำมองระหว่างกายที่แนบอยู่บนท่อนขาของเขา

“พี่มินนั่นแหละทะลึ่ง คิดอะไรอยู่”

“ลุกไปก่อนสิแล้วจะบอก”

“ไม่เอา ไม่ลุกจนกว่าพี่มินจะเล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้แพทฟัง”

“อย่ามาบังคับสิ”

“แพทกำลังขอพี่มินดีๆ นะ ยังไม่ได้บังคับเลย”

“ที่กดพี่เอาไว้กับเตียงแบบนี้คือไม่บังคับเลยว่างั้น”

“ไม่ได้บังคับ เพราะถ้าบังคับล่ะก็...” แพทแทนคำตอบด้วยการโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเฉียดกับแก้มใส

มินรู้สึกว่าใบหน้าของตนเห่อร้อน กลิ่นหอมจากเสื้อผ้าที่คุ้นเคยแต่เมื่ออยู่บนตัวแพทกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

“บอกได้รึยังครับ ถ้าไม่บอก...”

ไม่ดีแน่ มินคิดอย่างนั้นก่อนหันหน้ากลับมามองกัน แต่ใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะทันทีที่หันกลับมาจมูกของทั้งคู่ก็ชนกันเข้าอย่างจัง มินไม่มีทางหนีอยู่แล้ว และแพทก็ไม่คิดจะถอยด้วย

ความใกล้ชิดทำให้สายตาไม่อาจโฟกัสอีกฝ่ายได้

แพทกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พอๆ กับความยับยั้งชั่งใจ

พี่มินที่อยู่ใต้ร่างไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนหมอนข้างแต่น่ากอดกว่าสิ่งของที่ไม่มีชีวิตเป็นไหนๆ ทั้งริมฝีปากสีระเรื่อที่อยู่ใกล้จนถ้าขยับเพียงนิดต้องได้สัมผัสแน่ๆ

“ถ้าไม่บอกจะทำไม” มินเอ่ยถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา และฉกชิงเอาคำตอบด้วยริมฝีปากที่แนบเข้ากับเรียวปากของอีกคน

แพทเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาอยากจูบมินมากแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเริ่มก่อน และเมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วมีหรือที่จะยอมปล่อยให้หลุดมือไป

สายตาของมินพร่ามัวเมื่อแพทประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ฝ่ามือข้างขวาประคองท้ายทอยเอาไว้แล้วสอดเข้าไปในเส้นผม ลูบไล้แผ่วเบาขณะปลายลิ้นรุกล้ำเข้ามาภายในปากเพื่อสัมผัสให้ลึกซึ้ง

มินรู้สึกว่าไม่ใช่แค่ใบหน้าที่ร้อนผ่าว ร่างกายเองก็ร้อนฉ่าอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

แพทผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจ้องลึกเข้ามาในดวงตาอย่างรักใคร่ ยิ่งรับรู้ถึงความชื้นบนริมฝีปากมินก็ยิ่งเขินอายจนอยากเบือนหน้าหนีหากไม่ติดว่าแพทยังไม่ละมือจากท้ายทอยแม้แต่วินาทีเดียว

“แย่จัง” เจ้าของริมฝีปากบ่วมเจ่อเอ่ยออกมาเมื่อความรู้สึกผิดเข้ามาเกาะกุมหัวใจ

ได้ยินอย่างนั้นแพทก็ใจแป้ว ที่บอกว่าแย่หมายถึงจูบเมื่อกี้เหรอ เสียเซลฟ์ชะมัดเลย

“ทั้งที่พี่เป็นอาจารย์”

“ไม่คิดมากสิ บาปน่ะหวานจะตายไม่ใช่เหรอ” ก็จริงอย่างแพทว่า ในเมื่อเป็นคนดีแล้วไม่ได้ดี เป็นคนบาปก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา

คนที่ทำแต่ความดีมาทั้งชีวิตให้กำลังใจตัวเองก่อนพลิกตัวนอนตะแคงมองหน้าคนข้างกายเต็มตา

มินยกมือขึ้นสัมผัสกรอบใบหน้าหล่อเหลาของอดีตเด็กในปกครองตน เผลอมองริมฝีปากที่ยังบวมเจ่อและถูกเคลือบด้วยน้ำใสแล้วใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

จูบเมื่อกี้น่ะมันสุดยอดเลย

“คราวนี้จะเล่าให้ฟังได้รึยังครับ”

“เรื่องที่มหา’ลัยนั่นแหละ”

“เกี่ยวกับคุณพิพัฒน์อะไรนั่นรึเปล่า” คนที่ทั้งภูมิฐานและดูเป็นผู้ใหญ่ ที่แพทเจอเพียงไม่กี่ครั้งก็รู้สึกหวั่นใจแล้ว

“เขาชอบพี่” และยิ่งได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งไม่สบายใจ

“รู้ได้ยังไง เขาบอกรักแล้วด้วยเหรอ รักตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมแพทไม่รู้เลยอะ”

แค่รู้ว่ามีใครก็ไม่รู้มาบอกรักพี่มินของตนแพทก็รู้สึกไม่พอใจมากแล้ว และยิ่งรู้ว่าคนนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะตรงสเป็กพี่มินมากกว่าก็ยิ่งคิดว่าตนอาจจะแพ้

“พี่มินไม่ได้ชอบเขาใช่มั้ย”

“ถ้าชอบจะกังวลทำไมล่ะ”

“ไม่รู้สิ ถึงแพทจะโตแล้วแต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่แพทไม่รู้นะ”

“ไม่ได้ชอบหรอก”

“แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ ปฏิเสธเขาไปรึยัง” ภาวนาขอให้พี่มินปฏิเสธไปให้จบๆ ฝ่ายนั้นจะได้เลิกตามตื๊อซักที และถ้าเป็นอย่างที่หวังแพทจะได้สบายใจ ลำพังแค่ตามจีบพี่มินโดยปราศจากคู่แข่งก็ใจแป้วแล้วแป้วอีก ถ้าขืนมีคู่แข่งล่ะก็แพทได้ช้ำใจตายแน่

“ปฏิเสธไปรึยังน๊า จำไม่ได้ซะด้วยสิ”

“พี่มินอย่ามาล้อเล่นกับหัวใจแพทอย่างนี้สิ”

“ผมทำอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ มีแต่คุณนั่นแหละที่คิดไปเอง”

“ดอกเตอร์จะปั่นหัวผมเล่นเหรอครับ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ง่ายหรอก”

“แพท” เจ้าของเตียงยกมือขึ้นดันแผ่นอกแกร่งของแพทเอาไว้ในตอนที่ถูกรวบกอด กระทั่งเสียงพร่าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนดังขึ้นจึงยอมลดมือลง

“บาปมันหวานใช่มั้ยล่ะ ถ้างั้นเรามาทำบาปกันเยอะๆ เลยดีมั้ย”

แพทเริ่มต้นทำบาปด้วยการจรดริมฝีปากลงบนเปลือกตาของคนที่อยู่ในฐานะอาจารย์ของตนพลางกระชับกอดให้แนบแน่น

ทั้งคู่หลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน เพราะบรรยากาศยามฝนตกช่วยให้หลับสบายกว่าทุกๆ คืน ใช่หรือเปล่านะ



[-T B C-]




พี่มินเขาก็ชัดเจนในแบบของเขานะคะ

ถึงจะไม่บอกว่ารักแต่การกระทำมันก็...นั่นแหละ 555

ไม่ได้ยินคำว่ารัก แต่ถูกจูบงี้ เจาแพทฟินตัวแตกไปแล้วมั้ง





ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 16 {Up.261018}
«ตอบ #72 เมื่อ26-10-2018 23:25:27 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ  พี่มินเปิดฉากก่อนดัวะ  พี่แพทฟินเลยดิ  อิอิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 16 {Up.261018}
«ตอบ #73 เมื่อ27-10-2018 02:15:01 »

อยากกลายร่างเป็นผ้าห่มให้สองคนห่มจังเลย  :hao6:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 17 {Up.021118}
«ตอบ #74 เมื่อ02-11-2018 16:19:19 »

คุณครูพี่มิน 17



แพทตื่นขึ้นมาในตอนเช้าบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมประจำกายของมิน

เหตุการณ์เมื่อคืนยังชัดเจนในความทรงจำให้เจ้าตัวทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งแล้วชักดิ้นชักงอด้วยความเขินอาย

พวกเขาจูบกันแล้วจริงๆ แถมยังเป็นจูบที่พี่มินเริ่มต้นก่อนซะด้วย

โคตรเขินเลย ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นเขินเหมือนกันหรือเปล่า

นอนเล่นจนพอใจแพทค่อยลุกจากเตียง เมื่อเดินออกจากห้องนอนมาก็พบกับโพสต์อิทใบเล็กที่ถูกแปะไว้หน้าทีวี

‘ออกไปเคลียร์งานที่มหา’ลัย’

อ่านแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

เมื่อคืนพี่มินเป็นกังวลมาก และเช้านี้ยังต้องไปมหา’ลัยอีก ถ้ายังทำงานที่นี่ก็คงเลี่ยงการเจอคุณพิพัฒน์ไม่ได้อย่างแน่นอน

แพทเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้เองว่าถึงแม้ว่าเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้พี่มินได้ในทุกๆ เรื่อง

ชายหนุ่มออกจากคอนโดมาโดยไม่ลืมล๊อคห้องให้เรียบร้อยพร้อมส่งข้อความไปบอกเจ้าของห้อง

มินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก่อนระบายรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มของคนมีความรักอย่างแน่นอน เห็นอย่างนั้นนักศึกษาที่มาช่วยงานก็อดแซวไม่ได้

“ข้อความจากแฟนเหรอคะ” พอได้ยินอย่างนั้นดอกเตอร์เมฆก็หุบรอยยิ้มกว้างลง

“เปล่าครับ” แล้วปฏิเสธ

“อิจฉาแฟนดอกเตอร์จังเลยนะคะ”

“ไม่ใช่แฟนครับ” ถึงแม้ว่าต่างคนต่างก็ใจตรงกันแต่ก็ยังไม่ใช่แฟนซักหน่อย

“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ค่ะ แต่อีกเดี๋ยวคงใช่เนอะ”

“งานตรงนั้นเสร็จแล้วเหรอครับ”

“ยังเลยค่า ดอกเตอร์อย่าเร่งสิคะ นี่หนูก็ทำจนไม่มีเวลาพักแล้วนะ”

“ผมเผื่อเวลาให้ตั้งนานแล้วนี่ครับ ทำไมถึงทำไม่เสร็จซักทีล่ะ”

“ก็...” ดอกเตอร์เมฆยกมือห้ามไม่ให้อีกฝ่ายแก้ตัว เพราะเขาเบื่อจะฟังคำเหล่านั้นแล้ว ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเป็นคนใจดีมากแต่ถ้าเป็นเรื่องงานดอกเตอร์เมฆก็กลายเป็นขาโหดขึ้นมาทันที และยิ่งเวลาเจอคนไม่มีความรับผิดชอบก็ยิ่งกระตุ้นปีศาจในตัวออกมาได้อย่างดี

อย่างเช่นตอนนี้

รายงานการวิจัยต่างๆ ถูกรื้อออกมากองไว้บนพื้นห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เอาเป็นว่าพอดอกเตอร์เมฆย้ายเข้ามาก็เห็นพวกมันกองระเกะระกะไว้แบบนี้ เขามอบหมายให้นักศึกษาที่ขอมาช่วยงานเก็บมันเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบ แต่นี่เวลาล่วงเลยมากว่า 3 เดือนแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จเลย

คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายใจ

ความรับผิดชอบไม่มีแล้วยังกล้ามาแซวเขาเรื่องแฟนอีก

ดอกเตอร์เมฆใช้เวลาอยู่ที่มหา’ลัยจนค่ำ และในตอนที่กำลังจะกลับบ้านนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากต๊อดที่โทรมาชวนให้เข้าไปหาที่บ้าน

น้ำเสียงไอ้หมอนั่นสดใสดี จึงมั่นใจได้ว่าไม่ได้ชวนไปเป็นเพื่อนดื่มเหล้าแน่นอน

พอเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วออกจากลิฟต์ก็พบกับพิพัฒน์ที่ยืนรอลิฟต์อยู่ ทั้งคู่สบตากัน ดอกเตอร์เมฆตั้งท่าจะทักทายหากอีกฝ่ายกลับทำเป็นเมินแล้วเดินผ่านไป

กระนั้นดอกเตอร์เมฆก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าดีซะด้วยซ้ำที่เมินๆ กันไปซะจะได้ไม่ต้องปั้นหน้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่การพบกันหลังเหตุการณ์นั้นทำให้หายใจลำบากสุดๆ

“พี่มิน” ในตอนที่ลิฟต์กำลังจะปิด เสียงแพทดังขึ้น พิพัฒน์ที่ตอนแรกก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมามอง เขาจับจ้องสองคนที่ยิ้มให้กันจนประตูลิฟต์ปิดลง

“มีความสุขกันเข้าไปเถอะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจดังขึ้นในลิฟต์

ดอกเตอร์เมฆในเมื่อคุณกล้าหักหน้าผมแบบนั้นก็อย่างคิดว่าผมจะยอมให้อภัยง่ายๆ เลย

“ต๊อดให้มารับเหรอ”

“นี่รู้ใจแพทหรือรู้ใจต๊อดอะ”

“คิดว่าไงล่ะ”

“คิดว่ารู้ใจแพทแล้วกัน”

“เอาที่สบายใจ”

“แล้วพี่มินสบายใจรึยัง เมื่อกี้เห็นนะ คุณคนนั้นเมินพี่มินด้วย”

“แบบนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ก็ดีแล้วล่ะ” ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เอ่ยคำนั้นออกมาแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย

ตอนลิฟต์กำลังจะปิด แพทเห็นพิพัฒน์เงยหน้าขึ้นมามอง สายตาของเขาดูเจ้าเล่ห์จนนึกหวั่นใจ คงไม่ใช่ว่ากำลังคิดทำเรื่องไม่ดีอยู่หรอกนะ แต่อย่างไรก็ตาม ใครที่คิดไม่ได้กับพี่มินน่ะแพทไม่มีทางให้อภัยอย่างแน่นอน แพทจะทำให้พี่มินเห็นเองว่าแพทสามารถดูแลเขาได้ สามารถเป็นที่พึ่งได้จริงๆ













“แต่งตัวไม่เข้ากับปาร์ตี้หมูกระทะเลยว่ะ”

ต๊อดที่นั่งหน้ามันเยิ้มอยู่หน้าเตาหมูกระทะเอ่ยทักทายด้วยเสียงร่าเริงทันทีที่มินกับแพทเดินเข้าไปร่วมวง เห็นสภาพเพื่อนแล้วมินจึงปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดออก พับแขนเสื้อขึ้น สร้อยบนข้อมือทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ กันยิ้มกว้าง

“ใครจะไปรู้ว่ามีปาร์ตี้หมูกระทะ”

“แพทบอกว่ามึงไม่สบายใจน่ะ” มินเหลือบมองคนข้างกายตนเมื่อได้ยินคำของเพื่อน เขายิ้มเป็นการขอบคุณ เป็นรอยยิ้มที่หวานเสียจนแพทรู้สึกเหมือนตัวเองจะละลายลงตรงนี้

“ก็เลยเลี้ยงหมูกระทะกูน่ะเหรอ”

“จ่ายมาห้าร้อย” ต๊อดว่าพลางแบมือมาขอเงิน

“แปะโป้งไว้ก่อนแล้วกัน”

“โห ดอกเตอร์ แปะโป้งอะไรวะ”

“ถ้าต้องจ่ายมึงห้าร้อยกูไปบุพเฟ่ต์ไม่ดีกว่าเหรอ”

“ไม่ดีหรอก เพราะร้านบุพเฟต์ไม่มีน้ำจิ้มฝีมือต๊อดนะ”

“จะซักเท่าไหร่กันเชียว”

“อร่อยมากนะพี่มิน ตอนแรกแพทคิดว่าต๊อดไปซื้อมาหลอก แต่พอต๊อดปรุงให้เห็นกับตาก็อึ้งไปเลยล่ะ” ต๊อดทำเป็นอวดเบ่งเมื่อได้รับคำชม

“ถ้าไม่เชื่อก็ลองชิมดู แต่ถ้าอร่อยมึงต้องจ่ายกูพันนึง”

“ถามจริง นี่เป็นช่างหรือเป็นนักตกทอง”

“พันเดียวซื้อทองได้ที่ไหน”

“กูเปรียบเทียบครับ”

“อย่าพูดอะไรที่เข้าใจยากได้มั้ย กูไม่ฉลาดมึงก็รู้” แพทถึงกับหัวเราะก๊ากเมื่อได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของต๊อด มินเองก็ยิ้มนิดๆ แล้วส่ายหน้าอย่างระอา

ต๊อดน่ะชอบบอกว่าตัวเองโง่และถึงแม้จะโง่จริงในบางเรื่อง แต่บางเรื่องก็ฉลาดเป็นกรดเชียว

ปาร์ตี้หมูกระทะดำเนินไปเรื่อยๆ น้ำจิ้มฝีมือต๊อดอร่อยอย่างคำคุยโม้ สงสัยคงต้องเสียเงินพันแล้วล่ะมั้ง แต่นั่งอยู่นี่ก็เสียค่าเครื่องดื่มไปเยอะแล้ว

เบียร์ขวดสุดท้ายถูกต๊อดกระดกทีเดียวหมด ก่อนเจ้าตัวจะอาสาไปซื้อมาเพิ่มอีก แน่นอนว่าหยิบเงินจากกระเป๋าสตางค์มินตามอัธยาศัย

“พี่มินไหวมั้ยเนี่ย ต๊อดเอาเงินไปอีกแล้วนะ”

“ไหวสิ”

“คอพับคออ่อนแล้วอะ ซบไหล่แพทดีมั้ยครับอาจารย์” ศีรษะของมินถูกประคองให้ซบลงบนไหล่กว้างและเจ้าตัวก็ไม่คิดจะปฏิเสธ

“ทำไมเรียกอาจารย์”

“ตื่นเต้นดีออกไม่ใช่เหรอครับ” ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอถูกแพทเรียกว่าอาจารย์ขณะที่นั่งซบกันอยู่แบบนี้มันชวนให้ตื่นเต้นไม่น้อย

ทั้งที่เมื่อก่อนก็ถูกเรียกแบบนี้บ่อยๆ แท้ๆ แต่พอหลังจากคืนนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด

บาปน่ะมันหอมหวานใช่มั้ยล่ะ ใครที่ได้ลองลิ้มรสแล้วครั้งหนึ่งก็ย่อมอยากลองครั้งต่อไปเสมอ

แต่การทำบาปไม่เคยส่งผลดีกับใคร















มือของดอกเตอร์เมฆสั่นไหวเหมือนกับหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นส่ำ เขามองซ้ายมองขวาก่อนเก็บรูปถ่ายใส่ซองไว้ตามเดิม

ต้องเป็นพิพัฒน์อย่างแน่นอนที่เอารูปถ่ายพวกนี้มาแบล็คเมล์เขา ทั้งที่ไม่คิดผูกใจเจ็บใดๆ คิดว่าเรื่องจะจบลงด้วยดี คิดว่าจะยังเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันได้แท้ๆ แต่พิพัฒน์ก็ทำความหวังทั้งหมดพลังทลายลง

ซองกระดาษถูกโยนไว้ในรถก่อนดอกเตอร์เมฆจะปั้นสีหน้าเรียบเฉยเดินเข้าตึกทำราวกับว่าวันนี้ทุกอย่างปกติดี

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ได้เจอกับพิพัฒน์ในลิฟต์พอดี

ทั้งที่ไม่ได้เอ่ยทักทายกันมาเกือบสัปดาห์แล้วหากวันนี้อีกฝ่ายกลับส่งยิ้มมา ดอกเตอร์เมฆเองก็ส่งยิ้มกลับไปเช่นกัน

บรรยากาศชวนอึดอัดเกาะตัวกันแน่นเหมือนเมฆฝนในลิฟต์แคบๆ

ตอนที่เผลอสบตากันผ่านกระจกนั้นเองที่พิพัฒน์เอ่ยทำลายความเงียบ

“ดอกเตอร์ดูสบายดีนะครับ”

“สบายดีครับ”

“ทั้งที่เพิ่งหักอกผมมาแท้ๆ เนี่ยนะ”

“คนเราต้องเดินไปข้างหน้านะครับ”

“ดอกเตอร์ใจร้ายจัง”

“แต่คงไม่เท่าคุณพิพัฒน์หรอกมั้ง” ดอกเตอร์เมฆเผยรอยยิ้มเย็นชากับดวงตาที่ว่างเปล่าให้อีกฝ่ายเห็น บอกเป็นนัยๆ ว่าเขาไม่ได้ใจดีอะไร และถ้าถึงคราวที่ต้องร้ายเขาก็ร้ายได้มากกว่าที่คิดซะอีก

ประตูลิฟต์เปิดออก ดอกเตอร์เมฆเดินออกมาก่อนหันไปมองอีกฝ่ายขณะประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดลง

“ฝีมือถ่ายรูปของคุณพิพัฒน์นี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ”

“ถ้าดอกเตอร์ชอบ...” ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคประตูลิฟต์ก็ปิดสนิทซะก่อน กระนั้นดอกเตอร์เมฆก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

คงถ่ายรูปเก็บไว้เยอะเลยล่ะสิท่า คิดว่าวิธีนี้จะทำให้เขาจนตรอกได้จริงๆ น่ะเหรอ ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลาไม่สมเป็นอาจารย์แม้แต่นิดเดียว













“ถ้ามึงไม่บอกว่าคนทำเป็นอาจารย์มหา’ลัยกูคงคิดว่ามันเป็นเด็กแว้นซ์หัวโปก”

ต๊อดว่าพลางโยนรูปถ่ายพวกนั้นลงบนโต๊ะ

เห็นมั้ยล่ะขนาดต๊อดยังคิดเหมือนกันเลย คนที่ไม่รู้จักให้อภัยคนอื่นแถมยังเอาแต่คิดจะแก้แค้นเนี่ยมันช่างน่าสมเพช

“ไอ้แพทรู้เรื่องรูปพวกนี้รึยัง”

“ยังไม่ได้บอก” และไม่คิดจะบอกเพราะรู้ดีว่าคนใจร้อนอย่างแพทต้องไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบไปอย่างเงียบๆ แน่นอน และช่วงนี้ก็ดูเหมือนว่าแพทกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องที่คณะด้วย

“ถ้าวันนั้นมันไม่ให้มึงซบไหล่เรื่องนี้ก็คงไม่เกิด”

“กูก็เต็มใจ” ต๊อดเบะปากให้ความตรงไปตรงมาของเพื่อนตนในทันที

“มึงคบกับมันแล้วเหรอวะ”

“ยัง”

“ก็ชอบกันทั้งคู่ทำไมไม่คบกันให้มันชัดเจนไปล่ะ”

“แพทเป็นลูกศิษย์กูนะ ถ้ารูปพวกนี้หลุดออกไปแพทนั่นแหละจะลำบาก”

“ห่วงแต่เขา ห่วงตัวเองบ้างมั้ย”

“กูไม่เป็นไรหรอก ถ้าออกจากที่นี่ก็แค่หางานใหม่”

“ไม่ต้องมีใครออกไปไหนทั้งนั้นแหละ ถ้ามึงให้กูช่วย” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าต๊อดเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ใครจะกล้าไว้ใจให้ช่วยเหลือกันล่ะ แน่นอนว่ามินปฏิเสธทันที

“หยุดเลยต๊อด คิดจะไปขโมยกล้องเขาหรือไง เมื่อไหร่มึงจะเลิกนิสัยลักเล็กขโมยน้อยซักที”

“กูเคยทำอย่างนั้นที่ไหนกันวะ”

“มึงขโมยดินสอสองบีกู จำไม่ได้เหรอ มึงทำให้กูเกือบไม่ได้ทำข้อสอบ”

“ไอ้ห่า เจ้าคิดเจ้าแค้นเหลือเกิน” เรื่องตั้งแต่ตอนมัธยมยังเอามาเล่าอีก

“แต่จะยังไงก็ตามเดี๋ยวเรื่องนี้กูจัดการเอง ส่วนมึงเงียบปากไว้เลย ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้แพทฟังเด็ดขาด”

“รับทราบครับท่าน”

“ว่าแต่รูปนี้ ไอ้แพทมันออกมาจากคอนโดมึงไม่ใช่เหรอ ไปทำอะไรกันที่คอนโดวะ” ต๊อดหยิบภาพนึงขึ้นมา เป็นภาพที่แพทกำลังเดินออกจากคอนโดเขาในเช้าของวันถัดมาหลังจากคืนฝนตก

แค่คิดเรื่องคืนนั้นใบหูก็แดงขึ้นมาให้คนเป็นเพื่อนสนิทแซว

“ทำเรื่องทะลึ่งกันแน่เลย”

“ยังไม่ถึงขั้นมึงกับพี่เมี่ยงหรอกน่า” กลายเป็นต๊อดซะเองที่หน้าร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู

“มึงกับไอ้แพทนี่มาไกลฉิบหายเลยว่ะ”

“นั่นสิ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ก็ไม่รู้”

“มึงก็อย่าคิดมากเลย น้องมันรักมึง มึงเองก็รักมัน กูว่าดีแล้วด้วยซ้ำ อย่างน้อยพวกมึงก็เป็นแรงผลักดันให้กันและกัน”

“พูดดีสมมีแฟนเป็นหมอ”

“เรื่องนี้ไม่เห็นเกี่ยวกับเมี่ยงเลย เกี่ยวกับสมองอันชาญฉลาดของกูล้วนๆ”

นานๆ คนที่เอาแต่พูดเรื่องโง่ๆ จะเอ่ยคำฉลาดๆ ซักทีก็คงต้องปรบมือให้ซักหน่อยแล้ว

“ว่าแต่มึงได้คุยกับไข่มุกบ้างมั้ยช่วงนี้”

“ทำไมอยู่ๆ ถามถึงไข่มุกล่ะ”

“วันก่อนกูไปดูหนังกับเมี่ยงแล้วเจอผู้หญิงคนนึงคล้ายๆ ไข่มุกว่ะ แต่ไม่ได้ทักเพราะต้องรีบเข้าโรง แต่กูคิดว่าไม่น่าจะใช่ไข่มุกหรอก เพราะเธอที่กูเจอจูงมือเด็กมาด้วย”

เด็กงั้นเหรอ

“เด็กกี่ขวบ”

“กูไม่แน่ใจ ยังไม่เท่าพี่แพทของมึงหรอก”

“อย่างนั้นเหรอ มึงคงจำคนผิดแหละ ไข่มุกยังไม่แต่งงานซักหน่อย”

“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าเขายังไม่ได้แต่งงาน ยังติดต่อกันอยู่เหรอ”

“อือ กูเจอไข่มุกที่อเมริกา”

“คืนนั้นเมื่อ 4 ปีก่อนพวกมึงก็ออกไปด้วยกันนี่ ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย”

มินแค่มองหน้าเพื่อนโดยไม่คิดจะตอบคำถาม ในเมื่อเรื่องคืนนั้นไม่มีอะไรน่าเอามาเล่าต่อเลยแม้แต่น้อย มันเป็นคืนที่ทั้งเขาและไข่มุกอยากจะลืมๆ ไปเสียด้วยซ้ำ



[-T B C-]



ไข่มุกเคยโผล่มาตอนพี่แพทเป็นเด็ก
ส่วนตาพิพัฒน์นั้น ถ้าเธอยังไม่หยุด ฉันจะส่งเจ้าแพทไปจัดการเธอ จัม!!
พูดคุยเซย์ไฮ คุยเรื่องหมาแมว #คุณครูพี่มิน



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 17 {Up.021118}
«ตอบ #75 เมื่อ02-11-2018 18:56:11 »

เอาแล้วๆ ใครเป็นพ่อเด็กนะ   :hao3:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 17 {Up.021118}
«ตอบ #76 เมื่อ02-11-2018 19:04:29 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ตายหล่ะ  ไข่มุกโผล่มาตอนแพทยังเป็นเด็ก   ทำไมตรูจำไม่ได้   สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านอีกรอบแระ

ป.ล.  สำหรับอิอาจารย์พิพัฒน์   สมควรส่งคนไปสั่งสอนมัน  ให้รู้จักกาละเทศะเสียบ้าง

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 17 {Up.021118}
«ตอบ #77 เมื่อ02-11-2018 19:24:23 »

ลูกมินใช่ไหมเนี่ยยยยยย  :hao5:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
«ตอบ #78 เมื่อ09-11-2018 17:14:13 »

คุณครูพี่มิน 18



พายุลูกย่อมๆ กำลังพัดเข้ามาในชีวิตของดอกเตอร์เมฆอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

แต่เดี๋ยวพายุก็คงสงบลงและพัดผ่านไป

มินมองแพทที่กำลังเกรี้ยวกราด ในมือกำรูปถ่ายที่ได้รับมาเอาไว้แน่น ถ้าเขารู้ว่าในกองเอกสารหลังรถยังมีภาพอีกหลายชุด เจ้าเด็กนี่ต้องระเบิดออกมาจริงๆ แน่

“นี่มันสตอล์กเกอร์ชัดๆ”

“ใช่มั้ยล่ะ”

“ยังจะมาทำเป็นสบายใจอีก ไม่กลัวบ้างเลยเหรอ”

“ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย”

“แต่หมอนั่นมันตามเราอยู่นะพี่มิน”

“เขาก็แค่ตามน่า ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย”

“มองโลกในแง่ดีเหลือเกิน แจ้งตำรวจดีมั้ยเนี่ย”

“เดี๋ยวก็กลายเป็นเรื่องใหญ่หรอก”

“ใหญ่แล้วไง แพทไม่ยอมให้พี่มินตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงแบบนี้หรอกนะ”

“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่พี่ไม่เป็นไรจริงๆ”

“พี่มินถ้าขืนยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่แบบนี้แพทจะโกรธแล้วนะ”

“โกรธแล้วยังไง”

“ก็...” แพทโถมกายเข้ามาหาอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ยังมีสติพอที่จะยกมือขึ้นยันอกแกร่งของคนใจร้อนเอาไว้ได้ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากชวนให้นึกถึงจุมพิตอันแสนวิเศษในคืนนั้น ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้อีกเมื่อความยับยั้งชั่งใจขาดสะบั้น หากมินกลับไม่เห็นด้วย

เจ้าของรถเบือนหน้าหนีแล้วว่า “ตอนนี้เขาอาจจะกำลังซุ่มถ่ายรูปเราอยู่ก็ได้นะ”

“เราอยู่ในรถนี่ครับ เขามองไม่เห็นหรอก”

“แต่ว่า...”

“พี่มินอย่าดื้อสิ” จุมพิตถูกแนบลงมาเมื่อสิ้นประโยคอย่างที่มินเองก็ไม่คิดจะห้ามปรามทั้งยังโอนอ่อนผ่อนตามอย่างง่ายดาย

นั่นสินะ รถติดฟิล์มทั้งคันไม่มีทางที่คนข้างนอกจะมองเห็นเหตุการณ์ภายในห้องโดยสารเว้นก็แต่เอาหน้ามาแนบล่ะนะ แต่แบบนั้นมันไม่ต่างอะไรจากพวกโรคจิตเลยไม่ใช่หรือ

“พอไม่ดื้อแล้วก็น่ารักแฮะ” แพทถอนริมฝีปากออกเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังจะหมดลมหายใจ

ดวงตาคมที่กวาดมองใบหน้าเต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างที่มินเองก็สัมผัสได้ และเชื่อเถอะว่าแค่ถูกมองร่างกายก็ร้อนผ่าวไปหมด นึกอนาถใจตัวเองไม่น้อย ทั้งที่เป็นถึงดอกเตอร์แท้ๆ แต่เรื่องความรักกลับอ่อนหัดจนน่าสงสาร

“ไม่อึดอัดเหรอ”

“หือ” มินก้มมองนิ้วเรียวที่กำลังเกี่ยวเนคไทเขาเล่นเมื่อถาม และทันใดนั้นปมที่ผูกไว้อย่างดีก็ถูกคลายออก

ใบหน้าของแพทเลื่อนต่ำลงมา  อดีตเด็กในปกครองก้มลงใช้ฟันช่วยปลดกระดุมเม็ดบนสุดออก ลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดผิวกายทำให้คนอ่อนหัดแทบจะละลายลงตรงนั้น

“อยากทำมากกว่าจูบจังครับอาจารย์”

ยิ่งถูกเรียกว่าอาจารย์ก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายถูกกระตุ้นเข้าอย่างจัง กระนั้นมินก็ยังมีสติและสำนึกมากพอ

พวกเขาอยู่ในที่สาธารณะและการกระทำจาบจ้วงเช่นนี้ก็คงไม่ต่างจากพวกโรคจิต

“ไม่เอาน่าแพทนี่มันในรถนะ”

“คืนนี้ผมนอนห้องอาจารย์ได้มั้ย”

“ไม่ได้”

“ผมเป็นห่วงนี่นา ถ้าเกิดหมอนั่นมันบุกเข้าไปทำร้ายอาจารย์ในห้องใครจะปกป้องล่ะ”

“ไม่ต้องเลย แพทอันตรายกว่าคุณพิพัฒน์อีก”

“แพทเป็นเด็กดีนะไม่อันตรายหรอก”

“คุณน่ะมันตัวอันตราย”

“อันตรายยังไง”

“ก็...”

“ขอจูบอีกทีนึงแล้วจะยอมปล่อยไป โอเคเนอะ” และแน่นอนว่ามินไม่เคยขัดใจอีกฝ่ายได้เลย จุมพิตของแพทน่ะวิเศษมาก วิเศษเสียจนถ้าอีกฝ่ายขอจูบทุกวันก็คงให้อย่างเต็มใจ











เสียงเบิ้ลเครื่องมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านทำให้ต๊อดที่หลับไปแล้วลุกขึ้นมา

เจ้าของอู่ซ่อมรถเปิดหน้าต่างห้องนอนแล้วตะโกนด่าชุดใหญ่ แค่นั้นไม่สะใจจนต้องเดินไปตักน้ำในห้องน้ำเอามาสาดโครม

แพทพยายามอธิบายแล้วแต่สุดท้ายก็ถูกสาดน้ำจนตัวเปียกอยู่ดี

ต๊อดนะต๊อด เมาขี้ตาหรือไงวะ

“เอาผ้าขนหนูมาให้ด้วยเลย” เสียงทุบประตูบ้านหยุดลงและถูกแทนที่ด้วยเสียงตะโกน

เจ้าของบ้านที่กำลังเดินลงบันไดมาจำต้องวนกลับขึ้นบ้านอีกครั้งเพื่อหยิบผ้าขนหนู จะว่าไปเมื่อกี้ต๊อดก็เมาขี้ตาจริงๆ นั่นแหละ คนกำลังหลับสบายนี่หว่า พอถูกกวนใจมันก็ประสาทเสียเป็นเรื่องธรรมดา

“ต๊อดเคยสาดน้ำใส่พี่เมี่ยงแบบนี้รึเปล่า”

“ไม่เคย”

“พี่เมี่ยงไม่เคยลุกขึ้นมาสะกิดต๊อดกลางดึกบ้างเหรอ”

“ถ้ามึงจะมาแค่เสือกเรื่องของกูล่ะก็เช็ดตัวแห้งแล้วก็เชิญกลับบ้านไปซะ” เจ้าของบ้านออกปากไล่ก่อนตั้งท่าลุกจากโซฟาหากก็ถูกแพทจับแขนเอาไว้ให้ต้องนั่งลงตามเดิม

“แพทก็แค่ชวนคุยน่า ตื่นรึยังเนี่ย”

“ตื่นแล้วสิ มึงมีอะไรมาดึกขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญคราวนี้ไม่ใช่แค่ถูกสาดน้ำนะมึง”

“สำคัญสิ สำคัญมากจนแพทนอนไม่หลับเลย”

“เรื่องไอ้มินอีกล่ะสิ”

“ต๊อดรู้ได้ไงอะ สุดยอดเลย”

“มึงไม่ต้องมายอกูไอ้แพท มีอะไรก็รีบว่ามากูง่วง”

“ต๊อดหาคนให้แพทซัก 5-6 คนสิ”

“เอาไปทำไม”

“เอาไปสั่งสอนคนหน่อย”

“ไอ้แพท!!”

“แค่เอาไปขู่เอง ต๊อดก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าไอ้คุณพิพัฒน์อะไรนั่นคิดจะแบล็คเมล์พวกเรา ต๊อดจะให้แพทอยู่เฉยๆ มองมันปั่นประสาทพี่มินไปอย่างนี้เรื่อยๆ น่ะเหรอ แพทไม่ใช่คนดีเหมือนพี่มินนะต๊อด”

“ไอ้มินต้องโกรธแน่” แค่นึกภาพคนใจเย็นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็กลัวจนขนหัวลุกแล้ว

“ก็อย่าให้พี่มินรู้สิ”

“ถ้ามันบอกว่ามันไม่เดือดร้อนก็คือไม่เดือดร้อน มึงจะเดือดร้อนแทนมันทำไม”

“ใครบอกต๊อดว่าพี่มินไม่เดือดร้อน ที่พี่มินไม่ทำอะไรเพราะห่วงแพท กลัวว่าถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้วแพทจะเรียนไม่จบ พี่มินกำลังปกป้องแพทนะต๊อด จะให้แพทอยู่เฉยๆ ได้เหรอ”

“ยิ่งรู้ว่ามันกำลังปกป้องมึง มึงก็ยิ่งควรจะอยู่เฉยๆ”

“แพทเองก็อยากปกป้องพี่มินเหมือนกัน”

“มันต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้”

“ยังไง”

“กูคิดไม่ออก”

“โถ่ งั้นก็หาคนให้แพทสิ”

“แค่เอาไปขู่นะ”

“อือ แค่ขู่”

“สัญญาลูกผู้ชาย”

“เออน่า ต๊อดไม่เชื่อใจแพทรึไง”

“กูไม่เคยเชื่อมึงหรอกแพท เพราะมึงไม่เคยทำให้กูเชื่อใจได้เลย และคราวนี้ถ้ามึงทำมากกว่าขู่เรื่องนี้ถึงหูไอ้มินแน่”

“ขี้ฟ้องจังเลย”

“จะเอาไม่เอาคนน่ะ”

“เอาคร้าบลูกพี่”











หลังจากนั้น 3 วันคนของต๊อดก็ถูกส่งมา

2 คนในกลุ่มเป็นคนที่แพทคุ้นหน้าดีเพราะเคยเจอกันตอนไปแว้นซ์เมื่อนานมาแล้ว และยังเจอที่ร้านต๊อดอยู่เนืองๆ ส่วนที่เหลือยังดูเด็กอยู่เลย บุคลิกเหมือนเด็กช่างไม่น่ากลัวมากแต่ก็เอาเรื่องอยู่

ต๊อดเนี่ยไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ

“ต๊อดบอกแล้วว่าไม่ให้ใช้กำลัง แต่ไปขู่ทั้งทีก็น่าจะขู่ให้เจ็บตัวหน่อยสิวะ” ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่กว่าใครเพื่อนเอ่ยพลางหักนิ้วกรอบแกรบ ไอ้นี่ชื่อตูนก็จริงแต่ไม่เคยทำประโยชน์ให้ใครเหมือนพี่ตูนบอร์ดี้สแลมหรอก

“อย่าเลย แค่ขู่เฉยๆ แหละ” แพทย้ำอีกครั้ง รับปากกับต๊อดแล้วก็ต้องทำตาม ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว

“ป๊อดว่ะแพท”

“กูไม่อยากมีเรื่องกับต๊อด มึงเองก็คงไม่อยากหรอก” ต๊อดน่ะถึงจะไม่เก่งเรื่องใช้สมองแต่เรื่องใช้กำลังและเอาตัวรอดเก่งต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่ง

“ต๊อดยังไม่บอกค่าจ้างนะ”

“คนละ 500”

“น้อยว่ะแพท”

“น้อยเหี้ยไรมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำอีก แถมยังทำงานไม่ถึงชั่วโมง แต่ถ้าพวกมึงทำมากกว่าขู่กูไม่จ่ายนะเว้ย”

“เออ ก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ถึงจะคันไม่คันมือมากก็เถอะ”

ถึงแม้จะเป็นคนที่ดูห่ามๆ หน่อยแต่ก็ยอมรับข้อเสนออย่างง่ายดาย

แพทน่ะตอนเจอคนท่าทางน่ากลัวเหล่านี้ครั้งแรกก็รู้สึกว่าพวกมันไม่น่าคบเลย ถ้าไม่ติดว่าไปเจอพวกมันกับต๊อดล่ะก็คงขอบาย แต่พอได้ลองพูดคุยก็ได้ค้นพบว่าคนเราดูกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

คนพวกนี้ทำให้แพทได้รู้ว่ามนุษย์บนโลกนี้ถึงแม้จะดูร้ายกาจแค่ไหนแต่ก็ยังมีมุมอ่อนโยนที่บางทีเราเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน เช่นเดียวกับคุณพิพัฒน์อะไรนั่น ทั้งที่หน้าที่การงานกระทั่งหน้าตาก็ออกจะดีแต่กลับมีนิสัยที่ไม่น่าคบเอาซะเลย

แพทเตรียมแผนและศึกษาเส้นทางการกลับบ้านของพิพัฒน์มาอย่างดี

แค่รอเขาออกจากมหาวิทยาลัยตอนค่ำๆ แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตาม รอให้ถึงทางเปลี่ยวๆ ก็เข้าชาร์ตเลย

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เมื่อตูนขี่มอเตอร์ไซค์ตัดหน้ารถยนต์ของพิพัฒน์จนเขาต้องเบรครถหัวทิ่มก่อนจะเปิดประตูออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่คิดระแวงซักนิด

ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากเลยแฮะ

“คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ตูนแสร้งทำเป็นเจ็บขณะพยุงตัวลุกขึ้นมา ในตอนนั้นเองที่พิพัฒน์มองไปยังรถมอเตอร์ไซค์อีก 3 คันที่จอดอยู่ข้างทาง

ท่าไม่ดีแล้ว คิดเช่นนั้นแล้วตั้งใจจะวิ่งกลับรถทว่าก็ช้าเกินไป

ตูนเข้าชาร์ตเขาเอาไว้ พิพัฒน์ดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มีทว่าก็ไม่สามารถสู้แรงนักเลงได้

“หยุดเถอะน่าคุณพิพัฒน์ มาคุยกันดีๆ มั้ย”

“แก แฟนดอกเตอร์เมฆนี่” เมื่อเห็นว่าคนที่เดินออกมาจากหลังพุ่มไม้คือแพท คนถูกล็อคแขนไว้ก็เอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด

“ยังไม่ได้เป็นแฟนครับ เรียกว่ากำลังดูใจกันดีกว่า”

“เพราะแกคนเดียวแหละ ไอ้เด็กไม่มีการศึกษา”

“เจ็บจัง แต่คุณคงเจ็บกว่าที่ดอกเตอร์เมฆดันเลือกเด็กไม่มีการศึกษาแทนที่จะเลือกอาจารย์หนุ่มรูปหล่อไฟแรงอย่างคุณ”

“แกต้องการอะไร”

“ยังจะถามอีกเหรอ คุณทำอะไรไว้ผมก็ต้องการสิ่งนั้นแหละ”

“ดอกเตอร์ใช้แกมาใช่มั้ย”

“อย่าใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้นสิครับ ผมก็แค่อยากปกป้องคนที่ผมรัก ไม่เหมือนคุณนะ ปากก็บอกว่ารักเขาแต่กลับจ้องจะทำร้ายเขา คุณนี่มันน่าสมเพชฉิบหายเลยว่ะ”

“ถ้ามึงแน่จริงก็อย่าหมาหมูสิวะ”

“กูแน่จริงเว้ย แต่แน่จริงเฉพาะกับคนจริงเท่านั้นแหละ หมาลอบกัดอย่างมึงคงไม่มีทางได้รับการปฏิบัติแบบนั้นหรอก”

“มึงรู้มั้ยว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร ถ้ายังอยากเรียนและจบจากที่นี่ก็ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”

“ถ้ากูโดนไล่ออกจากที่นี่กูก็แค่ไปเรียนที่ใหม่ แต่ถ้ามึงโดนไล่ออกเพราะมีคดีติดตัว อะไรนะ สตอล์กเกอร์ใช่ป่ะ แถมยังมีภาพเปลือยหลุดไปอีก เป็นกู กูคงไม่กล้าแบกหน้าไปให้ใครเห็นหรอกว่ะ”

“มึงคิดจะทำอะไร” สีหน้าพิพัฒน์สลดลงนิดหน่อย เมื่อกวาดสายตามองกลุ่มชายฉกรรจ์ 5-6 ตรงนี้ก็พอเดาได้ว่าแพทไม่ได้แค่ขู่อย่างแน่นอน

“กูทำแน่ถ้ามึงไม่ส่งเมมโมรี่การ์ดมา”

“มึงขู่กูเหรอ” กระนั้นก็ยังปากเก่งไม่เลิก

“กูก็ทำเหมือนที่มึงทำกับพี่มินไง เอาเมมกล้องมาแล้วกูจะปล่อยมึงไป แต่ถ้ามึงไม่ยอมก็เตรียมตัวกลายเป็นคนดังในเน็ตได้เลยคุณพิพัฒน์”

“มึงพูดเรื่องอะไร กูไม่รู้เรื่อง”

“ความจำเสื่อมเหรอ ต้องกระตุ้นด้วยอะไรดีวะ”

“ซักหมัดดีมั้ยวะ” ตูนถามอย่างคันไม้คันมือ

“ไม่เอาน่าเดี๋ยวคนมีการศึกษาเขาจะหาว่าเราเป็นคนเถื่อน ถอดเนคไทมัน”

พิพัฒน์ดีดดิ้น พยายามปกป้องเนคไทตนอย่างเต็มที่ทว่ามีหรือคนๆ เดียวที่ถูกล็อคแขนเอาไว้จะสู้แรงพวกหมาหมู่ได้ สุดท้ายเนคไทก็ถูกถอดออกแล้วโยนไปค้างเติ่งอยู่บนกระโปรงรถ

“ต่อไปถอดอะไรดีวะ เสื้อมั้ย หรือถอดกางเกงเลยดี”

“มึงมันโรคจิต”

“ถ้าจะสู้กับคนโรคจิตมันต้องจิตกว่า ผมจะให้โอกาสคุณพิพัฒน์อีกครั้ง บอกมาว่าเมมกล้องอยู่ไหน ถ้าไม่บอกกูถอด แต่คราวนี้จะไม่ใช่แค่ชิ้นเดียวแต่กูจะถอดหมด”

“มึงไม่กล้าหรอก”

“จะลองดูก็ได้ ถอด ถอดให้หมด” แพทออกคำสั่งเสียงกร้าว

สิ้นคำเสื้อเชิ้ตก็ถูกกระชากออกไม่เหลือชิ้นดี พิพัฒน์ที่ถูกล็อคแขนเอาไว้พยายามถีบขาตัวเองเมื่อชายฉกรรจ์ทั้ง 3 กำลังยุ่มย่ามอยู่กับเข็มขัดตนแต่สุดท้ายมันก็ถูกถอดออกไปจนได้

ไม่ว่าจะคิดซักเท่าไหร่ก็ไม่เห็นทางที่จะชนะ เพราะฉะนั้นจึงยอมยกธงขาวแต่โดยดีทั้งที่ใจไม่อยากยอมแพ้แม้แต่นิดเดียว

“ก็ได้ เมมกล้องอยู่ในกล้องในรถ”

“ตูนไปเอามาดิ๊”

คนถูกออกคำสั่งพยักหน้ารับก่อนก้าวไปกระชากเปิดประตูแล้วหยิบกล้องออกมาส่งให้แพท

“ใช้กล้องโปรซะด้วย เป็นสตอล์กเกอร์ระดับวีไอพีแฮะ” แพทว่าเมื่อรับกล้องจากตูนมา ลองเช็คดูก็พบว่ากล้องมีแต่ภาพเขากับพี่มินทั้งนั้น และจริงอย่างที่พี่มินว่า ขนาดในรถคืนนั้นมันยังถ่ายเอาไว้ ไอ้หมอนี่มันโรคจิตเข้าขั้นน่ากลัวเลยแฮะ

“ในเมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว...”

“เอามือถือมา กูบอกให้มึงเอามือถือมา” และเป็นตูนอีกนั่นแหละที่ล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงทั้งยังบังคับเอานิ้วมาปลดล็อคให้อย่างเรียบร้อย

แพทมุ่นคิ้วเป็นปม อ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อพบความลับที่นึกไม่ถึงในโทรศัพท์เครื่องหรู

เห็นอย่างนั้นแล้วก็คิดว่าการจับคุณพิพัฒน์แก้ผ้าไม่มีประโยชน์อีกต่อไป

“ทำยังไงดีล่ะครับเนี่ย ผมดันรู้ความลับของคุณพิพัฒน์เข้าแล้ว มันจะเป็นยังไงนะถ้าท่านอธิการรู้ว่าบุคลากรของมหาวิทยาลัยใช้บริการเด็กผู้ชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ท่านคงจะว้าวเหมือนผมแน่เลยอะ”

“แก ถ้าแกพูดเรื่องนี้ออกไป ทั้งแกทั้งแฟนแกก็คงได้ออกมหา’ลัยเหมือนฉันนั่นแหละ”

“แต่ถ้าเอาความผิดมาเทียบกัน ความผิดของผมกับพี่มินดูเล็กไปเลยนะ จะยอมแลกเหรอ ใจป๋าจัง”

“แกก็ได้ทุกอย่างที่แกต้องการไปแล้วไม่ใช่เหรอ ยังอยากได้อะไรจากฉันอีก”

“เรามาทำข้อตกลงกันดีๆ อย่างคนมีการศึกษาดีมั้ย เอาแบบที่พวกเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน แบบมีแต่ได้กับได้ไม่มีเสียน่ะ”

“ฉันจะเชื่อใจแกได้ยังไง”

“ไม่รู้สิ เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่พูด ผมไม่พูด อ่อคุณต้องเลิกยุ่งกับพวกเรา แล้วกลับมาใช้ชีวิตปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วป่ะ”

พิพัฒน์ครุ่นคิดอย่างหนัก ที่จริงเขาน่ะมีแต่เสียกับเสียด้วยซ้ำถ้าหากเด็กนี่แพร่งพรายความลับนั้นออกไป สุดท้ายคนที่ไม่มีทางเลือกก็เขาเอง

“ได้ ฉันจะเลิกยุ่งกับพวกแก”

“น่ารักที่สุดเลยครับ” แพทเอ่ยชมด้วยท่าทีเสแสร้งสุดๆ พลางพยักพเยิดให้คนของตนปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ

แพทเดินเข้าไปใกล้พิพัฒน์อีกก้าวพลางยื่นมือไปเพื่อจับทำข้อตกลงแต่ก็ถูกปัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย

ฝ่ายนั้นรีบคว้าเอาเสื้อผ้า ไม่ลืมฉวยเอามือถือในมือแพทไปด้วยก่อนจะบึ่งรถออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

“ทำไงดีล่ะ ได้กล้องมาตัวนึงแน่ะ”

“มึงไม่เอากูขอ” ตูนรีบเอ่ย แพทไม่ลังเลซักนิดที่จะให้ ไหนๆ เขาก็คงจะไม่ได้เจอเจ้าของมันอีก และถึงเจอรายนั้นก็คงไม่อยากจะเสวนาด้วยอยู่แล้ว กล้องน่ะถือซะว่าเป็นของปลอบใจก็แล้วกัน

แพทเก็บเมมโมรี่การ์ดใส่กระเป๋าเสื้อไว้ จนถึงตอนนี้ยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย คุณพิพัฒน์เนี่ยภายนอกดูปกติสุดๆ แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าลึกๆ จะมีรสนิยมแบบนั้น

คนเราเนี่ยรู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ



[TBC]



มันเท่ได้จริงมั้ยเนี่ยเจ้าแพท
เคลียร์เรื่องพิพัฒน์แล้วเนอะ
ต่อไปก็...ขอหวานๆ หน่อยละกัน 555



#คุณครูพี่มิน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2018 20:24:14 โดย แจซอล »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
«ตอบ #79 เมื่อ09-11-2018 18:03:44 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
« ตอบ #79 เมื่อ: 09-11-2018 18:03:44 »





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
«ตอบ #80 เมื่อ09-11-2018 19:04:00 »

ได้แต่หวังว่าพิพัฒน์คงจะคิดได้นะ   :hao3:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
«ตอบ #81 เมื่อ09-11-2018 19:23:53 »

คราวนี้น่าจะเข็ดนะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
«ตอบ #82 เมื่อ09-11-2018 22:10:05 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่แพทสุดยอด  เท่มาก

คุงครูพี่มิง ให้รางวัลพี่แพทด่วนเลย

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
«ตอบ #83 เมื่อ10-11-2018 09:36:31 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 19 {Up.161118}
«ตอบ #84 เมื่อ16-11-2018 16:58:09 »

คุณครูพี่มิน 19



โทรศัพท์มือถือยังคงวางอยู่ข้างหู มินจำได้ว่าเขาไม่ได้กดวางสายด้วยซ้ำ ที่จริงไม่รู้แม้แต่ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จำได้ว่าเมื่อคืนตอนกลางดึกแพทโทรมา น้ำเสียงเจ้าตัวร่าเริงเกินเหตุจนนึกสงสัย ซักถามอยู่นานฝ่ายนั้นก็บอกแค่ว่ากำลังมีความสุขที่ได้ปกป้อง

ปกป้องอะไรกัน มินไม่เห็นเข้าใจเลย

กระทั่งมาทำงานมินก็ยังนึกถึงคำของแพทอยู่ตลอดเวลา

เขาเจอพิพัฒน์ในลิฟต์ตอนกำลังจะกลับบ้าน แต่น่าแปลกที่ฝ่ายนั้นก้มหน้าหลบตาแล้วเดินสวนออกมาทั้งที่ยังไม่ถึงชั้น 1 ด้วยซ้ำ และท่าทางแบบนั้นก็ทำให้คนที่เป็นถึงดอกเตอร์นึกคลางแคลงใจ

แพทต้องไปทำอะไรไว้แน่นอน และก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกเมื่อพบว่าวันนี้ที่หน้ารถไม่มีซองเอกสารเสียบไว้อีกแล้ว

มันก็ดี มินยอมรับว่าเขาโล่งอกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่อะไรล่ะที่ทำให้พิพัฒน์เลิกพฤติกรรมสตอล์กเกอร์

มินเข้ามานั่งในรถก่อนกดโทรหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร

ต๊อด

“กูไม่รู้” ทันทีที่ถามต๊อดก็ปฏิเสธเสียงสูงให้ยิ่งมั่นใจว่ารู้เห็นกันอย่างแน่นอน

“มึงอยู่ข้างใครกันแน่ต๊อด”

“พวกมึงแม่งเลิกกดดันกูทีเถอะ” ต๊อดโอดครวญ พลางบ่นในใจ อะไรๆ ก็ต๊อด

“มึงก็แค่บอกความจริงกูมาก็แค่นั้นต๊อด”

“แล้วทำไมพวกมึงไม่ไปเคลียร์กันเองวะ”

“แพทคงบอกกูหรอก”

“มึงก็ขู่มันสิ ว่าถ้าไม่พูดความจริงจะหนีไปต่างประเทศ ขี้คร้านจะรีบบอกมึงทุกเรื่องเลย” บางเรื่องต๊อดก็ฉลาดกว่ามินอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเรื่องทำให้คนอื่นไม่สบายใจ













แพทกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งอยู่ในสถานีตำรวจ พี่มินที่อยู่ตรงหน้าคือคุณตำรวจที่กำลังสอบสวนเขาด้วยท่าทางเคร่งเครียดสุดๆ

ทั้งที่ตอนโทรหาบอกให้รีบมาด้วยเสียงหวานจนแพทที่กำลังประชุมกับเพื่อนเรื่องโครงการที่จะส่งประกวดเร็วๆ นี้เสียสมาธิ พอประชุมเสร็จก็รีบบึ่งรถมาหาทันที แต่พอเจอหน้ากลับพบว่าโคตรไม่ตรงปก

“แพททำอะไรคุณพิพัฒน์”

“แพทเปล่า” แน่นอนว่าผู้ร้ายต้องไม่ยอมรับความผิดของตนตั้งแต่ทีแรก ปากแข็งไว้เป็นดี

“พี่จะถามอีกรอบ แพททำอะไรคุณพิพัฒน์”

“ทำไมพี่มินคิดว่าแพททำ ไม่คิดบ้างเหรอว่าคุณเขาอาจจะสำนึกเอง”

“นั่นสินะ”

“แต่ไม่ใช่หรอก คุณเขาไม่ได้สำนึกผิดเองหรอก” เมื่อเห็นว่ามินคล้อยตามแพทก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ควร เรื่องอะไรจะยกความดีความชอบให้คนประเภทนั้นล่ะ ถ้าแพทไม่ขู่ก็คงไม่มีทางหยุดเรื่องนี้หรอก

“งั้นก็แปลว่าแพทไปขู่เขามาจริงๆ”

“แพทไม่ได้ทำอะไรเลย”

“แพท” มินขึ้นเสียง

“โอเค ยอมรับก็ได้ว่าคิดจะทำ แต่ไม่ได้ทำเพราะคุณเขาทำตัวเองหมดเลย”

“ทำตัวเองยังไง”

“อยากรู้เหรอ มานั่งตักแพทดิเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

“งั้นไม่อยากรู้แล้วก็ได้”

“อาจารย์ครับ”

“ไม่ต้องมาเรียกเลย”

“อาจารย์แค่มานั่งข้างๆ ก็ได้ ยืนแบบนั้นเมื่อยแย่เลย” เด็กนี่มันร้ายและถึงแม้จะรู้ว่าร้ายแต่มินก็ยอมเดินอ้อมไปข้างๆ แต่ยังไม่ทันได้นั่งแขนก็ถูกคว้าเอาไว้ เพียงแค่แพทกระตุกเบาๆ ก็เซลงไปนั่งลงบนตักอย่างพอเหมาะพอดีแล้ว

ก็บอกแล้วว่าแพทน่ะร้าย

“ตัวหนักแฮะ”

“ก็ตัวเท่ากันจะไม่หนักได้ไง” มินว่าพลางตั้งท่าจะลุกแต่ก็ถูกเกี่ยวเอวไว้ไม่ยอมปล่อย

ถ้าทนได้ก็ทนไปเถอะถ้างั้น

แพทเกยคางไว้บนไหล่มน กอดเอวพี่มินเอาไว้อย่างนั้นเฉยๆ ไม่มีใครพูดอะไรคล้ายกำลังซึมซับช่วงเวลาที่มีค่านี้เอาไว้

“อาจารย์”

ยัง! ยังไม่เลิกเรียกอาจารย์อีก คำนั้นน่ะมันชวนให้ตื่นเต้นจะตาย

“คุณพิพัฒน์ก็เลิกยุ่งกับอาจารย์แล้ว ควรดีใจไม่ใช่เหรอ”

“ก็รู้สึกดีแต่ก็อดสงสัยไม่ได้”

“หอมแก้มสิเดี๋ยวแพทเล่าให้ฟัง”

“คุณนี่มัน...” มินว่าพลางส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนยกแขนขึ้นโอบรอบคออีกฝ่าย

“จูบเลยดีกว่า จูบแบบลึกซึ้งเลยนะ”

ได้คืบจะเอาศอก มินมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเอือมระอา ฉับพลันขณะที่แพทหลับตาพริ้มยู่ริมฝีปากเพื่อรับสัมผัสนุ่มหยุ่นหวานละมุนที่ชื่นชอบมินก็ยิ้มร้าย

มือที่ลูบเกลี่ยอยู่ข้างแก้มลากไล้ที่เหนือริมฝีปากให้เจ้าของมันขนลุกซู่ หัวใจคันยุบยิบ

แต่ก็คันยุบยิบได้ไม่นานหรอก เมื่อจมูกถูกบีบเอาไว้ แพทเบิกตากว้างเมื่อหายใจไม่ออก มือที่เกี่ยวอยู่บนเอวเปลี่ยนมาจับข้อมือของมินไว้ พยายามบังคับให้อีกฝ่ายปล่อยตนแต่ก็ไม่เป็นผล

ทั้งคู่ต่อสู้กันในความเงียบงัน จนแพทหน้าแดงก่ำคล้ายคนจะขาดอากาศหายใจจริงๆ มินจึงยอมปล่อยแล้วลุกขึ้นยืนมองคนที่ตอนนี้ทิ้งตัวนอนแผ่หราอยู่บนโซฟาหอบหายใจแรงๆ

เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับดอกเตอร์ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร

“เล่นแรงมากเวอร์” พอหายใจได้ปกติแล้วก็หันมาต่อว่ากันพลางมองมาด้วยแววตาเอาเรื่องไม่ใช่น้อย

“จะยอมเล่าให้ฟังได้รึยังล่ะ”

“ก็ได้ยอมเล่าก็ได้ พี่มินมานั่งก่อนสิ เรื่องมันยาวนะ”

“ไม่ล่ะ” มินปฏิเสธ เขาเสียรู้แพทมาครั้งนึงแล้ว และวันนี้เขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง

แพทมองเจ้าของห้องที่เดินไปลากเก้าอี้มาแล้วนั่งลง พี่มินเนี่ยไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่ไหนของโลกใบนี้ก็ยังนั่งหลังตรงเหมือนเดิม ไม่เมื่อยบ้างรึไง

“กลัวแพทขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ไม่ได้กลัวแต่ไม่ไว้ใจคุณ”

“อาจารย์ก็มองผมในแง่ร้ายเกินไป” แพทหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดีก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่ตนยกพวกไปขู่พิพัฒน์ให้มินฟังอย่างไม่ละเอียดนัก บอกแค่ว่าบังเอิญรู้ความลับบางอย่างของอีกฝ่ายในโทรศัพท์เลยยังไม่ได้แก้ผ้าถ่ายรูปไว้แบ็คเมล์

ตลอดเวลาไม่กี่นาทีที่นั่งฟังแพทเล่าเรื่องนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ มินก็ได้ค้นพบว่าแพทโตเป็นผู้ใหญ่มากแล้วจริงๆ ทั้งกระบวนการคิดและวิธีการพูดคุย

“อาจารย์ไม่ต้องถามหรอกนะว่าความลับของเขาคืออะไร แพทรับปากกับเขาไว้แล้วว่าจะไม่เล่าให้ใครฟัง”

“เอาล่ะ กลับบ้านได้แล้ว” พอหายข้องใจก็ไล่กลับทันที

“หืม อาจารย์ไม่โกรธผมเหรอ”

“ไม่หรอก ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่แพทช่วยปกป้องพี่ เท่ห์มากเลยนะ”

“ทำไงดีล่ะ” เมื่อได้ยินคำว่าเท่ห์จากปากพี่มินรอยยิ้มก็เบ่งบานขึ้นมาบนใบหน้า หัวใจพองโตขึ้นมาจนคับอก ความปีติโอบล้อมอยู่รอบกายจนควบคุมตัวเองไม่ได้แม้แต่น้อย

“หน้าบานแล้ว”

“พี่มินแหละ”

“ทำดีก็ต้องชมสิ”

“แพทไม่ใช่เด็กแล้วนะ ไม่บ้ายอหรอก”

“ไม่บ้ายอเลยเนอะ” แต่ที่ยิ้มจนแก้มจะแตกนี่หมายถึงอะไรล่ะ เพิ่งจะชมว่าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาไปหยกๆ เองแต่กลับทำตัวเป็นเด็กอีกแล้ว

“แล้วอาจารย์ไม่คิดจะให้รางวัลคนทำดีหน่อยเหรอ”

“ทำดีอย่าหวังผลตอบแทนสิ”

“หวังสิ คืนนี้ให้แพทนอนนี่เถอะนะ”

“แม่ซื้อบ้านไว้ให้นอนก็กลับไปนอนบ้านสิ”

“นอนบ้านตัวเองเบื่อแล้วอะ คืนนี้ขอนอนนี่นะแล้วพรุ่งนี้ก็ออกไปมหา’ลัยพร้อมกัน”

วิชาเรียนเช้าพรุ่งนี้คือวิชาของดอกเตอร์เมฆนี่แหละ สงสัยคงเลือกตารางสอนหลังเพื่อนก็เลยได้สอนตอนเช้าแปดโมง

“กลับไปนอนบ้านตัวเองน่ะดีแล้ว” แพทก็ไม่ได้ผิดหวังเท่าไหร่เพราะไม่ได้หวังอะไร แต่กระนั้นก็อยากตื๊อต่ออีกหน่อยทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าตื๊อไปก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์

ดอกเตอร์เมฆน่ะใจแข็งยิ่งกว่าหินซะอีก ต่างจากพี่มินคนที่น่ารักๆ และตามใจแพทไปซะหมดทุกเรื่อง

“โห นี่มันก็ดึกแล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ดึกๆ มันอันตราย”

“ขับรถพี่กลับไปสิ” ยอมใจความขับไสไล่ส่งแบบไม่หวงของของดอกเตอร์เมฆก็ตอนนี้เมื่อเจ้าตัวส่งกุญแจรถคันสวยมาให้จริงๆ

“แล้วพรุ่งนี้อาจารย์ไปมหา’ลัยไงล่ะ”

“แพทก็มารับสิครับ”

ละลายไปเลยไอ้แพท แค่เขาพูดเพราะๆ แล้วยิ้มหว่านเสน่ห์นิดหน่อยก็ยอมยื่นมือไปรับกุญแจรถมาถือเอาไว้ง่ายๆ แถมยังบอกลาเสร็จสรรพ

มินรู้ดีว่าแพทแพ้รอยยิ้มของเขา และมันก็ใช้ได้ผลเสมอ

เจ้าของห้องเดินออกมาส่งที่ประตู แพทหมุนตัวกลับมาบอกลาอีกครั้งทว่าก็ต้องพบกับความประหลาดใจครั้งใหญ่ เมื่อคนตรงหน้าโน้มใบหน้าเข้ามาจูบที่แก้มเบาๆ แล้วบอกว่าขับรถดีๆ

ให้ตายเถอะอาจารย์ เล่นงานจนหัวใจเกือบจะพังใครมันจะมีสติขับรถวะ

ประตูห้องปิดลงแล้ว กระนั้นแพทก็ยังยืนกุมหัวใจที่กำลังเต้นถี่เอาไว้ รอจนสติกลับมาค่อยกลับบ้านตน

พี่มินโคตรร้ายเลยว่ะ

แต่ไม่ว่าจะดีเหมือนเทวดาหรือร้ายเหมือนปีศาจแพทก็ยังรักอยู่ดี













แพทนอนตาค้างอยู่บนเตียง ไม่ว่าจะพยายามข่มตาเท่าไหร่ก็หลับไม่ลง

ต้องโทษพี่มินที่ให้รถมาใช้แถมยังบอกว่าให้ไปรับเพื่อไปมหา’ลัยพร้อมกันอีกต่างหาก มันก็ดีนะที่จะได้ไปมหา’ลัยพร้อมกันแต่ชั่วโมงเรียนดันเริ่มตอน 8 โมงเช้านี่สิ ปกติขี่มอเตอร์ไซค์แค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว ตื่นเจ็ดโมงครึ่งยังทันแต่นี่...

ไม่อยากจะคิดเลยว่าต้องตื่นตั้งแต่กี่โมงถึงจะฝ่าการจราจรไปมหา’ลัยได้ทัน

ไม่นงไม่นอนแม่งละ

ในเมื่อนอนไม่ได้ก็ลุกขึ้นมานั่งเล่นเกมส์แม่งซะ

แต่คนเรามันก็มีขีดจำกัด นั่งเล่นเกมส์อยู่ดีๆ ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าพระอาทิตย์ขึ้นเลย

ไอ้ฉิบหาย

แพททะลึ่งตัวลุกขึ้นจนเก้าอี้ล้มตึง มองนาฬิกาบอกเวลา 7 โมงเช้า เขาใช้เวลาในห้องน้ำไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ ขณะสวมเสื้อผ้าโทรศัพท์มือถือก็ดังระรัว ไม่ต้องดูก็รู้เลยว่าใครโทรตาม

เจ้าของรถไงจะใครล่ะ

โดนพี่มินด่าแน่ ไม่น่าเลย ไม่น่าเผลอหลับเลยไอ้แพท ด่าตัวเองไปก็เท่านั้น แพทวิ่งออกจากบ้านทั้งสภาพหัวกระเซอะกระเซิง สวมสลิปเปอร์แต่ก็ไม่ลืมหยิบรองเท้าผ้าใบที่ถอดทิ้งไว้หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืนติดมือมาด้วย

ยืนชั่งใจมองรถยนต์คันสวยที่ตนขับมาจากคอนโดเจ้าของมันอยู่ครู่ ก่อนตัดสินใจเก็บกุญแจใส่กระเป๋าแล้วขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจออกมา โดนพี่มินด่าหนักหน่อยก็ยังดีกว่าทำให้อีกคนไปมหา’ลัยสายล่ะวะ

คิดเช่นนั้นแล้วก็เร่งเครื่องด้วยความเร็วเต็มสปีด ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็มาถึงคอนโด

ดอกเตอร์เมฆยืนรออยู่แล้ว เขามองอีกคนตาเขียวปั๊ดด้วยความโกรธ และยิ่งเห็นว่าแพทขี่มอเตอร์ไซค์มาก็ยิ่งหัวร้อนเป็นเท่าตัว อยากจะเฉ่งให้สำนึกผิดตรงนี้แต่เมื่อก้มมองนาฬิกาก็พบว่ามีเวลาไม่มากพอ

ฝากไว้ก่อนเถอะ

“ขอโทษครับอาจารย์”

“รีบเลยสายแล้ว” ถึงจะไม่โดนด่าทันทีแต่แพทก็พอจะรู้ว่าอีกไม่นานเขาต้องโดนแบบทบต้นทบดอกแน่ แต่จะให้ทำไงได้นอกจากก้มหน้ายอมรับผิด ก็คนมันผิดเต็มๆ เลยนี่หว่า หาข้อแก้ตัวไม่ได้เลย

ทั้งคู่มาถึงมหา’ลัยแบบฉิวเฉียด

ชั่วโมงสุดท้ายของการเรียนการสอนค่อยๆ ผ่านไปกับภาพดอกเตอร์เมฆที่วันนี้ไม่เนี้ยบเอาซะเลย ผมเผ้าเรียบแปร้ เสื้อเชิ้ตก็ยับ เป็นภาพที่แปลกตากระนั้นสาวๆ ก็ยังแอบกรี๊ดกร๊าดกับลุคใหม่ที่ไม่เคยเห็น

แพทเหลือบมองสาวๆ กลุ่มนั้นบ่อยครั้ง อยากประกาศออกไปใจจะขาดว่าคนนี้ของเขา แต่ด้วยสถานะตอนนี้ก็ทำให้จำใจต้องข่มความห้าวหาญบ้าบิ่นทั้งหมดเอาไว้

“ดอกเตอร์ รอบนี้ก็ไม่เก็งข้อสอบเหรอ” ใครซักคนยกมือถามตอนท้ายชั่วโมงเรียนทั้งที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากลองเสี่ยง

“มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ”

“กลางภาคพวกเราก็มั่นใจแต่คะแนนก็ไม่ค่อยดี”

ถึงจะไม่แสดงความรู้สึกออกทางสีหน้าแต่แพทก็มั่นใจเหลือเกินว่าดอกเตอร์เมฆกำลังทุกข์ใจ เขาพูดเสมอว่าการที่นักศึกษาทำข้อสอบไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าการสอนของเขาล้มเหลว ดอกเตอร์เมฆพยายามเป็นอย่างมาก ข้อนั้นแพทรู้ดี แต่นักศึกษาครึ่งร้อย ต่างคนต่างที่มา ระดับการจดจำและเรียนรู้ก็ต่างกัน จึงเป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะสามารถเข้าใจบทเรียนไปพร้อมๆ กัน

“การที่พวกเราทำข้อสอบไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าดอกเตอร์สอนไม่ได้นะครับ” แพทยกมือแล้วลุกขึ้นว่าด้วยน้ำเสียงฉะฉาน

“ผมรู้น่า” ดอกเตอร์เมฆสวนกลับด้วยท่าทางไม่ยี่หระ

“แต่พวกเราก็อยากให้ดอกเตอร์เข้าใจด้วยว่าระดับมันสมองของพวกเรามันไม่เท่ากัน ถ้าดอกเตอร์จะกรุณาเก็งข้อสอบให้เราซักหน่อยจะถือเป็นบุญคุณมากเลยนะ”

“พวกเธอนี่นะ” ถึงจะไม่อยากให้แต่เมื่อมองตาที่กำลังขอร้องอ้อนวอนก็จำต้องใจอ่อน

มินนึกโกรธตัวเองไม่น้อย ทั้งที่ใจแข็งมาทั้งเทอมแล้วแท้ๆ แต่กลับมาตกม้าตายเอาตอนจบ

“ก็ได้ เดี๋ยวผมฝากภัทรดนัยมาก็แล้วกัน”

“ดอกเตอร์เนี่ยทั้งหล่อทั้งใจดีเลย” หนึ่งในสาวๆ กลุ่มที่ดูเหมือนจะชื่นชอบดอกเตอร์เมฆเป็นพิเศษเอ่ยขึ้น

และอีกคนก็ว่าตาม “จนจะจบเทอมแล้วพวกเรายังไม่มีเบอร์ดอกเตอร์เลย ไม่คิดจะให้ไว้หน่อยเหรอคะ”

“เบอร์โต๊ะไงครับ ถ้ามีปัญหาโทรไปที่โต๊ะได้ตลอดเลย”

แพทถึงกับหัวเราะหึออกมาอย่างสะใจ

ดอกเตอร์เมฆเนี่ย ถ้าพูดถึงเรื่องความรักล่ะก็ช่างเป็นเด็กน้อยที่อ่อนหัดซะจริง ผู้หญิงเขาอ่อยยังไม่รู้ตัวอีก













ถามว่าเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำไปเมื่อตอนกลางวันมากน้อยแค่ไหน บอกเลยว่ามาก

แพทฟุบหน้าลงบนคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊ก นึกโกรธตัวเองที่ออกตัวแรงขอให้ดอกเตอร์เก็งข้อสอบให้เพื่อนทั้งคลาส แล้วยังไงล่ะ กรรมตามทันแบบติดจรวดเลย

เมื่อค่ำ ตอนที่มาส่งที่คอนโดแล้วพี่มินชวนขึ้นห้องก็ดีใจอยู่หรอก แต่ปล่อยให้ดีใจไม่นานก็โยนสมุดบันทึกเล่มเล็กมาพร้อมยกโน๊ตบุ๊กมาวางตรงหน้า 1 เครื่อง แล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ว่า...

ออกตัวแรงนักก็รับผิดชอบซะ

การต้องมานั่งอ่านสรุปบทเรียนในสมุดบันทึกของดอกเตอร์เมฆแล้วพิมพ์ใหม่เนี่ยมันไม่สนุกเลย ให้ตายเถอะ ขอเครื่องย้อนเวลาหน่อยสิโดราเอม่อนนนนนน!

“ไงคนเก่ง ไหวมั้ยครับ” แพทหันขวับไปมองเมื่อได้ยินคำพูดประชดประชันและก็พบกับรอยยิ้มกวนๆ ที่เขาไม่ค่อยได้เห็นนัก

จะว่าอย่างไรดี ก็ดีใจอยู่หรอกที่ได้เห็นพี่มินด้านอื่นบ้าง แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่แพทกำลังเหนื่อยสายตัวแทบขาดแบบนี้สิ

“ถ้าตอบว่าไม่ไหว อาจารย์จะช่วยผมมั้ย”

“คุณเป็นคนขอเองนะภัทรดนัย”

“แต่ผมก็ไม่คิดว่า...” แพทมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความละเหี่ยใจ พูดอะไรไม่ออกซักคำ

“ผลของการพูดไม่คิดก็เป็นแบบนี้แหละ”

“ผมคิดนะอาจารย์ ตอนกลางภาคเพื่อนๆ พยายามกันมากเลย แต่ผลสอบก็ออกมาอย่างที่เห็น วิชาอาจารย์หน่วยกิตเยอะด้วย ถ้าได้เกรดน้อยก็แย่เลย”

“คิดดีนะ พยายามเข้าล่ะ”

“อาจารย์”

“อะไร”

“ไม่คิดจะช่วยเหรอ”

“ช่วยอะไร”

“นวดไหล่ให้หน่อย เมื่อยมากเลย”

“กำลังใช้ใครเนี่ย”

“แฟน”

“ใครเป็นแฟนคุณ”

“อาจารย์ไม่รักผมเหรอ”

“ต้องรักด้วยเหรอ”

“ไม่รักแล้วทำไมถึงยอมจูบล่ะ”

“ไม่รู้สิ”

“ผมจะทำให้อาจารย์รู้ เดี๋ยวนี้เลย” แพทว่าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทั้งที่ขนาดตัวก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่แต่แพทที่อยู่ตรงหน้ากลับให้ความรู้สึกว่าเขาตัวใหญ่และน่าหวาดหวั่น อาจจะเพราะสายตาและท่าทีคุกคามนั้นล่ะมั้ง

ไม่ได้การล่ะ สัญชาติญาณร้องเตือนให้มินก้าวถอยหลังขณะที่อีกฝ่ายก้าวตามมาอย่างไม่ยี่หระ

ถึงแม้จะรู้สึกกลัวอยู่หน่อยๆ แต่มินก็ไม่ยอมละสายตาจากแพทเลย อย่างไรเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่าจะยอมให้เด็กมาข่มขู่ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน

แต่แล้วชีวิตก็เดินมาถึงทางตันเมื่อสะโพกชนเข้ากับหลังโซฟา แพทไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหนีได้อีก เขาก้าวเข้ามาประชิดตัว ใช้แขนแกร่งโอบรอบเอวเจ้าของห้องเอาไว้ ขายาวข้างหนึ่งวางอยู่ระหว่างขาของมินในลักษณะชวนหวาดเสียว

“แค่นี้ก็หนีไม่รอดแล้ว”

“แพท”

“ครับ”

“กลับไปทำงาน” ทั้งที่ออกคำสั่งเต็มเสียงแต่ท่าทางของแพทกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิด แถมยังดูเหมือนจะรุกเร้ากันมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ

ขาข้างที่วางอยู่ระหว่างขาขยับเข้ามาจนต้นขาสัมผัสกันด้วยความตั้งใจของคนเด็กกว่า

พี่มินในยามที่กำลังหวาดหวั่นแต่พยายามซ่อนเอาไว้นี่น่าแกล้งอย่าบอกใครเชียว

แพทแอบยิ้มให้กับท่าทีน่ารักโดยธรรมชาติของอีกฝ่ายแล้วโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ กระซิบเสียงแผ่วชวนสยิว

“บอกแล้วไงว่าผมจะทำให้อาจารย์รู้ว่าทำไมถึงยอมให้ผมจูบ”

“ไม่อยากรู้ซักหน่อย”

“ผมอยากให้อาจารย์รู้นี่นา”

“ผม...”

“อาจารย์ รักนะ รักที่สุดเลย”



[TBC.]



เนี่ย พวกเธอก็มองพี่มินในแง่ร้ายเกินไป เขาตีน้องที่ไหน ไม่เลยซักนิดเห็นป่าว



#คุณครูพี่มิน



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 19 {Up.161118}
«ตอบ #85 เมื่อ16-11-2018 17:42:41 »

พี่แพทบอกรักแบบนี้ ชักเป็นห่วงแนวข้อสอบเสียแล้วซิ  :hao4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 19 {Up.161118}
«ตอบ #86 เมื่อ16-11-2018 19:05:41 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ี่แพทเป็นผู้ใหญ่แล้ว  พี่มินก็ลดการ์ดลงแล้ว

รอฉากอัศจรรย์  อิอิ

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 20 {Up.231118}
«ตอบ #87 เมื่อ23-11-2018 17:01:40 »

คุณครูพี่มิน 20



ท่าทางขัดขืนเปลี่ยนเป็นขัดเขินเมื่อได้ยินคำว่ารัก

ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกบอกรักแท้ๆ แต่กลับไม่ชินกับมันซักที

มินกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อแพทใช้นิ้วเรียวลูบไล้ปลายคางของเขาระเรื่อยลงมายังลำคอ ทุกพื้นที่ที่ถูกสัมผัสร้อนผ่าวราวกับว่าปลายนิ้วนั้นถูกฉาบด้วนเปลวไฟอ่อนๆ

ในความเงียบที่เหมือนทั้งโลกนี้มีเพียงพวกเขา ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระดุมเสื้อนอนหลุดจากรังดุมดังฉึบ

ราวกับว่าร่างกายถูกตรึงเอาไว้ด้วยสายตาที่จับจ้องกันไม่ว่างตา

ทั้งที่จะปัดมือแพทที่กำลังยุ่มย่ามอยู่กับรังดุมออกก็ได้แต่มินกลับไม่ทำ

กระทั่งกระดุมหลุดออกทั้งแถว สาบเสื้อถูกแยกออกเผยผิวขาวละเอียดแม้มองด้วยตาเปล่า มินก็ยังทำเพียงแค่มองแพทเฉยๆ

หัวใจในอกซ้ายเต้นอย่างบ้าระห่ำ ถ้าพี่มินไม่หยุดแพทตอนนี้มีหวังเรื่องได้เลยเถิดแน่

แพทวางมือลงบนเอวเปลือยเปล่า ค้างไว้อย่างนั้นขณะมองเข้าไปดวงตาอีกฝ่าย

พี่มินยามนี้น่ารักมาก แก้มแดงปลั่งเหมือนลูกมะเขือเทศ แววตาคู่สวยสั่นระริก ลมหายใจที่ผ่อนออกมาถี่กระชั้น แผ่นอกสะท้อนขึ้นลง ภาพตรงหน้าสวยงามยิ่งกว่าประติมากรรมชิ้นไหนๆ

ก็เป็นซะแบบนี้ใครมันจะไปห้ามใจไหววะ

“อาจารย์จะไม่ห้ามผมหน่อยเหรอ”

“ปล่อยสิ” ห้ามก็จริงแต่น้ำเสียงไม่มีพลังซักนิดใครมันจะไปกลัว

และท่าทางห้ามปรามไม่จริงจังนั้นก็ยิ่งทำให้แพทย่ามใจ

มือที่วางอยู่เฉยๆ บนเอวเริ่มเคลื่อนไหว ร่างกายของมินสะท้านน้อยๆ เมื่อหน้าท้องและแผ่นอกเปลือยเปล่าถูกสัมผัส ลมหายใจของแพทรินรดอยู่แถวๆ ซอกคอ ทุกการกระทำทำให้ขนอ่อนทั้งกายรวมใจกันลุก หัวใจก็เต้นแรงขึ้นอีกอย่างน่าหวาดกลัว

“ผิวอาจารย์ละเอียดเหมือนผิวเด็กเลย”

อยากถามว่าเคยสัมผัสผิวเด็กที่ไหนถึงได้พูดเหมือนรู้แต่ยังไม่ได้เอ่ยคำใดก็ต้องร้องออกมาเมื่อแพทขบลาดไหล่เปลือยเปล่าแล้วเม้มด้วยริมฝีปาก

สัมผัสที่ไม่เคยพานพบทำให้รู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย

“แพทเดี๋ยวก็เป็นรอยหรอก”

“ห้ามให้มันจริงจังกว่านี้หน่อยสิครับอาจารย์” คำว่าอาจารย์ถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเส่านิดๆ ให้คนเป็นอาจารย์ใจอ่อนยวบ

แพทที่อยู่ตรงหน้าไม่เหลือเค้าโครงของเด็กน้อยที่เขาเคยรู้จักเลย กระทั่งแววตาก็เปลี่ยนไป

และอดีตเด็กที่เขาเคยเอ็นดูเมื่อก่อนก็กำลังมองดอกเตอร์เมฆด้วยสายตาเอ็นดู

ไม่คิดเลยว่าการถูกคนเด็กกว่ามองด้วยสายตาเหมือนต้องการกลืนกินมันจะทำให้รู้สึกวูบวาบหวิวไหวได้ขนาดนี้

ทุกคำห้ามปรามไม่ได้รับสิทธิ์ให้ถูกเปล่งออกมาเมื่อริมฝีปากอิ่มถูกปิดด้วยอวัยวะเดียวกัน ความนุ่มหยุ่นแนบลงมาเมื่อปลายคางถูกเชยขึ้น แขนที่โอบรอบเอวกอดกระชับให้ร่างกายเบียดชิดจนกลางกายสัมผัสกับต้นขาของคนที่กำลังละเลียดชิมริมฝีปากกันราวกับว่ามันคือของหวาน

ใช่หวาน หวานมาก อาจเพราะใช้หัวใจนำทางถึงได้รู้สึกว่าริมฝีปากของพี่มินนุ่มและหวานเหมือนมาชเมลโล ให้กินทั้งชาติก็ไม่มีทางเบื่อ

มินไม่ได้ปฏิเสธจูบของแพท ซ้ำยังยอมเปิดริมฝีปากง่ายๆ เมื่ออีกฝ่ายพยายามบุกรุกเข้ามาภายใน

ทันทีที่ปลายลิ้นชื้นๆ สัมผัสกันก็รู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าชนิดพิเศษวิ่งไปทั่วร่างกาย

ร่างของมินสั่นสะท้าน มือที่ยันอกอีกฝ่ายไว้ก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นโอบรอบคอ สอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มแล้วดันให้ใบหน้าเข้ามาใกล้ชิดจนจมูกเบียดกัน

ลมหายใจอุ่นๆ หลอมรวมเป็นหนึ่ง เช่นเดียวกับเรียวริมฝีปากที่บดเบียด

ในห้องเงียบๆ มีเพียงเสียงหอบคล้ายคนที่วิ่งมาในระยะไกล แต่ไม่ใช่เช่นนั้น ที่มินหอบหนักขนาดนี้ก็เพราะแพทคนเดียวเลย

“อาจารย์น่ารักมากเลย” แพทว่าเสียงอ้อนก่อนเสยผมที่ปรกหน้าผากออกแล้วบรรจงแนบจูบลงไป

มือเรียวก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เขาใช้มันลูบไล้ไหล่ของคนที่ตอนนี้หย่อนก้นลงบนพนักโซฟา เงยหน้ามองมาด้วยสายตาเชื่อมปรอย

ให้ตายเถอะพี่มิน ตอนแรกคิดว่าแค่จูบก็น่าจะเพียงพอให้อีกฝ่ายยอมรับความในใจแล้วเอ่ยคำว่ารักบ้าง แต่ตอนนี้แพทคิดว่าแค่นั้นไม่น่าจะพอแล้ว

แพทโน้มใบหน้าเข้ามาอีกอย่างชะล่าใจ คิดว่าอย่างไรคืนนี้คงไม่พ้นจบลงบนเตียง แต่ฝันก็ต้องสลายลงต่อหน้าต่อตาเมื่อคนที่เมื่อครู่ยังเคลิบเคลิ้มอยู่ยกมือขึ้นมายันบนอกบอกด้วยการกระทำว่า ‘หยุดได้แล้ว’

และถึงแม้ว่าไม่อยากหยุดแต่ก็ไม่อยากดันทุรังเสี่ยงกับการถูกพี่มินเกลียดเอา

แพทผละออกมาอย่างว่าง่าย มองมินที่กำลังติดกระดุมด้วยมืออันสั่นเทา ใบหน้าสวยก้มมองพื้นไม่แม้แต่จะมองมาที่เขาด้วยซ้ำ

คิดว่าคงกำลังเขินล่ะมั้ง

ใช่แหละ มินกำลังเขินมาก  พอได้สติถึงตระหนักว่าการกระทำเมื่อครู่มันน่าอายมากแค่ไหน และยิ่งในยามที่พวกเขาอยู่ในสถานะอาจารย์กับศิษย์ก็ยิ่งไม่ควรทำ

แต่ถ้าสอบเสร็จ สถานะเปลี่ยนนั่นก็อีกเรื่อง

มินสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อแพทจับมือเขาที่กำลังติดกระดุมออกไปแล้วเป็นฝ่ายช่วยติดซะเอง

“แพทเป็นคนถอด แพทก็ต้องรับผิดชอบสิครับ”

“รับผิดชอบอะไร”

“ทุกอย่างเลย ทั้งเรื่องถอดเสื้อ ทั้งเรื่องรอยตรงนี้” นิ้วเรียวลูบลงบนร่องรอยสีจางที่เขาวาดเอาไว้ด้วยลิ้น “หรือแม้กระทั่งจูบเมื่อกี้”

“แล้วถ้าผมไม่อยากให้รับผิดชอบล่ะ”

“ไม่หรอก พี่มินเต็มใจให้แพทรับผิดชอบอยู่แล้ว”

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว”

“ไม่มีใครจูบกับคนที่ตัวเองไม่ชอบหรอกครับอาจารย์” แพทกระซิบชิดหูพร้อมๆ กับติดกระดุมเม็ดสุดท้าย

อย่างนั้นเหรอ

มินไม่ปฏิเสธเลยว่าเขาชอบแพทมากแค่ไหน แต่เพราะเลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กทั้งที่ชอบขนาดนั้นแท้ๆ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเลย

“อาจารย์เนี่ยวิเศษมากเลยนะ”

“หืม” มินเลิกคิ้วเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ อีกอย่างตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครชมเขาว่าวิเศษเลยซักครั้ง ก็แหงล่ะ นี่ดอกเตอร์เมฆนะไม่ใช่แฮร์รี่พอตเตอร์ซักหน่อย

“พอได้จูบอาจารย์แล้วก็มีแรงพิมพ์งานทันทีเลยอะ”

“เวอร์เชียว”

“ไม่เวอร์หรอก อาจารย์ไปนอนเถอะ ถ้าแพทหมดพลังอีกเมื่อไหร่จะไปขอเติมนะ”

หมายถึงจูบน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ













ทำข้อสอบวิชาของดอกเตอร์เมฆได้ทุกข้อเลย ขอรางวัลหน่อย

มินอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเมื่อครู่นี้

“มีความสุขเชียว” เห็นเพื่อนมีความสุขต๊อดก็ขอใส่ใจหน่อย “สรุปมึงกับไอ้แพทคบกันแล้วเหรอ”

“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย” มินว่าพลางปิดหน้าจอแล้วเก็บมือถือให้พ้นสายตาคนที่ถึงแม้จะคุยกันแต่กลับเอาแต่จ้องมือถือไม่วางตา

“เพื่อนๆ เม้าท์กันในกลุ่มไลน์ว่าไข่มุกมีลูกแล้วจริงๆ เห็นบอกว่าเป็นซิงเกิ้ลมัมด้วยนะ”

“ใครเป็นคนพูด”

“ก็เพื่อนผู้หญิงอะแหละ ทำไมมึงดูไม่ตกใจเลย รู้อยู่แล้วเหรอ”

“เปล่า” มินตอบไม่เต็มเสียง

“ไอ้มิน มึงโกหกไม่เนียน นี่มึงแอบติดต่อกับไข่มุกมาตลอดเลยเหรอ หรือว่าเด็กนั่น...” ต๊อดไม่อยากจะคิดแต่เมื่อเห็นพฤติกรรมของเพื่อนแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ามินอาจจะเป็นพ่อของลูกไข่มุก และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงไม่อยากคิดเลยว่าแพทจะเสียใจแค่ไหน

“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอกน่า”

“แล้วมันยังไงล่ะ”

“มันเรื่องส่วนตัวของไข่มุกนะ ถ้าพวกมึงไม่รู้จากปากเจ้าตัวนั่นก็แปลว่าเขาไม่อยากให้รู้”

“แต่กูอยากเสือกนี่นา”

“ไปเสือกเรื่องแฟนมึงโน่นเลย”

“ช่างแม่ง เห็นงานดีกว่ากู” ต๊อดหงอยเหมือนไก่เหงาเมื่อพูดถึงแฟน และมินก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงผิดนัดมันอีกแล้ว “มึงแหละอย่าเปลี่ยนเรื่อง เล่าให้กูฟังเหอะ รับรองกูจะเหยียบให้มิด”

“เหยียบให้แซดล่ะสิ”

“ไม่เชื่อใจกูเลยอะ”

“เพราะกูรักมึงไงกูเลยไม่เล่า เพราะถ้ามึงรู้ ปากอย่างมึงน่ะรับรองว่าทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับกูไม่ได้ชัวร์” ต๊อดไม่พอใจนัก แต่ก็แอบเห็นด้วยอยู่นิดๆ ต๊อดน่ะเกรงใจมินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“งั้นกูอยากรู้เรื่องของมึงได้มั้ยล่ะ”

“มึงนี่นะ” มินได้แต่ส่ายหน้าให้กับความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่มีสิ้นสุดของเพื่อนสนิทตน

“กูมันขี้เสือกไง”

“อือ ไอ้คนขี้เสือก” ในเมื่อต๊อดมั่นอกมั่นใจในความขี้เสือกของตนขนาดนั้นมินก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องคัดค้าน

“ว่าแต่ดอกเตอร์เถอะ ใกล้จะปิดเทอมแล้วมีแพลนไปเที่ยวไหนป่าววะ”

“ทำไม มึงจะชวนกูเที่ยวเหรอ”

“ไปมั้ยล่ะ แต่มึงออกค่าเที่ยวนะ”

“ขี้งกฉิบหายไอ้ต๊อด”

“ช่วงนี้กิจการไม่ค่อยดีเลยว่ะ เพราะตำรวจปราบพวกเด็กแว้นซ์มั้ง” พอพูดเรื่องงานน้ำเสียงขี้เล่นในคราแรกก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง กระทั่งสีหน้าต๊อดก็เคร่งเครียดขึ้นมาอย่างที่ไม่ค่อยแสดงให้เห็นง่ายๆ

“กูไม่รู้จะรู้สึกยังไงเลยว่ะ”

“กูเสียใจอะ มึงเป็นเพื่อนกูก็ต้องเสียใจไปด้วยกันสิ”

“แต่ตำรวจปราบเด็กแว้นซ์ก็ดีแล้ว”

“มึงไม่ใช่เพื่อนตาย”

“กูยังมีชีวิตอยู่”

“กวนตีนว่ะดอกเตอร์”

“เหมือนมึงอะ”

“ไอ้ดอกเตอร์ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้วะ” ต๊อดคร่ำครวญ

“เพราะกูเป็นเพื่อนมึงไง” มินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกับต๊อดสกีลการกวนตีนของเขาจะอยู่ในระดับไหน แต่ก็ช่างเถอะ ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีแล้ว

“อาจารย์อยู่นี่เอง ทำไมไม่ตอบข้อความแพทล่ะ ต๊อดยึดมือถือเหรอ” ขณะที่กำลังคุยกันเรื่อยเปื่อย แพทก็โผล่เข้ามา

“หวยออกที่กูอีกแล้ว” ต๊อดน่ะเครียดได้ไม่นานหรอก

“แพทล้อเล่นน่าต๊อด หิวข้าวอะ อาจารย์ไปกินข้าวกัน” สนใจต๊อดแค่ชั่วแวบเท่านั้นก่อนจะหันมาส่งสายตาอ้อนชวนมินไปกินข้าว

“กูก็นั่งอยู่นี่ทั้งคนนะ”

“แพทเลี้ยงก็ได้ อาจารย์คนเดียวแพทเลี้ยงไหว”

“แล้วกูล่ะ”

“หมาที่ไหนมาเห่าอยู่แถวนี้”

“ไอ้เหี้ยแพทคราวหน้าลำบากแค่ไหนก็อย่ามาขอให้กูช่วยนะ” ต๊อดกอดอกทำท่าแสนงอนเหมือนเด็กๆ ให้แขกทั้งคู่หลุดขำออกมา

“แพทล้อเล่นน่าต๊อด ต๊อดน่ะน่ารักที่สุดในโลกเลย ในโลกของพี่เมี่ยงอะนะ”

เห็นทีว่าถ้าไม่รีบห้ามทั้งคู่คงไม่หยุดทะเลาะกันเป็นเด็กง่ายๆ แน่ ดังนั้นมินจึงรีบห้ามทัพ “พอแล้วทั้งคู่ เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้ ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินกันสองคนละกัน ต้องกลับไปทำงานแล้ว”

“อ้าว เย็นแล้วทำงานอะไร”

“ตรวจข้อสอบไง ต้องรีบส่งเกรด”

“ไปกินข้าวด้วยกันก่อนสิ” กระนั้นแพทก็ยังไม่ละความพยายาม อย่างน้อยก่อนไปลุยงานก็ควรจะเติมพลังซะก่อน

ในฐานะนักศึกษา นี่อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่แพทช่วยดอกเตอร์เมฆได้

“ไม่ล่ะ แพทก็ไปพักผ่อนนะ เหนื่อยมาหลายวันแล้ว”

“ไปรักกันไกลๆ เลยไปพวกมึง” ต๊อดว่าอย่างหมั่นไส้ก่อนฝากฝังให้หนึ่งในแขกซักคนช่วยล็อคบ้านให้ด้วยขณะเจ้าของบ้านหนีขึ้นบ้านไปแล้ว

“เป็นอะไรของเขาน่ะ”

“งอนพี่เมี่ยงมั้ง”

“ถ้าพี่มินคบกับแพท แพทจะไม่ทำให้พี่มินเสียใจเลย”

“จำคำตัวเองไว้ดีๆ ล่ะ ฝากปิดบ้านให้ต๊อดด้วย”

คำของมินน่ะเหมือนจะไม่มีความหมายพิเศษอะไร แต่สำหรับแพทแล้วคำนั้นทำให้ความเหนื่อยตลอดหลายสัปดาห์ระหว่างเตรียมสอบปลายภาคหายไปจนสิ้น

คนเราเนี่ย แม้กระทั้งตอนทำตัวคูลๆ ยังน่ารักได้อีกเหรอ













ถึงแม้ว่าพี่มินจะบอกให้แพทที่เหนื่อยมาทั้งวันกลับบ้านมาพักผ่อน แต่ถึงจะพยายามข่มตาแค่ไหนก็นอนไม่หลับอยู่ดี

สุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

นาฬิกาบนหน้าจอมือถือบอกเวลาตี 3 บรรยากาศโดยทั่วไปวังเวงจนน่ากลัว แต่นั่นก็ไม่สามารถเขย่าขวัญคนที่อยู่คนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรอย่างแพทได้

แพทนั่งจ้องมือถือตัวเองขณะกำลังนึกถึงอีกคน

ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่มินจะยังทำงานอยู่ไหม แต่ก็คงทำงานอยู่นั่นแหละ คนนั้นน่ะบ้างานจะตาย

โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นครืดให้คนที่นั่งเอนหลังพักสายตาจากการตรวจข้อสอบลืมตาขึ้นมา ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ดอกเตอร์เมฆเผยรอยยิ้ม

แน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน

“มีอะไร ดึกดื่นแล้วไม่นอน”

“พอคิดว่าพี่มินทำงานอยู่แพทก็นอนไม่หลับ”

“ก็ไม่ต้องคิดสิ”

“ได้ไงอะ แล้วนี่ยังทำงานอยู่เหรอ”

“ทำอยู่ครับ”

“จะโต้รุ้ง?”

“ก็ต้องรีบอะ”

“กลับบ้านไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาตรวจต่อก็ได้นี่ เดี๋ยวแพทไปรับ ดึกขนาดนี้ไม่ให้ขับรถเองนะ”

“อย่าขี่มอเตอร์ไซค์มานะ”

“อือ รับทราบครับ เดี๋ยวแพทนั่งแท็กซี่ไปนะ”

“มาถึงแล้วโทรมา”

แพทไม่วางสายด้วยซ้ำ เขากำมือถือเอาไว้ คว้ากระเป๋าตังค์แล้ววิ่งตาหลีตาเหลือกออกจากบ้านมาไม่คิดแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งที่ไม่รีบก็ได้อย่างไรพี่มินก็ไม่หายไปไหนแต่พอคิดว่าอีกฝ่ายกำลังรอเขาอยู่ก็คิดแค่ว่าต้องไปถึงให้เร็วที่สุด

มินนั่งมองมือถือที่ยังไม่วางสาย ในห้องทำงานที่ปราศจากใครอื่นเจ้าของห้องจึงเปิดลำโพงแล้ววางมันลงบนโต๊ะ ฟังเสียงบรรยากาศรอบตัวของคนที่กำลังเร่งรีบมาหาเขาที่มหาวิทยาลัยในเวลาตี 3

แค่ฟังก็รู้เลยว่าแพทกำลังวิ่ง วิ่งมาได้ซักพักคงถึงถนนใหญ่มั้งได้ยินเสียงรถดังมา ซักพักเจ้าตัวก็บอกจุดหมายปลายทางกับแท็กซี่ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ

มินขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ก็ยอมรับว่าแพทโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ แต่พอบทจะสะเพร่าก็เหมือนเด็กน้อยสุดๆ เลย

แพทยังคงถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือขณะพิงหลังกับเบาะ ทอดสายตามองออกไปข้างนอกด้วยใจอันร้อนรน

อยากเจอพี่มินเดี๋ยวนี้เลย แต่เดี๋ยวนะ ในตอนนั้นที่รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ

เขาเอามือถือแนบหูแล้วกรอกเสียงลงไป “พี่มินยังอยู่เหรอ”

มินหลุดขำเมื่อแพทเอ่ยถาม

“แล้วทำไมเธอไม่วางสายล่ะ”

“ก็แพท แพทรีบอะ”

“เด็กน้อย”

“พูดไปเถอะ”

“ทำไม”

“เดี๋ยวจะพิสูจน์ให้ดูว่าไม่เด็กแล้ว”

“ยังไง”

“คืนนี้เลยมั้ยล่ะ”

“วางสายแล้วนะ”

“เขินเหรอ”

“เปล่า” ซะเมื่อไหร่ มินในตอนนี้น่ะรู้ตัวเองเลยว่าหน้าเขาต้องแดงมากแน่ แต่กระนั้นก็ไม่คิดจะยอมรับกับแพทหรอก “จะทำงานต่อ”

“นั่งรอแพทเฉยๆ ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องทำงานรอด้วยล่ะ”

“ทำค่าเวลาไปงั้นแหละ”

“คิดถึงแพทค่าเวลาไปสิ”

เอางั้นเหรอ แต่ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจทีเดียวแหละ

มินตัดสินใจวางปากกาลงแล้วปิดคอมพิวเตอร์ เก็บข้าวของไว้รอเผื่อว่าแพทมาถึงแล้วจะได้กลับกันเลย ที่จริงเขาเองก็เหนื่อยมาก คิดว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ยังมีแพท คนที่ถึงแม้จะไม่บอกความต้องการก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าต้องดูแลเขาอย่างไร

ให้คิดถึงแพทค่าเวลาอย่างนั้นเหรอ

ที่จริงก็คิดถึงตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะน่า

คิดถึงตลอดมา ไม่มีวันไหนไม่คิดถึงเลย จากความคิดถึง ความห่วงใย ความเอ็นดูก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่น ความรู้สึกที่เรียกว่ารัก











บนทางเดินเท้าที่ทอดยาวจากหน้าหมู่บ้านเข้าไปยังบ้านพี่แพท เด็กน้อยยิ้มสดใสแข่งกับท้องฟ้ายามค่ำของฤดูร้อนที่ยังมีแสงอาทิตย์สาดส่อง

“อารมณ์ดีอะไรครับ” มองหน้าเด็กน้อยแล้วก็อดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้เลย

“พี่แพทมีความสุข”

“มีความสุขเรื่องอะไร”

“ก็มีความสุขที่ได้จับมือคุงคูพี่มิงไง” น้องตอบพลางยกมือที่กอบกุมกันขึ้นมาในระดับสายตา

“หือ ก็จับทุกวันอยู่แล้วนี่”

“ก็มีความสุขทุกวังเลย”

“ปากหวานเชียว อยากได้อะไร”

“ไม่ได้อยากได้อะไรนะ แค่คุงคูพี่มิงอยู่กับพี่แพททุกๆ วังก็มีความสุขแล้ว”

“แอบดูทีวีอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย” แพทเป็นเด็กช่างเจรจาเพราะดูทีวีเยอะ แต่หลังๆ มินไม่ให้ดูแล้ว

“รู้ได้ไง ใครฟ้อง”

“ไม่มีใครฟ้องทั้งนั้น แล้วดูเรื่องอะไรครับ”

“พี่แพทไม่รู้ รู้แต่ว่าคงที่เค้ารักกังน่ะเค้าจับมือกังนะ คุงแม่บอกว่าเค้าเป็นแฟงกัง คุงคูพี่มิงเป็นแฟงพี่แพทป่าว”

“ตัวแค่นี้อยากมีแฟนแล้วเหรอ”

“ทำไมอะ ขนาดน้องแป้งหอมกับท๊อปแท๊ปยังเป็งแฟงกังเลย สองคงนั้งจูงมือกังไปกิงข้าวทุกวังเลยนะ ก่องนองก็หอมแก้มกังด้วย”

ได้ยินอย่างนั้นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กอะไรทำไมแก่แดดจัง พี่แพทเป็นอย่างเขาหรือเปล่านะ

“แล้วพี่แพทล่ะเคยหอมแก้มใครก่อนนอนมั้ย”

“เคยซี่ เคยโดงหอมแก้มด้วยนะ”

“หืม”

“คุงคูพี่มิงไง จำไม่ได้เหรอ ถ้างั้งคืงนี้หอมเลยนะ แต่ว่าหอมตองนี้ก็ได้นะ” เจ้าเด็กแก่แดดว่าพลางเอียงแก้มมา

“ทำไมต้องหอม”

“ก็เป็งแฟงกังไง จับมือกังแล้ว หอมแก้มกังแล้ว แบบนี้เป็งแฟงกังแล้วชัดๆ เลย”

“ตอนนี้เป็นไม่ได้หรอกนะ”

“ทำไมอะ” คำของคุณครูพี่มินทำให้แพทผิดหวัง

“ต้องตั้งใจเรียนก่อนแล้วค่อยมีแฟน”

“ไม่เอาอะ พี่แพทอยากเป็งแฟงกับคุงคูพี่มิงตอนนี้เลย”

“เป็นเด็กดีหรือเปล่าครับ”

“แล้วถ้าเป็งเด็กดีคุงคูพี่มิงจะยอมเป็งพี่แพทมั้ย” ดวงตากลมลุกวาวทอประกายสดใสอย่างมีความหวัง

“ขอคิดดูก่อน”

“คิดนางแค่ไหน 5 นาทีพอมั้ย”

“โห ให้เวลาน้อยจัง”

“ทำไมอะ ไม่รักพี่แพทเหรอ”

“รักครับ แต่ยังเป็นแฟนไม่ได้นะ เอาไว้โตก่อน”

“โตแค่ไหน โตเท่าคุงคูพี่มิงหรอ”











ลิฟต์เปิดที่ชั้นหนึ่งและพอประตูเปิดออกก็พบว่าแพทยืนรออยู่แล้ว พอมองเห็นกันแพทก็รีบปรี่เข้ามาแย่งของในมือไปถือหมด

“ไม่ไหวก็ยังฝืนอยู่นั่นแหละ” ท่าทางอ่อนแรง ดวงตาที่คล้ายจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ทำให้แพทอดห่วงไม่ได้จริงๆ ถ้าเขาไม่มาล่ะก็พี่มินต้องวูบหลับคาโต๊ะอย่างแน่นอน

“ขี้บ่นจัง”

“เป็นห่วงไง”

“ไหวน่า นี่ก็หลับไปหลายงีบแล้ว”

“ขี้โกง”

“อะไร”

“แพทนอนไม่หลับเลย”

“ใครไปถ่างตาเธอไว้”

“เป็นห่วงพี่มินนี่นา”

คำว่าเป็นห่วงที่ถูกเอ่ยออกมาจากใจจริงทำให้มินหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดิน แพทเองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตามมาจึงหยุดเดินบ้างก่อนเอี้ยวตัวกลับมามอง

“ไม่กลับเหรอ”

มินไม่ตอบคำถาม เขายิ้มกว้างเต็มใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่สดใสอย่างที่แพทเคยได้รับเมื่อตอนยังเป็นเด็ก รอยยิ้มที่ช่วยเติมเต็มในช่วงเวลาที่แสนว่างเปล่าของเขา

แพทนิ่งไปเมื่อมือข้างที่ว่างถูกคนอายุมากกว่าจับหมับเข้าให้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายโดยเฉพาะหัวใจ

“พี่มินทำแบบนี้แพทก็เขินแย่สิ”

“เธอทำให้พี่เขินมากกว่าอีก”

“ตอนไหน”

“ทุกตอนนั่นแหละ ตอนนี้ก็ด้วย”

“อะไรเนี่ย ทำตัวน่ารักแบบนี้เดี๋ยวก็จูบซะหรอก”

“ทำตรงนี้ไม่ได้นะ” นั่นหมายความว่าถ้าเป็นที่อื่นก็ทำได้งั้นสินะ



[TBC.]



คนมีความรักมันก็จะตาสว่าง ไม่ยอมหลับยอมนอนแบบนี้แหละ

#คุณครูพี่มิน



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 20 {Up.231118}
«ตอบ #88 เมื่อ23-11-2018 17:44:36 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ เต๊าะกันไปเต๊าะกันมา

เมื่อไรจะ......กันสักทีหล่ะ?

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 20 {Up.231118}
«ตอบ #89 เมื่อ23-11-2018 19:15:31 »

ยอมๆ พี่แพททีเถอะ พี่เขารอมานานแล้วนะ  :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด