บทที่ 1 พ่อม้าย......
หมอชียืนรอลูกสาววัยห้าขวบอยู่หน้าบ้าน
"น้องแต้ววววว.....เสร็จรึยังลูก"
"ยางงงงงงงง" เสียงน้อยตะโกนกลับมา
"ทำอะไรอยู่ลูก......"
"น้องแต้วลืมติดกิ๊บ......" นั่นปะไร ลูกสาวตัวน้อยวิ่งดุกดิกมาหาชูกิ๊บสีเขียวให้ดู
"มาๆ....พ่อติดให้"
".........." น้องแต้วยืนอยู่นิ่งให้พ่อติดกิ๊บให้....
"สวยแล้ว... ไปโรงเรียนได้แล้ว"
ตั้งแต่แม่น้องแต้วจากไป(?) หมอชีก็ทำหน้าทั้งพ่อและแม่แทนอย่างสุดความสามารถ
ทั้งเรื่องทำอาหาร
(เมนูง่ายๆ เช่น ผัดแครอทกับหมูหรือไก่ ต้มซุปแครอท แล้วยังจะสารพัดที่มีสีส้มๆของแครอทอีกมากมาย)
เรื่องงานบ้านต้องยกมือถอยกรูดไปยืนมองเฉยๆ เพราะทำอะไรได้ไม่มาก เนื่องจากตอนนก่อนหน้าจะแต่งงานก็อยู่กับครอบครัว มีคุณแม่ทำให้ตลอด
แต่งงานมาแม่น้องแต้วก็จัดการเสียเสร็จสรรพ
จนตอนนี้หมอชีก็ได้แต่จ้างแม่บ้านมาทำให้ อาทิตย์ละสองวัน
"น้องแต้วตั้งใจเรียนนะลูก... พ่อไปทำงานก่อนนะครับ"
"พ่อต้องตั้งใจทำงานนะ... อย่าอู้ อย่าดื้อ อย่าซนนะคะ" น้องแต้วยืนเท้าเอวบอกคุณพ่อ
"ขอรับท่านลูก....." หมอชียิ้มหน้าบาน... ลูกสาวเขาน่ารักที่ซู๊ดดดด
ใครจะว่าหลงลูกก็ช่าง... ยอมรับเฟร้ย... ฮ่าๆ
เพราะน้องแต้วคือทุกอย่างในชีวิต... เป็นขุมพลังเดียวที่ทำให้เขาเดินต่อไปได้ ในวันที่เศร้าที่สุด
น้องแต้วคือของขวัญที่สำคัญที่สุดในชีวิต
กิจวัตรประจำวันของหมอชีนอกจากเลี้ยงลูกแล้วก็คงเป็นงาน
วันๆเอาแต่ทำงานๆ เงยหน้ามองนาฬิกาเห็นได้เวลาก็พุ่งตัวไปรับลูกสาวมานั่งเล่นที่แล็ปแล้วตัวเองก็ทำงานหกโมงกลับบ้าน
แต่วันก่อนที่ไปเจอเจ้าเด็กโย่งนั่นที่มาร์เก็ตทุกย่างก็เหมือนจะเปลี่ยนไปทีละนิด
อันที่จริงเปลี่ยนไปเยอะเลยหล่ะจากวันนั้น
วันนั้นเป็นวันโลกาวินาศของหมอชี
งานงอกกกกกกกกก
เพราะเครื่องกดยาที่โรงงานเกิดพังและเขาเองก็ต้องอยู่คุยกับช่างที่มากากโรงงานใหญ่
แล้วยังต้องคอยช่วยจนกว่าจะเลร็จ
"หมอไปรับลูกเถอะเดี๋ยวทางนี้ผมดูเอง...." คุณน่านฟ้าหัวหน้าช่างหันมาบอกผม
"เอ่อ....ผม...โทรไปบอกคุณครูน้องแต้วแล้วครับว่าจะไปรับช้าหน่อย" ปากบอกว่าหน่อยแต่สายตาเหลือบไปมองนาฬิกานี่มันจะห้าโมงแล้ว
"ไปเถอะหมอ....เดี๋ยวลูกสาวหมอร้องไห้แย่" คุณน่านดันไหล่หมอชีเบาๆ
"ขอบคุณมากครับ" ผมก้มหัวขอบคุณ คุณน่านหัวเราะแล้วโบกมือว่าไม่ใช่หน้าที่ของผมด้วยซ้ำ
ผมขับรถมาถึงโรงเรียนน้องแต้วเกือบหกโมงแล้ว
"น้องแต้วครับ" น้องแต้วเดินมาหาในมือถือหนังสือนิทานภาพเล่มใหญ่อยู่กับอก
"คุณพ่อ....." น้องแต้ววิ่งเขามาหาผม
"วันนี้คุณพ่อมอมแมมจังเลยค่ะ"
"พ่อซ่อมเครื่องมาน่ะลูก....วันนี้พ่อเป็นซุปเปอร์แด๊ดแปลงร่างเป็นช่างซ่อมมือหนึ่ง" น้องแต้วเอียงคอหัวเราะ
"เก่งจังนะครับ เป็นได้หลายอย่างเชียว" เสียงผู้ชายตัวสูงที่หมอชีจำได้ว่าเป็นเดียวกับที่เจอที่มาร์เก็ต
"...น้องแต้วกลับบ้านเถอะลูก"
"บายนะน้องแต้ว... " ยิ่งเห็นลูกสาวโบกมือกลับหมอชียิ่งอารมณ์เสีย
... เจ้าเด็กโย่งนั่นจะมาวนเวียนอะไรใกล้ๆ
"น้องแต้วอย่าไปยุ่งนะลูกคนบ้าที่ไหนไม่รู้"
"คนบ้าอะไรจะหล่อ จะรวย จะฉลาด จะเก่ง อย่างผม"
"หลงตัวเอง"
"ไม่อยากหลงผมบ้างเหรอ"
"ปัญญาอ่อน"
"เหรอ... แล้วคุณปัญญาแข็งเหรอ"
"โอ๊ย....กวนประสาท" หมอชีจิ๊ปากอย่างขัดใจ
"พ่อขา... พี่ฟ่งไม่ได้บ้าค่ะ... พี่ฟ่งเอาหนังสือนิทานมาให้น้องแต้วอ่านเล่น"
"หลอกเด็ก... น้องแต้วอย่าไปยุ่งนะลูก... ไม่ได้เลยนะ" คนเป็นพ่อทำท่าซีเรียสสอนลูกสาวที่จ้องเขาตาใส แล้วยังมีท่าทางการส่ายหน้าประกอบ
"นี่... เยอะไปแล้ว ผมทำงานอยู่ร้านกาแฟตรงนั้น เป็นเด็กเสิรฟ์" ฟ่งชี้มือไปร้านกาแฟร้านคาแพงตรงข้ามโรงเรียน
"อ่อ... แล้วมายุ่งกับลูกสาวผมทำไม น้องแต้วคุณครูละลูก"
"คุณครูไปเข้าห้องน้ำค่ะ... นั่นไง ครูจ้ามาแล้ว"
"ขอโทษทีค่ะ พอดีจ้าท้องเสีย ขอบคุณมากเลยค่ะคุณฟ่ง" ครูจ้ายกมือไหว้เสียสวย
"ไม่เป็นไรครับ" ฟ่งยิ้มรับ
"ขอบคุณมากนะครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้ลำบาก"
"โอ๊ย... ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ"
"น้องแต้วสวัสดีครูจ้าลูก" น้องแต้วยกมือไหว้พร้อมถอนสายบัวสวยงาม
"สวัสดีค่ะครูจ้า"
ไม่วายหันไปหาคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้วย
"สวัสดีค่ะ พี่ฟ่ง"
"สวัสดีค่ะ เอาไว้อ่านนิทานกันใหม่นะ" คนตัวสูงก้มมาลูบหัวน้องแต้วเบาๆ รอยยิ้มกวนๆกลายเป็นยิ้มอ่อนโยน แถมก่อนมันเดินกลับไปมันยังเหล่เขาเสียอีก
"... ไอ้โย่ง" หมอชีพึมพำ
........................................
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยเน้อ....
สำหรับคนรอ อยากบอกว่ารักนะ(เกี่ยว?ฮ่าๆ)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ