-Special-
After of The Valentine’s Day
ผ่านไปได้สองเดือน...
“ม็อค! มีคนฝากดอกกุหลาบมาให้มึงแน่ะ” เพื่อนรักของผม ไอ ตะโกนบอกมาจากประตูหน้าห้อง เล่นเอาคนอื่นๆที่กำลังเก็บของจะกลับบ้านกันเหลียวมาหาผมเป็นทางเดียว
ผมเหลอหลา รีบลนลานกวาดข้าวของบนโต๊ะยัดลงกระเป๋าแล้วถลาไปหามัน ดอกกุหลาบสีส้มสดใสดอกใหญ่อยู่ในมือไอร์อย่างน่าถนอม
ดอกเดี่ยวดอกใหญ่แบบนี้... เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
“ไมค์ฝากมาน่ะ”
ผมรับดอกไม้สีสวยมาด้วยความเบามือ นึกชื่นชมกลีบบางๆอ่อนสวยนั้นอย่างห้ามใจไม่ไหว ไม่กล้าที่จะสัมผัสลงไปเพราะกลัวมันจะช้ำ
“อ้วกจริง จะขยันเอามาให้มึงอะไรนักนาเนี่ยไอ้ไมค์” ไอว่าพร้อมส่ายหัวปลงๆ “สองเดือน ส่งดอกไม้ส่งขนม แต่ไม่ยอมโผล่หน้ามาหาทั้งที่เรียนคณะเดียวกัน สาขาเดียวกันเนี่ยนะ โคตรพยายามเลย”
ผมไม่ต่อคำพูดของเพื่อน เพราะสายตาความคิดเอาแต่จดจ่อที่ของขวัญแสนสวยนั่นอย่างเดียว ทั้งๆที่ไมค์ก็เอาของพวกนี้มาให้ทุกวี่ทุกวัน แต่ผมกลับไม่ชินสักทีเมื่อได้รับ นึกไม่ถึงว่านับจากการสารภาพรักในวันวาเลนไทน์นั่น แล้วบอกว่าจะขอจีบ ไมค์ก็ดันทำจริงๆเหมือนที่เขาพูด
ถึงเวลาแล้วรึเปล่าที่ผมควรจะมองเห็นค่าความดีของใครสักคนบ้าง...
แต่เขาเสียอย่างเดียว คือเรื่องที่เขาไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นนี่สิ
______________________________________________________________________________________________
“ไมค์!”
“!!!”
ผมมองภาพผู้ชายตัวโตที่สะดุ้งแล้วก็ต้องขำอย่างช่วยไม่ได้
ไมค์หันมาหาผม ใบหน้าใต้ทรงผมฟูๆยุ่งเหยิงแดงน้อยๆ ราวกับเขาเขินจัด ท่าทางอ้ำๆอึ้งๆจนผมนึกสงสารที่ไปแกล้งทักเขาแบบนั้น ทั้งที่รู้ว่าเขากำลังหลบผมอย่างสุดความสามารถ
แต่ผมอยากเห็นหน้าเขามากกว่าข้าวของที่เขาส่งไปให้นี่...
“ทำไมมายืนลับๆล่อๆตรงนี้ล่ะ” ผมถามเขาออกไป แกล้งเดินเข้าไปใกล้จนเห็นชัดว่าสองแก้มเขาแดงก่ำ
“เอ่อ... เปล่านะ กูไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง ก้มหน้ากระแอมกระไอใหญ่เพื่อกลบเกลื่อน
“แล้วทำไมไมค์ต้องหลบหน้าเราด้วยล่ะ ไหนว่าจะจีบไม่ใช่หรอ”
“กูไม่ได้หลบหน้ามึงสักหน่อย...” เขาพูดอุบอิบ เกาท้ายทอยแก้เก้อ “ก็กำลังจีบอยู่นี่ไง”
“โดยส่งข้าวของพวกนั้นไปให้?” ผมถามเสียงสูง “แล้วเมื่อไหร่คนให้ถึงจะโผล่มาให้เห็นล่ะ ถ้าเราไม่รู้ว่าไมค์ชอบมายืนหลบอยู่ตรงนี้ เราก็คงไม่ได้เจอไมค์หรอกใช่รึเปล่า” ผมตัดพ้อออกไป รู้สึกแปลกอยู่เหมือนกันที่รู้ว่าเขาพยายามหลบผม แล้วคอยมองห่างๆแทนที่จะเข้าไปหาตรงๆเหมือนคนอื่นๆ
“กู... เอ่อ... คือว่า...”
“พอเถอะ...” ผมหันหลังให้ อดน้อยใจไม่ได้ว่าเขาไม่อยากเจอ ถึงได้คอยหลบกัน “ถ้าไมค์ไม่อยากเจอ ไม่ได้จริงจัง ก็หยุดส่งดอกไม้ส่งของไปให้เสียที อย่ามาให้ความหวังกันแบบนี้” ผมบอกเขา “เราผิดเองที่คิดว่าไมค์รู้สึกเหมือนเรา ถึงได้ยอมเปิดใจ ถ้าไมค์ลำบากที่จะเจอกับเรามากนักก็หยุดเถอะ เราขอโทษ”
ผมทำท่าจะเดินหนี รู้สึกร้อนๆตรงขอบตาอย่างช่วยไม่ได้ พยายามจะคิดว่าเขาแค่อายเวลาเราเจอกัน แต่เวลาสองเดือนที่เขาเอาแต่หลบทำให้ผมไม่มั่นใจเสียแล้วว่าเขาคิดยังไงกันแน่ ไหนตอนแรกบอกว่าจะจีบ แล้วทำไมถึงไม่พูดไม่อะไรเสียที ปล่อยให้ผมคิดคนเดียวคิดไปเองอยู่ได้ แบบนี้ผมก็เสียใจเป็นนะ
หมับ!
“มึงฟังกูก่อนสิ” เขายึดข้อมือกับต้นแขนผมไว้ ท่าทางร้อนใจทำตัวไม่ค่อยถูก
“มึงพูดอยู่คนเดียวแบบนั้นแล้วจะให้กูพูดตอนไหนได้เล่า” ไมค์ถอนหายใจ ขยับมือมาจับกับมือผมแทน
“ถ้าอย่างนั้นก็พูดเถอะ” ผมบอก “เราไม่อยากให้ไมค์เสียเวลากับคนอย่างเรา”
ไมค์ส่ายหน้าไปมาท่าทางเอือมๆ ก่อนจะจับคางของผมให้เงยหน้าขึ้นไปมองเขาเต็มๆตา
ผมหลบตาวูบ แก้มแดงระเรื่ออย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นสายตาเว้าวอนอ่อนเชื่อมของเขา ไมค์เลิกเขินไปแล้ว กลายเป็นผมแทนที่ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกมือไม้เก้งก้างไปหมดเสียแบบนั้น
“กูจีบใครไม่เป็น แล้วก็เข้าหาคนไม่ค่อยเก่ง...” เขาพูดเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง “กลัวว่าจะเผลอทำตัวแย่ๆให้มึงเสียใจเข้า ก็เลยได้แต่หลบอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอเสียหน่อย... กูอยากเห็นหน้ามึงตลอดเวลาจนแทบบ้าแล้วเนี่ย” ท้ายประโยคเขาทำเสียงละห้อยโหยหา
“ก็กูเขินนี่หว่า...”
มึงเขิน! แต่กูกำลังจะระเบิดตัวตายกลายเป็นโกโก้ครั้นช์เพราะคำพูดมึงแล้วเนี่ย!
หน้าผมไหม้หมดแล้ว!
แล้วก็ดันทำตัวไม่ถูกไปทั้งคู่เสียอย่างนั้น ได้แต่ยืนจับมือกันแล้วเขินแก้มแดงไปมา เหลือบตามองกันทีแก้มก็สุกที เพิ่งจะรู้สึกนี่แหละว่าคนตรงหน้ามันหล่อแล้วออร่าจับเอามากๆเลย
ให้ตายเหอะโรบิ้น! ผมจะทำอะไรต่อไปละเนี่ย! คิดไม่ออกแล้ว!
“เอ่อ...”
“เป็นเมียกูนะ!”
“เฮ้ย!!!”
นี่แหละที่ผมไปไม่เป็นของจริง อะไรกัน? เพิ่งจะจีบกูได้สองเดือนก็จะให้กูข้ามขั้นไปเป็นเมียมึงแล้วเรอะ!
“ไมค์! แต่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำเลยนะ เราเพิ่งเจอไมค์ได้แค่สองเดือนเอง!” ผมรีบบอกหน้าตาตื่น
“เพิ่งเจอกันที่ไหน” ไมค์ทำเสียงฉุนๆขึ้นจมูก เขาขมวดคิ้ว “กูกับมึงรู้จักกันมาตลอดชีวิตแล้ว แค่มึงเลือกที่จะสนใจคนอื่นมากกว่ากูแค่นั้นเอง นึกดีๆสิว่าเคยเจอกูที่ไหน”
ผมตกใจเรื่องที่เขาพูดมาก แต่ก็อดคิดตามไม่ได้ว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ผมก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นเสียงเขามากอยู่นะ แล้วก็ไม่ได้รังเกียจหรือคิดแย่ๆอะไรเลยกับการที่เขาจับตัวผมแบบนี้ ทั้งๆที่คนก่อนๆหน้าเขาผมจะไม่ยอมให้ถึงเนื้อถึงตัวเลยด้วยซ้ำ
ยกเว้นคนฉวยโอกาสแบบไอ้พี่ออยนั่นล่ะ
แล้วผมก็ถึงบางอ้อเมื่อมองเห็นรอยสักเล็กๆหลังหูข้างขวาเขาชัดเจน นึกออกทันทีว่าเขาคือเพื่อนสมัยเด็กของผมนั่นเอง เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตของผมเลย เพราะบ้านเราเคยอยู่ข้างๆกันก่อนที่ผมจะย้ายไปอยู่กับพี่ชาย
รอยสักนั่นเป็นรูปตัว M เล็กๆสองตัวเกี่ยวกัน โดยเล่นลายเส้นอย่างสวยงาม แต่มันก็จางลงไปบ้างแล้วเท่าที่ผมเห็น
ผมนึกถึง ‘ไมค์’ ออกทันที รอยสักนี่ผมก็มีเหมือนกัน แต่เป็นหลังหูข้างซ้าย เราได้มาตอนที่แอบซนไปเที่ยวเล่นในบ้านของคุณลุงคนหนึ่งที่แกเป็นช่างสักฝีมือพระกาฬ เพียงแต่แกเกษียณตัวเองมาอยู่บ้านเฉยๆเลี้ยงหลาน บังเอิญวันนั้นผมกับไมค์ไปเจอแกตอนที่แกเอาเข็มสักมาทำความสะอาดพอดี ก็เลยอ้อนวอนกันนานหลายชั่วโมงกว่าแกจะยอม ‘สักเล่นๆ’ ให้เรา แต่มันเป็นรอยที่ค่อนข้างเล็กเพราะแกไม่อยากให้พ่อแม่เห็น เลยเลือกจะสักในจุดซึ่งมองเห็นยากอย่าง ‘หลังใบหู’ เนื่องจากมันจะถูกหูและผมบังจนมิด
“ไมค์... ที่เราเล่นด้วยกันตอนเด็กๆใช่มั้ย” ผมถามเขาเพื่อเช็คความมั่นใจของตัวเอง
ไมค์ไม่พูดอะไร เขาเพียงขมวดคิ้วแล้วยื่นปากแบบงอนๆ จากนั้นถึงยอมพยักหน้า เล่นเอาผมช็อกไปเลยเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังจำผมได้จนป่านนี้
“มีแต่มึงนั่นแหละที่ลืมกู” เขาตัดพ้อผม
“พอมึงไปอยู่กับพี่ชาย กูก็ขอให้แม่ย้ายไปเรียนที่เดียวกับมึง เพราะกูอยากเป็นเพื่อนมึง กูอยู่ห้องเดียวกับมึงตั้งแต่อนุบาลยันจบม.6! พอเข้ามหาลัยกูก็อุตส่าห์สอบมาเรียนคณะเดียวกับมึง สาขาเดียวกัน แถมไปเล่นดนตรีร้านเดียวกับมึงอีก แต่มึงก็ไม่เคยมองเห็นกู จำกูไม่เคยได้! สนใจคนอื่นมากกว่ากูตลอด! ทั้งๆที่ชาวบ้านเขารู้กันทั่วแล้วว่ากูชอบมึง แต่มึงก็ยังไม่ยอมรับรู้อยู่เหมือนเดิม กูเกือบจะเลิกพยายามไปแล้ว! จนถึงตอนนี้มึงยังจะบอกให้กูหยุดงั้นหรอม็อคค่า ทั้งๆที่กูพยายามมาทั้งชีวิตของกูเนี่ยนะ!”
ผมอึ้งไปจริงๆเมื่อเขาพูดจนจบ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะอยู่ใกล้ๆตัวผมมาตลอดสิบกว่าปี แต่ผมกลับจำเขาไม่ได้ แล้วก็ไม่เคยสนใจเขาจริงๆเหมือนที่เขาบอก
ผมเอาเวลาไปทุ่มให้ผู้ชายเลวๆพวกนั้นที่ทำให้ผมเสียใจอยู่เสมอ ช่วงประถมผมก็มัวแต่เล่นไม่ได้สนใจใคร พอขึ้นมัธยมก็เอาแต่มองรุ่นพี่ ไปหลงชอบไอ้พี่ออยอยู่นาน พอเลิกกับมันไปก็เสียใจเป็นบ้าเป็นหลังอยู่สองปี ทำตัวเย็นชาไม่แยแสโลก ไม่ได้มองเห็นใครจริงๆตอนนั้น
ทั้งๆที่ไมค์อยู่ข้างๆผมมาตลอดตั้งแต่ด็กจนโต...
“ขะ... ขอโทษนะไมค์” ไมค์ทำเอาผมน้ำตาซึม “เราขอโทษจริงๆ เราผิดเองที่จำนายไม่ได้ แล้วยังพูดไม่ดีแบบนั้นอีก... ขอโทษนะ”
“เฮ้อ” เขาถอนหายใจ ดึงผมเขาไปกอดทั้งตัว ลูบหลังลูบไหล่อ่อนโยนจนผมสะอื้นไม่หยุด บอกไม่ถูกเลยว่าทั้งดีใจและเสียไปพร้อมๆกันได้ยังไง
เขารักผมมากขนาดไหนกันนะ...
“ทีนี้มึงก็รู้แล้ว จะยอมเป็นเมียกูได้รึยังล่ะ”
กำลังร้องไห้แท้ๆ แต่ผมก็หน้าแดงจนรู้สึกสะท้านไปทั้งตัวได้ไม่ยากเลย ใจหนึ่งของผมบอกว่าไม่ เพราะผมไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อนทั้งที่มีแฟนมาพอสมควร ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้หวงเนื้อหวงตัวนัก แต่กับไมค์ดันไม่เป็น ยอมให้เขากอดได้ง่ายๆอย่างนี้โดยไม่โวยวายอะไร รู้สึกอุ่นใจไปกับสัมผัสของเขาอีก อีกใจหนึ่งก็บอกให้ยอมไปเถอะ เพราะเขารอผม อยู่กับผมมานานเหลือเกินจนไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว คนนี้แหละที่ทำให้รอยยิ้มของผมกลับมาได้และจะดูแลผมเป็นอย่างดี ความรักของไมค์มันกองอยู่ตรงนั้นเพื่อผมมาตลอด แล้วผมจะต้องลังเลอะไรอีก
“คือ...” ผมกระซิบเสียงสั่น ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดตอบอะไรออกไปกันแน่
ไมค์เหลือบมองหน้าแดงๆของผม แล้วเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีก วันนี้เขาถอนใจไปกี่รอบแล้วนะ ผมล่ะกลัวเขาจะอายุสั้นจริงๆเชียว
“ถ้ามึงไม่เต็มใจ กูก็ไม่บังคับหรอก” เขาบอกเสียงเรียบ แต่ไม่ยอมมองหน้าผม “อย่างที่มึงว่า กูกับมึงเพิ่งคุยกันจริงๆได้แค่สองเดือน ก่อนหน้านี้มึงก็จำกูไม่ได้ คงจะเร็วเกินไปที่กูพูดแบบนั้น”
“ไมค์...”
“งั้นกลับกันเถอะ เดี๋ยวกูไปส่งมึงที่คอนโดเอง”
เขาคลายกอด แล้วเปลี่ยนไปจับมือผมแทน ผมรู้สึกได้เลยว่ามือของไมค์เย็นเฉียบและเหงื่อซึม ราวกับเขากำลังตื่นเต้นหรืออะไรสักอย่าง...
ผมก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ยินยอมให้เขาขับรถไปส่งที่คอนโดแต่โดยดี
ระหว่างทางเราไม่ได้พูดกันเลย
______________________________________________________________________________________________ผมเสียบคีย์การ์ดห้อง แล้วกดรหัส ตอนทำก็มือสั่นไปหมดเพราะมีคนข้างหลังคอยจ้องเขม็ง ผมไม่เคยประหม่ากับสายตาผู้ชายเลยนะ แต่ว่ากับคนนี้ทำไมมันถึงได้ตื่นไปหมดก็ไม่รู้
โอย! อยากกัดลิ้นตายจริงๆ
“เอ่อ... เข้ามาก่อนสิ” ผมหันไปบอกไมค์เสียงสั่นเล็กน้อย
ไมค์ยื่นหน้ามองผ่านผมเข้าไปในห้องที่เปิดไฟแล้ว จากนั้นก็ส่ายหน้าดิก ทำท่าเครียดๆเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง
“ไม่ล่ะ กูส่งมึงแค่นี้แหละ” เขาเหลือบมองกุหลาบสีส้มในมือผมนิดหนึ่ง “ดีใจนะที่มึงเก็บไว้... กูไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน กลัวอยู่เหมือนกันว่ามึงจะรำคาญแล้วเอาไปทิ้ง ทั้งๆที่รู้ว่ามึงก็ทำแบบนั้นได้ แต่กูคงจะเสียใจมากแน่ๆถ้ามึงทำจริงๆ” ท้ายๆเขารำพึงเบาๆ
“ไม่ทิ้งหรอกน่า ก็ไมค์ตั้งใจให้นี่” อย่างช่วยไม่ได้ หน้าผมขึ้นสีระเรื่ออีกรอบ “ในห้องก็มีที่ไมค์ให้อีก ไปดูมั้ยล่ะ”
“หึ” เขาสั่นหัว “กูจะกลับล่ะ ไม่เป็นไรหรอก แค่รู้ว่ามึงเก็บไว้ก็พอ”
“จะไม่เข้ามาดูจริงๆหรอ เราไม่ว่าอะไรหรอกนะ ไม่ใช่ผู้หญิงซักหน่อย”
“ไม่ล่ะ กลับก่อนนะ”
“แต่...”
“ต้องกลับแล้วจริงๆ”
“ไมค์...”
“...”
“...”
ไมค์ส่ายหน้า เขาก้าวมาประชิดตัวผมแล้วดึงแขนเบาๆให้ผมเข้าสู่อ้อมกอดอุ่นๆแข็งแรงนั่น ลูบหัวลูบหลังเหมือนผมเป็นเด็กเล็กๆที่เขาคอยดูแลปกป้อง
“ที่กูไม่เข้าไปไม่ใช่รังเกียจมึงนะ” เขากระซิบข้างหูจนผมรู้สึกหวิวในอกแปลกๆ “แต่มึงจะให้กูอยู่กับมึงสองคน ในห้อง... ทั้งๆที่กูเป็นแบบนี้น่ะหรอ กูทนไม่ไหวหรอกนะ”
‘แบบนี้’ ที่เขาว่าหมายถึงอะไรบางอย่างที่กำลังดันอยู่แถวๆหน้าขาผม มันเสียดสีกางเกงจนรู้สึกหน้าร้อนเห่อไปหมด พาลจะลามไปทั่วตัวเสียเฉยๆจนผมแทบละลายเป็นขี้ผึ้ง
“กูอดใจอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรมึงไม่ได้หรอกนะครับ ม็อคค่า...”
เสียงกระซิบกระเสาสั่นเครือของเขาแทบจะทำให้ผมเป็นบ้าไปเสียเดี๋ยวนั้น มันเย้ายวนแหบพร่าด้วยอารมณ์จนรู้สึกหน้ามืด สมองว่างเปล่า รู้สึกถึงเพียงแต่เขาที่อยู่ตรงนี้เท่านั้น
และโดยไม่ทันยั้งคิดอะไรทั้งสิ้นเมื่อไมค์จะผละออกไป เป็นผมเองที่เหนี่ยวแขนเขาเบาๆให้กลับมา แล้วคล้องคอกดจูบอย่างดูดดื่ม
ผมจูบไม่เก่งเลย แต่รู้สึกอยากทำเสียดื้อๆ ไมค์ท่าทางช็อกไปที่ผมเริ่มก่อนอย่างนี้ แต่เดี๋ยวเดียวเขาก็ดันผมจนชิดกำแพงในห้อง ใช้ขากระแทกประตูให้ปิดลง แล้วค่อยๆละเลียดริมฝีปากนุ่มๆขมเม้มดูดดึงจนผมสะท้าน ลิ้นของเขาไวมาก ผมสะดุ้งกอดเขาแน่นเมื่อลิ้นของเขาสอดผ่านเข้าโพรงปาก เลียและดูดกลืนจนผมหน้ามืดไปหมด รู้สึกอยากแนบชิดเขาให้มากกว่านี้จนแทบทนไม่ไหว
ไมค์ละริมฝีปากออกเมื่อผมทำท่าว่าจะหายใจไม่ทัน
เขาก้มลงไปกัดคอของผมอย่างแรง จนผมต้องครางออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บปนตื่นเต้นนิดๆ ขาสั่นระริกไปหมดคล้ายจะยืนไม่ได้ ต้องเกาะเกี่ยวคอของอีกฝ่ายพยุงตัว มือไม้อ่อนแรง สมองก็ว่างเปล่า
“อยากเป็นเมียไมค์แล้ว... จะทำยังไงดีล่ะ” ผมพูดแทบไม่เป็นคำ ปฏิเสธอะไรไปตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว เพราะหลักฐานมันชี้ชัดจากตัวผมเอง ซึ่งตอนนี้แข็งและปวดร้าวไปหมด
“หึหึ... ก็จัดไปสิครับ” ไมค์คงจะรู้ เพราะเขาแกล้งเอามือลูบผ่านเนื้อผ้าตรงนั้นเบาๆจนผมร้องคราง ก่อนจะช้อนอุ้มเอาไว้แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนตามที่ผมชี้
ผมไม่ไหวล่ะ ตอนนี้ขอยกครั้งแรกให้ไมค์ไปก่อนเลยก็แล้วกัน
END.
______________________________________________________________________________________________
TALKATIVEหลังจากมีคนเรียกร้องตอนต่อไป เราเลยจัดตอนพิเศษมาให้หนึ่งช็อต กรี๊ดดดดดดด
จริงๆเขียนเสร็จนานพักหนึ่งแล้วล่ะค่ะ แต่กำลังคิดว่าจะสามารถเขียน NC ให้จบภายในตอนนี้ได้มั้ย พอเล็งแล้วว่าคงไม่สำเร็จ ก็เลยขอยกยอดมาเพียงเท่านี้ก็แล้วกัน หากฟลุค เกิดเครื่องติดเขียนฉากนั้นขึ้นมาได้ คงจะมีโอกาสได้ลงในวาระต่อไป
ถือว่าเป็นของกำนัลแฟนนิยายก็แล้วกันนะคะ สำหรับแฟนเพจที่ตอนนี้ยอดไลค์ทะลุ 100 ไปแล้ว ฟ้าขอบคุณและดีใจมากๆ ที่มีคนติดตามนิยายของฟ้าเยอะขนาดนี้ เพราะฟ้ารู้ดีว่า ตัวเองไม่ใช่คนเขียนที่ดีเท่าไหร่นัก ลงนิยายไม่ค่อยเป็นเวลา นิยายบางตอนนานๆไปก็ไม่ค่อยมีคุณภาพ
ขอบคุณทุกกำลังใจและการติดตามนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ