หลังจากที่ผมกลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัดพร้อมกับไอ้เฟคได้เป็นเดือนแล้ว ตอนนี้ชีวิตของผมมันก็ไปเรื่อยๆ เฉื่อยๆเช้าขึ้นมาก็ไปเรียน เลิกเรียนไอ้เฟคมันก็ไปรับกลับบ้านทุกวันยกเว้นแต่ว่าผมจะมีงานที่มหา’ลัย ไอ้เฟคก็จะไม่ไปรับหรือไม่ก็ไอ้เฟคมันจะติดงานจนมารับผมไม่ได้ ผมก็จะหาทางกลับบ้านเอง จนเพื่อนๆ โดยเฉพาะไอ้อ้นมันแซวผมอยู่ทุกวัน จนผมต้องด่ามันกลับไปว่า เรื่องของมันก็เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข่าวดังขนาดนั้น มันถึงยอมเงียบและเลิกลาไป
แต่ว่ามันก็ไม่ได้ราบเรียบจนเกินไปหรอกมันก็มีเรื่องมากวนใจผมเล็กๆ น้อยตลอดเวลา และคนที่คอยกวนใจผมนี่ก็ไอ้เฟคอีกนั้นแหละ หลายคนคงเดากันได้นะครับว่ามันเป็นเรื่องอะไรที่ไอ้เฟคมันหาเรื่องมากวนใจผม แต่ถ้าเดากันไม่ออกจริงๆ ผมก็จะบอกให้ก็ได้นะครับ....ก็เรื่องของพี่กิจที่ไอ้น้องชายสุดที่รักของผมไงครับที่มันมาวางระเบิดเอาไว้ เล่นเอาผมเกือบตายกว่าจะพูดกับไอ้เฟครู้เรื่องว่าพี่กิจนะพี่ชายผม ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นส่วนหมวดก้อง ผมเพียงรู้จักได้ไม่นานจะมีอะไรกันได้ไง
ไอ้เฟคมันเหมือนจะรู้เรื่องและเข้าใจนะ แต่มันมึนครับ เวลาที่ผมไม่ยอมตามใจมัน มันก็จะเอาเรื่องพี่กิจขึ้นมาพูด ว่ามันไม่ใช่พี่กิจนี่ ผมจะได้ตามใจ จนผมต้องดุมันทุกครั้ง และบางครั้งก็มีการงอนกันเกิดขึ้น
ว่าแล้วไม่ทันที่ผมจะนินทามันเสร็จเลยมันก็โทรเข้ามาที่เครื่องของผมทันที
“มีอะไรครับพี่เฟค...ผมยังไม่เลิกเรียนเลย”
ผมแหลกับมันสดๆ ไปเลย...ก็ตอนนี้ผมเลิกเรียนนานแล้วครับและผมก็กำลังนั่งดูเพื่อนๆ เล่นบอลกันอยู่ แต่ผมยังไม่อยากกลับบ้านครับ กลับไปก็ไม่ได้ทำอะไร ส่วนมากถ้ากลับไปบ้านตั้งแต่ยังไม่มืดผมก็จะต้องไปนั่งรอให้ไอ้เฟคมันเคลียร์งานที่มันหอบมาจากที่ทำงานให้เสร็จก่อน ผมกับมันถึงจะออกไปหาอะไรทานกันนอกบ้านและถ้ายังพอมีเวลาก็จะไปดูหนังกันสักเรื่อง
“คือ...ว่าพี่จะโทรมาบอกบีมว่า วันนี้พี่ติดธุระด่วนนะครับ พี่ไปรับบีมไม่ได้....เอ่อ...เอาอย่างนี้ไหมบีม พี่จะโทรบอกให้ไอ้กันต์มันไปรับบีมที่มหา’ลัยดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกพี่เฟค...ผมกลับเองได้ไม่เป็นไร เกรงใจพี่กันต์เขาบ้างซิครับเห็นว่าช่วงนี้ยุ่งๆ ไง พี่ยังจะไปกวนพี่เขาอีก”
“โถ...มันจะยุ่งเรื่องอะไรล่ะบีม มันคงยุ่งเรื่องของเด็กมันนะซิเห็นว่าหายไปเป็นเดือนแล้วตามหาก็ไม่เจอ...”
“เหรอ...พี่กันต์คงรักของเขามากซิถึงได้ตามหาขนาดนั้น แล้วทะเลาะอะไรกันเหรอถึงได้หนีหายปนานขนาดนี้”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก..แค่มีเรื่องกันนิดหน่อย เด็กมันก็เลยหนีไป ถ้าเป็นพี่นะเจอตัวจะจับขังเสียให้เข็ด”
“กล้า...เหรอพี่เฟคห่ะ”
“ไม่กล้าหรอกครับ...”
ผมเริ่มเสียงดังใส่มัน เพราะเริ่มจะไม่สบอารมณ์กับมันเสียแล้ว ผมนะต้องขู่มันไว้บ้างให้สมกับที่มันเองเคยทำไว้กับผมเหมือนกัน เสียงของไอ้เฟคตอบกลับมา แต่ผมนะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไรหรอกครับผมสนใจเรื่องของพี่กันต์มากกว่า แต่ผมอยากรู้แล้วซิว่าเด็กของพี่กันต์นะเป็นใคร ผมก็ไม่เคยเจอตัวสักที ถึงว่าช่วงนี้พี่กันต์ไม่เห็นมาหาผมเลย
“พี่เฟคแล้วเด็กพี่กันต์นะเป็นใคร”
ผมถามไอ้เฟคกลับไป ไอ้เฟคมันเงียบอยู่พักหนึ่งจนผมไม่แน่ใจว่ามันได้ยินเรื่องที่ผมถามหรือเปล่า แต่พอผมจะอ้าปากถามอีกครั้งมันก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“อืม...เป็นคนที่ขิงรู้จักก็แล้วกันแต่พี่บอกไม่ได้หรอก เอาไว้ไอ้กันต์มันตามตัวเจอแล้ว มันคงพามาให้รู้จักเองแหละ”
“อืม.. แล้วพี่จะกลับบ้านกี่โมง”
เมื่อไอ้เฟคมันไม่ยอมบอกผมไม่อยากรู้ก็ได้ ผมจึงเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น
“ไม่รู้เหมือนกันครับ...เหงาเหรอ”
“เปล่า”
“เปล่า...แล้วถามทำไมล่ะ”
“ก็แค่อยากรู้นะ....เดี๋ยวนี้ถามไม่ได้เหรอ”
“โอ้...อย่าเพิ่งโกรธซิครับ...พี่ไม่ว่าอะไรแล้ว งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกันถ้าพี่กลับดึกมากพี่จะโทรไปบอกอีกทีก็แล้วกัน หรือบีมจะไปนั่งเล่นอยู่ที่บ้านเพื่อนก่อนก็ได้ แล้วพี่จะไปรับนะครับ”
“อืม...ได้แล้วผมจะโทรไปบอกอีกทีก็แล้วกันว่าผมอยู่ที่ไหนตอนสองทุ่มนะ”
“ครับ..เจ้านาย...รักนะครับ”
“ครับ...”
แล้วไอ้เฟคมันก็วางสายไปพร้อมกับคำพูดหวานๆ ที่ผมเองก็แอบชอบเหมือนกัน มันทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้ยิน แต่ก็มีแอบเขินเหมือนกันนะที่ได้ยิน เพราะว่าการที่ผมกับไอ้เฟคพบเจอกันนั้นมันไม่ได้ธรรมดาแล้วอยู่ดีๆ มันก็มาหวานใส่มันก็เขินกันบ้างแหละครับ ตั้งแต่อะไรที่มันชัดเจนขึ้นไอ้เฟคมันก็หวานกับผมตลอดเวลา จนบางครั้งผมก็เอื่อมเหมือนกัน
“เฮ้ย...ไอ้บีมมึงจะอะไรนักหนาว่ะ...หุบปากได้แล้วเฮียเฟคแกก็วางสายไปตั้งนานแล้วยังนั่งยิ่มกับโทรศัพท์อยู่ได้ สงสัยเพื่อนกูจะบ้าว่ะ”
เสียงกวนประสาทที่ทำลายบรรยากาศดีๆ ของผมนะไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับเป็นเสียงของไอ้อ้นครับ มันกวนผมได้ตลอดเวลา ผมเองก็หาเรื่องเถียงกับมันได้ตลอด
“ตีนเถอะไอ้อ้น...ใครบ้า มึงนั้นแหละ ระวังตัวเองเอาไว้เถอะทำมาว่ากูระวังเถอะกูเห็นทำท่าหงุดหงิดใส่คนที่โทรมาหาบ่อยๆ แต่ก็รับสายเขาทุกครั้งนะ ระวังจะเข้าตัวเอง แล้วยังคนที่คอยมาดักรับทุกเย็นอีกใช่คนเดียวกันหรือเปล่า”
คำพูดของผมคงไปโดนใจดำไอ้อ้นอย่างแรงมันถึงกับถลึงตาใส่ผม แต่มันกลับเงียบไม่เถียงผมกลับมาเหมือนทุกครั้ง มันกลับวิ่งลงไปเล่นบอลในสนามแทน ผมนั่งมองตามหลังมันไป
จนกระทั้งใกล้มืดเพื่อนๆ ของผมจึงเลิกเล่นบอลกัน และพากันกลับมาบริเวณที่ผมนั่งรออยู่
“อ้าว..บีมวันนี้ยังไม่กลับบ้านหรือไง”
ไอ้แบงค์มันถามผม มันคงสงสัยนะครับว่าทำไมวันนี้ผมถึงมานั่งทนให้ยุงกัดอยู่จนมืดได้เพราะทุกวันผมจะต้องกลับบ้านเป็นคนแรกในกลุ่ม
“แบงค์..มึงไม่รู้ไง ไอ้บีมมันโดนเฮียเฟคถิ้งนะซิ...”
เสียงไอ้อ้นตอบแทนผมครับ จะว่าไปเพื่อนๆ ในกลุ่มผมนะรู้จักไอ้เฟคกันหมดแหละครับแต่จะมีแต่ไอ้อ้นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าผมเป็นอะไรกับไอ้เฟค ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ จะรู้เพียงว่าผมกับไอ้เฟคสนิทกันเท่านั้น
“อ้าว...เหรอ...”
ไอ้แบงค์พยักหน้ารับ ส่วนมือของมันก็เอาผ้าเช็ดเหงื่อตามเนื้อตัวไปด้วย
“เอ่อ...เอาอย่างนี้ไหมบีม เราว่าพวกเราเนี๊ยออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า พวกเราไม่ได้ไปไหนด้วยกันนานแล้ว จะเจอกันก็ตอนเรียนอย่างเดียว”
ไอ้แบงค์เสนอความคิดขึ้นมา ผมเองก็เห็นดีด้วยกับมันรวมถึงไอ้อ้นด้วย มันเป็นจริงอย่างที่ไอ้แบงค์พูดมานั้นแหละ ทุกวันนี้ผมและเพื่อนๆ ต่างคนก็ต่างยุ่งจะเจอกันก็ตอนเรียนเท่านั้นกิจกรรมที่เคยออกไปเดินห้างหรือเที่ยวกลางคืนนั้นหายไปเลย
“ไอ้อ้นแล้วมึงไม่มีงานเหรอวันนี้”
ผมถามไอ้อ้นเพราะทุกวันมันเองก็ไม่ค่อยว่างเหมือนผมนั้นแหละ ต้องคอยไปตามดาราที่มันรับผิดชอบอยู่ แล้วมันก็เลี่ยงไม่ได้เสียด้วย
“ไม่มีว่ะ วันนี้ไอ้บ้านั้นมันไม่มีคิวไปไหน กูเลยสบายหนึ่งวัน มึงอย่าพูดถึงมันได้ป่ะไอ้บีม แค่ได้ยินเรื่องของมันก็ก็จี๊ดแล้ว”
ผมอดหัวเราะไอ้อ้นมันไม่ได้ ผมเห็นมันจะจงเกลียดจงชังพี่โยเขาเหลือเกินไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมเห็นกับคนอื่นไอ้อ้นมันก็ดีกับเขาไปทั่วยกเว้นพี่โย แปลกดีเหมือนกัน พี่โยแกก็ดูน่ารักเป็นกันเองไม่หยิ่งอย่างที่ผมคิดถึงแม้ว่าพี่เขาจะเป็นดาราดังขนาดนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะข่าวในครั้งนั้นก็ได้ เลยทำให้ไอ้อ้นจงเกลียดจงชังพี่เขา เห็นบ่นว่าอยากเลิกทำงานให้พี่เขา แต่ก็ไม่เห็นมันเลิกสักที
เมื่อตกลงกันได้แล้วพวกเราทั้งหมดจึงยกขบวนกันไปที่รถของไอ้แบงค์ เพราะตอนนี้ไอ้แบงค์มันมีรถคนเดียวครับ ส่วนไอ้อ้นโดนแม่มันยึดรถไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับตั้งแต่เป็นข่าวกับพี่โย
“สวัสดีครับพี่ๆ จะยกขบวนไปไหนกันครับ”
ระหว่างทางที่ผมและเพื่อนๆ กำลังจะเดินไปที่รถ ก็มีรุ่นน้องที่น่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก
“เรื่องของรุ่นพี่...อย่าเสือกได้ป่ะ”
เสียงไอ้อ้นดังแทรกขึ้นมา....เอ่อ ผมก็ลืมไปว่านี่ก็เป็นอีกคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับไอ้อ้นตลอดเวลา ผมเห็นไอ้อ้นชอบว่าน้องเขาแรงๆ แต่น้องมันก็ไม่เคยโกรธเลย
“อูย....เล่นแรงนะพี่อ้น ผมไม่ได้ถามพี่เสียหน่อย ผมถามพี่แบงค์กับพี่บีมตั้งหาก”
“ทำไม...กูจะตอบ หลบไปเลยไอ้ไผ่กูจะรีบมีธุระสำคัญ”
“งั้นพี่ก็ไปก่อนซิครับพี่อ้น ผมคุยกับพี่บีมก็ได้”
ผมยืนฟังสองคนนี้เถียงกันอยู่สักพักเสียงก็เงียบลง เพราะไอ้อ้นมันคงเหนื่อยแหละครับ ไผ่มันก็ช่างหาเรื่องมาทะเลาะมาเถียงกับพี่มันได้ตลอด และก็เป็นเหมือนเดิมครับนู๊น...ไปมันวิ่งไปซื้อน้ำมาให้พี่มันแล้ว เหมือนเดิมทุกครั้งพอเถียงกันเสร็จไออ้นเหนื่อไผ่มันก็จะต้องวิ่งไปซื้อน้ำมาให้มาเอาใจพี่มัน พอไอ้อ้นถูกน้องเอาใจหน่อยก็ใจอ่อนยอมให้น้องมันอีกแล้วไม่รู้จะเถียงกันไปทำไม
“พี่อ้นครับน้ำมาแล้วครับ”
“เอ่อ...ขอบใจแต่ถ้าให้ดีเอาน้ำมาแล้วมึงรีบไส่หัวไปไกลๆ เลย”
“พี่อ้นอ่ะ...ไม่เคยเลยที่จะพูดกับน้องดีๆ แล้วผมถามว่าจะไปไหนกันก็ไม่เห็นตอบผมเลย”
“พวกพี่จะออกไปทานข้าวกันนะ ไผ่ไปกับพวกพี่ไหมล่ะ”
ผมตอบน้องมันไปก่อนที่ไอ้อ้นจะดูดน้ำเสร็จแล้วตอบเองเรื่องมันจะไม่จบ
“คงไปด้วยไม่ได้หรอกครับพี่บีมต้องรอเพื่อนผมก่อน”
“อ่อ...อ็อดนะเหรอ”
“ครับ...พี่บีม พอดีเลยผมไปก่อนนะครับพี่บีม เพื่อนๆ ผมมากันพอดีเลย”
ว่าแล้วไผ่มันก็รีบวิ่งไปหาเพื่อนๆ ของมันผมมองตามไอ้เดือนมหา’ลัยรูปหล่อนนั้นวิ่งไปหาเพื่อนๆ ใครจะคิดล่ะครับว่าเด็กที่กวนประสาทคนเมื่อกี้จะเป็นถึงเดือนมหา’ลัยได้ ผมมองตามน้องมันไปจนมันไปถึงกลุ่มเพื่อนๆ ของมันจนผมต้องสะดุดใจที่หนึ่งในนั้นก็มีเพื่อนต่างแผนกของผมอยู่ด้วย ผมเห็นว่ามันยืนอยู่กับน้องอีกคนหนึ่งที่น่ารักเหมือนกับผู้หญิงถ้าผมไม่เห็นความแสบของน้องคนนั้นในวันไปรับน้องผมจะต้องคิดว่าน้องเขาเป็นผู้หญิงหรือไม่ก็ทอมแน่ๆ
ไอ้แทนมันคงเห็นผมมันจึงยกมือทักทายผมก่อนที่น้องๆ คนอื่นจะยกมือไหว้พวกผมกัน ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปตามทางของตน