ภารกิจที่อัจฉรามอบหมายลูกชายคนเล็กมีสองข้อ
ข้อแรกคือขอลายเซ็นร่มธรรม
ข้อสองคือตื้อให้ร่มธรรมรับงานพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทครอบครัว
แต่...ภารกิจที่สองนั้นอย่าคาดหวังความสำเร็จหรือต้องเรียกว่าไม่ได้พยายามจนสำเร็จ องอาจเลยถูกไหว้วานให้ต้องรับไม้ต่อ
อันที่จริง พอคนเป็นลุงรู้ว่าครองภพมาเจรจารอบสองให้ร่มธรรมรับงานพรีเซ็นเตอร์ เขาก็ถึงกับเบ้ปาก กล้าลงพนันว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
แล้วก็ไม่สำเร็จจริงๆ นอกจากจะได้ลายเซ็นร่มธรรมที่ไม่รู้ไปบีบคอบังคับขู่เข็ญมาอย่างไร ก็ไม่ได้อย่างอื่นอีก
‘โอ๊ย คนอย่างไอ้ครองมันจะไปเจรจาอะไรกับใครเขาได้ ให้มันยืนเฉยๆเถอะ’
‘พี่อู๊ดช่วยหน่อยสิ อัจอยากให้ร่มธรรมมารับงานของบริษัทเรา’
‘แล้วทำไมต้องเจาะจงเป็นร่ม ในวงการมีดาราอีกเพียบ หรือจะเอาไอ้ครองก็ได้’
‘ครองทำอาหารเป็นที่ไหน แค่หยิบตะหลิวยังผิดท่าเลย แล้วอัจก็ถูกชะตากับร่มธรรมด้วย อยากให้เขามาทำงานให้ ภาพลักษณ์เขาก็เหมาะกับสินค้า แล้วเขาก็เพิ่งกลับมารับงานในวงการอีกครั้ง คิดดูสิ เราจะได้เป็นเจ้าแรกที่เขาร่วมงานด้วย ถ้าเขากลับมาดัง บริษัทเราจะยิ่งได้กำไร’
‘เอาเรื่องบริษัทมาอ้างตามหลังเพียบ แต่ใจความสำคัญคือถูกสเป็คสินะ’
‘ถูกสเป็คอะไร เขาเรียกถูกชะตา’
พอน้องสาวว่าอย่างนั้น องอาจก็ไม่อยากทักท้วงอะไรอีก บริษัทของครอบครัวที่แม้เขาจะไม่ได้เข้าไปมีส่วนในการบริหารแต่ก็เป็นผู้รับผลประโยชน์ผ่านทางการถือหุ้น หลังน้องเขยล่วงลับ น้องสาวกุมบังเหียน สายตาของหล่อนคมกริบในทุกเรื่องของธุรกิจ ไม่เว้นแม้กระทั่งการชี้เป้าว่าใครควรจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัท
และคราวนี้หวยมาออกที่ร่มธรรม นักแสดงหนุ่มวัย 28 ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากวงการไป
องอาจรับงานจากน้องสาวมาแล้วก็ลงมือทันทีในวันที่เขาและร่มธรรมมีฉากที่ต้องแสดงร่วมกัน คนรับบทเป็นพ่อนั่งลงข้างชายหนุ่มที่กำลังดื่มกาแฟและทานอาหารเช้าง่ายๆอยู่ในห้องแต่งตัว หน้าตาผมเผ้าของเขาถูกแต่งเติมเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น
“ร่ม ลุงมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย...ได้ยินว่าร่มจะไม่รับงานอื่นในวงการแล้วหรือ”
“อ่า...ใช่ครับ งานผมเยอะ ก็เลยคิดว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้วก็คงไม่มีเวลารับงานอีกแล้ว” ร่มธรรมตอบเพียงเหตุผลเดียว อีกเหตุผลหนึ่งที่เขาตัดสินใจจะไม่อยู่ในวงการต่อคือไม่อยากขัดใจพี่ชายอย่างรุ่งโรจน์
“ลุงพูดตรงๆนะ ร่มมีทักษะด้านการแสดง ถ้าจะทิ้งไปอีก ลุงก็เสียดาย”
องอาจเป็นนักแสดงมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ต่อให้ไม่มีสคริปต์เขาก็สามารถพูดสดได้เลย ยิ่งเป็นเรื่องจริงที่เห็นได้ชัดอย่างทักษะการแสดงของร่มธรรม ต่อให้ต้องพูด 3 วัน 3 คืน ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“ร่มจำผู้กำกับฉายได้ไหม เขาเป็นเพื่อนลุงเอง ตอนนี้ตาฉายมีโปรเจ็คใหม่ เห็นว่าจะหันมาทำซีรี่ส์ลงแพล็ตฟอร์มอื่น กำลังหาคนมารับบทนำ ลุงน่ะซี้ปึ้กตาฉาย รายนั้นเลยมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ ลุงว่าบทนั้นเหมาะกับร่มนะ จะลองไปแคสดูหน่อยมั้ย ลุงจะคุยให้”
ผู้กำกับฉายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง สร้างชื่อจากภาพยนตร์ไทยที่กวาดทั้งเงินและรางวัล แน่นอนว่าในเมื่อเป็นผู้กำกับมือทอง นักแสดงทั้งวงการล้วนอยากปรากฏตัวในงานของเขา เพราะรับประกันได้ว่าจะถูกพูดถึงไปอีกนาน แต่...ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับโอกาส
ร่มธรรมได้ยินชื่อผู้กำกับฉายมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเข้าวงการเมื่อตอนอายุ 20 ก็วาดฝันว่าสักวันหนึ่งจะประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดงด้วยการได้มีส่วนร่วมในงานของผู้กำกับคนนี้ แต่นึกไม่ถึง เพียง 2 ปีหลังจากเข้าวงการและเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง พี่ชายคนรองกลับขอให้เขาละทิ้งเส้นทางบันเทิงกลับไปสานต่อธุรกิจแทนบิดาผู้ล่วงลับ ความฝันที่วาดหวังไว้กลายเป็นอากาศ จนกระทั่ง...วันนี้ ที่ได้ยินจากปากขององอาจอีกครั้ง
ผู้กำกับฉายกำลังจะสร้างซีรี่ส์
ต่อให้ไม่ใช่งานภาพยนตร์อย่างที่เคยสร้างมาโดยตลอด แต่คนฟังก็เนื้อเต้นแล้ว
ขอแค่เป็นงานของผู้กำกับฉาย ขอแค่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับฉาย ถึงเป็นเพียงบทเดินผ่าน เห็นแค่ขา ก็ยินดี
แต่...พอคิดถึงสีหน้าพี่ชายคนรองตอนที่ได้ยินเขาบอกว่าจะกลับมาแสดงละคร ก็พาลให้หนักใจ หากคราวนี้เขาดิ้นรนจะอยู่ในวงการต่อไป รุ่งโรจน์จะรู้สึกอย่างไร
เรามีกันแค่ 3 คนพี่น้อง ไม่ใช่แค่สายเลือด ไม่ใช่แค่สายสัมพันธ์ แต่เราคือครอบครัวเดียวกัน ร่มธรรมทำใจไม่ได้หากจะตัดสินใจทำอะไรลงไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจความรู้สึกของคนในครอบครัว
“ร่มเอากลับไปคิดให้ดีๆ ตั้งคำถามกับตัวเองว่าร่มอยากทำอะไร ร่มอยากเป็นอะไร ชีวิตร่มเป็นของร่ม บั้นปลายชีวิตของร่มจะมีความทรงจำแบบไหน มันขึ้นอยู่กับการเลือกของร่มในวันนี้”
องอาจอยู่ในวงการมาค่อนชีวิต ทำมาหากินกับภาษาพูดและภาษากาย มีหรือจะไม่รู้ว่าคำพูดไม่ทรงอำนาจเท่าการกระทำ ดังนั้นเมื่อเขาพูดคำว่า ‘ชีวิตร่มเป็นของร่ม’ ชายอาวุโสจึงกดนิ้วลงกับอกของชายหนุ่มวัย 28 ราวกับต้องการให้อีกฝ่ายตระหนักถึงสิ่งที่อยู่ในใจ
ตัวตน พรสวรรค์ ทักษะ ความปรารถนา และความใฝ่ฝัน
ทั้งหมดนี้ขมวดรวมเป็นสิ่งเดียวที่แจ่มชัด
...นักแสดง…
……………..
แม้จะมีคิวถ่ายละคร แต่ร่มธรรมยังมีร้านกาแฟที่ต้องรับผิดชอบ
ทันทีที่เจ้าของร้านซึ่งพ่วงตำแหน่งนักแสดงนำของซีรี่ส์เลิกงาน เลยต้องตรงดิ่งมารับจ็อบที่ร้านกาแฟของตนเอง
ร้านกาแฟ ร.รอ เปิดให้บริการตั้งแต่หกโมงเช้าและปิดตอนสองทุ่ม วันนี้ พนักงานค่อนข้างเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ เพราะพนักงานร้านคนหนึ่งขอลาและหาคนแทนไม่ได้ แถมกว่าที่ร่มธรรมจะกลับมาช่วย ก็เย็นเข้าไปแล้ว ก่อนปิดร้านหนึ่งชั่วโมง ลูกค้าบางตา ชายหนุ่มจึงอนุญาตให้ปิดบริการบางพื้นที่ของร้าน และเก็บอุปกรณ์ของใช้ได้เลย ก่อนจะปล่อยให้พนักงานกลับก่อนโดยไม่หักค่าจ้าง ส่วนเขาจะเป็นคนดูแลหลังจากนี้เอง
เมื่อเหลือเพียงลำพัง และไม่มีลูกค้าสั่งเครื่องดื่มหรือของว่าง ร่มธรรมจึงมีโอกาสจมจ่อมกับสิ่งที่ถูกกระตุ้นมา
‘ชีวิตร่มเป็นของร่ม’
ตอนที่องอาจกดลงมาตรงตำแหน่งหัวใจ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ภาพในสมองเวียนกลับไปยังวันที่เขาได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงครั้งแรก วันที่ได้อ่านบทประพันธ์ที่ตนเองต้องถ่ายทอดอารมณ์ผ่านตัวละครที่รับผิดชอบ วันที่ได้ลองเวิร์กช็อปงานแสดง วันที่มุ่งมั่นอยู่กับการเข้าฉากที่ท้าทายต่อสภาพร่างกายและจิตใจ วันที่งานแสดงออกอากาศ วันที่ได้รับรู้ว่ามีผู้คนมากมายจดจำเขาได้ วันที่ได้รับรางวัลในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมและยอดนิยม วันที่ผู้คนห้อมล้อมและเรียกชื่อเขา ทั้งหมดยังคงอยู่ในความทรงจำ
และมัน...เป็นความทรงจำ...ที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต
เสียงกระดิ่งจากประตูร้านทำเอาร่มธรรมรู้สึกตัว แต่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่ลูกค้าคนท้ายๆของวันนี้ก้าวมาถึงเคาท์เตอร์สั่งอาหารแล้ว
เจ้าของร้านรีบเงยหน้าเพื่อรับออเดอร์ แต่แล้วก็กลายเป็นชะงักเมื่อพบว่าลูกค้าคนนี้ของร้านเป็นคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาที่สุดช่วงนี้
ครองภพ
“น้องครอง!”
ทั้งที่วันนี้ไม่พบกันที่กอง แต่ครองภพก็มาให้เจอหน้าถึงร้าน นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องไม่ได้มีท่าทีตกใจ แม้จะสวมผ้าปิดปากบดบังใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง แต่ดวงตาเรียวของเขาก็ยังคงไม่มีวี่แววจะแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์แต่อย่างใด
“อเมริกาโน่เย็น” ชื่อเครื่องดื่มดังลอดออกมาจากผ้าปิดปากปิดจมูก ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตั้งสติได้
“อ้อ ครับ อเมริกาโน่เย็น รับขนมเพิ่มไหม” เจ้าของร้านทวนแล้วหันไปทางตู้แช่เบเกอร์รี่ที่อยู่ด้านข้าง
“ไม่” คำตอบของครองภพยังคงสั้นห้วนเสมอต้นเสมอปลาย ร่มธรรมรับคำ ก่อนจะกดรายการเครื่องดื่มแล้วหยิบแก้วพลาสติกขึ้นมาเขียนออเดอร์
“วันนี้มีถ่ายไม่ใช่หรือ” เพราะต้องรับหน้าที่ทั้งกดแคชเชียร์และชงเครื่องดื่ม ร่มธรรมจึงใช้เวลามากกว่าเดิมเล็กน้อย กลายเป็นเปิดโอกาสให้ฝ่ายลูกค้าตั้งคำถาม
“ใช่ แต่เลิกเร็วน่ะเลยกลับมาช่วยงานที่ร้าน”
“แล้วพนักงานไปไหนหมด”
แม้จะจับจ้องแค่เพียงนักแสดงหนุ่มรุ่นพี่ที่วันนี้ผันตัวมาเป็นบาริสต้า แต่เขากลับมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในร้านที่ไม่เหลือพนักงานเลยสักคน นอกจากร่มธรรม
ชายหนุ่มวัย 28 เงยหน้าจากเครื่องทำกาแฟขึ้นมาส่งยิ้มให้
“พี่ให้กลับไปหมดแล้ว พอดีวันนี้น้องคนนึงลาแล้วหาคนแทนไม่ได้ แล้วลูกค้าเยอะด้วย พอคนซา พี่เลยปล่อยพวกเขากลับกันไปก่อน”
ร่มธรรมกดเครื่องทำกาแฟแล้วก็กลับมาที่แคชเชียร์เพื่อคิดเงิน เขารับธนบัตรจากครองภพ ทว่าตอนที่ยื่นเงินทอน เจ้าของร้านใจดีกลับแถมคุ้กกี้ชิ้นหนึ่งให้ด้วย
“ผมไม่ได้สั่ง” นักแสดงหนุ่มหน้าเดียวปรายสายตาลงมองสิ่งที่อยู่ในมือที่ยื่นข้ามเคาน์เตอร์มา ทว่าร่มธรรมยังยิ้มแย้มมีไมตรี
“พี่ให้”
“ผมไม่รับ” น้ำเสียงทุ้มย้ำกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะรับเฉพาะเงินทอนแล้วเดินไปรอที่เคาน์เตอร์รับเครื่องดื่มทันที ทิ้งร่มธรรมให้นิ่งงันอยู่อย่างนั้นโดยที่ยังมีซองคุ้กกี้ค้างอยู่ในมือ
เพราะคิดเอาเองว่าการให้ด้วยใจ อย่างน้อยก็ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น แต่ร่มธรรมคาดไม่ถึงว่าใครบางคนจะปฏิเสธด้วยใจเช่นกัน
น้ำใจที่ยื่นออกไป ยังค้างอยู่บนมือ ครองภพไม่แม้แต่จะแตะมันสักน้อย
ร่มธรรมเอ๋ยร่มธรรม น้ำใจของเขาไม่ใช่ทุกคนจะต้องการ คิดว่าครั้งหนึ่งเคยให้แล้วอีกฝ่ายรับ แล้วครั้งนี้ครองภพจะรับอีกครั้งอย่างนั้นหรือ
เสียงเครื่องทำกาแฟปลุกสติคนที่ชะงักค้างให้รีบก้าวเท้าไปทำหน้าที่บาริสต้า ทว่าสีหน้าของร่มธรรม...ไม่ได้ดีขึ้นเลย
หากวันนี้ มีเพียงเรื่องถูกปฏิเสธน้ำใจจากครองภพ ก็ยังพอจะอะลุ้มอะล่วยกับโชคชะตาประจำวันได้อยู่บ้าง แต่เพราะเมื่อกลางวันก็เพิ่งถูกตั้งคำถามให้ต้องคิดซ้ำๆจนกลายเป็นหมกมุ่น
‘ชีวิตร่มเป็นของร่ม’
เสียงขององอาจยังดังวนอยู่ในใจจนอยากจะหาเพื่อนสักคนมาพูดคุยชวนหัวเราะให้บรรเทาความรู้สึกอื้ออึง แต่เพราะความขี้เกรงใจทำให้เขาไม่อยากรบกวนใคร ตอนที่เห็นครองภพปรากฏตัวขึ้นในร้าน จึงราวกับเห็นแสงสว่าง
แต่...แสงนั้นไม่ได้ทอดมาที่เขา
...คล้ายคนผิดหวัง ได้แต่ยืนเงียบในหลุมลึกที่ดำมืด ทั้งๆที่เห็นแสงแล้วแท้ๆ…
เจ้าของร้านหนุ่มเก็บก้อนสากระคายลงคอ สูดลมหายใจลึกเพื่อระงับความรู้สึกโดดเดี่ยวในอก ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นเพื่อส่งกาแฟให้ลูกค้าคนท้ายๆของวัน เขากลับพบว่าคนที่เดินหนีไปจากน้ำใจของเขาเมื่อครู่นี้ เดินกลับมาพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดใจ
“ผมอยากได้ขนม”
เจ้าของร้านหน้าสลดกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง
“ขนม?”
“ที่คุณให้คราวก่อน”
“อ...อ้อ...ด...ได้...”
ร่มธรรมงุนงง เมื่อครู่เขายื่นคุ้กกี้ให้ แต่ไม่รับ ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายสั่งขนมเพิ่มเสียเอง
“ได้ก็อุ่นให้ผมด้วย แล้วเอากาแฟมา”
ร่มธรรมเหมือนถูกจับทุ่มลงพื้นซ้ำๆ เขางุนงงจนหยิบฝาปิดแก้วผิดๆถูกๆ พอส่งแก้วอเมริกาโน่เย็นให้ คราวนี้ครองภพก็ปล่อยหมัดฮุกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“แล้วก็เลิกทำหน้าเศร้าสักที ผมแค่ไม่ชอบของฟรี ไม่ได้...ไม่ได้รังเกียจอะไรคุณ”
ร่มธรรมเอ๋ย ร่มธรรม ใจหวังแค่รอยยิ้มเล็กน้อยจากผู้ชายคนนี้ในเวลาที่กำลังจนตรอก แต่คาดไม่ถึง...สิ่งที่ได้กลับมาคือคำพูดที่ทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
‘ไม่ได้รังเกียจอะไรคุณ’
บางที...วันนี้ เราอาจจะเป็น ‘เพื่อน’ กันมากกว่าเมื่อวานก็ได้
ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)
แผนผังความสัมพันธ์สำหรับตอนที่ 2
น้องครองไม่ใช่คนไม่พูดนะคะ น้องพูด แต่กับพี่ร่ม...น้องไม่อยากพูด (เราจะไม่โทษน้องครอง ฮ่าฮ่า)
มีหลายคนทักว่า พี่ร่มน้องครองเหมือนป๋อจ้าน ฮ่าฮ่า บัวติ่งจริงค่ะ แต่เวลาเขียนก็มักจะใช้แต่อินเนอร์มาสร้างเป็นตัวละคร แลยมักจะพูดเสมอว่าอยากให้คนอ่านมีอิมเมจตัวละครในแบบที่คนอ่านแต่ละคนอยากให้เป็น เพราะฉะนั้นอ่านแล้วคิดถึงใคร ตามสบายเลยค่ะ
ส่วนเรื่องอายุของพี่ร่มกับน้องครอง มันมีนัยอยู่หน่อยนึงค่ะ ลองนับนิ้วแล้วมันเป็นอายุนี้พอดีเลย ก็เลยเซ็ตให้เป็น 28 กับ 22 แต่บอกมากกว่านี้ไม่ได้ละ บอกมากกว่านี้ก็คือแผ่ทั้งเรื่องแล้ว ฮ่าฮ่า
อ้อ...แล้วก็มีบางคนเดาเรื่องถูก และบางคนก็เดาเรื่องถูกค่ะ คือมีหลายคนเดาถูก แต่เดาถูกกันคนละเรื่อง ฮ่าฮ่า เวลาอ่านคอมเม้นท์ที่คาดเดากันมาแล้วบัวแฮปปี้มากเลยค่ะ ใครเดาถูกก็จะแอบตบมือให้ด้วย ดีใจมากเลยที่ตัวเองเขียนแล้วสื่อไปถึง เพราะฉะนั้น เดากันเข้ามาได้อีกค่ะ ฮ่าฮ่า
ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจและพื้นที่บอร์ดนะคะ
เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ