สวัสดีค่ะ มาลงตามสัญญาแล้วนะคะ ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ ตอนจบของนิยายเรื่องนี้ที่อยู่กับเรา(นักเขียนเอง) มายาวนานมาก ไม่คิดว่าจะกินเวลานานขนาดนี้ ทั้งที่จะเขียนเล่นแท้ ๆ แต่ยังไงก็ขอบคุณผู้อ่านทุกคน ทั้งที่คอมเมนต์ก็ดี เข้ามาอ่านก็ดี ติดตามถามไถ่กันมาเสมอ ขอบคุณที่อยู่กันมาจนถึงตรงนี้ค่ะ ขอบคุณที่ส่งพิธานและพระพายมาถึงฝั่ง เฝ้าติดตามพวกเขาทั้งสองมาโดยตลอด ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ สัปดาห์หน้าจะมาลงตอนพิเศษเป็นการอำลา ฉะนั้นอย่าเพิ่งแจ้งย้ายกระทู้ก่อนนะคะ ไว้เจอกันค่ะ +++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 71 I love you.
So I’m gonna love you
เช่นนั้น ฉันจะรักเธอ
Like I’m gonna lose you
ให้เหมือนว่าฉันจะสูญเสียเธอไป
I’m gonna hold you
ฉันจะโอบกอดเธอไว้
Like I’m saying goodbye wherever we’re standing
ให้เหมือนว่าเราจะจากลากัน ไม่ว่าเราจะอยู่ในแห่งหนใด
I won’t take you for granted ’cause we’ll never know when
ฉันจะไม่ทำให้เธอเป็นสิ่งไร้ค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลย
When we’ll run out of time so I’m gonna love you
ว่าเมื่อไหร่เวลาจะสิ้นสุดลง เช่นนั้นฉันจะรักเธอ
Like I’m gonna lose you
ให้เหมือนว่าฉันจะสูญเสียเธอไป
I’m gonna love you like I’m gonna lose you
ฉันจะรักเธอ เหมือนว่าฉันจะเสียเธอไป
Lyrics: Like I’m gonna lose you by Meghan Trainor.
“แล้วถ้าผมบอกว่ามันจะไม่กลับไปเหมือนเดิมล่ะ”
พระพายเอ่ยออกไป สายตานั้นจ้องมองพิธานที่นิ่งไปแล้ว นิ่งจนพระพายก็ต้องนิ่งตาม แววตานั้นประกายความหม่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะก้มหน้าลงเพราะคงรู้ตัวดีว่าได้แสดงสีหน้าที่ผิดหวังอยู่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ออกมา
“ฟังก่อนสิ” พระพายเอ่ยขึ้น พิธานจึงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งอย่างพร้อมที่จะรับฟังต่อ
“มันไม่มีทางเหมือนเดิมหรอก....เพราะการห่างกับคุณครั้งนี้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะ”
“รู้ว่าอะไร ๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในวันข้างหน้า ในขณะที่ผมกลับไม่อยากให้มันเปลี่ยน...แม้กระทั่งอยากจะเปลี่ยนใจไม่ให้โอกาสคุณอีก แต่ผมก็ยังทำมันไม่ได้เลย”
“หมายความว่า...” พิธานคิดว่าตัวเองหูฝาดจนต้องถามขึ้น
“ผมไม่อยากหลอกตัวเอง ผมยังลืมคุณไม่ได้ ยังอยากเจอ อยากอยู่ด้วยกัน ทำใจไม่ได้ที่ต้องเป็นแบบนี้ ทั้งที่ผมก็กลัวจะเจ็บอีก ผมกลัวทุกอย่าง แต่ผมก็ยังปล่อยตัวเองจากคุณไปไม่ได้”
ความรู้สึกของพระพายกับพิธานไม่ต่างกันเลยสักนิด ต่างคนต่างยังคงต้องการอีกฝ่ายอยู่เต็มหัวใจ แม้จะมีความสับสนลังเลและความกลัวอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกนั้นเหมือนกันแทบจะไม่มีจุดต่างกันเลยสักนิด
“สามเดือนมานี้ ผมเหมือนมีอะไรขาดหายตลอดเวลา ตอนแรกก็พอจะเข้าใจว่ามันเป็นอาการเหงาที่น่าจะเพราะเพิ่งเลิกกับใครหรืออะไรสักอย่าง แต่นานวันมันไม่ทุเลาลงเลย กลับมีแต่จะมากขึ้น....ผมเอาแต่คิดถึงเรื่องคุณ ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าห้ามคิด...แต่ทำไม่ได้เลยสักที”
“จนในที่สุดผมเลือกที่จะเอาความสุขตัวเองเป็นที่ตั้ง ผมจะไม่หลอกตัวเองว่าผมยังอยากไปต่อกับคุณ”
“นาย...จะกลับมาใช่ไหม” พิธานถาม คราวนี้ความหวังเอ่อล้นไปทั้งตัว พระพายพยักหน้ารับ พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ส่งมาให้
“เรา...จะกลับมาอยู่ด้วยกันใช่ไหม...นายจะอยู่ข้างฉันอีกครั้ง...ใช่ไหม”
“ใช่....”
พระพายยืนยันอีกครั้ง พิธานยิ้มออกมา เป็นยิ้มที่กว้างที่สุดเท่าที่พระพายเคยเห็นมา ก่อนที่จะดึงพระพายมากอดไว้แน่น แน่นมากราวกับจะยืนยันว่านี่ไม่ใช่ความฝันหรือจินตนาการที่เขาคิดไปเอง
ความโหยหาที่พระพายมีมาโดยตลอดแทบจะทุเลาลงทันทีที่ได้กอดพิธานไว้ หัวใจเต้นแรงอย่างมีชีวิตชีวาจนเจ็บไปหมด เขารู้ดีว่าพิธานคือสิ่งเดียวที่เติมเต็มเขาที่สุดแล้วในตอนนี้ เวลานี้ ไม่อาจจะหาใครมาแทนที่ได้ พิธานคือคนเดียวที่พระพายอยากอยู่เคียงข้าง
“และอะไรที่บอกว่าจะไม่เหมือนเดิมล่ะ” พิธานถามทั้งที่ยังกอดอยู่อย่างนั้น พระพายจึงผละออกจากอ้อมกอดของพิธาน เพื่อทำความเข้าใจถึงเรื่องนี้
“การคบของเราครั้งนี้...มันจะไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว ความสัมพันธ์ของเราจะเปลี่ยนไป”
จากที่ดีใจเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น มาถึงตอนนี้พิธานหายใจสะดุดเล็กน้อย ตั้งใจฟังในสิ่งที่พระพายกำลังจะบอกต่อจากนี้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่สามารถคาดเดามันได้เลยสักนิด
“ผมอาจจะเปลี่ยนไป คุณเองก็อาจจะเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ของเราจะไม่เป็นแบบอย่างที่ผ่านมา...เราต้องมีข้อตกลงกันใหม่”
“บอกมาสิ”
“ต่อแต่นี้ไป มีอะไรอยากให้พูดกันตรง ๆ เพราะที่เราคิดว่ารู้ดีอยู่แล้ว แต่บางครั้งเราอาจจะไม่รู้เลยสักนิด” ได้ยินเช่นนั้นก็นึกไปถึงคำพูดของตัวเองที่คิดว่าพระพายเข้าใจเขาดีถึงความรู้สึกของเขา
“ผมไม่อยากให้ทั้งคุณและผมคาดหวังกันและกันมากขนาดนั้น มันเป็นการกดดันจนเกินไป” พิธานพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“และอีกเรื่อง....” พระพายเงียบไปครู่หนึ่ง พิธานที่ไม่แม้แต่จะขยับตัวเพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่พระพายจะพูดต่อจากนี้
“ความเชื่อใจและความมั่นใจของผมลดลงไปมากหลังจากที่เราทะเลาะกัน...ผมไม่รู้วิธีที่จะดึงมันกลับมาได้”
“ฉะนั้นต่อจากนี้ไป ผมอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคาดหวังเหมือนเมื่อก่อน”
พิธานเข้าใจถึงพระพายที่ตอนนี้กำลังอธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง เมื่อก่อนการคบหาของเขากับพระพายมันเริ่มต้นแบบผิด ๆ ไม่มีความเข้าใจใด ๆ กันมาตั้งแต่ต้น แต่ระหว่างที่คบหากันต่างหากที่ค่อย ๆ ถักทอหล่อหลอมความรู้สึกของพวกเขาไว้ด้วยกัน เป็นความผูกพันและลึกซึ้งขึ้นมาอย่างไม่คิดว่าจะมีอิทธิพลได้มากขนาดนี้
นั่นหมายความว่าเรื่องในครั้งนั้นได้ทำลายความรู้สึกของพระพายไปเยอะ นี่คือสิ่งที่ไม่อาจจะกลับมาดั่งเดิม ความรู้สึกที่เสียไปย่อมเรียกกลับคืนมาไม่ได้ พิธานเองก็ต้องยอมรับเรื่องนี้ให้ได้
“นายจะบอกว่า นายอาจจะไม่ใช่พระพายคนเดิม...ถูกต้องไหม” พิธานหาข้อสรุปให้
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมเองก็บอกไม่ได้ แต่ผมแค่รู้สึกว่ามันจะไม่เหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา..ผมอาจจะไม่ใช่แฟนที่คุณคาดหวังไว้อีกต่อไปก็ได้”
“นายคิดว่านายเปลี่ยนแค่คนเดียวเหรอ” พิธานถามขึ้นมาบ้าง พระพายเอียงหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ช่วงที่ไม่เจอกัน ฉันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ฉันเริ่มมองว่าทุกอย่างไม่ได้หมุนรอบตัวฉัน ความลำพองใจของฉันมันเป็นปัญหา จนตอนเมื่อเสียนายไป ฉันพบว่ามันยิ่งเป็นปัญหามากกว่าเดิม เพราะความเอาแต่ได้ของฉันเอง”
“ฉันบอกกับตัวเองทุกวัน หากฉันมีโอกาสอีกสักครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ให้มันเป็นเหมือนครั้งก่อน ฉันจะรักษาความเป็นตัวเองที่ดีไว้ อะไรที่คิดว่าไม่ดีฉันจะลดทอนมันลง ฉันต้องกอบกู้ความรู้สึกของนายที่ฉันทำมันพังลงไป”
“หากนายบอกว่านายเริ่มไม่มั่นใจในตัวฉัน ฉันก็จะทำทุกอย่างให้นายกลับมาเชื่อใจฉันแม้จะแค่นิดหน่อยก็ถือว่าพอแล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำต่อจากนี้ไป”
“เรื่องแฟนที่ดีหรือไม่ดีนั้น ฉันไม่อยากให้นายคิดมากกับเรื่องพวกนั้น แค่นายเป็นนาย...นายที่ยังอยากอยู่เคียงข้างฉัน หันไปทุกครั้งยังเจอนายอยู่ตรงนี้เสมอ...เท่านั้นมันก็ดีมากพอแล้ว”
ไม่รู้ว่าคำพูดพวกนี้มันจะเป็นจริงอย่างที่พิธานบอกหรือไม่ แต่พระพายกลับรู้สึกว่าคือคือคำสัญญาที่พิธานตั้งใจมีให้กับเขา ความรู้สึกที่ส่งผ่าน ทางสายตา สัมผัส ทุกอย่าง บ่งบอกว่าพิธานตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริง ๆ
“ครั้งนี้...มันจะดีกว่าครั้งที่แล้วใช่ไหม”
“ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ฉันจะทำให้ดีที่สุด” ไม่อาจจะรับปากได้ อนาคตไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“แล้วถ้าหาก....วันใดวันหนึ่ง เราจะต้องแยกจากกันล่ะ” พระพายถามขึ้นมา เป็นอนาคตที่ไม่อาจจะรู้ได้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น
“ฉันไม่รู้หรอก มันเป็นอนาคต แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำคือฉันจะรักนาย อยู่กับนาย ทำให้ทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายที่เราจะรักกัน เพราะหากเราจบกันจริง ๆ ฉันจะไม่เสียใจเพราะฉันได้รักนาย ดูแลนายอย่างดีที่สุดเท่าที่ฉันจะทำแล้ว มันคุ้มค่าและจะไม่เสียดายอีกต่อไป” พระพายยิ้มออกมา ความรู้สึกวางใจนี้ทำให้เขารู้ดีว่าเขาเองก็ต้องพยายามในส่วนของตัวเองเช่นกัน
“ผมเอง...ก็จะพยายามไปกับคุณนะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน เป็นรอยยิ้มที่ต่างคนต่างเข้าใจดีว่าต่อจากนี้ไปจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่อาจจะเข้ามา มันไม่ใช่จุดจบแต่มันเพิ่งเริ่มต้นอย่างแท้จริงต่างหาก พิธานดึงพระพายที่นั่งบนสตูลอยู่ด้วยกันให้ขึ้นไปบนเตียงก่อนที่จะกอดไว้พร้อมล้มตัวเองและกอดพระพายให้ล้มลงนอนด้วยกัน
“เดี๋ยว!!” พระพายร้องขึ้นมาเพราะไม่ทันตั้งตัว หน้าซุกกับแผ่นอกของพิธานเพราะแรงกอดของอีกฝ่าย
“ไม่ทำอะไร....แค่อยากนอนกอด” ได้ยินแบบนั้นก็พอเข้าใจ แต่ใจหนึ่งก็ผิดหวังไปสักนิด คิดว่าพิธานจะทำอะไรแบบนั้นเสียอีก
“ผิดหวังเหรอ” พิธานถามขึ้นมา
“อะไร..”
“คิดว่านายผิดหวังเพราะอยากทำอะไรมากกว่านี้” พระพายอมยิ้มนิด ๆ แต่แน่นอนว่าพิธานไม่เห็น
“กับเรื่องแบบนี้ทำไมคุณรู้ทันผมตลอดล่ะ”
“ลืมไปแล้วเหรอ ฉันเป็นคนทำให้นายเป็นแบบนั้นเอง”
“ผมคงเป็นแบบที่คุณต้องการมากไปหน่อย”
“แบบนั้นแหละดีแล้ว แต่ตอนนี้ฉันคิดถึงนายมาก อยากกอดเอาไว้แบบนี้อีกสักพัก”
ไม่ใช่แค่พิธานที่เป็นแบบนั้น พระพายเองตอนนี้ก็ฝังหน้าลงบนแผ่นอกพิธานเสียแนบชิด...คิดถึงความรู้สึกนี้ไม่ต่างกันเลย
“รู้ไหม ตั้งแต่นายออกจากห้อง ฉันนอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงอู้อี้ถามออกมา พิธานยิ้มออกมานิด ๆ เพราะรับรู้ถึงการสูดลมหายใจเข้าออกของพระพายจนรู้สึกอุ่น
“ใช่...ทุกคืนนี้ชอบตื่นมากลางดึก ลืมตามาแล้วไม่เจอนายนอนข้าง ๆ เจ็บจนนอนต่อไม่ได้เลย”
“ขอโทษนะ” พระพายถอยใบหน้าออกมาเล็กน้อย รู้สึกว่านี่เป็นความผิดของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“ขอโทษทำไม ฉันสิคนต้นเรื่องทั้งหมด” พูดไปพลางกอดพระพายไว้อยู่อย่างนั้น
“ผมคิดว่าคุณจะยอมแพ้แล้วเสียอีก” พระพายบอกจากใจจริง
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
“ผมคิดว่าคุณจะไม่ยอมตอนที่เจอกันที่บ้านพี่กล้วย..เอาจริง ๆ ผมแอบหวังว่าคุณจะโวยวายและลากผมกลับ ใช้กำลังบังคับผมด้วยความเกรี้ยวกราด” ได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากพิธาน หัวเราะเสียงแผ่ว แต่ไหล่สั่นจนรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวคงกำลังตลกมากกับสิ่งที่ได้ยิน
“ชอบแบบนั้นก็ไม่บอก นั่นมันทางของฉันเลยนะ”
“แล้วทำไมไม่ทำล่ะ” พระพายดันตัวเองออกมาเพื่อจะมองใบหน้าของพิธาน
“เคยบอกไม่ใช่เหรอ ไม่อยากบังคับนายอีกแล้ว..ฉันไม่อยากทำให้นายรู้สึกว่าฉันทำร้ายนายมากไปกว่านี้แล้ว”
“ผมเลยเข้าใจไปอีกแบบว่าคุณไม่ต้องการผมอีกแล้ว คุณคงมีคนใหม่มาแทนที่ผมแล้ว” นึกถึงตอนที่ตัวเองคิดแบบนั้นแล้วเจ็บปวด หากเป็นอย่างนั้นจริงพระพายคงช้ำในตายก็ได้
“ระหว่างรอนี่ทรมานมาก เลยยิ่งเข้าใจตัวเองว่าฉันรักนายมากขนาดไหน รัก.....รักจนนึกไม่ออกว่าถ้านายจากฉันไปฉันจะอยู่ได้ยังไง”
ความรู้สึกที่เหมือนกันเสียหมดนี้ มันยืนยันกับพระพายได้ว่าเขาคิดไม่ผิดที่ให้โอกาสตัวเองและพิธานอีกครั้ง คำว่ารักที่ได้ยินแล้วนุ่มฟูทั้งอก รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกาย จนแสบจมูกเหมือนน้ำตาทำท่าจะไหลเพราะความดีใจนี้ พระพายสุดจมูกฟุดฟิดเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
“อย่าร้องไห้” พิธานรีบห้ามขึ้นมาทันที ดวงตาฉ่ำวาวนั้นเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมารอมร่อ
“ทำไมล่ะ” พระพายถามทันที ปากเบะนิด ๆ เพราะพยายามกลั้นน้ำตา
“เวลานายร้องไห้กับอะไรแบบนี้ฉันทำตัวไม่ถูก”
“ยังไงล่ะ จะบอกว่าใจคอไม่ดีเวลาผมร้องไห้เหรอ”
“คงจะใช่...วันนั้นที่นายร้องไห้ ฉันเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ทั้งที่ตอนฉันฟาดฉันตีจนช้ำเลือด น้ำตาไม่เคยไหลแท้ ๆ”
“ตกใจเหรอ”
“อืม ถ้าร้องแบบนั้นไม่เอาแล้ว”
“แต่นี่ไม่ใช่แบบนั้นนะ...เพราะผมดีใจต่างหาก”
“กลายเป็นคนขี้แยไปแล้วเหรอ” พิธานล้อเลียนทางสายตา พระพายจึงรีบกลืนมันลงทันที
“พอเลย ไม่ร้องแล้ว” พระพายว่าพลางค้อนไปวงใหญ่
“อย่าร้องเลย..ฉันไม่ชินกับมัน แต่ถ้าร้องตอนทำเรื่องนั้นค่อยว่ากันอีกที” ได้ยินเช่นนั้นถึงกับต้องหัวเราะออกมา
“ว่าแต่ผม..คุณเองก็คิดเถอะ”
“คิดทุกอย่างที่เป็นนาย ตอนหลับ ตอนตื่น กินกาแฟ กินข้าว ยันไปถึงตอนล่ามโซ่นาย” พระพายอมยิ้มจนแก้มพอง
“มากจัง...ผมก็คิดถึงคุณมากเหมือนกัน”
“และแบบเดียวกันไหม” พิธานถามพลางยิ้มกริ่ม
“เหมือนกันเด๊ะ”
“เราเหมือนกันจนน่าตกใจ” พิธานว่า
“เราคงเหมาะสมกันละมั้ง” พระพายว่าพลางยิ้มจนตาหยี
“เหมาะกว่านี้ไม่มีแล้วล่ะ”
พิธานยิ้มให้พระพาย เป็นยิ้มสว่างจ้ามากสำหรับพระพาย สายตาที่มองกันนั้นต่างสะท้อนใบหน้าซึ่งกันและกัน ราวกับมีแรงดึงดูดประหนึ่งแม่เหล็กต่างขั้ว พิธานเลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากของพระพายแผ่วเบา....ความรู้สึกคิดถึงจับใจแผ่ซ่านไปทั้งอก รอยจูบที่ห่างหายมานานกว่าเกือบสี่เดือน นับตั้งแต่พระพายออกจากห้องไปจนถึงตอนนี้
จูบที่ไม่ได้รุกล้ำใด ๆ เป็นจูบละมุนนุ่มนวลที่พระพายได้แต่หลับตาพริ้ม ซึมซับมันจนใจเต้นรัว ดีใจจนไม่รู้จะต้องทำอย่างไรที่ได้มาอยู่ในอ้อมกอดของพิธานอีกครั้งหนึ่ง พิธานพร่ำจูบจนพระพายต้องเม้มปาก
“จะจูบแบบนี้อีกนานไหม” พระพายว่า
“อยากได้จูบแบบไหนล่ะ” พิธานถาม
“อ่า...คุณก็รู้นี่”
“ไม่ใช่ตอนนี้...ตอนนี้มันเวลาหวานแหววต่างหาก”
“มีกับเขาด้วยเหรอ” ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ต้องขำ
“มีสิ..ให้นายใจเต้นเป็นสาวน้อยบ้าง”
พระพายหัวเราะตัวโยนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสองคนนอนเล่นกัน พูดคุยกัน มีแกล้งกันไปมาบ้างอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวเลยสักนิด เพราะเวลานี้พิธานคิดถึงเสียงหัวเราะและมุกตลกของพระพาย อีกทั้งอยากมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่เขาแสนจะโหยหามาตลอด
“อ่อ..มีอะไรจะบอก...” พระพายพูดขึ้น
“หืม” พิธานก้มลงมองพระพายที่อมยิ้ม
“ผมรักคุณนะ”
พิธานตาค้างไปเล็กน้อย ทันใดนั้นเหมือนเห็นริ้วแดง ๆ แถวติ่งหู...พิธานเขินกับคำว่ารักของพระพายจนเก็บอาการไม่ทันและพระพายก็ได้เห็นมันเต็ม ๆ แต่จะไม่ล้ออย่างเด็ดขาด เพราะเอ็นดูพิธานที่ตอนนี้คงดีใจกับคำนี้อยู่
“ไม่คิดว่าจะได้ยินจริง ๆ” พิธานยิ้มออกมา
“ผมเองก็ไม่เคยพูดให้ได้ยิน มีแค่ข้อความบนกระดาษแถมตอนนั้นมันบรรยากาศหดหู่ไป”
“ขอบคุณจริง ๆ” พิธานว่าก่อนที่จะก้มลงจูบหน้าผากพระพายหนัก ๆ
พระพายหัวเราะออกมานิด ๆ ก่อนที่จะกดตัวเองเข้าไปในอ้อมกอดของพิธานซุกใบหน้าฝังบนอกของพิธาน เพื่อกลบความอายของตัวเองที่พูดคำนั้นออกมา ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ทั้งสองคนจะไปได้ไกลสักแค่ไหน แต่อย่างที่พิธานพูดเอาไว้ การทำทุกวันให้เหมือนวันสุดท้าย รักกัน ดูแลกัน ใส่ใจให้แก่กัน ทำตามหัวใจคือการอยู่เคียงข้างกันและกัน ใช้เวลาให้กันและกันอย่างเต็มที่ หากวันใดวันหนึ่งจะต้องแยกจากกัน จะไม่มีวันเสียใจและเสียดายในสิ่งที่ผ่านมา เพราะการอยู่ด้วยกันในตอนนั้นมันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ ซึ่งคงต้องปล่อยให้มันเป็นโชคชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่บันดาลไปในวันข้างหน้า
แต่ตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่เชื่อมั่นได้มากที่สุด คือทั้งสองเป็นของกันและกัน คู่เสมือนที่ต่างเติมเต็มให้กันและกัน ไม่อาจจะมีใครที่เหมาะสมซึ่งกันและกันได้มากไปกว่านี้แล้ว จากนี้ไปเชื่อมั่นว่าทั้งคู่จะมีความเข้าใจและมีความสุขกับรักที่เริ่มใหม่ในแบบฉบับของพวกเขาเอง...
-The end-