#เสียงโทรศัพท์
ใครมันช่างโทรมาแทรกได้พอเหมาะพอเจาะขนาดนี้
ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่กำลังดังออกมา
“อิเจสซี่” อิช้างนั่นเอง “โทรมาตอนกูกำลังมีเรื่องสำคัญเลยนะ”
“สำคัญแค่ไหนมึงก็ต้องอธิบายเรื่องนี้กับกูก่อน” อะไรของมันวะ มาถึงก็ฉอดๆใส่ผมเลย “บอกมาซิว่ามึงทำอะไรน้องอะตอม”
“ทำอะไรวะ” ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด “กูยังไม่ได้เจอน้องเลย... แต่พูดถึงขึ้นมาก็ดีแล้ว ส่งเบอร์โทรศัพท์ของอะตอมมาให้กูหน่อย กูจะโทรหาน้อง”
“กูโทรหาจนโทรศัพท์จะระเบิดอยู่แล้ว มึงรู้หรือเปล่าว่าน้องส่งข้อความมาบอกว่าขอลาออกจากการเป็นลีด”
“อะไรนะ!! ทำไม”
“กูต้องเป็นคนถามมึง”
“กูจะไปรู้ได้ไง ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เจออะตอมเลย”
“งั้นมึงก็จัดการเรื่องนี้เองก็แล้วกัน อิเล็กคุ้มคลั่งจะตายอยู่แล้วที่ผัวมโนของมันลาออก แต่ก็อย่างที่บอกนะ กูโทรไปหาน้องแล้ว โทรไปเยอะแล้วด้วย ไม่มีการรับสายเลย มึงพอจะรู้ไหมว่าน้องอะตอมอยู่ที่ไหน เผื่อกูจะพาอิเล็กไปวอนอ้อนให้น้องกลับมาได้”
“หยุดความคิดเลยนะ พวกมึงไม่ต้องไปยุ่งกับน้องเลย”
“โอ๊ย ช่วยๆเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้ เพื่อนอยากได้ผู้จนตัวสั่นก็หมดแล้วเนี่ย... เออใช่ พูดถึงเรื่องนี้ มึงนะมึง อิชา กูได้ข่าวมาว่าเดี๋ยวนี้น้องโซนิครูปหล่อมาดแมนแฮนซัมและกล้ามท้องเป็นลอนของกูไปคลุกคลีง้องอนอยู่กับขนมปังใช่ไหม เพราะมึงคนเดียวเลยที่ทำให้ผู้ชายของกูไปสนใจคนอื่น”
“มึงก็เลิกบ้าได้แล้วอิช้าง ผู้ชายของมึงอะไรกัน น้องมันจะรักใครชอบใครก็เป็นสิทธิ์ของน้องมันหรือเปล่าวะ กูไม่ได้ไปสั่งให้เขาสองคนชอบกันซะหน่อย”
“นี่แปลว่าโซนิคของกูกับขนมปังชอบกันจริงๆเหรอ อ๊ายยย มึง เป็นเพราะมึงเลยอิชา เพราะให้สองคนนั้นใกล้ชิดกันเกินไป....”
“อี สม เจต เลิกเล่นใหญ่ซะที.... กูมีเรื่องที่ต้องปวดหัวมากพออยู่แล้ว ส่งเบอร์น้องอะตอมมาให้กูเดี๋ยวนี้”
“ไม่ กูกำลังคุ้มคลั่ง...อ๊ายยยยยย”
“มึงได้คุ้มคลั่งจริงๆแน่ถ้ากูไม่แนะนำมึงให้บริษัทของแม่กู ยังอยากทำงานใน T-Queen World wide อยู่ไหม ถ้าอยากก็หุบปากเดี๋ยวนี้”
“เอ่อ.....” หยุดคลั่งเชียวนะมึง เจอคำขู่นี้ไปยังไงมันก็ต้องยอม “อ...เออก็ได้ เดี๋ยวกูส่งให้....ฮื่อๆ โซนิคสุดหล่อขอกู....”
“เดี๋ยว” ผมนึกบางอย่างขึ้นได้ “ส่งเบอร์ของแทนมาด้วย”
“เอาไปทำไม”
“กูบอกให้ส่งก็ส่งมาเถอะ ถามมากนะมึงอ่ะ กูยิ่งรีบๆอยู่”
“เออๆๆๆ เดี๋ยวส่งให้...... คอยดูนะมึง กูจะไปทวงโซนิคของกูคืนมา” แน๊ะ อินี้ ยังจะมาบ่นก่อนวางสายอีก
ผมรอข้อความจากอิช้าง สาเหตุที่ผมไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ของคนอื่นๆก็เพราะเป็นการแบ่งหน้าที่กันกับอิช้าง ถ้าเป็นเรื่องงาน อิเจสซี่จะรับภาระนั้นทั้งหมด ซึ่งก็คล้ายๆผู้นำเชียร์คนอื่นๆนั่นแหละ เราทุกคนต่างก็อยากแยกชีวิตส่วนตัวออกจากงานและคนที่ไม่จำเป็น แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ถือได้ว่าการติดต่อเด็กสองคนนั้นให้ได้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
#คุณได้รับ 1 ข้อความ
มาแล้ว
เมื่อได้รับข้อความจากอิช้าง ผมก็รีบติดต่อหาคนที่ต้องการทันที....
แต่.... อะตอมไม่รับสายจริงๆด้วย
งั้นก็คงต้องโทรหาไอ้น้องแทนแล้วล่ะ สองคนนี้อยู่ด้วยกันตลอด คงจะพอติดต่อถึงกันได้......
“สวัสดีครับ” แทนรับสายแล้ว
“แทนเหรอ นี่พี่เองนะ พี่น้ำชา” ผมบอก
“ครับพี่น้ำชา มีอะไรครับ”
“พี่พยายามติดต่อหาอะตอม แต่มันไม่รับสายพี่เลย อะตอมได้อยู่กับแทนไหม”
“...............” อะไรคือการเงียบวะ
“ฮัลโหลๆ” สัญญาณไม่ดีหรือไง “แทนได้ยินไหม พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับอะตอม”
“.......ครับ” ตอบมาแล้ว นี่ตกลงว่าสัญญาณไม่ดีหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ “ผมได้ยินครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาไปไหน”
“แปลว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรือว่าอยู่ด้วยกันแต่ไม่รู้ว่าอะตอมไปไหน”
“แปลว่าผมไม่อยากรับรู้ว่าเขาไปไหน” หือ???? ทำไมแทนพูดแบบนี้ล่ะ
“นี่เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า” ผมว่าผมพอจะสัมผัสถึงความผิดปกติบางอย่างได้นะ
“..............” ไม่ตอบ แบบนี้แปลว่ามีปัญหากันจริงๆ แปลกนะ ปกติเห็นแทนยอมน้องอะตอมตลอด มีโมเม้นทะเลาะกันขนาดนี้เลยเหรอ
“นี่มันเกี่ยวอะไรกับที่อะตอมขอลาออกจากลีดด้วยใช่หรือเปล่า” ผมพยายามจี๊ถาม
“ครับ!?” เสียงแบบนี้คล้ายว่าไอ้น้องแทนจะยังไม่รู้เรื่องนี้
“อะตอมส่งข้อความมาบอกว่าขอลาออกจากลีดคณะ นี่ทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้ากันเลยเหรอ”
“..............” ขยันเงียบจังวะไอ้น้องแทน “......ก็เรื่องของเขาซิครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมซะหน่อย”
นั่นไง มีเรื่องกันชัวร์ 2,000,000%
“เอางี้ พอจะรู้ไหมว่าอะตอมอยู่ที่ไหน พี่จัดการเองก็ได้”
“ผมไม่รู้หรอกครับ แต่คงอยู่ที่กาญจ์นี่แหละ”
“กาญจ์.... กาญจไหน? กาญจนบุรีน่ะเหรอ”
“ครับ”
“แล้วอะตอมไปทำอะไรที่นั่น”
“วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อผม ผมชวนเขามาไหว้พ่อที่กาญจ์ แต่....”
“เดี๋ยวๆๆๆ เดี๋ยวก่อนนะ” เอาล่ะ ขอใช้ความสามารถทางด้านการอนุมานให้เหตุผลมาปะติดปะต่อเรื่องนี้หน่อย “แทนพาอะตอมไปไหว้พ่อที่กาญจนบุรี แต่ว่าทะเลาะกัน อะตอมส่งข้อความมาขอลาออก นี่แสดงว่าเพิ่งจะทะเลาะกันใช่ไหมเนี่ย”
“................” การไม่ตอบครั้งนี้แปลว่าไม่ปฏิเสธแน่นอน
“แล้วทำไมแทนถึงปล่อยเพื่อนไว้ที่ต่างจังหวัดแบบนั้นล่ะ มันไม่อันตรายไปหน่อยเหรอ”
“เขาก็รู้จักที่นี่พอๆกับผม คงไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
“พี่จะเชื่อว่าอะตอมปลอดภัยก็ต่อเมื่อมีแทนอยู่ด้วย แต่ถ้าปล่อยอะตอมไว้คนเดียวแบบนั้น พี่พูดตามตรงว่า พี่ไม่แน่ใจเลย เป็นเพื่อนกันก็ทะเลาะกันบ้างมันคงไม่แปลก และพี่ก็ไปห้ามอะไรไม่ได้ด้วย แต่ถึงขั้นปล่อยเพื่อนไปแบบนั้น ออกจะโหดไปหน่อยนะ ที่พี่ฝากให้ดูแลอะตอมพี่ไม่ได้แค่พูดเฉยๆนะ แต่เพราะพี่รู้ว่าอะตอมยังไม่โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ซึ่งตอนนี้...พี่ไม่อยากจะเดาในแง่ที่ไม่ดีนะ แต่การที่อะตอมไม่รับโทรศัพท์ของพี่แบบนี้ อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้” อย่าหาว่าผมดูถูกน้องมันเลยนะ แต่อย่างอะตอม น่าจะยังไม่เจ๋งพอที่จะดูแลตัวเองด้วยตัวคนเดียวอยู่ที่ห่างไกลได้ น้องยังมีความเป็นเด็กและต้องการคนดูแลที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างไอ้น้องแทน
“................” เออ ไม่ตอบก็ไม่ตอบ
“ก็ได้ งั้นแค่บอกพี่มาก็ได้ว่าอะตอมอยู่แถวไหนของเมืองกาญจ์ พี่จะไปตามหาเองก็ได้ ยังไงพี่ก็เป็นรุ่นพี่ หน้าที่ของพี่คือดูแลน้องของพี่ทุกคน” ผมไม่เชิงว่าพูดหรอก เรียกว่าบ่นดีกว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอะตอมจะทิ้งโอกาสในการเป็นลีดแบบนี้ ไหนบอกว่าอยากใช้โอกาสนี้ตามหาแม่ไง อุตส่าเจอเบาะแสแล้วแท้ๆ”
“ว่าไงนะครับ!”
“โทษทีๆ พี่บ่นมากไปหน่อย บอกมาเถอะว่าอะตอมอยู่แถวไหน เดี๋ยวพี่จะตามหาเอง”
“ไม่ใช่ครับ พี่น้ำชาพูดเรื่องเบาะแส... เบาะแสของ...”
“ใช่ พี่ให้นักสืบตามหาเบาะแสของแม่อะตอมมาได้อาทิตย์นึงแล้ว เพิ่งได้เบาะแสนี่แหละ แต่ตอนนี้เบาะแสกำลังจะหายไปแล้วถ้าพี่ไม่ได้เจออะตอมภายในวันนี้”
“ยังไงครับ”
“เมื่อคืนวานทางการฟิลิปปินส์จับแก๊งค้ายากลุ่มเดี๋ยวกับที่จับตัวแม่ของอะตอมและชาวบ้านไปได้ ที่รู้เรื่องเร็วขนาดนี้ก็เพราะบังเอิญว่าเรือที่โจรปล้นไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน เป็นเรือที่บริษัทเอกชนในพม่าเช่าไปจากบริษัท KTYC นั่นก็คือบริษัทของครอบครัวพี่ตอง นักสืบก็มาจากบ้านพี่ตองนั่นแหละ แต่มันติดปัญหานิดหน่อยก็คือ หลายคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันตอนนั้นถูกส่งไปใช้แรงงานในอีกหลายประเทศตามเครือข่ายค้ายาเสพติดของพวกนั้น ทางนักสืบก็เลยอยากรู้ว่าหน้าตาของแม่อะตอมเป็นยังไง เขาจะได้ชี้แจ้งให้ทางการฟิลิปปินส์ส่งตัวกลับมาหาครอบครัวที่ไทย เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนไร้สัญชาติ ถ้าไม่มีใครไปยืนยันหรือระบุตัวตนภายในวันนี้ UN(ยูเอ็น)จะรับเข้าไปที่ดูแลตามโครงการ และเคลื่อนย้ายผู้เคราะร้ายทั้งหมดไปที่อเมริกา ซึ่งถ้าถึงตอนนั้น นักสืบของพี่จ้างคงเข้าไปแทรกแซงงานของ UN ไม่ได้.... เข้าใจหรือยังว่าทำไมพี่ถึงอยากเจออะตอมให้.....”
“น้ำชา”
หึ! ใครเข้ามาในห้องอีกละเนีย วันนี้กูถูกขัดจังหวะบ่อยไปแล้วนะ
“อ้าว พี่ท๊อป” พี่ท๊อปนั่นเอง “เอ่อ แทน แป๊บนึงนะ ถือสายรอเดี๋ยว พี่ขอคุยธุระก่อน..... มีอะไรครับพี่ท๊อป ”
“ชาอยู่นี่จริงด้วย... น้องเจสซี่บอกว่าชาอยู่นี่” พี่ท๊อปพูด
“ครับ แล้วพี่มีอะไรจะคุยกับชาเหรอ”
“พี่มีเรื่องอยากปรึกษาหน่อย พอจะมีเวลาไหม”
“เอ่อ...คือ...” จะบอกว่าไม่มีเวลาได้ไหม ยังไงก็อยากใช้เวลาตอนนี้ติดต่อหาอะตอมก่อน แต่นี่ก็พี่ท๊อป เอาไงดีวะกู
“บุ๋นขอเลิกกับพี่”
“ว...ว่าไงนะครับ!!!!!” ชิบหายแล้วไง เอาล่ะซิกู
“พอจะมีเวลาไหม พี่ไม่รู้จะหันไปคุยกับใครแล้ว” เวรกรรม พี่ท๊อปกำลังเศร้าสุดๆเลยนี่นา
ในฐานะน้องก็อยากปลอบใจพี่ท๊อปนะ แต่ในฐานะรุ่นพี่ผมก็อยากช่วยน้องอะตอมเหมือนกัน สำคัญกันคนละอย่าง จะเลือกทางไหนดีละเนีย
“เอ่อ...แทน...” ผมหันกลับมาคุยกับคนในสาย “จะว่าอะไรไหมถ้าพี่....” ไปไม่ถูกเลยกู
“ผมจัดการให้ก็ได้ครับ” จู่ๆไอ้น้องแทนก็อาสา “พี่จัดการธุระทางนั้นเถอะครับ”
“แต่เอ็งสองคนทะเลาะกันอยู่ไม่ใช่หรือไง นี่มันเรื่องสำคัญเกี่ยวกับครอบครัวของอะตอมนะ พี่จะไว้ใจคนที่กำลังทะเลาะกันได้ยังไง”
“ไม่ต้องไว้ใจหรอกครับ แต่ผมเป็นคนเดียวที่สามารถตามหาเขาได้เร็วที่สุดในตอนนี้”
“อ...เออๆ เอางั้นก็ได้” ก็มีแค่วิธีนี้เท่านั้นแหละในสถานการณ์แบบนี้ “งั้นเดี๋ยวพี่จะส่งเบอร์ของคนที่แทนจะต้องประสานงานด้วยไปให้ก็แล้วกัน”
“ครับ”
“แล้วก็อีกอย่าง... ถ้าไม่อึดอัดเกินไป ช่วยขอร้องให้อะตอมกลับมาเป็นลีดแทนพี่ด้วยนะ”
“...............ครับ” ตอบรับได้ลังเลสุดๆไปเลยไอ้น้อง
อ้าว วางสายไปซะแล้ว
เอาเถอะ รีบส่งเบอร์ของอาวินัยให้ไอ้น้องแทนก่อน
‘0XX-XXX-XXXX ติดต่อเบอร์นี้นะถ้าเจออะตอมแล้ว เขาจะประสานเรื่องกับนักสืบให้’ ผมพิมพ์ข้อความส่ง
“ชา” พี่ท๊อปเรียกผม
“เกิดอะไรขึ้นครับ” โอเค สนใจเรื่องทางนี้ก่อนก็ได้วะ ปรับอารมณ์ไม่ทันเลยกู “ทำไมพี่บุ๋นถึง....บอกเลิกพี่แบบนั้นอ่ะ”
“เพราะพี่กับบุ๋นกำลังจะหมั้นกัน”
“อะไรนะ!?!?” วันนี้มีเรื่องให้ตกใจเยอะไปนะ ชีวิตปีหนึ่งที่ว่ายากของกู รู้สึกว่าปีสองจะไม่เบาลงเลย
พี่ท๊อปนั่งลง จะเรียกว่านั่งดีไหมนะ เรียกว่าทรุดลงไปกับพื้นดีกว่า นี่ต้องเศร้าแค่ไหนเนียถึงจะทำให้เพอร์เฟ็คแมนอย่างพี่ท๊อปนั่งกอดเข่าซังกะตายได้
“เล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ” ผมแตะไหล่ชายผู้เศร้าสร้อยและนั่งลงข้างๆเขา “ทำไมพี่สองคนต้องเลิกกันด้วย ทั้งๆที่จะหมั้นกัน.... ว่าแต่ จะหมั้นกันจริงๆเหรอครับ”
“ใช่ เรื่องนี้พ่อของบุ๋นเป็นคนออกปากเองเลย เมื่อคืนวานนี้เอง”
“แล้ว....?”
“มันตรงกับช่วงเดียวกับที่พี่กำลังจะได้เดบิวต์”
“เดบิวต์? หมายถึง การได้เป็นศิลปินมีชื่อของวงการเพลงเกาหลีน่ะเหรอ แล้วมันเกี่ยวกันยังไงครับ”
“ชาไม่รู้เหรอ คู่ของพี่ไม่เหมือนคู่ของตองกับชานะ หรือต้อมกับน้ำขิง หรือสุ่ยกับข้าวเจ้า พี่อิจฉามากเลยรู้ไหมที่พวกชาสามารถเปิดเผยความสัมพันธ์กันได้ ถึงแม้จะมีคนรู้เรื่องของพี่กับบุ๋นอยู่บ้าง แต่ก็มีแค่พวกเราที่สนิทกันแล้วก็พนักงานที่บริษัทของพ่อบุ๋น แต่ถึงยังไงเรื่องของพี่กับบุ๋นก็ยังต้องเก็บไว้เป็นความลับ เพราะมันจะมีผลอย่างมากกับการเป็นศิลปินที่เกาหลี คนที่โน่นยังไม่ยอมรับเรื่องอะไรพวกนี้ ซึ่งพี่กับบุ๋นก็เข้าใจและเราก็ตกลงกันว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่...”
“แต่ถ้าถึงขั้นมีงานหมั้น มันก็คงยากที่จะเป็นความลับใช่ไหมครับ” ผมเดา “และพี่บุ๋นก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้พี่ท๊อปเกิดข่าวเสียหายจนต้องเสียโอกาสที่เกาหลีไป”
“ใช่” พี่ท๊อปตอบเศร้าๆ จมในอารมณ์ยิ่งกว่าเดิมอีก “พี่ไม่เคยต้องการให้มันเป็นแบบนี้เลยนะ ถ้าเลือกได้พี่ก็ไม่อยากเป็นไอดอลแล้ว แต่บุ๋นไม่ยอมท่าเดียว สุดท้ายเราทะเลาะอย่างหนักเพราะพี่ยื่นคำขาดว่าพี่จะเลิกเป็นศิลปินฝึกหัดและไม่ทำงานที่เกาหลีอีกแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าบุ๋นจะยืนคำขาดกับพี่เหมือนกัน บุ๋นไม่ให้ทางเลือกกับพี่เลย บุ๋นทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้งานหมั้นเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้พี่ยกเลิกสัญญากับค่าย เพื่อให้พี่ได้ไปต่อในหน้าที่การงาน จนถึงขั้น ยอมเดินจากพี่ไป”
“พี่บุ๋นเขาอาจจะแค่...สับสนอยู่ก็ได้ เขาคงเป็นห่วงอนาคตของพี่ท๊อปมาก จนตัดสินใจอะไรผลีผลามไป ถ้าทุกอย่างเย็นลง อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ”
“เจ้าของบ้านเช่าที่พี่กับบุ๋นอยู่ มาบอกพี่ว่า บุ๋นไปขอยกเลิกสัญญาเช่าบ้านแล้ว บริษัทขนย้ายวัสดุก็โทรมาบอกว่าจะเข้ามาเก็บของของบุ๋นทั้งหมดออกไปเย็นนี้... แบบนี้ยังจะบอกว่าบุ๋นสับสนอยู่ไหม”
“เอ่อ....” คุณพระช่วย นี่พี่บุ๋นใจแข็งขนาดนี้เลยเหรอ เวรแล้วไง จะช่วยยังไงดีล่ะคราวนี้ “มันต้องมีวิธีซิ ชาขอคิดแผนแป๊บนึง”
“มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อบุ๋นเขาเป็นคนบอกเลิกเอง พี่ทั้งอธิบายทั้งง้อทุกอย่างแล้ว แต่เขาก็เลือกที่จะเดินหนี เชื่อไหมล่ะว่าบุ๋นออกไปจากบ้านเช่าตั้งแต่เมื่อคืน ไม่กลับเข้ามานอนแม้กระทั่งที่พักของตัวเอง จะมีแผนไหนที่จะให้เขากลับมาได้อีกล่ะ หรือต่อให้บุ๋นกลับมาจริงๆ นั่นก็แปลว่าพี่ยอมที่จะยกเลิกการหมั้นและเดบิวต์เต็มตัว ซึ่งมันก็แทบไม่ต่างอะไรเลยกับการที่เราต้องเลิกกัน”
“อย่าเพิ่งหมดหวังซิพี่ท๊อป” ผมพยายามปลอบ “ผมรู้จักพี่บุ๋นดี ที่พี่เขาทำแบบนี้เพราะรักพี่มาก และที่ไม่ยอมนอนที่บ้านเช่าก็คงเป็นเพราะทนเห็นพี่ท๊อปไม่ได้ พี่เขาคงกลัวว่าจะเกิดใจอ่อนขึ้นมา พี่บุ๋นอ่ะรักพี่ท๊อปอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เชื่อชาเถอะ”
“รักแบบนี้ มันเป็นรักยังไงกัน ทำไมความรักของพี่ไม่เหมือนคนอื่นๆบ้าง...”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก
อะไรอีกล่ะเนีย ใครมาเคาะห้องตอนนี้วะ กูเบื่อการโดนขัดจังหวะจริงเว้ยยยยย
ผมลุกมาเปิดห้องซ้อมเต้น
“อ้าว น้องครีม” น้องครีมนั่นเอง “กลับมาทำไมอ่ะ ไม่อยู่ช่วยงานที่โรงพยาบาลเหรอ” ที่ผมถามก็เพราะผมเพิ่งจะสั่งน้องไปเมื่อเช้านี้เองว่าให้ไปหาหมอพิชิตและช่วยงานที่โรงพยาบาลเหมือนอย่างอะตอมและแทน
“อาจารย์พิชิตท่านไม่อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ” น้องตอบ “ ก็อยู่ค่ะ หนูได้พูดคุยกับท่านแล้ว แต่ท่านบอกว่าตอนนี้โรงพยาบาลมีการตรวจสอบการคุณภาพของโรงพยาบาล ก็เลยไม่ว่าง ตอนนี้ห้ามมีนิสิตช่วยงานในโรงพยาบาลด้วย หนูก็เลยช่วยงานไม่ได้ เพราะงั้น... หนูไม่รู้จะไปไหน ก็เลยต้องกลับมาหาพี่ที่นี่ เผื่อว่าพี่น้ำชาจะมีอะไรอย่างอื่นให้หนูช่วย”
“พี่คงไม่มีอย่างอื่นให้ช่วยหรอก” ผมสารภาพตามตรง ไม่มีแผนสำรองเลย ยิ่งในเวลาแบบนี้ยิ่งไม่มี ถ้าอยากให้ช่วยก็คงอยากให้ช่วยปลอบหนุ่มหล่อที่นั่งเศร้าอยู่ในห้องซ้อมนั่นแหละ ถ้าได้สาวสวยแบบนี้มาปลอบใจอาจจะดีขึ้นละมั้ง.... เดี๋ยวววววววนะ!!! เหมือนจะคิดอะไรออกแล้ว “พี่นึกออกแล้วว่าจะให้ครีมช่วยพี่ทำอะไร”
“ได้เลยค่ะ” น้องกระตือรือร้นทันที “หนูก็อยากทำอะไรบ้าง เดี๋ยวคนอื่นๆจะหาว่าหนูไม่ทำอะไรเลย”
“งั้นช่วยพี่เรื่องนี้ก็แล้วกัน..................
..................ช่วยทำให้ใครคนหนึ่งหึงหน่อย”