The Disease Called Love
Mom : กันต์ พอมีให้แม่สักหมื่นไหมลูก
Mom : พ่อเขาดื่มอีกแล้ว
Mom : แม่จะทำยังไงดีกันต์
“ฮัลโหลครับแม่”
‘พ่อแกเขาเมาอีกแล้วกันต์ เขาติดเหล้าแล้ว แม่บอกยังไงก็ไม่ฟัง จะให้แม่ทำยังไง’ ผมฟังเรื่องนี้มา 20 ปีแล้ว
“เลิกกับเขา แล้วมาหากันต์ เดี๋ยวกันต์เลี้ยงเอง” ผมพูดเรื่องนี้มาพันครั้งแล้ว
‘จะไปได้ยังไงลูก หนี้ก็เยอะ กันต์ก็ยังเรียนอยู่’
“เดี๋ยวค่อยๆใช้ เดี๋ยวกันต์ออกมาทำงานให้”
‘วันนี้พ่อเขาเมามาจากที่ทำงาน เขามาถึงเขาก็ด่าแม่...’ ผมได้ยินเสียงสั่นมาจากปลายสาย แม่คงร้องไห้เป็นครั้งที่หมื่น
‘แม่จะพาเขาไปเลิกเหล้า’ และพูดแบบนี้มาครั้งที่แสน
‘แม่จะทำยังไงดีกันต์’
“เลิกกับเขาสิ”
‘เขาด่าแม่ เขาว่าแม่ แม่ป่วยนะกันต์แต่เขาไม่เคยสนใจ’
“เลิกกับเขาสิ”
‘แม่จะทำยังไงดี’
“เลิกกับเขาไง”
‘แม่จะทำยังไงดีลูก’
“แล้วจะให้กันต์ทำยังไง”
ผมคือคนที่จะต้องร้องไห้กับเรื่องนี้ไปอีกล้านครั้ง ผมไม่เคยอยากรวยแบบที่กันย์เป็น ไม่ได้อยากขับรถหรูแบบภัทร ไม่ได้อยากสะพายกระเป๋าใบละหลายหมื่น
ผมในวัย 20 แค่อยากมีแม่ที่พร้อมจะฟังว่าวันนี้ผมทำงานเหนื่อยไหมแล้วผมก็จะถามแม่กลับว่าแล้วแม่ขายของเหนื่อยรึเปล่า อยากมีพ่อที่ปรึกษาได้ว่าเรียนจบแล้วควรไปทำอะไรต่อไม่ใช่พ่อที่โทรไปทุกครั้งแล้วหาข้ออ้างไปกินเหล้า ผมแค่อยากมีครอบครัวที่ดี ผมรู้นะว่าไม่มีใครเลือกเกิดได้แต่ผมก็เฝ้าถามตัวเองอยู่ทุกวันว่าผมเกิดมาทำไม
...ถ้ามันเลือกเกิดไม่ได้แล้วผมเลือกที่จะตายได้ไหม...
Kantarat : กันต์ คะแนนมิดเทอมคุณแย่มากเลยนะ
“กันต์ เป็นอะไร”
“ครับพี่“ ผมหันไปหาพี่ที่ทำงานด้วยกันมาสักพักแล้ว
“ไหวไหมเรา” หน้าพี่เขาดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมยิ้มให้เพื่อบอกว่าไม่เป็นไร
“ไหวครับ พี่ดลพอมีงานให้ผมทำไหมพี่” ผมถามเพราะได้ยินว่าพี่ดลทำอยู่สองที่
“แกเรียนด้วยมันจะไหวเหรอวะ” ผมคิดตามก่อนจะนึกถึงข้อความจากอาจารย์กานต์ แต่ก่อนที่จะคิดอะไรต่อก็มีเสียงเรียกจากหน้าบาร์
“กันต์ ลูกค้าเรียก”
งานของผมเป็นแค่ลูกมือบาร์เทนเดอร์ที่คอยบริการลูกค้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นถึงไม่น่าจะมีคนมาหาถึงที่นี่ได้ผมคิดว่าคงเป็นภัทร แต่ผิดคาด
“รับอะไรดีครับ” ผมถามลูกค้าหน้าใหม่แต่คุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน
“เมื่อไหร่จะกลับห้อง” วันนี้คุณชายมาด้วยชุดหล่อเหมือนตอนที่ออกไปเที่ยวกับแฟนสาว เสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่ดูธรรมดาแต่ราคาไม่ธรรมดาส่งผลให้กันย์ดูเด่นขึ้นมาในบริเวณหน้าบาร์
“เป็นมาร์ตินี่ไหมครับ”
“อืม”
ผมไม่ตอบแต่ถามคำถามใหม่แทน ก่อนจะเดินไปคิดเงินแล้ววางบิลให้ลูกค้า กันต์วางแบงค์พันลงในถาดสีเงิน ผมหยิบมันไปและคืนเงินทอนให้ลูกค้าซึ่งเขาไม่รับมันกลับแต่อย่างใด ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นผมจะยกมือไหว้แล้วขอบคุณสำหรับทิป
แต่กับเขา ...ผมไม่ต้องการ...
“เลิกงานกี่โมง”
ผมกะจะเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่พี่ดลกลับบุ้ยใบ้ให้ผมดูแลลูกค้าคนนี้ให้ดี
“สี่ทุ่มครับ” ผมตอบ ก่อนจะเริ่มทำงานของตัวเองอีกครั้ง
ผมขึ้นมานั่งบนรถคันสวย อาจจะเพราะมันแพงถึงทำให้เสียงข้างในเงียบสนิทจนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง ผมไม่รู้ว่ากันย์มาที่นี่ได้ยังไง เพราะเขาไม่ได้รู้ว่าผมทำงานที่ไหน และสุดท้ายแล้วคือไม่รู้ว่าเขามีเหตุผลอะไรถึงได้มา
“เหนื่อยไหม” กันต์ถามขึ้นมา ผมเหนื่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป จนกระทั่งมือใหญ่เอื้อมมากอดผมไว้แน่น ในตอนนั้นถึงได้รู้ว่าผมคิดถึงเขามากจริงๆ
ในห้องเดิม บรรยากาศมืดสลัวเช่นเดิม ผมปล่อยให้กันย์ทำในสิ่งที่อยากทำ เราจูบกัน นัวเนียกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ผมวางมือลงบนหน้าอกแน่นตึงก่อนจะหย่อนตัวลงบนร่างกายที่แข็งจัด มันฝืดเคือง แน่นจุก แต่ก็สุขสม
“นั่งลงให้สุดสิ” ผมกัดปากอดทนให้ร่างกายของอีกคนแทรกเข้ามา จนเมื่อก้นของผมแนบสนิทกับสะโพกเขาถึงได้ครางออกมา
“อื้ม กันย์”
กันย์ยิ้มอย่างที่รู้ว่ากำลังพอใจ คุณชายขยับตัวขึ้นมานั่งแล้วกอดผมไว้ เราจูบกันอีกครั้งพร้อมพร้อมกับที่ผมเริ่มขยับขึ้นลง เสียงหอบหนักของกันย์ทำผมย่ามใจ แม้จะบอกตัวเองหลายครั้งต่อหลายครั้งว่าเขาไม่มีทางรักผม
แต่กับร่างกายผม...กันย์เสพมันบ่อยกว่าผงสีขาวข้างตัวเสียอีก
“คิดถึง” เสียงทุ้มบอก
ผมซุกหน้าลงบนซอกคอหนาของกันย์ กอดเขาไว้แน่น กดสะโพกลงไปให้หนักสุดจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่น ความคับแน่นตอนแรกอ่อนนุ่มลงเพราะผมเริ่มชินและเพราะน้ำหล่อลื่นของอีกคนที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย และยิ่งขยับมันก็ยิ่งเหนียวข้นเป็นฟองครีม
“กูมีสิทธิ์ใช่ไหม” ผมยกตัวค้างไว้ มองหน้าเขา กดจูบลงบนปากสวยของเขา อ้าปากให้เขาสอดลิ้นเข้ามา และในตอนที่กันย์ทนไม่ไหวเขาก็จับผมกดลงบนเตียงแล้วกระแทกตัวเข้าย้ำๆหนักๆ
ผมไม่ชอบการเป็นฝ่ายรับเพราะมันเจ็บมากกว่าเสียว มันไม่ได้คุมเกมส์ ไม่มีใครที่ไหนที่ชอบเป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำอยู่แล้ว แต่กันย์รู้ว่าควรทำยังไง เขาถอนตัวออกแทบหมดแล้วกระแทกเข้ามาสุดแรง
“หน้ามึงแม่งโคตรเงี่ยน” กันย์บอก ผมมองหน้าตาเฉยชาของเขาที่บัดนี้แดงระเรื่อ ตาคมที่ปกติน่ากลัวฉ่ำไปด้วยมวลของความอยาก
“หน้ามึงก็เหมือนกัน” ผมอ้าขาให้กว้างขึ้นเพราะรู้ว่ากันย์ชอบแบบไหน
“Darling is calling”
เรามองโทรศัพท์เครื่องหรูที่สั่นเสียงดังบนโต๊ะหัวเตียง ผมขมิบสิ่งที่แทรกอยู่ในตัวแน่นเพราะสัญชาตญาณ กันย์ซี๊ดปากเสียงดังแล้วกดปิดโทรศัพท์เครื่องนั้นเสีย
“ไอ้ภัทรสอนอะไรมึงมา” เขาก้มลงกัดยอดอกผม
“แม่ง เสียว” ผมบิดตัว บางทีคงส่งผลต่อท่อนล่างด้วย เพราะแรงกระตุกของสิ่งนั้นทำผมแทบจะเสร็จ ผมมองร่างกายตัวเองที่แข็งจัดจนแดง น้ำคาวสีใสเปื้อนไปทั่วหน้าท้อง มันกระตุกเหมือนอยากจะให้ผมสัมผัส แต่ไม่ต้องถึงมือผม เพราะแค่กันต์กระแทกตัวเข้ามาไม่กี่ทีผมก็เสร็จ โดยที่ไม่ต้องแตะอะไรด้วยซ้ำ
“แตกไวไปนะ” กันย์ว่าทั้งๆที่ไม่หยุดขยับ
“อื้อ” ผมพยายามดันตัวกันย์ออกเพราะขืนยังกระแทกอยู่แบบนี้ผมคงจะได้เสร็จอีกรอบ แต่คนอย่างคุณชายไม่มีทางจะหยุดง่ายๆแน่นอน
“ไปเลี้ยงที่ไหนดีเรา” แพทถามขึ้นในตอนที่ส่งรายงานเล่มสุดท้ายจบ
“เลี้ยงทุกงานเลยมึง” ภัทรบ่น
“ไปด้วยกันสิกันต์เล็ก” เจคถาม ผมส่ายหัว
“มันไม่ว่างหรอก” ภัทรตอบแทน แพททำหน้าหงอยเพราะแม้เธอจะชวนกี่ครั้งผมก็ไม่ว่างสักครั้ง จริงๆไม่ใช่ว่าผมไม่ว่าง แต่ผมไม่มีเงินพอที่จะกินข้าวมื้อละหลายพันแบบพวกเขา
“ไปด้วยกันสิ” กันย์พูดขึ้นมา ทั้งๆที่ปกติถ้าที่ไหนมีผม ที่นั่นจะไม่มีเขา
“เออ ชวนน้องลูกหมีไปด้วย ครบแกงค์” ภัทรว่าด้วยหน้าตายิ้มแย้ม และเพราะเป็นภัทรผมถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ยิ้มที่เป็นมิตร
“ใช่ๆ เดี๋ยวแพทโทรหาน้องเลย”
และแล้วผมก็มานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นราคาแพงแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ผมมองราคาอาหารและมองเงินสองพันบาทในกระเป๋า ภัทรเหมือนจะรู้มันถึงได้มองเหยียดผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“สวัสดีค่าพี่ๆ”
ดูเหมือนมีสิ่งที่ทำให้ผมสนใจมากกว่าเงินเสียแล้ว หญิงสาวหน้าตาสวยน่ารักตามฉบับลูกคนมีเงินนั่งลงตรงข้ามผม ข้างๆคนที่อยู่กับผมเมื่อคืน
ผมจำอะไรไม่ได้มากนัก จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากินอะไรลงไป ผมพยายามไม่มองพวกเขา แต่ผมกลับเห็นแหวนคู่ของพวกเขาชัดเจน คุณชายคีบปลาดิบออกจากจานเธอเพราะเธอไม่กิน รินชาที่พร่องจากแก้วให้เธอ และเห็นภัทรกำลังทำหน้าเหมือนอาหารไม่อร่อย ผมควรสบายใจดีไหมที่เขาไม่ได้มองเหยียดแค่ผมคนเดียวแต่ใช้สายตาแบบนั้นกับคู่รักตรงหน้าด้วย
“ปกติกลางคอร์สโอมากาเสะแบบนี้ไม่มีใครเดินออกมาเข้าห้องน้ำ” ภัทรบอกก่อนจะผลักผมเข้ามาในห้องน้ำชาย
“รู้ไหมว่าอาหารมื้อนี้เท่าไหร่” ผมส่ายหน้า
“โอมากาเสะซูชิคอร์สหลังห้าโมงเย็นเท่ากับแปดพันบาท ไม่รวม service charge 10% กับ vat 7%”
ผมกำมือแน่น
“อยากจ่ายด้วยอะไรล่ะคนสวย” ภัทรยิ้มจนตาเรียวแทบจะปิด ผมดึงป๊อบเปอร์ในกระเป๋าเสื้อเขาที่พกอยู่ตลอดมาสูดแล้วเบียดตัวเข้าหาร่างขาวแกร่ง สอดมือเข้าไปในเสื้อภัทรเพื่อลูบมัดกล้ามแน่นมือ
“เลี้ยงกูได้ไหม”
ภัทรโคลงหัว ก่อนจะมองผมนิ่งแล้วฉกจูบลงมา
“ให้กูเอาสิ กูจ่ายให้ได้หมด”
Dai_Hiro : Hi, My name is Hiro I’m living and working in Bangkok
Dai_Hiro : I’m really happy that we’re match!
Dai_Hiro : คุณ น่ารัก
TBC.
________________________________
* Neru & z'5 - 病名は愛だった(The Disease Called Love)
https://youtu.be/kK6v0-WVwwoเริ่มตั้งแต่บทที่ 3 เป็นต้นมาค่ะที่เราใช้เพลงคุม mood&tone ของแต่ละตอน
และบ้างใช้เป็นชื่อตอน เดี๋ยวเราจะกลับไปใส่ credit เพลงไว้ที่ท้ายตอน
เผื่อใครสนใจลองหาฟังดูได้ค่ะ แต่อาจจะไม่ถูกจริตนะ 555
และที่ตอนนี้มาเป็นเพลงญปเพราะตอนหน้าหนุ่มญี่ปุ่นหน้ามนคนคาวาอี้จะมาเบียดเรทติ้งผชจีน 555555
เห็นคอมเมนต์แล้วตกใจมาก ขอบคุณที่ชอบนะคะ