เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน จาก
จุมพลกลับมาในสภาพเซื่องซึม กินข้าวด้วยกัน แต่กินไปแค่ไม่กี่คำ ก็บอกว่าพอแล้ว ไม่ค่อยหิว ปกติจะมีเรื่องให้พูดคุยกันตลอด แต่ในวันนี้เราไม่มีเรื่องคุยกัน
“ผมกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วใช่มั้ย”
เงยหน้าขึ้นถามคนที่นั่งกินข้าวด้วย คุณไอศูรย์มีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ทุกข์ร้อนแต่ตอบคำถามของจุมพลด้วยการวางช้อนกับส้อมลงทันที จงใจให้รู้ว่าไม่กินข้าวแล้วและลุกขึ้นเดินหนีไปดื้อ ๆ
ไม่มีคำพูดปลอบใจ ไม่มีการแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งหมดนั้นคือคำตอบของคุณไอศูรย์ แม้ไม่มีคำพูดออกมา แต่จุมพลก็รู้คำตอบอย่างแน่ชัด ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก และค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ รู้ได้ทันทีว่าไม่มีทางที่ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ทุกทีผมไม่เคยคิดอะไร แต่วันนี้ผมเพิ่งคิดได้
...........คุณไอศูรย์ คุณเป็นคนที่ทั้งโหดร้าย และเย็นชาเหลือเกิน...........ทั้งที่คุณก็เห็นว่าเราสองคนร้องไห้กันมากขนาดไหน
คุณก็รู้ว่าเรากลับไปเริ่มต้นกันใหม่ได้ แต่คุณไม่ยอมให้ผมกลับไปแล้ว ผมไม่น่าปากพล่อย บอกว่าไม่ใช่ของเล่นของคุณเลย
เพราะตอนนี้คุณเล่นพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองให้ผมเห็นอย่างลึกซึ้งที่สุด คุณจริงจังกับผมมาก ไม่ใช่ต้องการจะเล่น ๆ ด้วย แต่กลายเป็นตัวผมเอง ที่ไม่พร้อมที่จะให้คุณจริงจังด้วย
โทษคุณก็ไม่ถูก ผมต้องโทษตัวเอง ที่เป็นคนใจคอโลเล สุดท้ายคนที่อยู่ในสถานะกลับไม่ได้ไปไม่ถึง ก็คือผมเอง จุมพลเก็บจานชามวางลงไปในซิ้งล้างจาน จัดการล้างจานและคว่ำเอาไว้ที่ชั้นวางเรียบร้อย เช็ดมือจนแห้ง และก็เดินออกมาจากครัว คุณไอศูรย์ไม่มีคำพูดอะไรเลยในวันนี้ เราเคยทะเลาะกันบ้างก็จริง แต่เป็นการกลั่นแกล้งและยั่วโมโหกันไปมามากกว่า ไม่ใช่บรรยากาศอึมครึมที่ต่างคนต่างไร้คำพูดกันอย่างนี้
จุมพลอยากจะพูดบางอย่างกับคนที่นั่งนิ่ง ๆและทำงานไปเรื่อยๆ อ้าปากหลายครั้ง อยากจะพูดอยากจะถามอะไรตั้งมากมาย
แต่ก็ต้องหุบปากและเดินตรงไปที่หน้าโซฟาที่เป็นที่นั่งประจำของตัวเองในทุก ๆ วัน เรื่องของผมกับหญิงมันจบไปแล้ว
สิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้ คือเราไม่มีทางเดินกลับไปที่เดิมของเราสองคนได้ ได้แต่เก็บความทรงจำที่เคยมีต่อกันเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
เก็บเอาไว้............
จุมพลนั่งมองปลายนิ้วของตัวเองสลับกับมองแผ่นหลังของคนที่นั่งทำงาน คุณไอศูรย์นิ่งเงียบตั้งแต่เราเดินออกจากโรงแรมที่นัดพบหญิงเพื่อไปเคลียร์เรื่องทุกอย่างด้วยกัน เราต่างรู้ เกมส์นี้มีคนควบคุม และคนควบคุมเกมส์ที่แท้จริงคือคุณไอศูรย์ เราสองคนไม่มีสิทธิ์เลือกใด ๆ ทั้งสิ้น จุมพลรู้ว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางทำอะไรได้อีกแล้ว ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับไป โดยไม่มีปัญญาปริปากพูดอะไรได้ ควรรู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว แต่ในความเจ็บปวดนั้นกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนที่แสนเย็นชาที่ทำร้ายจิตใจกันได้ลงคอ ....................คุณโคตรจริงจังกับผม................... จริงจังมากที่สุด แต่คุณไม่เคยพูดออกมาเท่านั้น
การกระทำบางอย่างมันชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดร้อยพัน
จะมีผู้ชายคนไหนกล้าไปขอผู้ชายด้วยกันเอง จากผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก และในขณะนี้ก็ยังรักกันอยู่ เพียงแต่....ก่อนหน้านี้เราไม่พยายามเข้าใจกันเท่านั้น ผมรู้คุณเองก็มีศักดิ์ศรี การทำแบบนี้ ตัวคุณเองก็เสียหาย มีสิทธิ์ถูกมองอย่างเหยียดหยามได้ง่าย ๆ
แต่คุณก็ยังทำ คุณกล้าขอผมกับหญิง แค่สิ่งนี้ก็พิสูจน์ความจริงใจของคุณให้ผมรู้โดยไม่ต้องพูดกันให้มากความแล้ว เรื่องที่ผมสงสัยยังมีอยู่อีกเล็กน้อยเท่านั้น คุณรู้สึกกับผมเกินกว่ารูมเมทตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณไม่เคยแสดงปฏิกิริยาอะไรให้ผมรับรู้เลย
ผมเป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งที่อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ไม่เคยรู้ว่าที่จริงแล้วคุณคิดกับผมยังไง
“คุณ.........ไอ.......ศูรย์....ครับ”
จุมพลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และก็ตัดสินใจเรียกคนที่กำลังทำงานอยู่ คุณไอศูรย์เหมือนชะงักนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หมุนเก้าอี้หันหน้ามามองหน้าของจุมพลนิ่ง ๆ อย่ามองผมแบบนั้นเลย ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว ผมไม่กล้าสู้สายตาคุณเลย พอถูกคุณมองด้วยท่าทีนิ่งเฉยแบบนี้ ผมก็นึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ
ผมไม่เคยคิดว่าคุณน่ากลัวเลยนะ เพิ่งมีวันนี้แหละที่ผมรู้สึกว่า.............ผมกลัวคุณ...........
“ผม....ผม...กลับบ้าน.....ได้แล้วใช่มั้ยครับ...เรื่องของผม.....ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว”
พูดสิ่งที่ใจคิด แต่น้ำเสียงเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ
คุณไอศูรย์ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ไม่นานคนที่เงียบมาตลอดก็ยอมตอบ
“ตามใจ”
แค่นี้เองเหรอ ทั้ง ๆ ที่เป็นคุณเองที่ลากผมมาด้วยจนป่านนี้ แต่คุณก็ตอบผมง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ
“แล้ว.....เอ่อ กุญแจบ้านกับกุญแจรถ”
คุณไอศูรย์เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน และหยิบทั้งกุญแจบ้านและกุญแจรถของจุมพลออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“................”
วางสิ่งที่จุมพลทวงถามเอาไว้ และคุณไอศูรย์ก็หมุนเก้าอี้กลับไปก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปโดยไม่พูดอะไรอีก
คนที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากกลายเป็นจุมพล นั่งหายใจไม่ทั่วท้องอยู่นาน สุดท้ายตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาคุณไอศูรย์ที่โต๊ะทำงาน
เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่เหมือนอยู่กันไกลแสนไกล จุมพลหยิบกุญแจบ้านและกุญแจรถขึ้นมาถือเอาไว้ และมองคุณไอศูรย์ที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“ผม.......กลับตอนนี้.....เลย...ได้มั้ย”
ที่จริงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต แต่ไม่รู้ทำไมการขออนุญาตถึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่จุมพลคิดว่าต้องพูดกับคุณไอศูรย์ไปแล้ว
“ได้”
ทำไมถึงได้ตอบแค่นั้น ทำไมถึงได้พูดแค่นั้น ทำไมถึงได้เย็นชากับผมขนาดนั้น คุณเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนบงการชีวิตผม พอคุณได้ทุกอย่างตามใจตัวเองแล้ว คุณก็มาเย็นชาใส่ผม ทั้งเมินเฉย ทั้งเย็นชาใส่ ทั้งที่สภาพจิตใจผมตอนนี้เป็นยังไงคุณก็ไม่คิดจะรับรู้ คุณใจร้ายกับผมมากเลยนะ คุณบังคับผมทางอ้อมให้เลิกกับหญิง แล้วคุณก็มาเมินเฉยใส่ผม
ผมปวดหัว ผมไม่รู้ว่าอะไรกำลังไหลเข้ามาในสมองผมบ้าง ทำไมคุณไม่สงสารผมเลย คุณเย็นชากับผมขนาดนี้ได้ยังไง
แม้คำปลอบใจสักคำก็ไม่มี ความจริงจังของคุณ มันกำลังจะทำให้ผมขาดใจตาย
จุมพลกำกุญแจรถและกุญแจบ้านเอาไว้แน่น และหันหลังเดินจากไป หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะพูดอะไรกันอีก
ไม่มีคำพูดอะไรมากไปกว่านี้ คุณไอศูรย์ไม่ยื้อ และไม่ห้าม ปล่อยให้จุมพลเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ
เสียงประตูห้องปิดลงแล้ว
และคนที่ทำหน้านิ่งเฉยมาตลอดทั้งวันก็วางปากกาลงและเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง
ที่ไม่ห้ามไม่ใช่ไม่อยาก ที่ไม่พูดไม่ใช่ไม่อยากพูด ที่ทำเป็นนิ่งเฉย ไม่ใช่อยากจะเย็นชา
แต่ที่ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น ก็เพราะว่า.............
คุณไอศูรย์สงสารจุมพลมากเหลือเกิน จุมพลจะเจ็บปวดขนาดไหนที่ได้รู้ว่าผู้หญิงที่ทั้งบ้าและอาละวาดจะเอาชีวิตตัวเอง สุดท้ายก็ยังรักอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกเจ็บปวดมันฉายชัดออกมาในแววตา ทำไมจะไม่รู้ว่าจุมพลเจ็บปวดขนาดไหน
แต่ที่ต้องทำเป็นเฉยอยู่ตอนนี้ก็เพราะไม่อยากให้ตัวเองต้องรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ แยกคนที่รักกันออกจากกันมันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีนักหรอก
ปกติใช้อำนาจบารมีและทรัพย์สิน เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมาไว้ในมือตลอด โดยไม่รู้สึกรู้สา
แต่ครั้งนี้ คุณไอศูรย์เองก็รู้สึกเจ็บไม่น้อย เป็นครั้งแรกที่ใช้สิ่งเหล่านั้นแล้ว ความเจ็บปวดย้อนมาตกที่ตัวเอง
ไม่ใช่ผมไม่รู้สึกอะไรนะ ที่บังคับคุณแบบนั้น แต่ผมเห็นแก่ตัวเกินกว่า จะปล่อยให้คุณหลุดลอยไปจากชีวิตผมได้จริง ๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++