ท้าวเวหา
๓
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่... ก่อนจะวางตะเกียบในมือลงเปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรงจ้องหน้าคนตรงข้าม...
ตอนนี้เหรอ... ตอนนี้ผมกำลังนั่งกินบะหมี่อยู่กับไอ้พี่นาทหรือไอ้มังกรกิ้งกือตัวประหลาดนั่นเอง หลังจากออกจากป่าก็ตรงดิ่งมานั่งชิวๆกินก๋วยเตี๋ยวกัน แต่ยังไม่ทันได้แตะก็เจอเข้ากับประโยคคำถาม ไม่สิแค่ปนระโยคบอกเล่าที่ทำเอาเงียบแดกกินไม่ลงเลยทีเดียว มันถามว่าอะไรน่ะเหรอ ก็...
‘ ทำไมต้องเป็นชล ทำไมพี่ถึงอยากให้ชลรู้ว่าพี่เป็นมังกร ’ คุณครับ... คุณจะให้ผมตอบยังไง
‘ เฮ้ยๆๆ นาย เราอยากรู้มากเลยนาย ว่าทำไมนายต้องบอกเราวะ’
ก็ไม่ใช่
หรือ
‘ พี่นาทค่ะ พี่นาทช่วยบอกเหตุผลกับน้องชลหน่อยนะคะ ’
อันนี้ก็ตุ๊ดไป...
พอๆๆ
ไม่ว่าจะอะไรจะให้ตอบแบบไหน ผมก็ไม่พร้อมฟังคำตอบอยู่ดี ถามว่าอยากรู้มั้ย ตอบเลย... อยาก!! แต่บางเรื่องมันก็ไม่ควรจะรู้อ่ะ แค่นี้รู้สึกชีวิตก็เริ่มแปลกๆไปแล้ว ให้รู้เพิ่มเติมดีไม่ดีพรุ่งนี้ผมอาจจะเสกคาถาป้องกันตัวจากมังกรได้ก็ได้นะ! (สมองไม่เหลือแล้วชลธี)
“ ถามไปพี่จะตอบเหรอ ” ผมถามไปตรงๆ เพราะรู้ดีว่าไอ้พี่นาทมันไม่ยอมบอกมาดีๆตรงๆแน่
มันก้มหน้าลงเล็กน้อยเหมือนเก็บความรู้สึก “ ...ไม่ ”
ผมไหวไหล่ประมาณว่า ‘ เห็นมั้ย แล้วจะให้ถามทำไม ’
“ พี่กลัวบอกไป ชลจะไม่เชื่อมากกว่า ”
ไอ้พี่นาทรีบแก้ต่างทันทีก่อนผมจะเข้าใจผิด โทษทีไม่ทันแล้วครับคุณ
“ ไม่มีอะไรน่าเหลือเชื่อไปกว่าพี่ล่ะ ”ผมว่าขำๆเพื่อเรียกบรรยากาศตึงๆให้คลายออก หยิบตะเกียบแล้วจ้วงเล็กต้มยำของตัวเองทันที
“ ฮ่าๆๆ นั้นสินะ ”
มันคลายสีหน้ากังวลลงก่อนจะลงมือกินบ้าง...
บางอย่าง แค่เราลืมๆมันไปก็อาจจะดี
ลืมบางคำที่อึดอัด
แล้วเริ่มต้นด้วยคำใหม่ที่รื่นรมย์จิตใจ
“ ให้เดินไปส่งที่หอมั้ย ”
เงียบได้สักพักมันก็เปิดปากถามอีก แต่คุณนาทครับ... หน้าผมอยู่นี่ คุณคุยกับชามบะหมี่ที่เจ็ดอยู่หรือครับ ตอนนี้ผมกินเสร็จไปแล้วสองจนต้องสั่งซาหริ่มร้านข้างๆมานั่งรอมันกิน
“ ไม่ต้อง กลับเองได้ ”
ไอ้พี่นาทเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าดุๆคิ้วหนาขมวดเข้าหาเหมือนไม่พอใจนัก “ แต่มันมืดแล้ว อันตราย ”
“ ผม เป็น ผู้ ชาย ครับ ”
เน้นย้ำทีละครับเอาให้ชัดถึงเส้นสมองประสาทรับรู้เลยครับ...
“ ผู้ชาย ใช่ ” มันมองหน้าผมนิ่ง
“ แต่พี่ก็ห่วงเราอยู่ดี ” ตึก!! แค่กๆ!
เสียงเหมือนอะไรกระตุกแรงๆ คลับคล้ายคลับคาเสียงหัวใจของนายชลธียังไงไม่รู้สิมันดังอยู่ในอกที่รับรู้ได้เพียงเจ้าของ แต่ไอ้เสียงสำลักซาหริ่มติดคอนี่ดังไปยันหน้าปากซอยแหละ
“ แค่กๆ พูดอะไร เพ้อเจ้อ ”
คนตรงข้ามเติมน้ำให้อีกแก้วเมื่อผมฟาดไปจนหมดแก้วรอบนึงเมื่อกี้ “ พูดจริง เป็นห่วง ”
“ พอๆ หยุดเลย จะอ้วก! ”
“ ฮ่าๆๆ โอเคๆ ” หัวเราะร่วนเลยนะ แกล้งได้แกล้งดี เดี๋ยวเอาคืนบ้างแล้วจะหนาว!
“ แต่ยืนยันคำเดิม... จะไปส่ง ”
ผมชักสีหน้า “ บอกว่า... ”
“ ไม่งั้นจ่ายค่าเล็กต้มยำกับซาหริ่มเองนะ ” ว่าหน้าตายสนิท
หึ... คิดจะเล่นไม้นี้กับผมเหรอ คิดว่าจะยอมเหรอ กับอีแค่ค่าข้าวค่าขนมแค่นี้ มีปัญญาจ่ายครับ
มีปัญญาจ่ายด้วยการเป็นเด็กล้างจานหลังร้านครับพี่
จ่ายให้เค้าด้วยนะตะเอง “ เออๆ แค่ไปส่งก็จบใช่ปะ ”
ผมทำทีเป็นตอบปัดๆแบบรำคาญเออออยอมให้มันไปส่ง พอได้รับคำอนุญาตก็ยิ้ม จะยิ้มอะไรนักหนาห่ะ เปลือง! ดูดิ๊ โต๊ะข้างๆจะละลายแหละ
หมั่นไส้!
หลังจากออกมาจากร้านก๊วยเตี๋ยวผมกับมันถกเถียงกันอีกพักใหญ่ๆเรื่องจะเดินกลับหอหรือหารถสองแถวกลับ ไอ้ผมนั้นเมื่อย อยากนอนแล้วก็อยากนั่งรถกลับครับ แต่ไอ้คุณกระเป๋าสตางค์เดินได้ของผมชั่วคราวมันดันอยากเดินเที่ยวชมเมืองตอนกลางคืนก่อน ...แน่นอน... ผมยอมมัน เดินก็เดิน! เอาให้ขาลากเลยแม่ง!
“ กินขนมอีกมั้ย ”
วะ! ไม่ใช่เด็กนะที่จะเอาขนมมาล่อ!
“ อยากกินสายไหมร้านนั้น ”
ไม้ลูกชิ้นเนื้อในมือชี้ไปที่รถสายไหมสีสวย ส่วนอีกมือก็ถือถุงลูกชิ้นข้างในมีเหลืออีกห้าหกไม้... ชลธีเลี้ยงง่ายไม่กินเยอะครับ
“ อ่าฮะ ”
มันตอบรับเสร็จก็เดินเข้าไปคุยกับลุงคนขายท่ามกลางเด็กตัวเล็กๆที่มองมันอย่างประหลาดใจ ก็มันขนมสำหรับเด็กอ่าน่า ผู้ใหญ่เข้าไปซื้อก็แปลกๆ
เอ๊ะ! งั้นกูก็เด็กอ่ะดิ!
“ พ่อของลูกจริงจริ๊ง ”
ผมหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นไอ้พี่นาทควักแบงค์ห้าร้อยให้ลุงแล้วแจกสายไหมให้เด็กๆ อะไรจะคนดีปานนี้ ใครได้เป็นพ่อของลูกนี่โชคดีไปสิบชาติ
แล้วทำไมผมต้องมาชมมันด้วยห่ะ!
ยืนกินลูกชิ้นได้อีกสามไม้สายไหมสีฟ้าอ่อนอันใหญ่ถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างๆที่ยิ้มไม่รู้จักเบื่อของคนที่ไปซื้อสายไหมมันทำให้ผมเผลอยิ้มนิดๆ แค่นิดๆน่า!
“ สีฟ้า ” ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจไปกว่าสิ่งที่มันพูด
“ รู้นะ ว่าเราชอบสีฟ้า ”ผมพยักหน้ารับส่ง “ เออ ”
“ ไม่ถามเหรอว่าพี่รู้ได้ไง ” มันชะโงกหน้ามาใกล้อย่างสงสัยเมื่อผมรับสายไหมไปถือแล้วเริ่มลงมือกินแทนลูกชิ้นที่เหลือ
“ ไม่อ่ะ ”
จบครับ จบการสนทนาแค่นี้บ่งบอกให้รู้ว่าผมต้องการกิน ไม่ต้องมาชวนคุย มันก็ไม่ว่าอะไรแค่ส่ายหน้าเนือยๆเท่านั้น เริ่มดึกคนก็เริ่มเยอะ เพราะผมมัวแต่กินเลยเดินชนใครต่อใครเยอะแยะจนไอ้พี่นาทก้มหัวขอโทษแทบไม่ทัน สุดท้ายมันเลยดึงถุงขนมทั้งหมดไปถือแล้วจับมือข้างนั้นไว้พาเดินแหวกผู้คนโดนใช้ลำตัวกันคนไม่ให้ชนผม ยิ่งคนเยอะมันยิ่งจับมือผมแน่นราวกับ...
กลัวผมจะหายไป
จะหายยังไงมือตุ๊กแกซะ
ตลอดทางผมเงียบไม่พูดอะไรปล่อยให้มันจับมือไปเรื่อยๆ ไม่รู้สิ สายตาของผมมันเผลอมองแผ่นหลังกว้างๆนั้นนานไปจนละสายตาไม่ได้... มันคุ้นเคยแปลกๆ
เลื่อนมามองมือที่จับแน่นที่ให้ความรู้สึก
อบอุ่น หึ เมาขนมรึไงชลธี คิดบ้าอะไรวะ
ผมส่ายหน้าไปมาเหมือนคนบ้าอยู่พักใหญ่จนมาถึงหน้าหอตัวเองนั่นแหละถึงเลิกบ้ากลับมาเป็นคนกวนปากดีแทบไม่ทัน
ผมแหวใส่ทันที “ ปล่อยได้แหละ เหนียวมือชะมัด ”
“ โทษที ลืมตัว ”
มันว่าพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์... จนขนแขนคนโดนจ้องลุกพรึ่บ
“ แยกย้าย ผมง่วงแล้ว เหนื่อย ”
“ อ่าฮะ ” มันพยักหน้าร่าเริงมีความสุขเต็มล้นอก มึงไปมีความสุขอะไรมาวะ (เสือก) แต่มันเล่นๆได้แปป สีหน้ามันก็นิ่งแล้วจริงจัง
“ ชล ”
“ อะไรอีกล่ะ ” คนมันง่วงแล้วนะเฟ้ยเดี๋ยวพ่อเตะคว่ำเลย!
“ มีปานติดตัวมาใช่มั้ย ”
วงคิ้วเริ่มชนกันพร้อมสีหน้างงเป็นเชิงถาม “ มี แล้วถามทำไม ”
“ เปล่าๆ ” ไอ้พี่นาทเดาะลิ้นราวกับใช้ความคิด
“ อีกนานสินะ ” “ ว่าไงนะ ” ผมฟังไม่ถนัดเลยถามใหม่ ไม่ค่อยจะเสือกเลยครับ
“ เปล่า แค่จะบอกว่า... ”
“ ฝันดีนะ เด็กดี ” ว่าจบปลายนิ้วก้านยาวสากยกขึ้นมาหยิกแก้มผมเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปจนหายลับไปกับความมืด...
อึ้ง
ผมยืนหน้าเหวออยู่พักใหญ่กว่าจะรู้สึกตัวก็ยืนหน้าแดงกุมแก้มตัวเองอย่างรู้สึกจะบ้าขึ้นมาซะเฉยๆ เมื่อกี้มันอะไรกันวะ!! อ๊ากกกก ไอ้พี่นาทกลับมาเคลียร์กันก่อนนะเว้ย!!
มาทำน่ารักใส่แบบนี้ คนมันใจเต้นนะเฟ้ย!!****************************************************
หลังจากเลิกบ้าได้ก็ตรงดิ่งขึ้นห้องมาอาบน้ำอาบท่าเลิกฟุ้งซ่านได้สักแปปก็มานั่งคิดเล็กคิดน้อยอีก... นี่กูนิสัยแต๋วไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย อยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้สติกลับมาจริงๆ จะหน้าแดงอะไรหนักหนาวะ
“ เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับกูวะ ”
ยกมีขึ้นทึ้งหัวอย่างคิดไม่ตกกับไอ้คำพูดที่ติดตราตรึงใจทั้งหลายทั้งแล มันต้องการจะสื่ออะไรของมัน วุ้ย ช่างมัน ยังไงก็คงไม่มีอะไรแล้ว ผมกับมันคงไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยๆอยู่แล้วแหละ
“ ทำงานๆ ชล ทำงานสิว่ะ จะได้เลิกบ้า ”
เสียงพึมพำกับตัวเองว่าขึ้นพลางเช็ดผมเปียกๆอยู่หน้ากระจกแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นปานสีน้ำเงิน ย้ำว่า สีน้ำเงิน มันประหลาดใช่มั้ยครับ ใช่.. มันโคตรประหลาดเลยเถอะ ปานนี้มันก็มีมาตั้งแต่เกิดแล้ว ตอนแรกมันเป็นรูปกลมๆรีๆ แต่ตอนนี้มัน... เอ่อ แปลก
ปานมันเปลี่ยนรูปได้ด้วยเหรอวะครับ ผมยกมีขึ้นแตะตรงต้นแขนติดกับหัวไหล่ขวาแล้วลูบมันเบาๆ “ ไอ้พี่นาทมันถามถึงปานด้วยนี่หว่า ”
ไอ้ปานประหลาดนี่... มันเกี่ยวอะไร...
ช่างเถอะ คิดมากแก่ไว
ให้ชีวิตกูปกติสักวันสักอย่างเถอะครับ...
โอ๊ยๆ พอๆ ไปๆ เลิกคิด หาเสื้อใส่แล้วไปทำงานเถอะ งานสุมเป็นบ้า...
*************************************************************************
วันนี้จะยังคงเป็นเช้าที่สดใส ผมยังคงนอนหลับอย่างสบายใจเพราะมันเป็นวันเสาร์ หยุดเรียน มีเวลานอนพักผ่อนมากขึ้น ยิ่งเมื่อคืนทำงานจนดึกยิ่งต้องการนอนมากขึ้น ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามนั้น หากว่า...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก....
อืม สงสัยจะเป็นแฟนสาวของเพื่อนข้างห้อง คงจะเอาน้ำเต้าหู้มาให้ชัวร์ๆ ผมเดาไปเรื่อยแม้ตาจะยังคงหลับสนิท พลิกตัวตวัดขาหนีบหมอนข้างอย่างง่วงงุนสะลึมสะลือหาท่าสบายและ...หลับต่อ คร่อก
ก๊อก! ก๊อก!
สงสัยแฟนคนข้างห้องจะเริ่มโมโหแล้วครับ....
ก๊อกๆๆๆๆๆ!!! แม่คุณครับ เคาะขนาดนั้นพังห้องแฟนคุณไปเลยก็ได้ครับ
ปัง!!! ปัง!!! ผมว่านะ...
ผมควรเลิกหลอกตัวเองและลุกไปเปิดประตูห้องผมได้แล้ว...
ก่อนที่ห้องข้างๆจะบริจาครองเท้าให้ผม
เออ... ให้มันได้แบบนี้สิครับ ผมหยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนุ่มๆด้วยความหงุดหงิดใจก่อนจะตะโกนออกไป “ รอแปป กำลังลุก! ”
เสียงเคาะประตูเงียบลงทันทีเสียงถอนหายใจพรืดหนักถูกพ่นออกมาพยายามเปิดเปลือกตาสู้แสงและสมองเริ่มทำการคิดคำด่า
คนที่กล้ามายุ่งย่ามเวลานอน ถ้าเป็นไอ้บรรดาเพื่อนรักนะ พ่อจะด่าให้ลืมทางกลับบ้านเลย...
“ มาทำอะไรแต่เช้าว่ะ คนจะนอน!! ”
กระชากประตูห้องเปิดกว้างพร้อมตีหน้ายุ่งใส่คนที่กล้ามากวนเวลานอนปรายหางตามองได้เพียงชั่วครู่ก็เบิกโพล่งอย่างตกตะลึงลืมง่วง้ลยทีเดียว
“ อรุณสวัสดิ์ครับน้องชล ” รอยยิ้มกว้างสว่างเจิดจ้าจนต้องหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นใหม่ จ้องหน้าคนมากวนเวลานอนอย่างเอาเรื่อง...ไอ้มังกือ ไอ้ไส้เดือน ไอ้พี่นาท! มาทำเวรสวรรค์วิมานหาที่นอนอะไรตอนตีห้าห่ะ!
“ มาทำบ้าอะไรตีห้าวะ! มันรบกวนคนอื่นรู้ปะ ” ถามเสียงห้วนพร้อมหาววอดๆใส่มันทันใดมิวายบ่นไปชุดหนึ่ง
“ ตีห้าอะไร หกโมงจะเจ็ดโมงแล้วต่างหาก ”
มันทำหน้าซื่อแล้วชูนาฬิกาข้อมือให้ดู...
ชี้ไปทางด้านหลังที่มีนาฬิกาเรือนโตแขวนอยู่ “ นาฬิกาพี่เสียเถอะ ของผมเพิ่งตีห้า! ”
“ ของชลเสียสิไม่ว่า ไม่เชื่อดูโทรศัพท์ดิ ”
มันเองก็ไม่ยอมแพ้ที่จะเสียหน้า แน่นอนว่าผมก็มั่นใจว่าตอนนี้มันคือตีห้า นาฬิกาเรือนนั้นผมเพิ่งเปลี่ยนถ่านเมื่อสามวันก่อนเอง จะเสียได้ไง
“ ดูมั่นใจจริงนะ ” แขวะเข้าให้
มันหัวเราะออกมาสั้นๆ “ หึ ”
แต่สีหน้ามันนี่ ‘ คนหน้าแตกไม่ใช่พี่แน่นอน~ ’
ได้! เดี๋ยวรู้เลย!
ผมเดินเข้าห้องมาหยิบโทรศัพท์กดเปิดดูเวลาด้วยสีหน้าชั่วร้ายมากๆ... และเวลาคือ...
เพล้ง! หึ เป็นไง หน้าแตกสิครับมึง มึงหน้าแตกเว้ย!
มึงไงไอ้ชล... หน้ามึงพังยับไม่เหลือล่ะ
06.49 น...
“ ไง~ กี่โมงครับ ”
เสียงกวนประสาทดังคลอมาในหัวพร้อมเสียงหัวเราะที่น่าจับฆ่าหมกป่า เออ! รอบนี้มึงชนะ! กูแพ้ครับ จบมั้ย
“ จะเจ็ดโมงครับ! ”
นี่ก็เสือกลืมตัวไปประจานความหน้าแตกยับอีก โอ๊ย อายกจับตัวเองทุ่มลงพื้นจริงๆ ผมทึ้งหัวตัวเองไปมาก่อนจะเดินปึงปังไปทางไอ้พี่นาทมังกรที่ยืนยิ้มเป็นอาแป๊ะร้านเฉาก๊วยซอยแปะเกี๊ยะถนนปอเปี๊ยะอำเภอแปะก๊วยจังหวัด... พอเถอะครับ ก่อนมันจะไปไกลกว่านี้....
“ แล้วมาทำไม ขึ้นมาถูกได้ไง ” น้ำเสียงบ่งบอกสุดๆว่าไม่พอใจมากๆ
“ ถามคุณป้าเจ้าของหอ เลยขึ้นมาถูก ” มันยิ้มโชว์เขี้ยวยักคิ้วให้นิดๆ
“ แล้วจะมาทำไม อย่าลีลา ตอบมา จะไปนอนต่อครับคุณ ” ผมว่าไปหาวไปด้วย ง่วงจริงๆนะ
ถุงน้ำเต้าหู้สามถุงสามสีถูกยื่นมา “ ซื้อมาฝากน้องชลครับ ”
ผมมองถุงน้ำเต้าหู้
แล้วเงยหน้ามองมันอีกรอบ...
เกิดคำถามบนใบหน้าขึ้นทันใด...
มันล้มหัวฟาดมาเหรอ
ปกติไม่เคยคิดจะมาวุ่นวายอะไรกับผม
ไอ้พี่นาทเห็นผมนิ่งไปนานก็โบกมือหย็อยๆ “ รับสิ ”
ผมยังเงียบมองมันต่อ...
มันรู้ได้ไง ผมชอบกินน้ำเต้าหู้ “ ไม่ชอบกินเหรอ ”
ไอ้พี่นาทถามเสียงอ่อยรอยยิ้มหุบลงช้าๆเมื่อเห็นผมเงียบเอาแต่จ้องหน้ามันท่าเดียว
“ ชอบ” ผมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ “ ...ขอบคุณ ”
นายชลธีอยากจะชกหน้าตัวเองแรงๆสักสิบทีกะอีแค่เห็นหน้าหงอๆของมันถึงกับหายง่วงหายหงุดหงิดไปรับน้ำเต้าหู้มันมาอีก... เกิดอะไรขึ้นกับเขาเนี่ย
“ พี่กินด้วยนะ ” ท่าทีกระตือรือร้นกลับมาทันควัน
“ ไม่ พี่ซื้อมาให้ผม และผมรับแล้ว เพราะฉะนั้น...พี่กลับไปได้แล้ว ไปๆ ”
เมื่อของฟรีมาอยู่ในมือแล้วคนให้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป แหม่...ที่ใจอ่อนให้รับน้ำเต้าหู้ไปนี่ไม่ใช่อะไรครับ.. ของฟรีล้วนๆลาภปากอีกครา
หน้าด้านกว่านายชลธีก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้วครับ
ร่างสูงใหญ่ถูกคนตัวเตี้ยกว่าอย่างผมผลักอกอย่างแรง...แต่แม่ง มันไม่สะเทือนสักนิดจนผมเผลอจิ๊ปากอย่างไม่พอใจพร้อมทั้งสีหน้าหงุดหงิดทำเอาคนมองรู้สึกขบขันได้ไม่น้อยต้อนรับเช้าวันใหม่ที่สดใส...ที่ต้องรอคอยมาแสนนาน
“ ไม่ไป ” พูดเสียงเรียบก่อนจะชะโงกคอมองผ่านเข้าไปในห้อง “ ขอเข้าไปในห้องได้มั้ย ”
ทำหน้ามึนๆแล้วชี้เข้าไป...
“ ไม่ได้เว้ย! ”
ผมแหวใส่ไอ้พี่นาทที่ยืนตีมึนไม่ไปไหน จะมาขอเข้าห้องผม บ้ารึเปล่าห่ะ!! ห้องรกอย่างกับรังหนู ใครมันจะกล้าให้เข้ากันเล่า เห็นแบบนี้ผมยังมีความอายอยู่นะครับ
“ ซ่อนใครไว้เหรอ ” มันหรี่ตามองผมราวกับจับผิด ท่าทางของมันตอนนี้เหมือนกำลังตามจับผิดแฟนอยู่ชัดๆ แต่เผอิญ... กระผมนายชลธีนั้น... ไม่ใช่แฟนมันครับ
“ ยุ่ง! ” ผมว่าไปอย่างไม่สนใจผลักอกมันอีกรอบแม้จะรู้ว่ามัน...ไม่ขยับก็ตาม
“ ไม่รีบกินน้ำเต้าหู้เหรอ เดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อยนะ ”
มันพาเปลี่ยนเรื่องแล้วชี้มาที่น้ำเต้าหู้ในมือผม สายตาผมเลื่อนมองตามก่อนจะเบิกโพล่งเมื่อนึกได้ รีบหมุนตัวเข้าห้องไปหาแก้วมาใส่ทันที อู๊ยย คนเขาอุตส่าห์ซื้อมา ไม่กินก็น่าเสียดายแย่สิ
และด้วยความตะกละของตัวผมเองที่มัวแต่เทน้ำเต้าหู้อย่างระมัดระวังก็ลืมไปว่าตัวเองลืมปิดประตูห้องปล่อยให้ตัวอะไรๆเดินสำรวจห้องรกๆอย่างสนอกสนใจ
“ อยู่คนเดียวเหรอ ” เสียงมันถามขึ้นโดยที่ผมยังคงให้ความสนใจกับน้ำเต้าหู้อยู่ โอ๊ะ มีปาท่องโก๋ด้วยๆ
“ อืม ”
“ ไม่เหงาเหรอ ”
“ เออ ”
“ ไม่หารูมเมทหน่อยเหรอ จะได้ลดค่าห้อง ”
“ รวย ”
ผมตอบกลับไปปัดรำคาญแล้วปากเริ่มซัดน้ำพลางเคี้ยวปาท่องโก๋ไปด้วย กินได้สักพักก็หันไปมองทางไอ้พี่นาทอันกำลังทำตัวเป็นเด็กตัวน้อยเดินสำรวจตรวจห้องอย่างสนุก ผมมองแล้วเหมือนจะนึกอะไรออก...
“ เฮ้ย! เข้ามาได้ไง! ใครอนุญาตให้เข้าห้องว่ะ! ” เสียงโวยวายมาทันทีฟาดงวงฟาดงาทันใดจนคนรองรับอารมณ์ถึงกับมึนไปเลย
มันสบตากับผมพร้อมทำหน้าเอือมๆ “ เด็กตะกละ ” แล้วก็ไม่ได้สนใจว่าผมจะโวยวายต่อหรือไม่
ไอ้พี่นาทมันว่าผมอย่างไม่ได้จริงจังนักแล้วหันไปให้ความสนใจกับโต๊ะทำงานรกๆที่เต็มไปด้วยกระดาษงานข้อมูลต่างๆที่จะต้อง
ทำรายงานส่งเร็วๆนี้...
“ ฝุ่นเยอะชะมัด ” ผู้บุกรุกพูดพลางยกปลายนิ้วที่ปาดไปตามขอบโต๊ะขึ้นมาดู
ผมถลึงตาใส่ส่อให้เห็นเลยว่าไม่ชอบใจที่มันมายุ่งวุ่นวายแบบนี้ แต่บังเอิญปากกำลังกินน้ำเต้าหู้ถุงที่สองอยู่เลยไม่ว่างด่าครับ
“ คุณชายครับ รับไม่ได้ก็ออกไปครับ ” ออกปากไล่พร้อมยกมือโบกไล่ไปด้วย
“ แล้วนี่รายงานอะไรเหรอ ” นั่นไง เริ่มกวนอวัยวะเบื้องล่างอีกแหละ
ผมบอกแล้วใช่ม่ะ
ว่ามันโคตรของโคตรกวนตีนเลย
“ ยุ่ง ”
ผมว่าอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะแกะน้ำเต้าหู้ถุงที่สองต่อ ร้านหน้ามอชัวร์ๆ รสชาติอร่อยกลมกล่อมแบบนี้มีร้านเดียวแหละ
เพราะผมมัวแต่สนใจของกิน
“ เฮ้ย! ทำอะไร! ”
ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆไอ้พี่นาทเดินไปทางหน้าห้องน้ำแล้วหยิบตะกร้าผ้าขึ้นเดินเก็บเสื้อผ้าของผมบางตัวที่ผมโยนไม่ลงตะกร้าอันระเกะระกะเต็มพื้น เขาเก็บขึ้นใส่ตะกร้าให้เงียบๆโดยไม่คิดรังเกียจ
“ ทำอะไร วางเลย! วางๆ ”
จู่ๆหน้าเริ่มร้อนขึ้นมานิดๆกับการกระทำบ้าๆของมัน
“ ก็เก็บผ้าให้ไง ” ยัง ยังจะมายิ้มอีก มันว่าจบก็เก็บเนคไทใส่ตะกร้า
“ ไม่ต้องยุ่งเลย วางลง มาทำอะไรแบบนี้ห่ะ ใครเขาทำกัน ไม่ใช่พ่อแม่ ” ผมบ่นใส่อย่างจริงจังแล้วท้ายประโยคเสียงแผ่ว
“ ไม่ใช่แฟนเขาไม่ทำกันหรอก ” “ ว่าไงนะ ”
มันชะโงกหน้ามาแทบจะชิดกันพร้อมตาแป๋วๆ...
จมูกชนจมูก
อีกสองเซนหน้าผากจะแตะกัน
อีกคืบปากจะแตะกัน...
ถ้าในละคร...เขาต้องหลับตาใช่มั้ย...
งั้นผมคง...
เป๊าะ!! ดีดหน้าผากไอ้พี่นาทเต็มเหนี่ยว หน็อย คิดจะฉวยโอกาสกันรึไงฟะ!
“ ดีดหน้าผากพี่ทำไมเนี่ย ” มันถอยหน้าหดคอหนีทันทีมือหนายกกุมลูบหน้าผากด้วยความเจ็บจนน้ำตาเล็ด สงัสยจะดีดแรงไปหน่อย หรือผิวมันบางว่ะ ไม่ดิ มันเป็นมังกร ผิวมันแข็งไม่รู้สึกหรอก
เอ่อ... แต่ๆ หน้าผากมันแดงๆเนอะ
“ ดีดเพราะหมั่นไส้ ”
ผมยื่นปากใส่อย่างเย้าแหย่ก่อนจะยกน้ำเต้าหู้ดื่มต่อ... เย็นหมดแล้วมัวแต่ทะเลาะกับมัน ขอไปอุ่นน้ำเต้าหู้ก่อนแล้วกัน คิดเสร็จสองเท้าแสนรู้ใจพาเดินไปยังไมโครเวฟแล้วอุ่นมันอย่างรวดเร็ว หอของผมมันค่อนข้างหรูนะ มีห้องน้ำห้องครัวห้องนอนแบ่งเป็นสัดส่วนไปคล้ายๆคอนโดแหละ แค่เล็กกว่าเท่านั้นเอง
“ ชล เครื่องซักผ้าอยู่ไหน ”
“ อะเอียงอ่า ”
พูดไปพลางเคี้ยวขนมปังไส้กรอกเซเว่นที่ซื้อมาเมื่อวานซืนมะรืนมะเรื่องไปด้วย ก็ไม่รู้นะว่ามันถามหาเครื่องซักผ้าไปทำไม จะซักผ้าให้ผมงั้นเหรอพ่อคุณ...
เฮ้ยเดี๋ยว... หรือมันจะซักผ้าให้ผมจริงๆว่ะ!
“ แค่กๆๆๆ ” เฮ้ยยๆ หยุดเลยไอ้พี่นาท จะมาทำตัวเป็นเหมือนภรรเมียของผมด้วยการดูแลเสียงยิบๆย่อยๆงานบ้านเนี่ยนะ
พอนึกได้แล้วก็สำลักขนมปังติดคอทันที แค่กๆ โอ๊ย น้ำ! กำลังจะเดินหาน้ำเสียงไมโคเวฟก็ดังขึ้นเลยหันไปเปิดแล้วคว้าน้ำเต้าหู้มากระดกพรวดจนลืมไปว่า...
มันร้อน...
“ ร้อน!! ร้อนอ่าๆๆๆ ”
ไม่โง่ไม่บื้อแบบชลธีทำไมได้นะคุณ... ผมยืนดิ้นเร่าๆกระทืบเท้าไปมาน้ำตาเล็ดแลบลิ้นออกมาแล้วเอามือพัดๆระบายความร้อน
โอ๊ยยย ปากพองเหงือกพังกันพอดี
เพราะเสียงโวยวายไม่หยุดของคนบื้ออย่างกระผมล่ะมั้งครับ นายกัมปนาทเลยเดินเข้ามาโซนห้องครัวด้วยใบหน้าตื่นๆแกมเป็นห่วง...
“ ชลเป็นอะไร ”
ผมรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ “ เปล่า! ”
ใครมันจะยอมบอกวะ ว่ากินน้ำเต้าหู้ร้อนๆไม่เป่า
เสียฟอร์มเชิงชายหมดดิ
มันครางเบาๆรับ “ เหรอ ”
ต่าสายตามันกลับสอดเสือ.. เอ๊ย สอดส่องหาต้นตอ และแน่นอนมันก็เจอ... แก้วสีแหลืองเป็ดน้อยข้างๆตัวผมนี่ไง เวรแล้วมึง...
“ หึ เด็กชะมัด ” มันไม่ได้ว่าอะไรได้ทำแค่หัวเราะเบาๆยิ้มน้อยๆแบบ...เอ็นดู ผมรู้สึกแบบนั้นนะ แถมเอื้อมมือมาโยกหัวผมเลยอย่างถือวิสาสะจนผมต้องปัดทิ้งอย่างไม่พอใจเล็กๆ
“ พอเลย ไปไกลๆเลยไป๊ ” ผมว่าหน้าผมกำลังแดงแน่ๆ ไม่ใช่เขิน แต่อายน่ะสิไม่ว่า
“ ร้อนอยู่รึเปล่า ”
ไอ้พี่นาทหยุดยิ้มแล้วถามเสียงจริงจังมือเลื่อนมาจับปลายคางผมเบาๆแล้วจ้องดูปากเจ่อๆแดงๆใกล้ๆ
“ ไม่แล้ว ”
ปากน่ะไม่ร้อนแล้ว
แต่หน้าเนี่ยจะร้อนแทนแล้ว! มันพยักหน้าหงึกๆแล้วหมุนตัวไปเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำเย็นๆมารินใส่แก้วให้ผมเพื่อดับร้อนในปากที่ยังกรุ่นๆคุกๆอยู่ทั่ว...
เออ แล้วทำไมเมื่อกี้ผมไม่หาน้ำเย็นกินว่ะ
ไอ้ฟายยยยยยชลลลลล
“ แล้วเมื่อกี้ถามหาเครื่องซักผ้าทำไม ”
ดื่มน้ำเสร็จไปสามแก้วค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย เอิ๊กก อิ่ม แฮ่
ไอ้พี่นาทยิ้มหวานจนแทบเห็นปีกงอกจากหลังวงแหวนงอกบนหัว “ อ้อ ก็ซักผ้าให้ไง ”
“ ทำทำไม ”
“ อยากทำ ” คนตัวสูงกว่าว่าพร้อมเบือนหน้าหนีให้เห็นริ้วปื้นแดงๆข้างแก้ม
“ อยากดูแลเหมือนเมื่อก่อน ” ห่ะ...
เมื่อก่อน?
เมื่อก่อนผมเคยคบมันด้วยเหรอหว่าาาาาา
เท่าที่จำได้...ตั้งแต่เกิดมา กูโสดครับ ทั้งโสดทั้งซิง ไม่มีใครเอา กระซิกๆ แล้วกูจะมาประจานตัวเองเพื่อ? ๆอ้คุณพี่เหมือนจะรู้ตัวว่าทำคนโง่อย่างผมเอ๋อแดกโง่กว่าเดิมเลยพาเปลี่ยนเรื่อง
“ วันนี้ว่างปะ ”
ทำไมจะพากูไปทัวร์ชิมรึไง
“ ว่าง ” ตอนแรกว่าจะทำงานนะ แต่เที่ยวหน่อยก็ดี ช่วงนี้งานเยอะ ขอพักผ่อนบ้างก็ดี
มันลังเล “ ไปเที่ยวกันมั้ย ”
“ ที่ไหน ”
“ ไม่บอก ” ยิ้มเจ้าเล่ห์อีก จะหลอกกูไปขายเปล่าว่ะ ยิ่งหน้าตาดีอยู่ด้วย
“ งั้นไม่ไป ” เอาสิๆๆๆ
“ เที่ยวฟรี ไม่เสียสักบาท”
อือหือ
“ แถมกินฟรีตลอดทริป ”
คุณกัมปนาท คุณมันร้ายนักที่เล่นข้อนี้ เล่นข้อนี้มีหรือกระผมจะ... “ ไปดิ อาบน้ำแปป! สิบนาที รอเลย! ”
วางของกินแก้วน้ำทุกอย่างในมือทิ้งแล้ววิ่งโร่ไปคว้าผ้าขนหนูเตรียมวิ่งผ่านน้ำ เอ๊ย อาบน้ำ แต่เสียงหล่อๆของไอ้พี่นาทขัดขึ้นก่อน
“ ชล ถามอะไรหน่อยดิ ”
“ เร็วๆ จะอาบน้ำ! ”
“ ปกติ มีใคร...เอ่อ มาช่วยชลเก็บห้องมั้ย ”มันถามพลางชี้ๆไปรอบห้องที่ค่อนข้างรก... กระดาษเอสี่ปลิวไปทั่วห้อง ปากกา สี ไฮไลท์กระจัดกระจาดทั่ว เพราะงานมันเยอะเลยไม่ได้มีเวลาสนใจจะเก็บนัก
กูมองกูยังทุเรศตัวเอง มึงไม่รู้สึกขยะแขยงกูบ้างเหรอหา ไอ้พี่นาท!
“ ไม่มี ”
“ พี่...คนแรก ” มองหน้าผมแล้วไอ้แววตาดีใจปนลุ้นระทึกนั่นมันอะไร
“ ก็...เออดิ ” ผมถอนหายใจ
“ เก็บผ้าให้คนแรก ซักผ้าให้คนแรก พอใจยัง! ” “ พอใจแล้วครับ ” ยัง ยังจะมายิ้มอีก
“ ไปอาบน้ำได้ยัง? ”
“ ได้แล้วคร้าบบบ ”
แต่ก่อนผมจะเดินเข้าห้องน้ำไป...
ผมเงียบใส่
มันยิ้ม
ผมเหลือบมอง
มันก็ยังยิ้มอยู่...
สุดท้าย...
ผมก็เผลอยิ้มออกมาจนได้....เฮ้อ ไปอาบน้ำดีกว่า ก่อนจะเผลอแสดงออกมากไป...
หรือไม่ทันแล้วว่ะ
TBC.
ไม่ได้หายไปไหนน่าา ติดสอบ 55555 ขอบคุณทุกคอมเม้นท์น่า ติชมได้นะคะ ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยน่าา จะพยายามให้เขียนดีที่สุดค่ะ ^^