1
Boy's love story / Re: Closer ตัวอยู่ใกล้ แล้วใจล่ะ? (ตอนที่ 8 บังเอิญ)
« กระทู้ล่าสุด โดย A Dark knight เมื่อ 25-05-2024 22:56:02 »ตอนที่ 8
บังเอิญ
บังเอิญ
วันนี้ผมมาค้างที่คอนโดของไอ้กันต์ครับ วันศุกร์เรียนเสร็จตอนเย็นก็ไปหาของกินด้วยกันกับชาวแก๊ง อยู่ ๆ ผมก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาซะงั้น มันเป็นความรู้สึกที่แบบอยากอยู่คนเดียว เอ..หรือจะเรียกว่าเหงาก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ผมเลยชวนเพื่อนไปค้างที่คอนโดไอ้กันต์ แต่คิมกับโฟลทบอกว่าขี้เกียจกลับไปเก็บของ ก็เลยเหลือแค่ผมคนเดียว ไอ้กันต์ก็เลยบอกให้ผมกลับไปเก็บของแล้วค่อยตามมันกลับไปที่คอนโด มันบอกขอเก็บกวาดห้องก่อน เดี๋ยวงูจะออกมาฉก มันว่างี้
ผมกลับห้องมาเก็บเสื้อผ้าเตรียมไปค้างที่คอนโดไอ้กันต์ พอดีมีกระเป๋าใบนึงที่เอาไว้สำหรับไปข้างนอก เช่น ค้างคืนที่ห้องเพื่อน เข้าค่าย และเหตุการณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้งาน ผมจัดแจงยัดเสื้อผ้า แปรงสีฟัน โฟมล้างหน้าใส่กระเป๋าเรียบร้อย ผมเคยไปค้างที่คอนโดมันอยู่สองครั้ง บอกได้เลยว่าห้องนี่โคตรใหญ่ โคตรดูดี อาจเป็นเพราะมันเป็นลูกคนเดียว ครอบครัวก็มีเงินเยอะพอสมควร พอลูกสอบติดมหา’ลัยชื่อดังกลางเมืองได้ก็จัดแจงซื้อคอนโดใหม่ให้เป็นของขวัญรับน้องใหม่เข้ามหา’ลัย ซึ่งคอนโดที่ว่านี่ราคาโหดเอาการอยู่เหมือนกันเท่าที่ผมแอบไปสืบมา ขนาดห้องก็ไม่ได้ใหญ่เวอร์วังแต่ก็ไม่ได้แคบจนอึดอัด ถ้านึกไม่ออกก็ให้นึกภาพห้องคอนโดตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ทุกอย่างเงาวับยังกับขัดใหม่ทุกวัน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว สุขภัณฑ์เอยใดต่าง ๆ ยังกับหลุดออกมาจากโฆษณา
โคตรหรูบอกเลย!!
และแน่นอนครับว่าผมโคตรภูมิใจที่จะนำเสนอความรวยของมัน โคตรภูมิใจที่มีเพื่อนรวย
แถมไปห้องมันก็แทบไม่ต้องเตรียมอะไรไป เตรียมแค่เสื้อผ้า ของส่วนตัวไปพอ ที่ห้องมันมีหมดทุกอย่าง ที่จริงไม่ต้องเตรียมไปสักอย่างเลยก็ได้แต่ก็เกรงใจมัน ผมเลยต้องกลับห้องมาเก็บของส่วนตัวเพื่อไปค้างที่ห้องมัน
ผมเรียกรถจากแอปพลิเคชั่นสีเขียวไปลงที่คอนโดแถวสีลม ด้วยความที่เป็นตอนเย็นของวันศุกร์ ทำให้รถบนถนนพญาไทและถนนพระราม 4 ติดหยาวเหยียด แออัดชนิดที่ว่าแทบไม่ขยับเลย กว่าจะถึงคอนโดไอ้กันต์ก็ปาไป 50 นาทีกับระยะทางแค่ไม่กี่กิโลเมตร
ไอ้กันต์บอกว่าถ้าถึงคอนโดมันแล้วก็ให้พิมพ์แชทไว้ เดี๋ยวมันลงไปรับ พอผมมาถึงปุ๊บก็แชทไปหามันปั๊บ ไม่กี่นาทีถัดมามันก็อ่านแชทและบอกว่าจะลงมารับที่ล็อบบี้
ผมก็นั่งรอไอ้กันต์ที่ล็อบบี้ ระหว่างที่รอก็ไถโทรศัพท์ไปพลาง ๆ อ่านข่าว ดูโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย
ป้าบ!
“โอ๊ย!”
ผมหันกลับไปก็เจอไอ้เพื่อนตัวดียืนอยู่ด้านหลังผม มาไม่ให้สุ้มให้เสียงแถมยังโบกหัวผมซะเต็มแรงเลย
“มาถึงก็ไม่บอก ตบขนาดนี้กะเอาตายเลยรึไง”
ไอ้กันต์ไม่ได้ตอบอะไร มันยักไหล่ทำหน้ากวนตีนใส่ผมหนึ่งทีแล้วเดินนำทางไปที่ลิฟต์ ห้องของไอ้กันต์อยู่ชั้น 11 เลขสวยมากผมจำได้ขึ้นใจ
“มาคอนโดมึงทีไรก็ตื่นเต้นทุกครั้ง”
ผมพูดออกไปโดยที่ไม่อายอะไร ก็มันน่าตื่นเต้นจริง ๆ นะ มาทีไรก็ไม่ชินกับความหรูหรา โมเดิร์นขนาดนี้
“ตื่นขนาดนี้ถึงห้องกูเดี๋ยวจัดให้หนัก จัดหลาย ๆ ท่าไปเลยดีมั้ย” ว่าแล้วมันก็กัดริมฝีปาก เดินเข้ามาหาผม และกระเด้า ๆ ๆ ๆ ใส่
โคตรเหี้ย!
“มึงหยุดไอ้เหี้ย หยุดเดี๋ยวนี้” ผมผลักมันออกไป
“อะไรจ๊ะที่รัก ไม่อยากทำกับเค้าแล้วหรอ มามะ ๆ”
“หยุดไอ้สัสเดี๋ยวมึงเจอ” ผมยกกำปั้นใส่มันเพื่อเป็นการขู่ว่าถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้อีก มันจะต้องโดนทุบแน่ ต่อให้ผมจะชอบผู้ชายก็เถอะ แต่พอเป็นเพื่อนสนิทเล่นด้วยแบบนี้ก็แบบยี้อยู่เหมือนกันนะครับ ถึงมันจะหน้าตาดีแค่ไหน พอเป็นเพื่อนกันก็คิดอะไรไม่ลงจริง ๆ ให้เล่นด้วยก็ไม่เอา
“รุนแรงนะจ๊ะที่รักเดี๋ยวนี้ ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก ขึ้นห้องเดี๋ยวจัดให้หนัก ๆ เลย อ๊าห์”
นั่นยังไม่หยุดอีก ผมถอนหายใจพร้อมทำหน้าเหนื่อยใจใส่มัน มันก็ยังงุ้งงิ้ง ๆ ทำเสียงหื่นใส่ผมที่หน้าลิฟต์อยู่ยังงั้น
“เดี๋ยวเถอะมึง ลิฟต์ใกล้จะถึงแล้ว มีคนมาเจอเข้าเดี๋ยวก็ซวยเอา”
“เจอก็เจอสิจ๊ะ ยิ่งเสียวเลยงี้”
“โคตรเหี้ยไอ้สัส หยุดดด” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มันเดินสวมกอดทางด้านหลังผม เอาหน้าซุกที่คอ แถมยังส่งเสียงกระเส่าอีกต่างหาก ถ้ามองจากข้างนอกก็จะเห็นว่าไอ้เพื่อนหนุ่มหล่อคนนี้มีพฤติกรรมที่อุบาทว์ขนาดไหน
ครืดดด...
ลิฟต์ตรงหน้าเปิดออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับคนที่อยู่ในนั้น
หนุ่มตัวสูงในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงบอล รองเท้าแตะคีบสีดำ ใส่ที่คาดผมสีดำ และที่ทำให้รู้สึกแปลกตาคือแว่นสีดำหนาเตอะที่เจ้าตัวสวมอยู่ แต่ก็เข้ากับรูปหน้าและสีผิวอย่างลงตัว
ไอ้นันท์!
“เห้ย!”
ผมกระโดดออกจากอ้อมกอดอันแสนจึ๊กกระดึ๋ยของไอ้กันต์อย่างรวดเร็ว และทำตัวให้มีพิรุธน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
เราสองคนสบตากันแบบงง ๆ คาดว่าอีกฝ่ายก็คงสงสัยกับสิ่งที่ได้เจอเมื่อตะกี๊ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมและไอ้เพื่อนสนิทข้าง ๆ และคงสงสัยอีกแหละว่าผมทำอะไรที่นี่
“เอ่อ มึง อ..อยู่คอนโดนี้หรอ”
โห โคตรจะพิรุธเลยไอ้นนท์เอ้ยยย ผมพยายามแล้วครับที่จะไม่ปล่อยโป๊ะออกไปแต่มันก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ
“อ้อ อืม”
ครับ คำตอบจากอีกฝ่ายก็มีอยู่แค่นี้จริง ๆ แถมมันยังมองหน้าผมและไอ้กันต์กลับไปกลับมา ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่อยู่เห็นอยู่ตรงหน้า
“พึ่งรู้นะเนี่ยว่าอยู่คอนโดนี้ด้วย งั้นไว้ว่าง ๆ เดี๋ยวชวนมาปาร์ตี้ด้วยกัน” ไอ้เพื่อนสนิทยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเองราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกฝ่ายพยักหน้าตอบกลับแบบงง ๆ และเดินผ่านไปโดยไม่มีคำบอกกล่าวใด ๆ
“เข้ามาสิครับคุณชาย จะให้กูรออีกนานมั้ย” ไอ้กันต์เข้าไปอยู่ในลิฟต์ตอนไหนก็ไม่รู้ มันตะโกนเรียกผมให้เข้าลิฟต์ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด ผมรีบแจ้นเข้าไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าหลังจากที่ได้สติกลับคืนมา ไอ้กันต์มันพูดอะไรสักอย่าง แต่ในหัวผมตอนนี้ไม่สามารถรับข้อมูลมาวิเคราะห์อะไรได้ชั่วคราวเพราะกำลังช็อคกับเหตุการณ์เมื่อครู่
ทำไมไอ้นันท์จะต้องมาเจอเราในสภาพอะไรแบบนี้ด้วยนะ!!!
----------
อีกบริเวณหนึ่งของคอนโด
ผมกลับมาถึงคอนโดคอนข้างเร็ววันนี้ เมื่อตอนเย็นบอกปฏิเสธกับน้ำใจว่าจะไม่ไปกินข้าวเย็นด้วยที่สามย่านเพราะรู้สึกขี้เกียจและไม่อยากฝ่ารถติดกลับคอนโด สภาพการจราจรบนถนนพระราม 4 ตอนเย็นวันศุกร์เป็นอะไรที่ไม่อยากจะนึกภาพ แค่คิดว่าต้องติดแหง็กอยู่บนถนนร่วมชั่วโมงก็หงุดหงิดแล้ว
ผมจัดการเปลี่ยนชุดนิสิตเป็นชุดเล่นธรรมดา เสื้อยืดสีขาว กางเกงบอล แค่นี้ก็พร้อมใช้ชีวิตตอนเย็นแล้ว ผมไม่ชอบใส่อะไรรุงรังในตอนเย็นเนื่องจากเป็นเวลาที่ควรจะได้ผ่อนคลาย เสื้อผ้าง่าย ๆ ก็พอแล้ว
ช่วงนี้รู้สึกค่อนข้างรำคาญผมที่ยาวลงมาจนเกือบถึงปลายจมูก ไม่มีเวลาว่างเข้าร้านตัดผมเลย เดี๋ยวก็ติดธุระ เดี๋ยวก็ติดเรียน บางทีก็ขี้เกียจ รู้ตัวอีกทีผมก็ยาวปิดหน้าปิดตาจนบางครั้งก็อยากจะไถออกให้หมดทั้งหัวไปให้มันจบ ๆ ดีที่ว่ามีที่คาดผมอยู่อันนึงในลิ้นชัก ปกติไม่ค่อยจะได้ใช้สักเท่าไหร่เพราะไม่เคยปล่อยให้ผมยาวจนขนาดนี้
กว่าจะหาเจอก็ใช้เวลาอยู่เกือบสิบนาที อย่างที่บอกไปครับว่าไม่ได้ใช้นานแล้วก็เลยต้องนึกอยู่สักพัก หาเจอแล้วผมก็จัดการคาดผมขึ้นไปด้านบน จัดแจงให้ผมไม่กระเซอะกระเซิง หลังจากจัดผมให้เข้าที่แล้วก็ยืนเช็กสภาพตัวเองหน่อย ไม่ค่อยชินลุคนี้ของตัวเองเท่าไหร่นัก ก็ไม่แย่ซะทีเดียว
แว่นสายตากรอบดำค่อนข้างหน้าที่วางอยู่บนโต๊ะก็ได้ย้ายมาอยู่บนหน้าเป็นที่เรียบร้อย หลายคนคงไม่รู้ว่าผมสายตาสั้น แต่ผมไม่ชอบใส่แว่นออกไปข้างนอกห้องเลยต้องพึ่งพาคอนแท็กเลนส์ในช่วงกลางวัน พอกลับห้องก็ค่อยใส่แว่นเอา แต่บางวันก็ไม่ได้ใส่คอนแท็กเลนส์ออกไปข้างนอกเพราะขี้เกียจ ซึ่งผมรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง มันจะทำให้สายตาแย่ลงไปกว่าเดิม แต่ก็ทำยังไงได้ล่ะ ขี้เกียจก็คือขี้เกียจ
“ชักจะหิวแล้วสิ”
ผมบ่นกับตัวเองไปพลางนึกถึงของกินไป ไม่รู้จะกินอะไรดีเป็นมื้อเย็น ผมไม่ใช่คนกินอะไรยากนักหรอกแต่ในบางครั้งก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าอยากจะกินอะไร
พอนึกไม่ออกมันก็มีหนทางเดียวก็คือลงไปร้านสะดวกซื้อใต้คอนโด ในยามที่ไม่รู้จะกินอะไรผมก็ต้องพึ่งพาร้านสะดวกซื้อนี่แหละ วันศุกร์อยากจะชิลกับตัวเอง ไม่อยากสั่งจากแอปเพราะรอนานแน่นอน จะไปเดินห้างหาของกินก็ขี้เกียจ
พอรู้จุดหมายแล้วผมก็หยิบคีย์การ์ด ออกจากห้องแล้วเดินตรงไปยังลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่าง จากชั้น 11 ลงไปก็ใช้เวลาไม่นานนัก ดีที่ว่าลิฟต์อยู่ชั้นใกล้ ๆ เลยไม่ต้องรอนาน
‘First Floor ชั้นหนึ่งค่ะ’
พอประตูลิฟต์เปิดออก ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกจากลิฟต์สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำเอางงไปนิดหน่อย
นิสิตสองคนที่อยู่กลุ่มเดียวกันกับผมในวิชาเสรีวันอังคาร นนท์กับเพื่อนของเขาที่น่าจะชื่อกันต์ถ้าจำไม่ผิด แต่ลักษณะการยืนของคนที่ชื่อกันต์ยืนสวมกอดอยู่ด้านหลังนนท์ที่ตัวเล็กกว่า มือโอบเอวซะแน่นเชียว แถมยังเอาหน้าซุกไปที่ขอของอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิด คล้ายกับว่า...กำลังไซร้คออยู่
“เห้ย!”
อีกฝ่ายกระโดดหนีออกจากอ้อมกอดอย่างรวดเร็วจนแว่นที่สวมเกือบหลุดออกจากปลายจมูก
“เอ่อ มึง อ..อยู่คอนโดนี้หรอ” เสียงที่ถามออกมาค่อนข้างจะทำให้สถานการณ์ดูมีพิรุธมากขึ้นไปอีก
“อ้อ อืม”
ผมตอบกลับไปแค่นั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ในหัวมีคำถามผุดขึ้นมาจนอยากจะถามออกไปว่าทั้งคู่อยู่ที่คอนโดนี้หรอ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
“พึ่งรู้นะเนี่ยว่าอยู่คอนโดนี้ด้วย งั้นไว้ว่าง ๆ เดี๋ยวชวนมาปาร์ตี้ด้วยกัน” คนที่ชื่อกันต์ทักทายด้วยประโยคเชิญชวน ผมหยักหน้าให้หนึ่งทีเป็นการตอบกลับ และเดินสวนออกมาเพื่อเดินไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นมาก
อย่าว่าแต่อีกฝ่ายที่พึ่งรู้ว่าผมอยู่คอนโดนี้ ผมก็พึ่งรู้เหมือนกันว่าทั้งสองคนก็อยู่คอนโดเดียวกันกับผม
ช่างบังเอิญซะจริง
แต่สิ่งที่ทำให้สงสัยกว่านั้นคือการที่สองคนนั้น...หยอก หรือพลอดรัก หรือจะเรียกว่าอะไรผมก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายเหมือนกัน มันบ่งบอกถึงสถานะส่วนตัวของทั้งคู่หรือเปล่านะ เพราะถ้าเป็นเพื่อนกันก็คงไม่น่าหยอกกันแบบนั้น จะให้ผมหยอกน้ำใจด้วยกันไซร้คอผมคงทำไม่ได้ อีกอย่างก็หน้าตาดีด้วยกันทั้งคู่ อีกคนตัวสูง ผิวขาว ดูเป็นลูกคุณหนูที่มีนิสัยขี้เล่น อีกคนตัวเล็กกว่า ผิวเข้มกว่านิดนึง ผมดัดลอน ก็ดูเข้ากันดีแถมอยู่คู่ด้วยกันอีกตอนมาจับกลุ่มกับผมและน้ำใจ
‘นี่เราคิดอะไรอยู่นะ’
ผมสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อสลัดความคิดในหัวออกไป สองคนนั้นจะคบกันในฐานะไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย จะไปคิดให้ปวดสมองทำไม