กฎแห่งสวรรค์ถูกทำลายลงทำให้สติปัญญาของพวกมนุษย์กลับมาแจ่มชัด งานเฉลิมฉลองต้อนรับผู้รักษากฎสวรรค์คนใหม่ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ จนทำให้ร่างที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
"...ตื่นแล้วเหรอ"
เทวาหนุ่มที่รับหน้าที่เป็นพยาบาลชั่วคราวเอ่ยทักแต่กลับรู้สึกว่าตนเองคุยกับอากาศ เมื่อมนุษย์ที่ฟื้นขึ้นมาดูจะงุนงง มองมือของตัวเองอยู่สักพักก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่น
"ไม่ ไม่ ไม่!!!"
เอสเตอร์กรีดร้องสะอื้นฮักเสียงดังลั่น
เป็นเขาเองที่ฆ่าแฮฟาน เป็นเขาเอง
"..ทำไม ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ทำไม ฮึก แฮฟานทำอะไรผิด พวกเจ้าถึงต้องฆ่าเขา" เอสเตอร์ปิดหน้าตัวเองสะอื้นจนตัวโยน
ความทรงจำบอกกับเขาว่าแฮฟานพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเคร่งครัดมาตลอด แม้แต่เขาก็ไม่คิดจะละเว้นกฎสวรรค์ ปล่อยให้ความจำเสื่อมไปตามกฎ
แต่ถึงอย่างนั้น..
"..ข้าเกลียดโลกใบนี้.."
เอสเตอร์ร้องไห้
"ข้าเกลียดโลกใบนี้!!!"
คำรามออกมาจนเทวาหนุ่มรีบถลาเข้ามาหาอย่างตกใจ พยายามพูดปลอบประโลมแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อร่างตรงหน้าคล้ายกับตกอยู่ในภวังก์ความคิดอันล้ำลึก
"..ทำไม ทำไมพวกเจ้าต้องฆ่าเขา!!! ทำไม!!"
เอสเตอร์ตะโกนแล้วกรีดร้องเสียงสูงไม่หยุด
ไม่มีที่ไหนในโลกนี้ที่มีความยุติธรรม!
แม้แต่ผู้ที่ดีที่สุด
โลกใบนี้ก็ไม่คิดจะปราณี
ความเมตตาอันสูงสุดของผู้รักษากฎเกณฑ์คนใหม่ที่ชาวสวรรค์สรรเสริญคือการอนุญาตให้นำมนุษย์ที่ตัวเองหลงรักขึ้นมาอยู่ด้วยได้แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อตกลงของสวรรค์แต่ก็นับเป็นวิธีที่ประนีประนอมและละมุนละม่อมกว่าผู้รักษากฎเกณฑ์คนเก่า
"..ขอทุกคนจงแสดงความยินดีให้แก่ท่านผู้รักษากฎเกณฑ์คนใหม่ของเรา! ท่านอีวาน!!"
เสียงเฮดังเกรียวกราดสลับกับวงดนตรีของชาวสวรรค์ที่เล่นอย่างครึกครื้น
ในวันนี้ชาวเทวาต่างพากันมาสังสรรค์ ป็นวันพิเศษที่ไม่ต้องทำงานทำการใดๆ นอกจากเฉลิมฉลองให้แก่ท่านอีวาน หรือเทวาที่มีหน้าตาหล่อเหลาและเต็มไปด้วยความเป็นมิตรที่สุดในงานนี้ วันนี้ท่านอีวานอยู่ในชุดสีขาวขลิบทองที่เอวห้อยดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงเป็นฝักสีดำของท่านแฮฟาน กำลังเดินสายไล่ชนแก้วสุรากับเหล่าเทวาอย่างเป็นกันเอง
โดยไม่ได้คำนึงเลยสักนิดว่าตัวเองได้ตำแหน่งมาได้อย่างไร
อีวานฮึมฮัมเพลงในลำคออย่างมีความสุข วันนี้นับเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้ กวาดสายตามองไปทั่วงานก็ยิ่งครึ้มอกครึ้งใจจนอดไม่ได้ที่จะชักชวนให้เหล่าเทวาออกมาเต้นรำ เอาให้วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดของชาวสรรค์ไปเลย!
หลังจากสงบสติลงได้เอสเตอร์ก็ออกจากกระโจมและพบกับงานสังสรรค์ที่ดูเลิศหรูอลังกาลประดับประดาไปด้วยอาหารและของตกแต่งมากมาย
"..."
เอสเตอร์มองภาพความครื้นเครงด้วยสายตายากที่จะเดาอารมณ์ น้ำตาของเอสเตอร์ยังคงหลั่งไหลอยู่ภายในแต่ภายนอกนั้นเหือดแห้งไปแล้ว ร่างโปร่งค่อยๆ พาร่างโซซัดโซเซของตัวเองเดินเข้าไปหาจุดที่เด่นที่สุดในตอนนี้ของชาวสวรรค์ โดนชนจนเกือบล้มหน้าคว่ำหลายครั้งแต่ก็พาตัวเองมาถึงอีวานได้
"..อ้าว มนุษย์!" อีวานหันมาเจอเอสเตอร์ก็ยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร "ขอบใจเจ้ามากนะ ที่ให้ความร่วมมือกับข้าเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องรออีกหลายพันปีเลยทีเดียว" ไม่ว่าเปล่ายื่นมือออกไปตั้งใจจะจับมือกับอีกฝ่ายเพื่อกระชับมิตร
แต่สิ่งที่อีวานคิดกลับไม่เกิดขึ้น เอสเตอร์มองมือที่ยืนมาด้วยสายตาเย็นเยียบ
"มีความสุขมากสินะ"
พูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ มองอีวานด้วยความเกลียดชังที่ระเบิดออกมาจากการสั่งสมมาทั้งชีวิตจนอีวานผงะถอยหลังอย่างตกใจ
หมอกมืดบางอย่างปกคลุมร่างของเอสเตอร์จนเกิดความขมุกขมัว อากาศรอบด้านคล้ายกับหวาดกลัวจนจางลงจนน่าใจหาย เสียงดนตรีครื้นเครงที่ตัวนำอย่างอากาศพลันหยุดลงจนเกิดความเงียบทั่วบริเวณ
เขาโดนกลั่นแกล้ง โดนเหยียดหยาม โดนทรยศ โดนฆ่า เขาไม่เคยโกรธ
"เจ้าทำมันได้ยังไง"
แต่เขาโกรธที่มันยืมมือของเขาในการฆ่าคนที่เขารักที่สุด
"ข้าถามว่าเจ้าทำมันได้ยังไง!!!"
เอสเตอร์คำรามเสียงดังลั่นจนอีวานสะดุ้งเฮือกมองร่างมนุษย์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นซาตานอย่างไม่เชื่อสายตา ตามตำราแล้วมนุษย์กลายเป็นซาตานได้ยากมากถ้าหากไม่มีเชื้อสายของซาตานหรือทำพันธะสัญญากับซาตาน
แต่ร่างที่เขามั่นใจว่าเป็นมนุษย์แท้ๆ กลับกลายร่างเป็นซาตานต่อหน้าเขา!
"..เขารักชาวสวรรค์เป็นที่สุด เจ้าไม่รู้หรือ"
นัยน์ตาสีดำของเอสเตอร์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงโกเมน ผิวสีขาวผ่องกลายเป็นสีดำขลับ ร่างกายค่อยๆ ยืดสูงขึ้นและเกิดอักขระซาตานแผ่ความโกรธความเกลียดชังรุนแรงออกมา ทำให้ชาวสวรรค์บางคนทรุดตัวลงกับพื้น แต่สิ่งที่เด่นชัดที่สุดกลับเป็นเขาคู่หนึ่งที่ค่อยๆ งอกมาจากหัวและบิดเกลียวกลายเป็นเขาแพะสีดำ
ณ เวลานี้ไม่มีอีกแล้ว
เอสเตอร์ มนุษย์ที่แสนอ่อนแอและอ่อนโยนที่แฮฟานรู้จัก
เหลือเพียงมนุษย์คลุ้มคลั่งจนสติฟั่นเฟือนที่พร้อมจะฆ่าทุกชีวิตของชาวสวรรค์ในคราบของซาตาน สิ่งมีชีวิตที่ขึ้นชื่อว่าชั่วร้ายที่สุดตั้งแต่โลกใบนี้ถือกำเนิดมา เคราะห์ดีที่พวกมันมีน้อยและถือกำเนิดใหม่ได้ยาก ไม่เช่นนั้นโลกใบนี้คงจะปั่นป่วน
ข้อมือบางที่แฮฟานชอบจุมพิตเบาๆ ยามที่เอสเตอร์หลับ สะบัดแรงๆ ครั้งหนึ่งก็ปรากฎดาบอันหนึ่งขึ้นมา
มันเป็นสีดำทมิฬ ประจุความชั่วร้ายแผ่ออกมาจางๆ
"..อย่าเอ่ยโทษข้า หาว่าข้าชั่วร้าย" เอสเตอร์หัวเราะเสียงดังกึกก้องสาวเข้าไปใกล้อีวานที่ตอนนี้กระชับดาบของอีวานแน่นและชี้มาทางเขาด้วยท่าทางองอาจ
แต่เอสเตอร์รู้ดีว่าภายใต้หน้ากากจอมปลอมนั่นกำลังกลัวจนตัวสั่น!
"อย่ากลัวไปเลย เพราะข้าจะฆ่าเจ้าแค่คนเดียว" เอสเตอร์หัวเราะคิกคักในลำคอแล้วตวัดดาบใส่อีวาน
เคร้ง!
พลังที่ต่างกันสุดขั้วปะทะกันจนเกิดแสงเจิดจ้า แต่ทั้งสองต่างไม่สนใจต่างฝ่ายต่างโรมรัมเข้ากันต่อ เกิดหลุมบ่อตามพื้น งานที่สวยงามค่อยๆ ถูกทำลายลงอย่างเชื่องช้า ความเกลียดชังของเอสเตอร์นั้นรุนแรงจนพื้นเมฆที่เหยียบกลายเป็นสีดำน่ากลัว
เป็นเวลานานชั่วกัลป์และน่าอกสั่นขวัญแขวนสำหรับเหล่าเทวาที่ต้องมาดูการต่อสู้ที่ทำลายทุกอย่างในอาณาบริเวณให้พังพินาศย่อยยับ แต่เคราะห์ดีที่มันไม่นานนักเพราะต่างฝ่ายก็ต่างไม่ใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งการต่อสู้
"..เจ้าแค่ไม่เข้าใจ" อีวานคำรามแล้วแทงดาบเข้าที่กลางลำตัวของเอสเตอร์
"ทำไมข้าต้องเข้าใจด้วยล่ะ"
ถามกลั้วหัวเราะจงใจไม่หลบจนดาบทะลุเข้าท้องและคว้านลึก
เอสเตอร์หลับตาลงและครางหนักๆ ออกมา
นี่สินะ ความรู้สึกของท่าน..
แสงสว่างเจิดจ้าแพร่เข้าไปในร่างสีดำของเอสเตอร์คล้ายกับปรสิตที่พยายามยึดร่างของเจ้าของร่าง มันกลืนกินร่างกายของเอสเตอร์อย่างรวดเร็วเพราะพลังที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
มันเป็นความเจ็บปวดที่มากจนยากที่จะจินตนาการถึง แต่เอสเตอร์ก็ไม่คิดจะแสดงความอ่อนแอออกมา
นัยน์ตาโศกสีโกเมนเอกทอดมองชาวสรรค์รอบกาย
แน่นอนว่าสายตาส่วนใหญ่คือสะใจและสมเพชที่เขาตายๆ ไปซะ
แต่จนแล้วจนรอดก็อดไม่ได้ สุดท้ายเอสเตอร์ก็หลุดสะอื้น
โลกนี้ช่างโหดร้ายกับผู้ที่ดำรงอยู่เหลือเกิน
ขาสองข้างสั่นเทาจนทรุดฮวบลงกับพื้น เมื่อมันกลายสภาพเป็นสีขาวก่อนจะค่อยๆ ปริร้าวเหมือนแก้วที่กำลังจะแตก เอสเตอร์ปิดหน้าหัวเราะ
"...ขอให้พวกท่านล่มสลาย"
เอสเตอร์ทิ้งตัวลงนอนกับพื้น มองท้องฟ้าที่เหนือไปกว่านั้นคือจักรวาลที่สีดำอันยิ่งใหญ่มหาศาลคล้ายกับดวงตาของเขาคนนั้น
"..ขอให้ข้าพบความสุข"
ทั่วสรรพางค์กายจนถึงคอแปรสภาพเป็นสีขาวซีดเหลือใบหน้าของเอสเตอร์ที่ยังคงมีสีเลือด
"..ขอให้ข้าพบความยุติธรรม"
น้ำตาสีแดงก่ำไหลออกจากดวงตาเพียงข้างเดียวเมื่ออีกครึ่งใบหน้าถูกกลืนกินไปแล้ว
"--ฮึก ขอให้ข้าพบเขา--"
ทันทีที่พูดจบร่างทั้งร่างของเอสเตอร์ก็ถูกกลืนกินจนคล้ายกับรูปปั้นที่ทำจากสีขาวก่อนที่จะปริร้าวและแตกสลายเป็นผุยผงในพริบตา
น่าเสียดายคำขอของเอสเตอร์ก็เป็นเพียงได้แค่ลมปากเท่านั้น
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่ต้องดาบศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณจะแตกสลาย
ไม่มีวันได้หวนคืนสู่วัฎจักรแห่งชีวิตอีก
ชาวสวรรค์จึงได้สันติสุขคืนมาอีกครั้ง
โลกยังคงดำเนินต่อตามเจตนารมณ์ของท่านโฟเทียส
ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
------------------
แรงบันดาลใจของเรื่องนี้จริงๆ มาจากแค่คำประโยคเดียวก็คือ 'ขอให้เจ้าสติฟั่นเฟือน'
รู้สึกมันอิมแพ็ค แบบฟังแล้วเจ็บถ้าเกิดสิ่งนี้กับใครเข้าจริงๆ เลยลองเอามาเขียนดู แต่พอเขียนๆ ไปก็พบว่ามันคุมยาก จบแบบที่ต้องการไม่ได้เลยต้องเพิ่มเงื่อนไขอย่างจดจำได้แค่วันเดียวอย่างที่น้องเอสเตอร์เป็นและปล่อยให้น้องสติฟั่นเฟือนแบบนิดหน่อยตอนสุดท้าย
ทำไมเรื่องนี้จบแบบนี้?
เพราะอยากเขียนถึงความอยุติธรรมของโลกใบนี้ค่ะ มีคนดีหลายๆ คนที่ต้องเสียชีวิตด้วยเหตุผลไม่เข้าท่า รู้สึกแย่กับสิ่งเหล่านี้จนอยากเขียนเรื่องสั้นทึมๆ เทาๆ มาสักเรื่องเพื่อระลึกถึงค่ะ
ปล. ติดตามผลงานอื่นได้ที่เพจค่ะ
https://www.facebook.com/FoggyTime/