ตอนที่ 25 เมื่อรักกลับมา The End
“พี่ปลาฮะตื่นๆเร็วๆฮะ “มัจฉาสะดุ้งตื่นแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงของเด็กน้อยทั้งยังถูกกระตุกผ้าห่มแบบไม่ตั้งตัว
“อะไรกันครับเฟีย “
“พ่อให้มาปลุกพี่ปลาล่ะ นี่เลยๆ”
เด็กชายตัวน้อยวิ่งไปดึงม่านข้างๆเตียงอย่างทุลักทุเลมัจฉาขำในความพยายามของเด็กน้อยตัวเล็กๆที่พยายามปล้ำดึงผ้าม่านผืนใหญ่ให้เปิดออก
จนเขาอดไม่ได้ที่จะลุกไปช่วยดึง ทันทีที่ผ้าม่านผืนใหญ่เลื่อนออกจากการบดบังทางสายตาภาพท้องฟ้ายามเช้าที่มีแสงอาทิตย์สาดมารางๆ
แม้ฟ้าจะยังไม่สว่างเต็มที่แต่แสงสีแดงอมส้มที่มีก้อนเมฆสีเทาดำบดบังอยู่เป็นช่วงๆมันก็สวยจนมัจฉายืนมองเพลิน
“พ่อบอกว่าพี่ปลาชอบมองฟ้า..ทำไมชอบฟ้าล่ะฮะฟียไม่เห็นจะชอบเลย “
มัจฉาละสายตาจากท้องฟ้าที่กำลังทอแสงอยู่หันมามองเด็กน้อยที่พูดจาฉาดฉานขึ้นทุกวัน
“เพราะฟ้าสวยไงครับ..อย่างตอนนี้เฟียมาปลุกพี่ปลาให้ดูฟ้าใช่ไหมล่ะ ..เฟียดูสิ..สวยไหม”
มัจฉาชี้ชวนให้เด็กน้อยดูดวงอาทิตย์ที่ยังไม่เปล่งแสงมากนักบางส่วนยังเล้นหลบอยู่ในเงาเมฆสาดแสงสีแดงอมส้มพาดผ่านไปทั่วท้องฟ้า
“ก็สวยฮะ”เด็กชายพยักหน้าเห็นด้วยว่าฟ้าตอนนี้สวย แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีที่พี่ปลาชอบท้องฟ้า ทำไมไม่ชอบแค่เขากับพ่อล่ะ
“แล้วพี่ปลาชอบเฟียด้วยไหมฮะ”
มัจฉาอดที่จะขำไม่ได้เมื่อได้ยินคำถาม บ่อยครั้งที่เด็กน้อยถามเขามันบ่อยจนเหมือนว่ามาเฟียไม่มั่นใจ ว่าเขารักเด็กน้อยคนนี้มากพอที่จะอยู่ดูแลกันไปตลอด
“เฟียครับ ความชอบกับความรักไม่เหมือนกันนะ..และความชอบแบบยังไงล่ะ ชอบคนกับสิ่งของมันก็ไม่เหมือนกันอีก “
“ยังไงฮะ”
“เฟียชอบพี่ยุ้ยไหมครับ”
“ชอบฮะพี่ยุ้ยใจดี “
“แล้วเจ้าโฮ่งของพี่ยุ้ยล่ะครับ”
“เฟียกลัวเจ้าโฮ่งฮะ ไม่ชอบ มันชอบกระโดดเข้าใส่เฟียอ่ะ”เด็กน้อยทำหน้ายู่เมื่อนึกถึงหมาตัวใหญ่ที่บ้านพี่ยุ้ยคราวที่ไปเยี่ยมพี่ยุ้ยคลอดน้องนาย
“แล้วถ้าพี่ยุ้ยกับน้องนาย เฟียชอบใครมากกว่ากันครับ”
“ก็....”
เด็กน้อยเริ่มตอบไม่ได้ก็เขาชอบทั้งคู่นี่นาพี่ยุ้ยใจดี ทั้งยังมีน้องนายให้เขาด้วยเขาชอบน้องนายเพราะน้องน่ารักตัวแดงๆน่ากอด
“หึหึ...บางอย่างเมื่อโตขึ้นเฟียจะเข้าใจนะครับ พี่ปลาจะบอกเฟียว่าพี่ปลารักน้องเฟียมากนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต พี่ปลาก็ยังรักน้องเฟียคนนี้เหมือนเดิมนะครับ”
มัจฉารวบเอาร่างเล็กๆนั่นมากอดเอาไว้พร้อมโยกไปมาเบาๆเหมือนปลอบประโลมเด็กน้อยขี้ระแวง สงครามมองคนที่เขารักสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง
เสียงคุยกันเบาๆทำให้เขายิ้ม เขารักมัจฉาตรงนี้มัจฉาใจเย็นและพร้อมที่จะคุยอธิบายให้ลูกเขาฟังทุกเรื่องโดยไม่เบื่อไม่คิดรำคาญว่าเป็นคำถามไร้สาระ
หรืออะไรแต่มัจฉาพร้อมที่จะพูดคุยและใส่ใจลูกชายของเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งเขาและมัจฉาได้ทำตามที่คุณหมอแนะนำ มาเฟียดีขึ้นเรื่อยๆ
ความสุขฉายชัดในแววตา มันทำให้เขาตกหลุมรักมัจฉามากขึ้นทุกวัน
“คนขี้เซาไปอาบน้ำได้แล้วไป...เฟียมาหาพ่อมา”
มัจฉาหันมายิ้มให้คนที่เข้ามาใหม่ เขามองผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่ชีวิตอย่างเต็มตา สงครามที่มีความอ่อนโยนใจดีเมื่ออยู่กับเขาและลูก
เป็นผู้ชายขี้อ้อนแต่ระแวงตลอดว่าเขาจะไม่รักพอๆกับลูกชาย มัจฉาส่ายหน้าทั้งอมยิ้มด้วยความเอ็นดูทั้งพ่อทั้งลูกที่ชอบกลัวว่าเขาจะไม่รัก
เขาอยากจะถามทั้งพ่อทั้งลูกว่ามันควรเป็นเขามากกว่าไหมที่กลัวแบบนั้น
“เดี๋ยวปลาตามลงไปนะครับขออาบน้ำก่อน”
“พี่อาบให้ไหม”
ทั้งน้ำเสียงทั้งสายตาที่ส่งมามันทำให้มัจฉาเขินจนทำอะไรไม่ถูก จนลูกชายตัวน้อยต้องลากแขนพ่อ ออกจากห้อง
มัจฉาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเขาหันไปมองวิวนอกหน้าต่างที่แสงแดดเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเป็นแต่ก่อนที่เขามองท้องฟ้าแบบนี้เขาคงจมอยู่กับความเหงาและเฝ้าร้องหาความรักที่หายไป
แต่ตอนนี้เขากลับยิ้มให้กับแสงตะวันที่ทอเข้ามาในห้อง เหมือนจะบอกเขากลายๆว่าเขามีครบแล้ว สิ่งที่เขาเรียกหามันกลับมาแล้ว
บนเก้าอี้ผ้าใบริมหาดส่วนตัวที่เงียบสงบ ลมเย็นๆพัดเอากลิ่นทะเลมาให้ครอบครัวเล็กที่หอบกันมาพักผ่อนวันหยุดยาวได้สูดดมกลิ่นไอของธรรมชาติ
บ้านพักหลังนี้เป็นของกันธร มันเป็นส่วนตัวมากแม้ว่าข้างๆจะมีโรงแรมชื่อดังอยู่รอบๆแต่กันธรก็เก็บบ้านหลังนี้เอาไว้ได้อย่างดี
ริมหาดทรายสวยที่ทอดยาว มีคนที่เขารักนั่งพูดคุยหยอกล้อยิ้มแย้มกันไปท่าทางสดใสของคนร่างบางกับเสียงหัวเราะของคนเป็นลูก
มันทำให้เขาต้องนึกย้อนไปหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นบทเรียนสำหรับเขาเป็นอย่างดี สงครามเดินเข้าไปร่วมวงที่กำลังสนุกสนาน
มะตูมที่ยังคงเด๋อด๋าแต่ก็เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา วันนี้เขาพาครอบครัวมาเที่ยวทะเล ที่ๆลูกชายเขาอยากมา
มัจฉาจะตามใจลูกชายเขาเรื่องการพักผ่อนและการเล่นอะไรไปเรื่อยตามวัยของเด็ก แม้ว่าบางครั้งลูกชายเขาจะโตกว่าวัยที่เป็น
นั่นเป็นเพราะผลกระทบจากอดีต ล่าสุดคุณหมอถึงกับชมว่ามัจฉาเก่งที่ทำให้มาเฟียดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเวลาอันสั้น
วันนี้เลยเหมือนให้รางวัลทั้งเมียทั้งลูก ที่ชอบทะเลทั้งคู่ ป๋องและมะตูม ก็ตามมาช่วยดูแลยายกิ่งที่ไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย
ครั้งนี้ก็ตามมาเพราะทนความคะยั้นคะยอของมัจฉาไม่ไหว รายนั้นอ้อนจนยายกิ่งที่ไม่ชอบไปไหนต้องเก็บกระเป๋าเสื้อผ้ามาเที่ยวทะเลด้วยครั้งแรกในชีวิต
รอยยิ้มจากหญิงชราคนที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆมันก็ทำให้เขาสุขใจได้มากเหมือนกัน
“มายืนยิ้มอะไรคนเดียวคะ”
“อ้าว..ยายกิ่ง..ผมกำลังนินทายายอยู่ในใจครับ หึหึ”
“นินทาคนแก่บาปนะคะ ...ไม่เข้าไปร่วมวงกับเขากันหรือคะคุณหนู”
“ผมแก่แล้วน่ายายไว้เรียกเจ้าเฟียดีกว่าไหมคำนั้นน่ะ”
“ไม่ว่าคุณเดียวจะแก่ไปแค่ไหนคุณเดียวก็ยังเป็นคุณหนูของยายเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ “
“ครับๆยายก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับจะได้อยู่กับพวกเราไปนานๆ”
สงครามคิดอย่างที่พูด ยายกิ่งไม่ใช่แค่คนดูแลเก่าแก่แต่ยายกิ่งเหมือนญาติสนิทที่ไม่เคยทอดทิ้งเขาเวลาเขาตกที่นั่งลำบาก
ยายกิ่งอยู่ดูแลเขาและลูกแม้ว่าตอนนั้นเขาและลูกจะไม่เหลืออะไรไม่มีแม้แต่เงินเดือนให้ยายกิ่ง
แต่หญิงชราคนนี้ก็อยู่ดูแลเขาสองคนจนมาถึงตอนนี้เขาก็อยากจะตอบแทนเต็มที่ๆเขาสามารถทำได้อย่างน้อยก็ดูแลส่งเสียมะตูมให้ได้เรียนสูงๆยายกิ่งจะได้ไม่เหนื่อยมาก
“สวยมากเลยนะคะทะเลน่ะ “ยายกิ่งหันหน้าออกไปทางชายหาดเหม่อมองไปไกลสุดสายตาคิดถึงคนที่จากไปแล้ว และมองกลับมาคนที่ยังอยู่
“คุณปลาเธอน่ารักนะคะ ยายไม่คิดว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนั้นจะมาทำให้คุณหนูของยายทั้งคู่มีความสุขในวันนี้ ดีจังที่ยายได้เห็นอะไรแบบนี้ก่อนจาก”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมพายายกิ่งมาพักผ่อนนะ ป่ะเดี๋ยวคุณหนูเดียวจะพายายกิ่งไปเดินเล่นที่หาดเนอะ”
สงครามพยุงร่างของหญิงชราที่ค่อยๆเดินออกมาบริเวณหาด ยายกิ่งดูแลเขามาตลอดถึงคราวที่เขาจะต้องดูแลยายกิ่งคืนบ้างแล้ว
“ยายกิ่งฮะ พี่ตูมบอกว่ามีแฟนแล้วฮะ “
“อ๊า!!! คุณหนูค๊า ตูมเปล่านะ แหะๆยายขา...ตูมแค่ล้อคุณหนูเล่นใครจะไปมีแฟนตอนนี้ต้องตั้งใจเรียนเนอะยายเนอะ “
มะตูมรีบแก้ตัวพัลวันเมื่อคุณหนูแกล้งฟ้องยายกิ่งจะอะไรซะอีก ก็คุณหนูน่ะบอกว่ามีแฟนแล้วทั้งๆที่คุณหนูพึ่งจะอยู่ชั้นประถมนะ แล้วมะตูมน่ะจะจบมหาวิทยาลัยอยู่แล้วจะแพ้คุณหนูได้ไงกันล่ะ
สงครามประคองให้ยายกิ่งนั่งลงข้างๆมะตูมที่นั่งเล่นทรายอยู่กับมาเฟียและมีมัจฉานั่งมองอยู่ใกล้ๆ เสียงสองยายหลานโต้เถียงกันขำๆ
ทำให้บรรยากาศรื่นเริงกว่าที่เป็น มาเฟียหัวเราะร่าถูกใจเมื่อเห็นพี่ตูมโดนยายเอ็ด
เด็กชายปีนป่ายขึ้นเก้าอี้ผ้าใบก่อนจะกระเถิบเข้าไปนั่งบนตักของมัจฉากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ร่างบางขยับลุกนั่งและโอบเอาเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมกอด
“พี่ปลาฮะเฟียอยากเล่นน้ำทะเล”
“ตอนนี้ยังเล่นไม่ได้ครับ แดดเริ่มแรงแล้ว เอาไว้ตอนเย็นๆนะพี่ปลาเล่นด้วยดีไหม”
“ดีฮะ แต่เฟียอยากเล่นไอ้ที่เห็นในทีวีเมื่อวานอ่ะ “
“อ๋อเจ็ทสกีเหรอครับ เฟียต้องโตกว่านี้ก่อนนะ ให้คุณพ่อพาเล่นเป็นไง พี่ปลาเล่นไม่เป็นหรอกครับ “
มัจฉานึกถึงรายการโทรทัศน์ที่เขาดูกับคุณหนูเมื่อวาน ท่าทางคุณหนูจะชอบกีฬาประเภทนี้ร่ำร้องอยากจะเล่นตั้งแต่เมื่อวาน
“เอางี้สิ พี่เห็นของทางโรงแรมนั้นเขามีให้เช่านะพี่รู้จักเจ้าของโรงแรมอยู่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ถ้าจะให้เขาเอามาส่งที่บ้านเรา พี่จะพาขี่ดีไหม”
สงครามออกความเห็นเขาอยากให้ทุกคนสนุกอะไรไรที่ทำได้เขาก็ไม่ห้ามเจ๊ทสกียังอันตรายเกินไปถ้าจะปล่อยให้ลูกเล่นลำพังแต่ถ้าเขาเล่นด้วยก็น่าจะดี เป็นกิจกรรมดีๆร่วมกันครั้งแรกเลยก็ว่าได้
…………………………
ร่างสูงใหญ่ของสงครามจัดแจงหาเสื้อชูชีพทั้งของเขาและของลูกชาย ขณะที่คนตัวบางยังง่วนอยู่กับการทาครีมกันแดดให้ลูกชายตัวน้อยของเขาเลยดูเหมือนเขาสองคนมะรุมมะตุ้มคุณหนูของบ้าน
“ปลาก็ทาด้วยนะครับเดี๋ยวผิวจะไหม้เอานะ..”เขาอดที่จะเตือนคนตัวบางด้วยไม่ได้เพราะเขาเห็นมัจฉาเอาแต่ห่วงลูกและเขาโดยลืมตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
“ครับๆปลาทาแล้วน่า คุณหนูครับ หันหลังมาหน่อยพี่ปลาจะทาครีมให้ คุณก็ด้วยทาที่หน้าหน่อยเดี๋ยวหน้าไหม้หรอก..น่าจะรอให้แดดร่มกว่านี้นะ”
มัจฉาอดที่จะบ่นไม่ได้ก็ว่าทีแรกจะรอแดดร่มๆค่ำๆค่อยเล่นแต่ทั้งคุณหนูและคุณพ่อก็ไม่ฟังเขาเลยต้องลากมาทาครีมก่อนลงเล่น
“มันเหนียวๆอ่ะเฟียไม่ชอบเลย ไม่ทาได้ไหมครับ”เสียงอ้อนๆของคนตัวเล็กไม่ได้ทำให้พี่ปลาของเขาใจอ่อน
“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวผิวไหม้มันจะแสบมาก..ต้องทานะ “
กว่าจะลงทะเลได้มัจฉาก็ปล้ำทาครีมทั้งพ่อทั้งลูก หาดส่วนตัวที่เงียบสงบเมื่อสักครู่ตอนนี้กลับมีเสียงวี๊ดว้ายของมะตูมและคุณหนูมาเฟีย ที่หัวเราะลั่นด้วยความสนุกสนาน
เจ็ทสกีสองลำที่แข่งกันขับฉวัดเฉวียนน่าเวียนหัว แต่สร้างความสนุกให้ทุกคนที่อยู่บนเครื่อง สงครามเป็นคนขับมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ข้างหน้า
และมัจฉานั่งกอดเอวเขาเอาไว้แน่นด้วยความกลัวอยู่ข้างหลังอีกลำมีป๋องเป็นคนขับซ้อนหลังด้วยมะตูมที่คอยทุบหลังป๋องทุกครั้งที่ป๋องขับเร็วๆ
เพื่อแข่งกับคุณสงครามท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของป๋อง และยายกิ่งที่นั่งมองทุกคนเล่นสนุก เวลาแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เธอรู้สึกสบายใจมากแล้วตอนนี้ ไม่มีอะไรให้เธอต้องห่วงอีกแล้ว
.................................
“กลับบ้านแล้วเฟียอยากไปหาคุณแม่ได้ไหมฮะ”มัจฉาฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อได้ยิน เขานึกมาตลอดเวลาว่าอยากจะพาคุณหนูไปหาคุณมายา
เพราะการรักษาที่ดีที่สุดและมั่นใจว่าคุณหนูจะหายและเดินไปต่อได้ คือการที่คุณหนูยอมรับคนเป็นแม่ได้เต็มหัวใจ
“ได้สิครับ”มัจฉากอดคุณหนูตัวน้อยเอาไว้ เขารู้สึกตื้นตันดีใจที่ความพยายามของเขามันกำลังจะเห็นผล
“แล้วก็เฟียอยากไปหาน้องนายด้วยเฟียคิดถึง “
“ได้เลยสุดหล่อ บอกมาว่าอยากไปไหนพี่ปลาจะพาไปเองเนอะ”
“คุณหนูขาไปนอนได้แล้วป่ะ เก็บแรงไว้พรุ่งนี้ไปเล่นเจ๊ทสกีกันอีกเนอะๆ”
“โห่..พี่ตูมอ่ะไม่เห็นต้องใช้แรงเลยมีแต่พี่ป๋องเล่นอยู่คนเดียว “
“แหมคุณหนูขาตูมยังไม่เอาจริงหรอกเชอะ”
“เอาล่ะๆ ไปนอนได้แล้วทั้งสองคนเลยนะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทันดูพระอาทิตย์ขึ้นโอเค้”
“คร๊าบๆ”เด็กชายรับคำพลางจูงมือพี่ตูมเข้าห้องปล่อยให้พ่อกับพี่ปลานั่งคุยกันที่เดิม
“เออ..จริงสิพี่เดียวครับ แล้วนี่พี่ยุ้ยจะมาทำงานได้เมื่อไหร่ล่ะครับ”
“ก็อีกสักพักเลยล่ะ ตอนนี้เห็นว่า ฝ่ายบุคคลเขาหาคนมาแทนชั่วคราวนะเริ่มงานพรุ่งนี้มั้งพี่ให้เจ้าธรดูให้ คงไม่มีปัญหาอะไร “
“อ้าวแล้วแบบนี้ถ้าพี่ยุ้ยกลับมาคนที่มาแทนจะทำอะไรล่ะครับ”
“น้องเขามาชั่วคราวครับเป็นสัญญาจ้างชั่วคราว ไม่มีปัญหาตรงนั้นหรอก เอ หรือว่าคนแถวนี้จะไปเป็นเลขาแทนพี่ยุ้ยน๊า”
“หึ ไม่เอาดีกว่าปลาขอทำตำแหน่งอื่นได้ไหม”
“ตำแหน่งอะไรดีล่ะ ตำแหน่งเมียท่านประธานนี่ก็ใหญ่สุดแล้วนะ “มัจฉาหมั่นไส้คนที่พูดเล่นได้หน้าตาเฉยกลับเป็นเขาเองด้วยซ้ำที่เขินจนไม่รู้จะพูดอะไร
“หึหึ..ดูแลลูกไปก่อนนะครับ เอาไว้เฟียขึ้นมัธยมเมื่อไหร่พี่จะหางานให้ปลาทำแน่นอนเนอะ “
“ขอบคุณครับ “
มัจฉายกมือไหว้ขอบคุณเขาอยากทำงานแต่ตอนนี้ยังไม่สะดวกแค่คุณสงครามรับปากว่าจะได้ทำงานเขาก็ขอบคุณมากแล้ว
บางทีอยากหาเงินเองบ้าง เงินเก็บตอนที่ยังเป็นพี่เลี้ยงให้คุณหนูเขาก็มีไม่มากนัก คุณสงครามก็โอนเข้าบัญชีให้ทุกเดือน
แต่เป็นเงินที่เยอะเกินกว่าค่าแรงที่ได้รับ เขาอยากใช้ความรู้ที่เรียนมาบ้าง จะได้เก็บไว้ให้พ่อด้วย
เงินจำนวนนั้นเขาคืนพ่อไปครึ่งหนุ่งเพราะพ่อไม่ยอมรับคืนหมด แต่เขาก็ไม่อยากให้พ่อต้องลำบากทำงานหนัก
เพราะดูๆแล้วพ่อเดินทางบ่อยมากๆเขาเป็นห่วงแม้ว่าอาปรานจะบอกว่าจะไม่ให้พ่อต้องเดินทางบ่อยๆแล้วแต่เขารู้จักพ่อดีว่าเวลาดื้อล่ะก็ไม่มีใครห้ามฟังหรอก
“คิดอะไรอยู่ครับเงียบเชียว หืม”สงครามรวบเอาคนตัวบางเข้ามากอดเอาไว้พลางซุกซบลงสูดกลิ่นกายหอมๆของคนรักอย่างไม่รู้เบื่อ
“คิดถึงพ่อครับ ป่านนี้ไม่รู้จะไปทำให้อาปรานปวดหัวแค่ไหนแล้ว”
“ไม่หรอกน่า พี่ว่าพ่อปูของปลาน่ะจะปวดหัวกับอาปรานของพี่มากกว่านะ หึหึ”
ทั้งคู่ประสานเสียงหัวเราะราวกับถูกใจนักหนาเมื่อนึกถึงคนคู่นั้นที่เวลางอแงก็ราวกับว่าเป็นเด็กอายุเท่ามาเฟียที่เอาแต่ใจ ทั้งคู่
//ปลาอย่าห่วงเลย อารักพ่อของปลานะ ไม่รู้สิเอาเป็นว่าอาจะไม่ทำอะไรให้ปูเขาต้องลำบากหรือแม้แต่ทุกข์ใจ อารับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชายชาติทหารเลย//
คำมั่นสัญญาของผู้พันปราการทำให้มัจฉาลอบยิ้มในหน้า เขาได้แต่หวังว่าพ่อจะมีความสุขเช่นกัน
“พี่เดียวไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวปลาลงไปดูยายกิ่งแป๊บนึง เหมือนยายจะไม่สบาย”
“ปลาอาบก่อนเถอะพี่ไปดูเอง เหนียวตัวไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกคนนะ ไปๆเดี๋ยวพี่ไปดูยายเองครับ”
สงครามดันหลังมัจฉาเข้าห้องไป ส่วนเขาเดินเลยไปอีกห้องที่ยายกิ่งพัก สงสัยจะไม่ชินกับอากาศยายเลยป่วยง่าย
เดี๋ยวนี้ยายกิ่งไม่ค่อยแข็งแรงนักอาจจะเพราะอายุที่มากขึ้น แต่เขาก็เห็นว่ายายกิ่งมีความสุขดี เขาก็ดีใจ
..................
เสียงฮัมเพลงเบาๆลอดออกมาจากห้องน้ำ ทำให้สงครามที่พึ่งจะเดินเข้าห้องมา ต้องชะงักฟังและสาวเท้าเดินไปตามเสียงเพลง
เขาค่อยๆเลื่อนประตูที่เป็นบานเลื่อนเบาๆก็พบว่ามันไม่ได้ล็อค ไอน้ำลอยวนจนกระจกในห้องน้ำเกิดฝ้าขาวๆราวกับมีหมอกจางๆในห้องน้ำ
สงครามถอดเสื้อผ้าอออกจากร่างกายอย่างช้าๆไม่เร่งรีบ ร่างบอบบางของมัจฉานอนแช่น้ำอุ่นเอนกายพิงพนักด้านหลังหลับตาพริ้ม
พลางร้องเพลงคลอเบาๆราวกับกำลังดื่มด่ำความสบายตัวและอารมณ์ที่ถูกปลดปล่อยออกไป
ร่างกำยำของสงครามที่เปล่าเปลือยปราศจากอาภรห่อหุ้มกายค่อยก้าวเข้าไปแล้วหย่อนกายลงแผ่วเบาในอ่างน้ำร่วมกับอีกคน
ที่ยังคงหลับตาฮัมเพลงอยู่อย่างนั้น มัจฉารู้สึกถึงแรงกระเพื่อมของน้ำจนต้องลืมตาขึ้นมองแล้วต้องยิ้มเมื่อเห็นอีกคนนั่งอยู่ตรงหน้า
ทั้งยังโน้มกายเข้าหาเขาทาบทับร่างกายแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามลงมาเบียดตัวเขาที่ยังนอนแช่น้ำอยู่
มัจฉายกแขนขึ้นทั้งสองข้างตวัดโอบรอบคอคนตัวโตที่โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากหนาประกบจูบแผ่วเบากับคนใต้ร่างที่แหงนเงยขึ้นรับจุมพิต
เสียงครางผะแผ่วเล็ดลอดจากลำคอของคนตัวบางทำให้สงครามกดกายเบียดลงแนบแน่นให้กายสัมผัสกายรับรู้ถึงความรักและความต้องการที่สื่อถึงกัน
มัจฉาแยกขาเรียวออกกว้างเพื่อเปิดช่องว่างให้คนตัวโตแทรกร่างลงมา มือหนาเฟ้นฟอนไปทั่วร่างเนียนนุ่มมือ ริมฝีปากยังประกบไม่ห่าง
ลิ้นร้อนๆแทรกกระหวัดรัดเกี่ยวลมหายใจอีกคนเอาไว้ดูดดึงช่วงชิงเอาริมปากของอีกคนไว้อย่างใจปรารถนา
“ฮื่อ..”
มัจฉาส่งเสียงประท้วงเมื่อลมหายใจเริ่มขาดห้วง สงครามถอนริมฝีปากให้คนตัวบางได้หายใจมือหนายังคงทำหน้าที่
ริมฝีปากเปลี่ยนเป้าหมายขบเม้มไปตามลำคอลาดไหล่และไหปลาร้า สองร่างเกี่ยวกระหวัดบอกรักกันผ่านภาษากาย
ความสุบลอยวนไปราวกับไอน้ำที่หมุนวนรอบห้อง สงครามอยากจะกอดร่างบางนี้เอาไว้ตลอดไม่อยากห่างไม่อยากให้ใครอื่นได้เห็น
เขาหวง อย่างที่ไม่เคยหวงแบบนี้กับใคร สิ่งที่เขาทำได้เพื่อตอกย้ำความมั่นใจว่ามัจฉารักเขาคือการบอกรักกันทุกวันทั้งภาษาพูดและภาษากาย
ที่ลูกปลาตัวน้อยในอ้อมแขนนี้ไม่เคยปฏิเสธเขาสักครั้ง และเพราะแบบนี้เขายิ่งรักคนๆนี้มากขึ้นทุกทีพอๆกับความหวงที่มีมากพอกัน
หลายคนอาจจะคิดว่าเขาไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะด้วยปัจจัยหลายๆอย่างมัจฉาต่างหากที่ควรกลัว แต่ถ้าคนที่คิดแบบนั้นได้รู้จักมัจฉาล่ะก็
จะเข้าใจเขาทันทีว่าเพราะอะไร ....เสียงกายกระทบกันดังก้องกังวานในห้องน้ำ เสียงครวญครางสุขสมของคนทั้งคู่ดังไปพร้อมๆกัน
ความร้อนแรงที่มอบให้ไม่เคยจืดจางมันยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนความรักของเขาทั้งคู่ ที่กำลังงอกงาม
.....................................
“อ่า..อย่างอนพี่เดียวเลยนะครับ ก็ปลาของพี่สวยเซ็กส์ซี่ขนาดนี้พี่จะอดใจไหวได้ไง รอบเดียวมันก็ไม่พอนี่นา “
เสียงอ่อยๆของคนตัวโตที่คลอเคลียอยู่ข้างๆในตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมารับอรุณของอีกวัน มัจฉานึกถึงเมื่อคืนเขาตามใจคุณสงครามในห้องน้ำ
ก็นึกว่าจะแค่รอบเดียวที่ไหนได้พ่อตัวดีเอาแต่ใจเรียกร้องจนเขาได้นอนตอนตีสาม และตอนนี้เขาป่วยเพราะเมื่อวานเล่นน้ำทะเลกลางแดด
แถมกลางคืนไม่ได้พัก ที่เขาหงุดหงิดไม่ใช่เพราะเรื่องสงครามรังแกเขาหลายรอบ จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกนักเขาเองก็เต็มใจ
แต่เหตุที่เขาหงุดหงิดคือทำไมพ่อคนตัวโตนั่นถึงได้กระดี๊กระด๊าร่าเริงไม่เจ็บไม่ป่วยสักนิด ผิดกับเขาที่ต้องนอนแบ่บอยู่บนเตียง ฮึ่ย..คิดแล้วมันน่างอนนานๆนัก
"ปลาอยากเล่นน้ำทะเลกับลูกนี่ ดูสิมาเที่ยวทั้งทีต้องมานอนอยู่กับเตียงไม่สนุกเลย”
สงครามสอดแขนลงไปใต้ร่างช้อนคนร่างบางขึ้นมาอุ้มเอาไว้แล้วพาเข้าห้องน้ำไป เขาจัดการทำความสะอาดให้มัจฉา
อาบน้ำล้างหน้าให้พร้อมฮัมเพลงโปรดในลำคอไปด้วยความสุข มัจฉาไม่บ่ายเบี่ยงเขาปล่อยให้คุณสงครามทำอย่างที่ต้องการ
เขาชอบเวลาที่คุณสงครามทำอะไรแบบนี้ให้ วันนี้เขานึกรู้ได้เลยว่าเขาคงไม่ได้เดินหรอกพ่อคนหน้าบานนี่คงอุ้มเขาทั้งวัน และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
.........
“คุณปลาดีขึ้นหรือยังคะ “หญิงชราเอ่ยถามขณะที่นั่งอยู่ริมระเบียงบ้านมองดูคุณสงครามและมาเฟียทั้งมะตูมและป๋องเล่นน้ำทะเลกันสนุกสนาน
“ปลาสบายดีครับยาย คุณเดียวก็โอเวอร์ไปงั้นแหละครับ ยายกิ่งน่าจะรู้”
“ฮ่าๆนั่นสิคะ เลยมีคนป่วยสองคนมานั่งคุยกันดูพวกลิงทะโมนเล่นน้ำแทน “
“แล้วยายล่ะครับดีขึ้นหรือยัง “
“ไม่ต้องห่วงยายหรอกค่า แก่แล้วก็แบบนี้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวไข้ แต่ตอนนี้ดีแล้วค่ะ เดี๋ยวยายไปยกขนมหวานมาให้นะคะ คุณปลาอย่าลุกไปไหนนะ เดี๋ยวคุณหนูสองคนมองขึ้นมาไม่เห็น คุณปลาจะเอะอะปล่าวๆ”
“ครับผม”
มัจฉายิ้มให้หญิงชราที่ปลีกตัวออกไป เขามองลงไปที่ชายหาด คุณพ่อตัวโตที่ปลุกปล้ำกับลูกชายตัวน้อยในทะเลโดยมีป๋องกับมะตูมเป็นคนเชียร์
กลับไปคราวนี้ก็มีอะไรรออยู่อีกมากมาย คุณหนูให้อภัยแม่แล้วตัวเขาเองก็เช่นกัน บาดแผลวัยเด็กมันต้องเยียวยาไปเรื่อยๆ
เขาเชื่อว่าเขาเข้มแข็งพอที่จะเผชิญกับปมที่ผู้อยู่ในใจเขาแล้ว คราวนี้เขาจะไปเยี่ยมแม่และ พี่กุ้ง ได้อย่างไม่มีอคติใดๆอีก
มัจฉาเอนกายลงพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลงพักสายตาพลางคิดถึงเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน กลับมาแล้วสินะ ความรักที่หายไป
เขาได้คืนมาหมดแล้ว และจากนี้เขาจะรักษาเอาไว้ให้ดี ไม่ให้หลุดหายไปที่ไหนได้อีก
มัจฉายิ้มให้กับตัวเองเมื่อมองเห็นทางข้างหน้าที่ชัดเจนขึ้น เขาโชคดีมากจริงๆที่ได้เจอคนที่รักได้รับความรัก
.........ความสุขอยู่แค่นี้ รักษาเอาไว้ให้ดีๆ มันก็จะไม่หายไปอีกแล้ว .........
.
.
.
..
The End ...........................
กราบขอบคุณคนที่ติดตามอ่านและมาเม้นท์ให้เป็นกำลังใจคนเขียน เรื่องราวของน้องปลาและพี่เดียวก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว
หากเป็นชีวิตจริงนี่คงเป็นจุดเริ่มต้นมากกว่า การใช้ชีวิตคู่ไม่ง่ายอย่างที่ใครๆคิด
เพราะงั้นพันวาขออยู่เป็นโสดไปอย่างนี้ก็แล้วกันค่ะ 555555555 วุ้ัยยไม่น่าเกี่ยวนะ
ตอนพิเศษรอนิดนึงนะคะ มีแน่นอน ของพ่อปูกับอาปราน และพี่เดียวกับน้องปลา ..ส่วนกันธรกับการันต์นั้น โปรดรอติดตามในเรื่องยาวนะคะ