บทที่ 42 : สมปองคนคิดมาก
รู้สึกเหมือนตัวเองมีประจำเดือนเหมือนผู้หญิงก็วันนี้นี่แหละ
น่าหงุดหงิดไปทุกอย่างเลยโว้ย
ผมนั่งทำตัวบัดซบอยู่ที่หน้าตึกคณะคนเดียว ส่วนเพื่อนๆ มันพากันไปซื้อขนมครับ ช่วงหลายวันมานี้รู้สึกได้เลยว่าตัวเองกลายเป็นสมปองขี้เหวี่ยง เป็นสมปองที่งี่เง่า เป็นสมปองที่น่าเอาไปลอยทะเลทิ้งมากๆ คือไอ้อาการทั้งหมดนี่ผมก็พยายามที่จะคีพลุคนะ เก็บมันไว้ข้างในแต่แบบบางทีมันก็ไม่ทนไม่ไหวอะ
เผลอด่าพี่สยามไปเมื่อเช้าด้วย
โคตรบัดซบ
คนที่โดนผมด่าก็เอ๋อแดกไปเลย มันก็คงไม่เข้าอะนะว่าผมด่ามันทำไม พี่สยามมันก็ไม่ได้อะไรนะ มันเข้าใจว่าผมหงุดหงิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ และผมเองก็ไม่คิดที่จะบอกมันด้วยว่าสาเหตุที่หงุดหงิดนั้นมันมาจากอะไร เพราะคิดว่าถ้าบอกไปอาจจะพาลให้ทะเลาะกันเปล่าๆ แต่เก็บไว้ในใจแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องดีน่ะนะ
จะทางไหนก็ปวดประสาทไปหมดเลยว่ะ
เหตุผลที่ผมหงุดหงิดก็คือเรื่องไลน์ที่แฟนเก่าพี่สยามส่งมาหามันนั่นแหละ ผมไม่รู้เลยนะว่าพวกเขานัดกันไปไหนและจะไปวันไหน หลายวันมานี้พี่สยามอยู่กับผมตลอด มาเรียนก็มาพร้อมกันเลิกก็กลับด้วยกัน กลางคืนมันก็อยู่กับผม คิดเหมือนกันนะว่ามันแอบโดดเรียนแล้วไปหารึเปล่าแต่คนอย่างพี่สยามเนี่ยะยังไงเรื่องเรียนก็สำคัญอยู่ละ
ไม่รู้เลยว่าจะไปหากันวันไหน
ครั้นจะถามมันไปตรงๆ เดี๋ยวถ้ามันสวนกลับมาว่าผมรู้ได้ยังไงก็จะชิบหายเลย แม่งรู้แน่ว่าผมดูโทรศัพท์มัน ไม่รู้ว่าพี่สยามจะปิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน อยากรู้เหมือนกันนะว่ามันจะเล่าเรื่องที่แฟนเก่าทักมาให้ผมฟังไหม ถ้าเล่านี่จะเล่าให้ฟังตอนไหน บางทีผมก็เบื่อตัวเองนะที่เก็บเรื่องทุกอย่างมาคิดมากแบบนี้ทั้งๆ ที่มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
แต่ขึ้นชื่อว่าถ่านไฟเก่าป้ะวะ
เติมเชื้อหน่อยก็พร้อมปะทุ
เฮ้อ....งี่เง่าจังวะปอง
มึงควรเชื่อใจพี่สยามให้มากกว่านี้รึเปล่า
"ปอง"
ผมหันไปตามเสียงก็พบกับสมแยมเพื่อนรัก "ว่าไงมึง แล้วลันตากับสีเทียนล่ะ"
"พวกพี่ขุนยืมตัวไปช่วยยกของน่ะ แต่กูเจ็บแขนไงก็เลยไม่ได้ไปช่วย" แยมบอกก่อนจะนั่งลงข้างผม "ว่าแต่มึงเถอะเป็นอะไร กูเห็นสีหน้าไม่ดีมาหลายวันแล้วนะ"
"มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยว่ะ"
"เกี่ยวกับพี่สยามหรอ"
"มึงรู้ได้ไง" เดาแม่นขนาดนี้ไปเป็นหมอดูได้เลยนะ บางทีเอาดีทางด้านนี้น่าจะเวิร์คก็ได้ ไม่ต้องเรียนละ ลาออกไปเลย
นี่ก็คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ
"อย่างมึงอะ จะมีเรื่องให้ไม่สบายใจสักกี่เรื่องกันเชียว ตกลงเป็นเรื่องพี่สยามจริงๆ สินะ"
ผมพยักหน้ารับเบาๆ "ก็ใช่แหละ คือตอนนี้กูกำลังงี่เง่ามากๆ เลยว่ะแยม กูไม่อยากเป็นแบบนี้เลย"
"เห้ยเอาหน่า คนเรามันก็ต้องมีฟีลงี่เง่าให้กับความรักทั้งนั้นแหละ" มือเรียวยกขึ้นแตะที่ไหบ่ผมเบาๆ "แต่ว่านะ บางอย่างถ้ามันทำให้รู้สึกเป็นทุกข์มากๆ ลองหยุดคิดถึงมันสักพักไหม อย่างน้อยก็จะได้รู้สึกดีขึ้น"
"กูก็ไม่ได้อยากจะนึกถึงหรอกแต่มันก็ห้ามไม่ได้ว่ะ" ไม่มีใครห้ามสมองตัวเองไม่ให้คิดได้ง่ายๆ หรอก ต่อให้สั่งตัวเองยังไงมันก็ทำไม่ได้อยู่ดี
บ้าบอชิบ
"เอาหน่ามึง....ความรักก็งี้แหละ"
นั่นสินะ
ความรักก็งี้แหละ
ผมไม่ได้มีแฟนมาสักพักมั้งมันก็เลยเป็นแบบนี้และก็คงเป็นเพราะผมรักพี่สยามมาก มากจนไม่รู้เลยว่าถ้าเสียมันไปตัวเองจะเป็นยังไง ผมเชื่อในทุกคำที่มันบอกนะ ทุกกระทำมันก็ชัดเจนมากอยู่แล้วแหละว่ามันรักผม แต่บางเรื่องมันก็อดกังวลไม่ได้ หรือช่วงนี้มันเป็นช่วงโปรฯ วะ
ก็ไม่น่าเกี่ยว
ช่างแม่ง เอาเป็นว่าผมจะไม่พยายามคิดโน่นคิดนี่ละกัน มันก็จริงอย่างที่แยมพูดน่ะนะ คิดไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เอาเวลาไปทำโน่นทำนี่ยังจะดีกว่า นี่ใกล้จะสอบมิดเทอมแล้วครับ ไม่รู้ว่าทำไมเวลามันผ่านไปเร็วแบบนี้ เหมือนเพิ่งเปิดเทอมแล้วเพิ่งกลับมาจากค่าย แปปเดียวจะสอบละ หลังจากหยุดยาวช่วงสอบก็จะต่อด้วยรับน้องและก็ประกวดดาวเดือนเลย
วันหยุดคืออะไรไม่รู้จัก
จริงอยู่ที่กิจกรรมมันก็อีก 2 เดือนแน่ะกว่าจะถึง แต่ว่าเราก็ต้องเตรียมโน่นนี่ก่อน อีกอย่างงานประกวดดาวเดือนเนี่ยะต้องทำงานร่วมกับคณะอื่นด้วย แม่งต้องเป็นอะไรที่ปวดหัวมากแน่ๆ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วอะ ผมยิ่งพูดกับชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่ ทุกวันนี้ก็มีแค่เพื่อนกับพี่สยามนี่แหละที่ฟังรู้เรื่อง
พูดถึงพี่สยามก็อยากเจอมันจัง
ได้เห็นหน้าสักแวบนึงก็ยังดี
"เออแยม ที่มึงบอกว่าพวกพี่ขุนเค้ามาให้ไปช่วยขนของนั่นมึงเจอพี่สยามป้ะ"
"ไม่นะ เห็นว่าอาจารย์ยกคลาสของพี่เค้ามั้ง ก็เลยจะไปทำงานอะไรสักอย่างนี่แหละ"
"ยกคลาสงั้นหรอ"
ทำไมพี่สยามไม่ไลน์มาบอกวะ
"เออปอง กูลืมไปเลยว่าต้องไปเอาตุ๊กตาที่สั่งทำไว้อะ มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยได้ป้ะ"
"ได้ดิ่ ที่ไหนอะ"
"แถวอารักษ์ศึกษาอะ ก็ไกลจากนี่อยู่แหละ แต่ว่าก็น่าจะกลับมาทัน"
"เออเอางั้นก็ได้ ไปยังไง"
"กูเอารถมา ไปเหอะ ได้รีบไปรีบมา" ว่าแล้วสมแยมก็เดินนำไปเลย ส่วนผมก็เดินตามหลังมันมาต้อยๆ ก่อนจะส่งไลน์ไปบอกลันตาว่าไปเอาของก่อนเดี๋ยวกลับมา
ถ้าไม่บอกมันก่อนเดี๋ยวมันด่าครับ
นี่เพิ่งรู้เลยนะว่าแยมมันมีรถด้วย สงสัยว่ากลับบ้านครั้งก่อนไปเอามามั้ง แหม่ แล้วไม่บอกใครเลยนะมึง น่าตบจริง แต่ว่ามันก็ไม่น่าแปลกหรอกถ้าเอารถมาแล้วไม่ได้มาใช้ ก็หอพวกผมแม่งใกล้แค่นี้เอง ที่มันเอารถมาใช้วันนี้ก็น่าจะเป็นเพราะว่าจะไปเอาของนี่แหละมั้ง เนี่ยะ มีการสั่งทำตุ๊กตาซะด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันต้องเอาไปให้พี่นมปั่น
อยากจะแหมๆ ๆ ๆ ๆ ให้ยาวไปถึงดาวอังคารซะจริง
ผมขึ้นรถของเพื่อนรักก่อนจะคาดเบลท์เรียบร้อย แยมมันก็ขับรถของมันไปเรื่อย เป็นทางที่ผมไม่รู้จักเลยอะ เอาจริงๆ ผมไม่ค่อยรู้นะว่าทางไหนมันไปไหนเพราะว่าผมไม่ค่อยได้ไปไหน
งงไหม
ช่างมันละกัน
ผมนั่งมองข้างทางพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทำไมอยู่ดีดีก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเฉยๆ วะ งานมันก็หนักแหละแต่ก็ไม่ได้หนักขนาดที่ทำให้รู้สึกเหนื่อย สงสัยเหนื่อยใจมั้ง ช่วงหลายวันมานี้ผมคิดด้วยนะว่าเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้คบกับพี่สยามผมรู้สึกสบายใจกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก ไม่รู้ว่าความคิดนี้มันมาได้ยังไง อาจเพราะมีแฟนเก่าพี่มันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล่ะมั้ง
เนี่ยะ คิดถึงเรื่องนี้อีกละ
บัดซบเอ๊ย
"เห้ยเดี๋ยววววแยม"
"หืม....อะไร"
"ชะลอรถแปปนึงได้ไหม แอบจอดตรงนี้ก่อนก็ได้" ผมบอกพลางมองเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งถ้าผมมองไม่ผิดมันคือ....พี่สยาม
พี่สยามกับแฟนเก่า
"เจอใครวะ" แยมมันแวะจอดรถไว้เยื้องๆ ต้นไม้ใหญ่ "ปอง...."
"แปปนึง" ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาพี่สยามทันที ตอนนี้ในใจมันเต้นตึกตักๆ มากเลยอะ ความรู้สึกแปลกๆ นี่มันคืออะไรวะ
(ฮัลโหล)
"อยู่ไหนอะ ยกคลาสหนิ" ผมถามพลางมองคนที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ในร้าน
(ใช่ยกคลาส คือกูมาซื้อของให้พี่ไทอะ เดี๋ยวกลับไปทำงานที่มอต่อ)
โกหกชัดๆ
"หรอ...."
(ครับ....เดี๋ยวงานเสร็จแล้วไปหานะ แล้วนี่มีเรียนใช่ไหม)
"อืม"
(ตั้งใจเรียนนะครับ แค่นี้ก่อนนะ)
"......" ผมกดวางสายก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ ตอนนี้กำลังโมโหครับ โกรธด้วยที่พี่สยามโกหกผม มาซื้อของให้พี่ไทอะไรล่ะ
นั่งกินข้าวอยู่กับแฟนเก่าชัดๆ
ไอ้ที่บอกว่านัดกันก็คงนี่แหละมั้ง จังหวะดีเลยนี่ยกคลาสพอดี หายไปผมก็ไม่สงสัยเพราะผมไม่รู้ ตัวมันเองก็ไม่คิดจะบอก ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรวะ แล้วมาโกหกกันอีก นี่ถ้าไม่มาเห็นกับตาผมก็จะโง่แบบนี้ไปเรื่อยๆ เนี่ยนะ
เสียใจว่ะ
ทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดี
"โอเคไหมปอง" แยมเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
ผมส่ายหน้าทันที "มันโกหกกู มันบอกว่ามันมาซื้อของแต่มึงเห็นไหมว่ามันนั่งกินข้าวกับแฟนเก่าอยู่ตรงนั้น"
"ใจเย็นๆ ก่อนนะมึง มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้"
"มันมีตั้งแต่โกหกกูแล้วอะ ถ้าบริสุทธิ์ใจก็น่าจะบอกกันดีดีป้ะวะ แล้วนั่นน่ะแฟนเก่าเลยนะมึง คนมันเคยรักกันมาก่อนป้ะวะ"
"แต่ตอนนี้พี่สยามเค้าก็รักมึงป้ะวะปอง" แยมมันยกมือขึ้นแตะไหล่ผม "ที่เค้าไม่บอกมึงเค้าอาจจะมีเหตุผลของเค้าก็ได้ มึงไม่เคยโกหกใครเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจหรอวะ คือบางอย่างอะมันต้องเล่าให้ฟังแน่ๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ยังไงกูก็อยากให้มึงใจเย็นๆ ก่อน"
"แต่....."
"ถ้าเค้าจะกลับไปหาแฟนเก่าจริงๆ ถ้าเค้าไม่จริงจังกับมึงจริงๆ ไอ้ที่เค้าทำมาทั้งหมดนั่นเค้าจะทำเพื่อมึงทำไม แค่หลอกฟันก็ไม่ต้องทำเยอะขนาดนั้นก็ได้ ถ้าแค่จะเอาชนะเค้าก็ทิ้งมึงไปแล้วก็ได้ ความรักอะปอง....ใจเย็นๆ ก่อนอย่าเพิ่งใช้อารมณ์กับมัน กูอยากให้มึงอดทนรอคุยกับเขาด้วยเหตุผลนะ"
ผมเงียบทันทีหลังจากที่แยมเตือนสติ เอาจริงๆ ก็จริงแบบที่มันพูดนั่นแหละนะ แต่มันก็ยังไม่รู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี โกหกมันก็คือโกหกป้ะวะ ถึงจะมีเหตุผลยังไงมันก็คือการโกหกอยู่ดี ผมว่าตัวเองคงต้องคุยกับพี่สยามไปตรงๆ ว่าอะไรมันเป็นยังไง หรือไม่ก็ต้องอดทนรอดูไปก่อนแบบที่แยมว่า
จิ๊....ปวดหัวชะมัด
"ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น กูจะอยู่ข้างๆ มึงเองปอง ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดมาก มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้"
ผมพยักหน้ารับคำ "เออ กูจะพยายามไม่คิดแล้วกัน ไปเอาตุ๊กตากันเถอะ ได้กลับไปเรียน"
"โอเค" ว่าแล้วแยมมันก็ออกรถส่วนผมก้ได้แต่นั่งสงบสติอารมณ์เงียบๆ
ถ้าพี่สยามมันมาหาผมตอนเย็นผมต้องทำหน้ายังไงอะ คิดไม่ออกจริงๆ ว่ะ แต่สิ่งที่รู้สึกตอนนี้คือมันแย่มาก มันแย่ไปหมด ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันที่คิดมากถึงขนาดนี้ด้วยนะ แม่ง....โคตรไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
ความรักมันน่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอวะ
ผม....ไม่รู้จะทำยังไงเลยจริงๆ
[บันทึกพิเศษ : สยาม]
"โกหกไปแบบนั้นจะดีหรอ ถ้าน้องมารู้ทีหลังจะแย่นะ"
"บางทีถ้าน้องรู้ตอนนี้ก็อาจจะแย่เหมือนกัน"
"สยามก็เป็นแบบนี้ตลอด น่าตบ"
ผมยกยิ้มให้คนตรงหน้า "เอาน่ะ เดี๋ยวเราจัดการเองละกัน ว่าแต่แซนด์เถอะ เรื่องราวมันยังไงไหนเล่ามาซิ"
"ก็เล่าให้ฟังไปหมดแล้วหนิ ไม่รู้จะเล่าอะไรแล้ว"
"ไม่ ที่เล่าให้ฟังวันนั้นคือคร่าวๆ ครั้งนี้ขอแบบละเอียดหน่อย"
"เฮ้อ...." ยังจะมาถอนหายใจอีก
น่าตบพอกันแหละว่ะ
ผมนั่งเท้าคางมองคนที่เคยเป็นทั้งเพื่อนสนิท เคยเป็นแฟน และตอนนี้เหมือนจะมาเป็นเรื่องชิบหายในชีวิตผมด้วย ผู้ชายตรงหน้านี้ชื่อแซนด์ครับ เป็นนักศึกษาแพทย์ที่ตอนนี้ควรจะอ่านหนังสือตาเหลือกอยู่ที่เมกาฯ ไม่ใช่มานั่งเขี่ยข้าวไปมาอยู่ตรงหน้าผม ไม่เจอกันมา 2 ปีกว่ามันดูเป็นไปเยอะเหมือนกันนะ
ดูกิ๊กก๊อกขึ้นเยอะด้วย
"เร็วแซนด์ เล่ามา....ทำไมอยู่ดีดีก็คิดจะย้ายกลับมาเรียนไทย"
"ก็....เบื่อแล้ว"
"นั่นไม่ใช่เหตุผลป้ะ" ผมหรี่ตามองมัน "บอกเรามาเร็วๆ แล้วนี่หนีมาไทยแบบนี้ พี่เยียร์ไม่ว่าหรอ ป่านนี้ตามหาพลิกแผ่นดินแล้วมั้ง"
"เค้าไม่สนใจเราหรอก" แซนด์เอ่ยเสียงเศร้าออกมาพลางยิ้มบางๆ "ถ้าเค้าสนใจเรา เค้าคงตามเรามาตั้งแต่วันที่เรามานี่แล้วแหละ"
ดราม่าอีก
ไม่ปลอบนะมีแต่จะตบซ้ำ
ผมนั่งมองแซนด์ทำหน้าเศร้า คือพี่เยียร์ที่พูดถึงเป็นแฟนของแซนด์ครับ ช่วงนึงหลังจากที่เราเลิกกันไปได้สักพักเนี่ยะแซนด์ก็ไปเจอรุ่นพี่ในมหา'ลัยคนนึง แล้วเขาก็ตามจีบมัน และก็รักกันคบกันอะไรทำนองนี้แหละ ตอนนั้นผมก็ยินดีกับมันนะ คือตอนที่เลิกกันก็เข้าใจดีว่ามันเป็นเพราะอะไรแล้วก็คิดว่ายังเป็นเพื่อนกันได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เราต้องตัดกันและกันออกจากชีวิต
ใครทำไม่ได้ผมทำได้
"เรื่องคิดไปเองนี่เก่ง" ผมเบ้ปากใส่ "รู้ได้ไงว่าเค้าไม่หาแซนด์"
"เค้าจะมาหาทำไม เค้ายุ่งเรื่องงานหมั้นโน่น"
"ตกลงพ่อแม่เค้าไม่ยอมจริงๆ ดิ"
"อืม....นึกถึงเคสของเราสองเลยว่ะ เหมือนกันเป๊ะ" เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "มันเป็นเวรกรรมป้ะวะสยาม"
"เวรกรรมชัวร์ๆ แต่ว่านะแซนด์ คือพี่เยียร์เค้าก็ดูรักแซนด์มากเลยนะ ก็ไม่น่าจะยอมหมั้นง่ายๆ ป้ะ"
"เค้าอาจจะรักเราก็จริง แต่ว่าเค้าก็ต้องรักครอบครัวเค้าด้วยใช่ไหมล่ะ คนเป็นลูกอะ....จะขัดพ่อแม่ได้ยังไง"
"แล้วแซนด์จะยอมแพ้หรอ ปล่อยให้ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ได้พี่เยียร์ไปเนี่ยนะ"
"ไม่ได้อยากยอมแพ้นะสยามแต่แบบ....เราจะเอาอะไรไปสู้วะ แพ้ตั้งแต่ท้องไม่ได้ละ"
เจอประโยคนี้ไปนี่จุกเลย
"มันต้องมีสักทางแหละ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราช่วยเอง ส่วนพี่เยียร์เราว่ายังไงเค้าก็ต้องเลือกแซนด์แหละ มั่นใจในความรักของตัวเองหน่อย"
คนตรงหน้าคลี่ยิ้มออกมา "แค่ความรัก....มันไม่พอหรอกสยาม รักกันอย่างเดียวมันม่ได้จริงๆ "
"อย่าเศร้าสิวะ"
"อยากเมาขึ้นมาทันทีเลย" ว่าแล้วคนตรงหน้าก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะไป เชี่ย อาการแบบหนักมากอะ
สงสารเลยว่ะ
ผมตกใจเหมือนกันนะที่เมื่ออาทิตย์ก่อนแซนด์มาหาที่ตึก มันบอกผมว่าจะย้ายกลับมาเรียนไทย บอกว่าตัวเองอกหัก แฟนจะทิ้งไปหมั้นกับผู้หญิง แต่วันนั้นอะยังไม่ทันได้คุยกันดีแต่ผมต้องเข้าเรียนก่อนไงก็เลยนัดกันไว้ว่าเดี๋ยวค่อยมานั่งคุยกัน แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่ผมเพิ่งจะเจียดเวลามาหามันได้ ส่วนไอ้วันก่อนๆ หน้าคือกกอยู่แต่กับเมีย
คนมันติดเมียนี่หว่า
พูดถึงเมีย....ผมทำเรื่องแย่ลงไปด้วยนะวันนี้ ผมโกหกน้องไปว่าตัวเองมาซื้อของให้พี่ไทเพราะไม่อยากให้น้องรู้ว่าผมอยู่กับแฟนเก่า สมปองน่ะมักทำหน้าไม่โอเคออกมาตลอดเลยเวลาที่ผมพูดถึงแฟนเก่าน่ะ คือคิดว่าต้องบอกน้องนั่นแหละแต่อยากนั่งอธิบายดีดีมากกว่า น้องจะได้เข้าใจ เรื่องวันนี้ผมต้องขอโทษน้องด้วยที่โกหกเขา
แต่ไว้จัดการทุกอย่างก่อนแล้วค่อยเคลียร์ทีเดียว
จะได้ไม่วุ่นวาย
"ไหวไหมเนี่ยะแซนด์"
"ไม่" แซนด์เงยหน้าขึ้นมามองผม "อย่าทำให้น้องปองเสียใจเหมือนที่เรากำลังเป็นอยู่ตอนนี้นะสยาม"
"รู้แล้วน่า ตกลงวันนี้ก็ยังจะไม่เล่าใช่ไหมว่าเรื่องทั้งหมดมันยังไง"
"ยังไม่อยากพูดถึงอะ"
"งั้นช่างมัน รีบๆ กินข้าวซะ เดี๋ยวไปส่ง จะรีบกลับไปทำงาน เดี๋ยวจะไปหาปองต่อด้วย"
"น่าอิจฉาจริงๆ เลยน้าคนมีแฟน"
"แซนด์ก็มีป้ะวะ"
"อย่าพูดถึงพี่เยียร์ได้ไหม" มันเบะปากจนสุด "จะร้องไห้"
เฮ้อ....ประสาทจะแดก
"รีบๆ กินไปเลย"
จะได้กลับไปหาปองสักที
[จบบันทึกพิเศษ : สยาม]
TBC.
สวัสดีค่ะชาลมาส่งหยัมปองแล้วหลังจากที่หายไปนานเลย ขอโทษด้วยที่มาดึกมากๆ นี่เพิ่งแต่งเสร็จสดๆ เลยนะคะ ยังไม่ได้ตรวจคำผิดอะไรเลยแต่เดี๋ยวจะไล่แก้ให้นะ
ก็อ่านแล้วก็อาจจะจับเรื่องชนปลายได้ถูกนะว่าอะไรมันเป็นยังไง แซนด์มาดีหรือมาร้าย พี่สยามกับสมปองควรจะทำยังไง เรื่องจะเป็นยังไงต่อรอติดตามน้า
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ