Special Rule #2
“เอ้าๆ เครื่องแกงตำเสร็จรึยัง”
“ผลไม้ปอกถึงไหนแล้ว”
“มีใครนึ่งปลารึยัง?”
ความโกลาหลในบ้านใหญ่ใจกลางเมืองของจอมทัพในวันนี้ยิ่งกว่าสมรภูมิรบ
พวกเขากำลังช่วยกันทำอาหารเพื่อเลี้ยงพระเพื่อความเป็นสิริมงคลในการ ‘เริ่มต้นชีวิตคู่’ ตามที่คุณแขไข มารดาของจอมทัพได้กล่าวไว้ นอกจากครอบครัวของจอมทัพ ครอบครัวของขวัญข้าว และกองทัพแม่บ้านขนาดย่อมแล้ว มารดาของเขายังเกณฑ์เอาน้าน้อย น้องแว่น น้องเลนส์ และน้องต้นกล้า แฟนของน้องแว่นมาอีกด้วย เรียกได้ว่ายิ่งกว่าวันรวมญาติเสียอีก
และที่ต้องรออยู่เกือบค่อนปีกว่าจะได้เลี้ยงพระเป็นเพราะมารดาของจอมทัพยืนยันว่าลูกชายของเธอจะต้องได้ฤกษ์ที่ดีที่สุดเท่านั้น
สรุปแล้วต่อให้เรียกว่าอะไร พิธีในวันนี้ก็ไม่สามารถมองเป็นอื่นได้นอกจากงานแต่งงานนั่นแหละ
ขวัญข้าวเงยหน้าขึ้นจากหม้อแกงขนาดใหญ่ที่กำลังเดือด แขนเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อที่กำลังไหลย้อยลงมาตามใบหน้า แต่มือใหญ่แย่งหน้าที่เขาโดยการเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับเหงื่อให้คนรักตัวน้อยอย่างเบามือ
“ร้อนมั้ยขวัญ? ยืนอยู่หน้าเตาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว? ไปพักก่อนมั้ย?” จอมทัพถามด้วยความเป็นห่วง ขวัญข้าวส่ายหน้า เขาไม่อยากปล่อยให้คนอื่นต้องทำงานเพิ่มในส่วนของเขา
“หิวน้ำมั้ยแว่น? อยากกินอะไรมั้ย?”
เสียงทุ้มของน้องต้นกล้าหรือกวินภพ คนรักของน้องแว่นดังขึ้น เจ้าของชื่อที่ยืนเฝ้าเตาข้างๆขวัญข้าวส่ายหน้า แต่กวินภพยังคงดึงดันจะให้คนรักดื่ม แว่นถอนหายใจก่อนจะก้มลงดูดน้ำจากหลอดที่ร่างสูงนำมาจ่อที่ริมฝีปากอย่างพร้อมบริการเต็มที่ ใช้พัดกระดาษขนาดเล็กปรนิบัติพัดวีให้ญาติผู้น้องของเขา ก่อนจะได้รับรางวัลเป็นการดุของคนตัวเล็ก
“พอเลยครับ ควันเข้าตาพี่ข้าวหมดแล้ว”
“ไม่เข้าหรอก ฝั่งนั้นก็พัด”
ขวัญข้าวเพิ่งสังเกตว่าขณะที่เขากำลังสนใจคู่รักนักศึกษาอยู่นั้น คนรักของเขากำลังใช้พัดลมมือถือขนาดจิ๋วที่คาดว่าน่าจะขโมยมาจากน้องโชเปล่าไล่ควันให้เขาเช่นกัน
ไม่น่าล่ะรู้สึกเย็นๆ
“ไม่ต้องก็ได้ครับพี่นาย ผมไม่ได้ร้อน...”
“ไม่ร้อนอะไรล่ะขวัญ เหงื่ออกเต็มเลย” จอมทัพแย้ง ยังคงไม่ยอมปิดพัดลมมือถือขนาดจิ๋วที่ประสิทธิภาพดีเกินหน้าตา
“พี่กล้า เลิกพัดได้แล้วครับ”
“ไม่เอาอ่ะ พี่นายยังพัดให้พี่ข้าวได้เลย”
กวินภพดึงดันด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกับจอมทัพไม่ผิดเพี้ยน คนตัวเล็กทั้งสองมองหน้ากันอย่างจนปัญญา เห็นได้ชัดว่าคนรักของพวกเขาไม่คิดจะมีใครยอมใคร
“น้องแว่นคะ คุณแม่มาแล้วค่ะ”
เด็กรับใช้คนหนึ่งในบ้านเดินมาแจ้ง แม่ของน้องแว่นต้องพาเลนส์ไปหาหมอตามนัดจึงบอกว่าจะขึ้นแท็กซี่ตามมาทีหลัง ถึงแม้ทั้งกวินภพและจอมทัพจะเสนอตัวไปรับก็ตาม
“พี่นาย ผมฝากดูเตาได้มั้ยครับ ถ้าน้ำงวดแล้วก็ปิดเตาให้หน่อยนะครับ”
ขวัญข้าวหรี่ไฟลงจนสุด แม้จะไม่คิดว่าน้ำแกงจะงวดก่อนที่เขาจะกลับมา แต่การมีคนเฝ้าหน้าเตาไว้ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจมากกว่า
“อื้อ วางใจได้เลย” จอมทัพดี๊ด๊าที่คนรักยอมให้ช่วยงาน ทางด้านน้องแว่น เด็กหนุ่มหรี่ไฟลงจนสุดเช่นกัน ก่อนจะหันไปหากวินภพ
“พี่กล้าไปยืนไกลๆเตาเลยครับ อย่าเกะกะพี่นาย”
“แว่นอ่า...ให้พี่ช่วยดูให้ก็ได้นี่” กวินภพเอ่ยเสียงอ่อย คนตัวเล็กกว่าเลิกคิ้ว
“ใครกันครับที่ทำสัญญาณไฟไหม้ดังเพราะต้มมาม่าเมื่อคืน”
“….”
ขวัญข้าวแอบรู้สึกสงสารคนรักของญาติผู้น้องไม่ได้ แต่ดูจากรอยยิ้มเผล่ของกวินภพ คำพูดของแว่นนั้นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเศร้าสลดแม้แต่น้อย
ขวัญข้าวเดินตามแว่นไปหน้าบ้านเพื่อทักทายมารดาของเด็กหนุ่ม น้องเลนส์ยืนนิ่งอยู่หลังมารดาของตน ยังคงไม่ปริปากพูดกับใครแม้แต่คำเดียว
ขวัญข้าวย่อตัวลงให้เสมอกับระดับสายตาของเด็กชาย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เลนส์ พี่มีคนอยากแนะนำให้เลนส์รู้จัก...”
“พี่ข้าววววววว”
ไม่ทันขาดคำ ลูกบอลเด้งดึ๋งพลังงานเต็มเปี่ยมก็กระโดดเข้าใส่ผู้ใหญ่ตัวเล็กจนขวัญข้าวเซวูบ เลขาตัวน้อยหัวเราะออกมา
เบาๆ ลูบกลุ่มผมหยักศกสีช็อกโกแลตของน้องโชอย่างเบามือ
“ตื่นแล้วเหรอครับน้องโช พอดีเลย นี่พี่เลนส์ เป็นญาติของพี่ พี่ฝากน้องโชพาพี่เขาเดินดูบ้านได้มั้ย?”
“จะดีเหรอลูก?” น้าน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เหลือบมองลูกชายคนเล็กที่ไม่หือไม่อือกับคำพูดใดๆของคนรอบข้าง ขวัญข้าวกัดริมฝีปากล่างของตนเบาๆ บอกตามตรง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มั่นใจว่านี่เป็นความคิดที่ดีหรือไม่ แต่จากที่เขาอธิบายสถานการณ์ให้ทั้งน้องโชและจักรภัทรฟังเมื่อคืน น้องโชดูจะตื่นเต้นกับความคิดที่จะได้ช่วยเหลือเลนส์มาก และถึงแม้จักรภัทรจะดูเคลือบแคลงใจ แต่ร่างสูงก็ไม่อาจขัดใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้
“ได้ฮะ!” น้องโชตอบอย่างกระตือรือร้น คว้ามือของเด็กชายอายุมากกว่า เลนส์สะดุ้ง พยายามสะบัดมืออกแต่น้องโชยึดมือของเด็กชายไว้แน่น ก่อนจะออกแรงลากเลนส์ไปสำรวจบ้านของตนตามคำขอของขวัญข้าว
ร่างเล็กมองตามเด็กชายทั้งสองไปอย่างเป็นกังวล ก่อนจะกลับไปทำงานของตัวเองในครัวต่อโดยมีน้าน้อยและแว่นตามมาติดๆ
“เหนื่อยมั้ยขวัญ” จอมทัพถาม บีบนวดไหล่บอบบางที่แข็งเกร็งจากการทำงานหลังขดหลังแข็งทั้งวันเมื่อพวกเขาได้โอกาสขึ้นมาพักหายใจที่ห้องของจอมทัพหลังจากเลี้ยงพระเพลเสร็จ ขวัญข้าวยิ้ม ส่ายหน้าให้กับคนรักอย่างอ่อนเพลียถึงแม้
เปลือกตาแทบจะปิดอยู่แล้วก็ตาม
“เดี๋ยวงานเลี้ยงตอนเย็นจะเริ่มแล้ว เปลี่ยนชุดเลยมั้ยขวัญ?”
จอมทัพหันมาถามคนรัก แต่เมื่อเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเริ่มปรือปรอยจะความอ่อนล้า ร่างสูงจึงตัดสินใจหยิบชุดของขวัญข้าวออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วจัดการลอกคราบคนรักอย่างเบามือ
“อือ พี่นาย ไม่เอาครับ ขี้เกียจอาบน้ำ...” ขวัญข้าวปัดป้องอย่างอ่อนแรง จอมทัพหัวเราะเบาๆในลำคอ
“คิดอะไรเนี่ยเรา พี่แค่จะเปลี่ยนชุดให้จะได้ไม่ต้องลุก”
คนเข้าใจผิดหน้าแดงก่ำ ทั้งจากความคิดเลยเถิดและการแทนตัวเองด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าของร่างสูง แต่ก็ยอมให้คนรัก
เปลี่ยนชุดให้แต่โดยดี
“อ้าว คุณมธุวัน คุณเมฆา สวัสดีครับ”
ขวัญข้าวทักทายด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเมื่อเห็นแขกทั้งสองในบ้าน ทีแรกร่างเล็กแอบสงสัยว่าทำไมทั้งสองมาด้วยกัน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคุณมธุวันควบเอาตำแหน่งคนขับรถให้กับลูกชายคนโตของท่านประธานมาเป็นหนึ่งในหน้าที่ของตนด้วย
“ยินดีด้วยนะ”
รอยยิ้มอ่อนจางที่หาได้ยากยิ่งประดับมุมปากของมธุวันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะอันตรธานหายไป
“ขอบคุณครับ” ขวัญข้าวยิ้มกว้าง รู้สึกถึงวงแขนของจอมทัพที่เพิ่งเดินตามมาสอดเข้ามาโอบเอวของตนไว้ ก่อนที่พวกเขาจะขอตัวไปทักทายแขกคนอื่นๆ ถึงแม้งานเลี้ยงช่วงเย็นจะห่างไกลกับคำว่า ‘เล็กๆ’และ ‘มีแต่คนกันเอง’ ในพจนานุกรมของร่างเล็กมาก แต่ขวัญข้าวก็ต้องยอมรับว่าในมุมมองของบ้านจอมทัพ นี่น่าจะเป็นงานที่เล็กที่สุดที่พวกเขาเคยจัดมาแล้ว
ด้วยความที่งานเลี้ยงนี้ไม่ได้ระบุอย่างเป็นทางการว่าเป็นงานแต่งงาน ขั้นตอนทั้งหลายจึงไม่ได้เป็นพิธีรีตรองอะไร เหมือนกับเป็นแค่งานเลี้ยงสังสรรค์ที่คนในงานมาอวยพรให้เขาเยอะเป็นพิเศษก็เท่านั้น
“พวกไอ้เอสส่งข้อความมาแสดงความยินดี พวกมันติดงานเลยมาไม่ได้” จอมทัพยื่นโทรศัพท์ให้ขวัญข้าวดู ซึ่งนอกจากข้อความอวยพรลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองสิบแปดบวกทะลึ่งทะเล้นของอคิราห์แล้ว เพื่อนคนอื่นๆของจอมทัพต่างก็แสดง
ความยินดีและอวยพรให้พวกเขามีความสุข เรียกรอยยิ้มให้กับคนอ่านได้เป็นอย่างดี
เพล้ง!
ขวัญข้าวหันกลับไปตามเสียงเมื่อเห็นว่าแขกในงานเผลอปัดจานตกแตก เหล่าคนรับใช้รีบกระวีกระวาดเขามาเก็บเศษกระเบื้องด้วยกลัวว่าคนเดินผ่านไปมาจะเผลอเหยียบเข้า
“เดี๋ยวผมไปเอาไม้กวาดกับที่ตักขยะมานะครับ” ขวัญข้าวรีบจ้ำอ้าวไปทางห้องเก็บไม้กวาดก่อนที่ใครซักคนในกลุ่มแม่บ้านจะโดนแก้วบาดมือเสียก่อน จอมทัพเดินตามไปช่วยคนรัก เมื่อร่างเล็กเปิดประตูตู้เก็บไม้กวาด พวกเขาทั้งสองได้แต่ยืนทื่ออ้าปากค้างกับภาพที่เห็น
ขวัญข้าวไม่มั่นใจว่ามธุวันกับเมฆากำลังพลอดรักหรือทะเลาะกันด้วยริมฝีปาก มือเรียวของเลขาร่างโปร่งขยุ้มกลุ่มผมสีดำสนิทของรองประธานร่างสูง แขนอีกข้างโอบรอบคอของเมฆาไว้พร้อมด้วยเรียวขาทั้งสองข้างที่เกี่ยวกระหวัดรอบเอวสอบอย่างมั่นคง ริมฝีปากเรียวบดขยี้เข้ากับริมฝีปากได้รูปอย่างร้อนแรงจนคนมองหน้าร้อนฉ่า ขวัญข้าวพยายามที่จะส่งเสียงแต่ไม่มีอะไรเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปาก มือเรียวของมธุวันละจากศีรษะของเมฆา เอื้อมไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักขยะแล้วยื่นให้เขา ร่างโปร่งเบือนหน้ามาทางพวกเขา เอียงคอเล็กน้อยเพื่อให้ริมฝีปากได้รูปของเมฆาลิ้มชิมผิวเนื้อบอบบางบริเวณซอกคอของตน ดวงตาสีเทาอมฟ้าไม่ได้มีแววตื่นตกใจกับการมาของขวัญข้าวแม้แต่น้อย
“ปิดประตูด้วยครับ”
“คะ…ครับ!”
ขวัญข้าวตอบรับเสียงสูง รีบรับไม้กวาดกับที่ตักขยะจากเลขารุ่นพี่ที่ยังคงเยือกเย็นในสถานการณ์ที่ไม่ควรแล้วรีบปิดประตูให้คนทั้งสองราวกับเป็นความผิดของเขาที่เปิดเข้าไปแต่แรก
“ถือว่าที่คุณหมอกเห็นเราตอนนั้นก็หายกันแล้วเนอะ” จอมทัพเอ่ยยิ้มๆ
ไม่อ่ะ...เขาไม่เห็นจะรู้สึกหายกับคุณมธุวันเลยซักนิด!
ขวัญข้าวแทบจะทรุดตัวลงไปกองกับพื้นจากความเหนื่อยหลังจากงานเลี้ยงจบลง ร่างเล็กเดินผ่านห้องของเล่นของน้องโชที่เด็กชายลากญาติผู้น้องคนเล็กของเขาเข้าไปตั้งแต่บ่ายก่อนจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของน้องโชที่คุยเจื้อยแจ้วอยู่คนเดียว ร่างเล็กตัดสินใจแอบแง้มประตูห้องเปิดออกเล็กน้องเพื่อลอบสังเกตสถานการณ์ภายใน
“พี่เลนส์ฮะ พี่เลนส์ชอบกินผลไม้อันไหนเหรอฮะ? น้องโชชอบสัปปะรดมากๆเลยฮะ! แต่มังคุดก็อร่อย ส้ม... แตงโม...กล้วย...”
น้องโชยังคงชวนคนอายุมากกว่าคุยราวกับว่าอีกฝ่ายสนใจที่จะสานต่อบทสนทนา สีหน้าของเลนส์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตลอดสองปีเจือไปด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ ขวัญข้าวรู้สึกใจคอไม่ดี แต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปแยกเด็กทั้งสองออกจากกัน เลนส์ก็ใช้นิ้วเชยคางมนของเด็กน้อยขึ้นแล้วใช้ริมฝีปากของตนปิดริมฝีปากรูปกระจับที่ขยับพูดไม่ยอมหยุด
“จะเงียบได้รึยัง?”
เสียงที่เขาไม่ได้ยินมานานถึงสองปีฟังดูเย็นเยียบจนขวัญข้าวแอบขนลุก น้องโชหุบปากฉับ ดวงตากลมโตสีช็อกโกแลตจ้องคนอายุมากกว่าตาแป๋ว ในดวงตาไม่มีแววของความหวาดกลัวหรือไม่พอใจสักนิด
แต่ขวัญข้าวไม่สามารถอยู่เฉยกับเหตุการณ์เมื่อครู่ได้
“น้องเลนส์! ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ!”
เดี๋ยวทั้งสองสะดุ้ง หันมาทางขวัญข้าวที่รีบคว้าเอาน้องโชมายืนด้านหลังของตัวเอง
“น้องเลนส์ครับ เรื่องแบบนี้ถ้าอีกฝ่ายเขาไม่ได้ยินยอมด้วย ห้ามทำเด็ดขาดเลยนะครับ”
เลนส์เพียงแต่มองเขาอย่างเงียบเชียบ แต่แววตาของเด็กชายไหววูบต่างจากความเฉยเมยที่ทำให้ขวัญข้าวนึกเป็นห่วงอยู่หลายครั้ง เด็กชายอายุมากกว่ายกมือขึ้นขยับเป็นสัญลักษณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีไปจากพวกเขาทั้งคู่
‘ขอโทษ’
ภาษามือสั้นห้วนแต่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ตัวเองทำ ซึ่งนั่นก็มากกว่าขวัญข้าวคาดหวังไว้มากแล้ว
แต่ให้ตายเถอะ เขาไม่น่าเอาน้องโชเข้ามายุ่งเลยจริงๆ
“ขอโทษด้วยนะครับน้องโช” ขวัญข้าวย่อตัวลงคุยกับเด็กชายตัวเล็กอย่างรู้สึกผิด น้องโชเอียงคออย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมเหรอฮะ?”
“….”
ขวัญข้าวใบ้รับประทานไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกได้ว่า สำหรับน้องโชที่เที่ยวกอดหอมจุ๊บคนนั้นคนนี้ไปทั่ว...เรื่องเมื่อครู่อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติเท่าไหร่
“น้องโชครับ ร่างกายของเรา ถ้าเราไม่ยอม ใครก็ห้ามแตะต้อง เข้าใจมั้ยครับ” ขวัญข้าวพยายามเรียบเรียงคำพูด “ถ้าน้องโชเจอใครที่พยายามจะจุ๊บหรือกอด แล้วน้องโชไม่อยาก น้องโชต้องไม่ยอมให้เขาทำ เขาใจมั้ยครับ?”
“ฮะ น้องโชรู้ ป๊ะป๋าเคยสอนน้องโชบ่อยๆ” เด็กชายตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอกฮะพี่ข้าว น้องโชไม่ถือ”
ขวัญข้าวไม่รู้ว่าควรจะยิ้มหรือร้องไห้กับความชิวของหลานชายคนรัก
“อ๊ะ พี่ข้าวฮะ พี่เลนส์ชอบกินผลไม้อะไรเหรอฮะ? น้องโชถามแล้วพี่เขาไม่ตอบ”เด็กชายเปลี่ยนเรื่องเร็วจนเขาตามไม่ทัน ขวัญข้าวขมวดคิ้ว
“ชอบเหรอ? แอปเปิ้ลล่ะมั้ง”
“ขอบคุณฮะพี่ข้าว”
น้องโชยิ้มกว้าง วิ่งหายไปจากตรงหน้าเขาก่อนที่ขวัญข้าวจะได้ห้ามปรามอะไร ร่างเล็กยกมือขึ้นนวดขมับ ก่อนจะกลับออกไปจากห้องของเล่นนั้น
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“มันไม่ตลกนะครับ!” ขวัญข้าวค้อนคนรักเมื่ออีกฝ่ายหัวเราะออกมาดังลั่นหลังจากฟังสิ่งที่เขาพูดจบ พวกเขานอนแผ่อยู่บน
เตียงขนาดใหญ่ของจอมทัพหลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ ความสบายตัวทำให้ขวัญข้าวนึกอยากจะปิดเปลลือกตาแล้วหลับเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เสียงหัวเราะของร่างสูงทำเอาเขาตื่นเสียเต็มตา
“เอาน่า เด็กๆเล่นกัน น้องเลนส์ก็ขอโทษแล้วไง"
จอมทัพเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“แต่ว่า...”ขวัญข้าวขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล
“ถึงจะเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่ฉันก็ดูออกว่าเลนส์เป็นเด็กดีนะขวัญ” จอมทัพแตะริมฝีปากลงบนขมับของคนรัก “ส่วนน้องโช...น้องโชเป็นเด็กที่ให้อภัยคนอื่นง่ายที่สุดที่ฉันเคยรู้จักแล้ว ขวัญไม่ต้องห่วงหรอก”
ร่างเล็กผ่อนคลายลงเล็กน้อยกับคำพูดของคนรัก ขยับซุกตัวเข้ากับแผงอกแกร่ง ใบหน้าขาวคลอเคลียคนรักด้วยความเคยชิน
“อยากเข้าหอแล้วเหรอครับขวัญ?”
เสียงทุ้มกระซิบถามอย่างหยอกเย้า มือใหญ่สอดเข้ามาใต้เสื้อนอนตัวหลวมของคนรัก นิ้วเรียวลากไล้ขึ้นไม้ตามแนวกระดูกสันหลังที่เรียงตัวสวยอย่างเชื่องช้า เรียกเสียงครางผะแผ่วให้หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของขวัญข้าวได้เป็นอย่างดี
“พี่นาย...ขวัญเหนื่อย...”
แต่การอยู่กับคนรักนานๆเข้าทำให้ขวัญข้าวก็มีวิธีออดอ้อนให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่เขาต้องการไม่ต่างกัน
“เหนื่อยเหรอครับคนดี...” จอมทัพเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของคนรักอย่างเบามือ “ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะครับ”
“แล้ว...พี่นายจะไหวเหรอครับ?”
ขวัญข้าวถามเสียงอ่อย จอมทัพหัวเราะในลำคอ รั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาใกล้ตนยิ่งกว่าเดิมก่อนจะกระซิบ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ รับรองว่าฮันนีมูนของเรา พี่จะทบต้น ทบดอก ถอนทุน กินกำไรจนขวัญลุกไม่ขึ้นไปหลายวันเลย”
“พี่นายอ่ะ ไม่พูดด้วยแล้ว”
ขวัญข้าวพลิกตัวหันหน้าหนีอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเขินอาย ซึ่งนั่นเปิดโอกาสให้จอมทัพซอกหน้าลงบนซอกคอขาว ลมหายใจอุ่นๆที่รินรดต้นคอทำให้ขวัญข้าวยุกยิกจากความรู้สึกวาบหวาที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
“ขวัญเป็นของพี่แล้วนะครับ”
“ขวัญก็เป็นของพี่มาตลอดอยู่แล้วนี่ครับ..”
ขวัญข้าวพึมพำ ซุกหน้ากับหมอนนุ่มเพื่อปกป้องใบหน้าที่แดงก่ำและรอยยิ้มเขินอายของตน
“บอกแล้วไงครับ ถ้าพี่นายอยากให้ขวัญอยู่ ขวัญก็จะอยู่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ขวัญคงต้องอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ”
จอมทัพกระซิบข้างหูเล็ก ขวัญข้าวอมยิ้ม หันกลับไปทาบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของคนรักเพื่อจูบราตรีสวัสดิ์เช่นทุกวัน
“ก้ฟังดูไม่เลวร้ายเท่าไหร่นี่ครับ”
THE END
//เนื่องด้วยปัญหาทางสุขภาพ นี่อาจจะเป็นตอนพิเศษสุดท้ายในตอนนี้ จะขอเทเวลาให้คุณหมอกค่ะ กลัวน็อคก่อนคุณหมอกจบ55555